ตลกร้ายใต้สะดือ

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.

  45 ตอน
  9 วิจารณ์
  53.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) สวรรค์ของหนุ่มๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       หลังจากอาบน้ำ ชำระคราบไคล บุญกอบก็สวมเสื้อเชิ้ตขาว สแล็คดำ อันเป็นชุดเก่งที่ยืมจากนายโมทย์ โดยรวมแล้ว มันก็เข้ากันดี แต่ถ้าจะมีจุดที่ตลกไปซักหน่อย ก็คงเป็นชายกางเกงที่ร่นลงมาถึงฝ่าเท้า เพราะเจ้าของอาภรณ์นั้นสูงกว่าหนุ่มหน้ามนพอสมควร 

 

“ เอ….จะว่าไป รูปร่างของเราก็ดูเข้าทีนะ ” บุญกอบยิ้มให้กับเงาของตนเองที่ฉายอยู่ในกระจกบานใหญ่ซึ่งแขวนติดกับต้นเสา แต่ชื่นชมได้ไม่นาน นายโมทย์ก็เดินเข้ามาตาม 

 

“ เฮ้ย แต่งตัวเสร็จรึยังวะ มัวแต่ส่องอยู่นั่นแหละ หล่อจนกระจกจะแตกอยู่แล้ว ” 

           

 

       บุญกอบฉุนกึกกับคำว่า….หล่อจนกระจกจะแตก มันทำลายความมั่นใจอย่างรุนแรง และในขณะที่จะหันกลับมาด่า เขาก็พลันตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อได้เห็นเพื่อนรักในชุด ร.ป.ภ.ที่รัดเข้ารูป 

 

“ โอ้…..ว้าว ถึงผิวของมึงจะดำเยี่ยงควาย แต่หุ่นกลับเท่บรรลัย ยิ่งใส่ชุดนี้ ยิ่งเท่ยกกำลังสอง อย่างกับพวกนักเรียนนายร้อยเลยว่ะ ” บุญกอบอุทานออกมาตรงๆตามสันดาน ทำเอาเพื่อนซี้ผิวหมึกนึกฉิวผสมภาคภูมิที่โดนด่าแกมชม 

 

“ ไอ้ห่า ถ้ามึงปากหมาอีกรอบ กูจะเลี้ยงข้าวเช้าด้วยส้นตีน ออกไปรอข้างนอกเลย ” นายโมทย์คาดโทษ พร้อมชี้ให้บุญกอบออกไปคอยหน้าห้อง 

 

“ ฮะๆ…..ได้จ้า ” บุญกอบรับคำอย่างว่าง่าย เพราะกลัวภัยจากฝ่าเท้า

           

 

      หลังจากเพื่อนรักจรลาไปแล้ว นายโมทย์ก็แอบส่องเรือนกายของตัวเอง เขาพบว่ามันดูดีจริงๆ และถ้ามองเผินๆ ไม่พิจารณาถึงยศตราที่ติดบนปกเสื้อ ก็ละม้ายคล้ายนายตำรวจหนุ่มที่เพิ่งจบโรงเรียนนายร้อยมาหมาดๆ 

 

“ ฮืม…..จะว่าไป หุ่นเราก็เท่บาดตาเหมือนกัน เหอ เหอ เหอ ” นายโมทย์กล่าวชมตัวเอง ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง 

 

………………….

          

      นายโมทย์และบุญกอบตัดสินใจขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอย พาหนะดังกล่าวใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงสถานที่ทำงานของเพื่อนผิวหมึก อันเป็นอาคารใหญ่

          

 

       อาคารแห่งนี้มีความกว้าง 5 คูหา สูง 4 ชั้น ด้านหน้าประดับเสาทรงกลมที่สลักลายมังกร มีประตูบานเลื่อนที่ทำมาจากกระจกขวางกั้น และติดฟิล์มเข้มจนมองสภาพภายในไม่เห็น เหนือทวารนั้น ปรากฏป้ายสลักอักษรภาษาไทยแกมบรรจง อ่านจับใจความได้ว่า…..ร้านอาหารฮวด เซ่ง เฮง 

 

“ เฮ้ย!....นี่มึงทำงานเป็น ร.ป.ภ.ที่ร้านอาหารนี้หรือวะ ” บุญกอบถามเร็วปรื้อ ท่าทางตื่นเต้น 

 

“ เออ….ร้านนี้ถือเป็นภัตตาคารอาหารจีนที่ดังระดับประเทศเลยนะโว้ย ” นายโมทย์ยืดอก เขาดูภาคภูมิใจ

 

“ ว้าว…สุดยอดไปเลย ที่นี่ใช่มั้ย ที่มึงจะฝากกูเข้าทำงาน ” บุญกอบถูมือไปมา เพื่อคลายอาการประหม่า

 

“ เออ….ไปกันเถอะ ไปพบกับผู้จัดการกัน ” นายโมทย์ตอบสั้นๆ พร้อมนำเพื่อนซี้เข้าสู่ภายใน 

 

………………….

          

       พอทั้งสองได้เข้ามา ก็ทำให้รู้ว่าด้านในนั้นดูสวยไม่ต่างจากหน้าร้าน อันที่จริง เลิศหรูอลังการกว่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟทรงกลมขนาดเท่าพัดลมที่แขวนติดเพดานหลายสิบดวง หรือจะเป็นโต๊ะไม้สักสีดำขัดมันที่วางเรียงรายนับสิบ ทั้งผนังก็บุด้วยวอลล์เปเปอร์สีแดงสลักลายทอง ทำให้บรรยากาศแบบไฮโซล่องลอยขึ้นมา

 

“ โห…..นี่มันร้านอาหารหรือวังเจ้ากันแน่ฟะ ทำไมอลังการงานสร้างขนาดนี้ ” บุญกอบอ้าปากกว้าง ตาค้าง และในวินาทีต่อมา ก็พลันปรากฏบางสิ่งที่ทำให้ตกตะลึงมากกว่าเดิม  

          

 

      สิ่งนั้นก็คือ…..บรรดาสาวเสิร์ฟนับสิบที่ซ่อนร่างได้สัดส่วนในชุดกี่เพ้าสีแดง ทุกนางล้วนมีอายุราวๆ 18-22 ปี อันเป็นวัยละอ่อนที่น่าขบเคี้ยว แถมยังมีใบหน้าสะสวย ทรงเสน่ห์ ขนาดอนงค์ที่ขี้เหร่สุด ก็ยังดูน่ารัก สดใส เลยทำให้สถานที่แห่งนี้กลายสภาพเป็นสวรรค์ชั้นฟ้าสำหรับหนุ่มน้อยใหญ่ได้ไม่ยาก 

 

“ อะ…เอ่อ…..น้องๆพวกนี้คือ…..” บุญกอบสะกิดนายโมทย์ที่เดินนำหน้า แต่เพื่อนรักกลับปัดมือทิ้ง พร้อมเร่งให้เดินไวขึ้น 

 

“ ไม่ต้องถาม รีบเดินตามมา ” 

            

 

       ไม่ทันที่นายโมทย์จะเดินถึงจุดหมาย ก็มีเสียงใสๆร้องทักเร็วจี๋ 

 

“ อ้าว…พี่โมทย์ ทำไมไม่ไปประจำที่ลานจอดรถล่ะ มาหาผู้จัดการหรือคะ ” 

           

 

       นายโมทย์หยุดกึก พร้อมหันไปหาบุคคลที่ร้องทัก เป็นผลให้บุญกอบต้องมองตาม และในเสี้ยววินาทีที่หนุ่มบ้านนาได้เห็นอนงค์นางนั้นแบบเต็มสองตา เขาก็หลงลืมทุกสิ่งที่เคยจดจำ ด้วยสาวน้อยนางนั้นเป็นหญิงวัย 18 ที่มีความสวยระดับนางงาม ไม่ว่าจะเป็นใบหน้ารูปไข่ที่ขาวนวล ดวงตาเรียวที่ดำขลับ จมูกโด่งเป็นสัน ปากบางได้รูป ผมยาวสลวยสีโค้กก็มัดมวยอย่างเป็นระเบียบ ทุกสิ่งดูเข้ารูปเข้ารอยจนแทบจะพูดได้เต็มปากว่า…..สมบูรณ์แบบ 

          

 

       แต่สิ่งที่ทำให้บุญกอบงงงวยจริงๆ มิใช่หน้าตาอันสะสวยของหญิงสาว แต่เป็นทรวดทรงสูงเพรียวได้รูปของเจ้าหล่อนต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปาคู่งามที่ปูดโปนใต้ชุดกี่เพ้าแนบเนื้อ หรือจะเป็นเอวเว้าคอด สะโพกผาย และที่น่าติดตามสุด เห็นจะไม่พ้น…..โคนขาอ่อนขาวผ่องซึ่งโผล่พ้นชายกระโปรงที่เว้าสูง 

 

“ นะ….น้องคนนี้คะ…คือ….คะ….ใคร…กันฟะ ไอ้โมทย์ ” บุญกอบสะกิดรัวๆ ปากก็ร้องถามเสียงสั่น แต่นายโมทย์ไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่กระทุ้งศอกเข้าไปที่สีข้างของเพื่อนรัก เพื่อปรามให้เก็บอาการระริกระรี้ พร้อมตอบคำถามของหญิงสาว 

 

“ ใช่ครับ ผมมาหาผู้จัดการ ว่าแต่แกเข้ามารึยัง น้องเฟิร์น ” 

          

 

      แม้บุญกอบจะเรียนมาน้อย แต่นาทีนี้ ไม่ต้องใช้วุฒิปริญญาตรี ก็ควรต้องรู้แล้วว่าสาวงามในชุดกี่เพ้าตรงหน้า มีนามว่า “เฟิร์น” ทว่าความต้องการของเขามีมากกว่านั้น จึงแทรกการสนทนาแบบหน้าด้านๆ 

 

“ เอ่อ....ขอแนะนำตัวหน่อย ผมชื่อบุญกอบ ตั้งใจจะมาสมัครเป็น ร.ป.ภ.ที่นี่ และอยากทำงานนี้มากๆ ” 

          

 

      บุญกอบยิ้มหวานให้สาวสวย แต่เธอกลับสนองด้วยการส่งยิ้มแหยๆให้ตามมารยาท ทางด้านนายโมทย์ ไม่ต้องสืบ ก็รู้แล้วว่าเขากำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยหงุดหงิดกับความไม่รู้จักกาลเทศะของเพื่อนซี้

           

 

       แน่นอนว่าบุญกอบยังไม่ยุติบทบาทของตนเพียงเท่านี้ เขายังเอ่ยถามสาวสวยต่อด้วยสำเนียงที่คล้ายจะหยอกเย้า 

 

“ น้องเฟิร์นทำงานที่นี่นานรึยัง ถ้ายังไง พี่ก็ขอฝากตัวด้วยนะจ๊ะ ” 

 

“ อ้อ…ค่ะ ได้ค่ะ ” สาวเฟิร์นพยายามฝืนยิ้ม แต่ภายในรู้สึกอึดอัดที่ถูกหนุ่มหน้าอ่อนแทะโลมด้วยวาจา 

          

 

       สาเหตุที่นายโมทย์รีบพาบุญกอบไปหาผู้จัดการ ก็เพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักมีนิสัยบ้ากาม และอาจจะเผลอทำรุ่มร่ามกับบรรดาสาวเสิร์ฟจนเสียโอกาสในการทำงาน เพื่อป้องกันไม่เหตุการณ์วอดวาย เขาจึงเล่นบทโหดด้วยการบิดใบหู แล้วลากให้เดินตาม อันดูไม่ต่างจากวัวควายที่ถูกสนตะพาย

 

“ ไอ้ห่า ยังไม่ได้งานนี้เลย เสือกสะเหล่อไปฝากตัวกับน้องเขาแล้ว ให้ผู้จัดการรับมึงก่อนสิโว้ย ” 

 

“ โอ๊ย…..เจ็บ แล้วมึงจะบิดหูกูทำไมฟะ ปล่อยนะ ” บุญกอบโวยดังและเดินตามเพื่อนรักหน้าเข้มอย่างว่าง่าย เพราะไม่ต้องการให้หูขาดตามแรงบิด 

         

 

      สองหนุ่มแดนอีสานมุ่งตรงไปที่ห้องผู้จัดการ ทิ้งให้น้องเฟิร์น สาวเสิร์ฟคนสวยยืนเอ๋ออยู่นานสองนาน พอตั้งสติได้ เธอก็เริ่มส่ายหัวไปมา พร้อมถอนหายใจเบาๆ 

 

“ เฮ้อ…..ท่าทางนายบุญกอบคงจะไม่ค่อยเต็มเต็งล่ะมั้ง ” 

 

…………………..

           

      พอสองเพื่อนซี้มาถึงหน้าห้องผู้จัดการ นายโมทย์จึงปล่อยให้บุญกอบยืนทำใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นเคาะประตู พร้อมร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่ดูสุภาพ 

 

“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก…” 

 

“ ผม นายโมทย์ ร.ป.ภ.ที่เฝ้าลานจอดรถครับ ผมพาคนใหม่มาสมัครงาน ” 

          

 

       ภายในเงียบอยู่อึดใจ คล้ายว่าจะไม่มีใครอยู่ในห้อง ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏเสียงแหลมใสของหญิงสาวดังออกมา 

 

“ เชิญเข้ามาได้ ” 

          

 

        นายโมทย์สำรวจเครื่องแต่งกายของตนเองและเพื่อนรักอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู เพื่อเปิดมันออก 

 

“ แอ๊ด……”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณชอบนิยายเรื่องนี้แค่ไหน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา