ตลกร้ายใต้สะดือ

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.

  45 ตอน
  9 วิจารณ์
  53.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) พิศวาสวิปริต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      บุญกอบตกใจสุดขีด เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ น้องแหววต้องเดินเข้ามาหา แล้วจะพบกับคราบโสมมที่เปรอะเปื้อนบนกำแพง

             

 

      หนุ่มอีสานดูลุกลี้ลุกลน เขาคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง จึงได้แต่ขายผ้าเอาหน้ารอดด้วยการวางชั้นในทรงโตบนราวตากผ้า จากนั้นก็แสร้งทำเป็นยืนพิงกำแพง เพื่อใช้ร่างกายบดบังความอัปยศที่ตัวเองก่อไว้  

             

 

       โชคดีที่หนุ่มหน้ามนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที สาวแหววเลยไม่รู้ความจริง จึงออกปากถามไถ่ด้วยสีหน้าที่ดูตื่นๆ 

 

“ อ้าว......พี่บุญกอบ เมื่อกี้คุยกับใคร ทำไมถึงร้องเสียงแปลกๆ เอ……สีหน้าก็ดูไม่ดีด้วย ” สาวแหววพูดจบ ก็ทำท่าจะก้าวเข้ามาหา

 

“ เอ๊ะ! ไม่ต้องเข้ามา หยุดตรงนั้นเลย ” บุญกอบร้องห้ามเสียงหลง สองมือยกสูงเป็นเชิงคัดค้าน

 

“ อ้าว......พี่บุญกอบห้ามหนูทำไม! ” แหววร้องถาม แต่ท่าทางที่ดูขึงขังของบุญกอบ ก็มีผลให้สาวร่างเล็กหยุดชะงัก

 

“ เอ่อ....อ่อ.....อ้อ….” บุญกอบเริ่มติดอ่าง หัวสมองที่แสนเชื่องช้าพยายามคิดหาคำตอบ แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ได้แต่อ้ำอึ้งจนสร้างความรำคาญให้กับคู่สนทนา 

            

 

       สาวแหววเริ่มติดใจ เพราะหนุ่มรุ่นพี่ดูมีพิรุธ แต่ไม่ทันได้ไถ่ถาม ดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง นั่นก็คือ……อาวุธประจำกายที่ปูดโปนเป็นรูปลำจนแทบดันตัวทะลุกางเกงยีนส์ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่านั่นคือมังกรคะนองศึกที่น่าจะอวบใหญ่มิใช่น้อย 

 

“ เอ๊ะ…นั่น ทำไมพี่บุญกอบถึงได้….คึกคักแบบนั้น ว้าย ว้าย ว้าย ดันผ่ามาเห็นอะไรก็ไม่รู้ ” สาวแหววนึกสับสน ใบหน้าขาวนวลเริ่มแดงซ่านด้วยเลือดสาว ท้ายที่สุด ก็ต้องหักใจ ละสายสายตาจากท่อนลำดุ้นโต

 

“ เชอะ….ไม่เข้าไปก็ได้ พี่นี่ท่าจะบ้า ชั้นไปดีกว่า เสียเวลาชะมัด ” หญิงสาวแก้เขินด้วยการแสร้งทำเป็นฉุน จากนั้นก็เดินหนี ทิ้งให้บุญกอบยืนงง ปากก็สบถกับตัวเองเบาๆ 

 

“ โอ้…ไม่น่าเชื่อ กูรอดมาได้ไง สงสัยจะสวมพระดี ” บุญกอบพูดจบ ก็ยกมือขึ้นจับหลวงพ่อวัด.......ที่แขวนอยู่บนลำคอ 

 

………………………..

             

       หลังจากทั้งสามอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ก็ชวนกันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านส้มตำ แม่ช้อย อันเป็นรถเข็นแผงลอยข้างถนน ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกที่พัก สายลมยามหัวค่ำพัดโชย สร้างความสดชื่น เย็นใจให้แก่สองหนุ่ม หนึ่งสาวที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติก

 

“ ว้าว..... มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย ” สาวแหววอุทานดัง หลังเห็น ลาบ น้ำตก ส้มตำปูปลาร้า อันเป็นอาหารจานเด็ดของชาวไทยที่ราบสูง 

            

 

        ส่วนด้านโมทย์ดูสดชื่นขึ้นมาบ้าง เพราะเริ่มคลายโมโห จึงเอื้อมมือไปตบไหล่ของแฟนสาว พร้อมกล่าวเสียงหวาน อันค้านกับบุคลิกที่แลน่ากลัว

 

“ ถ้าน้องแหววชอบ ก็กินให้เต็มที่ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ” 

 

“ ค่า.....น้องไม่เกรงใจแล้วนะ ” สาวแหววรับคำ จากนั้นก็ใช้ช้อนตักอาหารหลากหลายบนโต๊ะแบบพับได้ เพื่อลิ้มลอง 

             

 

        ขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังจู้จี้ บุญกอบก็ขรึมลงไปถนัดตา ดวงตาเรียวเล็กดูล่อกแล่ก  

              

 

       สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ แหวว ได้สวมเสื้อยืดสีชมพูที่รัดเข้ารูปซะจนทำให้ทรวงอกคัพ D ดันตัวออกมา ส่วนท่อนล่างปกปิดด้วยยีนส์ขาสั้นรัดรูปที่แนบเนื้อซะจนเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง ทว่าที่ร้ายกาจสุด ไม่ใช่รูปร่างที่ แต่เป็นความขาวระดับโอโม่มากกว่า ซึ่งสิ่งนั้นสามารถสะกดใจของชายทุกคนได้อย่างง่ายดาย 

          

 

        แน่นอนว่าผู้ที่กำลังลอบมองสาวแหววนั้นไม่ได้มีแค่บุญกอบ ยังรวมถึงลูกค้าชายที่นั่งอยู่รอบข้าง แม้กระทั่งกลุ่มชายฉกรรจ์ตรงวินมอเตอร์ไซค์ ก็พยายามจะส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้เช่นกัน 

              

 

       สิ่งที่เกิดกับแหวว ใช่ว่าโมทย์จะไม่รู้ แต่แทนที่เขาจะรู้สึกเคือง กลับภาคภูมิใจอย่างมากมาย เพราะหนุ่มมาดเข้มนายนี้มีทัศนคติแปลกๆ ประมาณว่า “สมบัติผลัดกันชม” 

             

 

      ทว่า ประการสำคัญที่ทำให้โมทย์รู้สึกดี กลับไม่ใช่แค่ความใจกว้าง แต่รวมถึงรสนิยมทางเพศที่สุดแสนประหลาด เขายอมรับว่า…มักเกิดอารมณ์ทุกครั้งที่แฟนสาวถูกหนุ่มอื่นเมียงมอง ยิ่งมีคนลวนลามแฟนสาวด้วยสายตามากเพียงใด ไฟราคะยิ่งพลุ่งพล่านมากเพียงนั้น และในตอนนี้ ชายมาดเข้มก็สัมผัสได้ถึงความปูดโปนที่เป้ากางเกง

 

“ อู้ย.... มองเมียกูกันเข้าไป ยิ่งมอง กูยิ่งแข็ง แน่นเป้าเหลือเกิน ” โมทย์ขบคิดในใจ พลางเอื้อมมือลงไปลูบคลำเป้ากางเกง เพื่อคลายความอึดอัดทางอารมณ์ 

           

 

       เหมือนใจตรงกันหรือสวรรค์สาปฟ้าส่งยังไงไม่ทราบได้ เพราะคนที่เกิดอารมณ์จากเหตุวิตถารแบบนี้ไม่ได้มีแค่โมทย์เพียงคนเดียว สาวแหววก็รู้สึกวาบหวิวเช่นกัน และในยามนี้ เธอรับรู้ถึงความฉ่ำเยิ้มที่เกาะกุมอยู่แถวเนินนาโหนกนูน 

            

 

ความรู้สึกคันในใจของทั้งสองหนุ่มสาวทวีความรุนแรง เป็นเหตุให้พวกเขาเงียบขรึมและตั้งหน้าตั้งตาซัดอาหาร ทำให้บรรยากาศดูหดหู่ ไม่ต่างจากการสวาปามในสุสาน

             

 

       อาหารมากมายบนโต๊ะหมดอย่างรวดเร็ว พอจบกิจ โมทย์ก็เลี้ยงตามสัญญา จากนั้นก็พากันเดินกลับบ้านพัก โดยมีหนุ่มหลากหลายวัยตามส่งน้องแหววด้วยสายตา

              

 

       ทั้งสามได้แต่จ่ำไปข้างหน้า โดยไม่มีการสนทนาใดๆ คล้ายมีอะไรอยู่ในใจ โมทย์และแหววเป็นฝ่ายนำ โดยมีบุญกอบตามหลังมาติดๆ แน่นอนว่าสายตาเรียวเล็กที่ซุกซนของหนุ่มอีสานย่อมต้องจับไปที่บั้นท้ายงอนงามภายใต้ยีนส์ขาสั้น  ซึ่งสะบัดไปมาตามจังหวะก้าวเดิน อันชวนให้น่าขย้ำอยู่ในที

 

……………………..

           

         ทั้งสามใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงที่พัก พอเข้ามาในห้อง โมทย์ก็กล่าวกับบุญกอบ ท่าทางร้อนรนจนดูมีพิรุธ 

 

“ เออ…เดี๋ยววันนี้ ขอนอนเร็วหน่อย เพราะรู้สึกเหนื่อย เอ็งไปนอนตรงมุมห้องที่ข้าจัดไว้ให้ ” 

             

 

       ต่อให้บุญกอบโง่แค่ไหน เขาก็รู้ทันทีว่าเพื่อนซี้ผิวหมึกอยากซัลโวแฟนสาวจนใจจะขาด สังเกตได้จากสีหน้าที่ดูแดงๆดำๆ ประกอบกับอาการกระสับกระส่าย แม้นึกอิจฉาเพื่อนรักที่ได้เล่นสาวสวย แต่ก็อดแสดงความยินดีด้วยไม่ได้ จึงตอบตกลง พร้อมแย้มยิ้มที่มุมปาก เป็นเชิงบอกว่า…….กูรู้ทันมึงนะ

 

“ โอเค ขอบใจมาก เพื่อน ขอให้มีความสุขนะโว้ย ข้าหลับก่อนล่ะ ” 

           

 

       หนุ่มมาดเข้มพยักหน้ารัวเร็ว จากนั้นก็นำเส้นลวดมาขึงที่กลางห้อง แล้วนำผ้าบางยาวมาวางพาดเป็นฉากกั้นแบบง่ายๆ พอเสร็จสรรพ ก็หันกลับมาสนใจเมียสาวที่กำลังปูฟูก ทำให้พบว่าสายตาคู่งามก็เหม่อมองมาเช่นกัน 

           

 

        เมื่อสองดวงตาประสานกัน พวกเขาก็เข้าใจในทันที จึงโผเข้ากอดกันแบบไม่ยอมให้เสียเวลา

 

“ อื้อ.... เบาๆ พี่โมทย์ ” สาวแหววร้องเสียงหลง เมื่อถูกหนุ่มมาดเข้มผลักไสจนล้มลงไปนอนหงายบนฟูกนุ่ม

            

 

        ทว่าหนุ่มมาดเข้มไม่ยอมให้สาวน้อยร่างเล็กได้ตั้งตัวติด เขาตะกายขึ้นทาบทับและกอดเอาไว้แน่น จากนั้นก็ประกบปากจูบ 

 

“ อื้อ..... ” สาวแหววเริ่มบิดส่ายไปมา พร้อมครางเบาๆ อันเป็นปฏิกิริยาที่ดูเร่าร้อน อาจเป็นเพราะเธอเริ่มเกิดอารมณ์ตั้งแต่ตอนที่ถูกหนุ่มนับสิบลอบมอง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจุดไฟให้ติดจากถ่านซึ่งกำลังคุกรุ่น

         

 

         มือไม้อันใหญ่โตและหยาบกร้านเริ่มตะโบมไปทั่วเรือนกายของหญิงสาว โดยเฉพาะภูเขาไฟคู่โต ดูจะถูกเคล้นคลึงเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดที่โดดเด่น

 

“ อา..... ซี้ด.... อู้ว.... เบาๆ พี่โมทย์ ” แหววร้องครางสลับซู้ดปาก ราวกับเพิ่งฟาดพริกเม็ดโตมาหมาดๆ 

           

 

        แม้สองหนุ่มสาวจะพยายามเปิดศึกสวาทแบบเงียบๆ ถึงกระนั้น ทุกกระแสเสียงล้วนวิ่งมากระทบโสตประสาทของบุญกอบ มิหนำซ้ำ ผ้าขาวที่กั้นเป็นฉากก็แสนบางจนทำให้เห็นฉากรักอยู่รำไร 

 

“ โอย…..ไอ้บ้าเอย ถ้าเจอหนังสดแบบนี้ทุกวัน กูจะหลับลงได้ยังไง ” หนุ่มหน้าอ่อนจากที่ราบสูงรำพัน พร้อมยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลซึมไปทั่วใบหน้าและลำคอ

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณชอบนิยายเรื่องนี้แค่ไหน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา