ตลกร้ายใต้สะดือ
เขียนโดย Jalando
วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.
แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) หวานใจนายผีดิบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ เออสิวะ เอ็งแปลกใจทำไม ” โมทย์เลิกคิ้วสูง
“ เอ่อ….ก็เพราะ…เอ่อ….” บุญกอบอ้ำอึ้ง เพราะไม่แน่ใจว่าควรตอบคำถามยังไง
“ เอ้า จะพูดอะไรก็ว่ามา…..มัวแต่เอ่ออยู่นั่นแหละ กูรำคาญ ” โมทย์เริ่มส่ายหัวไปมาสลับเกาศีรษะ ท่าทางหงุดหงิด
“ เอ่อ….ข้าก็อยากบอกนะ แต่ก็กลัวเอ็งโกรธว่ะ ” บุญกอบตอบไม่เต็มเสียง นายโมทย์เลยถอนหายใจด้วยความระอา พร้อมกล่าวเปิดทาง
“ เอ้า ก็บอกมาดิว่ามึงตกใจทำไม กูไม่ถือสาหาความหรอก ”
“ มึงแน่ใจนะว่าจะไม่โกรธ ” บุญกอบเหล่มองโมทย์ด้วยท่าทีหวาดระแวง
“ เออ กูไม่โกรธ มึงว่ามาซักทีเถอะ ” โมทย์กระแทกเสียง ประมาณว่า....ถ้ายังลีลา เจอหมัดตรงแน่ๆ
“ เอ้า บอกก็ได้ ที่กูตกใจ เพราะมึงแม่งโคตรจะน่ากลัวเลย ผิวดำอย่างกับพวกนิโกร แถมยังสูงยาว ล่ำสัน ไม่น่ามีสาวไหนมาหลงรักได้ ” ในที่สุด บุญกอบก็เผยความในใจ
ทันทีที่บุญกอบเปิดปาก ปฏิกิริยาแรกของโมทย์คือ….นิ่งเฉย วินาทีถัดมาคือฉีกยิ้มกว้างจนสุดหล้า ทำให้เห็นฟันขาวครบทุกซี่ ปิดท้ายด้วยการหัวเราะลั่นทุ่ง
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า..... ”
“ ฮะๆ ” บุญกอบนึกลุ้นอยู่ตลอดว่าเพื่อนผิวสีจะโกรธหรือไม่ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเราะได้ เขาก็เบาใจขึ้นและเริ่มหัวเราะตาม ไม่นาน ก็ลองเอ่ยถามตรงๆ
“ มึงไม่โกรธกูเหรอ! ”
ทันทีที่โมทย์ได้ยิน เขาก็หยุดชะงัก พร้อมตีหน้ายักษ์ ปากก็ตอบกลับแบบดุๆ
“ อันที่จริง กูโกรธสุดๆเลยว่ะ มาให้กูเตะปากเดี๋ยวนี้ ไอ้ห่าราก ”
เพื่อนผิวสีพูดจบ เขาก็กวาดแข้งยาวๆใส่บุญกอบ ด้วยความที่หนุ่มอีสานร่างสันทัดไม่ทันระวัง จึงโดนอัดเข้าไปที่ก้นเฟิร์มๆแบบเต็มตีน
“ ป้าบ....... ”
“ โอ๊ย! เจ็บ ” บุญกอบโดดผลุงด้วยความตกใจ แน่นอนว่าฝ่าเท้าที่สองกำลังตามมา ทว่าคราวนี้ หนุ่มภูธรไหวตัวทัน จึงหลบได้อย่างหวุดหวิด เป็นผลให้โทสะของนายโมทย์สูงกว่าเดิมจนเตรียมเข้าโรมรัน
บุญกอบก็ว่องไวสมกับเป็นอดีตนักมวย เขารีบเผ่นหนีออกจากห้องพักโกโรโกโส ปากก็ร่ำร้องเสียงหลงด้วยอาการขวัญเสีย
“ ซวยแล้ว ไอ้โมทย์บ้าไปแล้ว มันจะฆ่ากู ช่วยด้วย ”
แน่นอนว่านายโมทย์ไม่ยอมรามือ เขาวิ่งไล่ตาม พร้อมเอ็ดตะโรเสียงดัง
“ มึงอย่าหนีนะ ไอ้บุญกอบ มาให้กูเตะปากซะดีๆ ”
ไม่มีคนสติดีที่ไหนจะหยุดยั้งการวิ่งหนี ดังนั้นบุญกอบจึงห้อเต็มฝีเท้า ด้วยความที่เป็นอดีตนักกีฬา จึงทำให้โมทย์ไล่ตามไม่ทัน ไม่นาน หนุ่มอีสานร่างสันทัดก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าปากซอย
“ แฮ่กๆ หนีมาไกลขนาดนี้ มันคงไม่วิ่งตามมาแล้วล่ะมั้ง ” บุญกอบก้มตัวลงหอบเหนื่อย พลางเหลียวหลังเป็นระยะ โดยไม่สนใจกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์ที่จ้องมองเป็นตาเดียว
เมื่อเห็นว่าตนเองน่าจะปลอดภัย บุญกอบจึงคลายความระมัดระวัง แล้วพล่ามด่าตัวเอง
“ เฮ้อ.....เราหนอเรา ไม่น่าเห่าหอนเลย ทั้งที่รู้ว่ามันมีปมเรื่องสีผิวมาตั้งแต่น้อย ปากพาซวยโดยแท้ นี่คงต้องรอให้ไอ้โมทย์หายโกรธก่อน ถึงจะกลับห้องพักได้ เซ็งต่อไปอีกสามชั่วโมง ”
ไม่ทันที่บุญกอบจะได้ทำอะไรต่อ ก็ปรากฏเสียงหวานใสของหญิงสาวนางหนึ่งร้องทักจากด้านหลัง
“ เอ่อ….ขอโทษค่ะ เมื่อกี้พูดถึงพี่โมทย์…..รึเปล่าคะ ”
บุญกอบหันไปมอง เขาสงสัยว่าสาวที่ไหนมาถามถึงเพื่อนผิวสี พอพบพานเจ้าของเสียงหวาน ก็เป็นอันต้องตกตะลึงจนตาค้าง ในสมองลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเจ้าของเสียงหวานที่ร้องทักนั้นคือ…..หญิงวัยรุ่นนางหนึ่ง เธอซ่อนร่างเล็กบางในชุดเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีแดง อันเป็นยูนิฟอร์มประจำของโรงงานย่านชานเมือง แต่ที่ชวนตะลึง มิใช่รูปร่างหรือเครื่องแต่งกาย กลับเป็นใบหน้ากลมที่ขาวนวลและอ่อนเยาว์ของสาวเจ้า อันดูละม้ายคล้ายคลึงกับนวลอนงค์จากแดนล้านนา
บุญกอบได้แต่ยลใบหน้างามอยู่หลายอึดใจ ทำให้สาวเจ้าร้องทักทวงด้วยคำถามเดิม
“ ว่ายังไงคะ หนูถามว่า…..เมื่อครู่นี้ได้พูดถึงพี่โมทย์รึเปล่า ”
“ อะ…เอ่อ ใช่ครับ ” บุญกอบตอบตะกุกตะกัก มือไม้กวัดแกว่ง เพราะไม่รู้ว่าจะวางไว้ที่ไหน
“ งั้นดีเลย คุณคงจะเป็น……พี่บุญกอบ เพื่อนของพี่โมทย์ ใช่มั้ย! ” สาวน้อยร่างเล็กถามต่อ
“ อ้อ ใช่ครับ เอ๊ะ! น้องเป็นใคร แล้วรู้ได้ไงว่าพี่เป็นเพื่อนกับไอ้โมทย์ ” ถึงตรงนี้ บุญกอบเลิกเขินอายอย่างฉับพลัน แล้วหันกลับมาระวังตัว ด้วยก่อนเข้าเมือง เขาถูกเน้นย้ำจากผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ให้รักษาตัวดีๆ เพราะคนกรุงมักจะเจ้าเล่ห์แสนกล
ทว่าสาวน้อยร่างเล็กกลับยิ้มหวาน พร้อมตอบเสียงใส โดยไม่สนท่าทีหวาดระแวงของบุญกอบเลย
“ หนูชื่อ…แหวว เป็นแฟนของพี่โมทย์ค่ะ ”
“ หา!.....นี่น่ะหรือ….แฟนไอ้โมทย์ ไม่จริงน่า ” บุญกอบเลิกระแวงในบัดดล พร้อมร้องเสียงหลง เขายอมรับว่าตกใจปนอิจฉาที่เพื่อนผิวสีมีแฟนน่ารักขนาดนี้
……………………..
หลังแนะนำตัวเสร็จ แหววก็พาบุญกอบไปขอโทษนายโมทย์ ซึ่งเพื่อนผิวสีไม่อยากให้อภัย แต่เมื่อเมียรักขอร้องแบบนี้ จึงต้องยอมใจอ่อน
“ เฮ้ย รอซักครู่ เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน ” โมทย์กล่าวกับบุญกอบด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้ง อันบ่งบอกว่า….กูยังไม่หายโมโหนะ
“ อะ…เอ่อ….ตามใจมึงเลย ” บุญกอบตอบกลับแบบเจี๋ยมเจี้ยม อากัปกิริยาดูหวาดระแวงเล็กน้อย
“ เออ ” โมทย์กระแทกเสียง พร้อมถลึงตาใส่ จากนั้นก็หายลับเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากที่โมทย์จากไปแล้ว ทั้งห้องก็เหลือแต่สองหนุ่มสาว ด้วยความเขินอายประกอบกับเกรงใจ บุญกอบจึงพยายามไม่เหลียวมอง ถึงกระนั้น หางตาก็แอบชำเลืองน้องแหววเป็นระยะ
ส่วน แหวว นั้นดูกระสับกระส่าย เพราะอากาศในเมืองไทยร้อนมากจนแทบทนไม่ได้ ประกอบกับเธอยังอยู่ในชุดเสื้อกางเกงแขนยาวที่หนาทึบ ทำให้อึดอัดขึ้นเป็นเท่าทวี เมื่อถึงขีดสุด สาวร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืน พร้อมร้องบอกบุญกอบ
“ เดี๋ยวขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อากาศมันร้อนเหลือเกิน แหววทนไม่ไหวแล้ว ” พอพูดจบ สาวแหววก็ปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ประดับอยู่บนใบหน้า
“ อ่า…..เชิญครับ ” บุญกอบรับคำอย่างสุภาพ พลางคิดในใจว่า…แล้วจะมาบอกทำไม แต่เมื่อผ่านไปซักพัก เขาก็เข้าใจ เมื่อเธอออกปากพูดเป็นครั้งที่สอง ดวงตาขุ่นมัวด้วยความโมโห
“ เอ่อ ที่พูดมาหมายถึง….หนูจะเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ควรออกไปรอข้างนอก ”
“ อ่อ..ครับ ” บุญกอบสะดุ้งโหยง จากนั้นก็ฉุกคิดได้ว่า….มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่สาวๆจะมาเปลี่ยนชุดให้เห็นกันโต้งๆ จึงรีบลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกนอกห้องอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่บุญกอบออกมายืนตรงระเบียง แหววก็ปิดประตูตามหลัง พร้อมล็อคกลอนอย่างรวดเร็ว หนุ่มอีสานจึงส่ายหัวไปมา แล้วเดินไปนอกชายคา เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ซักพักก็เริ่มรำพันถึงสาวคนรัก
“ เฮ้อ..... คิดถึงน้องหวานเหลือเกิน เมื่อไหร่น้อ.... เราจะเก็บเงินได้มากพอ อยากมีเมียเต็มทีแล้ว”
ขณะที่บุญกอบเพ้อ ดวงเรียวเล็กก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น มันก็คือ…….เสื้อชั้นในสีชมพูที่แขวนอยู่บนราวตากผ้าข้างห้อง หนุ่มที่ราบสูงรู้ทันทีว่านั่นต้องเป็นของสาวแหววล้านเปอร์เซ็นต์
เจ้าสิ่งนี้เองที่ทำให้อารมณ์กระหายของชายหนุ่มผุดผงาด เป็นผลให้เกิดความคับแน่นที่เป้ากางเกง สองมือที่สั่นไหวค่อยๆเอื้อมไปหยิบชั้นในสีชมพูช้าๆ
“ ไม่นะ ไม่ นี่คือ….เมียของเพื่อน อดใจไว้ ไอ้บุญกอบ ไม่….” จิตฝ่ายดีร้องสั่งบุญกอบ ทำให้ชายหนุ่มแดนอีสานลังเลใจ ทว่าในวินาทีต่อมา จิตด้านชั่วก็แอบย่องมากระซิบ
“ ก็แค่หยิบมาตรวจดูเท่านั้น ไม่สึกหรออะไรหรอก จะไปผิดต่อเพื่อนมึงได้ยังไงวะ ไอ้บุญกอบ ”
สิ้นเสียงของด้านมืด สำนึกผิดชอบชั่วดีของบุญกอบก็แตกกระจาย เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบชั้นในสีชมพูที่วางล่อตา และเมื่อคลี่ออก ก็พบว่ามันมีขนาดที่ใหญ่กว่าที่คิด บ่งบอกได้ถึงความเหลือเฟือของสาวแหววได้เป็นอย่างดี
“ โห.... ว้าว มันเกินกว่าที่คาดไว้อีกนะ น้องแหววนี่ซ่อนรูปเสียเหลือเกิน ” บุญกอบเริ่มพล่ามรำพัน ดวงตาสำรวจชั้นในที่อยู่ในสองมืออย่างเมามัน น้ำลายเริ่มไหลย้อยจากมุมปาก เพราะถูกความกระหายเข้าจู่โจมหัวใจ ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก
“ แอ้ด..... ”
“ เอ๊ะ! ” บุญกอบสะดุ้งตกใจ เขารีบหันกลับมามอง จึงพบว่าบุคคลที่เดินออกมาก็คือ.....น้องแหวว เธอกำลังตีหน้าเครียด ปากก็ไถ่ถามบุญกอบ น้ำเสียงแลขุ่นๆ อันแฝงแววไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ พี่บุญกอบจะทำอะไรกับชั้นในของหนู บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ”
บุญกอบเริ่มหน้าเสีย ท่าทางเหมือนผู้ร้ายที่กำลังจนมุม ในใจนึกท้อแท้ เพราะเข้าใจว่า...ตนคงต้องนอนข้างถนนในคืนนี้ ด้วยถูกเพื่อนรักอัปเปหิ โทษฐานที่คิดไม่ซื่อต่อว่าที่เมีย
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ