โอสถกำหนดสรรพสิ่ง
-
เขียนโดย จอมยุทธ์เร่ร่อน
วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.36 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
2,994 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561 14.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ความโชคดี? ของเด็กหนุ่ม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหมู่บ้านผิงอัน ตั้งอยู่บริเวณส่วนนอกของแผ่นดินเปลวพิรุณ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามแผ่นดินใหญ่บนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มีอาชีพเพาะปลูก ทำไร่นา รวมถึงการเก็บของป่าขาย ที่อยู่อาศัยของชาวบ้านถูกสร้างอย่างเรียบง่ายจากแผ่นไม้ที่นำมายึดติดกัน กลายเป็นบ้านหลังเล็กๆพอให้ครอบครัวหนึ่งสามารถอาศัยอยู่ได้
แม้แผ่นดินนี้จะถูกเรียกว่าแผ่นดินเปลวพิรุณ แต่แสงแดดที่ร้อนระอุดูจะขัดกับคำเรียกขานนั้นเหลือเกิน เว้นแต่ภูเขาลูกหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังหมู่บ้านผิงอัน แสงแดดส่องผ่านต้นไม้ที่ขึ้นเรียงรายกันอย่างหนาแน่น ทำให้แสงที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งอ่อนกำลังลงเป็นเพียงแสงแดดจางๆเท่านั้น เมื่อรวมกับเสียงสายน้ำและเสียงหมู่มวลวิหกแล้ว ที่แห่งนี้จึงดูเหมือนเป็นสวรรค์แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
แสงอ่อนจางนั้นตกกระทบลงบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีดวงหน้าอ่อนเยาว์ ผมดำยาวเป็นประกาย แม้หน้าตาจะไม่ได้หล่อเหลาขนาดฟ้าถล่มดินทลาย แต่ก็ไม่อาจมองว่าน่าเกลียดได้เช่นกัน ผิวสีคล้ำและมือที่หยาบกร้านบ่งบอกถึงการกรำงานอย่างหนัก ถึงกระนั้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มกลับไม่มีร่องรอยแห่งความทุกข์ใจอยู่แม้แต่น้อย
ร่างของเด็กหนุ่มนั่งอยู่บริเวณข้างริมธารใส เปลือกตายังคงปิดสนิท คิ้วขมวดเป็นปมเนื่องจากพยายามควบคุมกระแสลมปราณในร่ายกายให้หลอมรวมกัน
การควบคุมลมปราณในร่างกายเพื่อให้หลอมรวมกันเช่นนี้ เป็นการบำเพ็ญตบะเพื่อเข้าสู่ขั้นรวบรวมลมปราณ ซึ่งเป็นขั้นแรกของการเป็นผู้ฝึกตนและยังเป็นการก้าวข้ามขอบเขตของการเป็นมนุษย์
‘อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ข้าจะได้สัมผัสกับขอบเขตของขั้นรวบรวมลมปราณแล้ว!’ เด็กหนุ่มคิด เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นและพลังบางอย่างบริเวณจุดตันเถียน เขากำหมัดแน่น พยายามรวบรวมสมาธิให้มากกว่าเดิมเพื่อทำการฝ่าทะลุขั้น
แปะ
เกิดเสียงแผ่วเบาขึ้น พร้อมกับสัมผัสบางอย่างที่กระทบลงบนศีรษะของเด็กหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาหลุดจากภวังค์ได้
แปะ
......
แปะ
............
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งตกลงบนศีรษะของเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่สนใจสิ่งใด สูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับนั่งสงบนิ่ง
...แต่ดูเหมือนว่า การที่เด็กหนุ่มไม่ให้ความสนใจกับมันนั้น จะทำให้มันโกรธเป็นอย่างมาก...
แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ.....................................
เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงของเหลวจำนวนมหาศาลพร้อมกับเสียงอื้ออึงข้างหู ที่ตอนนี้แทบจะไม่ได้ยินเสียงสิ่งใดแล้ว เนื่องจากของเหลวหนืดไหลปิดกั้นเสียงภายนอกทั้งหมด อีกทั้งยังปิดกั้นบริเวณโพรงจมูก ทำให้เขาไม่สามารถหายใจได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาหลุดจากภวังค์ทันที พร้อมกับการสลายไปของลมปราณที่เกือบจะเข้าสู่สภาวะหลอมรวม
“ไม่! อีกนิดเดียวข้าจะฝ่าทะลุขั้นแล้วแท้ๆ” เด็กหนุ่มร้องโหยหวน กำลังจะอ้าปากตะโกนพร้อมเงยหน้ามองฟ้า แต่เมื่อมองเห็นที่มาของของเหลวหนืดก็ต้องรีบหุบปากฉับ หน้ามองตรงไม่กล้ามองขึ้นไปบนฟ้าอีก พร้อมกับสองเท้าก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อหาที่หลบซ่อนทันที
เขาไม่กล้าพูดสิ่งใดทั้งนั้น เพราะกลัวว่าของเหลวเหล่านี้จะไหลเข้าไปในปากของเขา จึงได้แต่สบถด่าในใจว่า ‘เจ้านกสารเลว!!!! ข้าจะฆ่าเจ้า’
บริเวณด้านหลังหมู่บ้าน ปรากฏเงาร่างสองร่างกำลังตักน้ำขึ้นมาจากบ่อน้ำ แต่เสียงที่ดังมาจากภูเขาก็ทำให้ทั้งสองต้องละมือจากสิ่งที่ทำอยู่แล้วหันไปมองเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นบริเวณภูเขาแทน
“โอ้ หลวนชุนบำเพ็ญตบะอีกแล้วรึ คราวนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกละ” เยี่ยนหัวเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังนกจำนวนมหาศาลที่บินอยู่บริเวณภูเขา
“ท่านพ่อนั่นมันนก! นกเต็มไปหมดเลย ข้าเดาว่ามันต้องโดนนกไล่จิกเป็นแน่ ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มข้างกายนาม เยี่ยนฉือหัวเราะเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลวนชุน
เยี่ยนหัวหันไปมองบุตรชายพร้อมกระแอมไอแห้งๆ คิดไปถึงหลวนชุน เด็กหนุ่มผู้ที่ทำให้เกิดหายนะทุกครั้งเมื่อบำเพ็ญตบะ
ในอดีตครั้งที่หลวนชุนบำเพ็ญตบะภายในหมู่บ้านนั้น ได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดมากมาย มีครั้งหนึ่งเขาทำให้กบมากมายพากันมาอาศัยที่หมู่บ้านผิงอัน ส่งเสียงดังระงมจนชาวบ้านนอนไม่ได้ ต้องใช้เวลากว่าสองชั่วยาวจึงจะไล่ออกไปหมด
แต่ที่ดูจะสร้างความปวดหัวให้คนในหมู่บ้านมากที่สุดคงเป็นเหตุการณ์ที่ลิงฝูงใหญ่เข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกับปล้นเอาเสื้อผ้าของชาวบ้านทุกคนไป แม้กระทั่งชุดที่สวมใส่อยู่มันก็ยังพยายามจะแย่งชิงไปให้ได้ ทำให้เหล่าหญิงสาวในหมู่บ้านโกรธเป็นอย่างมาก และไล่ตีก้นหลวนชุนไปนานหนึ่งวันเต็ม จนหลวนชุนต้องยอมตกลงว่าจะไม่บำเพ็ญตบะในหมู่บ้านอีก
แม้ว่าหลวนชุนจะสร้างปัญหาให้กับคนในหมู่บ้านเพียงใด ทุกคนก็ยังรักและเอ็นดูเขา ไม่เว้นแม้แต่เด็กๆในหมู่บ้านที่ถึงแม้จะชอบล้อเลียนเขาในเรื่องที่เขาสร้างขึ้น แต่ก็ยังคงรักเขาเหมือนกับพี่น้องของตน
หลวนชุนอาศัยอยู่กับแม่เพียงแค่สองคน พ่อของเขาเสียชีวิตเพราะโดนผู้ฝึกตนฆ่า สองแม่ลูกเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น ทั้งสองหนีรอดมาได้โดยที่แม่ของหลวนชุนนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เด็กน้อยได้แต่ร้องไห้ เอาแต่โทษว่าตนเองนั้นอ่อนแอ ทำให้หลังจากนั้น หลวนชุนจึงตั้งใจบำเพ็ญตบะเพื่อที่จะปกป้องมารดา ครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขา
ถึงแม้ว่าพ่อของเด็กหนุ่มจะถูกฆ่า แต่หลวนชุนก็ยังเป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เว้นแต่ว่า....
ในขณะที่ความคิดของเยี่ยนหัวกำลังล่องลอยไปไกล เสียงหัวเราะของเยี่ยนฉือก็ค่อยๆเบาลง ดวงตาเบิกโพลงขึ้น เมื่อเห็นว่านกจำนวนมหาศาลบินตรงมายังทิศทางที่เขาอยู่ พร้อมกับปล่อยของเหลวหนืดสีขาวออกมาตามทาง ด้านล่างของกลุ่มนกนั้นเป็นก้อนเมือกสีขาวใสก้อนใหญ่ มันกำลังเดินดุ่มๆเข้ามาทางพวกเขา และตะโกนเสียงดัง
“ท่านลุงเยี่ยน! ช่วยข้าด้วย” พูดพลางเร่งความเร็วขึ้น พุ่งมายังทิศทางของสองพ่อลูก
“ทะ ท่านพ่อ หนีเร็ว หลวนชุนมันจะฆ่าเราแล้ว!”เยี่ยนฉือกระตุกแขนของผู้เป็นพ่อ เมื่อเยี่ยนหัวหลุดจากภวังค์และเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็เบิกตาโพลง สำลักลมหายใจ และออกวิ่งทันที
“เจ้า เจ้าจะฆ่าข้ารึ หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้!” เยี่ยนหัวตะโกนพลางหันไปมองเยี่ยนฉือ เขารู้สึกว่าบุตรชายของตนนั้นช้าเกินไป จึงอุ้มบุตรชายด้วยแขนข้างเดียวและเร่งความเร็วตรงไปยังหมู่บ้าน
“ท่านเข้าใจผิดแล้วท่านลุง ข้า ข้าไม่ได้จะทำร้ายท่านนะ ท่านกลับมาก่อน” หลวนชุนได้แต่ร่ำไห้ให้กับความโชคร้ายของตน คิดหาวิธีให้ท่านลุงเยี่ยนมาร่วมทุกข์ด้วย
“ใช่แล้วท่านลุง ข้าไปอ่านตำราแพทย์มา ในตำราบอกว่าหากมนุษย์อาบของเหลวเหล่านี้แล้วจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ท่านเองก็มาอาบด้วยกันเถอะ” หลวนชุนเอ่ย แสร้งทำใบหน้ายิ้มแย้ม เชื้อเชิญอย่างเต็มที่
“ไปชวนทวดเจ้ามาอาบเถอะ! คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้ารึ”
เมื่อหลวนชุนได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเหยเก กระดากอายเล็กน้อยให้กับความคิดไม่เข้าท่าของตน
หนึ่งคนวิ่งพร้อมกับหนีบอีกหนึ่งคนไว้ที่แขน ที่ตามมาเป็นก้อนเมือกสีขาวใสร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ช่างเป็นภาพที่ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องสำลักลมหายใจเป็นแน่ ทั้งสองกลุ่มกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านผิงอัน ชาวบ้านจึงเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ และก็ต้องเบิกตาโพลงอีกคราเมื่อเห็นว่าสิ่งใดกำลังมุ่งตรงมา
“นั่นมันตัวอะไร!”
“เร็ว! รีบปิดประตูหมู่บ้าน อย่างให้มันเข้ามาได้”
ชาวบ้านช่วยกันปิดประตูหมู่บ้าน เหล่าชายฉกรรจ์พากันถืออาวุธออกมาตั้งรับอยู่บริเวณภายในรั้วหมู่บ้าน ส่วนผู้หญิงกับเด็กก็หลบอยู่ในบ้านของตน
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งปิดประตู ให้ข้าเข้าไปก่อน!” ก่อนที่ชาวบ้านจะทันได้ปิดประตูหมู่บ้าน ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง เมื่อสังเกตดูพบว่าเป็นเยี่ยนหัวนั่นเอง เยี่ยนหัวรีบแทรกกายผ่านประตูหมู่บ้านพร้อมกับเยี่ยนฉือที่อยู่ในอ้อมแขน เมื่อวางเยี่ยนฉือลงแล้ว เยี่ยนหัวจึงรีบดันประตูหมู่บ้านให้ปิดลงทันที
“เยี่ยนหัว! นั่นมันตัวอะไรกัน เจ้าไปยั่วโมโหมันมารึ” ชาวบ้านคนหนึ่งร้องถามขึ้น
“ยั่วโมโหอะไรกัน นั่นมันหลวนชุน เจ้าเด็กสารเลว มันไปบำเพ็ญตบะแล้วก่อหายนะขึ้น พอเห็นข้า มันก็วิ่งตามมาจะลากข้าไปเจอหายนะกับมันด้วย” เยี่ยนหัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ใบหน้าบูดบึ้งคล้ายจะจับคนกินเสียให้ได้ ทันใดเสียงตะโกนก็ดังขึ้น
“พวกท่านปิดประตูทำไม ข้าหลวนชุนเอง เปิดประตูให้ข้าเถอะ” หลวนชุนวิ่งมาหยุดอยู่ด้านหน้าประตู ร้องโหวกเหวกโวยวาย ทำท่าจะบุกเข้ามาในหมู่บ้านให้ได้
“เจ้าทำให้นกเหล่านั้นไปที่อื่นก่อนเถอะ แล้วข้าจะเปิดประตูให้ ถ้าให้เจ้าเข้าไปตอนนี้ชาวบ้านคงต้องลำบากกันหมดแน่” ผู้เฒ่าหยางเอ่ยขึ้น ชายชราผู้นี้คือหัวหน้าหมู่บ้านผิงอัน บนศีษระของเขาเต็มไปด้วยผมหงอกขาว ผิวหนังเหี่ยวย่นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ชายชราก้าวออกมาอยู่ด้านหน้าของกลุ่มชาวบ้าน มองหน้าหลวนชุนด้วยสายตาที่ทั้งแสดงความอ่อนโยนและเอือมระอาไปพร้อมๆกัน
“แต่ข้าไม่รู้จะทำยังไง” หลวนชุนกล่าวเสียงเบาพร้อมกับก้มหน้าลง เขาไม่รู้จริงๆว่าจะไล่นกพวกนี้ไปได้อย่างไร แม้เขาจะเจอเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้งแต่ทุกครั้งมันจะหยุดไปเอง อีกทั้งครั้งนี้มันเกิดนานกว่าทุกครั้ง เขาไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรจริงๆ
“ท่านผู้เฒ่าหยาง ท่านเปิดประตูให้ข้าออกไปได้หรือไม่เจ้าคะ” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้น เป็นเสียงของสตรีนางหนึ่ง นางมีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างมาก แต่กลับมีผิวพรรณหยาบกร้านเกินกว่าสตรีทั่วไป นางก้าวเท้าออกมายืนอยู่ด้านข้างของผู้เฒ่าหยาง เอ่ยขอร้องผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ผู้เฒ่าหยางทำสีหน้าลังเลแล้วกล่าว
“ข้าให้เจ้าออกไปก็ได้ แต่เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะออกไป” ผู้เฒ่าหยางถามย้ำกับสตรีนางนั้น นางตอบรับคำด้วยการพยักหน้า ผู้เฒ่าหยางจึงให้ชาวบ้านเปิดประตูให้นาง
เสียงเปิดประตูทำให้หลวนชุนเงยหน้าขึ้น มองเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา แต่เมื่อหลวนชุนเห็นนาง ร่างกายกลับสั่นสะท้าน รีบถอยห่างให้พ้นจากสตรีนางนั้นทันที
“ท่านแม่ ท่านออกมาทำไม ท่านรีบกลับเข้าไปเถิด” หลวนชุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับถอยห่างออกไป
“แม่ออกมารับเจ้า เจ้าหยุดเถิดไม่ต้องถอยไปแล้ว แม่ไม่รังเกียจเจ้าหรอก” เมื่อหลวนชุนได้ยินดังนั้นจึงค่อยๆหยุดลง มองตรงไปยังสตรีที่ตนเรียกว่าแม่ ดวงตาแดงก่ำ พยายามกลั้นหยดน้ำใสไม่ให้ไหลรินออกจากดวงตา
หลวนฮว่าน มารดาของหลวนชุนค่อยๆเดินตรงเข้าหาบุตรชาย แต่ไม่รู้เพราะสวรรค์เห็นใจหรืออย่างไร กลุ่มนกที่บินอยู่ด้านบนศีรษะของหลวนชุนจึงค่อยๆกระจายตัวบินออกไปทุกทิศทุกทาง ท้องฟ้าสีครามจึงปรากฏให้ได้เห็นอีกครั้ง
ผู้เฒ่าหยางถอนหายใจ แม้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี แต่เมื่อได้มองสองแม่ลูก ทุกคนต่างก็รู้สึกผิดและจนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวบ้านช่วยกันเปิดประตูให้ทั้งสองเข้ามา หลวนชุนก้าวเข้ามาพลางหันไปมอง เยี่ยนหัว ผู้เฒ่าหยาง รวมถึงชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น แล้วเอ่ยว่า
“พวกท่านช่างโหดร้ายยิ่งนัก ไม่ยอมให้ข้ากลับเข้าหมู่บ้านแล้วยังปิดประตูไล่ข้าอีก ต่อไปนี้ข้าจะไม่คุยกับพวกท่านแล้ว แบร่” หลวนชุนเอ่ยอย่างแง่งอน พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตา แต่ลืมไปว่าตนเองนั้นถูกปกคลุมด้วยเมือก ลิ้นจึงตวัดรับรสเมือกขาวไปอย่างเต็มปากเต็มคำ
“แหวะ........”
ชาวบ้านพากันหัวเราะ บรรยากาศชวนอึดอัดในตอนแรกจึงผ่อนคลายลง หลวนฮว่านแม้จะเข้าไปถามไถ่บุตรชายแต่ใบหน้าก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“เอาละ พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลอง ใครอยากเข้าร่วมงานก็ต้องมาบอกกับข้าก่อน ใครไม่มาบอกข้า ก็ถือว่าไม่เข้าร่วม” เยี่ยนหัวเอ่ย ยิ้มมุมปากพลางมองไปที่หลวนชุน
“ข้าไป!”
“ข้าไปด้วยท่านอาเยี่ยน!” ชาวบ้านและเด็กๆในหมู่บ้านต่างร้องตอบอย่างดีใจ
‘ตาแก่เจ้าเล่ห์ คิดว่าข้าจะยอมยกโทษให้ท่านง่ายๆหรือ ท่านมองข้า หลวนชุน ผิดไปซะแล้ว!’ หลวนชุนคิด นัตย์ตาแดงก่ำมองไปทางเยี่ยนหัว
“เมื่อวานนี้ข้าเพิ่งล่าเนื้อกวางได้ พวกเจ้าอยากกินกันหรือไม่” เยี่ยนหัวกล่าวเสริม
“ข้าไปด้วยท่านลุงเยี่ยน!!!..........แหวะ”
หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายมาได้ หมู่บ้านผิงอันก็กลับมาเป็นสถานที่อันเงียบสงบอีกครั้ง
สภาพของหลวนชุนเต็มไปด้วยเมือกสีขาว หลวนฮว่านจึงต้องไปนำผ้าพร้อมกับถังใส่น้ำใบใหญ่ออกมา จัดแจงเช็ดของเสียเหล่านั้นออกจากใบหน้าของบุตรชาย หลวนชุนมองสตรีตรงหน้าด้วยความรัก สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนท่อนแขนบาง
รอยแผลเป็นนี้ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีกครั้ง....
แม้แผ่นดินนี้จะถูกเรียกว่าแผ่นดินเปลวพิรุณ แต่แสงแดดที่ร้อนระอุดูจะขัดกับคำเรียกขานนั้นเหลือเกิน เว้นแต่ภูเขาลูกหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังหมู่บ้านผิงอัน แสงแดดส่องผ่านต้นไม้ที่ขึ้นเรียงรายกันอย่างหนาแน่น ทำให้แสงที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งอ่อนกำลังลงเป็นเพียงแสงแดดจางๆเท่านั้น เมื่อรวมกับเสียงสายน้ำและเสียงหมู่มวลวิหกแล้ว ที่แห่งนี้จึงดูเหมือนเป็นสวรรค์แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
แสงอ่อนจางนั้นตกกระทบลงบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีดวงหน้าอ่อนเยาว์ ผมดำยาวเป็นประกาย แม้หน้าตาจะไม่ได้หล่อเหลาขนาดฟ้าถล่มดินทลาย แต่ก็ไม่อาจมองว่าน่าเกลียดได้เช่นกัน ผิวสีคล้ำและมือที่หยาบกร้านบ่งบอกถึงการกรำงานอย่างหนัก ถึงกระนั้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มกลับไม่มีร่องรอยแห่งความทุกข์ใจอยู่แม้แต่น้อย
ร่างของเด็กหนุ่มนั่งอยู่บริเวณข้างริมธารใส เปลือกตายังคงปิดสนิท คิ้วขมวดเป็นปมเนื่องจากพยายามควบคุมกระแสลมปราณในร่ายกายให้หลอมรวมกัน
การควบคุมลมปราณในร่างกายเพื่อให้หลอมรวมกันเช่นนี้ เป็นการบำเพ็ญตบะเพื่อเข้าสู่ขั้นรวบรวมลมปราณ ซึ่งเป็นขั้นแรกของการเป็นผู้ฝึกตนและยังเป็นการก้าวข้ามขอบเขตของการเป็นมนุษย์
‘อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ข้าจะได้สัมผัสกับขอบเขตของขั้นรวบรวมลมปราณแล้ว!’ เด็กหนุ่มคิด เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นและพลังบางอย่างบริเวณจุดตันเถียน เขากำหมัดแน่น พยายามรวบรวมสมาธิให้มากกว่าเดิมเพื่อทำการฝ่าทะลุขั้น
แปะ
เกิดเสียงแผ่วเบาขึ้น พร้อมกับสัมผัสบางอย่างที่กระทบลงบนศีรษะของเด็กหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาหลุดจากภวังค์ได้
แปะ
......
แปะ
............
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งตกลงบนศีรษะของเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่สนใจสิ่งใด สูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับนั่งสงบนิ่ง
...แต่ดูเหมือนว่า การที่เด็กหนุ่มไม่ให้ความสนใจกับมันนั้น จะทำให้มันโกรธเป็นอย่างมาก...
แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ.....................................
เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงของเหลวจำนวนมหาศาลพร้อมกับเสียงอื้ออึงข้างหู ที่ตอนนี้แทบจะไม่ได้ยินเสียงสิ่งใดแล้ว เนื่องจากของเหลวหนืดไหลปิดกั้นเสียงภายนอกทั้งหมด อีกทั้งยังปิดกั้นบริเวณโพรงจมูก ทำให้เขาไม่สามารถหายใจได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาหลุดจากภวังค์ทันที พร้อมกับการสลายไปของลมปราณที่เกือบจะเข้าสู่สภาวะหลอมรวม
“ไม่! อีกนิดเดียวข้าจะฝ่าทะลุขั้นแล้วแท้ๆ” เด็กหนุ่มร้องโหยหวน กำลังจะอ้าปากตะโกนพร้อมเงยหน้ามองฟ้า แต่เมื่อมองเห็นที่มาของของเหลวหนืดก็ต้องรีบหุบปากฉับ หน้ามองตรงไม่กล้ามองขึ้นไปบนฟ้าอีก พร้อมกับสองเท้าก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อหาที่หลบซ่อนทันที
เขาไม่กล้าพูดสิ่งใดทั้งนั้น เพราะกลัวว่าของเหลวเหล่านี้จะไหลเข้าไปในปากของเขา จึงได้แต่สบถด่าในใจว่า ‘เจ้านกสารเลว!!!! ข้าจะฆ่าเจ้า’
บริเวณด้านหลังหมู่บ้าน ปรากฏเงาร่างสองร่างกำลังตักน้ำขึ้นมาจากบ่อน้ำ แต่เสียงที่ดังมาจากภูเขาก็ทำให้ทั้งสองต้องละมือจากสิ่งที่ทำอยู่แล้วหันไปมองเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นบริเวณภูเขาแทน
“โอ้ หลวนชุนบำเพ็ญตบะอีกแล้วรึ คราวนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกละ” เยี่ยนหัวเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังนกจำนวนมหาศาลที่บินอยู่บริเวณภูเขา
“ท่านพ่อนั่นมันนก! นกเต็มไปหมดเลย ข้าเดาว่ามันต้องโดนนกไล่จิกเป็นแน่ ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มข้างกายนาม เยี่ยนฉือหัวเราะเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลวนชุน
เยี่ยนหัวหันไปมองบุตรชายพร้อมกระแอมไอแห้งๆ คิดไปถึงหลวนชุน เด็กหนุ่มผู้ที่ทำให้เกิดหายนะทุกครั้งเมื่อบำเพ็ญตบะ
ในอดีตครั้งที่หลวนชุนบำเพ็ญตบะภายในหมู่บ้านนั้น ได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดมากมาย มีครั้งหนึ่งเขาทำให้กบมากมายพากันมาอาศัยที่หมู่บ้านผิงอัน ส่งเสียงดังระงมจนชาวบ้านนอนไม่ได้ ต้องใช้เวลากว่าสองชั่วยาวจึงจะไล่ออกไปหมด
แต่ที่ดูจะสร้างความปวดหัวให้คนในหมู่บ้านมากที่สุดคงเป็นเหตุการณ์ที่ลิงฝูงใหญ่เข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกับปล้นเอาเสื้อผ้าของชาวบ้านทุกคนไป แม้กระทั่งชุดที่สวมใส่อยู่มันก็ยังพยายามจะแย่งชิงไปให้ได้ ทำให้เหล่าหญิงสาวในหมู่บ้านโกรธเป็นอย่างมาก และไล่ตีก้นหลวนชุนไปนานหนึ่งวันเต็ม จนหลวนชุนต้องยอมตกลงว่าจะไม่บำเพ็ญตบะในหมู่บ้านอีก
แม้ว่าหลวนชุนจะสร้างปัญหาให้กับคนในหมู่บ้านเพียงใด ทุกคนก็ยังรักและเอ็นดูเขา ไม่เว้นแม้แต่เด็กๆในหมู่บ้านที่ถึงแม้จะชอบล้อเลียนเขาในเรื่องที่เขาสร้างขึ้น แต่ก็ยังคงรักเขาเหมือนกับพี่น้องของตน
หลวนชุนอาศัยอยู่กับแม่เพียงแค่สองคน พ่อของเขาเสียชีวิตเพราะโดนผู้ฝึกตนฆ่า สองแม่ลูกเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น ทั้งสองหนีรอดมาได้โดยที่แม่ของหลวนชุนนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เด็กน้อยได้แต่ร้องไห้ เอาแต่โทษว่าตนเองนั้นอ่อนแอ ทำให้หลังจากนั้น หลวนชุนจึงตั้งใจบำเพ็ญตบะเพื่อที่จะปกป้องมารดา ครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขา
ถึงแม้ว่าพ่อของเด็กหนุ่มจะถูกฆ่า แต่หลวนชุนก็ยังเป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เว้นแต่ว่า....
ในขณะที่ความคิดของเยี่ยนหัวกำลังล่องลอยไปไกล เสียงหัวเราะของเยี่ยนฉือก็ค่อยๆเบาลง ดวงตาเบิกโพลงขึ้น เมื่อเห็นว่านกจำนวนมหาศาลบินตรงมายังทิศทางที่เขาอยู่ พร้อมกับปล่อยของเหลวหนืดสีขาวออกมาตามทาง ด้านล่างของกลุ่มนกนั้นเป็นก้อนเมือกสีขาวใสก้อนใหญ่ มันกำลังเดินดุ่มๆเข้ามาทางพวกเขา และตะโกนเสียงดัง
“ท่านลุงเยี่ยน! ช่วยข้าด้วย” พูดพลางเร่งความเร็วขึ้น พุ่งมายังทิศทางของสองพ่อลูก
“ทะ ท่านพ่อ หนีเร็ว หลวนชุนมันจะฆ่าเราแล้ว!”เยี่ยนฉือกระตุกแขนของผู้เป็นพ่อ เมื่อเยี่ยนหัวหลุดจากภวังค์และเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็เบิกตาโพลง สำลักลมหายใจ และออกวิ่งทันที
“เจ้า เจ้าจะฆ่าข้ารึ หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้!” เยี่ยนหัวตะโกนพลางหันไปมองเยี่ยนฉือ เขารู้สึกว่าบุตรชายของตนนั้นช้าเกินไป จึงอุ้มบุตรชายด้วยแขนข้างเดียวและเร่งความเร็วตรงไปยังหมู่บ้าน
“ท่านเข้าใจผิดแล้วท่านลุง ข้า ข้าไม่ได้จะทำร้ายท่านนะ ท่านกลับมาก่อน” หลวนชุนได้แต่ร่ำไห้ให้กับความโชคร้ายของตน คิดหาวิธีให้ท่านลุงเยี่ยนมาร่วมทุกข์ด้วย
“ใช่แล้วท่านลุง ข้าไปอ่านตำราแพทย์มา ในตำราบอกว่าหากมนุษย์อาบของเหลวเหล่านี้แล้วจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ท่านเองก็มาอาบด้วยกันเถอะ” หลวนชุนเอ่ย แสร้งทำใบหน้ายิ้มแย้ม เชื้อเชิญอย่างเต็มที่
“ไปชวนทวดเจ้ามาอาบเถอะ! คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้ารึ”
เมื่อหลวนชุนได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเหยเก กระดากอายเล็กน้อยให้กับความคิดไม่เข้าท่าของตน
หนึ่งคนวิ่งพร้อมกับหนีบอีกหนึ่งคนไว้ที่แขน ที่ตามมาเป็นก้อนเมือกสีขาวใสร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ช่างเป็นภาพที่ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องสำลักลมหายใจเป็นแน่ ทั้งสองกลุ่มกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านผิงอัน ชาวบ้านจึงเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ และก็ต้องเบิกตาโพลงอีกคราเมื่อเห็นว่าสิ่งใดกำลังมุ่งตรงมา
“นั่นมันตัวอะไร!”
“เร็ว! รีบปิดประตูหมู่บ้าน อย่างให้มันเข้ามาได้”
ชาวบ้านช่วยกันปิดประตูหมู่บ้าน เหล่าชายฉกรรจ์พากันถืออาวุธออกมาตั้งรับอยู่บริเวณภายในรั้วหมู่บ้าน ส่วนผู้หญิงกับเด็กก็หลบอยู่ในบ้านของตน
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งปิดประตู ให้ข้าเข้าไปก่อน!” ก่อนที่ชาวบ้านจะทันได้ปิดประตูหมู่บ้าน ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง เมื่อสังเกตดูพบว่าเป็นเยี่ยนหัวนั่นเอง เยี่ยนหัวรีบแทรกกายผ่านประตูหมู่บ้านพร้อมกับเยี่ยนฉือที่อยู่ในอ้อมแขน เมื่อวางเยี่ยนฉือลงแล้ว เยี่ยนหัวจึงรีบดันประตูหมู่บ้านให้ปิดลงทันที
“เยี่ยนหัว! นั่นมันตัวอะไรกัน เจ้าไปยั่วโมโหมันมารึ” ชาวบ้านคนหนึ่งร้องถามขึ้น
“ยั่วโมโหอะไรกัน นั่นมันหลวนชุน เจ้าเด็กสารเลว มันไปบำเพ็ญตบะแล้วก่อหายนะขึ้น พอเห็นข้า มันก็วิ่งตามมาจะลากข้าไปเจอหายนะกับมันด้วย” เยี่ยนหัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ใบหน้าบูดบึ้งคล้ายจะจับคนกินเสียให้ได้ ทันใดเสียงตะโกนก็ดังขึ้น
“พวกท่านปิดประตูทำไม ข้าหลวนชุนเอง เปิดประตูให้ข้าเถอะ” หลวนชุนวิ่งมาหยุดอยู่ด้านหน้าประตู ร้องโหวกเหวกโวยวาย ทำท่าจะบุกเข้ามาในหมู่บ้านให้ได้
“เจ้าทำให้นกเหล่านั้นไปที่อื่นก่อนเถอะ แล้วข้าจะเปิดประตูให้ ถ้าให้เจ้าเข้าไปตอนนี้ชาวบ้านคงต้องลำบากกันหมดแน่” ผู้เฒ่าหยางเอ่ยขึ้น ชายชราผู้นี้คือหัวหน้าหมู่บ้านผิงอัน บนศีษระของเขาเต็มไปด้วยผมหงอกขาว ผิวหนังเหี่ยวย่นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ชายชราก้าวออกมาอยู่ด้านหน้าของกลุ่มชาวบ้าน มองหน้าหลวนชุนด้วยสายตาที่ทั้งแสดงความอ่อนโยนและเอือมระอาไปพร้อมๆกัน
“แต่ข้าไม่รู้จะทำยังไง” หลวนชุนกล่าวเสียงเบาพร้อมกับก้มหน้าลง เขาไม่รู้จริงๆว่าจะไล่นกพวกนี้ไปได้อย่างไร แม้เขาจะเจอเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้งแต่ทุกครั้งมันจะหยุดไปเอง อีกทั้งครั้งนี้มันเกิดนานกว่าทุกครั้ง เขาไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรจริงๆ
“ท่านผู้เฒ่าหยาง ท่านเปิดประตูให้ข้าออกไปได้หรือไม่เจ้าคะ” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้น เป็นเสียงของสตรีนางหนึ่ง นางมีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างมาก แต่กลับมีผิวพรรณหยาบกร้านเกินกว่าสตรีทั่วไป นางก้าวเท้าออกมายืนอยู่ด้านข้างของผู้เฒ่าหยาง เอ่ยขอร้องผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ผู้เฒ่าหยางทำสีหน้าลังเลแล้วกล่าว
“ข้าให้เจ้าออกไปก็ได้ แต่เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะออกไป” ผู้เฒ่าหยางถามย้ำกับสตรีนางนั้น นางตอบรับคำด้วยการพยักหน้า ผู้เฒ่าหยางจึงให้ชาวบ้านเปิดประตูให้นาง
เสียงเปิดประตูทำให้หลวนชุนเงยหน้าขึ้น มองเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา แต่เมื่อหลวนชุนเห็นนาง ร่างกายกลับสั่นสะท้าน รีบถอยห่างให้พ้นจากสตรีนางนั้นทันที
“ท่านแม่ ท่านออกมาทำไม ท่านรีบกลับเข้าไปเถิด” หลวนชุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับถอยห่างออกไป
“แม่ออกมารับเจ้า เจ้าหยุดเถิดไม่ต้องถอยไปแล้ว แม่ไม่รังเกียจเจ้าหรอก” เมื่อหลวนชุนได้ยินดังนั้นจึงค่อยๆหยุดลง มองตรงไปยังสตรีที่ตนเรียกว่าแม่ ดวงตาแดงก่ำ พยายามกลั้นหยดน้ำใสไม่ให้ไหลรินออกจากดวงตา
หลวนฮว่าน มารดาของหลวนชุนค่อยๆเดินตรงเข้าหาบุตรชาย แต่ไม่รู้เพราะสวรรค์เห็นใจหรืออย่างไร กลุ่มนกที่บินอยู่ด้านบนศีรษะของหลวนชุนจึงค่อยๆกระจายตัวบินออกไปทุกทิศทุกทาง ท้องฟ้าสีครามจึงปรากฏให้ได้เห็นอีกครั้ง
ผู้เฒ่าหยางถอนหายใจ แม้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี แต่เมื่อได้มองสองแม่ลูก ทุกคนต่างก็รู้สึกผิดและจนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวบ้านช่วยกันเปิดประตูให้ทั้งสองเข้ามา หลวนชุนก้าวเข้ามาพลางหันไปมอง เยี่ยนหัว ผู้เฒ่าหยาง รวมถึงชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น แล้วเอ่ยว่า
“พวกท่านช่างโหดร้ายยิ่งนัก ไม่ยอมให้ข้ากลับเข้าหมู่บ้านแล้วยังปิดประตูไล่ข้าอีก ต่อไปนี้ข้าจะไม่คุยกับพวกท่านแล้ว แบร่” หลวนชุนเอ่ยอย่างแง่งอน พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตา แต่ลืมไปว่าตนเองนั้นถูกปกคลุมด้วยเมือก ลิ้นจึงตวัดรับรสเมือกขาวไปอย่างเต็มปากเต็มคำ
“แหวะ........”
ชาวบ้านพากันหัวเราะ บรรยากาศชวนอึดอัดในตอนแรกจึงผ่อนคลายลง หลวนฮว่านแม้จะเข้าไปถามไถ่บุตรชายแต่ใบหน้าก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“เอาละ พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลอง ใครอยากเข้าร่วมงานก็ต้องมาบอกกับข้าก่อน ใครไม่มาบอกข้า ก็ถือว่าไม่เข้าร่วม” เยี่ยนหัวเอ่ย ยิ้มมุมปากพลางมองไปที่หลวนชุน
“ข้าไป!”
“ข้าไปด้วยท่านอาเยี่ยน!” ชาวบ้านและเด็กๆในหมู่บ้านต่างร้องตอบอย่างดีใจ
‘ตาแก่เจ้าเล่ห์ คิดว่าข้าจะยอมยกโทษให้ท่านง่ายๆหรือ ท่านมองข้า หลวนชุน ผิดไปซะแล้ว!’ หลวนชุนคิด นัตย์ตาแดงก่ำมองไปทางเยี่ยนหัว
“เมื่อวานนี้ข้าเพิ่งล่าเนื้อกวางได้ พวกเจ้าอยากกินกันหรือไม่” เยี่ยนหัวกล่าวเสริม
“ข้าไปด้วยท่านลุงเยี่ยน!!!..........แหวะ”
หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายมาได้ หมู่บ้านผิงอันก็กลับมาเป็นสถานที่อันเงียบสงบอีกครั้ง
สภาพของหลวนชุนเต็มไปด้วยเมือกสีขาว หลวนฮว่านจึงต้องไปนำผ้าพร้อมกับถังใส่น้ำใบใหญ่ออกมา จัดแจงเช็ดของเสียเหล่านั้นออกจากใบหน้าของบุตรชาย หลวนชุนมองสตรีตรงหน้าด้วยความรัก สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนท่อนแขนบาง
รอยแผลเป็นนี้ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีกครั้ง....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ