Get out! เจ้าชาย ถ้าไม่อยากตายก็ปล่อยข้าเสีย
-
เขียนโดย Grimm_Queen
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.07 น.
2 chapter
0 วิจารณ์
3,534 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561 20.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Cloud
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCloud [1]
ความทรงจำประหลาดไหลย้อนพรั่งพรู่เข้ามา ข้ากลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง รสคาวไหลแทรกไปตามซอกลิ้นและฟัน ยิ่งต่อต้านความเจ็บปวดในหัวก็ยิ่งตอกย้ำ ว่า ‘หญิงสาวที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันนั้น คือข้าในอดีตชาติ’
เรชชี่ หญิงสาวผู้อาภัพในทุกๆสิ่ง
อา นั่นไม่ใช่ประเด็น ข้าก็คือข้า และข้าคือ เรเชล อัลเบโต้ ผู้ถวายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณให้แก่ราชวงศ์เคออส ทั้งชีวิตนี้จะกวัดแกว่งดาบเพื่อรับใช้นายเหนือหัวเพียงเท่านั้น
ข้าลืมตาขึ้นในห้องๆหนึ่ง เลือดในกายข้ามันเดือดพล่านและมีอุณหภูมิสูงจนน่าแปลกใจ ข้าคำรามอีกครั้งยามที่ความทรงจำแปลกๆประทุขึ้นมาอีกละรอก หยาดเหงื่อไหลออกมาราวมีพายุร้อนโหมกระหน่ำ ความเจ็บปวดยังไม่หยุดได้ง่ายๆเสียทีเดียว
โอ้ ไม่—ไม่…
ไม่ใช่เพียงว่าเคยเป็นใคร แม้แต่การกระทำและกิจวัตรต่างๆยามนั้นก็ด้วย
‘เรเชล อัลเบโต้ อัศวินสาวที่มีจุดจบแสนน่าเศร้า และท้ายที่สุดคุณนางเอกก็ได้รับชัยชนะ เอเทียร์ของพวกเราชนะแล้ว!’
“ฮะ…”
ข้าแค่นหัวเราะกับความเจ็บปวด พลางเอาแขนปิดพาดทับใบหน้า บางทีไอ้สิ่งที่เรียกว่าการระลึกชาติมันก็ดีเสียจริง ความรักงั้นหรือ ความรักสินะ?
น่าขำ หากสิ่งที่เรียกว่าสงครามใช้ความรักต่อกรได้ตั้งแต่แรก โลกนี้คงไม่มีสงครามมาตั้งแต่ต้น
“ฮะๆ..ฮะ..”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดดังเล็ดลอด ผู้ใช้เวทย์เยียวยาล้วนเหงื่อตกและหน้าซีด เรเชล..นางแทบไม่เคยแสดงอารมณ์อันใดให้เห็นชัดเต็มตา
และนี่ก็คงเป็นครั้งแรกเสียด้วย
ดวงตาของนางดูบ้าคลั่ง คล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังปะทุ …
สัตว์ร้ายกำลังตื่นตัว…
...
“เรเชล อัลเบโต้ ได้ทำหน้าที่แสนสำคัญและมีเกียรติยิ่งอย่างการปกป้ององค์ชายจากเวทย์ปลิดชีพ น่าดีใจยิ่งนักที่ครานั้นมีศิลาป้องกันคำสาปขั้นสูงและพ่อมดเมอร์ลินได้ทำการช่วยนางได้อย่างทันท่วงที”
ราชินีแห่งเคออสกล่าวด้วยความยินดี แม้กระนั้นเหล่าขุนนางก็ไม่แน่ใจนักว่าพระนางทรงยินดีจริงๆหรือไม่ เพราะใบหน้าของนางมักมีผ้าคลุมตาข่ายสีดำปิดบังอยู่เสมอ
ข้าลอบมองขึ้นไปทางบัลลังล์ พระนางในชุดสีแดงสดช่างเข้ากับฉายายิ่งนัก
ราชินีผู้ปลิดชีพราชา
ไม่มีใครคัดค้าน ราชาคนเก่าเหลวเป๋วเกินไป รู้ทั้งรู้ว่าอาณาจักรแห่งนี้ต้องการเพียงสงครามและชัยชนะ แต่ก็ยังดื้อด้านต่อต้านความคิดนี้จนวาระสุดท้ายของชีวิต
หึ น่าขัน
“ต่อไป ลูกชายของข้า เชส—องค์รัชทายาทอันดับ1 จะทำการมอบตราเลื่อนยศให้แก่สตรีผู้เก่งกาจและกล้าหาญที่อยู่ตรงหน้าพวกท่าน!” ข้าเงยหน้าแล้วค้อมศรีษะทันทีที่ได้รับสัญญาณ การเลื่อนยศนั้นเป็นผลผลอยได้ที่ดี ถึงแม้ว่าข้านั้นจะเป็นองครักษ์ของเจ้าชายอยู่แล้วก็ตาม
หน้าข้าคือรัชทายาทอันดับ1ของเคออส ข้าเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อรับตรายศ ดวงตาเลื่อนระดับสายตาปะทะกับนัยน์สีมิดไนท์บลู—
‘ผมรักคุณเสมอ’
คล้ายจงใจกลั่นแกล้ง
“..อะ...”
แววตาข้าไหวสั่นเสี้ยวนึง ความรู้สึกบางอย่างกำลังปะทุราวกับไฟที่มอดไหม้ ข้ารีบปิดบังจนมิดชิด ไม่—ไม่..อย่างไรเสียก็คนละคนกัน มันไม่มีทางจะตามหลอกหลอนข้ามาถึงที่นี่ได้หรอก
อีกอย่าง กลิ่นอายของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องกังวล…
ชายตรงหน้ายิ้ม “ขอบใจเจ้ามาก”
..รสคาวเลือดในโพรงปาก อา…เค็มปร่าไปหมด
“..เพคะ”
เร็วสิ เร็วสิ เร็วสิ
“ขอบพระทัยเพคะ”
เวลาช่างช้าเหลือเกิน ทันที่ที่ได้รับตรายศ ข้าจึงรีบค้อมคำนับและห่างถอยจากตรงนั้นที
ดวงตาสีมิดไนท์บลูยังคงมองเรเชลอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มเหยียดประทับบนหน้าคมเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น อา...ดวงตาคู่นั้นช่างน่าคิดถึง ยามแววตานั้นหวั่นไหวเพราะตัวข้าเหตุใดจึงสุขใจเช่นนี้...
อยากคว้าร่างบอบบางมากอดเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด
ทันทีที่ได้รับความทรงจำอันแสนคะนึงหา ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มคล้ายถูกเผาผลาญตั้งแต่ตอนนั้น
กุมใบหน้าช่วงล่างด้วยมือทั้งสองข้าง แววตาฉายความบ้าคลั่งอยู่ภายใน หยุดยิ้มไม่ได้ ไม่ได้--ไม่ได้แม้แต่นิด...
เลียริมฝีปากแห้งสาก ก่อนจะปรับสีหน้าราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“เจอกันแล้วนะ เรชชี่..”
‘ยังคงรักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง’
....
ข้าไม่เคยสนใจเรื่องราวในสถาบันเวทย์มนต์นั้นแม้แต่นิด
สิ่งที่ข้าสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือสงคราม เคออสเป็นอาณาจักรที่แปลกประหลาด ทหารทุกคนล้วนคือทรัพยากรที่สำคัญมากกว่าเหล่านักเวทย์เสียด้วยซ้ำ เหล่าผู้ใช้เวทย์ในปัจจุบันล้วนอ่อนแอเพราะถูกดึงมานาลงผืนภิภพเพื่อรักษาสมดุลของโลกเอาไว้
เหตุเกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน สงครามระหว่างปีศาจและเทพได้สร้างความเสียหายอย่างหนัก 'โลก' จึงจำเป็นต้องดึงพลังเวทย์มาจากสิ่งต่างๆไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีก็ตาม
หากไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆแล้วละก็...ในสงครามน่ะ มีแต่ตายกับตาย
และพวกเราชอบสงครามด้วยสิ?
ในสถาบัน หากไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากย่างกรายเข้าด้วยซ้ำ หากแต่หน้าที่ที่ดำรงอยู่ในฐานะองครักษ์ของว่าที่กษัตริย์
มันก็ช่วยไม่ได้
'เพราะข้าต้องการเห็นเจ้าของเวทย์แสงที่ผู้คนล่ำลือ'
เอาแต่ใจ นั่น...หากเป็นผู้อื่นคิด แต่ในการตีความคำพูดนั้น แปลได้อีกอย่างว่า ข้าต้องการช่วงชิงพลังนั่นมา และมันจะไม่มีทางตกไปเป็นของเอเทียร์แน่นอน สัญญาพันธมิตร? ของแค่นั้นจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว...
“เหตุใดท่านโลแกนถึงได้คลุกคลีกับสามัญชนคนนั้นเพคะ!!”
อา ทางนี้จะได้สักกี่น้ำเหมือนกัน
เสียงกรีดร้องอันคุ้นเคย ท่านหญิงไอริส เจ้าของเกศาสีฟ้าผลึกสวย น่าเสียดายที่มักทำตัวให้ผู้อื่นคอยเหยียบย่ำสม่ำเสมอ ข้ามองแล้วรู้สึกเปลืองตัวเสียเปล่าๆ ในอ้อมกอดองค์ชายโลแกนคงเป็น....?
'สามัญชนและเวทย์แสง'
“เจ้าคิดไปเองไอริส”
“ข้าเปล่านะคะไอริส ท่านชายแค่ช่วยประคองข้าตอนหกล้ม”
“โกหก” ดวงตาสีฟ้าใสหันฉับไปที่เด็กสาวผมสีเปลือกไม้อย่างเดือดดาน ริมฝีปากเม้มหากันแน่น “อีกอย่างสามัญชนอย่างเจ้ามิควรเรียกชื่อข้าโดยไร้ยศ! ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นเจ้า! เบทานี่!!”
อ๊ะ จริงด้วย
เบทานี่...โครวฟอร์ด
นางเอกแสนบอบบางและมีดวงเกี่ยวข้องกับผู้ชายเยอะเหลือเกิน เท่าที่จำได้ หากนางไม่เลือกรูทของเชส...ผลลงเอยสุดท้ายก็คือการทำสงครามระหว่างเอเทียร์และเคออส
โดยพวกที่อ่อนหัดต่อสงคราม..อย่างคนตรงหน้า…
เรเชลใช้นัยน์สีทองมองภาพตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปสนใจความคิดของตนเองต่อ
ราชินีถูกสังหาร เจ้าชายทั้งสองพระองค์ถูกลงทัณฑ์ต่อหน้าประชาชนของเอเทียร์ คนสุดท้ายที่จงรักภักดีอย่างข้ารอด แต่ก็โดนฆ่าตายติดๆเพราะความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ อ๊ะ ไม่สิ ต้องเรียกว่ารุมฆ่าเสียมากกว่า
เพราะข้ามีคำสาปเวทย์ร้ายแรงนี่เนอะ? แค่คนเดียวฆ่าข้าไม่ได้หรอก
เลียริมฝีปากแห้งผาก ดวงตาประกายแพรวพราวคล้านสัตว์ป่ายามมองไปที่แม่นางเอก
ใครจะไปยอม
เบทานี่ หากเจ้าดึงดันที่จะเลือกเอเทียร์ อย่าหวังเลยว่าชีวิตของเจ้าจะได้ดำเนินตามเนื้อเรื่อง แล้วจบลงด้วยความสุขน่ะ…
ความทรงจำประหลาดไหลย้อนพรั่งพรู่เข้ามา ข้ากลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง รสคาวไหลแทรกไปตามซอกลิ้นและฟัน ยิ่งต่อต้านความเจ็บปวดในหัวก็ยิ่งตอกย้ำ ว่า ‘หญิงสาวที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันนั้น คือข้าในอดีตชาติ’
เรชชี่ หญิงสาวผู้อาภัพในทุกๆสิ่ง
อา นั่นไม่ใช่ประเด็น ข้าก็คือข้า และข้าคือ เรเชล อัลเบโต้ ผู้ถวายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณให้แก่ราชวงศ์เคออส ทั้งชีวิตนี้จะกวัดแกว่งดาบเพื่อรับใช้นายเหนือหัวเพียงเท่านั้น
ข้าลืมตาขึ้นในห้องๆหนึ่ง เลือดในกายข้ามันเดือดพล่านและมีอุณหภูมิสูงจนน่าแปลกใจ ข้าคำรามอีกครั้งยามที่ความทรงจำแปลกๆประทุขึ้นมาอีกละรอก หยาดเหงื่อไหลออกมาราวมีพายุร้อนโหมกระหน่ำ ความเจ็บปวดยังไม่หยุดได้ง่ายๆเสียทีเดียว
โอ้ ไม่—ไม่…
ไม่ใช่เพียงว่าเคยเป็นใคร แม้แต่การกระทำและกิจวัตรต่างๆยามนั้นก็ด้วย
‘เรเชล อัลเบโต้ อัศวินสาวที่มีจุดจบแสนน่าเศร้า และท้ายที่สุดคุณนางเอกก็ได้รับชัยชนะ เอเทียร์ของพวกเราชนะแล้ว!’
“ฮะ…”
ข้าแค่นหัวเราะกับความเจ็บปวด พลางเอาแขนปิดพาดทับใบหน้า บางทีไอ้สิ่งที่เรียกว่าการระลึกชาติมันก็ดีเสียจริง ความรักงั้นหรือ ความรักสินะ?
น่าขำ หากสิ่งที่เรียกว่าสงครามใช้ความรักต่อกรได้ตั้งแต่แรก โลกนี้คงไม่มีสงครามมาตั้งแต่ต้น
“ฮะๆ..ฮะ..”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดดังเล็ดลอด ผู้ใช้เวทย์เยียวยาล้วนเหงื่อตกและหน้าซีด เรเชล..นางแทบไม่เคยแสดงอารมณ์อันใดให้เห็นชัดเต็มตา
และนี่ก็คงเป็นครั้งแรกเสียด้วย
ดวงตาของนางดูบ้าคลั่ง คล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังปะทุ …
สัตว์ร้ายกำลังตื่นตัว…
...
“เรเชล อัลเบโต้ ได้ทำหน้าที่แสนสำคัญและมีเกียรติยิ่งอย่างการปกป้ององค์ชายจากเวทย์ปลิดชีพ น่าดีใจยิ่งนักที่ครานั้นมีศิลาป้องกันคำสาปขั้นสูงและพ่อมดเมอร์ลินได้ทำการช่วยนางได้อย่างทันท่วงที”
ราชินีแห่งเคออสกล่าวด้วยความยินดี แม้กระนั้นเหล่าขุนนางก็ไม่แน่ใจนักว่าพระนางทรงยินดีจริงๆหรือไม่ เพราะใบหน้าของนางมักมีผ้าคลุมตาข่ายสีดำปิดบังอยู่เสมอ
ข้าลอบมองขึ้นไปทางบัลลังล์ พระนางในชุดสีแดงสดช่างเข้ากับฉายายิ่งนัก
ราชินีผู้ปลิดชีพราชา
ไม่มีใครคัดค้าน ราชาคนเก่าเหลวเป๋วเกินไป รู้ทั้งรู้ว่าอาณาจักรแห่งนี้ต้องการเพียงสงครามและชัยชนะ แต่ก็ยังดื้อด้านต่อต้านความคิดนี้จนวาระสุดท้ายของชีวิต
หึ น่าขัน
“ต่อไป ลูกชายของข้า เชส—องค์รัชทายาทอันดับ1 จะทำการมอบตราเลื่อนยศให้แก่สตรีผู้เก่งกาจและกล้าหาญที่อยู่ตรงหน้าพวกท่าน!” ข้าเงยหน้าแล้วค้อมศรีษะทันทีที่ได้รับสัญญาณ การเลื่อนยศนั้นเป็นผลผลอยได้ที่ดี ถึงแม้ว่าข้านั้นจะเป็นองครักษ์ของเจ้าชายอยู่แล้วก็ตาม
หน้าข้าคือรัชทายาทอันดับ1ของเคออส ข้าเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อรับตรายศ ดวงตาเลื่อนระดับสายตาปะทะกับนัยน์สีมิดไนท์บลู—
‘ผมรักคุณเสมอ’
คล้ายจงใจกลั่นแกล้ง
“..อะ...”
แววตาข้าไหวสั่นเสี้ยวนึง ความรู้สึกบางอย่างกำลังปะทุราวกับไฟที่มอดไหม้ ข้ารีบปิดบังจนมิดชิด ไม่—ไม่..อย่างไรเสียก็คนละคนกัน มันไม่มีทางจะตามหลอกหลอนข้ามาถึงที่นี่ได้หรอก
อีกอย่าง กลิ่นอายของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องกังวล…
ชายตรงหน้ายิ้ม “ขอบใจเจ้ามาก”
..รสคาวเลือดในโพรงปาก อา…เค็มปร่าไปหมด
“..เพคะ”
เร็วสิ เร็วสิ เร็วสิ
“ขอบพระทัยเพคะ”
เวลาช่างช้าเหลือเกิน ทันที่ที่ได้รับตรายศ ข้าจึงรีบค้อมคำนับและห่างถอยจากตรงนั้นที
ดวงตาสีมิดไนท์บลูยังคงมองเรเชลอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มเหยียดประทับบนหน้าคมเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น อา...ดวงตาคู่นั้นช่างน่าคิดถึง ยามแววตานั้นหวั่นไหวเพราะตัวข้าเหตุใดจึงสุขใจเช่นนี้...
อยากคว้าร่างบอบบางมากอดเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด
ทันทีที่ได้รับความทรงจำอันแสนคะนึงหา ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มคล้ายถูกเผาผลาญตั้งแต่ตอนนั้น
กุมใบหน้าช่วงล่างด้วยมือทั้งสองข้าง แววตาฉายความบ้าคลั่งอยู่ภายใน หยุดยิ้มไม่ได้ ไม่ได้--ไม่ได้แม้แต่นิด...
เลียริมฝีปากแห้งสาก ก่อนจะปรับสีหน้าราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“เจอกันแล้วนะ เรชชี่..”
‘ยังคงรักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง’
....
ข้าไม่เคยสนใจเรื่องราวในสถาบันเวทย์มนต์นั้นแม้แต่นิด
สิ่งที่ข้าสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือสงคราม เคออสเป็นอาณาจักรที่แปลกประหลาด ทหารทุกคนล้วนคือทรัพยากรที่สำคัญมากกว่าเหล่านักเวทย์เสียด้วยซ้ำ เหล่าผู้ใช้เวทย์ในปัจจุบันล้วนอ่อนแอเพราะถูกดึงมานาลงผืนภิภพเพื่อรักษาสมดุลของโลกเอาไว้
เหตุเกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน สงครามระหว่างปีศาจและเทพได้สร้างความเสียหายอย่างหนัก 'โลก' จึงจำเป็นต้องดึงพลังเวทย์มาจากสิ่งต่างๆไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีก็ตาม
หากไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆแล้วละก็...ในสงครามน่ะ มีแต่ตายกับตาย
และพวกเราชอบสงครามด้วยสิ?
ในสถาบัน หากไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากย่างกรายเข้าด้วยซ้ำ หากแต่หน้าที่ที่ดำรงอยู่ในฐานะองครักษ์ของว่าที่กษัตริย์
มันก็ช่วยไม่ได้
'เพราะข้าต้องการเห็นเจ้าของเวทย์แสงที่ผู้คนล่ำลือ'
เอาแต่ใจ นั่น...หากเป็นผู้อื่นคิด แต่ในการตีความคำพูดนั้น แปลได้อีกอย่างว่า ข้าต้องการช่วงชิงพลังนั่นมา และมันจะไม่มีทางตกไปเป็นของเอเทียร์แน่นอน สัญญาพันธมิตร? ของแค่นั้นจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว...
“เหตุใดท่านโลแกนถึงได้คลุกคลีกับสามัญชนคนนั้นเพคะ!!”
อา ทางนี้จะได้สักกี่น้ำเหมือนกัน
เสียงกรีดร้องอันคุ้นเคย ท่านหญิงไอริส เจ้าของเกศาสีฟ้าผลึกสวย น่าเสียดายที่มักทำตัวให้ผู้อื่นคอยเหยียบย่ำสม่ำเสมอ ข้ามองแล้วรู้สึกเปลืองตัวเสียเปล่าๆ ในอ้อมกอดองค์ชายโลแกนคงเป็น....?
'สามัญชนและเวทย์แสง'
“เจ้าคิดไปเองไอริส”
“ข้าเปล่านะคะไอริส ท่านชายแค่ช่วยประคองข้าตอนหกล้ม”
“โกหก” ดวงตาสีฟ้าใสหันฉับไปที่เด็กสาวผมสีเปลือกไม้อย่างเดือดดาน ริมฝีปากเม้มหากันแน่น “อีกอย่างสามัญชนอย่างเจ้ามิควรเรียกชื่อข้าโดยไร้ยศ! ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นเจ้า! เบทานี่!!”
อ๊ะ จริงด้วย
เบทานี่...โครวฟอร์ด
นางเอกแสนบอบบางและมีดวงเกี่ยวข้องกับผู้ชายเยอะเหลือเกิน เท่าที่จำได้ หากนางไม่เลือกรูทของเชส...ผลลงเอยสุดท้ายก็คือการทำสงครามระหว่างเอเทียร์และเคออส
โดยพวกที่อ่อนหัดต่อสงคราม..อย่างคนตรงหน้า…
เรเชลใช้นัยน์สีทองมองภาพตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปสนใจความคิดของตนเองต่อ
ราชินีถูกสังหาร เจ้าชายทั้งสองพระองค์ถูกลงทัณฑ์ต่อหน้าประชาชนของเอเทียร์ คนสุดท้ายที่จงรักภักดีอย่างข้ารอด แต่ก็โดนฆ่าตายติดๆเพราะความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ อ๊ะ ไม่สิ ต้องเรียกว่ารุมฆ่าเสียมากกว่า
เพราะข้ามีคำสาปเวทย์ร้ายแรงนี่เนอะ? แค่คนเดียวฆ่าข้าไม่ได้หรอก
เลียริมฝีปากแห้งผาก ดวงตาประกายแพรวพราวคล้านสัตว์ป่ายามมองไปที่แม่นางเอก
ใครจะไปยอม
เบทานี่ หากเจ้าดึงดันที่จะเลือกเอเทียร์ อย่าหวังเลยว่าชีวิตของเจ้าจะได้ดำเนินตามเนื้อเรื่อง แล้วจบลงด้วยความสุขน่ะ…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ