มาร่วมเดินทางไปกับฉันในโลกที่ไม่ธรรมดา

-

วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.45 น.

  11 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 08.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เสียงที่ไม่คุ้นหู2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          ....ในบางครั้งคนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่มีทุกข์....

 
 
          ....ในบางครั้งคนเราก็จะมีช่วงเวลาที่มีความสุข....
 
 
          ''(ฉันทำใจยอมรับมันถึงจะยากแต่ฉันก็จะอดทน)''  
 
            เธอเงยหน้าแล้วพูดกับตัวเองในใจ 
 
          ''(ฉันทำได้เพียงแค่ยื่นมือออกไปจากกรง กรงที่กักขังฉันไว้มาเนิ่นนาน)''  
 
            ทั้งๆที่ความงดงามของเธอนั้นน่าจะทำให้บรรยากาศรอบๆมีแต่ความสดชื่นและสดใส 'แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น' 
 
          เธอยื่นแขนออกไปเหมือนกำลังจะคว้าอะไรซักอย่าง 
 
 
          ''ฉันหวังว่าซักวันจะมีคนมาคว้ามือของฉัน แล้วพาฉันออกไปจากที่นี่'' เธอกำลังนั้งคุกเข่าอยู่ภายในกรงนกสีทอง 
 
          ภายในกรงนกนั้นมีเพียงเตียงนอนที่ดูหรูหราและตัวเธอที่ดูเศร้าสร้อย ที่แห่งนี้อยู่บนดาดฟ้าของประสาทที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
 
          ''ฉันเฝ้าแต่สวดภาวนาถึงพระผู้เป็นเจ้า แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตา ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะต้องทำอย่างไร ''เพราะสิ่งที่ฉันทำได้ ก็ทำไปหมดแล้ว''  
 
              ตุบ ! ตุบ ! ตุบ ! จู่ๆเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากข้างนอก ก็ค่อยๆดังเข้ามาภายในห้อง และมีชายตัวสูงผู้หนึ่งมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้ากรงนกสีทอง
 
          ''ต่อให้มีพระผู้เป็นเจ้าซักกี่หมื่นคน หรือต่อให้มีมากมายจนฉันนับไม่ได้''ฉัน! ก็จะ! ฆ่ามัน! ให้หมด!''  
 
             ชายที่ยืนอยู่หน้ากรงนกยื่นศรีษะเข้ามามองหน้าเธอ
 
          ''จำเอาไว้ เอลินเซอร์เบล ฉันจะฆ่ามันทุกคน ใครที่บังอาจมาขวางอำนาจของฉัน ฉันจะกินมันให้หมด!!''แล้วฉันก็จะกินเธอด้วย''  ....เขายิ้ม....
 
           ''แล้วฉันก็จะครอบครองทุกอย่าง! ที่ฉันต้องการ! แม้แต่พลังอันยิ่งใหญ่! ก็ต้องมาเป็นของฉัน!!!''   
 
          ''แต่ท่านไม่สามารถจะกินผู้กล้าได้ แล้ววิญญาณของท่านก็จะต้องดับลงด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ของชายผู้ที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง!!''  
 
        ชายที่ยืนอยู่หน้ากรงนกแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ แต่เธอก็ยังคงมองหน้าชายที่ยืนอยู่หน้ากรงนกด้วยแววตาที่ไม่ยอมแพ้ 
 
        เขาแสยะยิ้มด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวแล้วหัวเราะออกมา
 
 
          ''หึ หึ หึ เฮื้ออ ฮ่าาาาาา ฮ่าาาา ฮ่าาาาาาาาาา!!!''  
 
 
          เธอรีบอุดหูและทรมานกับเสียงหัวเราะที่ดังสนั่น มันเป็นเสียงหัวเราะที่ทรงพลังและมีพลังเวทมนต์ที่ทรงอานุภาพ ปราสาทเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุ่นแรง แผนดินใต้ทะเลสั่นไหว น้ำทะเลเกิดคลื่นแหวกออกรอบๆปราสาท 
 
           พลังและอำนาจของเขาทรงพลังและยิ่งใหญ่
 
        เธอมีอาการสำลักเลือดออกมาทันที  ซักพักร่างกายที่เกิดอาการผิดปกติก็ถูกเยียวยาด้วยควาสามารถพิเศษของเธอ หน้าตาที่ดูชีดจากอาการบาดเจ็บก็ค่อยๆกลับมามีน้ำมีนวลเหมือนเดิม ชายที่ยืนอยู่หน้ากรงนกได้เห็นพลังของเธอ เขาก็มีความตื่นเต้น
 
          ''ฉันจะเอาพลังนั้นมาเป็นของฉัน!!'' ให้ได้!!''    
 
          เขายิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเดินกลับออกไป
 
 
****
 
          ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง โชอิจิกำลังขับรถกระบะรุ่นเก่าสีแดงมาจอดในที่จอดรถ
 
          ''เอาละ แค่นี้ก็เรียบร้อย''
 
             เขารีบเข้าบ้านแล้วนำชองฝากของคุณน้าฮารุนะไปให้แม่ 
              ''กลับมาแล้วคร๊าบ''
 
     หลังจากที่ผมกินข้าวแล้วคุยกับแม่เรื่องสับเพเหระจนเสร็จ ผมก็ออกมานอนสูดอากาศที่สวนหลังหมู่บ้านที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ 
 
          ''บรรยากาศตรงนี้ มันช่างสบายจริงๆเลย'' 

          มีนกกระจอกบินไปมา บางตัวก็บินลงมาเล่นบนทุ้งหญ้า ผมมองท้องฟ้าสีคราม บนท้องฟ้าอย่างเพลิดเพลิน ลมมันพัดเย็นสบายจนทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มๆแล้วผมก็..... . . คอกกก ฟี่~
 
♠♠♠
 
 
          ณ หน้าประตูบานใหญ่ภายในพระราชวัง ชายร่างใหญ่ที่ดูแข็งแกร่ง ทั้งตัวเขานั้นใส่ชุดเกราะสีเทาทั้งตัว สภาพชุดเกราะสีเทาของเขานั้น ดูสะอาดเอี่ยมเหมือนจะเป็นบุคคลที่มียศถาบรรดาศักดิ์ชั้นสูง 

          ''ข้าจะไม่ให้เจ้าทำอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว!!'' 
 
          เขาจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยหน้าตาที่โกรธเกรี้ยว ชายที่ยืนอยู่หน้าเขาก็ใส่ชุดเกราะสีดำแต่มีลักษณะไปอีกแบบ
 
          ''ฉันไม่ต้องการจะฆ่าท่านหลอกน่ะ ท่านเอบิล'' 
 
          ชายที่ใส่ชุดเกราะสีดำเอ่ยแล้วตั้งท่าถือดาบที่มีลักษณะโดดเด่นสีทอง
 
          ''ท่านจงเปิดทางให้ข้าซ่ะ เอบิล รัส อายออส'' 
 
          ''....หึ!...''เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก! ที่อาจหาญมาบุกพระราชวังเพียงลำพัง ''แต่ก็นับว่าเจ้านั้นไม่ธรรมดา ที่สามารถฝ่าทหารนับหมื่นมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ'' 
 
          ชายใส่ชุดเหล็กสีเทาเอ่ย แล้วทั้งสองฝ่ายก็จ้องหน้ากันโดยไม่มีใครวางสายตา
 
          ''ท่านจงเปิดทางให้ข้าซ่ะ ท่านเอบิล'!' 
 
          เมื่อสิ้นเสียงของชายชุดเกราะสีดำ ชายที่ใส่ชุดเกราะสีเทาก็เริ่มเปิดศึกทันที
 
          ''ดาบของข้าเอ่ย จงแสดงความจริงออกมา'' 
 
          ทันใดนั้นดาบของชายชุดเหล็กสีเทาก็กลายเป็นขวานยักษ์สีแดงเลือดที่มีลักษณะอารมณ์น่าขนลุก 
 
          พอชายชุดเหล็กสีดำได้เห็นว่าอีกฝ่ายพร้อมจะเอาจริง เขาก็พร้อมที่จะลุยทันที
 
          ''ถ้าเป็นแบบนี้คงพูดกันไม่ได้แล้วละน่ะ!'' 
 
          ทั้งสองก็เข้าประทะกันต่างคนต่างโจมตีใส่กันด้วยความรวดเร็วที่เหนือกว่าคนธรรมดาๆ
 
          ''ไม่เลวเลยนี้ ชายผู้มีฉายาว่าอัศวินนักรบเกราะดำทมิฬ ''พอได้สู้กันแล้วข้ารู้ซึ้งเลยละ'' 
 
          ''พลังขวานของท่านก็ร้ายไม่เบาเหมือนกัน!'' 
 
          ทั้งสองต่อสู้กันด้วยความเร็วที่คนปกติไม่สามารถทำได้ แต่พอสู้กันไม่นาน ''ชายชุดเกราะสีเทา'' ก็เริ่มตั้งรับการโจมตีของชายชุดเกราะดำมากขึ้น เป็นเพราะอาวุธขวานที่มีความเร็วต่ำจึงไม่สามารถเหวี่ยงไปมาด้วยความเร็วที่เหมือนกับดาบของอีกฝ่ายได้
 
          พึบ!! พึบ!!!! เพร่ง!!! พึบ!!! เพร่ง!! เพร่ง!!! เพร่ง!!!
 
          เสียงดาบที่แหวกอากาศไปมาอย่างรวดเร็ว และเสียงการกระทบกันของอาวุธทั้งสอง
 
 
          ชายชุดเกราะสีเทาพยายามตั้งรับการโจมตีของชายชุดเกราะสีดำอย่างอดทน ดาบที่พุ่งมาฟาดฟันอย่างรวดเร็วเป็นเพียงแค่การโจมตีธรรมดาๆ มันไม่ได้เสริมพลังเวทมนต์อะไรเลย แต่กลับรวดเร็วและมีพลังโจมตีที่หนักหน่วง ''(ระดับพละกำลังช่างมากมายอะไรขนาดนี้ นี่แค่การโจมตีธรรมดาๆจริงๆหรอ!)''
 
         ชายชุดเกราะสีเทาตั้งรับและรอเวลาให้อีกฝ่ายเกิดช่องโหว่ ''ตรงนี้แหล่ะ!!'' เมื่อชายชุดเหล็กสีเทาจับจังหว่ะการโจมตีของอีกฝ่ายได้ เขาก็หมุนตัวแล้วเหวี่ยงขวานเป็นคลื่นพลังสีแดงฉานออกไป
 
         ''ยาาาาากกก!!!!!! ''
 
          ชายชุดเกราะสีดำที่ยืนอยู่ต่อหน้าพลังคลื่นนั้น ก็หมุนตัวแล้วฟันพลังคลื่นจนกระจายหายไปต่อหน้าต่อตาของชายชุดเกราะสีเทา
 
          ''(อะไรกัน! แข็งแกร่งจิงๆ!)''
 
          ชายชุดเกราะสีเทาได้แต่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงแค่การฟันดาบธรรมดาๆแต่มันกับทำลายพลังเวทมนต์ระดับตำนานลงได้ ชายชุดเกราะสีเทาเริ่มจินตนาการไม่ได้แล้ว ว่าพลังจริงๆของชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเขานั้น จะมีมากมายขนาดไหน
 
          ชายชุดเกราะสีดำเริ่มรู้สึกว่าการต่อสู้ในครั้งนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยถึงจะสู้กันไป ก็เสียเวลาไปเปล่าๆ''(คนบนโลกนี้น่าเบื่อชะมัดเลย คนอู่ส่ามาช่วยน่ะ)''แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้โอกาสเขาได้หายใจ 
 
          ชายชุดเกราะสีเทาพุ่งตัวเข้าไปโจมตีชายชุดเกราะสีดำด้วยพลังที่มหาศาลที่ผสานกับพลังเวทมนต์แบบอัดแน่นสีแดงฉาน
 
บึ้มมมมมม!!! 
 
          เสียงขวานสับลงมาใส่พื้นที่ไม่มีใครเลยพร้อมกับกระจายพลังเวทย์สีแดงฉานออกมาเป็นวงกว้าง              
 
        กึกๆๆ!!!!กึกๆๆๆ!!!!!กึกๆๆๆๆ!!!!!!!!
 
          มันหนักหน่วงถึงขนาดพระราชวังต้องสั่นสะเทือน 
 
             
 
          ''เฮ่ๆ ท่านจะพังพระราชวังเหรอ ข้าว่าท่านควรเลิกเล่นอะไรที่ไร้สาระ แล้วเปิดทางให้ข้าซ่ะ ไม่งั้นก็ลองฟังคำพูดของฉันก่อน'' 
 
 
          พอชายที่ใส่ชุดเกราะสีเทาเห็นว่าการโจมตีที่สุดยอดของเขาก็ยังทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เขาจึงถอยหลังออกมาจากระยะการต่อสู้ แล้วจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่จะยอมฟังคำพูดของอีกฝ่าย พอชายชุดเกราะสีดำเข้าใจถึงความหมายที่สายตาของอีกฝ่ายส่งมาหาตน เขาก็เริ่มพูด
 
          ''โอเคๆ ฉันจะบอกให้เอาบุญแล้วจงเชื่อฉันซ่ะละ พระราชาของท่านนะ สิ้นพระชนไปนานแล้ว ที่เห็นอยู่นั่นนะเป็น....'' 
 
          พอชายชุดเหล็กสีเทาได้ยินแบบนั้นก็เบิ่งตาโตแล้วพูดสวนกลับมา
 
          ''ข้าผิดหวังกับเจ้าจริงๆ!! ข้าเผลอคิดว่าเจ้าจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งองอาจและน่าชื่นชม แต่ไม่ใช่เลยเจ้ากับโกหกข้าว่าพระราชาสิ้นพระชน ข้าจะไม่มีวันอภัยเจ้า!!''
 
          พอชายชุดเหล็กสีเทาพูดจบก็ตั้งท่าร่ายเวทมนต์
 
          ''พลังแห่งพันธ์สัญญาเอ่ยจงเปิดทางให้คู่หูของข้าเถิด!!'' 
 
          !!!! พึบบบบ!!!! 
 
          จู่ๆรอบข้างก็ปรากฏไฟสีแดงเลือดลุกโชติช่วงขึ้นมา
 
          แล้วก็ปรากฏสิงโตเขาแพะที่มีหางเป็นงูที่ดูน่าเกรงขามเดินออกมาจากไฟที่กำลังลุกโชติช่วงแล้วสยายปรีกขนาดใหญ่ออก 'โฮกกกก!!' สัตว์เทพตนนี้คือ Chimera ที่มีความสูงสามเมตร ผิวกายมีเพลิงสีแดงเลือดลุกโชติช่วง แสดงให้เห็นถึงพลังอันท่วมท้นเป็นตัวตนที่ทรงพลังอันมหาศาลยากจะประเมิน
 
          ''เรียกข้าเหรอ เอบิล ถ้าไม่ทำให้ข้าสนุกขึ้นมา ข้าจะเอาเรื่องกับเจ้าน่ะ'' 
 
          ''ข้าคิดว่าเจ้าคงจะได้สนุกในแบบที่ไม่เคยสนุกมาก่อนเลยละ'' 
  
          เมื่อสิงโตได้เห็นบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็จ้องมองด้วยความตกตลึง    
 
          ''เห่ย เอบิล นั่นมันผู้กล้าชัดๆ'' 
 
          ''อืมอย่างงั้นเองเหรอ มาสู้กันให้ถึงที่สุดเถอะ'' 
 
          ''นี่คงจะเป็นโชคชะตา'' ผู้กล้าเอ่ย'' ข้าไม่คิดว่าเราจะได้มาสู้กัน แต่ครั้งนี้ข้าขออะไรซักอย่าง''
   
          ''ว่ามา!''
 
          ''ข้าขอสอง''
 
          ผู้กล้ายิ้มและพูดขึ้นมาว่า 
 
          ''เข้ามากันได้เลยข้าจะดูแลเจ้าทั้งสองเอง ''อย่างทะนุถนอม'' 
 
 
          เขามีกายที่เป็นแสงสีทองสว่างไสวเหมือนทองคำที่กำลังส่องแสงเจิดจรัส
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา