กุ่ยสิงเทียนเซี่ย หนึ่งหนู หนึ่งแมว ผ่าคดีปริศนา (ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ เรือนหอมหมื่นลี้ B2S)

10.0

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.00 น.

  19 บท
  2 วิจารณ์
  27.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 16.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) บทที่ 2 ตอนที่ 2.9 ภูมิหลังและสิ่งที่เห็น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?” ไป๋อวี้ถังถามขึ้น พร้อมกับประคองเขาไว้
 
          “ไม่เป็นไร” จั่นเจารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ยืนมั่นคงแล้วก็กำลังอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ก็พลันได้ยินเสียงร้องที่น่าสะพรึงกลัวของแมวดังก้องกังวานมา
 
          ในยามดึกดื่นเช่นนี้ เสียงร้องโหยหวนของแมวมันช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริงๆ
 
          ไป๋อวี้ถังหันไปดู ก็พบว่าแมวตัวนั้นนอนขวางทางอยู่
 
          “อะไร?” จั่นเจาได้ยินเสียง
 
          ไป๋อวี้ถังจูงเขา พาเดินมาข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบไม้ขีดไฟออกมาจุดไฟแล้วนั่งลงส่องไฟไปที่แมวนั้น ก็ได้เห็นว่าแมวป่าตัวนั้นในปากคาบหนูตายอยู หนูนั้นแข็งทื่อไปแล้ว ทวารทั้งเจ็ดล้วนแต่มีเลือดไหลออกมา
 
          จั่นเจายืนกลัวๆ อยู่ข้างๆ ไป๋อวี้ถัง "เป็นอะไรไป"
 
          ไป๋อวี้ถังลุกยืนขึ้น "แมวตายแล้ว" ดูเหมือนว่าหนูตายนั่นจะมีพิษด้วย
 
          "อนิจจา" จั่นเจาถอนหายใจเบาๆ
 
          ไป๋อวี้ถังได้สติกลับมา รู้สึกแปลกใจว่าจั่นเจาถอนหายใจทำไม จึงได้หันหน้ามามองเขา
 
          ก็พบว่าจั่นเจากำลังใช้มือเกาคาง พร้อมเอ่ยว่า "แมวกับหนูคือศัตรูกัน เวลาตายจึงมักจะตายอยู่ด้วยกัน" ไป๋อวี้ถังกระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง
 
          จั่นเจากระพริบตา แล้วถาม "หนูตัวนั้นสีอะไร ?"
 
          ไป๋อวี้ถังมองขึ้นไปบนฟ้า เก็บไม้ขีดไฟกลับเข้าไปในอกเสื้อ คว้าข้อมือของเขาแล้วพูดว่า "ไปต่อเถอะ……”
 
          แมวตัวนั้นที่วิ่งออกมาตายเมื่อครู่ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศวังเวงแปลกๆ ให้กับถนนเส้นนี้
 
          ไป๋อวี้ถังจูงจั่นเจาเดินมุ่งไปข้างหน้า รู้สึกว่ายิ่งเดินก็ยิ่งมืด ยิ่งรู้สึกเร้นลับมากขึ้น
 
          "ทำไมถึงมืดได้ขนาดนี้ ?" ไป๋อวี้ถังอดสงสัยไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเดินทางในตอนกลางคืนมาก่อน ถึงแม้จะไม่มีแสงจันทร์ แต่ก็ไม่เคยที่จะมืดมิดขนาดนี้
 
          "ลมก็เบา" จั่นเจาอยู่ดีๆ ก็พูดขึ้น "ดูเหมือนว่าเมฆจะหนาด้วย"
 
          "อืม" ไป๋อวี้ถังพยักหน้า "ศาลบรรพชนอยู่ข้างหน้านี้แล้ว"
 
          "เอ่อ……พี่ไป๋" ทันใดนั้นจั่นเจาก็เอ่ยเรียกไป๋อวี้ถังขึ้นมา
 
          ไป๋อวี้ถังหยุดเท้าหันหน้ามามองเขา
 
          "จริงๆ แล้วข้าเดินเองได้" จั่นเจาขยับมือตัวเอง ไป๋อวี้ถังก้มลงมอง ข้อมือของจั่นเจายังอยู่ในมือของเขา ไปอวี้ถังปล่อยมือ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ขัดเขินเล็กน้อย
 
          จั่นเจารู้สึกว่าไหล่เบียดไหล่มากไปแล้วจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วเอ่ยว่า "ถ้ามีหลุมหรือก้อนหินต้องบอกข้าด้วยนะ"
 
          "เอ่อ ได้" ไปอวี้ถังพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินเคียงข้างไปข้างหน้าพร้อมกับจั่นเจา ระมัดระวังแต่ละก้าวของจั่นเจาเป็นพิเศษ ว่าแต่ละก้าวที่ก้าวลงไปนั้นเป็นทางเรียบ ดูเหมือนว่าจั่นเจาจะไม่ค่อยชอบความรู้สึกที่ต้องให้คนมาคอยดูแลเท่าไหร่นัก
 
          ถึงแม้ว่าตลอดทางจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองเดินขึ้นเขาไปอย่างราบรื่น
 
          ศาลบรรพชนหม่าฟู่นี้ดูทรุดโทรมมาก ไฟก็ไม่มี ไป๋อวี้ถังเงี่ยหูฟัง ไม่มีแม้แต่เสียงคน
 
          "ไม่มีคนอยู่เลยหรือ" จั่นเจารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "ตอนแรกคิดว่าจะมีพวกชาวยุทธ์มาพักอาศัยอยู่ที่นี่บ้าง"
 
          "น่าจะไม่มีใครกล้าอยู่กันหรือเปล่า" ไป๋อวี้ถังล้วงไม้ขีดไฟออกมา อาศัยเปลวไฟเพียงเล็กน้อยนี้ส่องมองสำรวจไปรอบๆ
 
          ภายในศาลค่อนข้างมืด ที่มองเห็นโดดเด่นเป็นพิเศษก็คือรูปปั้นหม่าฟู่ที่ดูไม่ออกว่าคล้ายคนหรือผีกันแน่
 
          บนพื้นมีกองขี้เถ้าอยู่หลายกอง ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะมีคนเคยมาอาศัยอยู่ที่นี่ น่าจะเป็นพวกเด็กชาวป่าร่อนเร่พเนจรพวกนั้น
 
          "น่าจะไม่มีคนมาที่นี่สักพักหนึ่งแล้วล่ะ" จั่นเจาพูดพร้อมทำจมูกฟุดฟิดดมไปรอบๆ "ได้กลิ่นอะไรเน่าๆ หรือไม่ ?”
 
          "ข้าได้กลิ่นหลายอย่างมาก" ไป๋อวี้ถังขมวดคิ้ว "มีกลิ่นเหม็นของศพด้วย"
 
          “กลิ่นมาจากสุสานฝังศพด้านหลังหรือเปล่า” จั่นเจาพูดพร้อมกวักมือเรียกไป๋อวี้ถัง "เราไปดูกัน ?”
 
          ไป๋อวี้ถังอดสงสัยไม่ได้ “ไปดูสุสาน ?”
 
          จั่นเจายิ้ม “ไม่รู้ว่าแถวๆ นี้จะมีคนหรือไม่ ลองไปเดินดูรอบๆ ศาลบรรพชนกันก่อนเถอะ"
 
          ไป๋อวี้ถังหาที่แห้งภายในห้องโถงนั้นเพื่อก่อกองไฟ รอบๆ จึงได้สว่างขึ้นทันที มองไปรอบๆ ไม่มีอะไรแปลก กำแพงสีขาวกะเทาะลอกออกมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเกิดจากเพราะเด็กๆ พวกนั้นเล่นซนหรือไม่ บนผนังมีภาพวาดเป็นเส้นสีดำยุ่งเหยิง
 
          ไป๋อวี้ถังค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ เพื่อดูภาพวาดเหล่านั้น ตอนแรกคิดว่าเป็นภาพที่วาดขึ้นมามั่วๆ แต่ว่าพอค่อยๆ พิจารณาดูอย่างละเอียดลออ
 
          "มันเหมือนภาพวาดที่พี่ใหญ่ของเจ้าวาดไว้บนหัวเตียงนั่นมากๆ เลย"
 
          จั่นเจาได้ยินแล้วรู้สึกตกใจ "จริงหรือ ?”
 
          หยิบภาพพิมพ์ที่พวกเสี่ยวซื่อจึทำไว้ให้ ออกมาเทียบดู ไป๋อวี้ถังพยักหน้า "ภาพวาดบนหัวเตียงคือส่วนหนึ่งของภาพวาดทั้งหมดบนกำแพงนี้"
 
          ด้านข้างของกำแพงมีเศษเครื่องจักสานที่ถูกเผาเป็นเถ้าสีดำโยนทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก บนกำแพงยังมีรอยมือดำๆ ประทับไว้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เด็กพวกนั้นเป็นคนทำไว้
 
          “เด็กพวกนี้ไม่น่าจะสามารถพักที่ห้องพักชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมนั้นได้ แบบนี้ก็แสดงว่า พี่ใหญ่เคยมาที่นี่ ?”จั่นเจารู้สึกว่าเริ่มพบเบาะแสบางอย่าง ยกมือขึ้นทำท่าจะคลำไปข้างหน้า
 
          ไป๋อวี้ถังรีบเดินเข้ามา “เจ้าจะไปไหน ?”
 
          จั่นเจาใช้มือข้างหนึ่งคว้าเส้นผมของไป๋อวี้ถังที่ละอยู่บนอกไว้ได้ “ก็คลำหาเจ้าน่ะสิ”
 
          ไป๋อวี้ถังดึงเส้นผมของตนเองกลับมา และให้เขาเกาะบ่าของตนเองแทน “เจ้าอยากจะเดินดูรอบๆ ว่าพี่ใหญ่ของเจ้ามีทิ้งเบาะแสอะไรไว้บ้างใช่หรือไม่?” จั่นเจาพยักหน้า “นี่สิ ถึงเรียกว่ารู้ใจ”
 
          ไป๋อวี้ถังได้ยินคำว่า “รู้ใจ” ก็รู้สึกขัดเขินแปลกๆ จึงหันมามอง ก็บังเอิญเห็นว่าบนแท่นบูชามีเชิงเทียนอยู่อันหนึ่ง บนนั้นมีเทียนเหลืออยู่ครึ่งเล่ม เขาจึงดึงเทียนนั้นออกมา เตรียมจะจุดไฟ ไป๋อวี้ถังก็กลับมองเห็นอะไรบางอย่าง...
 
 
++โปรดติดตามตอนต่อไป อัพตอนใหม่ทุกวัน จันทร์ พฤหัส และเสาร์ ตอนสองทุ่มครึ่งค่ะ++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา