กุ่ยสิงเทียนเซี่ย หนึ่งหนู หนึ่งแมว ผ่าคดีปริศนา (ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ เรือนหอมหมื่นลี้ B2S)
10.0
เขียนโดย จอมยุทธ์หญิงนักแปล
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.00 น.
19 บท
2 วิจารณ์
27.37K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 16.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) บทที่ 2 ตอนที่ 2.7 ภูมิหลังและสิ่งที่เห็น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ถ้าหากว่ากงซุนอยู่ที่นี่ด้วยก็ดีสิ จะได้ให้เขาลองตรวจสอบศพของหลิวเจินเหรินผู้นี้ดู” จั่นเจาพูดกับตัวเอง “จะได้ดูซิว่าเจ้าหม่าฟู่ตัวนี้ จริงๆ แล้วมันฆ่าคนได้อย่างไรกันแน่”
“การตายแบบเลือดออกเจ็ดทวารยังไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่เป็นการตายแบบถูกยาพิษ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่คนชันสูตรศพจะดูไม่รู้”
“ไม่ใช่ว่าตายแล้วหรือ” จั่นเจายิ้ม “ข้ารู้สึกว่า คนชันสูตรศพคนอื่นๆ น่าจะไม่กล้าไปดูศพเหล่านั้น”
“จะว่าไป พวกคนที่ตายไปก่อนหน้านั้นที่หน้าศาลอำเภอมันช่างเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความสยดสยองจริงๆ” ไปอวี้ถังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ม่านความมืดมิดแห่งค่ำคืนได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าแล้ว คืนนี้เมฆหนามาก ดวงจันทร์ถูกบดบังด้วยเงามืดเผยให้เห็นเพียงแสงสลัวๆ
ค่ำคืนที่เหน็บหนาวและเงียบสงัดของเมืองเล็กๆ แบบนี้ มันช่างวังเวงอย่างร้ายกาจจริงๆ
“ไม่มีแสงจันทร์ ?” จั่นเจาอยู่ดีๆ ก็ถามขึ้น
ไปอวี้ถังคิ้วขมวดคิ้ว มองจั่นเจาด้วยความประหลาดใจ จั่นเจาได้แต่ยิ้ม “ข้ามองไม่เห็นก็จริง แต่สามารถรับรู้ได้ถึงแสง แต่คืนนี้รู้สึกจะมืดเป็นพิเศษ แม้แสงสักนิดก็ไม่มี”
ไป๋อวี้ถัง พยักหน้า ก่อนหน้านั้นกงซุนก็เขียนจดหมายบอกเขาแล้วว่า จั่นเจาไม่ได้บาดเจ็บอะไรร้ายแรงมาก แค่ตาบอดชั่วคราว ความหมายก็คือเขาแค่ถูกทำให้ตาบอดชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง แต่คนที่ทำ ไม่ได้ต้องการทำร้ายอะไรเขา ทำไมต้องทำให้คนๆ นึงตาบอดชั่วคราวด้วย ? มีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ ?
ศาลบรรพชนหม่าฟู่อยู่ทางตอนใต้ของเมือง แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่กันทางตอนเหนือของเมือง ต้องข้ามแม่น้ำอีไปจึงจะถึง
เมื่อมาถึงชายฝั่งของแม่น้ำอี ก็พบว่าเรือทุกลำถูกผูกอยู่ที่ริมฝั่ง ในเรือไม่มีคน ห่างไปไม่ไกลนักมีแสงตะเกียงสว่างออกมาจากกระท่อมหลังหนึ่ง ข้างในมีเสียงคนคุยกันลอดออกมา แต่ฟังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ไม่สามารถจับใจความเป็นคำได้
“น่าจะเป็นคนเรือพักกันอยู่บนนั้น” ไปอวี้ถังจูงจั่นเจาเดินมุ่งหน้าไปทางนั้น พอเดินเข้ามาใกล้ก็ได้ยินเสียงคนพูด ฟังดูน่าจะเป็นเสียงของผู้หญิง “อั้ยหย๋า พวกเราไม่ได้จะไม่จ่ายเงินให้ท่านนะ ก็บอกไปหมดแล้วว่าพวกเรารีบ พี่ชายช่วยพาพวกเราข้ามไปหน่อยได้หรือไม่ ! ”
ไป๋อวี้ถังเลิกคิ้ว รู้สึกเสียงคุ้นๆ
“เหมือนหญิงสาวสองคนที่เจอเมื่อตอนมา” จั่นเจาแม้จะมองไม่เห็น แต่กลับจำเสียงได้อย่างแม่นยำ
เมื่อมาถึงที่หน้ากระท่อม ทั้งสองมองเข้าไปข้างใน ที่แท้ก็คือซานเฟิ่ง ซื่อเฟิ่ง นางทั้งสองสะพายห่อผ้ายืนอยู่ที่ข้างโต๊ะ ชายฉกรรจ์ประมาณสามถึงห้าคนนั่งอยู่ในกระท่อม บางคนกำลังกินบะหมี่ บางคนกำลังจิบชา หญิงสาวสองคนนี้ดูเหมือนว่ากำลังขอร้องให้ทุกคนพาข้ามฟาก แต่ว่าบรรดาเหล่าคนเรือต่างก็ไม่ยอม
ไป๋อวี้ถังและจั่นเจาเปิดม่านเดินเข้ามาข้างใน ไป๋อวี้ถังเอ่ยขึ้น “ข้าขอจ้างพวกเจ้า ให้พาพวกข้าข้ามฟากไปฝั่งกระโน้นสักหน่อยจะได้หรือไม่”
“เอ่อ……”
เหล่าคนเรือได้เจอซานเฟิ่งกับซื่อเฟิ่งก่อน ซึ่งพวกเขาก็ไม่คิดอยากที่จะไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนแรกก็กะว่าจะไปส่งๆ ให้เสร็จแล้วก็จะได้กลับ แต่นี่มีไป๋อวี้ถังกับจั่นเจามาเพิ่มอีก ยิ่งทำให้ลำบากใจมากขึ้น
“คุณชายทั้งสอง เรือของพวกเราไม่ข้ามแม่น้ำอีในยามค่ำคืนนะขอรับ มันเป็นกฎข้อห้าม” ชายหนุ่มทนไม่ไหวจึงต้องบอกกับไป๋อวี้ถังไปว่า “เพราะหากว่าท่านเทพหม่าฟู่เห็นเรือเราในยามค่ำคืน ท่านจะมาพลิกเรือของพวกเรา”
ไป๋อวี้ถังและจั่นเจาอดสงสัยไม่ได้
“เมื่อก่อนเคยมีคนถูกหม่าฟู่พลิกเรือล่มงั้นหรือ ?” ซื่อเฟิ่งน้ำเสียงไม่พอใจ “อย่ามาโกหกพวกเราหน่อยเลย”
“เปล่านะขอรับ........” คนเรือหลายๆ คนต่างก็ไม่ยอมไป “ถึงแม้จะมีเงินให้ก็ไม่เอางั้นหรือ”
ไป๋อวี้ถังเห็นสีหน้าจนปัญญาของบรรดาคนเรือ ก็รู้สึกว่ามันคงเป็นกฎข้อห้ามจริงๆ เขากำลังคิดว่า ถ้าลองให้รางวัลหนักๆ จะมีผู้กล้าหรือไม่นะ ถ้าไม่ได้ผล ก็คงต้องรอพรุ่งนี้เช้าจริงๆ แล้วพอคิดได้ ก็เอามือล้วงเข้าไปที่หน้าอกเสื้อหยิบตั๋วเงินออกมาหนึ่งใบส่งให้บรรดาคนเรือ “จะไปหรือไม่ ?”
คนเรือหลายคนพอเห็นตั๋วเงินนั้นแล้ว ก็ล้วนแต่ตาโตเบิ่งโพลงขึ้น แสดงท่าทีลังเล ต่างหันมองหน้ากัน
“เมียจ๋า เลี้ยงดูครอบครัวจนตายนั้นถือว่ากล้าหาญ ปล่อยให้ครอบครัวอดตายนั้นถือว่าขี้ขลาด” ชายฉกรรจ์ผิวดำทะมึน รูปร่างดูแข็งแรงกำยำ ยืนขึ้นท่ามกลางคนเรือทั้งหมด พูดกับไป๋อวี้ถังว่า “เอาตั๋วเงินนั้นมาให้ข้า ข้าจะเอากลับไปให้ลูกเมียของข้าที่บ้านก่อน แล้วประเดี๋ยวข้าจะกลับมาส่งพวกเจ้าข้ามฟากไปฝั่งกระโน้น ถึงตายก็คุ้มค่า ดีกว่าที่จะให้ลูกเมียต้องมาเผชิญความยากจนไปกับข้า”
ไป๋อวี้ถังพยักหน้ารับคำ นำตั๋วเงินส่งให้เขา “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายหรอกน่ะ”
“ตกลง” ชายฉกรรจ์ผู้นั้นรับตั๋วเงินไปจากมือของไป๋อวี้ถังแล้วก็หันไปสั่งเสียพี่น้องคนเรือหลายๆ คนที่อยู่ข้างๆ ถ้าหากว่าตนเองไม่มีชีวิตรอดกลับมา ก็ขอให้ช่วยดูแลครอบครัวให้ด้วย เหล่าพี่น้องคนเรือต่างพยักหน้าตกปากรับคำ ไป๋อวี้ถังและจั่นเจาเดินออกมาจากกระท่อมไปยืนรออยู่ที่ท่าเรือ
หนุ่มฉกรรจ์ผู้นั้นพูดจาน่าเชื่อถือได้ เขากลับไปบ้านซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก นำเงินไปให้ครอบครัวเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่ท่าเรือ นำเรือของตนเองออกมา
ไป๋อวี้ถังช่วยจูงจั่นเจาขึ้นเรือ ซานเฟิ่งและซื่อเฟิ่งก็กระโดดตามขึ้นเรือมาด้วย
“เห้ย !”หนุ่มคนเรือหันไปตะโกนใส่หญิงสาวทั้งสอง “เจ้าสองคนขึ้นมาทำไม”
ซื่อเฟิ่งตอบกลับไม่เต็มปากเหมือนพึมพำกับตัวเอง “ไปด้วยกันแหล่ะน่า !”
คนทั้งเรือมองไปที่ไป๋อวี้ถังกับจั่นเจา แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ว่าอะไร และก็ไม่ได้ห้ามขัดขวาง
ซานเฟิ่งและซื่อเฟิ่งจึงรีบเดินเข้าไปในเรือ หนุ่มคนเรือก็เลยไม่รู้จะว่าอะไรได้อีก พาเรือออกจากฝั่ง เพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม
คนเรือยืนอยู่ที่หางเรือค่อยๆ แจวเรือไปด้วยความระมัดระวัง ไป๋อวี้ถังและจั่นเจานั่งอยู่ข้างๆ เขา เพื่อให้แน่ใจว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ชักดาบจัดการได้ทันท่วงที
ซานเฟิ่งและซื่อเฟิ่งนั่งอยู่ในเรือ มองไป๋อวี้ถังและจั่นเจาด้วยความเคลือบแคลงสงสัย นางทั้งสองพากันเดาถึงสถานะของสองคนนี้
จั่นเจาถามคนเรือ “พี่ชายท่านนี้ จะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรดี”
“โอ้ เรียกข้าว่าเหล่าซื่อก็ได้!” คนเรือตอบยิ้มๆ “คุณชาย พวกท่านต้องการข้ามแม่น้ำอีกันดึกดื่นแบบนี้ ต้องการไปที่เมืองทางใต้เพื่อทำธุระอย่างนั้นหรือ?”
ไป๋อวี้ถังพยักหน้า พร้อมตั้งคำถาม “ตำนานหม่าฟู่นี่มีมานานแค่ไหนแล้ว”
“โอ้โห !…… มีมานานแล้ว” เหล่าซื่อถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ข้าเคยได้ยินปู่ของข้าพูดถึง ปู่ของข้าน่าจะฟังปู่ของเขาเล่ามาอีกทีหนึ่ง”
“ทำไมมีคนพูดถึงหม่าฟู่มากมายขนาดนี้ พวกเจ้าเคยเจอจริงๆ หรือไม่” จั่นเจายิ้มถาม
“จะเจอได้อย่างไร” เหล่าซื่อส่ายหัว “คุณชาย ข้าขอบอกอย่างไม่ปิดบังเลยนะ เมื่อก่อนพวกเราหลายๆ คน ก็ล้วนแต่ไม่เชื่อเรื่องนี้ แม่น้ำอีก็ดูเงียบสงบ มีปีนี้นี่แหล่ะ ไม่รู้ว่ามีใครไปทำผิดกฏของหม่าฟู่ ถึงได้เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมากมายขนาดนี้”
“เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมากมายงั้นหรือ”
เหล่าซื่อเห็นว่าจั่นเจาถามด้วยความอยากรู้ ก็เลยพยายามทำใจตัวเองให้กล้าหาญ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันมานี้ให้ฟัง
ไป๋อวี้ถังนั่งอยู่ที่หัวเรือ ก็เห็นลักษณะเหมือนกองหญ้า หลายๆ กองลอยมากับน้ำ จึงจ้องมองดูอย่างพินิจพิเคราะห์...
++โปรดติดตามตอนต่อไป อัพตอนใหม่ทุกวัน จันทร์ พฤหัส และเสาร์ตอน 2ทุ่มครึ่งค่ะ++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ