วุ่นนัก รักคุณผู้จัดการ

-

เขียนโดย Hermione001

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.43 น.

  20 ตอน
  1 วิจารณ์
  19.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 15.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ความหนาวและข้อตกลงของเรา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พี่ซองมินของฉันนี่สมแล้วที่เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวเพราะเขาจัดการทุกอย่างให้ออกมาดีและทุกฝ่ายก็มีความสุข ยกเว้นเจ้าอสูรร้ายนิสัยไม่ดีที่ต้องไปขอโทษและสารภาพทุกอย่างกับโปรดิวเซอรร์รายการ หึ! สมน้ำหน้า

เพราะพี่ซองมินกลับมาแล้วฉันก็เหมือนมีเจ้าชายรูปงามคอยปกป้อง แถมฉันยังได้เจอเจ้าชายของฉันทุกวันเพราะช่วงนี้พี่ซองมินออกงานกับยองวอนตลอด ทำให้หมอนั่นคงไม่มีปัญญาแกล้งฉันได้อีกแล้ว 

หลังจากกินข้าวเสร็จฉันก็เดินขึ้นมาที่ห้องเพื่อจะอาบน้ำแล้วเข้านอนตามปกติเหมือนทุกวัน แต่...

ระหว่างที่เดินผ่านห้องของยองวอนอยู่ดีๆเขาก็เปิดประตูออกมา ฉันตกใจจนสะดุ้งและหยุดชะงักอยู่กับที่เพราะเขาไม่ใส่เสื้อแต่กลับเดินออกมานอกห้องแบบนี้ เป็นบ้าอะไรของเขาคิดว่าอยู่คนเดียวหรือไงถึงได้ใส่กางเกงตัวเดียวเดินออกมาข้างนอก และเพราะความสูงของฉันที่ทำให้ระดับสายตามันดันไปตรงกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ลอยฟันของฉันเองและที่ตลกมากก็คือฉันดันเลือกตำแหน่งได้ดีสุดๆ เพราะหัวนมของเจ้าอสูรร้ายนิสัยไม่ดีถูกล้อมรอบไปดัวยรอยฟันของฉัน

ฉันพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถและเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นเพราะไม่อยากจะให้เขาอายไปมากกว่านี้ จึงเลือกที่จะเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หมับ!! แต่ขณะที่ฉันเดินผ่านไปจนเกือบจะพ้นหน้าห้องของเขาแล้วยองวอนกลับเอื้อมมือมากระชากแขนฉันเข้าหาตัวเขาอย่างแรง ตุบ!!

“โอ๊ย!” เพราะแรงของเขาเยอะมากจนทำให้ฉันกระเด็นเข้าหาตัวและชนเข้ากับแผงอกของเขาอย่างแรง ตึก ตึก ตึก แล้วทำไมหัวใจต้องเต้นแรงขนาดนี้ ก็แค่....หน้าอกที่มีกล้ามเนื้อสวยๆเต็มไปหมด โอ๊ย!! ตั้งสติหน่อยสิพาราดา

“เห็นแผลไหม?” ยองวอนพูดพร้อมกับมองที่แผลของตัวเอง ใกล้ขนาดนี้ฉันจะไม่เห็นได้ไงละแค่สายตาสั้นไม่ได้ตาบอด

“แล้วไง” ฉันตอบเขาด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ช่วยไม่ได้ก็อยากมาแกล้งฉันก่อนเอง

“จะรับผิดชอบยังไง รู้ไหมหน้าอกของฉันมันมีค่าเท่าไหร่?” ยองวอนจับแขนของฉันเอาไว้แน่น และไม่ปล่อยให้ฉันถอยออกมาได้

“เลิกหายใจรดหน้าอกฉันสักที” เพราะเขาเห็นว่าฉันไม่ตอบอะไรถึงยอมเป็นฝ่ายถอยออก พร้อมกับเอามือขึ้นมาลูบที่กลางอกซึ่งเป็นจุดที่ตรงกับจมูกของฉันจนสัมผัสกับลมหายใจอุ่นๆ

“อสูรร้ายอย่างนายก็เหมาะกับแผลนั่นดีนี่” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเต็มที่และหันหลังกลับเพื่อเดินไปที่ห้องของตัวเอง

“ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ ระวังตัวไว้เถอะ” ยองวอนตะโกนตามหลังฉันมาแต่ฉันไม่กลัวนายหรอก เพราฉันมีเจ้าชายคอยปกป้องแล้ว

วันต่อมา..

ทำไมสวรรค์ไม่ค่อยเข้าข้างฉันเลย เพราะวันนี้จะไม่มีใครปกป้องฉันได้อีกแล้ว ความจริงวันนี้ยองวอนต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดกับพี่ซองมินแต่เพราะพี่มีธุระด่วยเลยถูกเปลี่ยนจากพี่ซองมินเป็นซีโน่แทน ฮือ!! ทำไมโหดร้ายกับฉันแบบนี้

 “นี่เธอทำอะไร ขึ้นมาบนรถทำไม”เขาหันมาถามฉันที่กำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย

“เอ่ออ ก็ไปทำงานกับนายไง”ฉันหยุดดึงสายเข็มขัดแล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบเขา

“ใครบอกว่าจะให้เธอไปคันนี้ นี่รถฉันไม่ใช่รถบริษัท ฉันเป็นคนอนุญาตว่าใครจะมีสิทธิ์ขึ้นรถคันนี้”

โอ้โห เล่นแบบนี้เลยหรอ ฉันเริ่มจะโกรธจริงๆ แล้วนะ

“พี่!” ซีโน่ที่ขึ้นมาหลังและนั่งอยู่ข้างหลังตะโกนเพื่อเรียกสติของยองวอน ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีอีกแล้ว

“นายเงียบไปเลย จำไม่ได้หรอยัยนี่เคยบอกว่าคนที่มีสิทธิ์ไล่เธอออกมีแค่ประธานเพราะบริษัทเป็นของประธาน นี่ก็รถฉันเหมือนกัน”เขาพูดแล้วก็หันมาทำหน้าสะใจใส่ฉัน นายนี่ร้ายจริงๆฉันจะเอาไปแฉให้หมดว่าความจริงมันเป็นพวกอสูรร้ายนิสัยไม่ดี

“ไม่เป็นไรซีโน่ เดี๋ยวฉันนั่งรถตามไปนะ” ฉันหันไปยิ้มอย่างใจเย็นให้ซีโน่ แต่จริงๆในใจฉันจะระเบิดแล้ว

“งั้นนั่งรถระวังๆนะ เธอน่าจะนั่งรถทัวร์ไปเพราะที่เราไปมันไกลอยู่” 

“โอเค เดี๋ยวฉันตามไป”

หลังจากที่ฉันลงจากรถ เขาก็ออกรถทันทีแบบไม่ใยดีฉันเลยสักนิด เห้อ! นี่ต้องนั่งรถไปเองจริงๆหรอ มันไม่ใช่ใกล้ๆนะที่ฉันกำลังจะไปเนี้ย ฮือออออ นั่งรถก้นชาแน่

7:23 น.

ในที่สุดก็มาถึงจนได้ดัวยการนั่งรถมาอย่างทุลักทุเลจริงๆ นี่ขนาดทำงานไม่ถึงเดือนฉันกับยองวอนยังทะเลาะกันขนาดนี้ นี่ยังไม่ได้พูดเรื่องรายการที่เขาต้องไปถ่ายเลยนะ ตายแน่ยัยพาราดา

“พาราดา” เสียงซีโน่ตะโกนเรียกฉันเป็นสัมเนียงภาษาไทยทำให้ยองวอนที่อยู่ข้างหลังหันกลับมามองตาม ฉันรีบวิ่งไปหาซีโน่ทันทีพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระมากมายของพวกเขา

“เป็นไงบ้าง เริ่มถ่ายกันแล้วหรอ” ฉันถามขณะที่วางของลงบนโต๊ะที่ทีมงานจัดไว้ให้

“จะให้รอเธอมาหรอ คงถ่ายเสร็จพรุ่งนี้อะ” นั่นไง เสียงยองวอนดังมาจากข้างหลัง แล้วฉันมาช้าแบบนี้เพราะใครล่ะ ไม่ใช่เพราะนายหรอ?

“ขอโทษค่ะ” ฉันโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอโทษกับความผิดที่ฉันไม่ได้ทำ

“ทีหลังถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมาเป็นผู้จัดการฉันสิ นี่ถ้าเป็นงานใหญ่กว่านี้พวกเราจะไม่มีปัญหาเพราะผู้จัดการที่ไร้ความรับผิดชอบไร้ความสามารถแบบเธอหรอ? ประสบการณ์ก็มีไม่เคยจำ” นี่ความผิดฉันมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอเท่าที่จำได้ที่ผ่านมานายเป็นคนก่อเรื่องทั้งนั้นน่ะ

“ขอโทษค่ะ” ฉันกล่าวขอโทษอีกครั้ง ตั้งแต่วันนี้ไปฉันตั้งใจไว้ว่าจะลองทำตัวดีๆและพูดดีๆกับเขา เพราะถ้าเราทะเลาะกันไปมาก็มีแต่ฉันที่จะเดือดร้อน ยองวอนดูแปลกใจที่เห็นท่าทางของฉันแปลกไป

หลังจากนั้นงานถ่ายรายการก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ฉันก็คอยวิ่งดูแลพวกเขาตามหน้าที่ของผู้จัดการ ดีที่ยองวอนเป็นคนตั้งใจทำงานมาก เขาจะไม่ยอมให้เรื่องอื่นมาทำลายงานที่เขากำลังทำอยู่ เรื่องนี้ที่ได้ยินจากคนอื่นใน Trust5 คงเป็นเรื่องจริง ไม่งั้นฉันคงโดนเขาแกล้งอีกเยอะแน่ๆ

หลังจากการถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย นี่ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วซึ่งอากาศก็เริ่มหนาวแล้วด้วย ฉันเดินไปหาซีโน่กับยองวอนและหยิบเสื้อคลุมตัวหนาให้พวกเขา เพราะวันนี้ต้องกระโดดลงน้ำหลายรอบมาก รายการที่พวกเขามาถ่ายเป็นรายการวาไรตี้ เป็นเกมส์ที่ทั้งคู่ต้องเล่นตามฐานต่างๆที่ทีมงานจัดไว้ คงจะหนาวน่าดูและพวกเขาก็ใส่เสื้อผ้าค่อนข้างบางฉันเลยเตรียมเสื้อมาให้ด้วย

ยองวอนดึงเสื้อที่ฉันยื่นให้ไปจากมือและสวมมันทันที ส่วนซีโน่เขายืนกางแขนให้ฉันเพื่อให้ใส่เสื้อให้ ฉันเดินอ้อมไปทางด้านหลังแล้วใส่เสื้อให้เขาทันที 

“ซีโน่ กลับกันเถอะ” ยองวอนเดินมาแล้วเอามือคล้องคอซีโน่

“อ่าว รอพาราดาเก็บของก่อนสิพี่” ซีโน่ชี้มาที่ฉันที่กำลังเก็บของอยู่

“รอทำไม เขามายังไงก็ให้กลับแบบนั้นสิ ไปเถอะ” ฉันยืนนิ่ง และก็มองยองวอนที่กำลังลากซีโน่ไปที่รถ 

“พาราดากลับดีๆนะ แล้วมีอะไรโทรหาฉัน ถ้ารถไม่มีเข้าใจไหม?” ซีโน่พูดกับฉันเป็นภาษาไทย ฉันพยักหน้าตอบรับ ตาก็มองพวกเขาค่อยๆเดินไปที่รถน้ำตาก็เริ่มจะไหลออกมา นี่มันดึกมากแล้วน่ะทำไมยองวอนต้องแกล้งฉันแบบนี้ด้วย หนาวก็หนาว

ฉันเอามือปาดน้ำตาและเริ่มเก็บของต่อหลังจากนั้นก็เดินไปนั่งรอรถ ฉันต้องนั่งรถจากตรงนี้ไปที่สถานีรถทัวร์เพื่อซื้อตั๋วกลับไปที่โซล 

แต่! เวลาผ่านไปก็เกือบชั่วโมงแล้วรถโดยสารก็ยังไม่ผ่านมาสักคัน ที่นี่ค่อนข้างจะชนบทและติดกับทะเล มันเลยหนาวมากๆลมก็แรงมากๆ และนี่ก็เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วด้วย ฉันนั่งสั่นรอรถอยู่นานและในที่สุดรถก็มา โอ๊ยย! หัวฉันมันเริ่มปวดตึบๆ ฉันคงกำลังจะป่วยสิน่ะ 

“ในเวลานี้จะมีแค่เราสองคน ผมไม่อยากปล่อยให้มันจางหาย 

เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะผมอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป...”

เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นมาจากในกระเป๋า ฉันควานหาอย่างทุลักทุเลเพราะของที่ถืออยู่มันก็เยอะเหลือเกิน

ชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์คือ ซีโน่ 

“ฮัลโหล” ฉันรีบกดรับทันที

“นี่เธออยู่ไหนแล้ว? ขึ้นรถหรือยัง? หนาวหรือเปล่า? หิมะตกหรือยัง? ที่นี่ตกแล้วนะ หาเสื้อหนาๆใส่ด้วย” เมื่อฉันกดรับโทรศัพท์เขาก็รัวคำถามเป็นภาษาไทยใส่ฉันทันที

“ฉันขึ้นรถแล้วไม่ต้องห่วง อีก2ชั่วโมงน่าจะถึงคอนโด นายนอนได้แล้วจะตี1แล้วพรุ่งนี้นายมีงานต่อนะ” ฉันโกหก ตอนนี้ฉันไม่โอเคมากๆ ทั้งหนาวทั้งเหนื่อยทั้งปวดหัว ฮือออ

แต่ฉันจะพูดออกไปได้ยังไงล่ะ วันนี้พวกเขาถ่ายงานมาลำบากมาก พวกเขาก็น่าจะไม่สบายเหมือนกัน นี่ฉันแค่ยืนตากอากาศหนาวอยู่ข้างบนอย่างเดียว ถ้าพวกเขาป่วยแฟนคลับอย่างฉันคงทนไม่ได้แน่ อย่างตอนที่มีข่าวว่า ยองวอนเข้าโรงพยาบาลเพราะทำงานหนักแฟนคลับนี่แทบจะร้องไห้เพราะความเป็นห่วง

ฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้คงเพราะเพลียมาก รถมาจอดที่สุดปลายสายคือสถานีขึ้นรถทัวร์ ฉันแบกร่างกายที่หนาวสั่นและกระเป๋าหนักๆไปซื้อตั๋วเพื่อกลับคอนโด พวกเขาบอกว่าต้องนั่งรออีก10นาทีรถจะออก หิมะเริ่มตกลงมา ตอนนี้มันหนาวมากจริงๆฉันเปิดกระเป๋าที่ใส่ของให้ซีโน่กับยองวานมาเพื่อหาอะไรอุ่นๆคุมร่างกาย ก็เจอกับผ้าพันคอผืนหนึ่ง ฉันขอโทษแต่ขอยืมหน่อยไม่งั้นจะต้องหนาวตายแน่ๆ 

แต่ผ้าพันคออันนี้เหมือนฉันเคยเห็นน่ะเจ้าอสูรร้ายชอบใส่บ่อยๆเขาคงรักมาก จะถอดออกก่อนถึงคอนโดก็แล้วกัน ฉันพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่สั่นจนแทบจะพูดออกมาไม่รู้เรื่อง 

เมื่อมาถึงสถานีที่โซล ฉันก็ต้องนั่งรถแท็กซี่ต่อไปยังคอนโด ตอนนี้เหมือนจะเดินไม่ไหวแล้วร่างกายมันหนักไปหมด พอแท็กซี่มาจอดที่ทางเข้าเดินไปอีกหน่อยก็จะถึงคอนโด ฉันขุดพลังงานขีดสุดท้ายออกมาใช้แต่ดูเหมือนมันจะหมดลงแล้ว 

พรึบ~~

ฉันเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว ขาก็อ่อนและล้มลงกับพี้นที่เริ่มมีหิมะเกาะตามพื้นและเย็นมากๆ แว่นที่ใส่อยู่ก็ตกลงพื้นทันที หนาวจังเลยหนาวจนจะทนไม่ไหวแล้ว เดินต่อไม่ไหวแล้ว ฉันกำลังจะหนาวตายแล้วสิน่ะ ตอนนี้เริ่มมองอะไรไม่เห็น ทุกอย่างมันมัวไปหมด หลังจากนั้นก็มีแสงไฟจากรถส่องมาจากด้านหลัง

 “คุณครับ คุณครับ” เสียงผู้ชายที่เรียกฉันและเขาพยายามพยุงฉันขึ้น

“อ้าว! ดาด้า” คราวนี้เป็นเสียงผู้หญิงที่รู้สึกเหมือนเคยได้ยินมาก่อน ถึงจะพยายาม้ปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งแค่ไหนแต่ก็ไม่เป็นผล หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดไปหมด

อุ่นจังเลย นิ่มด้วย ฉันลืมตาขึ้นมาก็รีบมองหาแว่นทันที เมื่อเห็นว่ามันวางอยู่บนหัวเตียงก็รีบหยิบขึ้นมาใส่ เมื่อมองสำรวจไปรอบๆห้องก็พบว่า ฉันตื่นมาที่ไหนไม่รู้มันดูไม่คุ้นตาและก็อุ่นมาก ในห้องกว้างมากและมีฮีตเตอร์ทำความร้อนอยู่ใกล้ๆ แบบนี้เองถึงได้รู้สึกอบอุ่นขนาดนี้ ฉันพยายามดันตัวจากเตียงขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแบบมึนๆ มองไปที่เสื้อผ้าที่ฉันใส่มันยังชุดเดิมเลยนี่นา

ห้ะ! นี่บ่าย4โมง นี่หลับไปกี่ชั่วโมงแล้วเนี้ย หลังจากเรียบเรียงเหตุการณ์และก้มลงมองนาฬิกาก็พบว่าตัวเองน่าจะหมดสติไปหลายชั่วโมง ถึงขั้นข้ามวันเลย

“อ้าว! ตื่นแล้วหรอ” ฉันมองตามเสียงไปที่ประตูห้อง ก็พบว่าเป็นพี่มีรัน

“ค่ะ ขอโทษค่ะหนูหลับไปนานเลย”

“ไม่เป็นไร แล้วทำไมถึงเดินหนาวมาแบบนั้นละ มันอันตรายน่ะระวังหน่อยสิถ้าอึนจูกับซองมินไม่ไปเจอ เราอาจจะหนาวตายเลยนะ พี่บอกแล้วไงมีอะไรให้บอกพี่ ที่หลังก็โทรหาพี่เข้าใจไหม” พี่มีรันร่ายยาว รัวคำถามใส่ฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันชินกับการอยู่คนเดียวมาตลอดและคิดว่าจะสามารถผ่านทุกอย่างไปได้โดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากใคร  แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เลยถ้าพี่อึนจูไม่มาเจอฉันอาจจะตายจริงๆก็ได้ พอคิดแบบนั้นน้ำตาก็เริ่มจะไหลทันที 

ความจริงตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมาก แต่เพราะไม่รู้จะต้องทำยังไงในสมองคิดแค่ว่าจะต้องกลับมาที่นี่ให้ได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ พี่อึนจูกับซองมินหรอ งั้นก็แสดงว่าผู้ชายที่เรียกฉันตอนที่ฉันล้มตอนนั้นคือพี่ซองมินหรอ จริงใช่ไหมเนี้ย? อร้ายยยย! พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบมองไปรอบๆห้อง นี่เรื่องจริงใช่มั้ยเนี่ย นี่ห้องพี่ซองมิน มีรูปเขาเต็มไปหมด ต้องเป็นห้องเขาแน่ๆ

“ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้ตกใจ ห้องนี้ห้องพี่ซองมินหรอคะ?” ฉันตัดสินใจถามพี่มีรันเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

“ใช่ เขาเป็นคนอุ้มเธอมาน่ะ” อึ้งค่ะ อึ้งกับคำตอบมาก ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เริ่มรู้สึกเสียดายที่ตอนนั้นไม่มีสติแล้วสิ

“กินข้าวก่อนนะ ซดน้ำซุปร้อนๆจะได้ดีขึ้น แล้วก็กินยาด้วย” พี่มีรันยื่นข้าวที่ถือเข้ามาด้วยให้ฉัน

ฉันรับมาแล้วกินอย่างหิวโหย ลืมไปเลยว่าเมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า หลังจากที่กินข้าวเสร็จฉันก็กินยาตามที่พี่มีรันบอก แล้วก็หลับไปไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะฉันเพลียมากกันแน่

พโยยองวอน

“ยองวอน ออกมาคุยกับฉันหน่อย” พี่ซองมินที่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างเตียงผมพร้อมเปิดไฟให้เรียบร้อย

“มีอะไรพี่ คุยพรุ่งนี้เช้าได้ไหม? พรุ่งนี้ผมมีงานนี่ก็พึ่งกลับมาเองขอนอนต่อน่ะ” ผมพูดเสร็จก็ดึงผ้ามาคลุมปิดหน้าทันที

พรึ๊บ!! พี่ซองมินดึงผ้าห่มของผมออกอย่างแรง

“ฉันต้องคุยตอนนี้ ฉันจะลงไปรอข้างล่างตามลงมาให้เร็ว” พี่ซองมินยื่นยันที่จะคุยกับผมให้ได้ นั่นทำให้ผมต้องฝืนลงไปถึงจะง่วงแค่ไหนก็เถอะ ผมเดินลงมาตามบันไดและลงไปนั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ ตาก็ยังไม่ลืมก็มันง่วงนี่พึ่งกลับมาได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง

“นายไปแกล้งผู้จัดการใหม่ทำไม เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งเธอสักที” คำถามของพี่หัวหน้าวงทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมา นี่ยัยนั่นไปฟ้องพี่หรอ เหอะ! ร้ายนักนะ คงจะรู้ว่าฉันเคารพพี่ซองมินเหมือนพี่แท้ๆเลยไปฟ้องเขาสินะ

“ก็ผมไม่ชอบผู้จัดการ ผมไม่ไว้ใจพวกเขาพี่ก็รู้ แล้วนี่ยัยนั่นย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ถ้าเกิดอะไรไม่ดีอีก ผมไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน” ผมตอบกลับไปแบบหงุดหงิดที่เรื่องของยัยนั่นทำให้ผมเสียเวลานอน

“นายก็เลยให้เขานั่งรถไปแล้วก็กลับมาเอง นายไม่เห็นหรอว่าเขายังเด็กอยู่ตัวก็เล็กนิดเดียว แล้วยังจะต้องขนของมากมายคอยดูแลพวกนาย” พี่เริ่มขึ้นเสียงใส่ผม ปกติพี่ซองมินจะไม่ดุพวกเราถ้าพวกเราไม่ทำอะไรผิดจริงๆอะนะ หรือคราวนี้ผมจะผิดจริงๆ ผมแกล้งยัยนั่นแรงไปหรอ

“นายรู้ไหมเขาเกือบจะหนาวตายอยู่หน้าคอนโด ดึกป่านนี้นายให้เขาไปยืนรอรถคนเดียว จะบ้าหรอยองวอน เขาเป็นเด็กมีพ่อมีแม่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมานายรับผิดชอบไหวหรอ?” 

“หนาวตายหรอ ยัยนั่นเป็นอะไร?” ผมถามด้วยความตกใจ คราวนี้ตกใจจริงๆนะผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้

“ฉันเข้าใจที่นายเป็นแบบนี้ แต่นายก็โตแล้ว อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป คนเราไม่ได้เหมือนกันทุกคนนะยองวอน คนดีๆ ก็ยังมีดูพี่มีรันกับพี่อึนจูสิ เขาเคยทำร้ายนายหรือใครในTrust5หรอ ทำไมนายถึงยังเอาคนๆเดียวมาคอยทำร้ายคนอื่นอยู่แบบนี้” ตอนนั้นผมมัวแต่สะใจกับการแกล้งยัยผู้จัดการใหม่ เลยไม่ทันคิดถึงเรื่องรถที่ยัยนั่นต้องนั่งกลับเลย 

“นายควรไปขอโทษเธอ เพราะครั้งนี้นายทำเกินไปจริงๆ” จบประโยคนั้นพี่ก็เดินขึ้นไปที่ห้องซีโน่กับฮยอนจุน คงจะไปต่อว่าซีโน่ต่อแน่ๆ ผมไม่โดนพี่ว่าแบบนี้มานานมากแล้ว น่าจะประมาณ2ปีได้แล้วแหละ แต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกผิดและก็รู้สึกโชคดีมากที่ยัยนั่นไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ป่านนี้เธอคงนอนพักอยู่ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปดูแล้วก็ขอโทษเธอแล้วกัน

………………………………………………………………………………………

ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องทำให้ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันหยิบแว่นมาใส่แล้วเดินไปเปิดประตูทันทีเพราะคิดว่าคนข้างนอกคงจะมายืนเคาะอยู่    นานพอสมควร 

“ยองวอน” ทำไมฉากนี้มันคุ้นๆ เหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรกไม่มีผิด นี่เขาจะมาด่าอะไรฉันอีก

“เธอเป็นยังไงบ้าง?” หื้ออ น้ำเสียงเขาดูอ่อนโยนแตกต่างจากคนเดิมที่ฉันเจอมาตลอด นี่คือตัวเขาจริงๆใช่ไหม พโยยองวอนคนเดิมที่แสนอบอุ่นต่อแฟนคลับและคนรอบข้างจะกลับมาแล้วใช่ไหม หรือป่วยถึงได้เป็นแบบนี้

“ฉันดีขึ้นแล้ว” ฉันตอบเขา แล้วเราก็ยืนนิ่งมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง มาเคาะประตูเพื่อยืนจ้องหน้าฉันหรอ

“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดมาก หึ! หล่อขนาดนี้ฉันก็อยากให้อภัยนะ แต่..

“ฉันอยากรู้มากกว่า ว่าทำไมนายต้องทำแบบนี้? ฉันไปทำอะไรให้นายไม่ชอบก็บอกฉันได้นะ ฉันมาที่นี่เพราะตั้งใจจะมาทำงานจริงๆ ถ้าเราเป็นแบบนี้ฉันเองก็ทำงานไม่ได้นายก็จะลำบากด้วยที่ต้องมาคอยโกรธคอยแกล้งฉัน”

“มันไม่ใช่ความผิดเธอหรอก” ห้ะ! ไม่ใช่ความผิดฉัน แต่ทำกับฉันขนาดนี้อะนะ “แต่ฉันก็ไว้ใจเธอไม่ได้อยู่ดี” เขาพูดหลังจากที่เห็นฉันยืนเงียบ

ไม่ใช่ความผิดฉันแต่แกล้งกันขนาดนี้ ฉันเป็นแฟนคลับนายนะ ติดตามนายมาตั้ง5ปี แล้วควรเจอเรื่องแบบนี้ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดฉันหรอ

“เธอพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”

“เดี๋ยวก่อน!” ฉันเดินไปหยิบผ้าพันคอให้เขาเพราะมันติดตัวอยู่ตอนที่สลบไป 

“นี่!” พอยองวอนเห็นผ้าพันคอก็ทำหน้าตาตื่นทันที แถมยังขึ้นเสียงใส่ฉันอีก

“อย่าบอกน่ะว่าเธอใส่มัน” 

ก็ต้องใส่สิฉันกำลังจะหนาวตายนะ

“ใช่” ทันทีที่ได้ยินคำว่าใช่ ยองวอนอสูรร้ายก็กลับมาทันที

“เธอกล้าดียังไงมาใช้ของของคนอื่นโดยไม่ได้ขออนุญาต” เขาตะคอกใส่ฉันพร้อมทั้งเอามือสองข้างมาบีบที่แขนของฉันอย่างแรง โอ้ย!! อะไรของนายเนี้ยฉันตามไม่ทันจริงๆ

“ก็เพราะเธอมันโง่ งี่เง่า ไร้มารยาทแบบนี้ไง ฉันถึงได้เกลียดเธอ ยังมีหน้าจะมาเป็นผู้จัดการฉันกลับไปฝึกทำตัวให้มันมีมารยาทก่อนไหม เธอคิดว่าเธอเป็นใครรู้จักฉันดีแค่ไหนถึงจะมาดูแลฉัน เป็นผู้จัดการแล้วจะทำอะไรกับของของฉันก็ได้หรอ?” เจ้าอสูรร้ายบีบแขนของฉันแน่นขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เหมือนจะชาไปทั้งแขนแล้ว

 ฉันอดทนอีกไม่ไหวละนะ ทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย จะกลั้นน้ำตาทำเป็นเข็มแข็งต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ฉันร้องไห้ออกมาทันที น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดและเงยหน้ามองที่เขา นายเป็นใคร นายไม่ใช่พโยยองวอนที่ฉันรู้จัก 

แล้วฉันเป็นใครนะหรอ ฉันเป็นคนที่ชื่นชอบนายติดตามนายมา5ปี ใช่! ฉันรู้จักนายไม่ดีพอ ถึงต้องมาเสียใจเพราะมารู้ทีหลังว่านายเป็นคนแบบนี้ สิ่งพวกนี้ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ

“ฉันกำลังจะหนาวตาย เวลานั้นมีแค่ผ้าพันคอของนาย ผ้าม่านของรถทัวร์ฉันใช้ทุกอย่างที่มีที่หาได้เพื่อให้ร่างกายมันอุ่นขึ้น แต่ถึงจะพยายามแค่ไหนฉันก็เกือบจะไม่รอด แล้วทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย” ฉันพูดทั้งน้ำตา มันอดทนอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ 

“ถึงมันจะไม่ทำให้หายหนาวเหมือนตอนนี้ แต่มันก็ทำให้อุ่นขึ้นมาได้ ฉันขอโทษที่หยิบของนายมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ ฮึก!!” ฉันพูดไปพลางสะอึกไจากการร้องไห้ นิสัยเสียๆของฉันคือเมื่อโกรธหรือเสียใจมากๆ คำพูดทุกอย่างที่เก็บไว้มันจะไหลออกมาโดยที่ไม่ต้องคิด เหมือนใครมาเตะแก้วน้ำล้มน้ำก็จะไหลจนกว่าจะหมดแก้ว ฉันเองก็เหมือนกัน “จริงอยู่ที่ฉันไม่รู้จักนายดีพอ แต่นายไม่รู้จักฉันสักนิด ชื่อฉันนายยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทำไมต้องเอาความโกรธที่คนอื่นเป็นคนทำมาลงที่ฉัน ฉันทำอะไรผิดนักหนา” 

“พาราดา!” เขาเรียกชื่อของฉันแผ่วเบา ยองวอนดูตกใจและความเกรี้ยวกราดเมื่อกี้ของเขาก็หายไปแล้ว เพราะตอนนี้คนที่ควรจะโมโหมันคือฉันมากกว่า

 ฉันหยุดโวยวายและมองหน้าของเขา น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุดผ่านแว่นลงไปที่แก้ม ตอนนี้ทั้งโกรธและเสียใจมากจริงๆ ตกลงหมอนี่จะมาขอโทษหรือมาด่ากันแน่

ฉันสลัดแขนออกจากมือของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับโยนผ้าพันคอให้ และปิดประตูใส่หน้าเขาทันที

ปึง!! รู้สึกยังไงบ้างการโดนตะคอกใส่ โดนปิดประตูใส่หน้า ที่นายชอบทำใส่ฉันทั้งๆที่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ

หลังจากกลับมานอนที่เตียงฉันก็ปล่อยโฮออกมากเพราะอดกลั้นมันต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอฉันระบายหน่อยเถอะ 

“ฮือออ…พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่ดล หนูเหนื่อยเหลือเกิน” ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แต่ละวันมันผ่านไปอย่างยากลำบาก ฉันเหนื่อยจนไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะทำยังไงต่อ ฉันไม่อยากตื่นมาเจอเขา ไม่อยากต้องมาคอยสู่กับเขาอีกแล้ว

เช้าวันต่อมา…

เมื่อคืนฉันนอนในห้องของพี่ซองมินทั้งคืน จนตอนตี5ก็ตื่นและกลับห้องไปเตรียมตัวเพื่อเริ่มทำงานในวันนี้ ที่ห้องของฉันไม่มีมีตเตอร์ทำความร้อนเลยต้องไปนอนที่ห้องเขา

 วันนี้ซีโน่กับฮยอนจุนออกไปทำงานกับพี่มีรัน ส่วนพี่จุนโฮก็ไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดหลายวันแล้ว ฉันก็ยังไม่เคยเจอเขาเหมือนกัน วันนี้ก็เลยต้องไปกับยองวอน 2 คน

ฉันกังวลนิดหน่อย เพราะเรื่องเมื่อคืนเขาโกรธมากและฉันเองก็โกรธเขามากเหมือนกัน แต่งานก็คืองานแล้วไหนจะเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จอีกล่ะ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นสักคำเลย 

“ไปกันเถอะ” เสียงยองวอนดังมาจากบันได

ฉันเดินนำเขาไปที่รถ เราานั่งเงียบกันมาตลอดทางก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้วแหละ เมื่อวานเราทะเลาะกันค่อนข้างจะแรงมากๆเลย 

งานวันนี้ของยองวอนคือการถ่ายรายการเพลงน่าจะใช้เวลาไม่นานก็ได้กลับบ้านแล้ว ช่วงนี้เขาต้องลดการรับงานลงเพราะใกล้จะComeback จึงต้องเลือกงานที่ไม่กินเวลาถ่ายนานๆเพื่อให้เขาได้พักผ่อน

หลังจากถ่ายเสร็จฉันก็รีบไปขับรถมารับเขาทันที

“ไปกินข้าวกัน” ยองวอนพูดขึ้นมาทำลายความเงียบบนรถ

“นายอยากกินอะไร” ฉันถามกลับในขณะที่ใจจดใจจ่อกับการขับรถ

“เธออยากกินอะไรล่ะ”

“ฉันหรอ?”

“ใช่ ฉันอยากเลี้ยงขอโทษเธอทั้งเรื่องที่ฉันแกล้งเธอแล้วก็เรื่องที่ว่าเธอเมื่อคืน” เขามองฉันผ่านกระจกมองหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันก็มองเขาจากกระจกมองหลังเหมือนกัน เราสบตากันแล้วก็เป็นฉันที่หลบสายตาแล้วมองไปที่อื่น ยองวอนตอนนี้หล่อมากจนฉันกลัวว่าถ้าจ้องนานไปกว่านี้อาจจะใจอ่อนลืมเรื่องแย่ๆที่เขาทำ 

“ฉันอยากกินรามยอนกับกิมจิ” นั่นเป็นอาหารที่กินบ่อยมากตอนที่อยู่ห้องรูหนู และตอนนี้ก็คิดออกแค่นี้

“งั้นก็ไปร้านสะดวกซื้อสิ”

ฉันขับรถมาจอดที่ร้านสะดวกซื้อ และกำลังจะลงไปซื้อรามยอนกับกิมจิตามที่ตกลงกันไว้

“ไม่ต้อง ฉันไปซื้อเอง” วันนี้เจ้าอสูรร้ายดูเปลี่ยนเป็นคนละคนจริงๆ ขอให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ เถอะ

“ไม่เป็นไร ฉันลงไปซื้อเองดีกว่า ที่นี่คนเยอะคุณนายอย่าลงไปเลย เดี๋ยวจะโดนแฟนคลับรุมเอา”

เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ยื่นเงินมาให้ ฉันหยิบเงินมาจากเขาแล้วลงจากรถตรงไปที่ร้านสะดวกซื้อทันที ไม่นานก็ซื้อเสร็จ ฉันเดินกลับขึ้นมาบนรถยื่นถุงรามยอนและกิมจิให้เขาชุดนึง ยองวอนรับไปและเปิดกินอย่างคล่องแคล่ว พวกเขางานเยอะคงเอาแต่กินรามยอนแน่ๆเลย ตอนนี้แหละที่สมองฉันคิดได้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะพูดกับเขา เพราะเขากำลังรู้สึกผิดอยู่ฉันควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์

“คือ ความจริงฉันมีเรื่องอยากจะบอกนายนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสพูดเลย” ฉันค่อยๆเปิดฝาถ้วยกิมจิและพูดไปด้วย

“อะไรล่ะ” เขาพูดขณะรามยอนเต็มปากและคีบกิมจิเข้าปาก

“คือ มีรายการหนึ่งที่บริษัทต้องการให้นายไปออกให้ได้ เพราะเขาเป็นรายการที่มีคนรู้จักเยอะมากทั้งในและนอกประเทศ” ฉันหยุดมองหน้าเขาเพื่อดูว่าเขามีอาการณ์ยังไงกับเรื่องที่พูด

“รายการอะไร?” เจ้าอสูรร้านก็ยังกินรามยอนอย่างไม่หยุดและไม่ได้เงยหน้ามามองหน้าฉันเลยสักนิด

พอฉันพูดชื่อรายการไปเท่านั้นแหละ บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที เขาหยุดกินและเงยขึ้นมามองหน้าฉันแววตาของเจ้าอสูรร้ายกลับมาอีกแล้ว

“ไม่!” สีหน้าเขาดูเปลี่ยนไป อารมณ์ก็ดูเปลี่ยนไปเหมือนกัน ไม่นะยองวอนคนเกรี้ยวกราดอย่าพึ่งออกมาตอนนี้

“ทำไมล่ะ? ถ้านายไปออกก็น่าจะดีกับนายแล้วก็Trust5ด้วย ฉันว่ามันก็เป็นรายการที่ดีนะ” ฉันพยายามเกลี่ยกล่อมให้เขายอมไป

“ฉันไม่ไป” แต่ก็ไม่สำเร็จ เขายังยืนยันคำเดิม เห้อ! ไม่มีหวังเลยจริงๆ

“เพราะนายเกลียดฉันหรอ? ถึงไม่ไป” 

“ฉันเกลียดเธอ” โอ๊ยยยย ทำไมเจ็บ “แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันไม่ไป”

ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ถ้ายืนยันขนาดนี้แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ ยอมลาออกกับพูดให้หมอนี่ยอมไปแบบไหนมันจะง่ายกว่ากันนะ ตอนนี้สมองพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาไปให้ไปและแล้วก็คิดออกจนได้ แต่มันออกจะเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับฉัน

“ถ้านายยอมไปออกรายการนี้ ฉันจะย้ายออกจากคอนโดของพวกนาย” ไพ่ใบสุดท้ายของฉัน ใช้ความเกลียดที่เขามีให้เป็นประโยชน์ หาที่อยู่ใหม่ย่อมง่ายกว่าหางานใหม่อยู่แล้ว

“ในเมื่อนายเกลียดฉันมันก็ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดีไม่ใช่หรอ?” เขาเงียบไปพักหนึ่ง คงจะคิดอยู่แน่ๆ ข้อเสนอของฉันน่าสนใจสินนะ ต้องใส่ฟืนอีกหน่อย

“ฉันจะย้ายออกไปทันทีที่การถ่ายรายการตอนสุดท้ายจบ” เพราะต้องขอเวลาหาที่พักใหม่ด้วย ฮืออออ

“ขอคิดดูก่อน” เขาพูดขึ้นมาหลังเงียบไปนาน

คิดก่อนหรอ ข้อเสนอดีๆ แบบนี้ยังต้องคิดอะไรอีก หลังจากที่เรากินเสร็จก็ขับรถกลับมาที่คอนโดทันที 

@คอนโดTrust5

วันนี้เป็นอีกวันที่ได้พักผ่อนร่างกายและสมองที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอด อากาศก็เย็นสบายห้องนี้ก็สวยมากๆ มองออกไปข้างนอกระเบียงก็จะเห็นบรรยากาศข้างนอก หิมะสีขาวที่โปรปรายลงมาเรื่อยๆ ตึกสูงเสียดฟ้าที่เรียงรายกันเต็มไปหมด รถบนถนนยามค่ำคืนสำหรับฉันการมองแสงไฟยามค่ำคืนด้วยตาเปล่าที่ไร้แว่นตามันสวยงามและให้ความรู้สบายใจจริงๆ ฉันเปิดประตูบานเลื่อนที่ระเบียงออกนิดหน่อย เพื่อให้อากาศถ่ายเทและเอาผ้าห่มคลุมที่ตัวเอาไว้เพราะอากาศค่อนข้างเย็น หลังจากนั้นก็เอาหูฟังใส่หูแล้วเปิดเพลงของTrust5 ฉันมักจะทำแบบนี้ทุกครั้งหลังผ่านเรื่องหนักหนา และเรื่องที่ทำให้ฉันเหนื่อยมากๆ

พโยยองวอน

ก้อกๆๆๆๆ พาราดา ก้อกๆๆๆๆๆ

ผมเคาะประตูอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่คอนโดเลยแล้วผมก็มีเรื่องต้องคุยกับเธอ เรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้บนรถที่ร้านสะดวกซื้อ 

"ทำไมไม่มาเปิดประตูนะ ตกตึกตายแล้วหรือไง” ผมพึมพัมกับตัวเองเมื่อยื่นรอเธอนานแล้ว เมื่อมั่นใจว่าถ้ายืนรออยู่แบบนี้คงไม่มีใครเปิดแน่จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป

ฟวู่ววววววว! ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปลมหนาวจากประตูระเบียงที่เปิดไว้ก็ปะทะร่างกายผมทันที

"นี่เธอจะบ้าหรอ อากาศหนาวขนาดนี้จะเปิดประตู...." ยังไม่ทันที่จะพูดจบก็ต้องหยุดเมื่อหันไปเห็นคนฟังที่ไม่ได้ฟังผมอยู่เลย ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเธอช้าๆ เพราะเธอหลับอยู่ บางทีผมก็รู้สึกผิดและสงสารเธอนะ เพราะเธออายุเท่ากับเจ้า2แสบ ซี่โน่กับฮยอนจุน นั่นก็แปลว่าเธอค่อนข้างจะยังเด็กแถมตัวก็เล็กอย่างกับลูกหมา แต่ต้องมาทำงานที่หนักและต้องมีความรับผิดชอบ คอยตามผมไปโน้นไปนี่แบกกระเป๋าไหนจะขับรถตอนกลางคืน

แต่ก็ไม่อยากไว้ใจใคร ไม่ใช่สิ ผมไม่กล้าไว้ในใครจริงๆ แล้วยิ่งเธอมาอยู่ที่นี่ยิ่งทำให้ระแวง ผมอาจจะเผลอทำตัวอ่อนแอให้เธอเห็นจุดอ่อนและเอามาทำร้ายผมก็ได้ ตอนนี้ยัยลูกหมานั่งฟุบลงกับโต้ะเขียนหนังสือตัวเล็กที่อยู่กลางห้อง ผมได้ยินเสียงที่ลอดออกมาจากหูฟังของเธอมันเป็นเพลงที่ค่อนข้างคุ้นหู มือของผมเผลอหยิบหูฟังมาใส่หูของตัวเอง

“...หิมะที่ร่วยหล่นในฤดูหนาว

ดูเหมือนกับสายตาอันเย็นชาที่มองมาที่ฉัน

และมันคอยทำลายฉัน

แต่เธอได้กอดฉันไว้ ขอบคุณ

เพราะมีเธออยู่ตรงนี้ เธอคือฤดูใบไม้ผลิของฉัน

ขอบคุณมากน่ะ...”

มันเป็นเพลงของพวกเราTrust5เอง รู้แบบนี้ก็อดแอบดูมือถือของเธอไม่ได้ เหอะ! รูปหน้าจอเป็นรูปพี่ซองมินแถมรายการเพลงยังมีแต่เพลงของTrust5ทั้งนั้นเลย ซึ่งทำให้รู้สึกประหลาดใจมาก นี่เธอเป็นแฟนคลับของพวกเราหรอ

อื้อออ! พาราดาขยับตัวคงเพราะความหนาว ทำให้ต้องหยุดความสนใจจากมือถือของเธอ ผมจับผ้าห่มที่กำลังจะหล่นจากหลังและเลื่อนมันกลับมาคลุมไว้ที่ไหล่ ก่อนจะเดินไปปิดประตูระเบียงให้เรียบร้อย

"ยัยนี่นิ พึ่งจะหายป่วยจะมานั่งตากลมทำไม" นี่ผมไม่ได้เป็นห่วงเธอนะ ก็แค่รู้สึกผิดที่เป็นคนทำให้เธอป่วยแค่นั้นเอง

งั้นเรื่องงานไว้รอคุยตอนตื่นก็ได้ ปล่อยให้เธอได้พักผ่อนอีกหน่อย

……………………………………………………………………………

ฉันตื่นมาเพราะความหิว ก็วันทั้งวันกินแค่รามยอนนี่นา ฉันเดินลงมาที่ชั้นแรกและก็พบว่ายองวอนกำลังดูรายการที่วีอยู่ที่โซฟา 

"ตื่นแล้วหรอ" เขาทักฉันแต่สายตาก็ยังมองที่จอทีวี มาแปลกอีกแล้ว

"อืม” ฉันตอบก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ครัวเพื่อหาของกิน

"เรื่องที่เราคุยกันบนรถอะ ฉันตัดสินใจแล้วนะ" ฉันที่กำลังรื้อตู้เย็นหาของกินอยู่หยุดชะงักทันที “ฉันจะทำ" คราวนี้เขาหันมามองหน้าฉันแล้วพอพูดจบก็หันกลับไป เชอะ! เกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรอ 

"จริงหรอ? นายพูดแล้วนะห้ามเปลี่ยนใจนะ" ใจหนึ่งก็ดีใจที่ฉันไม่ต้องออกจากงาน แต่ฉันต้องหาที่อยู่ใหม่นี่สิ พึ่งย้ายเขามาได้ไม่กี่วันแท้ๆ แต่แลกกับการที่ฉันจะได้ทำงานที่บริษัทต่อมันก็คุ้ม

"เริ่มถ่ายวันไหนล่ะ?" เขาไม่ตอบแต่ถามฉันกลับมา นั่นก็ถือเป็นคำตอบของคำถามฉันแล้ว

"วันศุกร์หน้า"

"แล้วตารางงานอื่นล่ะ จะไม่ชนกันหรอ"

" ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงรับงานอื่นเพราะรอให้นายตัดสินใจ" รอบครอบอยู่แล้ว

"อื้อ! ก็ดี แล้วก็อย่าลืมที่ตกลงกันไว้" ย่ะ ฉันไม่ลืมหรอกว่าจะย้ายออกจากที่นี่ ชิ!

"ไม่ลืมหรอก หลังถ่ายรายการเสร็จจะย้ายออก" ฉันตอบเสียงแข็ง พร้อมกวาดผลไม้ในตู้เย็นใส่จานแล้วเดินขึ้นห้องทันที เหอะ! ฉันก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วย่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา