วุ่นนัก รักคุณผู้จัดการ
-
เขียนโดย Hermione001
วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.43 น.
20 ตอน
1 วิจารณ์
19.61K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 15.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) การทำงานหนักของหัวใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่ยองวอนกับอึนบีหายไปเกือบชั่วโมงพวกเขาก็กลับมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม นี่คงจะคุยกันไปถึงไหนต่อไหนจนเข้าใจกันแล้วสิ ฮยอนจุนบอกว่าอึนบีอายุเท่าเราถึงว่าเรียกยองวอนว่าพี่“นายโอเคใช่ไหม?” พี่ซองมินถามทันทีที่ยองวอนเดินเข้ามาในห้องถ่ายรายการอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมที่จะถ่ายช่วงต่อไปกันอยู่“ผมโอเค เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” ยองวอนตอบพี่ซองมินพร้อมกับยิ้มแหย๋ๆ นี่เขาโอเคแน่นะ“เธอจะไม่มาวุ่นวายกับพี่แล้วใช่ไหม?” คราวนี้เป็นซีโน่ถามขึ้นมาบ้าง“เธออยากจะทำอะไรก็ให้เธอทำไป แค่ไม่ทำให้พวกเรามีปัญหาก็พอ” แล้วไอ้อยากจะทำอะไรก็ทำไปของเขานี่คืออะไรล่ะ“นายน่าจะคุยกับซารังให้รู้เรื่อง เธอจะได้รู้ว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เอาแต่ตะคอกเธอเวลาเธอทำอะไรซื่อบื่อ” เกือบดีแล้วค่ะพี่จุนโฮ ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ไม่ต้องว่าฉันซื่อบื่อก็ได้“ฉันรู้แล้วค่ะ เธอคงเป็นแฟนเก่า” ฉันว่าสิ่งที่ฉันคิดไม่ผิดแน่นอน“เธอรู้ได้ไง พวกเรายังไม่มีใครพูดเลยสักคำ สมแล้วที่เป็นแฟนคลับอันดับ1” ซีโน่ๆทำหน้าตาตื่นเต้นที่ฉันรู้ความจริง หึ!คิดแล้วไม่มีผิด “กอดกันซะขนาดนั้น แล้วไหนจะผ้าพันคอคู่ที่แทบจะหักแขนฉันเพราะเอาไปใส่กันตายอีก ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนคลับหรอกเด็ก3ขวบยังรู้” ฉันทำหน้าเซ็งตอนที่หันไปตอบซีโน่ และเดินออกมาจากวงสนทนาทันที แล้วทำไมฉันถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้“555+” ฉันไม่ได้หันไปมองหน้ายองวอนด้วยซ้ำแต่เดินออกมาเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำหน้ายังไงและคิดอะไร ได้ยินแต่เสียงหัวเราะของคนอื่นๆดังตามหลังมา แต่ทำไมไม่รู้สึกตลกกับสิ่งที่ตัวเองพึ่งพูดไปเลยกลับรู้สึกหวิวๆแปลกๆ การถ่ายรายการช่วงที่2เป็นไปอย่างราบรื่น พิธีกรกับแขกรับเชิญก็ดูเหมือนจะเข้ากันดีเหลือเกินยิ่งยองวอนหลังจากหายไปกับอึนบีเป็นชั่วโมงก็เริ่มจะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น หลังจากที่ช่วงแรกมีบ้างครั้งที่บรรยากาศดูอึดอัดอยู่บ้างตอนนี้ก็เป็นเวลา5ทุ่มแล้ว ซึ่งพวกเขาก็ถ่ายช่วงที่สองเสร็จพอดี ทุกคนดูเหนื่อยและอ่อนเพลียมากพวกเขาถ่ายติดต่อทีละหลายๆชั่วโมงกว่าจะได้พักคงจะเหนื่อยหน้าดู หลังจากที่ประชุมและนัดเวลาถ่ายทำพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้วทีมงานก็เริ่มเก็บของและทยอยกันกลับไปพักผ่อน Trust5คนอื่นๆและพี่มีรันกับพี่อึนจูก็กำลังเตรียมตัวจะกลับห้องพักด้วย“ซารัง” ยองวอนเดินมาข้างหลังและเรียกฉันที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บของใส่กระเป๋า“มีอะไร” ฉันไม่ได้หันกลับไปมองเขาเพราะตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกัยยองวอนเลย“เธอหิวหรือเปล่า วันนี้พึ่งกินข้าวไปรอบเดียวเอง” “ไม่อ่ะ ฉันกินขนมไปตอนพักกับคนอื่นๆแล้ว” ไม่หิวซะที่ไหนล่ะ หิวจนเหมือนใส้จะขาด“พี่คะ” คราวนี้เป็นอึนบีที่เดินเข้ามาที่หลัง เสียงอ่อนเสียงหวานกันจังนะ พอหายไปด้วยกันเกือบชั่วโมงเนี้ย “ฉันหิว เราไปหาอะไรกินกันเถอะ” หึ! หิวถูกเวลาจริงๆเลยแม่คุณ ฉันรีบก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋าและหันกลับมาทางยองวอนทันที“อย่าให้ฉันโดนพี่มีรันว่าอีกล่ะ” แค่นี้แหละที่คิดออกในตอนนี้ และก็รีบเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่หันไปมองพวกเขาอีกเลยพร้อมกับคนอื่นๆ เชิญไปกินกันให้สบายใจ ที่เขาว่ากันว่าถ่านไฟเก่าเป่านิดเดียวก็ติด นี่คงเรื่องจริง“พี่ยองวอนล่ะ” ซีโน่เดินมาคล้องคอฉันแบบที่เขาชอบทำและถามเมื่อเห็นยองวอนยืนคุยอยู่กับอึนบี“ปล่อยเขาเถอะ เขาจะไปกินข้าวกัน นายอย่าไปขัดความสุขพี่นายเลย” ฉันตอบซีโน่“เขาคิดจะทำอะไรของเขา” พี่จุนโฮพึมพำขณะที่ยืนมองยองวอนคุยกับอึนบี“ก็คงไปลำลึกความหลังกันมั้ง” โอ้ย ยิ่งอยู่ตรงนี้ยิ่งหงุดหงิด “เราไปกันเถอะ ฉันหิวจนจะเป็นลมแล้ว”“โอเคๆ ไป ไป ไป๊” ซีโน่พูดขึ้นเสียงดังจนยองวอนกับอึนบีต้องหันมามองทางพวกเรา
ตอนนี้ฉัน ซีโน่ ฮยอนจุน พี่ซองมอน พี่จุนโฮ เราออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆโรงแรม ส่วนพี่มีรันกับพี่อึนจูก็ขอกลับไปพักก่อน พวกเรานั่งกินรามยอนที่ร้านสะดวกซื้อกันอยู่พักหนึ่งแล้ว แต่สมองของฉันกลับคิดถึงแต่ว่าตอนนี้ยองวอนกับอึนบีออกไปที่ไหนกัน แล้วถ้ามีคนเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันสองคนจะทำยังไงดี อากาศก็หนาว วันนี้ยองวอนก็ดูเหมือนจะป่วยตั้งแต่ช่วงบ่ายๆแล้วเขาเอาแต่ยืนตัวสั่น เรื่องพวกนี้มันรบกวนการกินของฉันจริงๆ“ซารัง” พี่ซองมินที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆฉันหันมาเรียก ฉันมัวแต่คิดเรื่องยองวอนจนลืมไปเลยว่าตอนนี้ฉันนั่งกินข้าวอยู่กับผู้ชายที่อยู่หน้าวอลเปเปอร์มือถือของฉันมา5ปี อร้ายยย! “ถ่ายรูปกัน” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดไปที่กล้องถ่ายรูป“ได้สิ” ฉันรีบตอบแบบไม่ต้องคิดเลย เมื่อก่อนต้องเก็บเงินแทบตายกว่าจะได้ไปยืนอัดคลิป ยืนถ่ายรูปพี่ซองมิน แต่ตอนนี้กลับมีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่แบบใกล้ชิดขนาดนี้ ฉันจะปฏิเสธได้ยังไง พี่ซองมินกอดคอฉันพร้อมกับดึงเข้าไปใกล้ๆตัวเขา“พร้อมนะ 1 2 3 ยิ้มมม” 1รูปผ่านไป 2รูปผ่านไป เขาถ่ายอยู่ประมาณ5รูปก็เอาแขนออกจากคอของฉันพร้อมกับเช็คภาพที่พึ่งถ่ายไป“โหว สวยทุกรูปเลย เธอนี่น่ารักขึ้นกล้องจริงๆ” เขาหันมายิ้มและเลื่อนรูปดูวนไปวนมา“ไหน ฉันขอดูบ้าง” ฉันยื่นมือไปขอโทรศัพท์พี่ซองมินเพื่อจะดูรูป “จริงๆด้วย พี่นี่ขนาดถ่ายรายการมาทั้งวันยังหล่อขึ้นกล้องอยู่เลย” อร้ายยย นี่ฉันพูดอะไรไปเนี้ย เขินจริงๆ“555+ งั้นพี่ขอลงรูปนี้นะ” “ตามใจพี่เลย” พี่ซองมินมักลงรูปคู่กับพี่อึนจูที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวบ่อยๆ ฉันเลยคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแฟนคลับเขาคงไม่มาถล่ม IG ฉันหรอก“ส่งให้ฉันด้วย ได้เวลาเปลี่ยนวอเปเปอร์มือถือจากรูปเดี่ยวเป็นรูปคู่แล้วววว” ฉันยื่นโทรศัพท์คืนพี่ซองมินและก้มหน้ากินรามยอนต่อด้วยความหิวโหย“นี่เธอตั้งรูปพี่เป็นวอลเปเปอร์จริงๆหรอ5555+” พี่ซองมินทำหน้าตื่นเต้น เขาคงจะคิดว่ายองวอนพูดแซวฉันเล่น “ไหน ขอดูหน่อย” เขายื่นมือมาขอโทรศัพท์ฉันบ้าง ฉันวางถ้วยรามยอนและหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อให้พี่ซองมิน“เฮ้ย ทำไมเป็นรูปนี้อ่ะ มันนานแล้วนะ ไม่เห็นจะหล่อเลยด้วยนี่เธอไม่อัพเดทรูปพี่เลยหรือไง” เขาโวยวายเมื่อเห็นรูปหน้าจอโทรศัพท์ของฉัน ซึ่งมันเป็นรูปภาพโปรโมทอัลบั้มแรกของเขาเอง5555“หล่อดีออก ฉันชอบรูปนี้นี่” “ไหนๆ ขอดูบ้าง” พี่จุนโฮที่นั่งอยู่ข้างๆรีบคว้าโทรศัพท์ไปจากมือพี่ซองมินทันที“555+ หน้าพี่ตลกอ่ะ นี่มันอัลบั้มแรกเลยนะ555+” เขาหัวเราะออกมาลั่นร้านเมื่อเห็นรูปพี่ซองมิน และแน่นอนว่าต้องตามด้วยเสียงของคนอื่นที่ตอนนี้ทั้งยื้อทั้งแย่งโทรศัพท์ของฉันเพื่อจะดูรูปพี่ซองมินฉันไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีเพื่อนนั่งกินรามยอนตอนดึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ การที่มีบทสนทนา มีเสียงหัวเราะ มันทำให้ฉันไม่เหงา ตั้งแต่เริ่มสนิทกับพวกเขาชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด มันทำให้เริ่มกลัวการอยู่คนเดียวขึ้นเรื่อยๆ ฉันชอบที่เป็นอยู่ตอนนี้มากๆ ชอบที่ได้เป็นแฟนคลับอันดับ1ของTrust5 ชอบที่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของยองวอน ชอบที่ได้เป็นพโยซารัง และฉันก็กลัวการที่จะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง
@โรงแรม เวลา 2:00 AMฉันกลับมาที่โรงแรมหลังจากที่อิ่มหนำสำราญกับอาหารรอบดึก ตอนนี้ก็ตี2แล้ว ตาของฉันก็ใกล้จะปิดเพราะความง่วงที่มหาศาลมาก ฉันเลื่อนดูรูปที่พี่ซองมินลงพร้อมข้อความ “น้องเล็กอีกคนของTrust5” นี่ก็เป็นรอบที่100ได้แล้วมั้ง555+ มีคนเข้ามากดไลค์และคอมเม้นเต็มไปหมด
“ในเวลานี้จะมีแค่เราสองคน ผมไม่อยากปล่อยให้มันจางหาย เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะผมอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป...”
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นและชื่อที่ขึ้น เจ้าอสูรร้ายโทรมาทำไมตอนนี้นะ ฉันกดรับสายเพราะกลัวจะรบกวนพี่อึนจูกับพี่มีรันที่ตอนนี้กำลังนอนหลับกันอยู่“ ฮัลโหล มีอะไรโทรมาทำไมตอนนี้” ฉันลุกออกมาจากเตียงและเดินมาที่โซฟาหน้าโทรทัศน์“ซารัง ฉันเหมือนจะไม่สบายเลยปวดหัวมากๆ” เสียงยองวอนดูเพลียมากๆเหมือนไม่มีแรงแม้แต่จะพูด เขาป่วยจริงๆหรอเนี้ย นายนี่นะบอกให้ระวังๆ“ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังจะป่วย เดี๋ยวฉันเอายาไปให้ มาเปิดประตูด้วย” ฉันวางสายยองวอนและรีบไปค้นยาในกระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ เพราะเขาป่วยง่ายแบบนี้ไงฉันถึงต้องเตรียมยาไว้ในกระเป๋าไปไหนมาไหนด้วยตลอดก๊อก ก๊อก ก๊อก ตอนนี้ฉันอยู่หน้าห้องพักของยองวอนและไม่นานเขาก็เดินมาเปิดประตูให้ สีหน้าของเขาดูไม่ดีเลยตัวก็สั่นหน้าก็ซีดไปหมด ฉันเดินเข้ามานั่งที่โซฟา ยองวอนเดินตามมาเมื่อปิดประตูเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เอามือทาบที่หน้าผากของเขา ตัวร้อนมากเลย“นายรู้ว่าป่วยจะสระผมทำไม” นี่เขาพึ่งกลับมาจากข้างนอกสินะ สระผมยังไม่ทันจะแห้งเลย“ฉันไม่ได้สระผมมา2วันแล้ว เพราะมันหนาว” ยองวอนตอบฉันพร้อมกับเอนตัวพิงที่โซฟา“กินข้าวหรือยัง” ฉันเริ่มหยิบยาออกจากถุง จับมือของเขาแบออกและเกะยาวางบนมือของเขาทีละเม็ด“กินแล้ว” ตอนนี้เขานอนหลับตาพิงโซฟาอยู่ ดูจะป่วยหนักเลยนะเนี้ย “3เม็ดเลยหรอ” ยองวอนผู้ขึ้นชื่อเรื่องกินยายากนี่ก็คงเรื่องจริงสินะทุกคนใน Trust5 ชอบบอกว่าเขากินยายากมากถ้าป่วยแล้วไม่มีใครบังคับให้กินยองวอนก็จะไม่กิน“ใช่ กินเข้าไปไม่ต้องมาบ่น บอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังป่วย” ฉันเทน้ำแล้วยื่นแก้วให้เขา ยองวอนรับและค่อยๆกินยาทีละเม็ด ทำไมตอนนี้เหมือนบังคับลูกที่ป่วยให้กินยาเลย นี่แค่3เม็ดนะ ถ้าเยอะกว่านี้คงต้องรอประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะกินเสร็จเล่นกินทีละเม็ดแบบนี้“เข้าไปในห้องกันจะได้อุ่นๆ” จากนั้นฉันก็พาเจ้าอสูรร้ายสิ้นฤทธิ์มานั่งที่เก้าอี้หน้ากระจก“ทำไมไม่ให้ฉันไปนอนที่เตียงล่ะ จะให้หลับตรงนี้หรอ” ยองวอนที่ตอนนี้นั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ถามขึ้นมา“นายจะนอนได้ยังไง หัวเปียกแบบนี้อ่ะ” ฉันเปิดตามตู้เพื่อหาไดร์เป่าผม ไม่นานก็หาเจอพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดผมมาผืนหนึ่ง และเริ่มเป่าผมของยองวอนเรื่อยๆจนตอนนี้มันใกล้จะแห้งแล้วกึ้ก! เมื่อเห็นว่าผมของเจ้าอสูรร้ายแห้งจนสามารถปล่อยให้เขานอนได้แล้วฉันก็ปิดสวิตช์ไดร์เป่าผมและเก็บมันใส่ตู้เหมือนเดิม“เสร็จแล้ว” ยองวอนไม่ตอบอะไรกลับมาจนฉันคิดว่าเขาหลับไปแล้วเสียอีก แต่อยู่ๆหมอนี่ก็ลุกขึ้นยืนเอาดื้อๆโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ฉันที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างหน้าเรื่อยๆจนต้องถอยหลังออกห่างจากเขาด้วยความแปลกใจ แต่ยองวอนก็ยังเดินเข้ามาไม่หยุดและพรึ้บ!! ยองวอนขยับเข้ามาจนตัวติดกับฉันเรื่อยๆและทิ้งตัวลงมาที่ฉัน กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันยืนอยู่ข้างเตียงโดยมียองวอนยืนอยู่ข้างหน้าและเอนตัวมาพิงฉัน ตัวหนักขนาดนี้คิดว่าฉันจะรับน้ำหนักนายไหวหรอชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อยเลย และด้วยความสูงที่ต่างกันมากยองวอนเลยสามารถเอาคางของเขาวางที่หัวของฉันได้สบายๆ นี่หัวฉันเป็นที่วางคางนายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย!!“หนักน่ะ ไปนอนบนเตียงเถอะ” ถึงจะพยายามดันตัวเขาออกยังไงก็ไม่สำเร็จเพราะยองวอนตัวหนักมากและถ้าขยับเขาจะล้มหรือเปล่าน่ะ เพราะกลัวว่ายองวอนจะล้มถ้าฉันจึงตัดสินใจกอดเขาไว้และค่อยๆขยับถอยหลังเพื่อพาไปที่เตียง แต่ทันใดนั้นก็เหมือนยองวอนจะรู้สึกตัวเพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉันที่กอดเขาอยู่แต่ยองวอนกลับกอดตอบฉัน รู้สึกตัวก็น่าจะพูดอะไรบ้างสิฉันก็กังวลอยู่ตั้งนานว่าจะล้ม แล้วสถานการณ์ตอนนี้มันก็ดูจะแปลกๆนระเพราะกลายเป็นว่าเราสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก!! แล้วทำไมหัวใจฉันต้องมาเต้นแรงตอนนี้ด้วย โอ๊ยยยยย ยัยซารังแกจะบ้าหรอตั้งสติหน่อยเถอะ“ซารัง ฉันหนาว” ฉันรู้แล้วแต่นายจะกอดฉันแบบนี้ไม่ได้“ฉันรู้ๆ ไปนอนที่เตียงสิจะได้อุ่น”“แบบนี้ก็อุ่น” ยองวอนพูดออกมาเสียงแผ่วเบา“แต่นายจะยืนหลับแบบนี้ไม่ได้ ไปนอนที่เตียงเถอะ” ขืนยืนอยู่แบบนี้ใจฉันได้เต้นจนวายตายแน่ เปลอๆจะติดไขเขาอีกเพราะยองวอนตัวร้อนมาก “เธอไปนั่งตรงนั้นหน่อยสิ” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่เตียง“นายจะให้ฉันไปนั่งทำไม นั่นเตียงนายและนายก็ควรไปนอนได้แล้ว นี่มันตี2แล้ว” “ไปนั่งเถอะน่า อย่าขัดใจฉันได้ไหมฉันป่วยอยู่นะ ปวดหัวจนจะระเบิดอยู่แล้ว” เพราะกลัวว่าถ้ายืนเถียงกันอยู่แบบนี้ยองวอนอาจจะไม่ได้นอนก็ได้ ฉันเลยต้องยอมถอยออกไปนั่งที่เตียงตามคำสั่งของคุณเจ้านายจอมเอาแต่ใจ“ขยับเข้าไปอีก เอาขาขึ้นด้วย” แม้ว่าจะงงกับคำสั่งของเขาแต่ก็ยอมทำตาม จากนั้นยองวอนก็ค่อยๆนั่งลงบนเตียงข้างหน้าฉัน แล้วก็นอนลงแต่ไม่ใช่นอนลงที่หมอนนะ แต่เป็นที่ตักของฉันเอง ฉันสะดุ้งกับสิ่งที่เขาทำจนทำอะไรไม่ถูก เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆอีกแล้วเดจาวูหรอเนี้ย“นะ นายทำอะไรเนี้ย” “ฉันขอนอนตรงนี้นะ เมื่อคืนฉันก็หลับแบบนี้มันสบายมากเลย สบายกว่าหมอนอีก” “แต่ว่า…” ฉันกำลังจะห้ามและบอกให้เขาลุกขึ้นแต่ยองวอนก็เหมือนจะไม่ฟัง“ขอร้องละนะ อีกแค่ครั้งเดียวก็ได้ ฉันขออยู่แบบนี้อีกแค่ครั้งเดียว” นายพูดซะขนาดนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ฉันได้แต่นั่งนิ่งมองหน้าเขาที่กำลังหลับตาพร้อมกับเอื้อมมือไปเอาผ้าห่มมาคลุมตัวของยองวอน ตอนนี้เขาดูน่าสงสารมาก เพราะเคยแต่ดูข่าวเวลาที่ยองวอนป่วยเลยได้แต่จินตนาการว่าอาการของเขาจะหนักแค่ไหนแต่ตอนนี้พอมาเห็นกับตาตัวเองมันต่างจากสิ่งที่คิดเอาไว้มาก ตอนนี้อสูรร้ายกลายเป็นลูกแมวน้อยที่นอนป่วยอยู่อย่างน่าสงสาร“เธอว่าถ้าแฟนคลับรู้พวกเขาจะเป็นห่วงไหมที่ฉันป่วย” “แน่นอนสิ ถ้ามีข่าวออกไปว่านายป่วยพวกเขาก็จะเอาแต่นั่งรอข่าวอัพเดทอาการป่วยของนาย ฉันถึงบอกให้นายระวังไง สุดท้ายก็ป่วยจนได้” หึ! ใครใช้ให้นายออกไปเที่ยวกับสาวตั้งนาน“ ทำไมพวกเขาถึงชอบฉันนักล่ะ” ตอนเขาป่วยเป็นแบบนี้นี่เอง ถามโน้นถามนี่เหมือนเด็กๆ“ เพราะนายน่ารักไง นายเก่ง หล่อ ฉลาด และนายก็รักพวกเขามาก”“แฟนคลับชอบฉันตอนไหนมากที่สุด “ “คนที่เขาชอบนาย ไม่ว่านายจะทำอะไรพวกเขาก็ชอบทั้งนั้นแหละ” ส่วนฉันก็ยังตอบคำถามเขาไม่หยุด ก็เขาป่วยอยู่นี่นาฉันไม่อยากจะขัดใจ“แล้วเธอล่ะ ชอบฉันหรือเปล่า” คงถามในฐานะที่ฉันเป็นแฟนคลับสินะ ตึก ตึก ตึก แล้วทำไมเธอต้องเอาแต่ใจเต้นแรงไม่หยุดแบบนี้ด้วยยยยย“ฉันก็ชอบพวกนายทุกคนนั่นแหละ”“แต่ชอบพี่ซองมินที่สุดสินะ” เลิกพูดอะไรที่ทำให้หัวใจของฉันทำงานหนักได้แล้ว “นายนอนได้แล้วพรุ่งนี้มีถ่ายรายการอีก ถ้านายไม่หายป่วยก็จะถ่ายไม่ได้ ทีมงานและคนอื่นๆก็จะรู้แล้วแฟนคลับนายก็จะรู้ กลัวพวกเขาเป็นห่วงไม่ใช่หรอ” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องและบอกให้เขานอนทันที“ครั้งนี้เธอก็ทำเพื่อแฟนคลับฉันหรอ” นี่เขายังจำเรื่องที่ฉันพูดตอนไปปั่นจักรยานเล่นได้อยู่หรอ เปล่า!ฉันทำไปเพราะตัวเอง เพราะเป็นห่วงนายมากๆเลยมานั่งเป็นหมอนอยู่ตรงนี้ แบบนี้หรอถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแล้วฉันสามารถพูดออกไปได้ยังไงล่ะ“ อืม “ เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว ฉันเผลอเอามือไปลูบที่ผมของเขา ยองวอนนายจะรู้ไหมว่าเวลาที่นายทำแบบนี้ใจของฉันมันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หัวใจของฉันมันเต้นแรงเวลาที่อยู่ใกล้เขา เวลาเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ยิ้มให้ฉัน มองหน้าฉัน เวลาที่เขาเรียกฉันว่าพโยซารัง ทั้งๆที่เมื่อก่อนเคยคิดว่าเขาเป็นคนร้ายกาจเป็นคนอันตรายที่แสนเอาแต่ใจ ที่ชอบตัดสินคนอื่นจากความโกรธของตัวเอง แต่บางทีเขากลับอ่อนโยนและอบอุ่น และบางครั้งก็ดูอ่อนแอเหมือนเป็นคนละคน บางคำพูดหรือการแสดงออกมันทำให้สับสนและคิดเข้าข้างตัวเองว่าพโยยองวอนผู้แสนจะเพอร์เฟค ผู้ชายที่สาวๆหลายๆคนทั้งในประเทศนี้และในต่างประเทศอยากจะครอบครอง หรือแค่ได้อยู่ใกล้ๆก็ยังดี เขาอาจจะไม่ได้มองฉันเป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัว มันไร้สาระใช่ไหม ที่บางครั้งฉันก็คิดแบบนี้ แต่หลายครั้งที่เขาทำให้รู้สึกว่าฉันแค่คิดไปเอง มักใหญ่ใฝ่สูงจนฉันอายและเกลียดความคิดแบบนี้ของตัวเองมากๆ“เธอไม่อยากไปกินข้าวกับฉันหรอ” ฉันตกใจมากที่เขายังไม่หลับจนรีบชักมือออกจากหัวของเขาทันที “ก็เปล่านี่ ฉันแค่ไม่หิว” ความจริงแล้วที่ฉันไม่ไปเพราะนายยังรักอึนบีอยู่ต่างหาก ทั้งๆที่นายดูเจ็บปวดเพราะเธอขนาดนั้น คิดว่าแฟนคลับอย่างฉันจะยินดีหรอหลังจากเห็นนายในสภาพนั้นแล้ว“แต่เธอไปกินข้าวกับพี่ซองมิน” เขาคงจะเห็นจากรูปที่พี่ซองมินลง “แถมถ่ายรูปด้วยกันอีก เธอเป็นผู้จัดการของฉันแท้ๆแต่เราไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันสักครั้งด้วยซ้ำ” ก็นายไม่เคยพูดนี่ว่าอยากถ่ายรูปด้วยกัน ฉันได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรทำไมตอนนี้รู้สึกเหมือนโดนพ่อแม่จับได้ว่าโกหกเลย“เธอชอบเขามากสินะ” ยองวอนพูดต่อเมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้ตอบอะไร ก็คงไม่มากเท่าที่นายชอบอึนบีหรอก“ใช่ ฉันชอบเขามาก ชอบมา5ปีแล้วด้วย” ฉันรีบพูดตัดบท เพราะไม่อยากจะพูดหรือคิดเรื่องนี้อีกแล้ว“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ ฉันมองนาฬิกาที่หัวเตียงตอนนี้ก็ตี3แล้ว และฉันก็ง่วงจนจะลืมตาไม่ขึ้นอีกแล้ว ยองวอนก็ดูเหมือนจะหลับสนิแล้วด้วย“ยองวอน ยองวอน” เมื่อแน่ใจว่ายองวอนหลับสนิทแล้วฉันจึงค่อยๆยกหัวของเขาขึ้นจากตักและเปลี่ยนเป็นหมอนนิ่มๆแทน หมอนนิ่มๆนอนสบายกว่าตั้งเยอะไม่ยอมนอน แปลกคนจริงๆ
“ยองวอน ตื่นได้แล้ว” ดีนะที่เมื่อคือฉันหยิบเอาคีย์การ์ดของห้องยองวอนไปด้วย เพราะคิดว่าเขาอาจจะหลับเพลินจนตื่นไปถ่ายรายการไม่ทัน ตอนนี้ฉันเลยมายืนอยู่ข้างเตียงของเขา“อื้ออ” ยองวอนทำเสียงงัวเงียและเอาผ้าขึ้นมาปิดหน้า “ตื่นได้แล้ววันนี้ต้องถ่ายรายการ” “ซารัง นี่กี่โมงแล้ว” เขาลืมตามาถามฉันพร้อมกับดันตัวขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง“8โมงกว่าแล้ว นายมีถ่ายรายการตอน10โมง แต่ต้องไปกินข้าวก่อนจะได้กินยา” ฉันเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ทีมงานเอามาให้เพื่อให้ยองวอนใส่วันนี้มาวางไว้ที่ปลายเตียงของเขา วันนี้เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยหนาเท่าไหร่อีกแล้วทั้งที่อากศหนาวขนาดนี้แท้ๆยองวอนก็ยิ่งมาป่วยอีก“ฉันดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องกินยาหรอกมั้ง” “ไม่ได้!! ดีขึ้นกับหายแล้วมันต่างกัน นายต้องกินจนกว่าจะหาย” ฉันหันไปทำเสียงดุใส่เขา “เมื่อคืนเธอนอนที่นี่หรอ” ทำไมอยู่ๆนายต้องพูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาด้วยเนี้ย ฉันอุตส่ากะว่าจะทำเนียนๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักหน่อย“เปล่า พอนายหลับสนิทฉันก็กลับห้อง” “ฉันอุตส่าขอร้องให้อยู่กับฉันยังหนีกลับห้อง กลัวพี่ซองมินเข้าใจผิดหรือไง” ประโยคหลังยองวอนพูดแค่เบาๆเหมือนไม่ค่อยอยากให้ฉันได้ยิน แต่เปล่าเลยฉันได้ยินชัดเจนมากๆ ทำไมต้องมาคอยประชดเรื่องพี่ซองมินด้วย ฉันชอบพี่เขาก็จริงแต่มันก็แค่แฟนคลับที่ชอบไอดอลคนหนึ่งก็แค่นั้น“เปล่า ฉันกลัวอึนบีจะเข้าใจผิดน่ะ รีบอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วฉันจะลงไปรอข้างล่าง” พูดจบฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องทันที อยู่ต่อนานกว่านี้คงต้องเถียงกันยาวแน่ๆฉันเดินลงมาที่ห้องอาหารที่ชั้น2ของโรงแรม พยายามมองไปรอบๆเพื่อหาคนอื่นๆ “อรุณสวัสดิ์ซารังเพื่อนรัก” ซีโน่ที่เดินมาข้างหลังพร้อมกับกอดคอของฉัน วันนี้เขาพูดภาษาไทยกับฉันหลังจากที่ไม่ได้พูดกันมานานเพราะเวลาเราคุยกันเป็นภาษาไทยทีไรTrust5 คนอื่นๆก็จะโวยวายทุกที“นี่ นายจะทำแบบนี้ตรงนี้ไม่ได้นะ คนเยอะแยะ พวกนายนี่ทำอะไรไม่เคยระวัง” ฉันถอยออกห่างจากซีโน่และดุเขาเป็นภาษาไทย“ก็ฉันชินนี่” ซีโน่ทำหน้างอที่โดนดุ “ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” ฉันกับซีโน่เดินมานั่งที่โต๊ะที่มีคนอื่นกำลังนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่“ซารัง วันนี้พวกเราได้พักกันนานไหม ฉันอยากออกไปเที่ยวข้างนอกอีก” ฮยอนจุนถามฉันทันทีที่เดินมานั่งที่เก้าอี้“อย่าฝันเลย พวกนายมีถ่ายกันยาวเกือบทั้งวัน เลิกก็คงมืดๆอ่ะ” ฉันหันไปบอกฮยอนจุนพร้อมกับแย่งตักอาหารในจานของเขาเข้าปาก“โหววว ฉันอยากไปเที่ยวๆๆ” เขาคงผิดหวังกับคำตอบของฉัน นี่นายมาทำงานหรือมาเที่ยวเนี้ย“พี่ซองมินสั่งข้าวต้มให้ยองวอนหรือยังคะ” ฉันถามเพราะฝากให้เขาสั่งข้าวต้มร้อนๆไว้ให้ยองวอน“สั่งแล้ว แล้วทำไมวันนี้ยองวอนอยากกินข้าวต้มล่ะ” พวกเขายังไม่รู้นี่นาว่ายองวอนป่วย“เมื่อคืนเขาป่วยนิดหน่อย แต่ดีขึ้นแล้ว วันนี้ฉันอยากให้พี่จุนโฮไปนอนกับยองวอนได้ไหมคะ จะได้ช่วยดูเขาด้วย เพราะเมื่อคืนเขาตัวร้อนแล้วก็ปวดหัวมาก” ถ้ามีคนคอยดูแลเขาที่ห้องสักคนก็คงจะดี“ได้สิ ว่าแต่เมื่อคืนกลับมาก็ตี2 แล้วเธอรู้ได้ไงว่าเขาป่วย อย่าบอกนะว่าแอบย่องไปหายองวอนมา” นี่เขาพูดอะไรของเขา แถมพูดเสียงดังสะด้วยทำฉันตกใจหมด คนอื่นๆก็เอาแต่จ้องหน้าฉันนิ่ง ส่วนพี่จุนโฮก็ยิ้มชอบใจใหญ่เลย“พี่จะบ้าหรอ เขาปวดหัวมากเลยโทรหาฉันต่างหาก” ฉันรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ใช้คำว่าแอบย่องมันก็ดูโรคจิตไปนะคะพี่จุนโฮ“พี่ยองวอนป่วยหรอคะ” เสียงนี้อีกแล้วสินะ แน่นอนค่ะว่าเป็นอึนบี ฉันไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากมายแต่แค่รู้ว่าเธอเป็นคนที่ทำให้ยองวอนอยู่ในสภาพนั้น ความไม่ชอบมันก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ“ค่ะ แต่เขาดีขึ้นแล้วถ่ายรายการได้แน่นอน” “งั้นฉันขอไปดูเขาหน่อยนะ” อึนบีกำลังจะเดินไปแต่ถูกพี่ซองมินห้ามไว้ซะก่อน“พี่ว่าอย่าไปดีกว่าอึนบี เดี๋ยวถ้าพี่มีรันเห็นยองวอนก็จะโดนว่าเปล่าๆ แล้วไหนจะซารังที่จะเดือดร้อนไปด้วย” ใช่แล้วค่ะ พี่ซองมินพูดถูกที่สุดเดี๋ยวฉันก็จะเดือดร้อนไปด้วย “เดี๋ยวพี่ก็คงจะมาแล้ว เธอไม่ต้องไปหรอก” ซีโน่ผู้หิวโหยพูดขึ้น ตั้งแต่มานั่งเขายังไม่หยุดกินเลยแล้วอึนบีก็ยอมที่จะรอยองวอนอยู่ข้างล่างตามคำพูดของพี่ซองมิน ห่างกันบ้างก็ได้มั้งเมื่อคืนก็กลับมาตั้งตี2 นี่ก็พึ่งจะ8โมงเช้าเอง“ข้าวใหม่ปลามันสินะ ตัวติดกันเป็นปลาท่องโก๋ ทำไมเมื่อคืนไม่ไปยืนให้เขากอดแล้วก็เป็นหมอนแทนฉันล่ะ”แค่ก..แค่ก!!!แย่แล้ว!! ฉันลืมไปเลยว่าซีโน่เป็นคนไทยถึงได้เผลอพูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด เขาคงตกใจมากจนสำลักข้าวที่กำลังกินอยู่ คนอื่นๆก็เหมือนกันเพราะฟังไม่รู้เรื่องเลยพร้อมใจกันจ้องหน้าของฉันเป็นตาเดียวแบบนี้ “เธอพูดว่าอะไรหรอซีโน่?” ฮยอนจุนรีบถามเมื่อเห็นเรามองหน้ากันด้วยความตกใจ“นี่ไม่ได้นินทาพวกพี่ใช่ไหม?” คราวนี้เป็นพี่ซองมินถามขึ้นบ้างฉันรีบเดินไปลากแขนซีโน่เพื่อจะออกไปจากตรงนี้ทันที อยู่ไม่ได้แล้วไม่รู้ว่าซีโน่จะหลุดปากพูดออกมาเพราะโดนคาดคั้นตอนไหน “ซีโน่ ตามฉันมา มานี่” ฉันฉุดกระฉากซีโน่ที่กำลังอึ้งออกมาทั้งๆที่อาหารยังเต็มปากเขา“นี่ พวกเธอจะไปไหน กลับมานี่นะ” เสียงพี่จุนโฮตะโกนไล่หลังมา นาทีนี้ฉันไม่สนใจแล้วต้องลากซีโน่ไปปิดปากก่อน นี่ดีนะ ที่วันก่อนยองวอนอุ้มฉันขึ้นไปนอนบนเตียงก่อนที่พี่จุนโฮจะเข้ามา ไม่งั้นฉันก็คงต้องหาทางปิดปากพี่จุนโฮด้วยอีกคน“นี่เธอพูดจริงหรอ เมื่อคืนเธออยู่ในห้องกับพี่ยองวอน แถมกอดกันด้วยหรอ” ซีโน่รัวคำถามใส่ฉันทันทีที่เราออกมาข้างนอกได้“นายจะเสียงดังทำไม เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน” ฉันรีบเอามือปิดปากซีโน่ก่อนที่เขาจะประกาศให้คนอื่นรู้กันทั่ว“ได้ยินแล้วไงล่ะ ใครจะฟังรู้เรื่อง” เขาแกะมือของฉันออก แต่ก็ถูกของเขาเราคุยกันเป็นภาษาไทย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะอาจมีคนฟังรู้เรื่องก็ได้ “ว่ายังไง ที่เธอพูดคือเรื่องจริงใช่ไหม”“อื้ม!” ฉันตอบเขาแค่นั้นแต่ก็ทำให้ซีโน่ตกใจจนตาโต “แต่ฉันไม่ได้อยู่กับเขาทั้งคืนนะ พอเขาหลับฉันก็ออกมา”“เธอให้เขานอนตักหรอ” ซีโน่ถามต่อ“ก็เขาขอร้อง เขาบอกว่าอยู่แบบนี้อีกแค่อีกครั้งเดียว ขอแค่” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ซารังเอ้ยยยย ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกอีกแล้ว“นี่ ซารัง! อีกแค่ครั้งเดียวนี่หมายความว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอ” คราวนี้ซีโน่ทำหน้าตกใจกว่าเดิมอีก แล้วฉันจะตอบยังไงเนี้ย“คือว่า ฉัน” “บอกมาให้หมดเลยนะ ห้ามโกหกไม่อย่างนั้นฉันจะบอกคนอื่นจริงๆด้วย” เขาทำท่าจะเดินกลับเข้าไปจนฉันต้องคว้าแขนเขาเอาไว้“อย่าๆๆ ฉันบอกแล้ว ครั้งนี้ครั้งที่สองเอง แต่ฉันจะไม่ทำแบบนี้แล้ว อย่าบอกคนอื่นเลยนะ” “ครั้งที่สอง นี่เธอกับพี่ยองวอนคงไม่ได้” เขาหยุดไว้แค่นั้นแต่ฉันก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร“จะบ้าหรอ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น ก็แค่นอนตักนายอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยน่า” “ซารัง เธอเป็นสาวไทยพูดแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ใช่แค่นอนตัก” แล้วนายจะมาพูดเรื่องธรรมเนียมให้ฉันรู้สึกผิดทำไมเนี้ย “แล้วทำไมพี่ยองวอนถึงทำแบบนั้น” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ นายอย่าบอกคนอื่นนะ ฉันขอร้อง”“ ก็ได้” ทำไมเชื่อฟังจัง “แต่เธอต้องตอบคำถามฉันมาให้หมด” นั่นไงว่าแล้วเชียว ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ“ก็ได้ แต่ตอบไปแล้วนายต้องปิดปากเงียบเลยนะ” ซีโน่พยักหน้ารับ“เธอชอบพี่ยองวอนหรือเปล่า?” นี่คือคำถามที่นายอยากรู้หรอซีโน่“นายจะบ้าหรอ ฉันจะไปกล้าชอบเขาได้ยังไง” ฉันรีบหันหน้าหนีเพราะกลัวเขาจะจับได้“ถ้าเธอโกหกฉันก็ไม่รับฝากความลับ” แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว เขาจับได้แล้ว“ซีโน่ ฮือออ” ฉันทำเสียงอ้อนวอนเขาเต็มที่แต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์เลย “ฉันไม่รู้ ตอนนี้ฉันก็สับสนไปหมดทั้งหงุดหงิดทั้งเกลียดความคิดตัวเอง มันไม่ควรเป็นแบบนี้ เขาทั้งร้ายกาจทั้งใจร้าย ชอบว่าชอบตะคอกฉัน แถมเคยแกล้งฉันจนเกือบจะหนาวตาย และฉันจะชอบคนแบบนี้ได้ยังไง แต่ถึงจะชอบเขาจริงๆ แล้วฉันมีสิทธิ์หรอ ฉันเป็นใครแล้วยองวอนเป็นใคร” ตอนนี้เสียงของฉันเริ่มแผ่วลง ดวงตาก็เริ่มร้อนผ่าว ฉันเผลอพูดสิ่งที่อัดอั้นออกมาจนหมด ยิ่งได้พูดเป็นภาษาไทยมันก็ยิ่งหลุดออกมาง่ายดั่งใจคิดทุกอย่าง ซีโน่ที่ตอนนี้ยืนนิ่งเงียบจ้องหน้าของฉัน เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว“ซีโน่ ฉันสับสนจนจะเป็นบ้า คิดจนหัวจะระเบิด เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน” ตอนนี้น้ำตาของฉันค่อยๆไหลออกมา“ฉันกลัว กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ถ้าชอบเขาขึ้นมาจริงๆฉันควรจะทำยังไงต่อไป” ฉันเริ่มร้องไห้โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างแล้ว น้ำตาเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ ซีโน่ที่ยืนเงียบมาตลอดเขาถอดเสื้อออกมาคลุมหัวของฉัน และเดินจูงมือฉันให้ออกไปไกลจากผู้คนรอบข้างซีโน่พาฉันมานั่งที่เก้าอี้ตรงสวนดอกไม้ที่เป็นที่นั่งพักผ่อนของแขกที่มาพักที่นี่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครมาที่นี่ฉันเลยได้ร้องไห้ออกมาเต็มที่“ซารัง มันไม่ใช่เรื่องผิดที่เธอชอบเขา อย่าโกรธตัวเองเลย ใครๆก็รู้ว่ามันห้ามไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดเธอนะ ขนาดฉันยังเคยแอบชอบเพื่อนในห้องเลย” ซีโน่พูดขึ้นหลังจากเห็นฉันเริ่มหยุดร้องไห้“ฉันกลัว” ผู้ชายที่ฉันเคยได้แต่นั่งมองในจอทีวี และบนคอนเสิร์ตเขาดูห่างไกลจนฉันไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกว่าความชื่นชอบและชื่นชม แต่พอได้มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ความรู้สึกมันกลับเปลี่ยนไปจนน่ากลัว“ใช่ แอบชอบมันน่ากลัวจริงๆ น่ากลัวกว่าผีอีก” นี่เขาปลอบใจฉันอยู่จริงๆใช่ไหมเนี้ย ทำไมไม่รู้สึกดีเลย“นายปลอบใจคนอื่นแบบนี้หรอ เพราะถ้าใช่มันเป็นวิธีที่แย่มาก”“555+” เราจ้องหน้ากันและสุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาทั้งคู่ ถึงเขาจะไม่ใช่เพื่อนที่ช่วยฉันแก้ปัญหาแต่ก็เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้และทำให้ได้ระบายเรื่องที่แสนจะอึดอัดนี่สักที
ตอนนี้ฉัน ซีโน่ ฮยอนจุน พี่ซองมอน พี่จุนโฮ เราออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆโรงแรม ส่วนพี่มีรันกับพี่อึนจูก็ขอกลับไปพักก่อน พวกเรานั่งกินรามยอนที่ร้านสะดวกซื้อกันอยู่พักหนึ่งแล้ว แต่สมองของฉันกลับคิดถึงแต่ว่าตอนนี้ยองวอนกับอึนบีออกไปที่ไหนกัน แล้วถ้ามีคนเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันสองคนจะทำยังไงดี อากาศก็หนาว วันนี้ยองวอนก็ดูเหมือนจะป่วยตั้งแต่ช่วงบ่ายๆแล้วเขาเอาแต่ยืนตัวสั่น เรื่องพวกนี้มันรบกวนการกินของฉันจริงๆ“ซารัง” พี่ซองมินที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆฉันหันมาเรียก ฉันมัวแต่คิดเรื่องยองวอนจนลืมไปเลยว่าตอนนี้ฉันนั่งกินข้าวอยู่กับผู้ชายที่อยู่หน้าวอลเปเปอร์มือถือของฉันมา5ปี อร้ายยย! “ถ่ายรูปกัน” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดไปที่กล้องถ่ายรูป“ได้สิ” ฉันรีบตอบแบบไม่ต้องคิดเลย เมื่อก่อนต้องเก็บเงินแทบตายกว่าจะได้ไปยืนอัดคลิป ยืนถ่ายรูปพี่ซองมิน แต่ตอนนี้กลับมีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่แบบใกล้ชิดขนาดนี้ ฉันจะปฏิเสธได้ยังไง พี่ซองมินกอดคอฉันพร้อมกับดึงเข้าไปใกล้ๆตัวเขา“พร้อมนะ 1 2 3 ยิ้มมม” 1รูปผ่านไป 2รูปผ่านไป เขาถ่ายอยู่ประมาณ5รูปก็เอาแขนออกจากคอของฉันพร้อมกับเช็คภาพที่พึ่งถ่ายไป“โหว สวยทุกรูปเลย เธอนี่น่ารักขึ้นกล้องจริงๆ” เขาหันมายิ้มและเลื่อนรูปดูวนไปวนมา“ไหน ฉันขอดูบ้าง” ฉันยื่นมือไปขอโทรศัพท์พี่ซองมินเพื่อจะดูรูป “จริงๆด้วย พี่นี่ขนาดถ่ายรายการมาทั้งวันยังหล่อขึ้นกล้องอยู่เลย” อร้ายยย นี่ฉันพูดอะไรไปเนี้ย เขินจริงๆ“555+ งั้นพี่ขอลงรูปนี้นะ” “ตามใจพี่เลย” พี่ซองมินมักลงรูปคู่กับพี่อึนจูที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวบ่อยๆ ฉันเลยคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแฟนคลับเขาคงไม่มาถล่ม IG ฉันหรอก“ส่งให้ฉันด้วย ได้เวลาเปลี่ยนวอเปเปอร์มือถือจากรูปเดี่ยวเป็นรูปคู่แล้วววว” ฉันยื่นโทรศัพท์คืนพี่ซองมินและก้มหน้ากินรามยอนต่อด้วยความหิวโหย“นี่เธอตั้งรูปพี่เป็นวอลเปเปอร์จริงๆหรอ5555+” พี่ซองมินทำหน้าตื่นเต้น เขาคงจะคิดว่ายองวอนพูดแซวฉันเล่น “ไหน ขอดูหน่อย” เขายื่นมือมาขอโทรศัพท์ฉันบ้าง ฉันวางถ้วยรามยอนและหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อให้พี่ซองมิน“เฮ้ย ทำไมเป็นรูปนี้อ่ะ มันนานแล้วนะ ไม่เห็นจะหล่อเลยด้วยนี่เธอไม่อัพเดทรูปพี่เลยหรือไง” เขาโวยวายเมื่อเห็นรูปหน้าจอโทรศัพท์ของฉัน ซึ่งมันเป็นรูปภาพโปรโมทอัลบั้มแรกของเขาเอง5555“หล่อดีออก ฉันชอบรูปนี้นี่” “ไหนๆ ขอดูบ้าง” พี่จุนโฮที่นั่งอยู่ข้างๆรีบคว้าโทรศัพท์ไปจากมือพี่ซองมินทันที“555+ หน้าพี่ตลกอ่ะ นี่มันอัลบั้มแรกเลยนะ555+” เขาหัวเราะออกมาลั่นร้านเมื่อเห็นรูปพี่ซองมิน และแน่นอนว่าต้องตามด้วยเสียงของคนอื่นที่ตอนนี้ทั้งยื้อทั้งแย่งโทรศัพท์ของฉันเพื่อจะดูรูปพี่ซองมินฉันไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีเพื่อนนั่งกินรามยอนตอนดึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ การที่มีบทสนทนา มีเสียงหัวเราะ มันทำให้ฉันไม่เหงา ตั้งแต่เริ่มสนิทกับพวกเขาชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด มันทำให้เริ่มกลัวการอยู่คนเดียวขึ้นเรื่อยๆ ฉันชอบที่เป็นอยู่ตอนนี้มากๆ ชอบที่ได้เป็นแฟนคลับอันดับ1ของTrust5 ชอบที่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของยองวอน ชอบที่ได้เป็นพโยซารัง และฉันก็กลัวการที่จะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง
@โรงแรม เวลา 2:00 AMฉันกลับมาที่โรงแรมหลังจากที่อิ่มหนำสำราญกับอาหารรอบดึก ตอนนี้ก็ตี2แล้ว ตาของฉันก็ใกล้จะปิดเพราะความง่วงที่มหาศาลมาก ฉันเลื่อนดูรูปที่พี่ซองมินลงพร้อมข้อความ “น้องเล็กอีกคนของTrust5” นี่ก็เป็นรอบที่100ได้แล้วมั้ง555+ มีคนเข้ามากดไลค์และคอมเม้นเต็มไปหมด
“ในเวลานี้จะมีแค่เราสองคน ผมไม่อยากปล่อยให้มันจางหาย เป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะผมอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป...”
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นและชื่อที่ขึ้น เจ้าอสูรร้ายโทรมาทำไมตอนนี้นะ ฉันกดรับสายเพราะกลัวจะรบกวนพี่อึนจูกับพี่มีรันที่ตอนนี้กำลังนอนหลับกันอยู่“ ฮัลโหล มีอะไรโทรมาทำไมตอนนี้” ฉันลุกออกมาจากเตียงและเดินมาที่โซฟาหน้าโทรทัศน์“ซารัง ฉันเหมือนจะไม่สบายเลยปวดหัวมากๆ” เสียงยองวอนดูเพลียมากๆเหมือนไม่มีแรงแม้แต่จะพูด เขาป่วยจริงๆหรอเนี้ย นายนี่นะบอกให้ระวังๆ“ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังจะป่วย เดี๋ยวฉันเอายาไปให้ มาเปิดประตูด้วย” ฉันวางสายยองวอนและรีบไปค้นยาในกระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ เพราะเขาป่วยง่ายแบบนี้ไงฉันถึงต้องเตรียมยาไว้ในกระเป๋าไปไหนมาไหนด้วยตลอดก๊อก ก๊อก ก๊อก ตอนนี้ฉันอยู่หน้าห้องพักของยองวอนและไม่นานเขาก็เดินมาเปิดประตูให้ สีหน้าของเขาดูไม่ดีเลยตัวก็สั่นหน้าก็ซีดไปหมด ฉันเดินเข้ามานั่งที่โซฟา ยองวอนเดินตามมาเมื่อปิดประตูเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เอามือทาบที่หน้าผากของเขา ตัวร้อนมากเลย“นายรู้ว่าป่วยจะสระผมทำไม” นี่เขาพึ่งกลับมาจากข้างนอกสินะ สระผมยังไม่ทันจะแห้งเลย“ฉันไม่ได้สระผมมา2วันแล้ว เพราะมันหนาว” ยองวอนตอบฉันพร้อมกับเอนตัวพิงที่โซฟา“กินข้าวหรือยัง” ฉันเริ่มหยิบยาออกจากถุง จับมือของเขาแบออกและเกะยาวางบนมือของเขาทีละเม็ด“กินแล้ว” ตอนนี้เขานอนหลับตาพิงโซฟาอยู่ ดูจะป่วยหนักเลยนะเนี้ย “3เม็ดเลยหรอ” ยองวอนผู้ขึ้นชื่อเรื่องกินยายากนี่ก็คงเรื่องจริงสินะทุกคนใน Trust5 ชอบบอกว่าเขากินยายากมากถ้าป่วยแล้วไม่มีใครบังคับให้กินยองวอนก็จะไม่กิน“ใช่ กินเข้าไปไม่ต้องมาบ่น บอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังป่วย” ฉันเทน้ำแล้วยื่นแก้วให้เขา ยองวอนรับและค่อยๆกินยาทีละเม็ด ทำไมตอนนี้เหมือนบังคับลูกที่ป่วยให้กินยาเลย นี่แค่3เม็ดนะ ถ้าเยอะกว่านี้คงต้องรอประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะกินเสร็จเล่นกินทีละเม็ดแบบนี้“เข้าไปในห้องกันจะได้อุ่นๆ” จากนั้นฉันก็พาเจ้าอสูรร้ายสิ้นฤทธิ์มานั่งที่เก้าอี้หน้ากระจก“ทำไมไม่ให้ฉันไปนอนที่เตียงล่ะ จะให้หลับตรงนี้หรอ” ยองวอนที่ตอนนี้นั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ถามขึ้นมา“นายจะนอนได้ยังไง หัวเปียกแบบนี้อ่ะ” ฉันเปิดตามตู้เพื่อหาไดร์เป่าผม ไม่นานก็หาเจอพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดผมมาผืนหนึ่ง และเริ่มเป่าผมของยองวอนเรื่อยๆจนตอนนี้มันใกล้จะแห้งแล้วกึ้ก! เมื่อเห็นว่าผมของเจ้าอสูรร้ายแห้งจนสามารถปล่อยให้เขานอนได้แล้วฉันก็ปิดสวิตช์ไดร์เป่าผมและเก็บมันใส่ตู้เหมือนเดิม“เสร็จแล้ว” ยองวอนไม่ตอบอะไรกลับมาจนฉันคิดว่าเขาหลับไปแล้วเสียอีก แต่อยู่ๆหมอนี่ก็ลุกขึ้นยืนเอาดื้อๆโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ฉันที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างหน้าเรื่อยๆจนต้องถอยหลังออกห่างจากเขาด้วยความแปลกใจ แต่ยองวอนก็ยังเดินเข้ามาไม่หยุดและพรึ้บ!! ยองวอนขยับเข้ามาจนตัวติดกับฉันเรื่อยๆและทิ้งตัวลงมาที่ฉัน กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันยืนอยู่ข้างเตียงโดยมียองวอนยืนอยู่ข้างหน้าและเอนตัวมาพิงฉัน ตัวหนักขนาดนี้คิดว่าฉันจะรับน้ำหนักนายไหวหรอชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อยเลย และด้วยความสูงที่ต่างกันมากยองวอนเลยสามารถเอาคางของเขาวางที่หัวของฉันได้สบายๆ นี่หัวฉันเป็นที่วางคางนายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย!!“หนักน่ะ ไปนอนบนเตียงเถอะ” ถึงจะพยายามดันตัวเขาออกยังไงก็ไม่สำเร็จเพราะยองวอนตัวหนักมากและถ้าขยับเขาจะล้มหรือเปล่าน่ะ เพราะกลัวว่ายองวอนจะล้มถ้าฉันจึงตัดสินใจกอดเขาไว้และค่อยๆขยับถอยหลังเพื่อพาไปที่เตียง แต่ทันใดนั้นก็เหมือนยองวอนจะรู้สึกตัวเพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉันที่กอดเขาอยู่แต่ยองวอนกลับกอดตอบฉัน รู้สึกตัวก็น่าจะพูดอะไรบ้างสิฉันก็กังวลอยู่ตั้งนานว่าจะล้ม แล้วสถานการณ์ตอนนี้มันก็ดูจะแปลกๆนระเพราะกลายเป็นว่าเราสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก!! แล้วทำไมหัวใจฉันต้องมาเต้นแรงตอนนี้ด้วย โอ๊ยยยยย ยัยซารังแกจะบ้าหรอตั้งสติหน่อยเถอะ“ซารัง ฉันหนาว” ฉันรู้แล้วแต่นายจะกอดฉันแบบนี้ไม่ได้“ฉันรู้ๆ ไปนอนที่เตียงสิจะได้อุ่น”“แบบนี้ก็อุ่น” ยองวอนพูดออกมาเสียงแผ่วเบา“แต่นายจะยืนหลับแบบนี้ไม่ได้ ไปนอนที่เตียงเถอะ” ขืนยืนอยู่แบบนี้ใจฉันได้เต้นจนวายตายแน่ เปลอๆจะติดไขเขาอีกเพราะยองวอนตัวร้อนมาก “เธอไปนั่งตรงนั้นหน่อยสิ” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่เตียง“นายจะให้ฉันไปนั่งทำไม นั่นเตียงนายและนายก็ควรไปนอนได้แล้ว นี่มันตี2แล้ว” “ไปนั่งเถอะน่า อย่าขัดใจฉันได้ไหมฉันป่วยอยู่นะ ปวดหัวจนจะระเบิดอยู่แล้ว” เพราะกลัวว่าถ้ายืนเถียงกันอยู่แบบนี้ยองวอนอาจจะไม่ได้นอนก็ได้ ฉันเลยต้องยอมถอยออกไปนั่งที่เตียงตามคำสั่งของคุณเจ้านายจอมเอาแต่ใจ“ขยับเข้าไปอีก เอาขาขึ้นด้วย” แม้ว่าจะงงกับคำสั่งของเขาแต่ก็ยอมทำตาม จากนั้นยองวอนก็ค่อยๆนั่งลงบนเตียงข้างหน้าฉัน แล้วก็นอนลงแต่ไม่ใช่นอนลงที่หมอนนะ แต่เป็นที่ตักของฉันเอง ฉันสะดุ้งกับสิ่งที่เขาทำจนทำอะไรไม่ถูก เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆอีกแล้วเดจาวูหรอเนี้ย“นะ นายทำอะไรเนี้ย” “ฉันขอนอนตรงนี้นะ เมื่อคืนฉันก็หลับแบบนี้มันสบายมากเลย สบายกว่าหมอนอีก” “แต่ว่า…” ฉันกำลังจะห้ามและบอกให้เขาลุกขึ้นแต่ยองวอนก็เหมือนจะไม่ฟัง“ขอร้องละนะ อีกแค่ครั้งเดียวก็ได้ ฉันขออยู่แบบนี้อีกแค่ครั้งเดียว” นายพูดซะขนาดนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ฉันได้แต่นั่งนิ่งมองหน้าเขาที่กำลังหลับตาพร้อมกับเอื้อมมือไปเอาผ้าห่มมาคลุมตัวของยองวอน ตอนนี้เขาดูน่าสงสารมาก เพราะเคยแต่ดูข่าวเวลาที่ยองวอนป่วยเลยได้แต่จินตนาการว่าอาการของเขาจะหนักแค่ไหนแต่ตอนนี้พอมาเห็นกับตาตัวเองมันต่างจากสิ่งที่คิดเอาไว้มาก ตอนนี้อสูรร้ายกลายเป็นลูกแมวน้อยที่นอนป่วยอยู่อย่างน่าสงสาร“เธอว่าถ้าแฟนคลับรู้พวกเขาจะเป็นห่วงไหมที่ฉันป่วย” “แน่นอนสิ ถ้ามีข่าวออกไปว่านายป่วยพวกเขาก็จะเอาแต่นั่งรอข่าวอัพเดทอาการป่วยของนาย ฉันถึงบอกให้นายระวังไง สุดท้ายก็ป่วยจนได้” หึ! ใครใช้ให้นายออกไปเที่ยวกับสาวตั้งนาน“ ทำไมพวกเขาถึงชอบฉันนักล่ะ” ตอนเขาป่วยเป็นแบบนี้นี่เอง ถามโน้นถามนี่เหมือนเด็กๆ“ เพราะนายน่ารักไง นายเก่ง หล่อ ฉลาด และนายก็รักพวกเขามาก”“แฟนคลับชอบฉันตอนไหนมากที่สุด “ “คนที่เขาชอบนาย ไม่ว่านายจะทำอะไรพวกเขาก็ชอบทั้งนั้นแหละ” ส่วนฉันก็ยังตอบคำถามเขาไม่หยุด ก็เขาป่วยอยู่นี่นาฉันไม่อยากจะขัดใจ“แล้วเธอล่ะ ชอบฉันหรือเปล่า” คงถามในฐานะที่ฉันเป็นแฟนคลับสินะ ตึก ตึก ตึก แล้วทำไมเธอต้องเอาแต่ใจเต้นแรงไม่หยุดแบบนี้ด้วยยยยย“ฉันก็ชอบพวกนายทุกคนนั่นแหละ”“แต่ชอบพี่ซองมินที่สุดสินะ” เลิกพูดอะไรที่ทำให้หัวใจของฉันทำงานหนักได้แล้ว “นายนอนได้แล้วพรุ่งนี้มีถ่ายรายการอีก ถ้านายไม่หายป่วยก็จะถ่ายไม่ได้ ทีมงานและคนอื่นๆก็จะรู้แล้วแฟนคลับนายก็จะรู้ กลัวพวกเขาเป็นห่วงไม่ใช่หรอ” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องและบอกให้เขานอนทันที“ครั้งนี้เธอก็ทำเพื่อแฟนคลับฉันหรอ” นี่เขายังจำเรื่องที่ฉันพูดตอนไปปั่นจักรยานเล่นได้อยู่หรอ เปล่า!ฉันทำไปเพราะตัวเอง เพราะเป็นห่วงนายมากๆเลยมานั่งเป็นหมอนอยู่ตรงนี้ แบบนี้หรอถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแล้วฉันสามารถพูดออกไปได้ยังไงล่ะ“ อืม “ เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว ฉันเผลอเอามือไปลูบที่ผมของเขา ยองวอนนายจะรู้ไหมว่าเวลาที่นายทำแบบนี้ใจของฉันมันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หัวใจของฉันมันเต้นแรงเวลาที่อยู่ใกล้เขา เวลาเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ยิ้มให้ฉัน มองหน้าฉัน เวลาที่เขาเรียกฉันว่าพโยซารัง ทั้งๆที่เมื่อก่อนเคยคิดว่าเขาเป็นคนร้ายกาจเป็นคนอันตรายที่แสนเอาแต่ใจ ที่ชอบตัดสินคนอื่นจากความโกรธของตัวเอง แต่บางทีเขากลับอ่อนโยนและอบอุ่น และบางครั้งก็ดูอ่อนแอเหมือนเป็นคนละคน บางคำพูดหรือการแสดงออกมันทำให้สับสนและคิดเข้าข้างตัวเองว่าพโยยองวอนผู้แสนจะเพอร์เฟค ผู้ชายที่สาวๆหลายๆคนทั้งในประเทศนี้และในต่างประเทศอยากจะครอบครอง หรือแค่ได้อยู่ใกล้ๆก็ยังดี เขาอาจจะไม่ได้มองฉันเป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัว มันไร้สาระใช่ไหม ที่บางครั้งฉันก็คิดแบบนี้ แต่หลายครั้งที่เขาทำให้รู้สึกว่าฉันแค่คิดไปเอง มักใหญ่ใฝ่สูงจนฉันอายและเกลียดความคิดแบบนี้ของตัวเองมากๆ“เธอไม่อยากไปกินข้าวกับฉันหรอ” ฉันตกใจมากที่เขายังไม่หลับจนรีบชักมือออกจากหัวของเขาทันที “ก็เปล่านี่ ฉันแค่ไม่หิว” ความจริงแล้วที่ฉันไม่ไปเพราะนายยังรักอึนบีอยู่ต่างหาก ทั้งๆที่นายดูเจ็บปวดเพราะเธอขนาดนั้น คิดว่าแฟนคลับอย่างฉันจะยินดีหรอหลังจากเห็นนายในสภาพนั้นแล้ว“แต่เธอไปกินข้าวกับพี่ซองมิน” เขาคงจะเห็นจากรูปที่พี่ซองมินลง “แถมถ่ายรูปด้วยกันอีก เธอเป็นผู้จัดการของฉันแท้ๆแต่เราไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันสักครั้งด้วยซ้ำ” ก็นายไม่เคยพูดนี่ว่าอยากถ่ายรูปด้วยกัน ฉันได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรทำไมตอนนี้รู้สึกเหมือนโดนพ่อแม่จับได้ว่าโกหกเลย“เธอชอบเขามากสินะ” ยองวอนพูดต่อเมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้ตอบอะไร ก็คงไม่มากเท่าที่นายชอบอึนบีหรอก“ใช่ ฉันชอบเขามาก ชอบมา5ปีแล้วด้วย” ฉันรีบพูดตัดบท เพราะไม่อยากจะพูดหรือคิดเรื่องนี้อีกแล้ว“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ ฉันมองนาฬิกาที่หัวเตียงตอนนี้ก็ตี3แล้ว และฉันก็ง่วงจนจะลืมตาไม่ขึ้นอีกแล้ว ยองวอนก็ดูเหมือนจะหลับสนิแล้วด้วย“ยองวอน ยองวอน” เมื่อแน่ใจว่ายองวอนหลับสนิทแล้วฉันจึงค่อยๆยกหัวของเขาขึ้นจากตักและเปลี่ยนเป็นหมอนนิ่มๆแทน หมอนนิ่มๆนอนสบายกว่าตั้งเยอะไม่ยอมนอน แปลกคนจริงๆ
“ยองวอน ตื่นได้แล้ว” ดีนะที่เมื่อคือฉันหยิบเอาคีย์การ์ดของห้องยองวอนไปด้วย เพราะคิดว่าเขาอาจจะหลับเพลินจนตื่นไปถ่ายรายการไม่ทัน ตอนนี้ฉันเลยมายืนอยู่ข้างเตียงของเขา“อื้ออ” ยองวอนทำเสียงงัวเงียและเอาผ้าขึ้นมาปิดหน้า “ตื่นได้แล้ววันนี้ต้องถ่ายรายการ” “ซารัง นี่กี่โมงแล้ว” เขาลืมตามาถามฉันพร้อมกับดันตัวขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง“8โมงกว่าแล้ว นายมีถ่ายรายการตอน10โมง แต่ต้องไปกินข้าวก่อนจะได้กินยา” ฉันเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ทีมงานเอามาให้เพื่อให้ยองวอนใส่วันนี้มาวางไว้ที่ปลายเตียงของเขา วันนี้เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยหนาเท่าไหร่อีกแล้วทั้งที่อากศหนาวขนาดนี้แท้ๆยองวอนก็ยิ่งมาป่วยอีก“ฉันดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องกินยาหรอกมั้ง” “ไม่ได้!! ดีขึ้นกับหายแล้วมันต่างกัน นายต้องกินจนกว่าจะหาย” ฉันหันไปทำเสียงดุใส่เขา “เมื่อคืนเธอนอนที่นี่หรอ” ทำไมอยู่ๆนายต้องพูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาด้วยเนี้ย ฉันอุตส่ากะว่าจะทำเนียนๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักหน่อย“เปล่า พอนายหลับสนิทฉันก็กลับห้อง” “ฉันอุตส่าขอร้องให้อยู่กับฉันยังหนีกลับห้อง กลัวพี่ซองมินเข้าใจผิดหรือไง” ประโยคหลังยองวอนพูดแค่เบาๆเหมือนไม่ค่อยอยากให้ฉันได้ยิน แต่เปล่าเลยฉันได้ยินชัดเจนมากๆ ทำไมต้องมาคอยประชดเรื่องพี่ซองมินด้วย ฉันชอบพี่เขาก็จริงแต่มันก็แค่แฟนคลับที่ชอบไอดอลคนหนึ่งก็แค่นั้น“เปล่า ฉันกลัวอึนบีจะเข้าใจผิดน่ะ รีบอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วฉันจะลงไปรอข้างล่าง” พูดจบฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องทันที อยู่ต่อนานกว่านี้คงต้องเถียงกันยาวแน่ๆฉันเดินลงมาที่ห้องอาหารที่ชั้น2ของโรงแรม พยายามมองไปรอบๆเพื่อหาคนอื่นๆ “อรุณสวัสดิ์ซารังเพื่อนรัก” ซีโน่ที่เดินมาข้างหลังพร้อมกับกอดคอของฉัน วันนี้เขาพูดภาษาไทยกับฉันหลังจากที่ไม่ได้พูดกันมานานเพราะเวลาเราคุยกันเป็นภาษาไทยทีไรTrust5 คนอื่นๆก็จะโวยวายทุกที“นี่ นายจะทำแบบนี้ตรงนี้ไม่ได้นะ คนเยอะแยะ พวกนายนี่ทำอะไรไม่เคยระวัง” ฉันถอยออกห่างจากซีโน่และดุเขาเป็นภาษาไทย“ก็ฉันชินนี่” ซีโน่ทำหน้างอที่โดนดุ “ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” ฉันกับซีโน่เดินมานั่งที่โต๊ะที่มีคนอื่นกำลังนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่“ซารัง วันนี้พวกเราได้พักกันนานไหม ฉันอยากออกไปเที่ยวข้างนอกอีก” ฮยอนจุนถามฉันทันทีที่เดินมานั่งที่เก้าอี้“อย่าฝันเลย พวกนายมีถ่ายกันยาวเกือบทั้งวัน เลิกก็คงมืดๆอ่ะ” ฉันหันไปบอกฮยอนจุนพร้อมกับแย่งตักอาหารในจานของเขาเข้าปาก“โหววว ฉันอยากไปเที่ยวๆๆ” เขาคงผิดหวังกับคำตอบของฉัน นี่นายมาทำงานหรือมาเที่ยวเนี้ย“พี่ซองมินสั่งข้าวต้มให้ยองวอนหรือยังคะ” ฉันถามเพราะฝากให้เขาสั่งข้าวต้มร้อนๆไว้ให้ยองวอน“สั่งแล้ว แล้วทำไมวันนี้ยองวอนอยากกินข้าวต้มล่ะ” พวกเขายังไม่รู้นี่นาว่ายองวอนป่วย“เมื่อคืนเขาป่วยนิดหน่อย แต่ดีขึ้นแล้ว วันนี้ฉันอยากให้พี่จุนโฮไปนอนกับยองวอนได้ไหมคะ จะได้ช่วยดูเขาด้วย เพราะเมื่อคืนเขาตัวร้อนแล้วก็ปวดหัวมาก” ถ้ามีคนคอยดูแลเขาที่ห้องสักคนก็คงจะดี“ได้สิ ว่าแต่เมื่อคืนกลับมาก็ตี2 แล้วเธอรู้ได้ไงว่าเขาป่วย อย่าบอกนะว่าแอบย่องไปหายองวอนมา” นี่เขาพูดอะไรของเขา แถมพูดเสียงดังสะด้วยทำฉันตกใจหมด คนอื่นๆก็เอาแต่จ้องหน้าฉันนิ่ง ส่วนพี่จุนโฮก็ยิ้มชอบใจใหญ่เลย“พี่จะบ้าหรอ เขาปวดหัวมากเลยโทรหาฉันต่างหาก” ฉันรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ใช้คำว่าแอบย่องมันก็ดูโรคจิตไปนะคะพี่จุนโฮ“พี่ยองวอนป่วยหรอคะ” เสียงนี้อีกแล้วสินะ แน่นอนค่ะว่าเป็นอึนบี ฉันไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากมายแต่แค่รู้ว่าเธอเป็นคนที่ทำให้ยองวอนอยู่ในสภาพนั้น ความไม่ชอบมันก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ“ค่ะ แต่เขาดีขึ้นแล้วถ่ายรายการได้แน่นอน” “งั้นฉันขอไปดูเขาหน่อยนะ” อึนบีกำลังจะเดินไปแต่ถูกพี่ซองมินห้ามไว้ซะก่อน“พี่ว่าอย่าไปดีกว่าอึนบี เดี๋ยวถ้าพี่มีรันเห็นยองวอนก็จะโดนว่าเปล่าๆ แล้วไหนจะซารังที่จะเดือดร้อนไปด้วย” ใช่แล้วค่ะ พี่ซองมินพูดถูกที่สุดเดี๋ยวฉันก็จะเดือดร้อนไปด้วย “เดี๋ยวพี่ก็คงจะมาแล้ว เธอไม่ต้องไปหรอก” ซีโน่ผู้หิวโหยพูดขึ้น ตั้งแต่มานั่งเขายังไม่หยุดกินเลยแล้วอึนบีก็ยอมที่จะรอยองวอนอยู่ข้างล่างตามคำพูดของพี่ซองมิน ห่างกันบ้างก็ได้มั้งเมื่อคืนก็กลับมาตั้งตี2 นี่ก็พึ่งจะ8โมงเช้าเอง“ข้าวใหม่ปลามันสินะ ตัวติดกันเป็นปลาท่องโก๋ ทำไมเมื่อคืนไม่ไปยืนให้เขากอดแล้วก็เป็นหมอนแทนฉันล่ะ”แค่ก..แค่ก!!!แย่แล้ว!! ฉันลืมไปเลยว่าซีโน่เป็นคนไทยถึงได้เผลอพูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด เขาคงตกใจมากจนสำลักข้าวที่กำลังกินอยู่ คนอื่นๆก็เหมือนกันเพราะฟังไม่รู้เรื่องเลยพร้อมใจกันจ้องหน้าของฉันเป็นตาเดียวแบบนี้ “เธอพูดว่าอะไรหรอซีโน่?” ฮยอนจุนรีบถามเมื่อเห็นเรามองหน้ากันด้วยความตกใจ“นี่ไม่ได้นินทาพวกพี่ใช่ไหม?” คราวนี้เป็นพี่ซองมินถามขึ้นบ้างฉันรีบเดินไปลากแขนซีโน่เพื่อจะออกไปจากตรงนี้ทันที อยู่ไม่ได้แล้วไม่รู้ว่าซีโน่จะหลุดปากพูดออกมาเพราะโดนคาดคั้นตอนไหน “ซีโน่ ตามฉันมา มานี่” ฉันฉุดกระฉากซีโน่ที่กำลังอึ้งออกมาทั้งๆที่อาหารยังเต็มปากเขา“นี่ พวกเธอจะไปไหน กลับมานี่นะ” เสียงพี่จุนโฮตะโกนไล่หลังมา นาทีนี้ฉันไม่สนใจแล้วต้องลากซีโน่ไปปิดปากก่อน นี่ดีนะ ที่วันก่อนยองวอนอุ้มฉันขึ้นไปนอนบนเตียงก่อนที่พี่จุนโฮจะเข้ามา ไม่งั้นฉันก็คงต้องหาทางปิดปากพี่จุนโฮด้วยอีกคน“นี่เธอพูดจริงหรอ เมื่อคืนเธออยู่ในห้องกับพี่ยองวอน แถมกอดกันด้วยหรอ” ซีโน่รัวคำถามใส่ฉันทันทีที่เราออกมาข้างนอกได้“นายจะเสียงดังทำไม เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน” ฉันรีบเอามือปิดปากซีโน่ก่อนที่เขาจะประกาศให้คนอื่นรู้กันทั่ว“ได้ยินแล้วไงล่ะ ใครจะฟังรู้เรื่อง” เขาแกะมือของฉันออก แต่ก็ถูกของเขาเราคุยกันเป็นภาษาไทย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะอาจมีคนฟังรู้เรื่องก็ได้ “ว่ายังไง ที่เธอพูดคือเรื่องจริงใช่ไหม”“อื้ม!” ฉันตอบเขาแค่นั้นแต่ก็ทำให้ซีโน่ตกใจจนตาโต “แต่ฉันไม่ได้อยู่กับเขาทั้งคืนนะ พอเขาหลับฉันก็ออกมา”“เธอให้เขานอนตักหรอ” ซีโน่ถามต่อ“ก็เขาขอร้อง เขาบอกว่าอยู่แบบนี้อีกแค่อีกครั้งเดียว ขอแค่” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ซารังเอ้ยยยย ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกอีกแล้ว“นี่ ซารัง! อีกแค่ครั้งเดียวนี่หมายความว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอ” คราวนี้ซีโน่ทำหน้าตกใจกว่าเดิมอีก แล้วฉันจะตอบยังไงเนี้ย“คือว่า ฉัน” “บอกมาให้หมดเลยนะ ห้ามโกหกไม่อย่างนั้นฉันจะบอกคนอื่นจริงๆด้วย” เขาทำท่าจะเดินกลับเข้าไปจนฉันต้องคว้าแขนเขาเอาไว้“อย่าๆๆ ฉันบอกแล้ว ครั้งนี้ครั้งที่สองเอง แต่ฉันจะไม่ทำแบบนี้แล้ว อย่าบอกคนอื่นเลยนะ” “ครั้งที่สอง นี่เธอกับพี่ยองวอนคงไม่ได้” เขาหยุดไว้แค่นั้นแต่ฉันก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร“จะบ้าหรอ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น ก็แค่นอนตักนายอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยน่า” “ซารัง เธอเป็นสาวไทยพูดแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ใช่แค่นอนตัก” แล้วนายจะมาพูดเรื่องธรรมเนียมให้ฉันรู้สึกผิดทำไมเนี้ย “แล้วทำไมพี่ยองวอนถึงทำแบบนั้น” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ นายอย่าบอกคนอื่นนะ ฉันขอร้อง”“ ก็ได้” ทำไมเชื่อฟังจัง “แต่เธอต้องตอบคำถามฉันมาให้หมด” นั่นไงว่าแล้วเชียว ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ“ก็ได้ แต่ตอบไปแล้วนายต้องปิดปากเงียบเลยนะ” ซีโน่พยักหน้ารับ“เธอชอบพี่ยองวอนหรือเปล่า?” นี่คือคำถามที่นายอยากรู้หรอซีโน่“นายจะบ้าหรอ ฉันจะไปกล้าชอบเขาได้ยังไง” ฉันรีบหันหน้าหนีเพราะกลัวเขาจะจับได้“ถ้าเธอโกหกฉันก็ไม่รับฝากความลับ” แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว เขาจับได้แล้ว“ซีโน่ ฮือออ” ฉันทำเสียงอ้อนวอนเขาเต็มที่แต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์เลย “ฉันไม่รู้ ตอนนี้ฉันก็สับสนไปหมดทั้งหงุดหงิดทั้งเกลียดความคิดตัวเอง มันไม่ควรเป็นแบบนี้ เขาทั้งร้ายกาจทั้งใจร้าย ชอบว่าชอบตะคอกฉัน แถมเคยแกล้งฉันจนเกือบจะหนาวตาย และฉันจะชอบคนแบบนี้ได้ยังไง แต่ถึงจะชอบเขาจริงๆ แล้วฉันมีสิทธิ์หรอ ฉันเป็นใครแล้วยองวอนเป็นใคร” ตอนนี้เสียงของฉันเริ่มแผ่วลง ดวงตาก็เริ่มร้อนผ่าว ฉันเผลอพูดสิ่งที่อัดอั้นออกมาจนหมด ยิ่งได้พูดเป็นภาษาไทยมันก็ยิ่งหลุดออกมาง่ายดั่งใจคิดทุกอย่าง ซีโน่ที่ตอนนี้ยืนนิ่งเงียบจ้องหน้าของฉัน เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว“ซีโน่ ฉันสับสนจนจะเป็นบ้า คิดจนหัวจะระเบิด เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน” ตอนนี้น้ำตาของฉันค่อยๆไหลออกมา“ฉันกลัว กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ถ้าชอบเขาขึ้นมาจริงๆฉันควรจะทำยังไงต่อไป” ฉันเริ่มร้องไห้โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างแล้ว น้ำตาเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ ซีโน่ที่ยืนเงียบมาตลอดเขาถอดเสื้อออกมาคลุมหัวของฉัน และเดินจูงมือฉันให้ออกไปไกลจากผู้คนรอบข้างซีโน่พาฉันมานั่งที่เก้าอี้ตรงสวนดอกไม้ที่เป็นที่นั่งพักผ่อนของแขกที่มาพักที่นี่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครมาที่นี่ฉันเลยได้ร้องไห้ออกมาเต็มที่“ซารัง มันไม่ใช่เรื่องผิดที่เธอชอบเขา อย่าโกรธตัวเองเลย ใครๆก็รู้ว่ามันห้ามไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดเธอนะ ขนาดฉันยังเคยแอบชอบเพื่อนในห้องเลย” ซีโน่พูดขึ้นหลังจากเห็นฉันเริ่มหยุดร้องไห้“ฉันกลัว” ผู้ชายที่ฉันเคยได้แต่นั่งมองในจอทีวี และบนคอนเสิร์ตเขาดูห่างไกลจนฉันไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกว่าความชื่นชอบและชื่นชม แต่พอได้มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ความรู้สึกมันกลับเปลี่ยนไปจนน่ากลัว“ใช่ แอบชอบมันน่ากลัวจริงๆ น่ากลัวกว่าผีอีก” นี่เขาปลอบใจฉันอยู่จริงๆใช่ไหมเนี้ย ทำไมไม่รู้สึกดีเลย“นายปลอบใจคนอื่นแบบนี้หรอ เพราะถ้าใช่มันเป็นวิธีที่แย่มาก”“555+” เราจ้องหน้ากันและสุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาทั้งคู่ ถึงเขาจะไม่ใช่เพื่อนที่ช่วยฉันแก้ปัญหาแต่ก็เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้และทำให้ได้ระบายเรื่องที่แสนจะอึดอัดนี่สักที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ