โอม ตอนที่ 1 แรงอาฆาต(เวอร์ชั่น 70 เปอร์เซ็นต์)
เขียนโดย Jalando
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.48 น.
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2566 00.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) แม่หมอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://www.facebook.com/jalando.darksidewriter.version2
…………………….
ภายในฮอนด้าซีวิคสีขาวไข่มุกราคาเหยียบล้าน จิตหรานั่งหน้านิ่ว สองมือบังคับพวงมาลัย เพื่อนำพารถป้ายแดงผ่านการจราจรที่แสนโหดร้ายของเมืองกรุง ในใจหวนระลึกนึกถึงเศษกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนหน้าคอนโซล พอเดินทางถึงช่วงไฟแดง เธอก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู
“ แม่หมอมาลี อุดมเกศา ที่อยู่ xxxxxxxxx ”
“ จะช่วยได้แน่หรือ ” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนวางเศษกระดาษไว้ที่เดิม จากนั้นก็หันไปจับพวงมาลัยเพื่อบังคับรถต่อ เนื่องจากตอนนี้ถึงเวลาที่ไฟเขียวปรากฏ
…………………….
( ณ.ชานเมืองกรุงเทพ )
รถเก๋งคันงามแล่นผ่านถนนสองเลนที่ค่อนข้างโล่ง จิตหราจำเป็นต้องขับอย่างเชื่องช้า เพื่อค้นหาเป้าหมายผ่านระบบนำทางอัตโนมัติ (เนวิเกเตอร์) บางครั้งก็แวะจอดข้างทาง เพื่อไถ่ถามชาวบ้านละแวกนั้น ในที่สุดเธอก็พบกับเคหสถานที่ตามหา
เคหสถานแห่งนั้นเป็นบ้านทรงไทยขนาดกลางที่ค่อนข้างเก่า บริเวณใต้ถุนมีชายแก่นั่งประจำการอยู่ที่แคร่ไม้ผุๆ
จิตหราจอดรถข้างบ้านทรงไทย พอดับเครื่องยนต์ เธอลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหาชายสูงอายุ
เมื่อจิตหรามาถึง เธอก็พบว่าผู้อาวุโสนายนี้น่าจะอายุประมาณ 60 กว่าๆ ผมบนศีรษะสั้นเกรียนและขาวโพลน ใบหน้าย่นๆมองตรงไปข้างหน้า แววตาดูไร้จุดหมาย ท่อนบนที่เปล่าเปลือยมีผ้าขาวม้าเก่าๆพาดบ่า
“ สวัสดีค่ะ คุณลุง ที่นี่ใช่ บ้านเลขที่ xxxxxxx ที่อยู่ของแม่หมอมาลี ใช่มั้ยคะ ” จิตหรายกมือไหว้ด้วยมารยาทอันดี จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างสุภาพ ทว่าชายแก่กลับนั่งนิ่ง คล้ายไม่ได้ยินน้ำคำของหญิงสาว
“ เออ.....สวัสดีค่ะ หนูชื่อจิตหรา หนูมาหาแม่หมอมาลี เธออยู่บ้านหลังนี้ใช่มั้ยคะ ” จิตหราถามอีกครั้ง คราวนี้เธอเพิ่มกระแสเสียงให้ดังยิ่งขึ้น เพราะคิดว่าชายสูงวัยคนนี้อาจจะหูหนวก แต่ไม่กล้าตะโกนดังนัก ด้วยกลัวจะเสียมารยาท ถึงกระนั้นชายแก่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
ระหว่างที่จิตหรายืนปวดเศียรเวียนเกล้ากับอาการเมินเฉย ก็มีเสียงยานคางของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง
“ ทำอะไรอยู่รึจ๊ะ แม่หนู ”
เมื่อจิตหราหันหน้ากลับมาดู จึงพบกับหญิงชราคนหนึ่ง อายุของผู้อาวุโสนางนี้น่าจะอยู่ประมาณ 60 ปีเศษ หน้าตาท่าทางดูใจดี ผมขาวบนหัวขดมวยเป็นระเบียบ เธอซ่อนร่างท้วมนิดๆในเสื้อคอกระเช้าสีขาว ผ้าถุงสีดำไร้ลวดลายตามแบบฉบับคนต่างจังหวัดทั่วไป
“ หนูมาหาแม่หมอมาลีค่ะ เลยมาถามคุณลุงที่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่….แกนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จาอะไรเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่า ” จิตหราพูดจบ เธอก็หันกลับมามองลุงผู้ชรา ทว่าสิ่งที่เห็นมีเพียง…….แคร่ไม้ที่ว่างเปล่า
“ อะ……อะไรกัน เมื่อกี้คุณลุงยังนั่งอยู่ตรงนี้นี่นา แกหายไปไหน ” จิตหรายืนงง ใบหน้างามบิดเบี้ยว เหตุที่เกิดมันดูพิสดารจนไม่อาจหาเหตุผลใดๆมาอธิบาย ครั้นจะบอกว่าลุงผู้ชราวิ่งหนีไป มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คนแก่อายุปูนนี้จะวิ่งได้เร็วขนาดนั้น
“ เอ.....คุณลุงหายไป เมื่อกี้แกยังนั่งอยู่ตรงนี้เลยนี่คะ ” จิตหราหันกลับไปถามหญิงชราด้วยสีหน้าที่ดูเลิ่กลั่ก
“ ไม่ต้องพูดแล้วจ้ะ ขึ้นมาบนบ้านก่อน แม่หนู ” หญิงชรายิ้มอ่อนโยน พลางเชื้อเชิญหญิงสาวให้ขึ้นไปบนเรือน
“ ค่ะๆ ” จิตหรารับคำแบบงงๆ สีหน้าแสดงออกถึงความประหลาดใจ
หลังจากที่จิตหราขึ้นมาบนเรือนไม้เก่าแก่ สิ่งแรกที่เห็นก็คือรูปภาพขาวดำของชายชราคนหนึ่ง รูปภาพดังกล่าวถูกจัดวางไว้ที่ชั้นต่ำสุดของหิ้งพระภายในบ้าน
ทันทีที่เห็นภาพนั้น ดวงตาของจิตหราก็เบิกโพลงออกมาด้วยความตกตะลึง เนื่องจากชายชราในรูปภาพ……..เป็นคนเดียวกับที่เธอเห็นตรงแคร่ไม้เมื่อครู่นี้
“ แม่หนู เธอเชื่อเรื่องวิญญาณมั้ย ” เสียงยานคางของหญิงชราโพล่งออกมาแบบไม่ทันตั้งตัว ปลุกให้จิตหราตื่นจากภวังค์
“ เอ่อ.....ก็เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่งค่ะ ” ถึงจิตหราจะเริ่มขนลุกนิดๆ แต่ก็ยังตอบแบบไว้ท่าที
“ ไม่เชื่อครึ่ง ทั้งที่หนูเพิ่งเจอกับสิ่งเหล่านั้นน่ะหรือ ” หญิงชรากล่าวขึ้นมาลอยๆ
“ คุณป้ารู้…” หญิงสาวหันขวับ ใบหน้างามตื่นตะลึง
“ ใช่ ชายชราที่หนูเห็น เป็นสามีของป้าเอง แกเสียไปประมาณปีหนึ่งแล้ว แต่ใช่ว่าหนูจะเห็นแค่คนเดียว ป้าเองก็เห็นเช่นกัน ช่วงเวลานี้ของทุกวัน แกมักจะมานั่งเล่นที่แคร่ไม้ตัวนั้นเป็นประจำ ”
หญิงชราพูดไปก็อมยิ้มไป เหมือนจะดื่มด่ำกับความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับคนรักในอดีต แต่จิตหราไม่ยอมยิ้มด้วยแน่ ในใจมีแต่ความสยดสยอง เพราะเมื่อครู่เธอเพิ่งได้เห็นอดีตมนุษย์แบบเต็มสองตาเป็นครั้งแรก
“ เออ....ตกลง ป้าพอจะบอกได้มั้ย แม่หมอมาลีอยู่บ้านหลังนี้ รึเปล่าคะ ” จิตหราพยายามสะกดกลั้นความกลัว เพื่อเอ่ยถามหญิงชรา เนื่องจากการได้พบแม่หมอ เป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ ป้าคือ.....แม่หมอมาลี หนูมาหาป้า มีธุระอะไรหรือจ๊ะ ” หญิงชราตอบยิ้มๆ
“ เออ…ตกลงแม่หมอมาลีก็คือ......ป้า ” จิตหรายืนงงอยู่พักหนึ่ง เพราะไม่ว่ามองมุมไหน หญิงชราคนนี้ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะเหมาะสมกับฉายา "แม่หมอ" เลยซักนิด
“ ใช่แล้วจ้ะ หนูจิตหรา ป้าคือแม่หมอมาลี ” หญิงชราย้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าฉาบรอยยิ้ม
“ ค่ะๆ เอ.....เดี๋ยวนะ ป้ารู้ชื่อหนูได้ยังไง หนูยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ” จิตหรานึกสงสัย
“ หึๆ ลุงเขาบอกชื่อของหนูให้ป้ารู้เมื่อครู่นี้ อีกอย่าง ตอนนี้หนูมีเรื่องเดือดร้อน ใช่มั้ยจ๊ะ ” หญิงชราเริ่มโชว์ฟอร์ม
“ เอ่อ.....ค่ะๆ ” จิตหราถึงกับอึ้งกิมกี่ เธอเริ่มศรัทธาแม่หมอมาลีขึ้นมานิดๆ แต่อีกใจยังอดกังขาไม่ได้
“ เอ….ป้าคนนี้ใช่แม่หมอมาลีรึเปล่านา..... หรือเขาคิดจะหลอกลวงเรา บางทีนี่อาจเป็นเพียงจิตวิทยาของพวก 18 มงกุฎก็เป็นได้ ” จิตหราแอบคิดอยู่ในใจ
“ ป้าได้ยินเสียงของลุงจริงๆ ป้าไม่ได้หลอกหนูหรอกจ้ะ ” หญิงชราตอบกลับในทันที คำตอบนี้ทำให้จิตหราถึงกลับร้องลั่นด้วยความตกใจ
“ หา......ป้ารู้ในสิ่งที่หนูคิด ทำได้ยังไง ”
แม่หมอมาลีไม่กล่าวคำใด เธอนั่งลงบนเก้าอี้หวาย จากนั้นก็ผายมือเชื้อเชิญให้จิตหรานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้าม หญิงสาวค่อยๆนั่งลงด้วยท่าทางที่หวาดระแวง เมื่อสองสาวต่างวัยประจำตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย หญิงชราก็เริ่มเอ่ยวาจา
“ป้าขอถามอีกครั้ง หนู.....เชื่อเรื่องผีมั้ย ”
จิตหรานิ่งเงียบ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบยังไง แต่ไม่ทันได้พูดอะไร หญิงชราก็กล่าวต่อไป
“ ถ้าเชื่อ หนูคงรู้แล้วว่า…….สิ่งเหล่านั้นคือพลังงานรอบตัว โดยปกติเราจะสัมผัสไม่ได้ เว้นแต่ถึงจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม จึงจะติดต่อสื่อสารกับสิ่งเหล่านั้นได้ แบบเดียวกับที่หนูเจอเมื่อครู่ ”
" งั้นก็แปลว่า…..เมื่อกี้เป็นเวลาและจังหวะที่เหมาะสม หนูเลยเห็น เอ่อ....ลุง ใช่มั้ยคะ " จิตหราถาม
" ใช่จ้ะ เป็นเช่นนั้น ทว่าป้าสามารถสัมผัสสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างจากหนู " แม่หมอพูดเรียบๆแต่น้ำเสียงกลับแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ผิดกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน
" แล้วเงื่อนไขที่ว่านั้นคือ..... " หญิงสาวขนลุกกับความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ถึงกระนั้นก็ยังกลั้นใจถามต่อ เพื่อเก็บข้อมูลที่จำเป็น
" ความสามารถพิเศษของป้า " แม่หมอตอบกลับ
" ความสามารถที่ว่านั้นคือ...... " จิตหราจ้องเข้าไปในดวงตาของแม่หมอแบบกล้าๆกลัวๆ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใน
" ป้าสามารถติดต่อสื่อสารกับคนตาย ยิ่งวิญญาณคนตายมีพลังกล้าแข็งเท่าไหร่ ยิ่งติดต่อได้ง่ายและชัดเจนขึ้นเท่านั้น " แม่หมอวัยชรากล่าวหน้าตาเฉย ราวกับว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครๆก็สามารถทำได้
" อืม..... ค่ะ " จิตหราดูอึ้งไปถนัด เธอพูดไม่ออก
" แต่ก่อนที่ป้าจะบอกอะไร ขอสัญญาจากหนูอย่างนึง จะได้มั้ย " พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของแม่หมอก็ดูเครียดขึ้นมาทันที
" เอ่อ……สัญญาอะ…..ไรคะ " หญิงสาวถามเสียงสั่น
" พอรู้เรื่องที่ป้าจะบอก หนูห้ามตกใจจนคุมสติไม่อยู่ " แม่หมอกล่าวด้วยท่าทางที่ดูจริงจัง
" อืม.....ค่ะ หนูรับปาก " จิตหรานิ่งคิด ก่อนตัดสินใจ
แม่หมอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นเธอก็นิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนพูดห้วนๆว่า.....
" มีบางสิ่งติดตามหนู "
" หา! จริงหรือคะ มันคืออะไร " จิตหราถามเสียงตื่น ในใจพยายามคุมสติไม่ให้เตลิด
" ป้าไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ได้ตรวจโดยละเอียด แต่ที่เห็นเมื่อครู่ มันคือเงาดำมหึมา และที่รู้ว่าหนูน่าจะมีเรื่องเดือดร้อน เพราะได้ยินเสียงของลุง เสียงนั้นเตือนว่า.....หนูกำลังมีอันตราย " แม่หมอวัยชราเค้นคำอย่างยากลำบาก ท่าทางก็ดูเหน็ดเหนื่อย
" แล้วหนูจะทำอะไรได้บ้าง เพราะระยะหลังหนูมักจะเจออะไรแปลกๆตามรบกวนตลอดทั้งคืน " จิตหราพูดเบาๆ น้ำเสียงส่อแววหวาดผวา
" แล้วเหตุที่ว่าแปลกนั้นคืออะไร หนูลองเล่าให้ป้าฟังก่อนซิจ๊ะ " แม่หมอพูดเรียบๆ ทว่าหน้าตากลับจริงจัง
คิ้วงามของจิตหราขมวดเข้าหากัน เธอไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะกลัวจะถูกหาว่าเป็นบ้า และมีเหตุจำเป็นบางประการที่ไม่อยากเล่า แต่ในตอนนี้จำเป็นต้องเล่า เพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ที่ตามรังควาน
" ว่าไงจ๊ะ แม่หนู " แม่หมอทวงถาม
" เอ่อ....ค่ะ เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ หลายวันมานี้ หนูเจออะไรแปลกๆหลายอย่าง อย่างแรก หนูรู้สึกเหมือนมีใครซักคนคอยตามอยู่ตลอด " จิตหราแจง
" อืม.....ต่อเลยจ้ะ " แม่หมอร้องเตือน
" และอีกอย่าง ในช่วงตีสามของทุกคืน...." จิตหราเล่าถึงตรงนี้ เธอก็นิ่งเงียบไปนาน คล้ายสะทกสะท้านกับสิ่งที่กำลังจะเล่า ทว่าแม่หมอกลับกล่าวต่อในจุดที่ขาด ราวกับหญิงชราอยู่ในเหตุการณ์นั้น
" หนูก็จะตื่นขึ้นมา แล้วเจออะไรบางอย่างที่ปลายเตียง "
" เอ๋! ป้ารู้ " จิตหราร้องเสียงหลง
" ใช่ ลุงกระซิบบอกเมื่อครู่ แต่ก็รู้เพียงแค่นั้น พลังของป้าไม่แก่กล้าพอที่จะรู้มากกว่านี้ สิ่งที่หนูเห็นคืออะไร " แม่หมอมาลีถามเร็วจี๋ ดวงตาของหญิงชราดูกร้าวแกร่งอย่างประหลาด
" เฮ้อ.....สิ่งที่หนูเห็นคือ...." จิตหราถอนหายใจเบาๆ เพื่อเตรียมเฉลยประสบการณ์ประหลาดของตนเอง
" อะไรจ๊ะ " ถึงตาแม่หมอกลืนน้ำลายบ้าง
" เงาร่างของหญิงคนหนึ่งที่มีเลือดโชกโทรมกาย " จิตหราเปิดเผยอย่างช้าๆ
" เธอคนนั้นทำอะไร " แม่หมอผวาเล็กน้อย ก่อนไถ่ถามต่อ
" เธอ......พุ่งเข้ามาหาหนู..." จิตหราหน้าเสีย เมื่อนึกถึงความหวาดผวาที่ต้องพบเจอในสามคืนที่ผ่านมา
" แล้วเธอทำอะไรต่อ " ดวงตาของแม่หมอลุกโชน คล้ายมีประกายไฟซ่อนอยู่ภายใน สำเนียงที่เปล่งออกมาก็แปรเปลี่ยนเป็นรวดเร็วและดุดันจนใกล้เคียงกับเสียงตะคอก
" เธอ...." ใบหน้าของจิตหราหมองลงด้วยอาการหวาดผวา ดวงตางามเริ่มปริ่มน้ำใส
" เธอทำอะไร! " แม่หมอถึงกลับลุกขึ้น พร้อมจับสองมือของหญิงสาวเอาไว้แน่น กำลังที่กำนั้นมีมากจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือแรงของหญิงสูงวัย
" เธอ……กรี๊ด……! " จิตหราพูดได้แค่นั้น เธอก็สะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม จากนั้นก็ก้มลงเอามือปิดหู พร้อมกรีดร้องจนสุดเสียง
พอได้ยินเสียงกรีดร้อง แม่หมอก็พลันรู้สึกตัวและหลุดจากอะไรบางอย่างที่เหมือนจะควบคุมตัวเอง เมื่อกลับคืนสู่ตัวตนโดยสมบูรณ์ เธอก็เอามืออันเหี่ยวแห้งโอบไหล่ของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
" ไม่ต้องเล่าต่อแล้วจ้ะ ใจเย็นๆ อยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรมาทำร้ายหนูได้ "
" ฮือ...... " จิตหราถลาเข้าซบอกแม่หมอมาลี พร้อมร้องไห้โฮแบบไม่อายใคร ซึ่งหญิงชราก็โอบกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น ในใจนึกสงสารเป็นอย่างยิ่ง
........................
แม่หมอมาลีปลอบโยนจิตหราอยู่เกือบสิบนาที ในที่สุดเธอจะตั้งสติได้ หญิงชรารินชาร้อนให้ ก่อนจะกล่าวอธิบายอย่างนิ่มนวล
" ตอนนี้ป้าพอเห็นบางอย่างแล้ว แต่ยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก บอกตามตรงบางสิ่งที่ตามหนูอยู่ มันมีพลังแรงชนิดที่ไม่สามารถติดต่อกับสิ่งนั้นได้เลย เขาต้องการเพียงอย่างเดียว นั่นคือติดตามหนู ส่วนจะตามด้วยสาเหตุใด ยังไม่รู้ ป้าจะพยายามติดต่ออีกที แต่คราวนี้คงต้องตั้งใจมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา "
" ค่ะ ได้ค่ะ เราต้องทำยังไงคะ " ถึงนาทีนี้ จิตหราเชื่อแล้วว่า แม่หมอมาลีคือของจริง
" ขอเวลาป้าแต่งตัวก่อน หนูไปนั่งที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาได้เลย จากนั้นก็ไหว้พระ สวดมนต์ซักจบสองจบ ขอตัวก่อนนะจ๊ะ " แม่หมอแจงเสียงสั่นเทาตามประสาคนสูงวัย
" ค่ะ ได้ค่ะ " จิตหราพยักหน้ารับคำ
……………………..
จิตหรานั่งหน้าหิ้งพระ จากนั้นก็ก้มลงกราบและสวดมนต์ตามคำแนะนำของแม่หมอมาลี แต่ก็สวดผิดสวดถูก บางครั้งก็สวดข้าม บางครั้งก็ลืมเลือน เรียกว่าไร้สมาธิในการสวดโดยสิ้นเชิง
จิตหรายอมรับว่าความเงียบในบ้านเรือนไทยและการอยู่คนเดียวทำให้รู้สึกหวาดผวา และเมื่อมองไปรอบๆ ก็จะเห็นเครื่องเรือนเก่าๆ ตำราปึกใหญ่บนชั้นหนังสือ สิ่งของแปลกประหลาดอีกหลายอย่าง บางชิ้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
" รอนานมั้ยจ๊ะ " เสียงแม่หมอมาลีลอยมาจากด้านหลัง
" ไม่นานค่ะ " จิตหราหันกลับไปตอบ แต่ทันทีที่เห็นแม่หมอ เธอก็หุบยิ้มไปซะอย่างงั้น เพราะสิ่งที่ปรากฏคือ.....
ภาพหญิงชราร่างท้วมในชุดนุ่งขาวห่มขาว ที่หัวไหล่มีสไบสีเดียวกันพาดอยู่ ท่าทางของแม่หมอในยามนี้ดูคล้ายคนที่บวชชีพราหมณ์อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ถ้าเป็นยามปกติ จิตหราคงรู้สึกขบขัน แต่จากสิ่งที่ได้เจอในหลายวันที่ผ่านมา มันทำให้เธอหัวเราะไม่ออก ภายในใจนึกคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม
" ช่วยหนูให้ได้ด้วยเถิด "
" จ้ะ ป้าจะพยายามอย่างเต็มที่ " แม่หมอตอบกลับนิ่งๆ สิ่งนี้ทำให้จิตหราสะดุ้งตกใจ เนื่องจากหญิงชราล่วงรู้ความคิดของเธออีกแล้ว แต่เมื่อนึกถึงปาฏิหาริย์ที่ผู้อาวุโสแสดงให้เห็นเมื่อครู่ หญิงสาวก็เลิกสงสัย
แม่หมอทรุดกายลงนั่งพับเพียบหน้าโต๊ะหมู่บูชาอย่างเชื่องช้า เธอก้มลงกราบพระพุทธรูปบนหิ้งสามครั้ง จากนั้นก็นิ่งสำรวมจิตอยู่ชั่วขณะหนึ่งและเริ่มสวดมนต์
" นะโมตัสสะ ภะคะวะโต ....."
เสียงสวดมนต์ของหญิงชราดังแทรกความเงียบ น้ำเสียงราบเรียบเป็นทิศทางเดียวกัน ไม่มีอาการสั่นเครือให้เห็นเลยแม้แต่น้อย บ่งบอกถึงพลังสมาธิที่ดีเยี่ยม
จิตหราได้ฟังเสียงสวดที่แน่วแน่ เลยทำให้ใจชื้นขึ้นเป็นกองและเริ่มมองเห็นความหวังอยู่รำไร
" ดีจัง แม่หมอคนนี้อาจจะช่วยเราได้ "
หลังจากแม่หมอสวดมนต์เสร็จ เธอก็พนมมือค้างไว้ที่อก ดวงตาหย่อนยานหลับสนิท ปากก็เอื้อนเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังอันผิดกับวัยของตนเอง
" ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ณ.โลก ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทุกท่าน พรหมและเทวดาทุกท่าน ครูบาอาจารย์ทุกท่าน ขอจงช่วยสงเคราะห์ให้ข้าพเจ้ามีพลังจิตมากพอที่จะติดต่อสื่อสารกับวิญญาณแรงกล้าซึ่งเต็มไปด้วยโทสะจริตด้วยเถิด "
พอสิ้นคำอธิษฐาน ดวงตาที่เคยปิดสนิทของแม่หมอก็เบิกโพลง แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ดวงตาคู่นั้นไม่มีร่องรอยของตาดำหลงเหลืออยู่เลย
" ว้าย…… " จิตหราตกใจจนถอยหลังหนีไปหลายก้าว แต่หญิงชรากลับแหงนหน้าขึ้นสูง พร้อมทำท่าทางเหมือนคุยกับอะไรบางอย่าง
" อืม...... เจ้าต้องการอะไร อ้อ ต้องการตาม.....เอาคืน......ทำร้าย "
" เฮือก " จิตหรามองพิธีกรรมอยู่เงียบๆ พร้อมกลืนน้ำลายลงคออยู่หลายเฮือก
" โกรธ....อาฆาต....แค้น" หญิงชราพล่ามคนเดียวต่อไป อาการคล้ายคนที่กำลังนอนละเมอ แต่คำสุดท้ายที่เปล่งออกมา มันฟังดูน่ากลัวจนแทบจะทำให้เลือดในกายของจิตหราหยุดสูบฉีดไปซะเดี๋ยวนั้น คำๆนั้นก็คือ......
" ตาย "
ทันใดนั้นเอง จิตหราก็เห็นเงาดำมหึมาปรากฏขึ้นตรงหน้า ดวงตาของมันส่องประกายแดงก่ำมายังเธอ วินาทีต่อมาหญิงชราก็หงายหลังล้มลงไปนอน ส่วนเงาดำปริศนาก็หายวับโดยพลัน
" แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก........ " หญิงชราหอบเหนื่อยอย่างหนัก คล้ายคนที่เพิ่งผ่านการออกกำลังหนักมาหมาดๆ
" คุณป้าคะ เป็นไงบ้างคะ " จิตหราร้องถามด้วยความเป็นห่วง แต่เธอก็ไม่กล้าแตะกายแม่หมอ
" เฮ้อ..... ป้าไม่เป็นไรหรอก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก..... " แม่หมอผู้ชราค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง เธอยังคงหอบเหนื่อย
" ตกลงเมื่อกี้ มันเกิดอะไรขึ้นคะ จัดการสิ่งที่ตามหนูได้มั้ย " หญิงสาวถามแม่หมอด้วยกิริยาที่ดูร้อนรน
แม่หมอเงยหน้ามองจิตหรานิ่งๆ สีหน้าดูเจ็บปวดอย่างมากมาย หญิงสาวพอจะอ่านอากัปกิริยาของคู่สนทนาได้ เธอจึงเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ
" มะ…..ไม่ได้ผลหรือคะ "
" ใช่จ้ะ เขาต้องการชีวิตของหนู ป้าพยายามขออโหสิกรรม ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แต่เขากลับปฏิเสธทุกข้อเสนอ ดวงวิญญาณนั้นมีพลังรุนแรงและหนาแน่นไปด้วยแรงอาฆาต มันมากซะจนไม่มีช่องว่างให้สงเคราะห์ด้วยบุญกุศล " แม่หมอตอบเบาๆ สีหน้าหมองเศร้าลงอย่างชัดเจนจนคล้ายจะชราไปอีกสิบปี
" ค่ะๆ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะลองหาทางอื่นนะคะ " ท่าทางของจิตหราแสดงออกถึงความผิดหวัง น้ำเสียงที่ตอบกลับก็ดูเนือยๆ เธอนิ่งงันไปครู่นึง ก่อนเอ่ยถามเบาๆ
" เออ……ค่าทำพิธีเท่าไหร่คะ "
" ไม่ต้องหรอกจ้ะ ป้าไม่คิดเงิน " แม่หมอลุกขึ้นยืน สีหน้าของแม่หมอก็ดูโศกเศร้าไม่แพ้กัน เธอเสียใจมากที่ไม่อาจช่วยหญิงสาวผู้นี้ได้
" ขอบคุณมากค่ะ ป้า " หญิงสาวก้มลงไหว้หญิงชราด้วยอาการหงอยเหงา
" จ้ะๆ " หญิงชรารับคำ ขอบตาแดงก่ำ คล้ายคนที่ใกล้จะร้องไห้
" ลาแล้วนะคะ " พอหญิงสาวร่ำลาเสร็จ เธอก็หันหลังกลับ
ขณะที่จิตหรากำลังจะก้าวพ้นชายคา หญิงชราก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงร้องเรียกหญิงสาวด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้น
" เดี๋ยวก่อน หนูอย่าเพิ่งไป "
" คะ มีอะไรหรือคะ " หญิงสาวหันกลับมาถาม
" ขอโทษทีนะ เมื่อกี้ป้ามัวแต่เสียใจ เลยลืมไปซะสนิท เราพอมีทางช่วยหนูแล้ว " หญิงชราวิ่งเข้าไปจับมือหญิงสาว พร้อมเขย่าไปมาด้วยความดีใจ
" เอ๋! เหรอคะ ยังไง บอกหนูที " น้ำคำของหญิงชราปลุกให้หญิงสาวเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
" คืองี้นะ ถึงป้าจะช่วยหนูไม่ได้ แต่มีคนหนึ่งที่น่าจะช่วยได้ ไม่สิ ป้ามั่นใจว่าเขาช่วยหนูได้แน่ " หญิงชราตอบด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
" ใครคะ " หญิงสาวยิ้มร่า เธอดูตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน ด้วยรู้สึกถึงความหวังที่กำลังก่อตัว
" เขาคนนั้นเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านนี้ เท่าที่อยู่ในแวดวงนี้มา ยังไม่เคยเห็นใครเก่งกว่าเขา จิตก็กล้าแกร่งกว่าป้าชนิดที่เทียบกันไม่ได้ เขาทำเรื่องพวกนี้มาหลายครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะพลาด " แม่หมอสาธยายสรรพคุณของคนที่กำลังกล่าวถึงด้วยน้ำเสียงชื่นชม
" แล้วเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหนหรือคะ " หญิงสาวร้องถาม
หญิงชรายิ้มให้หญิงสาวแวบนึง ก่อนยื่นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งให้ บนกระดาษแผ่นนั้นระบุที่ตั้งของบ้านหลังหนึ่งในเขตปริมณฑล หลังจากนั้นหญิงชราก็ตอบคำถามช้าๆแต่มั่นคง
" เขาชื่อ "หมอโอม" และนี่คือที่อยู่ของเขาจ้ะ "
ลิงค์นิยาย โอม แรงอาฆาต (เวอร์ชั่น 100 เปอร์เซ็นต์)
เว็บ MEB
เล่มที่ 1 https://www.mebmarket.com/ebook-160354-โอม-แรงอาฆาต-เล่มที่-1
เล่มที่ 2 https://www.mebmarket.com/ebook-160355-โอม-แรงอาฆาต-เล่มที่-2
เล่มที่ 3 https://www.mebmarket.com/ebook-160356-โอม-แรงอาฆาต-เล่มที่-3
เว็บ PINTOBOOK
เล่มที่ 1 https://pintobook.com/ebooks/60f6b8d7073b71001bbe8acb
เล่มที่ 2 https://pintobook.com/ebooks/60e4115f1c4428001c2ada2c
เล่มที่ 3 https://pintobook.com/ebooks/60f6c444cceb70001babd0b6
เว็บ HONGSAMUT
เล่มที่ 1 https://www.hongsamut.com/ebook/view?id=3140
เล่มที่ 2 https://www.hongsamut.com/ebook/view?id=3141
เล่มที่ 3 https://www.hongsamut.com/ebook/view?id=3142
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ