Whose Fault? ผิด...ที่ใคร
-
เขียนโดย HozekiRui
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.52 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
7,997 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ผิดครั้งที่ 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Whose Fault ?
ผิด...ครั้งที่ 5
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
กลับมาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังเต็มไปด้วยเสียงจอแจ ที่โต๊ะหนึ่งด้านในร้านพ่อลูก(เกษมคิดอยู่ฝ่ายเดียว)สนุกกับการผลัดกันตักอาหารให้กันไปมา
“กินนี่ครับ อร่อยมาก” มือเล็กคีบเนื้อปลาสดๆ ของโปรดใส่จานคนข้างๆ แต่คนวัยทองที่โตแต่ตัวไม่คีบเอง อ้าปากเหมือนเด็กเล็ก ชะเอมส่ายหน้าอมยิ้มขำทำเป็นเมิน แต่ก็ต้องยอมคีบเนื้อปลาจากจานป้อนคนที่ยังอ้าปากรอก่อนที่แมลงวันจะบินเข้าไปแทน
“เอมกินบ้างเถอะ มา เดี๋ยวลุงตักให้” เกษมเคี้ยวเนื้อในปากตุ้ยๆ อย่างมีความสุข อยู่กับเจ้าตัวเล็กเขามีความสุขจนต้องกระดี๊กระด๊าคีบโน่นนั่นนี่ผิดวัย(?)ใส่จานชะเอมจนพูน
“คุณลุงเยอะไปแล้วครับ เอมกินไม่หมด”
“กินไปเยอะๆ นั่นแหละดี รู้ตัวบ้างไหมว่าผอมลงมาก เดี๋ยวไปเจออากฤษล่ะโดนดุหนักแน่” เกษมติงเสียงดุ ทำเสียงแบบนี้เจ้าตัวเล็กจะได้กลัวซะบ้าง ไม่ทันขาดคำเจ้าตัวร้องเอ๋ยาว
“แต่ว่าเอมก็กินอาหารตามเวลาที่คุณลุงกับคุณหมอบอกทุกมื้อแล้วนี่นา” ชะเอมมุ่ยปาก
...ส่วนเรื่องนอนไม่ค่อยหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอกับสารพัดเรื่องที่มีให้คิดให้เครียด เก็บไว้ก่อนไม่บอกดีกว่า
“ไม่ต้องเลย รู้ทั้งรู้ว่าต้องควบคุมน้ำหนักตัวเอง พออยู่คนเดียวแล้วปล่อยให้เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวลุงจะ...”
“โอเคคร้าบ เอมกินแล้วๆ กินหมดเลย” เอมโบกตะเกียบในมือขัดคำพูดทันทีเพราะรู้ว่าเกษมจะพูดอะไรต่อ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยการกินเนื้อสารพัดยัดเข้าปากเคี้ยวหงุบๆ คนมองก็ได้แต่หัวเราะหึหึ
“เห็นมั้ยครับ กินหมดแล้ว แค่ก! แค่กๆ...”
“เอ้า เอม ค่อยๆ สิลูก กินให้หมดก่อนแล้วค่อยพูด เด็กคนนี้” เกษมลูบหัวลูบหลังเบาๆ ด้วยความเอ็นดูพลางหยิบแก้วน้ำส่งให้คนไอหน้าดำหน้าแดงค่อยๆ จิบ สักพักหนึ่งอาการดีขึ้นแล้วมือใหญ่ละออกจากแผ่นหลังบาง มองนาฬิกาข้อมือ
“เจ้าคินมันไปไหนเนี่ย ทำไมมาสายขนาดนี้”
หัวข้อคุยที่เปลี่ยนกะทันหัน ทำเอาเอมสำลักน้ำที่จิบอยู่อีกรอบ แต่ดีที่เก็บอาการทัน
ลืมไปซะสนิท ว่าวันนี้คินก็มาด้วย...
“...รถติดมั้งครับ” เอมนึกถึงความเป็นไปได้ เลยช่วยตอบแทน ส่วนมือบางหยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดปาก
“เหรอ...แต่ตอนลุงมา รถก็ไม่ติดนะ” เกษมมุ่นคิ้วนึก “แล้วตอนเอมมารถติดรึเปล่า”
“เอ่อ...นิดหน่อยครับ” เอมเกาหัว เขาไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะดูเหมือนตอนนั่งแทกซี่ก็เหม่อๆ ไม่ได้ดูทางซะด้วยสิ “อีกแปปนึงละมั้งครับ เอมว่าคินน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”
ตรู๊ด...ตรู๊ด
ไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ของเกษมดังขึ้น มือใหญ่หยิบขึ้นมาดูปรากฏชื่อที่ไม่ต้องคาดเดาก็กดรับ
“ฮัลโหลไอ้ลูกชาย...เออ...เหรอ...โอเค...อะไรนะ...โอเคๆ เดี๋ยวสั่งไว้ให้...สองที่นะ...แค่นี้ เจอกัน” ชะเอมตงิดกับบทสนทนาที่เกษมพูดตอบรับกับอีกฝั่งของปลายสาย แต่ไม่พูดอะไรทำเพียงมองหน้าคนตัวใหญ่ข้างๆ เมื่อเกษมวางสายก็เลิกคิ้วมองโทรศัพท์นิดหน่อยก่อนเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วก็หันมาพูดกับร่างบาง
“เจ้าคินถึงแล้ว กำลังวนหาที่จอดอยู่ เอมเรียกพนักงานให้ลุงหน่อย เจ้าคินฝากสั่งออเดอร์มาถึงจะได้กินเลย”
“ครับ...” ใบหน้ามนพยักหัว ยังติดใจอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ถาม หันไปยกมือเรียกพนักงานตามที่คุณลุงบอก “พี่ครับ สั่งออเดอร์หน่อยครับ”
“สักครู่นะคะ...” พนักงานหญิงเดินหายไปพักหนึ่ง จึงกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับกระดาษจด “รับอะไรดีคะ”
“ขอซาชิมิหนึ่งที่ ข้าวหน้าปลาไหลสอง กับชาเขียวร้อนสอง” เกษมศักดิ์ชี้เมนูตามที่ไอ้ลูกชายบอก ชะเอมหันขวับมามองทันทีเมื่อเห็นเกษมสั่งมาเพิ่มเยอะจนแปลกใจทั้งๆ ที่บนโต๊ะยังกินไม่หมด
“เดี๋ยวครับ คุณลุงจะกินอีกเหรอ”
“ลุงเปล่า ทั้งหมดนี่ของเจ้าคินมัน” เกษมส่ายหน้าก่อนถามเจ้าตัวเล็กว่าจะสั่งอะไรเพิ่มมั้ย คำตอบที่ได้รับคือส่ายหน้า จึงหันไปบอกพนักงาน “เท่านี้ล่ะครับ”
“เห็นคินมันพาเพื่อนมาด้วยนะ เลยบอกลุงให้สั่งเผื่อไปด้วยเลย” เมื่อพนักงานเดินไปแล้วเกษมจึงหันมาคุยต่อเพราะใบหน้ามนสงสัยไม่หาย
อะไรนะ...
ชะเอมชะงักค้าง ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้หน้าซีด มือกำตะเกียบแน่น
เพื่อนของคิน? ปกติมาทานอาหารกับครอบครัวคินไม่เคยพาเพื่อนมาด้วยเลยสักครั้ง...แล้วทำไม?
ร่างบางไม่อยากคาดเดาว่าเพื่อนของคินคนนี้คือใคร ในใจทั้งเสียใจ น้อยใจ ไม่พอใจ ความรู้สึกทั้งหลายปนเปกันไปหมด เพราะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงเพื่อนที่คินพามาก็น่าจะเป็นคนๆ เดียวกับที่คิด...
เกษมศักดิ์เหลือบมองชะเอมที่ตอนนี้นั่งนิ่งไปแล้วตั้งแต่ได้ยินว่าคินจะพาเพื่อนมา ใบหน้าซีด เม้มปากแน่นจนขาว ในใจนึกเป็นห่วงร่างบางแค่ไหนแต่เขาที่เป็นพ่อไม่อยากเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนของลูกๆ
ถึงจะไม่รู้สถานการณ์อะไร แต่ก็พอจะเดาได้ เกษมผ่านอะไรมามาก และอยากให้ชะเอมฝ่าฟันผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง ถ้าถึงตอนที่เจ้าตัวเล็กไม่สามารถจัดการได้ คนเป็นพ่อ(บุญธรรม)อย่างเขาถึงจะไม่อยากเข้าไปยุ่งก็ต้องยุ่ง
ไม่อยากเสียไปอีกแล้ว ไม่ว่าใคร...
“สวัสดีครับพ่อ โทษทีครับวันนี้คินตื่นสายไปหน่อยแถมรถก็ติดอีก” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายดังขึ้นทำให้แผ่นหลังบางที่นั่งนิ่งสะดุ้งเฮือก เนื่องจากพวกเขาสองคนที่มาถึงก่อนนั่งหันหลังให้กับคนที่เดินเข้ามาจึงไม่รู้ตัวเลยว่าร่างสูงเข้ามาตอนไหน แต่ชะเอมยังคงนั่งหลังตรงไม่ได้หันไปมอง
“อ้าว มาถึงแล้วเหรอ มาๆ นั่งก่อน” เกษมกวักมือ ถึงจะสังเกตเห็นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักอาการของร่างบางที่นั่งตัวเกร็ง แต่พยายามกลบอาการแต่ก็ไม่รอดสายตาคมของพ่อ(บุญธรรม)หรอก
มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้
“พ่อคินสวัสดีครับ...คินเข้าไปนั่งข้างใน เดี๋ยวเรย์นั่งข้างนอก” เสียงใสดังระรื่น ที่แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่า ‘เพื่อน’ ของคินคือใคร
“ชะเอม หวัดดี”
ใบหน้าน่ารักของเรย์ขยับมาอยู่ในระดับสายตาพอดีกัน อาจจะเตี้ยกว่าหน่อยเพราะเรย์ตัวเล็กกว่า เมื่อทั้งคู่หย่อนตัวลงนั่งก็พอดีกับที่พนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหารที่เพิ่งสั่งอย่างตรงเวลา เอมรู้สึกดีใจนิดหน่อยที่เขาไม่ต้องทักใครอีกคนกลับไป ซึ่งอีกคนก็ดูเหมือนจะไม่ถือสาว่าเขาจะตอบกลับหรือไม่
“โอ้ มาถึงก็ได้กินเลย คงจะหิวกันแล้ว กินเลยนะ พอดีพ่อกับชะเอมกินกันเรียบร้อยแล้วล่ะ” เกษมพูดเสียงสดใสขึ้นระหว่างที่พนักงานเสิร์ฟอาหาร เพราะดูออกว่ามีคนหนึ่งที่เริ่มอารมณ์ดิ่งลงตั้งแต่สองคนใหม่เดินเข้ามา ไม่สิ ตั้งแต่รู้ว่าคินจะพาใครมามากกว่า
“พ่อ นี่เรย์เพื่อนผมเอง เรย์นี่พ่อของคิน” คินผายมือและพูดแนะนำพ่อกับเพื่อนของตนให้รู้จักกัน ซึ่งเรย์ก็ยิ้มกว้างสว่างไสวดีใจจนออกนอกหน้า
“สวัสดีฮะคุณอา” ร่างเล็กพนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ใครเห็นก็ต้องรู้สึกเอ็นดู ซึ่งเกษมก็ยิ้มรับ เอมนั่งมองอย่างนิ่งเฉย แต่มือบางบนตักจิกกันแน่น
ตั้งแต่มาถึง คินยังไม่ทักทาย ไม่สบตาเขาสักนิด
ทำไม...โกรธเขาถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ?
“สวัสดีเรย์ หนูเรียนคณะเดียวกับเจ้าคินเหรอ” เสียงทุ้มถามคำถามเบสิกเมื่อต้องเจอกับเพื่อนของลูกชายตัวเอง
“ใช่ฮะ เจอกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วก็อยู่กลุ่มเดียวกันตลอดฮะ” คำสรรพนามที่ส่อถึงความเอ็นดู ยิ่งทำให้เรย์รู้สึกเข้าใกล้พ่อของ ‘เพื่อน’ ได้มากกว่าเดิม เรย์มองหน้าพ่อของคินตาใส คินได้เค้าหน้าของพ่อมาเต็มๆ ทั้งหล่อเหลา ทั้งดูน่าเกรงขาม
“เหรอ” เกษมมองหน้าเรย์ เพื่อนของคินคนนี้น่ารักจริงๆ พูดก็เพราะ อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้ใหญ่เห็นก็ต้องเอ็นดูเป็นธรรมดา “วันนี้มาด้วยกันใช่ไหม คนนี้เหรอเจ้าคินที่เอมบอกว่าลูกออกไปค้างหอพื่อนแล้วทำงานกลุ่มด้วยกัน” เกษมหันไปถามลูกชายที่นั่งกินข้าวหน้าปลาไหลอยู่ เจ้าตัวชะงักไม่ทันได้ตอบอะไร กลับทำให้ชะเอมซะอีกที่นั่งเหม่อมองหน้าคินได้ยินคำถามก็ร้อนรนรีบตอบกลับมาแทน
“ครับคุณลุง...เพื่อนคนนี้แหละครับ”
“อ๋อ...เหรอ” เกษมรับคำแบบไม่คิดจะถามอะไรต่อ แต่ใจสงสัยหนัก
คินที่เข้าใจอะไรบางอย่างหันไปมองหน้าร่างบางที่นั่งเซื่องซึม ตอนแรกคินก็สงสัยอยู่ว่าตั้งแต่เขาย้ายของออกมาอยู่กับเรย์ได้เกือบเดือน ไม่มีแม้แต่เสียงเรียกเข้าจากพ่อสักสายที่จะโทรมาด่าหรือต่อว่าที่เขาออกมาโดยทิ้งชะเอมไว้คนเดียว พ่อเขาน่ะหวงชะเอมจะตายไป
ตอนนี้คินรู้แล้วว่าเอมโกหกเกษมว่าเขาไปค้างหอเรย์เพื่อทำงาน
ว่าแต่ทำไมถึงต้องโกหกด้วยล่ะ...ถ้าเอมไม่ชอบเรย์นัก ก็โทรรายงานพ่อเขาให้ตามตัวเขากลับก็สิ้นเรื่อง
เรย์ได้ยินเรื่องราวต่างๆ ก็มองหน้าชะเอมที่นั่งอยู่ตรงข้าม ถึงใบหน้าน่ารักจะแย้มรอยยิ้ม แต่แววตาหมั่นไส้อย่างปิดไม่มิด โดยไม่มีใครสังเกตเห็นส้นเท้าหุ้มด้วยรองเท้าหนากระแทกบดขยี้ลงบนเท้าของชะเอมอย่างแรง จนร่างบางสะดุ้งร้องอย่างเจ็บปวด เรียกความสนใจจากคินและเกษมได้อย่างดี
“เอมเป็นอะไรรึเปล่า” เรย์ตัดหน้าถามไถ่เขาด้วยความเป็นห่วง
“มะ ไม่เป็นไร” เห็นสายตาจากคนทั้งสามมองมาก็รีบปฏิเสธเสียงเบา นั่งตัวลีบติดกับพนักพิงให้ห่างจากคนตรงหน้าที่คิดว่าไกลที่สุด
“เหรอ” เรย์มองอย่างสมเพชก่อนก้มหน้าทานอาหารหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หึ...ทำเป็นทำตัวน่าสงสาร เรียกร้องความสนใจ
“แล้วจะทำงานเสร็จเมื่อไหร่ หืม รู้ไหมว่าคินไม่อยู่เอมยิ่งซุ่มซ่าม เนี่ยเมื่อเช้าเพิ่งล้มกระแทกไปที”
“คุณลุงครับ” เอมรีบเอ่ยขัดเกษมที่คิดจะพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง
แค่นี้ เรย์ก็หมั่นไส้เขามากพอแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องเจออะไรอีกด้วย
“ไม่ได้เอม ต้องบอกให้คินรู้ไว้หน่อย จะได้กลับมาดูแลกันบ้าง ปล่อยให้เราอยู่คนเดียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
“คิน...เค้าทำงานครับคุณลุง เอมอยู่คนเดียวได้ เราคุยกันแล้วไงครับ” เอมพูดเสียงเบา พยายามอธิบาย
เรย์มองท่าทางละล่ำละลักนั้นก็ยิ่งหมั่นไส้มากกว่าเดิมหลายเท่า ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง แต่ใจจริงอยากเอาคินกลับไปกกจนตัวสั่นล่ะสิไม่ว่า!
“ลุงรู้ แต่ลุงเป็นห่วง แล้วที่เราตกลงกันคือลุงบอกว่าเอมต้องมีคินอยู่ด้วย...”
ตรู๊ด...ตรู๊ด...
เสียงเรียกเข้าดังขัดขึ้นมา ทำให้เกษมศักดิ์ต้องรับสาย คุยสักพักก็วาง
“เอม ลุงต้องรีบไปก่อน มีธุระด่วนเข้ามา” มือใหญ่ลูบศีรษะพอดีมือก่อนหันไปคุยกับลูกชาย “คิน พ่อฝากพาเอมไปโรงพยาบาลดูแผลหน่อย ถ้าไม่บังคับชะเอมคงไม่ไป”
“ครับ” คินพยักหน้า แม้ในใจจะติดสงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไร เพราะคิดว่าน่าจะเป็นตรวจสุขภาพ...ตามปกติ
"อ้าว ชะเอมเป็นอะไร? เจ็บตรงไหนเหรอ" เรย์ทำหน้างุนงงถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่เจ้าตัวเม้มปากไม่ตอบ เกษมที่ยืนมองอยู่เลยตอบแทน
"พอดีเอมลื่นล้มเมื่อเช้าก็เลยมีแผลฟกช้ำน่ะ...ซุ่มซ่ามจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้ ไม่มีวันไหนที่ไม่ทำให้ลุงเป็นห่วง" มือใหญ่ลูบหัวชะเอมหนักๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ซึ่งพอคินได้ยินก็หันขวับไปมองร่างบางที่นั่งก้มหน้าทันที
"อ๋อฮะ" เรย์รับคำ แต่ส่งสายตาจิกกัด
สำออย...
“เอาล่ะคินพ่อฝากด้วยนะ...แล้วลุงจะโทรมา” เกษมพูดกับเจ้าลูกชายก่อนหันมากำชับเสียงดุกับเอมไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ รับไหว้จากเรย์ ก่อนเดินออกจากร้านไป
คราวนี้เหลือกันอยู่แค่สามคนตามลำพังแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีแต่ชะเอมกับคินเท่านั้นที่รู้สึกอึดอัด
"คิน กินนี่สิ อร่อยมากเลย" เรย์คีบเนื้อปลาสดๆ จ่อตรงปากร่างสูง คินชะงักมองหน้าเรย์สลับกับชะเอมที่มองมาอย่างเจ็บปวด
"ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ" แต่ก่อนจะอึดอัดไปมากกว่านี้ ร่างเล็กก็หัวเราะขึ้นมาเหมือนตลกอะไรนักหนา วางสิ่งที่คีบลงบนจานแทน
สะใจชะมัด
ชะเอมเบือนหน้ามองออกไปข้างนอกกระจกใสราวกับมีอะไรน่าสนใจมากกว่าข้างใน แต่หูก็ยังได้ยินบทสนทนาที่ไม่อยากได้ยิน
“เสียดายจัง เพิ่งมาถึงแปปเดียวพ่อคินก็ไปซะแล้ว อยากคุยมากกว่านี้แท้ๆ น้า คุณอามาดเข้มมากเลย”
“เอาน่า พ่อยุ่งๆ น่ะ”
“นั่นสิเนอะ งั้นไว้ครั้งหน้าถ้าคินกเรย์ขอมาอีกนะ”
“...อืม”
"แล้วหลังจากพาเอมไปโรงพยาบาล เราจะไปไหนกันต่อมั้ยคิน"
"เรย์อยากไปไหนล่ะ"
"อืม..." ร่างเล็กทำท่านึก "อันที่จริงเรย์อยากกินไอติมที่นี่ต่อแต่สงสัยต้องเปลี่ยนโปรแกรมแล้วล่ะ เพราะคินมี 'ธุระ' ต่อนี่นา"
"เมื่อวานเพิ่งกินไป นี่จะกินอีกแล้วเหรอ?" เสียงทุ้มหัวเราะขำปนเอ็นดูยิ่งทำให้ชะเอมจิกแขนแน่นจนเป็นรอยเล็บ
อย่าร้องไห้นะ ชะเอม...อดทนไว้
ภาพคนที่เดินผ่านไปมาข้างนอกจู่ๆ ก็เบลอพร่าไปหมด ร่างบางกระพริบตาหนักๆ หลายทีเพื่อไล่น้ำตา
“โธ่ คินก็รู้ว่าเรย์ชอบกินไอติมมากกกขนาดไหน”
เสียงหัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุขของสองคนที่ยิ่งทำให้คนที่สามนั่งฟังก็ยิ่งห้ามน้ำตาได้ยากมากขึ้นทุกที นานจนทนไม่ไหว ร่างบางผุดลุกขึ้นเดินออกมาจากร้านทันที
"เอม เดี๋ยว! จะไปไหน" ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มไล่ตามหลังมายิ่งทำให้ชะเอมเร่งฝีเท้าเดินหนี เช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมาด้วยแขนเสื้อ
"โอ๊ย!!" มือใหญ่คว้าเข้าเต็มๆ ที่ต้นแขนเล็กโดนเข้าที่แผลจังๆ
"เป็นอะไรเอม" คินถามขมวดคิ้ว แต่มือไม่ได้ปล่อย กลับจับแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวร่างบางจะเดินหนีไปอีก
"เจ็บ คิน...ปล่อย ฮึก" ชะเอมไม่ได้ฟัง มืออีกข้างพยายามแกะมือใหญ่ที่จับแน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งเรื่องเมื่อครู่แล้วยังความเจ็บที่ได้รับทำให้น้ำตายิ่งไหลอาบหน้า
“เอม...อย่าดิ้น”
คินพูดแต่ดูเหมือนร่างเล็กจะไม่ยอมฟัง ทั้งดิ้นพล่าน ทั้งตะกุยแกะมือของคินที่จับตัวเองเหมือนรังเกียจกันก็ไม่ปาน ความคิดที่ผุดขึ้นมานั้นทำให้คินยิ่งบีบแขนเล็กแน่นไม่รู้ตัว ขายาวเดินลากคนผอมให้ตามกลับไปทางเดิม ซึ่งร่างบางขัดขืนไม่ได้เพราะความเจ็บ
“ฮึกกก...เจ็บ ปล่อยแขนเอมนะ”
“ถ้าคินปล่อยก็ห้ามวิ่งหนี” คินหยุดเดินหันมาต่อรอง ชะเอมพยักหน้ามุ่ยรัว
“หยุดร้องไห้ด้วย” คำตอบที่ได้รับคือพยักหน้าอีกที ร่างสูงวางใจเลยค่อยๆ คลายมือออก ชะเอมกอบกุมต้นแขนตัวเองทันทีแต่ก็ไม่กล้าแตะแรง แถมยังรู้สึกเหมือนแผลเต้นตุบๆ อย่างกับมีชีพจรอยู่ในนั้น คินมองใบหน้ามนที่เบะปากเบ้หน้าอย่างรู้สึกประหลาดใจ
“ร้องไห้ทำไม” คินถาม รีบคว้ามืออีกคนจับเพราะเห็นทำท่าจะเดินถอยหนีอีก แต่คราวนี้ไม่มีท่าทีขัดขืนเหมือนตอนแรก
“เจ็บแผล” กับเพราะเรื่องที่คนตรงหน้าคุยกระหนุงกระหนิงกันในร้านอาหารเหมือนเห็นเขาเป็นอากาศธาตุนั่นแหละ ร่างสูงถอนหายใจกับคำตอบสั้นห้วนของคนตัวสูงแค่จมูก
และเขาก็เพิ่งสังเกตสัมผัสใต้ฝ่ามือว่าชะเอมผอมลงขนาดนี้...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"ทำไมไม่บอกว่าคินจับโดนแผล" คินขมวดคิ้ว ร้องไห้โวยวายจะไปรู้ได้ยังไง
แล้วคินสนใจด้วยเหรอ...ชะเอมคิด
“จู่ๆ เดินออกมาทำไม” คินถอนใจ ถามดีๆ ก็ไม่ตอบ
“...คินยุ่งอะไรด้วย” เอมเบือนหน้าหนี หูยังคงได้ยินเสียงของทั้งสองดังก้อง จำบทสนทนาได้เป็นอย่างดี เรียกความน้อยใจตีตื้นขึ้นมาในอก “เอมจะไปไหนก็เรื่องของเอม”
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“...”
“เฮ้อ ทำไมทำอะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้”
“ใช่! เอมไม่มีเหตุผลแล้วไง” ร่างบางตวาด “คินจะมายุ่งทำไม”
“ชะเอมที่คินรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้” คินยิ่งคุยยิ่งรู้สึกเหมือนกับคุยกันคนละเรื่อง ตอนแรกหวังว่าจะได้เคลียร์และทำความเข้าใจเรื่องที่ทะเลาะกันก่อนหน้า วันนี้คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องซะแล้วมั้ง
“เอมก็เป็นแบบนี้แหละ ก็เอมไม่ใช่เรย์นี่” น้ำเสียงเอือมระอาของคิน ยิ่งทำให้ชะเอมเอ่ยประชด ทั้งๆ ที่สิ่งที่อยากจะคุยด้วยมันไม่ใช่แบบนี้ เขาไม่ได้ต้องการพูดแบบนี้
เพราะน้อยใจ...
“เอม! อย่าประชด...เรย์เขาเกี่ยวอะไรด้วย”
อ๋อ...พูดถึงไม่ได้เลยงั้นสิ แค่พูดชื่อมันขึ้นมาไม่ได้เลย
“ปกป้องกันนักก็กลับไปหามันสิ จะออกมาตามเอมทำไม!” ร่างบางสะบัดมือหวังให้การเกาะกุมหลุดออก แต่ไม่เป็นผล
"คิน! เป็นอะไรรึเปล่า" เรย์ที่เพิ่งเดินมาจากร้านเดิมไม่ไกลก็เจอคนที่ตามหา สายตาจับจ้องมองมือที่จับกุมกันแน่น "ออกมาตั้งนานแล้วเรย์เลยมาตาม มายืนยุดยื้อเถียงอะไรกันเสียงดังตรงนี้ คนเขามองกันหมดแล้ว"
พอเห็นใครเดินมา มือบางยิ่งสะบัดแรงขึ้น แกะก็แกะไม่ออก และดูเหมือนร่างสูงก็ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย
"มัวทำอะไรอยู่ ของบนโต๊ะยังเหลืออีกเพียบเลย กลับไปกินข้าวกันเถอะ" ร่างบางคว้าแขนคิน ก่อนเอ่ยตำหนิอีกคน "แล้วเอม จู่ๆ เดินออกมาทำไม รู้มั้ยทำแบบนี้เดือดร้อนคนอื่น คินยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"
"ไม่เป็นไรเรย์ คินกินไปนิดหน่อยแล้ว" ชะเอมมองสายตากับคำพูดที่เหมือนเป็นห่วงกันของคนสองคน ก็เม้มปากแน่น ลำคอส่งเสียงหึเหมือนไม่สน แต่ใจก็รู้สึกเป็นห่วง
"คินไปสิ มีคนมาตามแล้วนี่"
"เอมก็ต้องไปกับคิน” คินจับมือบางแน่น กลายเป็นว่าทั้งสามคนเกาะเกี่ยวกันเหมือนกับว่าร่างสูงกำลังควงหนุ่มน่ารักสองคนไปเดทยังไงยังงั้น
“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง!”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ พ่อบอกให้พาเอมไปโรงพยาบาล เดี๋ยวคินพาไป"
อ้อ...แสดงว่าที่ตามมาตั้งแต่แรกไม่ใช่เพราะเป็นห่วง
'รับผิดชอบ'
"เอมไปเองได้ คินปล่อย" คำๆ หนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ชะเอมน้ำตารื้น ใบหน้าของคนที่ชอบบัดนี้พร่ามัว
ทำไมวันนี้ถึงบ่อน้ำตาตื้นนักนะ
คิน...เพราะคนนี้คนเดียวที่ทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้...
“ไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวคินพาไป” คินกระชับมือดึงให้ร่างบางเดินตาม
“ถ้าชะเอมเค้าว่าอย่างนั้น ก็ให้เค้าไปเองเถอะคิน ไม่ใช่เด็กอนุบาลซักหน่อย” เรย์ที่ได้แต่มองก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้กับความเล่นตัวของชะเอม แถมหมั่นไส้ยิ่งขึ้นไปอีกที่คินจับมืออีกคนไม่ปล่อย ยื้ดยุดกันกลางห้างอย่างกับเหมือนแฟนที่ทะเลาะกัน
ร่างบางมองคนตัวเล็กกว่าด้วยหางตาเหมือนเข้าใจเรื่องต่ำๆ ที่อีกคนคิด ก่อนหันไปย้ำกับคิน
“ตามนั้นแหละ ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณลุงถามอะไรเอมจะบอกให้นะ เอมจะไลน์ไปบอกคินด้วย จะได้ตอบตรงกัน คุณลุงจะได้ไม่สงสัย”
“...” คินเพียงปรายตามองคนที่พูดละล่ำละลัก ไม่อาจรู้ได้ว่าคิดอะไร
ชะเอมรู้ว่าที่คินทำแบบนี้เพราะเกษมศักดิ์ฝากให้ดูแล
ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าตลอดมาที่คินคบเขาเพราะต้องการจะทำตามคำพูดที่คุณลุงบอกเอาไว้ตั้งแต่สมัยเด็ก...ไม่อยากยอมรับแต่มันก็เป็นอย่างที่เรย์พูดไม่มีผิด
ถึงจะรักคินมากแค่ไหน แต่เขาไม่ต้องการความเห็นใจจากคนที่ถูกบังคับให้ทำถ้าเจ้าตัวไม่เต็มใจ
"แล้วอีกอย่างคินก็ต้องพาเรย์ไปต่อ เอมไม่อยากรบกวนหรอก" ร่างบางก้มหน้าพูด สัมผัสจากมือใหญ่ละออก ทำให้ใจน้อยๆ ยิ่งวูบโหวง
“พูดพอรึยัง”
แต่แล้วมือบางถูกคว้าเอาไว้อีกครั้งก่อนถูกลากให้ก้าวตามไป
“เรย์ไปจัดการเรื่องค่าอาหารให้หน่อยเดี๋ยวคินคืน” คินบอกนิ่ง เรย์พยักหน้าอย่างจำใจ คนตัวเล็กรู้ว่าเวลาไหนควรพูดอะไรไม่ควรพูดอะไร และตอนนี้คินก็กำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง
“คินอยากคุย...เรื่องครั้งก่อนนะ เอมไม่อยากคุยเหรอ” เมื่ออยู่กันสองคนอีกครั้ง จู่ๆ คินก็พูดขึ้นมา ชะเอมแค่นเสียง
“คนที่ไม่อยากคุยคือคินมากกว่ามั้ง”
“หมายความว่าไง”
“ก็ใครล่ะ บอกว่าจะกลับมาคุยกัน แล้วตอนนั้นคินหายไปไหนตั้งสามวัน กลับมาก็เก็บข้าวของไป แล้วอย่างนี้จะต้องคุยอะไรอีกเหรอ! มีอะไรอีกที่เราต้องเคลียร์กัน...ทั้งที่มันชัดเจนอยู่แล้วแท้ๆ” ชะเอมตัดพ้อ ทำไมต้องทำให้เขานึกถึงมันขึ้นมาอีก แค่อยากจะลืมยังทำไม่ได้เลย
ทุกๆ การกระทำมันชัดเจนว่าคิน...เลือกเรย์
“นั่นน่ะ...”
“ดูเหมือนพ่อของคินจะจัดการให้แล้วล่ะ” เรย์วิ่งกลับมาบอก คินเพียงพยักหน้าให้ ก่อนหันไปมองหน้าร่างบางสื่อความหมายว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันซึ่งชะเอมไม่เข้าใจ เดินก้าวขายาวนำทาง จนทำให้คนขาสั้นทั้งสองต้องก้าวเร็วกว่าเดิม
“คิน...จะไปไหน เอมบอกแล้วไงว่าไปโรงพยาบาลเองได้”
“อย่าดื้อ!” คินบอกสั้นๆ คำเดียว จากนั้นไม่ว่าชะเอมจะพูดจะโวยอะไรจนคนมอง คินก็ไม่สนใจ
อีกอย่างชะเอมก็รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ สักพักก็ไม่พูดอะไรอีกจึงเดินตามมาสงบเสงี่ยม
ทั้งสามเดินจนมาถึงลานจอดรถ คินก็ดันชะเอมขึ้นที่นั่งข้างคนขับ เรย์รู้หน้าที่ก็นั่งข้างหลัง ร่างสูงอ้อมขึ้นรถปิดประตูและบึ่งออกมาทันที ท่ามกลางจราจรอันติดขัดและท้องฟ้ามืดครึ้ม
จุดหมายคือโรงพยาบาล
************************Whose fault? ************************
ทั้งสามมาถึงโรงพยาบาลโดยไม่มีบทสนทนาใดๆ จนน่าอึดอัด คินติดต่อแพทย์กฤษณะที่จะเข้าพบก่อนเดินนำร่างเล็กทั้งสอง ที่เรย์ได้แต่เดินตามมาหน้าห้องตรวจ
“เรื่องที่คุยกันค้างไว้...ไว้ให้อาหมอดูแผลเอมเสร็จแล้วค่อยคุย” คินถอนใจที่ชะเอมทำเหมือนคำพูดของเขาเข้าหูแล้วก็ทะลุออกไปโดยไม่ผ่านสมอง
“เรย์รออยู่ด้านนอกนะ”
“ไม่ต้อง! นั่งรอข้างนอกทั้งคู่แหละ หรือไม่ก็ไปทำ‘ธุระ’ที่พวกคินคุยกัน เอมกลับเองได้ โอเคนะ” ชะเอมยกมือขึ้นท่าปรางห้ามญาติเบรคร่างสูงที่คิดจะเข้าไปพบอาหมอกับเขา
ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด
ชะเอมเลื่อนประตูแล้วแง้มปิดทันที ไม่ทันให้คินถามหรือพูดอะไร
************************Whose fault? ************************
สวัสดีค่ะ
ถึงชะเอมเป็นเด็กดี แต่เวลาขัดใจก็งี่เง่าเหมือนกันนะตะเอง (กับคินคนเดียวด้วย)
เจอกันตอนหน้าจ้า รักคนอ่านทุกคน เลิฟเลิฟ
Whose Fault ?
ผิด...ครั้งที่ 5
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
กลับมาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังเต็มไปด้วยเสียงจอแจ ที่โต๊ะหนึ่งด้านในร้านพ่อลูก(เกษมคิดอยู่ฝ่ายเดียว)สนุกกับการผลัดกันตักอาหารให้กันไปมา
“กินนี่ครับ อร่อยมาก” มือเล็กคีบเนื้อปลาสดๆ ของโปรดใส่จานคนข้างๆ แต่คนวัยทองที่โตแต่ตัวไม่คีบเอง อ้าปากเหมือนเด็กเล็ก ชะเอมส่ายหน้าอมยิ้มขำทำเป็นเมิน แต่ก็ต้องยอมคีบเนื้อปลาจากจานป้อนคนที่ยังอ้าปากรอก่อนที่แมลงวันจะบินเข้าไปแทน
“เอมกินบ้างเถอะ มา เดี๋ยวลุงตักให้” เกษมเคี้ยวเนื้อในปากตุ้ยๆ อย่างมีความสุข อยู่กับเจ้าตัวเล็กเขามีความสุขจนต้องกระดี๊กระด๊าคีบโน่นนั่นนี่ผิดวัย(?)ใส่จานชะเอมจนพูน
“คุณลุงเยอะไปแล้วครับ เอมกินไม่หมด”
“กินไปเยอะๆ นั่นแหละดี รู้ตัวบ้างไหมว่าผอมลงมาก เดี๋ยวไปเจออากฤษล่ะโดนดุหนักแน่” เกษมติงเสียงดุ ทำเสียงแบบนี้เจ้าตัวเล็กจะได้กลัวซะบ้าง ไม่ทันขาดคำเจ้าตัวร้องเอ๋ยาว
“แต่ว่าเอมก็กินอาหารตามเวลาที่คุณลุงกับคุณหมอบอกทุกมื้อแล้วนี่นา” ชะเอมมุ่ยปาก
...ส่วนเรื่องนอนไม่ค่อยหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอกับสารพัดเรื่องที่มีให้คิดให้เครียด เก็บไว้ก่อนไม่บอกดีกว่า
“ไม่ต้องเลย รู้ทั้งรู้ว่าต้องควบคุมน้ำหนักตัวเอง พออยู่คนเดียวแล้วปล่อยให้เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวลุงจะ...”
“โอเคคร้าบ เอมกินแล้วๆ กินหมดเลย” เอมโบกตะเกียบในมือขัดคำพูดทันทีเพราะรู้ว่าเกษมจะพูดอะไรต่อ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยการกินเนื้อสารพัดยัดเข้าปากเคี้ยวหงุบๆ คนมองก็ได้แต่หัวเราะหึหึ
“เห็นมั้ยครับ กินหมดแล้ว แค่ก! แค่กๆ...”
“เอ้า เอม ค่อยๆ สิลูก กินให้หมดก่อนแล้วค่อยพูด เด็กคนนี้” เกษมลูบหัวลูบหลังเบาๆ ด้วยความเอ็นดูพลางหยิบแก้วน้ำส่งให้คนไอหน้าดำหน้าแดงค่อยๆ จิบ สักพักหนึ่งอาการดีขึ้นแล้วมือใหญ่ละออกจากแผ่นหลังบาง มองนาฬิกาข้อมือ
“เจ้าคินมันไปไหนเนี่ย ทำไมมาสายขนาดนี้”
หัวข้อคุยที่เปลี่ยนกะทันหัน ทำเอาเอมสำลักน้ำที่จิบอยู่อีกรอบ แต่ดีที่เก็บอาการทัน
ลืมไปซะสนิท ว่าวันนี้คินก็มาด้วย...
“...รถติดมั้งครับ” เอมนึกถึงความเป็นไปได้ เลยช่วยตอบแทน ส่วนมือบางหยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดปาก
“เหรอ...แต่ตอนลุงมา รถก็ไม่ติดนะ” เกษมมุ่นคิ้วนึก “แล้วตอนเอมมารถติดรึเปล่า”
“เอ่อ...นิดหน่อยครับ” เอมเกาหัว เขาไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะดูเหมือนตอนนั่งแทกซี่ก็เหม่อๆ ไม่ได้ดูทางซะด้วยสิ “อีกแปปนึงละมั้งครับ เอมว่าคินน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”
ตรู๊ด...ตรู๊ด
ไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ของเกษมดังขึ้น มือใหญ่หยิบขึ้นมาดูปรากฏชื่อที่ไม่ต้องคาดเดาก็กดรับ
“ฮัลโหลไอ้ลูกชาย...เออ...เหรอ...โอเค...อะไรนะ...โอเคๆ เดี๋ยวสั่งไว้ให้...สองที่นะ...แค่นี้ เจอกัน” ชะเอมตงิดกับบทสนทนาที่เกษมพูดตอบรับกับอีกฝั่งของปลายสาย แต่ไม่พูดอะไรทำเพียงมองหน้าคนตัวใหญ่ข้างๆ เมื่อเกษมวางสายก็เลิกคิ้วมองโทรศัพท์นิดหน่อยก่อนเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วก็หันมาพูดกับร่างบาง
“เจ้าคินถึงแล้ว กำลังวนหาที่จอดอยู่ เอมเรียกพนักงานให้ลุงหน่อย เจ้าคินฝากสั่งออเดอร์มาถึงจะได้กินเลย”
“ครับ...” ใบหน้ามนพยักหัว ยังติดใจอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ถาม หันไปยกมือเรียกพนักงานตามที่คุณลุงบอก “พี่ครับ สั่งออเดอร์หน่อยครับ”
“สักครู่นะคะ...” พนักงานหญิงเดินหายไปพักหนึ่ง จึงกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับกระดาษจด “รับอะไรดีคะ”
“ขอซาชิมิหนึ่งที่ ข้าวหน้าปลาไหลสอง กับชาเขียวร้อนสอง” เกษมศักดิ์ชี้เมนูตามที่ไอ้ลูกชายบอก ชะเอมหันขวับมามองทันทีเมื่อเห็นเกษมสั่งมาเพิ่มเยอะจนแปลกใจทั้งๆ ที่บนโต๊ะยังกินไม่หมด
“เดี๋ยวครับ คุณลุงจะกินอีกเหรอ”
“ลุงเปล่า ทั้งหมดนี่ของเจ้าคินมัน” เกษมส่ายหน้าก่อนถามเจ้าตัวเล็กว่าจะสั่งอะไรเพิ่มมั้ย คำตอบที่ได้รับคือส่ายหน้า จึงหันไปบอกพนักงาน “เท่านี้ล่ะครับ”
“เห็นคินมันพาเพื่อนมาด้วยนะ เลยบอกลุงให้สั่งเผื่อไปด้วยเลย” เมื่อพนักงานเดินไปแล้วเกษมจึงหันมาคุยต่อเพราะใบหน้ามนสงสัยไม่หาย
อะไรนะ...
ชะเอมชะงักค้าง ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้หน้าซีด มือกำตะเกียบแน่น
เพื่อนของคิน? ปกติมาทานอาหารกับครอบครัวคินไม่เคยพาเพื่อนมาด้วยเลยสักครั้ง...แล้วทำไม?
ร่างบางไม่อยากคาดเดาว่าเพื่อนของคินคนนี้คือใคร ในใจทั้งเสียใจ น้อยใจ ไม่พอใจ ความรู้สึกทั้งหลายปนเปกันไปหมด เพราะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงเพื่อนที่คินพามาก็น่าจะเป็นคนๆ เดียวกับที่คิด...
เกษมศักดิ์เหลือบมองชะเอมที่ตอนนี้นั่งนิ่งไปแล้วตั้งแต่ได้ยินว่าคินจะพาเพื่อนมา ใบหน้าซีด เม้มปากแน่นจนขาว ในใจนึกเป็นห่วงร่างบางแค่ไหนแต่เขาที่เป็นพ่อไม่อยากเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนของลูกๆ
ถึงจะไม่รู้สถานการณ์อะไร แต่ก็พอจะเดาได้ เกษมผ่านอะไรมามาก และอยากให้ชะเอมฝ่าฟันผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง ถ้าถึงตอนที่เจ้าตัวเล็กไม่สามารถจัดการได้ คนเป็นพ่อ(บุญธรรม)อย่างเขาถึงจะไม่อยากเข้าไปยุ่งก็ต้องยุ่ง
ไม่อยากเสียไปอีกแล้ว ไม่ว่าใคร...
“สวัสดีครับพ่อ โทษทีครับวันนี้คินตื่นสายไปหน่อยแถมรถก็ติดอีก” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายดังขึ้นทำให้แผ่นหลังบางที่นั่งนิ่งสะดุ้งเฮือก เนื่องจากพวกเขาสองคนที่มาถึงก่อนนั่งหันหลังให้กับคนที่เดินเข้ามาจึงไม่รู้ตัวเลยว่าร่างสูงเข้ามาตอนไหน แต่ชะเอมยังคงนั่งหลังตรงไม่ได้หันไปมอง
“อ้าว มาถึงแล้วเหรอ มาๆ นั่งก่อน” เกษมกวักมือ ถึงจะสังเกตเห็นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักอาการของร่างบางที่นั่งตัวเกร็ง แต่พยายามกลบอาการแต่ก็ไม่รอดสายตาคมของพ่อ(บุญธรรม)หรอก
มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้
“พ่อคินสวัสดีครับ...คินเข้าไปนั่งข้างใน เดี๋ยวเรย์นั่งข้างนอก” เสียงใสดังระรื่น ที่แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่า ‘เพื่อน’ ของคินคือใคร
“ชะเอม หวัดดี”
ใบหน้าน่ารักของเรย์ขยับมาอยู่ในระดับสายตาพอดีกัน อาจจะเตี้ยกว่าหน่อยเพราะเรย์ตัวเล็กกว่า เมื่อทั้งคู่หย่อนตัวลงนั่งก็พอดีกับที่พนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหารที่เพิ่งสั่งอย่างตรงเวลา เอมรู้สึกดีใจนิดหน่อยที่เขาไม่ต้องทักใครอีกคนกลับไป ซึ่งอีกคนก็ดูเหมือนจะไม่ถือสาว่าเขาจะตอบกลับหรือไม่
“โอ้ มาถึงก็ได้กินเลย คงจะหิวกันแล้ว กินเลยนะ พอดีพ่อกับชะเอมกินกันเรียบร้อยแล้วล่ะ” เกษมพูดเสียงสดใสขึ้นระหว่างที่พนักงานเสิร์ฟอาหาร เพราะดูออกว่ามีคนหนึ่งที่เริ่มอารมณ์ดิ่งลงตั้งแต่สองคนใหม่เดินเข้ามา ไม่สิ ตั้งแต่รู้ว่าคินจะพาใครมามากกว่า
“พ่อ นี่เรย์เพื่อนผมเอง เรย์นี่พ่อของคิน” คินผายมือและพูดแนะนำพ่อกับเพื่อนของตนให้รู้จักกัน ซึ่งเรย์ก็ยิ้มกว้างสว่างไสวดีใจจนออกนอกหน้า
“สวัสดีฮะคุณอา” ร่างเล็กพนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ใครเห็นก็ต้องรู้สึกเอ็นดู ซึ่งเกษมก็ยิ้มรับ เอมนั่งมองอย่างนิ่งเฉย แต่มือบางบนตักจิกกันแน่น
ตั้งแต่มาถึง คินยังไม่ทักทาย ไม่สบตาเขาสักนิด
ทำไม...โกรธเขาถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ?
“สวัสดีเรย์ หนูเรียนคณะเดียวกับเจ้าคินเหรอ” เสียงทุ้มถามคำถามเบสิกเมื่อต้องเจอกับเพื่อนของลูกชายตัวเอง
“ใช่ฮะ เจอกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วก็อยู่กลุ่มเดียวกันตลอดฮะ” คำสรรพนามที่ส่อถึงความเอ็นดู ยิ่งทำให้เรย์รู้สึกเข้าใกล้พ่อของ ‘เพื่อน’ ได้มากกว่าเดิม เรย์มองหน้าพ่อของคินตาใส คินได้เค้าหน้าของพ่อมาเต็มๆ ทั้งหล่อเหลา ทั้งดูน่าเกรงขาม
“เหรอ” เกษมมองหน้าเรย์ เพื่อนของคินคนนี้น่ารักจริงๆ พูดก็เพราะ อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้ใหญ่เห็นก็ต้องเอ็นดูเป็นธรรมดา “วันนี้มาด้วยกันใช่ไหม คนนี้เหรอเจ้าคินที่เอมบอกว่าลูกออกไปค้างหอพื่อนแล้วทำงานกลุ่มด้วยกัน” เกษมหันไปถามลูกชายที่นั่งกินข้าวหน้าปลาไหลอยู่ เจ้าตัวชะงักไม่ทันได้ตอบอะไร กลับทำให้ชะเอมซะอีกที่นั่งเหม่อมองหน้าคินได้ยินคำถามก็ร้อนรนรีบตอบกลับมาแทน
“ครับคุณลุง...เพื่อนคนนี้แหละครับ”
“อ๋อ...เหรอ” เกษมรับคำแบบไม่คิดจะถามอะไรต่อ แต่ใจสงสัยหนัก
คินที่เข้าใจอะไรบางอย่างหันไปมองหน้าร่างบางที่นั่งเซื่องซึม ตอนแรกคินก็สงสัยอยู่ว่าตั้งแต่เขาย้ายของออกมาอยู่กับเรย์ได้เกือบเดือน ไม่มีแม้แต่เสียงเรียกเข้าจากพ่อสักสายที่จะโทรมาด่าหรือต่อว่าที่เขาออกมาโดยทิ้งชะเอมไว้คนเดียว พ่อเขาน่ะหวงชะเอมจะตายไป
ตอนนี้คินรู้แล้วว่าเอมโกหกเกษมว่าเขาไปค้างหอเรย์เพื่อทำงาน
ว่าแต่ทำไมถึงต้องโกหกด้วยล่ะ...ถ้าเอมไม่ชอบเรย์นัก ก็โทรรายงานพ่อเขาให้ตามตัวเขากลับก็สิ้นเรื่อง
เรย์ได้ยินเรื่องราวต่างๆ ก็มองหน้าชะเอมที่นั่งอยู่ตรงข้าม ถึงใบหน้าน่ารักจะแย้มรอยยิ้ม แต่แววตาหมั่นไส้อย่างปิดไม่มิด โดยไม่มีใครสังเกตเห็นส้นเท้าหุ้มด้วยรองเท้าหนากระแทกบดขยี้ลงบนเท้าของชะเอมอย่างแรง จนร่างบางสะดุ้งร้องอย่างเจ็บปวด เรียกความสนใจจากคินและเกษมได้อย่างดี
“เอมเป็นอะไรรึเปล่า” เรย์ตัดหน้าถามไถ่เขาด้วยความเป็นห่วง
“มะ ไม่เป็นไร” เห็นสายตาจากคนทั้งสามมองมาก็รีบปฏิเสธเสียงเบา นั่งตัวลีบติดกับพนักพิงให้ห่างจากคนตรงหน้าที่คิดว่าไกลที่สุด
“เหรอ” เรย์มองอย่างสมเพชก่อนก้มหน้าทานอาหารหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หึ...ทำเป็นทำตัวน่าสงสาร เรียกร้องความสนใจ
“แล้วจะทำงานเสร็จเมื่อไหร่ หืม รู้ไหมว่าคินไม่อยู่เอมยิ่งซุ่มซ่าม เนี่ยเมื่อเช้าเพิ่งล้มกระแทกไปที”
“คุณลุงครับ” เอมรีบเอ่ยขัดเกษมที่คิดจะพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง
แค่นี้ เรย์ก็หมั่นไส้เขามากพอแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องเจออะไรอีกด้วย
“ไม่ได้เอม ต้องบอกให้คินรู้ไว้หน่อย จะได้กลับมาดูแลกันบ้าง ปล่อยให้เราอยู่คนเดียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
“คิน...เค้าทำงานครับคุณลุง เอมอยู่คนเดียวได้ เราคุยกันแล้วไงครับ” เอมพูดเสียงเบา พยายามอธิบาย
เรย์มองท่าทางละล่ำละลักนั้นก็ยิ่งหมั่นไส้มากกว่าเดิมหลายเท่า ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง แต่ใจจริงอยากเอาคินกลับไปกกจนตัวสั่นล่ะสิไม่ว่า!
“ลุงรู้ แต่ลุงเป็นห่วง แล้วที่เราตกลงกันคือลุงบอกว่าเอมต้องมีคินอยู่ด้วย...”
ตรู๊ด...ตรู๊ด...
เสียงเรียกเข้าดังขัดขึ้นมา ทำให้เกษมศักดิ์ต้องรับสาย คุยสักพักก็วาง
“เอม ลุงต้องรีบไปก่อน มีธุระด่วนเข้ามา” มือใหญ่ลูบศีรษะพอดีมือก่อนหันไปคุยกับลูกชาย “คิน พ่อฝากพาเอมไปโรงพยาบาลดูแผลหน่อย ถ้าไม่บังคับชะเอมคงไม่ไป”
“ครับ” คินพยักหน้า แม้ในใจจะติดสงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไร เพราะคิดว่าน่าจะเป็นตรวจสุขภาพ...ตามปกติ
"อ้าว ชะเอมเป็นอะไร? เจ็บตรงไหนเหรอ" เรย์ทำหน้างุนงงถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่เจ้าตัวเม้มปากไม่ตอบ เกษมที่ยืนมองอยู่เลยตอบแทน
"พอดีเอมลื่นล้มเมื่อเช้าก็เลยมีแผลฟกช้ำน่ะ...ซุ่มซ่ามจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้ ไม่มีวันไหนที่ไม่ทำให้ลุงเป็นห่วง" มือใหญ่ลูบหัวชะเอมหนักๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ซึ่งพอคินได้ยินก็หันขวับไปมองร่างบางที่นั่งก้มหน้าทันที
"อ๋อฮะ" เรย์รับคำ แต่ส่งสายตาจิกกัด
สำออย...
“เอาล่ะคินพ่อฝากด้วยนะ...แล้วลุงจะโทรมา” เกษมพูดกับเจ้าลูกชายก่อนหันมากำชับเสียงดุกับเอมไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ รับไหว้จากเรย์ ก่อนเดินออกจากร้านไป
คราวนี้เหลือกันอยู่แค่สามคนตามลำพังแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีแต่ชะเอมกับคินเท่านั้นที่รู้สึกอึดอัด
"คิน กินนี่สิ อร่อยมากเลย" เรย์คีบเนื้อปลาสดๆ จ่อตรงปากร่างสูง คินชะงักมองหน้าเรย์สลับกับชะเอมที่มองมาอย่างเจ็บปวด
"ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ" แต่ก่อนจะอึดอัดไปมากกว่านี้ ร่างเล็กก็หัวเราะขึ้นมาเหมือนตลกอะไรนักหนา วางสิ่งที่คีบลงบนจานแทน
สะใจชะมัด
ชะเอมเบือนหน้ามองออกไปข้างนอกกระจกใสราวกับมีอะไรน่าสนใจมากกว่าข้างใน แต่หูก็ยังได้ยินบทสนทนาที่ไม่อยากได้ยิน
“เสียดายจัง เพิ่งมาถึงแปปเดียวพ่อคินก็ไปซะแล้ว อยากคุยมากกว่านี้แท้ๆ น้า คุณอามาดเข้มมากเลย”
“เอาน่า พ่อยุ่งๆ น่ะ”
“นั่นสิเนอะ งั้นไว้ครั้งหน้าถ้าคินกเรย์ขอมาอีกนะ”
“...อืม”
"แล้วหลังจากพาเอมไปโรงพยาบาล เราจะไปไหนกันต่อมั้ยคิน"
"เรย์อยากไปไหนล่ะ"
"อืม..." ร่างเล็กทำท่านึก "อันที่จริงเรย์อยากกินไอติมที่นี่ต่อแต่สงสัยต้องเปลี่ยนโปรแกรมแล้วล่ะ เพราะคินมี 'ธุระ' ต่อนี่นา"
"เมื่อวานเพิ่งกินไป นี่จะกินอีกแล้วเหรอ?" เสียงทุ้มหัวเราะขำปนเอ็นดูยิ่งทำให้ชะเอมจิกแขนแน่นจนเป็นรอยเล็บ
อย่าร้องไห้นะ ชะเอม...อดทนไว้
ภาพคนที่เดินผ่านไปมาข้างนอกจู่ๆ ก็เบลอพร่าไปหมด ร่างบางกระพริบตาหนักๆ หลายทีเพื่อไล่น้ำตา
“โธ่ คินก็รู้ว่าเรย์ชอบกินไอติมมากกกขนาดไหน”
เสียงหัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุขของสองคนที่ยิ่งทำให้คนที่สามนั่งฟังก็ยิ่งห้ามน้ำตาได้ยากมากขึ้นทุกที นานจนทนไม่ไหว ร่างบางผุดลุกขึ้นเดินออกมาจากร้านทันที
"เอม เดี๋ยว! จะไปไหน" ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มไล่ตามหลังมายิ่งทำให้ชะเอมเร่งฝีเท้าเดินหนี เช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมาด้วยแขนเสื้อ
"โอ๊ย!!" มือใหญ่คว้าเข้าเต็มๆ ที่ต้นแขนเล็กโดนเข้าที่แผลจังๆ
"เป็นอะไรเอม" คินถามขมวดคิ้ว แต่มือไม่ได้ปล่อย กลับจับแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวร่างบางจะเดินหนีไปอีก
"เจ็บ คิน...ปล่อย ฮึก" ชะเอมไม่ได้ฟัง มืออีกข้างพยายามแกะมือใหญ่ที่จับแน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งเรื่องเมื่อครู่แล้วยังความเจ็บที่ได้รับทำให้น้ำตายิ่งไหลอาบหน้า
“เอม...อย่าดิ้น”
คินพูดแต่ดูเหมือนร่างเล็กจะไม่ยอมฟัง ทั้งดิ้นพล่าน ทั้งตะกุยแกะมือของคินที่จับตัวเองเหมือนรังเกียจกันก็ไม่ปาน ความคิดที่ผุดขึ้นมานั้นทำให้คินยิ่งบีบแขนเล็กแน่นไม่รู้ตัว ขายาวเดินลากคนผอมให้ตามกลับไปทางเดิม ซึ่งร่างบางขัดขืนไม่ได้เพราะความเจ็บ
“ฮึกกก...เจ็บ ปล่อยแขนเอมนะ”
“ถ้าคินปล่อยก็ห้ามวิ่งหนี” คินหยุดเดินหันมาต่อรอง ชะเอมพยักหน้ามุ่ยรัว
“หยุดร้องไห้ด้วย” คำตอบที่ได้รับคือพยักหน้าอีกที ร่างสูงวางใจเลยค่อยๆ คลายมือออก ชะเอมกอบกุมต้นแขนตัวเองทันทีแต่ก็ไม่กล้าแตะแรง แถมยังรู้สึกเหมือนแผลเต้นตุบๆ อย่างกับมีชีพจรอยู่ในนั้น คินมองใบหน้ามนที่เบะปากเบ้หน้าอย่างรู้สึกประหลาดใจ
“ร้องไห้ทำไม” คินถาม รีบคว้ามืออีกคนจับเพราะเห็นทำท่าจะเดินถอยหนีอีก แต่คราวนี้ไม่มีท่าทีขัดขืนเหมือนตอนแรก
“เจ็บแผล” กับเพราะเรื่องที่คนตรงหน้าคุยกระหนุงกระหนิงกันในร้านอาหารเหมือนเห็นเขาเป็นอากาศธาตุนั่นแหละ ร่างสูงถอนหายใจกับคำตอบสั้นห้วนของคนตัวสูงแค่จมูก
และเขาก็เพิ่งสังเกตสัมผัสใต้ฝ่ามือว่าชะเอมผอมลงขนาดนี้...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"ทำไมไม่บอกว่าคินจับโดนแผล" คินขมวดคิ้ว ร้องไห้โวยวายจะไปรู้ได้ยังไง
แล้วคินสนใจด้วยเหรอ...ชะเอมคิด
“จู่ๆ เดินออกมาทำไม” คินถอนใจ ถามดีๆ ก็ไม่ตอบ
“...คินยุ่งอะไรด้วย” เอมเบือนหน้าหนี หูยังคงได้ยินเสียงของทั้งสองดังก้อง จำบทสนทนาได้เป็นอย่างดี เรียกความน้อยใจตีตื้นขึ้นมาในอก “เอมจะไปไหนก็เรื่องของเอม”
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“...”
“เฮ้อ ทำไมทำอะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้”
“ใช่! เอมไม่มีเหตุผลแล้วไง” ร่างบางตวาด “คินจะมายุ่งทำไม”
“ชะเอมที่คินรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้” คินยิ่งคุยยิ่งรู้สึกเหมือนกับคุยกันคนละเรื่อง ตอนแรกหวังว่าจะได้เคลียร์และทำความเข้าใจเรื่องที่ทะเลาะกันก่อนหน้า วันนี้คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องซะแล้วมั้ง
“เอมก็เป็นแบบนี้แหละ ก็เอมไม่ใช่เรย์นี่” น้ำเสียงเอือมระอาของคิน ยิ่งทำให้ชะเอมเอ่ยประชด ทั้งๆ ที่สิ่งที่อยากจะคุยด้วยมันไม่ใช่แบบนี้ เขาไม่ได้ต้องการพูดแบบนี้
เพราะน้อยใจ...
“เอม! อย่าประชด...เรย์เขาเกี่ยวอะไรด้วย”
อ๋อ...พูดถึงไม่ได้เลยงั้นสิ แค่พูดชื่อมันขึ้นมาไม่ได้เลย
“ปกป้องกันนักก็กลับไปหามันสิ จะออกมาตามเอมทำไม!” ร่างบางสะบัดมือหวังให้การเกาะกุมหลุดออก แต่ไม่เป็นผล
"คิน! เป็นอะไรรึเปล่า" เรย์ที่เพิ่งเดินมาจากร้านเดิมไม่ไกลก็เจอคนที่ตามหา สายตาจับจ้องมองมือที่จับกุมกันแน่น "ออกมาตั้งนานแล้วเรย์เลยมาตาม มายืนยุดยื้อเถียงอะไรกันเสียงดังตรงนี้ คนเขามองกันหมดแล้ว"
พอเห็นใครเดินมา มือบางยิ่งสะบัดแรงขึ้น แกะก็แกะไม่ออก และดูเหมือนร่างสูงก็ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย
"มัวทำอะไรอยู่ ของบนโต๊ะยังเหลืออีกเพียบเลย กลับไปกินข้าวกันเถอะ" ร่างบางคว้าแขนคิน ก่อนเอ่ยตำหนิอีกคน "แล้วเอม จู่ๆ เดินออกมาทำไม รู้มั้ยทำแบบนี้เดือดร้อนคนอื่น คินยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"
"ไม่เป็นไรเรย์ คินกินไปนิดหน่อยแล้ว" ชะเอมมองสายตากับคำพูดที่เหมือนเป็นห่วงกันของคนสองคน ก็เม้มปากแน่น ลำคอส่งเสียงหึเหมือนไม่สน แต่ใจก็รู้สึกเป็นห่วง
"คินไปสิ มีคนมาตามแล้วนี่"
"เอมก็ต้องไปกับคิน” คินจับมือบางแน่น กลายเป็นว่าทั้งสามคนเกาะเกี่ยวกันเหมือนกับว่าร่างสูงกำลังควงหนุ่มน่ารักสองคนไปเดทยังไงยังงั้น
“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง!”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ พ่อบอกให้พาเอมไปโรงพยาบาล เดี๋ยวคินพาไป"
อ้อ...แสดงว่าที่ตามมาตั้งแต่แรกไม่ใช่เพราะเป็นห่วง
'รับผิดชอบ'
"เอมไปเองได้ คินปล่อย" คำๆ หนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ชะเอมน้ำตารื้น ใบหน้าของคนที่ชอบบัดนี้พร่ามัว
ทำไมวันนี้ถึงบ่อน้ำตาตื้นนักนะ
คิน...เพราะคนนี้คนเดียวที่ทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้...
“ไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวคินพาไป” คินกระชับมือดึงให้ร่างบางเดินตาม
“ถ้าชะเอมเค้าว่าอย่างนั้น ก็ให้เค้าไปเองเถอะคิน ไม่ใช่เด็กอนุบาลซักหน่อย” เรย์ที่ได้แต่มองก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้กับความเล่นตัวของชะเอม แถมหมั่นไส้ยิ่งขึ้นไปอีกที่คินจับมืออีกคนไม่ปล่อย ยื้ดยุดกันกลางห้างอย่างกับเหมือนแฟนที่ทะเลาะกัน
ร่างบางมองคนตัวเล็กกว่าด้วยหางตาเหมือนเข้าใจเรื่องต่ำๆ ที่อีกคนคิด ก่อนหันไปย้ำกับคิน
“ตามนั้นแหละ ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณลุงถามอะไรเอมจะบอกให้นะ เอมจะไลน์ไปบอกคินด้วย จะได้ตอบตรงกัน คุณลุงจะได้ไม่สงสัย”
“...” คินเพียงปรายตามองคนที่พูดละล่ำละลัก ไม่อาจรู้ได้ว่าคิดอะไร
ชะเอมรู้ว่าที่คินทำแบบนี้เพราะเกษมศักดิ์ฝากให้ดูแล
ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าตลอดมาที่คินคบเขาเพราะต้องการจะทำตามคำพูดที่คุณลุงบอกเอาไว้ตั้งแต่สมัยเด็ก...ไม่อยากยอมรับแต่มันก็เป็นอย่างที่เรย์พูดไม่มีผิด
ถึงจะรักคินมากแค่ไหน แต่เขาไม่ต้องการความเห็นใจจากคนที่ถูกบังคับให้ทำถ้าเจ้าตัวไม่เต็มใจ
"แล้วอีกอย่างคินก็ต้องพาเรย์ไปต่อ เอมไม่อยากรบกวนหรอก" ร่างบางก้มหน้าพูด สัมผัสจากมือใหญ่ละออก ทำให้ใจน้อยๆ ยิ่งวูบโหวง
“พูดพอรึยัง”
แต่แล้วมือบางถูกคว้าเอาไว้อีกครั้งก่อนถูกลากให้ก้าวตามไป
“เรย์ไปจัดการเรื่องค่าอาหารให้หน่อยเดี๋ยวคินคืน” คินบอกนิ่ง เรย์พยักหน้าอย่างจำใจ คนตัวเล็กรู้ว่าเวลาไหนควรพูดอะไรไม่ควรพูดอะไร และตอนนี้คินก็กำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง
“คินอยากคุย...เรื่องครั้งก่อนนะ เอมไม่อยากคุยเหรอ” เมื่ออยู่กันสองคนอีกครั้ง จู่ๆ คินก็พูดขึ้นมา ชะเอมแค่นเสียง
“คนที่ไม่อยากคุยคือคินมากกว่ามั้ง”
“หมายความว่าไง”
“ก็ใครล่ะ บอกว่าจะกลับมาคุยกัน แล้วตอนนั้นคินหายไปไหนตั้งสามวัน กลับมาก็เก็บข้าวของไป แล้วอย่างนี้จะต้องคุยอะไรอีกเหรอ! มีอะไรอีกที่เราต้องเคลียร์กัน...ทั้งที่มันชัดเจนอยู่แล้วแท้ๆ” ชะเอมตัดพ้อ ทำไมต้องทำให้เขานึกถึงมันขึ้นมาอีก แค่อยากจะลืมยังทำไม่ได้เลย
ทุกๆ การกระทำมันชัดเจนว่าคิน...เลือกเรย์
“นั่นน่ะ...”
“ดูเหมือนพ่อของคินจะจัดการให้แล้วล่ะ” เรย์วิ่งกลับมาบอก คินเพียงพยักหน้าให้ ก่อนหันไปมองหน้าร่างบางสื่อความหมายว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันซึ่งชะเอมไม่เข้าใจ เดินก้าวขายาวนำทาง จนทำให้คนขาสั้นทั้งสองต้องก้าวเร็วกว่าเดิม
“คิน...จะไปไหน เอมบอกแล้วไงว่าไปโรงพยาบาลเองได้”
“อย่าดื้อ!” คินบอกสั้นๆ คำเดียว จากนั้นไม่ว่าชะเอมจะพูดจะโวยอะไรจนคนมอง คินก็ไม่สนใจ
อีกอย่างชะเอมก็รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ สักพักก็ไม่พูดอะไรอีกจึงเดินตามมาสงบเสงี่ยม
ทั้งสามเดินจนมาถึงลานจอดรถ คินก็ดันชะเอมขึ้นที่นั่งข้างคนขับ เรย์รู้หน้าที่ก็นั่งข้างหลัง ร่างสูงอ้อมขึ้นรถปิดประตูและบึ่งออกมาทันที ท่ามกลางจราจรอันติดขัดและท้องฟ้ามืดครึ้ม
จุดหมายคือโรงพยาบาล
************************Whose fault? ************************
ทั้งสามมาถึงโรงพยาบาลโดยไม่มีบทสนทนาใดๆ จนน่าอึดอัด คินติดต่อแพทย์กฤษณะที่จะเข้าพบก่อนเดินนำร่างเล็กทั้งสอง ที่เรย์ได้แต่เดินตามมาหน้าห้องตรวจ
“เรื่องที่คุยกันค้างไว้...ไว้ให้อาหมอดูแผลเอมเสร็จแล้วค่อยคุย” คินถอนใจที่ชะเอมทำเหมือนคำพูดของเขาเข้าหูแล้วก็ทะลุออกไปโดยไม่ผ่านสมอง
“เรย์รออยู่ด้านนอกนะ”
“ไม่ต้อง! นั่งรอข้างนอกทั้งคู่แหละ หรือไม่ก็ไปทำ‘ธุระ’ที่พวกคินคุยกัน เอมกลับเองได้ โอเคนะ” ชะเอมยกมือขึ้นท่าปรางห้ามญาติเบรคร่างสูงที่คิดจะเข้าไปพบอาหมอกับเขา
ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด
ชะเอมเลื่อนประตูแล้วแง้มปิดทันที ไม่ทันให้คินถามหรือพูดอะไร
************************Whose fault? ************************
สวัสดีค่ะ
ถึงชะเอมเป็นเด็กดี แต่เวลาขัดใจก็งี่เง่าเหมือนกันนะตะเอง (กับคินคนเดียวด้วย)
เจอกันตอนหน้าจ้า รักคนอ่านทุกคน เลิฟเลิฟ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ