Whose Fault? ผิด...ที่ใคร

-

เขียนโดย HozekiRui

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.52 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,018 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ผิดครั้งที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
                                        Whose Fault ?
 
 
                                           ผิด...ครั้งที่ 2
 
 
          โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
 
          "เอาล่ะ วันนี้พอเท่านี้ เจอกันคาบหน้านะนักศึกษาทุกคน" เมื่อได้ยินศาสตราจารย์สอนวิชาประจำเอกกล่าว หลังจากร่างท้วมพ้นออกจากห้องไม่ถึงก้าวก็มีเสียงเฮเหมือนดีใจที่จะได้กินข้าว หรือเสียงถอนหายใจที่รอดพ้นจากคาบแห่งความเครียดนี้ซะที ซึ่งชะเอมคือหนึ่งในนั้น
 
 
          เสียงจอแจของคนนับร้อยเดินออกจากห้องเลคเชอร์ใหญ่ เพื่อไปโรงอาหารตอนพักเที่ยง ชะเอมรอให้คนออกจากห้องออกไปก่อนสักพักแล้วค่อยเดินออกมาเพราะไม่อยากเดินเบียดเสียดกับผู้คน ทั้งกลิ่นเหงื่ออับชื้นและกลิ่นตัวที่ไม่คุ้นชิน ยิ่งคิดยิ่งทำให้วิงเวียนผะอืดผะอมได้อีกครั้งเหมือนตอนที่เผชิญเหตุการณ์บนรถเมล์เมื่อเช้า
 
 
          ยังไงซะเขาก็ทำข้าวกล่องมา ไม่ต้องรีบไปแทรกคนเพื่อต่อคิวรอซื้ออาหารด้วย ร่างบางกระชับกระเป๋าขึ้นไหล่เดินหาโต๊ะในสวนใกล้ๆ โรงอาหารที่มีต้นไม้เยอะๆ ให้ความร่มเย็นเพื่อนั่งทานข้าว ก็อย่างที่บอกในโรงอาหารตอนนี้คงเต็มไปด้วยผู้คน อย่าว่าแต่หาที่นั่งเลย แค่จะเดินยังยากที่จะเลี่ยงการเบียดเสียด
 
 
          ตากลมใสกวาดตามอง โต๊ะส่วนใหญ่ก็มีคนนั่งอยู่ประปรายอยู่แล้ว มีทั้งนั่งคนเดียวบ้าง กลุ่มบ้าง ไม่เหลือโต๊ะที่ว่างเลย
 
 
          "เฮ้! นาย...ชะเอม!" เจ้าของชื่อหันซ้ายหันขวาเมื่อได้ยินเสียงเรียก แล้วก็เห็นใครโบกมือโหยงเหยงอีกด้านหนึ่ง
 
 
          ...ราม?
 
 
          คนดังกล่าวกวักมือเรียกเขาด้วย ร่างบางมองรอบๆกาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขาจริงๆ ไม่ได้เรียกคนอื่น จากนั้นก็เดินเข้าไปหา พบว่ารามนั่งอยู่กับเพื่อนอีกสองคนที่มองมาทางเขาเช่นกัน
 
 
          "ราม มีอะไรเหรอ"
 
 
          "อ้าว ก็เห็นนายหาที่นั่ง" รามทำหน้างง"หรือไม่ใช่"
 
 
          "มันก็ใช่อยู่หรอก" ชะเอมทำหน้างงกลับ เลิกคิ้วสูง "แล้วนายเรียกเราทำไมอะ"
ได้ยินประโยคนั้นทำเอารามอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
 
 
          "อุ๊บ! ฮ่าๆๆ ทะ โทษที เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้แต่ซื่อ(บื้อ)ชะมัด!" เพื่อนของรามที่เป็นผู้ชายตัวใหญ่ผิวสีแทนอยู่ๆ ก็ตบโต๊ะหัวเราะซะเสียงดังจนชะเอมสะดุ้ง โต๊ะรอบข้างหันมามองอย่างสนใจ
 
 
          "ไอ้ดิน เบาๆ สิวะ" เพื่อนอีกคนของรามพูด พร้อมกำปั้นใหญ่เขกลงบนศีรษะคนที่หัวเราะให้หุบปากเสียที ทำเอาหนุ่มผิวคล้ำหน้ามุ่ยร้องโอดโอยยกมือลูบหัวตำแหน่งที่เจ็บป้อยๆ
 
 
          ตอนนี้คนที่มองหันกลับไปทำกิจกรรมของตนเองแล้ว ชะเอมจึงดึงความสนใจมาที่รามเหมือนเดิม
 
 
          "ก็เราเห็นนายหาโต๊ะ เลยจะเรียกมานั่งด้วยกันไง" รามพูดไปงงไป ทำไมเขาต้องมานั่งอธิบายอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย "...หรือว่ารังเกียจ"
 
 
          ทำให้ร่างบางที่กำลังยืนงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรีบส่ายหน้าจนผมสะบัด
 
 
          "ไม่เลยๆ" ดีเสียอีก ยังไงแถวนี้ก็ไม่มีโต๊ะว่างแล้วด้วย "...ถ้ายังไงขอรบกวนด้วยแล้วกันครับ" ชะเอมพูดพร้อมกับก้มหัวน้อยๆ ทักทายเพื่อนของรามที่นั่งอยู่ก่อนแล้วซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มทักทายกลับมา รามก็หย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามยิ้มยินดีเหมือนที่เขาไม่ปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะด้วย
 
 
          อันที่จริงชะเอมก็แอบรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่มีคนเรียกมานั่งด้วย แถมเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกัน
 
 
          ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาไม่เคยสนิทกับใครเป็นพิเศษ ไม่มีคนที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิท ชีวิตนี้มีแค่ลุงเกษมกับ...คินมาตลอด จนกระทั่งเมื่อเช้าได้บังเอิญเจอกับเพื่อนใหม่อย่างราม แถมตอนนี้ยังมีเพื่อนของรามอีก
 
 
          "เอ่อ เอม" รามเกริ่นในขณะที่เห็นคนตรงหน้าหยิบถุงผ้าวางบนโต๊ะเรียกความสนใจให้ร่างบางหันมามองคู่สนทนา "เรื่องเมื่อเช้า...ขอโทษนะ"
 
 
          ใบหน้าขาวมองนิ่ง ทำให้รามยิ่งลนลานนึกว่าคนตรงหน้ายังโกรธอยู่
 
 
          "คือว่าเราชอบพูดอะไร เอ่อ...ไม่ค่อยเข้าหูคนอื่นเท่าไหร่ แต่เราไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะ! คือ...แบบ" พอเห็นท่าทางลำบากใจที่พยายามอธิบายแล้วชะเอมก็นึกออก พลันร้องขึ้นมาเหมือนนึกได้
 
 
          "อ๋อ...เรื่องเมื่อเช้า"
 
 
          "เอ๊ะ?" รามงง
 
 
          "ก็เรื่องเมื่อเช้าไง ที่รามบอก" ชะเอมเอ่ยเสียงเรียบ
 
 
          "เอ่อ ใช่"ยังงงอยู่
 
 
          "เราไม่ได้โกรธ ไม่ต้องขอโทษหรอก"
 
 
          "อ้าว แล้วเมื่อกี้ที่ทำหน้านิ่งๆ เราก็นึกว่า..."
 
 
          "อ๋อ นั่นเรากำลังนึกอยู่" ปากบางพูดแทรก มือหยิบกล่องข้าวขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วแกะฝา เหลือบตามองยังเห็นรามงง "เรากำลังนึกอยู่ว่ารามพูดเรื่องอะไรไง"
 
 
          รามยิ้มค้าง แต่เพื่อนอีกสองคนที่นั่งฟังแอบขำจนไหล่สั่น
 
 
          "อุ๊บ! หึหึ..."
ทำไมเวลาคุยกับชะเอมแล้วรู้สึกเหมือนคุยกันคนละเรื่องยังไงชอบกล
 
 
          ดูนิ่งๆ เอ๋อๆ เบลอๆ บอกไม่ถูก
 
 
          "แสดงว่าไม่ได้โกรธ?" หนุ่มผิวเหลืองตาเรียวถามย้ำ
 
 
          "อื้ม ไม่ได้โกรธ" ชะเอมส่ายหน้าย้ำคำพูดว่าไม่ได้โกรธจริงๆ "ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่"
 
 
          รามมองหน้าขาวของชะเอม ทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาเหมือนกับไม่ได้พูดเรื่องของตัวเองอยู่ ทุกครั้งที่พูดจะมีแต่ใบหน้านิ่งๆ ถ้าไม่รู้จักอาจจะถูกมองว่าเป็นคนหยิ่งๆ
 
 
          เขายังไม่เคยเห็นรอยยิ้มจริงๆ สักครั้ง
 
 
          "อันที่จริงเป็นเราต่างหากที่ต้องขอบคุณ สำหรับนี่" ชะเอมแบมือคืนสิ่งของชิ้นเล็กที่รามให้มาเมื่อเช้าก่อนแยกกัน "ขอบคุณอีกครั้งนะ ช่วยได้มากเลยล่ะ"
 
 
          "ไม่เป็นไร ชะเอมเก็บไว้เถอะ เราซื้อใหม่ก็ได้" รามยักไหล่ปฏิเสธ
 
 
          "ไม่ได้" คิ้วบางขมวดแน่น "เราต่างหากที่ต้องไปซื้อเอง อันนี้ของราม เราคืน"
 
 
          รามผงะเมื่อมือยื่นเข้ามาใกล้หน้า
 
 
          "แต่... " ใบหน้าคมลังเล แน่นอนว่าแพ้คนหัวดื้ออย่างชะเอม เพราะว่าเผลอสบตากับดวงตากลมที่จ้องมาอย่างไม่ลดละ ถึงจะไม่ได้เอ่ยปาก แต่แววตาก็เหมือนจะบอกว่า เอาสิ ถ้าไม่เอาคืน ก็จะยื่นมันอย่างนี้แหละ
 
 
          "ก็ได้ๆ" รามยอมแพ้ นิ้วเรียวหยิบยาดมหลอดเล็กบนมือบางหย่อนใส่กระเป๋ากางเกง "พอใจแล้วนะ"
 
 
          "อื้ม" ชะเอมพยักหน้าสีหน้าพอใจ
 
 
          ถึงใครๆ จะคิคว่าแค่ยาดมหลอดเดียวจะอะไรนักหนา ซื้อใหม่ก็แค่ไม่กี่บาท แต่ร่างบางรู้สึกติดค้าง ถ้ายืมมาก็ต้องคืน สิ่งนั้นเขาไม่ได้ซื้อมาเอง มันไม่ใช่ของๆ เขา
 
 
          และแน่นอนว่าถ้าไม่ได้รามช่วยไว้เมื่อเช้า เขาก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงมหาวิทยาลัยได้อย่างปลอดภัยรึเปล่า
 
 
          "โอ้โฮ...มีข้าวกล่องด้วย" หนุ่มผิวคล้ำยื่นหน้ามามองกล่องข้าวสีทึบเหมือนกับเห็นของแปลกจนชะเอมที่ไม่คุ้นกับการกระทำถึงกับผงะ เจ้าตัวที่เห็นปฏิกิริยาถึงกับหัวเราะร่า "โทษทีๆ พอดีเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นใครเอาข้าวมากินน่ะ แหม เคยเห็นล่าสุดก็ตอนประถม"
 
 
          คำอธิบายที่ร่างบางยังไม่ทันได้ตอบอะไร ใครอีกคนที่นั่งข้างๆ เขาที่ก็พูดขึ้นมาก่อน
 
 
          "คุยกันมาตั้งนาน ยังไม่รู้จักกันเลย" ก่อนทำท่านึกแล้วยักไหล่ "แต่ยังไงพวกเราก็รู้จักนายอยู่แล้วล่ะนะ ฉันชื่อสิน ส่วนไอ้หมอนี่ชื่อดำ เรียนเอกเดียวกับราม ยินดีที่ได้รู้จักนะชะเอม" สินกล่าวยิ้มๆ พร้อมแนะนำหนุ่มคล้ำคนที่นั่งตรงข้ามตัวเองด้วย ทำเอาคนตัวใหญ่โบกหัวเพื่อนข้ามโต๊ะ
 
 
          ผัวะ!
 
 
          "ดำบ้านมึง!" ดินแยกเขี้ยวแหว "เอมอย่าไปฟังมัน กู...เอ่อ ระ เราชื่อดิน ยินดีที่ได้รู้จัก" คำสรรพนามที่เรียกตัวเองไม่คุ้นชิน อาจเพราะดูภายนอกแล้วชะเอมเป็นคนเรียบร้อยพูดเพราะทำให้ดินไม่กล้าที่จะพูดแบบที่เคยพูดกับเพื่อนคนอื่น
 
 
          "พูดเพราะกับเขาไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด ได้ยินแล้วแสยงว่ะ"สินเยาะ
 
 
          "ไอ้เวรนี่!" มือใหญ่โบกหัวอีกรอบ แต่คราวนี้สินรู้ทัน หลบได้ ทำให้ดินคว้าได้แต่อากาศ ส่วนรามนั่งขำ
 
 
          "ไม่เป็นไรดิน พูดอย่างที่ถนัดก็ได้" ชะเอมพูดอย่างไม่คิดอะไร
 
 
          "เอมไม่ต้องถือสากับไอ้ดำนี่นะ ถึงปากมันจะไม่ดี...ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่แค่ปากไม่ดี แต่ก็เป็นคนดีใช้ได้" คำแนะนำของสินที่พูดไปหัวเราะไปทำดินเกือบกระโจนเข้าไปฟัดอีกรอบ ถ้าไม่ได้ยินประโยคหลังซะก่อน เลยได้แต่นั่งฮึดฮัด
 
 
          ร่างบางที่มองการกัด...เอ่อ เถียงกันของเพื่อนใหม่นามว่าสินและดิน (หรือจะเรียกว่าทะเลาะกันฝ่ายเดียวของดินก็ว่าได้) ทำเอาทั้งงงปนขำ
 
 
          "ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากตัวด้วยนะ"
 
 
          เสียงใสหัวเราะในลำคอ ทำให้ทั้งสามคนมองค้าง
 
 
          "อา ให้ตายเหอะ" รามคราง
 
 
          "เอม..." คราวนี้เป็นสิน
 
 
          "กูว่ากูเข้าใจแล้วว่ะ ที่ว่าชะเอมเป็นหนุ่มรูปงาม" และดิน
 
 
          ใครบ้างที่เห็นชะเอมหนุ่มหน้าหวานในยามนี้แล้วจะไม่ใจเต้น ผิวขาวผ่อง ริมฝีปากบางอมส้ม จมูกเล็ก ใบหน้ามนที่รับกับเส้นผมสีดำออกน้ำตาลเมื่อโดนแดดส่อง ขนตายาวเป็นแพ ตากลมโตดำเหมือนลูกกวาง ยิ่งวาววับไปด้วยประกายระยิบระยับทำให้ยิ่งมีเสน่ห์ ใครที่เผลอจ้องมองก็ทำเอาตกหลุ่มได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
 
 
          และสามเกลอก็ตกหลุมเสน่ห์พราวที่ไม่รู้ตัวของชะเอมไปเรียบร้อยแล้ว
 
 
          คนโดนมองเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำบาป(?) พอเห็นว่าโดนจ้องก็ทำหน้าสงสัย กระพริบตาปริบ และยังกินข้าวต่อแบบไม่สนใจอีกด้วย ทำเอาทั้งสามหันมามองหน้ากันแล้วคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับความซื่อและบื้อของร่างบางเพื่อนใหม่ดี ก่อนถอนหายใจแยกย้ายหันมาสนใจจานข้าวของตัวเองบ้าง
 
 
          ผ่านไปสักพัก โต๊ะรอบข้างที่เคยจอแจก็เริ่มเบาบางลงเพราะลุกออกไปประปราย ชะเอมมองนาฬิกา ยังมีเวลาก่อนที่จะเข้าเรียนคาบบ่ายอีกหลายนาที ยังไงเขาก็ไม่มีธุระรีบไปไหน เลยเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิม
 
 
          "ทำไมนายถึงเอาข้าวกล่องมากินล่ะ ซื้อไม่สะดวกกว่าเหรอ" สินถาม ทำให้คนที่ชอบเผือกอย่างดินพยักหน้าเห็นด้วย ซึ่งอันที่จริงรามก็แอบสงสัย
 
 
          เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยเห็นใครพกข้าวกล่องมากินกันหรอก ล่าสุดที่เคยเห็นก็ตอนเรียนประถม แต่ตอนนั้นพ่อแม่บางคนก็ไม่มีเวลาว่างทำกับข้าวให้ตังลูกมาซื้อข้าวกินเองกันแล้ว บางคนจะพกข้าวกล่องมาก็เขินอายเกินกว่าจะเปิดกินต่อสาธารณชน (ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะอายทำไม)
 
 
          "ก็...จะพูดยังไงดี" ชะเอมนึก ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน มือก็หยิบทิชชู่ที่พกมาเช็ดริมฝีปาก การกระทำที่เหมือนผู้ดีมีมารยาททำเอาดินที่ปกติจะทำตัวค่อนข้างไม่คิดมาก (สกปรก) กระพริบตาปริบ
 
 
          "พอดีเราทำข้าวเช้ากินเองอยู่แล้ว อืม...ก็เลยทำเผื่อตอนกลางวันด้วย มันประหยัดดี" ร่างบางบอก ทำให้ทั้งรามและสินร้องออพลางพยักหน้า ส่วนดินร้องโอ้โฮอย่างทึ่ง
 
 
          "จริงเหรอ สุดยอดเลยนะ ทำอาหารเป็นเนี่ย" สินว่า ผู้ชายที่ทำอาหารเป็นแถมกินได้(แบบไม่ตายซะก่อน) มีไม่มากนักหรอก ชะเอมยิ้มรับคำชม
 
 
          "ไม่หรอก"
 
 
          "ว่างๆ สอนบ้างดิ" ดินพยักหน้าเออออเห็นด้วยกับสิน แต่พอสินได้ยินดินพูดแบบนั้นก็ไม่วายแขวะ
 
 
          "คนอย่างมึงนี่นะ"
 
 
          "ทำไม คนอย่างกูจะทำไม" ดินหันขวับ
 
 
          "คนอย่างมึงก็แดกเป็นอย่างเดียวไง ริคิดจะทำอาหาร สงสารคนกินจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะท้องเสียท้องร่วง" คำสบประมาทของสินทำเอาดินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชะเอมมองหน้าทั้งสองเถียงสลับไปมาพร้อมกับเหงื่อตก
 
 
          "กูขอให้มึงแดกไง" คนผิวคล้ำย้อนเสียงสูง
 
 
          "ถึงขอให้แดกกูก็ไม่แดกหรอก"
 
 
          "พวกมึงทั้งสองคนหยุดเถียงเป็นเด็กอนุบาลกันสักทีได้มั้ยวะ เถียงแม่งทุกวัน ไม่เบื่อรึไง" รามทำหน้าเอือมพูดแทรกเพื่อห้ามศึก
 
 
          "ก็มึงดูมันพูด/ไม่เบื่อว่ะสนุกดี" ดินและสินพูดพร้อมกัน และหันขวับพร้อมจะฟัดกันอีกรอบ
 
 
          "พอๆๆ พอเลย" รามยื่นมือแยกสองคนออก "พวกมึงนี่นะ"
 
 
          ชะเอมนั่งมองการเถียงกันเหมือนชมละครตลก เขารู้ว่ารามที่ทำหน้าเหม็นเบื่อคอยห้ามทัพเพื่อนทั้งคู่ที่ตัวโตกว่าตัวเอง จริงๆ ก็ไม่ได้เบื่อหรอก ดูจากแววตาประกาย กับทั้งสินและดินที่เขาว่ากันว่ายิ่งทะเลาะกันยิ่งรักกัน ทั้งสามคนดูสนิทกันมาก
 
 
          "ถ้าดินอยากเรียน เราสอนให้ได้นะ" ชะเอมบอกเสียงใส ดินหันมามองชะเอมแล้วหันกลับไปมองสิน ยิ้มพลางยักคิ้วสองจึ้ก
 
 
          "รับรองว่ากินแล้วไม่ท้องร่วงแน่นอน" ชะเอมแซวยิ้มๆ เท่านั้นแหละสินหัวเราะใส่หน้าดินทันที คนตัวคล้ำโชว์นิ้วกลางกลับแทนคำด่า
 
 
          "แต่เราว่าเอมดูลูกคุณหนูจะตาย ไม่นึกว่าจะมานั่งทำอะไรกินเอง แถมบอกว่าประหยัดเนี่ย เหลือเชื่อเลยแฮะ" รามว่า
 
 
          ชะเอมอึกอัก ที่เขาประหยัดเพราะไม่อยากรบกวนลุงเกษมต่างหาก ที่สำคัญเขาไม่เคยบอกใครเรื่องที่ว่าเป็นลูกกำพร้าที่พ่อของคิน ลุงเกษมเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม และให้ความเอาใจใส่ดูแลเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง เขาก็นับถือและให้ความเคารพลุงเกษมเหมือนเป็นพ่อแท้ๆ เช่นกัน แต่ไม่กล้าเรียกว่า...พ่อ เพราะเขารู้มาตลอดว่าไม่มีสิทธิ์ ทั้งๆ ที่ลุงเกษมเคยบอกว่าให้เรียก
 
 
          และเพราะไม่มีความจำเป็นต้องไปป่าวประกาศให้ใครรู้เรื่องนี้ อันที่จริงเขากับคินก็ใช้นามสกุลเดียวกัน เพราะว่าไม่มีใครเคยถามหรือใส่ใจ จึงไม่มีใครรู้ว่าเขากับคินเกี่ยวข้องกันแบบไหนนอกจากจะเป็นคนที่เคยรักกัน
 
 
          ในมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาเป็นพันคน ใครจะมาใส่ใจกับชื่อและนามสกุลของคนสองคน และเขาก็ไม่มีเพื่อนในคณะเดียวกัน เอกเดียวกันด้วย เรื่องความเกี่ยวข้องของเขาและคินจึงยังเป็นความลับต่อไป
 
 
          "เพราะถ้าเราทำอาหารกินเอง สามารถเลือกวัตถุดิบทำเองได้ แล้วก็สะอาดกว่าด้วย" ร่างบางว่า ความเป็นเหตุเป็นผลทำให้ทั้งสามคนฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
 
 
          "จะว่าไปก็จริงแฮะ" ดินพูดพึมพำ พลางนึกไปถึงสิ่งที่เห็นตอนชะโงกหน้ามองในข้าวกล่อง
 
 
          "ว่าแต่รามเรียนเอกอะไรนะ" ชะเอมพยายามเปลี่ยนเรื่องและก็ดูเหมือนจะได้ผล
 
 
          "พวกเราเรียนเอกญี่ปุ่น" สินเหลือบมองเห็นรามที่ตาโตเหมือนเพิ่งนึกได้กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ จึงตอบแทน
 
 
          "ทำไมถึงเลือกญี่ปุ่นล่ะ?" ชะเอมสงสัย ตามความคิดร่างบาง เขาชอบเรียนภาษา แล้วคิดว่าภาษาจีนเป็นภาษาที่สำคัญรองจากภาษาอังกฤษจึงเลือกเรียนเอกจีน เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่เขาได้อยู่แล้ว และสามารถเรียนด้วยตัวเองได้
 
 
          "ไม่รู้จะเรียนอะไรน่ะ" รามว่า
 
 
          "ชอบดูการ์ตูน" ดินยิ้มกว้างตอบอย่างภูมิใจ
 
 
          "พอดีพ่อเป็นคนญี่ปุ่น เขาเลยอยากให้เรียนเอาไว้ เผื่อย้ายไปอยู่นู่นเลย" สินบอก ดูเป็นคนมีเหตุผลที่สุด
 
 
          ร่างบางครางในลำคอรับ จะว่าไป ดูไปดูมาสินก็เหมือนลูกครึ่งญี่ปุ่นจริงๆ แต่คงเป็นครึ่งญี่ปุ่น ครึ่งยุโรปล่ะนะ เพราะสินตัวใหญ่กว่าดินอีก แล้วผิวก็ขาวมาก
 
 
          เป็นครั้งแรกที่เขาได้นั่งคุยกับเพื่อน รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แย่
 
 
          "เออ แล้วนั่นน่ะ ทำรึยัง" อยู่ๆ สินก็เอ่ยขึ้นมาไม่เป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำเอาคนทั้งโต๊ะงง
 
 
          "อะไร" ดินถาม เขากำลังดูดน้ำกับจานข้าวที่ว่างเปล่าวางอยู่ตรงหน้าที่กินเสร็จตั้งนานแล้ว ดินได้ฉายาว่าเป็นพวกกินเร็ว เขาว่าคนกินเร็วจะเคี้ยวข้าวไม่ละเอียดทำให้อ้วน แต่หนุ่มผิวคล้ำนอกจากจะไม่อ้วนแล้ว หนำซ้ำยังหุ่นดีมากแถมมีกล้ามพอให้เห็นว่าเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วย
 
 
          "ก็การบ้านของวิลเลี่ยมไง ส่งวันนี้นะเว้ย" รามตอบให้
 
 
          "หะ!!!!!!!?" ดินร้องลั่น ชิบ-หาย!
 
 
          เสียงร้องของดินทำชะเอมสะดุ้ง
 
 
          "กูบอกมึงตั้งแต่เมื่อวานละนะ" สินถอนหายใจ แต่แววตาประกายขำ "มัวแต่เล่นเกม"
 
 
          "สิน...โธ่ มึง ...เวรละไง ส่งกี่โมงนะ ส่งกี่โมง" ดินถามร้อนรนลุกขึ้นเก็บจาน
 
 
          "ลอกกูไหม ให้ยืม แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ" สินยิ้มทั้งปากทั้งตา ดูลับลมคมในแต่ดินรู้ความหมายหน้าแดงระเรื่อ
 
 
          "ไอ้เวร...ไม่เอาเว้ย คนกำลังรีบ เล่นอยู่ได้" ดินหลบตาแต่สินเห็นว่าใบหูแดงก็อดหัวเราะหึๆ ไม่ได้ มือเรียวคว้าหยิบกระเป๋าพาดไหล่
 
 
          "รามกูไปก่อน เอมด้วย โทษทีนะ ไว้คราวหน้าเจอกัน" ดินพูดรัว แล้ววิ่งออกไป ไม่ทันมองรามที่พยักหน้า และร่างบางที่ยังเอ๋อๆ โบกมือน้อยๆ ลา
 
 
          "เดดไลน์บ่ายโมงครึ่งนะดิน!" สินตะโกนบอกดินที่ยังไปไม่ไกล
 
 
          "เออ!ขอบใจ!" ได้ยินเสียงตอบมาแว่วๆ สินก็หัวเราะในลำคอเบาๆ พอละสายตาจากแผ่นหลังที่ลับไปจากมุมตึก หันมาก็พบสายตาเจ้าเล่ห์ของราม
 
 
          "ฮันแน่" หนุ่มผิวเหลืองส่งเสียงแซว
 
 
          "อะไรของมึง"
 
 
          "ตีกันจนได้เรื่องนะพวกมึง ตอนไหนอะไร กูไม่เห็นรู้เลย" รามว่า "เฮ้อ ต่อไปคนที่โสดก็มีแค่กูนะสิ"
 
 
          "หึหึ" สินไม่พูดอะไร เพียงแต่หัวเราะ
 
 
          "ไอ้นี่" รามมองอย่างหมั่นไส้ "มีข่าวดีอะไรก็บอกกูด้วยละกัน"
 
 
          "เออ"
 
 
          สินเนี่ยเป็นพวกพูดน้อยกับเรื่องของตัวเอง...ใช่มั้ยนะ
 
 
          ชะเอมนั่งมองเงียบๆ ก่อนนึกอะไรขึ้นได้
 
 
          "วิลเลี่ยมนี่ชื่ออาจารย์ใช่ไหม" ร่างบางฉุกคิด "เอ๊ะ ว่าแต่อาจารย์คณะเรามีคนชื่อวิลเลี่ยมด้วยเหรอ"
 
 
          รามกับสินมองหน้ากัน ก่อนหัวเราะพรืด
 
 
          "ไม่ใช่ๆ นั่นน่ะฉายาอาจารย์เฉลิมพงษ์ต่างหาก" คนตอบคือสินที่พูดไปกลั้นขำไป
 
 
          "เอ๋" ชะเอมร้องเสียงสูง "แต่นั่นเขาเป็นอาจารย์นะ ไปตั้งฉายาเรียกห้วนๆ แบบนั้นได้ยังไง" ร่างบางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง สำหรับเขาอาจารย์ทุกคนเป็นผู้ให้ศาสตร์และความรู้ ต้องให้เกียรติและเคารพอย่างมาก เพราะเขาอาวุโสมากกว่า แถมอาจารย์เฉลิมพงษ์เขาก็อายุตั้งเกือบแปดสิบปีแล้ว ถือว่าเป็นอาจารย์ที่อาวุโสที่สุดในคณะอักษรศาสตร์เลย
 
 
          "ไม่เป็นไรเลย เราแค่คุยกันเล่นๆ 'จารย์แกไม่รู้สักหน่อย" สินมองสีหน้าเคร่งเครียดของร่างบาง เหมือนเป็นคนโดนตั้งฉายาเสียเอง
 
 
          "ใช่ๆ ก็แบบวิลเลี่ยม จากหัวเลี่ยมไง" รามหัวเราะร่า แล้วชี้ตรงศีรษะตัวเอง ทำให้พานนึกไปถึงอาจารย์เฉลิมพงษ์ ที่มีรูปร่างท้วมอุ้ยอ้าย เวลาเดินหน้าท้องจะยื่นนำหน้ามาก่อนเลย ส่วนที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นเส้นผมที่เบาบางจนเริ่มเห็นศีรษะเกลี้ยงเกลา
 
 
          วิลเลี่ยม...หัวเลี่ยม
 
 
          "จริงด้วยเนอะ" ชะเอมหลุดหัวเราะคิก ยิ้มตาปิด ทำให้คนมองอย่างรามและสินยิ้มตามได้ง่ายดาย
 
 
          "ใช่ไหมๆ" รามเท้าคางมองคนตรงหน้า เขาชอบที่ร่างบางมีรอยยิ้มที่สุด ไม่เคยเห็นคนยิ้มสวยขนาดนี้มาก่อน...คนอะไรยิ้มแล้วโลกสดใส
 
 
          "อ๊ะ แต่ว่ายังไงก็ไม่ดีนะ" ชะเอมหยุดหัวเราะ ยิ้มเขินๆ นี่เขาเพิ่งจะหัวเราะขบขันกับฉายาของอาจารย์ที่เคารพ ถึงอาจารย์จะไม่เห็นก็เถอะ "ห้ามเรียกแบบนั้นอีกเด็ดขาดเลย"
 
 
          "น่าๆ แค่เรียกกันเฉพาะพวกเรา" สินพูดไกล่เกลี่ยกับคนที่ท่าทางเอาจริงเอาจัง
 
 
          "เฉพาะ...เรา" ร่างบางนิ่งงันกับคำพูดที่ออกมาจากปากสิน
 
 
          รู้สึก...แปลกๆ
 
 
          "ใช่ เฉพาะพวกเรา"
 
 
          สายลมพัดใบไม้ปลิวไสว เส้นผมสีดำไหวไปตามแรงลมลู่กับใบหน้ามน ดวงตาดำกลมโตวาววับไปด้วยน้ำตาชั่วครู่แค่เพียงกระพริบตาทีก็หายไป
 
 
          ตลอดชีวิตนี้เขามีแค่ผู้มีพระคุณอย่างลุงเกษมที่เปรียบเสมือนพ่อแท้ๆ กับคินที่เป็นทั้งพี่น้องและคนรัก เขาใช้ชีวิตมาโดยมีสองคนนี้อยู่เคียงข้างมาตลอด แม้แต่เพื่อนที่คุยได้อย่างสนิทสนม...ก็ไม่เคยมี
 
 
          รามเป็นเพื่อนคนแรก ที่เขาบังเอิญได้พบบนรถเมล์ เป็นเรื่องคาดไม่ถึงที่เขารู้สึกขอบคุณ จากนั้นได้พบเพื่อนอย่างสินและดินอีกด้วย...ที่มากไปกว่านั้นคือทั้งสามคนเป็นคนดี
 
          รามมองใบหน้ามนที่ประดับยิ้มเศร้าอีกแล้ว เขาคิดถูกแล้วที่ดึงชะเอมมาอยู่กับพวกเขา เขามั่นใจว่าเพื่อนอย่างสินและดินจะทำให้ร่างบางประดับด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขได้
คนอย่างเอมไม่เหมาะกับรอยยิ้มเศร้าๆ หรอก
 
"มาเอม ขอไลน์หน่อย" ชะเอมกระพริบตาปริบๆ มองมือที่แบตรงหน้า
 
 
          "ไลน์เหรอ"
 
 
          "อืม ส่งมือถือมาเดี๋ยวทำให้" รามกระดิกนิ้วเร่ง มือขาวเลยหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อคุ้นตาสีขาวเหมือนใหม่ออกมาสแกนนิ้วก่อนจัดแจงวางบนมือที่ยังแบอยู่
 
 
          "อ่ะ"
 
 
          รามกดที่แอพสีเขียว ก่อนเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นแถบกล่องบทสนทนาแค่สองแถบ แถบหนึ่งคือลุงเกษม ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร...และอีกแถบก็คือคิน
 
 
          เขาพอจะรู้(เพราะได้ยินจากข่าวลือ)ว่าชะเอมเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง เพราะในมหาวิทยาลัยก็ไม่เคยเห็นอยู่กับใครนอกจากคิน แต่นึกไม่ถึงว่าในไลน์ แอพที่เอาไว้ติดต่อกับคนอื่นๆ อย่างสะดวกสบาย ชะเอมก็มีแค่สองคนที่ติดต่อ
 
 
          แล้วพ่อกับแม่ล่ะ?
"ราม" เสียงเรียกของสิน ทำให้ความคิดของรามหยุดลง
 
 
          "เออๆ โทษที เหม่อนิดหน่อย" รามอดโคลงหัวระอากับความเสือกของตัวเองไม่ได้ กดจึ้กๆ แล้วส่องคิวอาร์โค้ดของเขาเข้าเครื่องชะเอม กดแอดแล้วส่งสติกเกอร์
 
 
          ไลน์! เสียงเตือนเข้าเครื่องรามทันที
 
 
          "เดี๋ยวเราลากชะเอมเข้ากลุ่มพวกเรานะ มีไอ้สินกับดินอยู่ด้วย"
 
 
          "อะ อื้ม" ชะเอมพยักหน้ารับมือถือไปดู พบว่ามีแจ้งเตือนเชิญชวนเข้ากลุ่ม กดตกลง
 
 
          chÄim เข้าร่วมกลุ่ม
 
 
          ตึ๊ง!
 
 
          :DiN : ใครวะ ชะเอมเหรอ 1:05PM
 
 
          RamĀ : เออ เพิ่งขอไลน์เมื่อกี้ 1:05PM
 
 
          :DiN : จริงงงดิ้ เออดีๆ คราวหน้าจะได้ชวนไปดูหนัง กูอยากดูเรื่องนี้พอดีเลย ที่ออกสัปดาห์หน้า ไปกันนะพวกมึง ชะเอมด้วย 1:06PM
 
 
          เสียงแจ้งเตือนทั้งสามดังขึ้นพร้อมกันเมื่อดินที่เพิ่งเผ่นไปหลายนาทีก่อนพิมพ์ลงไลน์กลุ่ม ซึ่งสินก็ควักมือถือออกมาดูบ้าง
 
 
          RamĀ : วันไหน กี่โมง 1:07PM
 
 
          NissiN : ว่าแต่นี่มึงทำงานเสร็จแล้วเหรอ 1:07PM
 
 
          :DiN : วันพุธดิ ต้องไปวันนี้ มันลดราคา 1:09PM
 
 
          :DiN : เออน่า ใกล้เสร็จแล้ว 1:09PM
 
 
          :DiN : กูไปทำต่อก็ได้ 1:09PM
 
 
          :DiN ส่งสติกเกอร์
 
 
          ทั้งสามคนก้มหน้ามองมือถือ ไม่มีใครพูดอะไรมีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอของสินกับสติกเกอร์หน้าบึ้ง
 
 
          "เอมมีไลน์พวกเราแล้ว มีอะไรก็แชทเข้ามาได้นะ" รามเก็บมือถือ
 
 
          "ใช่ อ่านไลน์ด้วย ดินมันชอบหาเรื่องนู่นนี่มาคุยตลอดแหละ ถ้าไม่ตอบมันจะน้อยใจเอา" สินบอก แต่มือก็จิ้มโทรศัพท์ไม่หยุด ซึ่งชะเอมก็นึกภาพคนตัวล่ำซันอย่างดินน้อยใจไม่ออก
 
 
          ถ้าเป็นเรื่องของดิน สินมักจะพูดไปยิ้มขำไป ซึ่งไม่รู้ว่ามีอะไรน่าขำนักหนา เหมือนเช่นตอนนี้
 
 
          "อื้ม โอเค" ชะเอมตอบรับ ยกดูนาฬิกาข้อมือ แล้วลุกขึ้น "งั้นเดี๋ยวเราขอไปก่อนนะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว"
 
 
          "โอเค งั้นพวกเราก็ไปหาไอ้ดินกันบ้างเหอะ" รามบอก รวบของบนโต๊ะ
 
 
          "งั้นไว้เจอกันเอม" สินพยักหน้า พร้อมรามที่ยิ้มให้
 
 
          "เจอกัน" ชะเอมยิ้มบางหันหลังเดินแยกไปอีกทาง
 
 
 
************************Whose fault? ************************
 
 
          "ไง เป็นอย่างที่กูบอกมั้ย" หลังเดินแยกับชะเอมมาแล้ว อยู่ๆ รามก็พูดขึ้นมา แต่ดูเหมือนสินจะเข้าใจ
 
 
          "อืม"
 
 
          รามเคยเล่าเรื่องของชะเอมให้ทั้งสินและดินฟัง จริงๆ พวกเขา ไม่สิ...คนทั้งมหาลัยก็น่าจะเคยได้ยินเรื่องข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับร่างบางมาบ้างไม่มากก็น้อย และแน่นอนเขาไม่สนใจหรอก ก็มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่...
 
 
          แต่เมื่อเช้ารามมาเล่าเรื่องที่ได้คุยกับคนดังที่ว่าให้ฟัง ก็ทำให้อยากรู้จัก อยากลองคุย และความบังเอิญทำให้เราได้มานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน
 
 
          "นี่มึง...คงไม่ได้แอบชอบชะเอมหรอกใช่ไหม" สินถามแกมขำ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยแม้แต่นิด กับเรื่องของความรู้สึกคน
 
 
          "หืม" รามหันมามองตาโต "อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบนั้น"
 
 
          "ก็มึงมองเขาตาค้างเชียว"
 
 
          ได้ยินดังนั้น รามนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เพื่อนพูดระเบิดหัวเราะ
 
 
          "ก็ตอนเอมเขายิ้ม มันน่ามองเสียขนาดนั้น หรือมึงว่าไม่" พอโดนรามถามกลับ สินก็อดเห็นด้วยไม่ได้ ตอนนั้นแม้แต่โต๊ะข้างๆ ยังแอบมองเลย
 
 
          "สิน..."
 
 
          รามหยุดเดิน ทำให้คนที่เดินนำอย่างสินต้องหยุด
 
 
          "กูไม่ได้ชอบเอม"
 
 
          "..."
 
 
          "ก็แค่รู้สึกว่าจะปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ได้ ลางสังหรณ์กูมันบอกแบบนั้น" หนุ่มลูกครึ่งไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้า ถึงจะบอกว่าเรื่องของชะเอมที่ได้ยินมาไม่เกี่ยวกับเขาก็เถอะ แต่...
 
 
          "อืม เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว" สินพูด "มึงว่าไงกูก็ว่าตามนั้นแหละ"
 
 
          เพราะลางสังหรณ์ของรามมันก็แม่นดีซะด้วย
 
 
          "...ขอบใจว่ะ"
 
 
          ตึ๊ง!ตึ๊ง!
 
 
          พลันเสียงแจ้งเตือนดังขัดสนทนา
 
 
          :DiN : พวกมึงอยู่ไหน อาจารย์เข้าแล้ว รีบมาให้ไวเลย! 1:29PM
 
 
          :DiN ส่งสติกเกอร์
 
 
          "รีบไปเหอะ วิลเลี่ยมเข้าคลาสละ" สินว่าแล้วออกวิ่ง ทำให้รามที่ขาสั้นกว่าวิ่งตามไป
 
 
          "ชิบหายแล้ว อาจารย์แม่งเช็คชื่อตรงเวลาซะด้วย"
 
 
 
 
 
          ทั้งแววตา...และรอยยิ้ม
          ช่างแตกต่างกับข่าวลือว่าร้ายที่เขาว่ากันจริงๆ
          เรื่องมันยังไงกันแน่นะ
 
 
************************Whose fault? ************************
 
 
          สวัสดีค่า เจอกันอีกแล้ว กับชะเอมผู้น่ารัก ทั้งเอ๋อ และเป๋อ
          คือเอมมันเป็นเด็กน้อย เลี้ยงมาแบบยุงไม่ให้ไต่ ริ้นไรไม่ให้ตอม (?) จะพูดจะทำอะไรมันตามใครไม่ค่อยทัน โดนพ่อบุญธรรมโอ๋เอ๋ตลอด น่ารักน่าเอ็นดู
          ไม่มีคินที่รักแต่ก็มีมิตรภาพดีๆ จากราม สิน ดิน(บอกเลยคู่นี้มีซัมติง) นะจ๊า ไม่ตอนหน้าก็ตอนโน้น คินโผล่แน่นอน(มาพร้อมกับนังเรย์)
          มาเม้นให้กำลังใจชะเอมด้วยเน้อ
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา