Whose Fault? ผิด...ที่ใคร

-

เขียนโดย HozekiRui

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.52 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,015 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ผิดครั้งที่ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                             Whose Fault ?

 

                                                ผิด...ครั้งที่ 1

 

 

 

          โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

 

 

 

 

 

 

          แกรก

 

          ร่างบางเปิดประตูห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ ก้าวออกจากห้องน้ำทั้งที่มีผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดร่างกายส่วนล่าง หยดน้ำเกาะอยู่ทั่วร่างกายที่ผ่ายผอมกว่าแต่ก่อน

 

          ขณะนำผ้าขนหนูอีกผืนขยี้เส้นผมหอมสบู่ที่เปียกชื้น ดวงตาเหลือบมองเห็นหน้าจอมือถือที่สว่างวาบอยู่บนเตียง จึงรีบเดินเข้าไป ในใจพองโตแอบหวังว่าใครบางคนจะโทรมาหา แต่แล้วเมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฏ หัวใจที่เต้นรัวก็แผ่วลง

 

          ...ลุงเกษม...

 

          "ครับ สวัสดีครับคุณลุง..."

 

          ("สวัสดีตอนเช้า ชะเอม หืม...ตื่นเช้าเหมือนกันนี่นา") เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นข้างหู ทำให้คนฟังต้องแอบอมยิ้ม

 

          "ไม่หรอกครับ พอดีเพิ่งอาบน้ำเสร็จด้วย...คุณลุงโทรมามีอะไรรึเปล่าครับ" น้ำเสียงอ่อนใสแกมสงสัย เรียกเสียงหัวเราะเบาจากอีกฝั่ง

 

          ("ก็คิดถึงน่ะสิ ลุงไม่ได้เจอชะเอมนานแล้วนะ โทรหาเจ้าคินก็ไม่รับ สงสัยจะยังไม่ตื่น") ได้ยินชื่อนั้นทำเอาร่างบางอึกอักไม่รู้จะตอบอะไร ดีนะที่คุยโทรศัพท์ไม่งั้นคงเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเหมือนไม่อยากตอบของเขาแน่

 

          "ผมก็คิดถึงคุณลุงครับ" เขาเลือกที่จะข้ามประเด็นตรงนั้นไป แล้วก็ได้แต่ถอนใจโล่งอกที่คนฟังไม่ติดใจอะไร หนำซ้ำคำพูดนั้นทำเอาคนฟังชื่นอกชื่นใจอีกต่างหาก

 

          ("ถ้างั้นชะเอมมาเจอลุงบ้างสิ นัดกินข้าวเย็นกันไหม เอ้อ ถ้าไงลุงฝากลากเจ้าคินมันมาด้วยละกัน มีแต่หนูที่มันยอมฟังนะ ขนาดพ่อแท้ๆ ของมันยังไม่ฟังเลย") เสียงหัวเราะดังปิดท้ายราวกับประโยคที่พูดออกมาตลกนักหนา แต่หารู้ไม่ว่าคนฟังยิ้มแหย

 

          ทำไมกลับมาประเด็นเดิมได้เนี่ย

 

          "คือ..." เอมกลืนน้ำลายเบาๆ หลับตาในหัวคิดหาคำพูดพยายามอธิบาย "ช่วงนี้คินเขางานยุ่งมากครับ แล้วก็ต้องไปค้างหอเพื่อนที่ทำงานกลุ่มเดียวกัน...เขาไปค้างได้สามวันแล้วล่ะครับ" ร่างบางเอ่ยคำโป้ปดรัวเร็วพร้อมเอ่ยขอโทษผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิตในใจและ ปลอบใจตัวเอง

 

          ไม่เป็นไร ยังไงก็มีเรื่องที่ไปจากที่นี่สามวันแล้วก็เป็นเรื่องจริงล่ะนะ

 

          ("อ้าว! จริงเหรอ นี่ลุงไม่เห็นรู้เรื่องเลย งานกลุ่มที่ว่าคืองานที่คณะมันใช่มั้ย")

 

          เด็กหนุ่มกลั้นหายใจ "ครับ" ต่อมาได้ยินเสียงร้องออพร้อมพึมพำอะไรบางอย่าง

 

          ("งั้นไม่เป็นไรๆ เอาเป็นช่วงที่ทั้งหนูและคินว่างพร้อมกันก็แล้วกัน")

 

          "...ได้ครับ" รับคำพร้อมพรูลมหายใจ

 

          ("แล้วหนูอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย นี่ลุงว่าถึงเจ้าคินจะไปทำงานกลุ่มก็น่าจะกลับมานอนที่คอนโด...ไม่น่าปล่อยชะเอมอยู่คนเดียวเลยนะ แล้วนี่จะไปเรียนยังไง") เกษมเอ่ยเสียงเครียดราวกับจะตามคนที่อยู่ในบทสนทนากลับมาคุยเดี๋ยวนี้เลย ทำเอาร่างบางปฏิเสธละล่ำละลัก

 

          ขืนทำแบบนั้นคินยิ่งได้เขม่นเขามากกว่าเดิมสิ

 

          "อะ...เออ มะไม่เป็นไรครับ เขานอนกับเพื่อนน่าจะสะดวกมากกว่า ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาด้วย ส่วนเรื่องไปเรียนไม่ต้องห่วงนะครับ ผมนั่งรถเมล์ไปได้"

 

          ("เจ้าลูกคนนี้นี่มันจริงๆ เลย") เกษมบ่นแต่ไม่วายถามย้ำ ("เอางั้นเหรอ ลุงตามใจชะเอมนะ")

 

          "ครับ ผมอยู่คนเดียวได้ไม่มีปัญหา" ร่างบางเอ่ยเสียงอ่อน

 

          ("โอเค แล้วเรื่องเงินล่ะ") เกษมเปลี่ยนเรื่อง ปกติถ้าเป็นคนอื่นถามจุกจิก ชะเอมอาจจะบอกปัดด้วยความรำคาญไปแล้ว แต่กับลุงเกษมเขาเข้าใจว่าทุกคำถามเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ("เงินที่ลุงให้พอใช้มั้ย เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้ลุงโอนให้นะ")

 

          "ไม่ต้องก็ได้ครับ ทุกวันนี้เอมก็ใช้ไม่หมดแล้ว ที่เหลือเก็บยังใช้ได้อีกหลายเดือนเลย" ร่างบางรีบปฏิเสธ อยู่ๆ ก็ขนลุกเพราะอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศจนต้องหยิบรีโมทกดปิด ตอนนี้ตัวเขาแห้งแล้ว เส้นผมก็ชื้นไม่มีหยดน้ำ

 

          ("...แต่เดือนที่แล้วลุงก็ไม่ได้โอนให้นี่")

 

          "นั่นเพราะเดือนก่อนคุณลุงให้มาเยอะ ผมยังใช้ไม่หมดไงครับ" ชะเอมบอกอย่างดื้อดึง

 

          ("เฮ้อ ก็ได้ๆ แต่ถ้าชะเอมมีอะไรอยากได้ต้องบอกลุงนะ อย่าลืมว่าหนูก็เป็นลูกของลุงคนหนึ่ง ไม่ต้องเกรงใจ") เกษมเอ่ยเสียงอ่อนโยน เพราะรู้ดี เขาเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้มากับมือ ทั้งความเกรงใจที่ยกตัวเองออกห่าง ถึงจะมองว่าเขาเป็นพ่อแต่ก็ยังไม่เรียกว่าพ่อ แต่เขาก็ภูมิใจ ชะเอมเป็นเด็กที่ดีเหลือเกิน

 

          ชะเอมฟังแล้วแน่นอก ไม่ว่ายังไงคุณลุงก็ใจดีกับเขาเสมอมา น้ำตาเหมือนจะรื้นขึ้นมาเพราะความตื้นตัน

 

          ผู้มีพระคุณของเขา สักวันจะต้องตอบแทน

 

          "ครับคุณลุง ถ้ายังไงผมขอวางก่อนนะครับ จะได้ไปแต่งตัว" ชะเอมเอ่ยเสียงอู้อี้ คุยเรื่องนี้ทีไรเป็นต้องยาวทุกที ดูเหมือนอีกฝั่งก็จะรู้จึงยอมถอย

 

          ("โอเค ถ้างั้นเอาไว้เจอกันนะ อย่าลืมกินข้าวเช้าล่ะ ลุงเป็นห่วงนะ")

 

          "ครับ คุณลุงก็ดูแลตัวเองนะครับ สวัสดีครับ"

 

          ชะเอมกดวางสาย เหลือบมองนาฬิกาแล้วเดินไปที่ตู้เพื่อแต่งตัวไปมหาวิทยาลัย

 

 

 

 

 

          *****************Whose fault? ****************

 

 

 

 

 

 

          เพราะวันนี้มีเรียนทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็น นอกจากต้องตื่นเช้ากว่าเดิมเพราะต้องนั่งรถประจำทางมาเองแล้วยังต้องทำข้าวเช้าและข้าวกล่องสำหรับมื้อเที่ยงมาด้วย ถึงฝีมืออาหารจะไม่ค่อยอร่อยมากแต่ก็ยังพอกินได้ เพราะปกติต้องทำอาหารให้ทั้งตัวเขาและคินเป็นประจำ อาหารเช้าจึงเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับเขามากเพราะทำให้ร่างกายไม่ป่วยง่าย และสมองก็ปลอดโปร่งทำให้การเรียนตอนเช้าเป็นไปได้ด้วยดีอีกด้วย

 

          ร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะด้วยตั้งแต่กำเนิด สภาพแวดล้อม หรืออะไรก็แล้วแต่...ที่ทุกวันนี้ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ได้ เพราะการดูแลตัวเองและการระมัดระวังหลีกเลี่ยงในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

 

          ไม่มีใครเลือกเกิดได้...และชะเอมก็ทำใจได้กับเรื่องนี้มานานแล้ว

 

          พอนึกถึงเรื่องใครอีกคนก็ทำให้ใจหม่นเศร้า พยายามบอกตัวเองว่าต้องหาเวลาไปคุยและเคลียร์กันให้เข้าใจ เพราะยิ่งเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะไม่ดีทั้งตัวเขาเอง และจะทำให้คุณลุงเกษมไม่สบายใจได้

 

          ชะเอมเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกคุณลุงเกษมรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ทั้งที่มีลูกชายซึ่งก็คือคินอยู่แล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าเขาไปถูกชะตาอะไรกับคุณลุงแต่ก็ขอบคุณมาตลอด 

 

 

          ขอบคุณที่เก็บเขามาเลี้ยง

 

          ขอบคุณที่ให้ความสำคัญ

 

          ขอบคุณที่ดึงเขาขึ้นมาจากขุมนรก

 

 

          ถึงจะจำได้ลางๆ แต่ชะเอมมีความทรงจำไม่ดีกับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ไม่มีวันไหนที่เขาไม่โดนทุบตีหรือทำร้ายร่างกายไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจากพ่อขี้เหล้าและติดการพนัน วันไหนอารมณ์เสียจากการเล่นก็โดนลูกหลงจากอารมณ์ลงหนักจนสลบ ฟื้นขึ้นมาก็โดนแล้วโดนอีกกระหน่ำลงมาทั้งมือทั้งเท้า ไม่เคยเลยที่วันไหนจะได้อยู่อย่างสงบ จนวันหนึ่งเขาก็ทนไม่ไหววิ่งหนีออกมา จนได้มาอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า

 

          ไม่มีการแจ้งตำรวจเรื่องเด็กหาย หรือประกาศตามหาตัวแต่อย่างใด เพราะเขาไม่เคยทำประโยชน์ให้กับพ่อบังเกิดเกล้าแถมยังเป็นภาระ นอกจากจะเป็นที่รองมือรองเท้าเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น จนกระทั่ง...ถูกลุงเกษมเก็บมา

 

          ขณะกำลังยืนบนรถประจำทางเบียดกับผู้คนที่ไปทำงาน ชะเอมรู้สึกวิงเวียนและผะอืดผะอมกับกลิ่นเหงื่อของฝูงชนและควันรถ แต่ก็ยังอดกลั้นพยายามไม่แสดงอาการอยากจะอาเจียนออกมา

 

          "นาย...ไหวมั้ย?" ได้ยินเสียงถามอย่างเป็นห่วงจากด้านข้าง ทำให้เขามองตามเสียง เห็นผู้ชายตัวพอๆ กับเขาใส่ชุดนักศึกษาซึ่งสังเกตเนคไทมีตรามหาลัยเดียวกันยืนอยู่ สีหน้าขมวดคิ้วมุ่น

 

          "หน้านายโคตรซีดเลย" น้ำเสียงทุ้มใส ฟังแล้วเหมือนทำให้ร่างบางรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

 

          "อื้ม" ชะเอมยิ้มอ่อน "น่าจะ"

 

          "อืม แปปนะ" คนข้างๆ พูด ชะเอมมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยเห็นอีกคนล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนควานหาอะไรบางอย่าง ก่อนล้วงออกมาบิดสิ่งที่อยู่ในมือแล้วจ่อเข้าใกล้หน้า ได้กลิ่นมินต์เย็นๆ ลอยออกมา ช่วยลดความผะอืดผะอมที่อยู่ในอกได้มาก

 

          "ใกล้ถึงแล้วทนหน่อยละกัน ถ้าไม่ไหวยืนพิงเราได้"

 

          ร่างบางกระพริบตาปรับภาพที่พร่ามัว สูดลมหายใจลึกให้กลิ่นเย็นๆ เข้าก่อนพยักหน้านิดๆ

 

          "...ขอบใจนะ"

 

          อีกฝ่ายยิ้มส่ายหน้านิดๆ ราวกับบอกว่าไม่เป็นไร

 

          ราวสิบนาทีกว่าจะถึงหน้าประตู ชะเอมถึงกับโล่งอก ส่งยาดมที่เพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกันคืนกับมือ

 

          "ขอบใจมากนะ เจ้านี่ช่วยได้เยอะเลย...เอ่อ นาย"

 

          "เราชื่อราม อยู่คณะอักษรปี3"

 

          สิ่งที่ได้ยินทำให้ร่างบางที่ยังหน้าซีดเซียวเบิกตานิดๆ

 

          "เอ๊ะ บังเอิญจัง อยู่คณะเดียวกันเลย"

 

          "ชะเอม ปีเดียวกันเอกจีน ใช่มั้ย" ยิ่งได้ยินยิ่งอึ้งนิ่งค้าง ทำคนมองอย่างรามหัวเราะร่วน "ทำไมรู้" น้ำเสียงใสเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง แต่ก่อนที่จะได้รับคำตอบสายตาเหลือบเห็นรถคันหนึ่งแล่นผ่านหน้าเลี้ยวเข้าประตูมหาลัยวิ่งไปทางตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์

 

          เขาจำรถคันนั้นได้ดี

 

          ฮอนด้าแอคคอร์ดสีดำทะเบียน กท1222

 

          รถของคิน

 

          บางทีเขาก็คิดว่าดีจริงๆ ที่รถคันนั้นฟิล์มดำทึบพอที่จะมองไม่เห็นข้างใน เขาไม่อยากจะรับรู้อะไรที่ทำให้ใจเขาเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว

 

          ถึงในใจจะรู้ดีว่าในรถนอกจากคินแล้วมีใครคนอื่นอยู่ด้วย แทนที่ตรงที่เขาเคยนั่ง

 

          "ที่ลือกันว่าเอมเลิกกับคินแล้วก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ อะเอ่อ...โทษที"

 

          เสียงที่ดังข้างๆ ทำให้ร่างบางรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว กว่าจะเข้าใจว่ารามพูดอะไรรถคันนั้นก็วิ่งลับสายตาไปแล้ว

 

          "อืม ไม่เป็นไร" ร่างบางหันมาพูดกับอีกฝ่าย "ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย"

 

          "อย่ายิ้มแบบนั้นสิ" รามพึมพำพูดเสียงอ่อย เขาไม่เคยเห็นใครยิ้มรวดร้าวเท่าคนตรงหน้ามาก่อนเลย น้ำตาคลอกับแววตาเจ็บปวดที่สื่อออกมาทำเอารู้สึกผิดที่เผลอปากเปราะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป

 

          "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ" เสียงที่เขาเอ่ยออกมาแผ่วเบา ไม่รู้ว่าบอกกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอ หรือบอกกับตัวเองกันแน่ ชะเอมเอื้อมมือที่สั่นจนรู้สึกได้กระชับกระเป๋าสะพายข้างเข้ากับไหล่ เดินผ่านมุ่งตรงไปยังตึกคณะที่อยู่อีกฝั่ง

 

          "เอม...นายพกนี่ไว้ดีกว่านะ หน้าซีดอีกแล้วรู้ตัวไหม" กล่าวไม่เอาคำตอบ แถมของที่ว่ายังถูกยัดใส่มือแบบพลการอีกต่างหาก พบว่ามันคือยาดมหลอดเดิม

 

          "นายหิ้วของมาเยอะจัง มาเดี๋ยวเราช่วยถือ"

 

          "เอ๊ะ! เอ่อ...ไม่เป็นไร เราถือได้" ร่างบางเบี่ยงไหล่เบาๆ เขาไม่กล้ารบกวนคนที่เพิ่งรู้จักกันขนาดนั้นหรอก

 

          จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งได้สังเกตเพื่อนใหม่ ที่บอกว่าตัวเองชื่อราม ตัวสูงกว่านิดไม่ถึงห้าเซน ตัวหนากว่าเขาหน่อย ผิวออกขาวเหลือง ตาเรียวตี่เหมือนคนจีน ปากนิดจมูกหน่อย ดูรวมๆ ก็เรียกได้ว่าหน้าตาค่อนข้างดีเลย

 

          "ขอบใจ" ได้ยินรามว่าแล้วร่างบางก็รู้สึกหวิวๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมือเย็นขนาดไหน รู้สึกมึนๆ เหมือนจะเป็นลม

 

          ข้าวเช้าก็กินมาแล้วนี่นา

 

          ขณะคิดมือก็แกะยาดมขึ้นมาสูดแรงๆ

 

          "เออนี่รามยังไม่ได้บอกเราเลยว่ารู้จักเราได้ยังไง" เอมถามอย่างสงสัย ทำเอาอีกฝ่ายเลิกคิ้ว ถามเสียงสูง

 

          "นี่ไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองดังขนาดไหน"

 

          "หืม" ร่างบางหัวเราะ "ถามจริง" น้ำเสียงไม่อยากเชื่อ

 

          "โห...พลาดแล้ว นี่จะบอกให้นะว่าเรื่องของนายกับคิน ไม่มีใครในมหาลัยนี้ไม่รู้จักหรอก" รามพูดรัว แล้วก็เป็นอีกครั้งที่รู้ตัวช้าเกินไปว่าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง อยากจะตบปากตัวเองแรงๆ เสียจริง "โทษทีเอม มันเผลอ"

 

          ชะเอมยักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจ แต่ในใจแอบกระตุก "แล้ว...ยังไง ได้ยินมาแบบไหนล่ะ"

 

          "ก็...ทั้งเรื่องดี" รามอึกอัก แต่ไม่อยากโกหก เขาไม่ชอบโกหก "แล้วก็ไม่ดีด้วย" เขาเหลือบมองสีหน้าร่างเล็กกว่าตัวเองที่เดินเยื้องด้านหน้า ใบหน้าขาวซีดกับเส้นผมสีดำออกน้ำตาลคลอเคลีย นัยน์ตาดำกลมโตใสว่างเปล่า มักจะสะท้อนความเศร้าออกมา ในตอนนี้ก็เหมือนกัน ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือไม่

 

 

          รามรู้จักชะเอมเพียงแค่ชื่อมานานตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาได้เกือบปี เป็นคนที่ทั้งสวยและหล่อเป็นที่หมายปองของสาวๆ และหนุ่มๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เรือนร่างผอมแอบมีกล้ามเนื้อเล็กน้อยทำให้ยิ่งดูมีเสน่ห์ ผิวขาวผ่องใสราวกับไม่เคยโดนแดดแผดเผา ให้ความรู้สึกอยากปกป้อง แต่ฝันของใครหลายคนต้องสลายเมื่อรู้ว่าหนุ่มหน้าหวานคบอยู่กับคินหนุ่มหล่อวิศวะ มีดีทั้งด้านเรียนและกีฬา แถมบ้านยังร่ำรวยอีกด้วย นิสัยก็ดี เพอร์เฟ็คต์แบบที่ใครๆ ก็ไม่อาจสู้จึงต้องยอมแพ้ถอยกันไปหลายราย แต่ทางคินก็ใช่ย่อย หล่อขนาดนั้นก็ต้องมีตุ๊ดกะเทยและชะนีทั้งหลายยอมถวายตัวเข้าไปเกาะแกะตลอด แต่เห็นว่าคินรักเดียวใจเดียวไม่ยอมเผื่อใจให้ใคร ทำให้ทั้งคู่เป็นคู่รักในมหาวิทยาลัยที่เขาล่ำลือกันว่าเป็นคู่ที่โชคดีที่สุด

 

 

          แต่ข่าวล่าสุดที่ได้ยินตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน ระหว่างเรียนปีสองเทอมสอง ทั้งคู่เกิดทะเลาะด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่วงในว่ากันว่าคือ 'มือที่สาม' ซึ่งใครคนนั้นคือ เรย์ เพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับคิน เป็นหนุ่มร่างเล็กอ้อนแอ้น หน้าตาน่ารักคล้ายทอมมากกว่าเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ กล่าวคือเรย์เจอกับคินมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เวลาเรียนก็อยู่ด้วยกัน และเกิดชอบคินเข้าทั้งๆ ที่รู้ว่าคินคบกับเอมอยู่ เลยเก็บความในใจไว้จนกระทั่งแพ้ความอ่อนโยน และความใกล้ชิดทำให้เก็บงำคำว่ารักไว้ไม่ไหว สารภาพออกมาตอนไปเลี้ยงจบการสอบกลางภาค ชะเอมเผลอไปได้ยินเข้าเลยเกิดเป็นเรื่องทะเลาะ พยายามกีดกันถึงขั้นทำร้ายเรย์ และไม่ให้เข้าใกล้คินเลย ซึ่งแน่นอนคินไม่เห็นด้วยเพราะเห็นเรย์เป็นเพื่อนสนิทและมองว่าสิ่งที่เอมทำมันเกินกว่าเหตุ จึงยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กระท่อนกระแท่นเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อนคินทนไม่ไหวกับความเอาแต่ใจของชะเอมจึงขอเลิก แล้วไปคบกับเรย์แทน

 

 

 

          ถึงจะได้ยินแบบนั้นมาก็เถอะ...

 

 

          แต่จากที่คุยครั้งแรกในรอบสามปีที่เรียนคณะเดียวกันมา ดูๆ แล้วไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างชะเอม หนุ่มบอบบางดูท่าทางเรียบร้อยคนนี้จะไปหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่น

 

          แถมท่าทางเงียบๆ และแววตาเศร้านั่นอีก

 

          หรือว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นเรื่องไม่จริง

 

          ตอนนี้พวกเราทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าคณะอักษรศาสตร์แล้ว ก่อนที่จะแยกทางกัน รามก็ถอนใจ ถึงยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปยุ่งได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะ... "นี่...เรื่องที่เราได้ยินมา" ร่างบางภายใต้ชุดนักศึกษาหันมาสบตา "เป็นเรื่องจริงรึเปล่า"

 

          รามค้นหาสิ่งที่สะท้อนอยู่ในแววตากลมดำเหมือนลูกกวางนั้น

 

 

          "เรื่องไหนเหรอ"

 

          "ที่เขาว่านาย...ทำร้ายเรย์" เขาไม่ได้ต้องการย้อนความทรงจำในอดีตทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวด เขาก็แค่อยากรู้...ไม่รู้ทำไม

 

          ได้แต่หวังว่าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นอย่างมี่เขาลือกัน ก็เท่านั้น

 

          น่าเสียดายที่รามพบว่าในแววตาคู่นั้นมีเพียงแค่...ความว่างเปล่า

 

          "แล้วถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะ"

 

          คราวนี้ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน และชะเอมก็ไม่ได้ต้องการคำตอบด้วย ทั้งคู่ยืนเงียบจ้องตากัน จนกระทั่งร่างบางเป็นคนถอนหายใจแผ่วเบา

 

          "เรื่องยาดม ขอบใจมาก เราขอตัวก่อน" พูดเสร็จก็เดินหันหลังเข้าตึก ทิ้งใครอีกคนยืนนิ่ง

 

          "เอม... " เสียงเรียกแผ่วของรามคล้อยหลังร่างบางที่เดินไปไกล กลืนหายไปกับสายลม

 

          อยากจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น

 

          ขอโทษ...

 

          แน่นอนว่าถ้าหากรามสังเกตให้ลึกลงไปอีกนิด จะพบว่าภายใต้เปลือกตาของชะเอม ในความว่างเปล่านั้นมีความเสียใจอยู่

 

          เสียใจในการกระทำของตัวเองที่ไม่สามารถแก้ไขได้

 

          แต่แน่นอน ถ้าหากย้อนกลับไป

 

          ร่างบางก็ยังยืนยัน...ว่าจะทำเช่นเดิม

 

 

 

 

 

          *****************Whose fault? ******************

 

 

 

          สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

          ใครอ่านก็ขอให้เม้นความเห็นให้กำลังใจน้องชะเอม หนุ่มหน้ามนร่างกายอ่อนแอที่เต็มไปด้วยอดีต ปัจจุบัน อนาคตอันแสนเศร้า และรามหนุ่มปากเปราะ (อันที่จริงมันมาดีนะ ไม่มีเจตนาร้าย)  ได้นะจ๊ะ นักอ่านผู้น่ารักทั้งหลาย

          

          ปล.พระเอกของเรายังไม่ออกโรง รอไปก่อนหลายๆ ตอน

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา