My Boss My Angel เจ้านายที่รัก นางฟ้าของผม
-
เขียนโดย จิณตนากานต์
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.21 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,079 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 17.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) deadline
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากผมได้เข้าร่วมกรุ๊ปคนรักบอส2018 ผมก็ไล่อ่านทุกเรื่องที่มีคนแชร์ไว้ในนั้นตลอดการเดินทางกลับบ้าน มันทำให้ผมมีความสุขได้ตลอดการเดินทางแม้ว่ารถจะติดแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ข้อมูลในนั้นมีตั้งแต่ชื่อ นามสกุล อายุ วันเกิด ชื่อโรงเรียน มหาวิทยาลัย ยี่ห้อรถ ทะเบียนรถ จนถึงคอนโดที่บอสอยู่ในปัจจุบัน ผมเพิ่งรู้ว่าบอสเกิดหลังผมแค่ไม่กี่เดือน แต่ชีวิตเธอกับผมช่างต่างกันสิ้นเชิง
ผมกลับมามีแรงกายแรงใจไปทำงานโดยหวังในทุกๆ วันว่าบอสจะเข้าบริษัท ตามข้อมูลในกรุ๊ปกำหนดการการเข้าบริษัทของบอสมักจะเป็นอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเป็นวันเวลาใด รู้แต่ว่าบอสจะยึดกำหนดงานตาม timeline ว่างานใครควรอยู่ในขั้นตอนไหน ทุกคนจึงต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีแต่คนบอกว่าบอสเป็นคนใจดีแต่ก็ไม่มีใครอยากหักกับบอสอยู่ดี ไม่ว่าจะกลัวมีปัญหาในหน้าที่การทำงาน หรือกลัวเสียคะแนนนิยมจากบอส สำหรับผมแล้ว ผมก็ไม่อยากทำให้บอสผิดหวังในตัวผมที่บอสอุตส่าห์ชมเมื่อคราวก่อน แม้จริงๆ แล้วบอสอาจจะไม่ได้คาดหวังอะไรเลยก็ตาม ไม่ว่ายังไงผมวงวันกำหนดส่งไว้บนปฏิทินตั้งโต๊ะไว้เรียบร้อย ทุกอย่างจะต้องไม่มีปัญหา
“งานนี้ยังไม่ส่งอีกเหรอ” พี่ภูมิถามขึ้นขณะชะโงกหน้ามาดูงานผมที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “กี่เปอร์เซนต์ละเนี่ย”
“ก็ประมาณ 60 ได้ครับ”
“60 ทำมาสามวัน” พี่ภูมิดูตกใจหน้าตาตื่น “ที่เหลือจะทันไหมเนี่ยวันนี้”
“งานส่งพรุ่งนี้พี่ 28 กันยา” ผมชี้ไปที่ปฏิทินบนโต๊ะ
“มึงเพ้อป่ะเนี่ย วันนี้วันศุกร์ที่ 28 กันยา” พี่ภูมิพูดพร้อมโชว์หน้าจอมือถือที่มีวันที่แสดงอยู่ให้ผมดู ผมมองตามตาค้าง 28 กันยาปรากฏชัดเจนบนหน้าจอ ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองผมหลงวันหลงคืนขนาดนี้ได้ยังไงกัน แล้วผมจะทำไงต่อละที่นี้
“รีบทำเข้าละมึง OTไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนนะเว้ย” พี่ภูมิเตือนทิ้งท้ายแล้วจากไป ปล่อยผมอยู่กัยความมึนงงของตัวเอง นี่ผมทำอะไรลงไป
และในที่สุดงานผมก็ไม่เสร็จในเวลางานจนได้ ผมได้แต่บอกคนอื่นว่าผมจะอยู่ต่ออีกสักพัก พร้อมกับโทรบอกแม่ว่าผมคงกลับดึกหน่อย แม่จะได้ไม่ต้องรอและเป็นห่วงว่าผมจะกลับผิดเวลา แล้วก็ปาไป 3 ทุ่มกว่า กว่าผมจะปั่นงานเสร็จ แต่มันไม่จบแค่นั้น เมื่อผมเกิดเข้าระบบเพื่อส่งงานไม่ได้ จะลองเปลี่ยนไปใช้เครื่องอื่นก็ไม่ได้ เพราะทุกเครื่องถูกเข้ารหัสตามผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งรหัสนั้นทางบริษัทถือเป็นข้อมูลลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ถ้ามีปัญหาอะไรตามมาพนักงานเจ้าของรหัสจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไม่มีข้อยกเว้น ผมเองก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะผม ผมควรจะทำยังไงต่อดี
ไม่ทันสิ้นความคิด ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน มาจากบริเวณห้องรับรองอาจจะมีคนยังไม่กลับหรือกลับมาใหม่ ไม่ว่ายังไงเขาอาจจะช่วยผมได้ เขาเป็นความหวังสุดท้ายของผม ผมไม่อยากส่งงานช้าให้บอสผิดหวังในตัวผม ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมรีบตามต้นเสียงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะออกจากบริษัทไป แต่เสียงฝีเท้านั้นหยุดลง
“นั่นใครน่ะ” เสียงจากคนนั้นตะโกนมา เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง นี่เขาหมายถึงผมใช่ไหม
“ฉันถามว่าใคร” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนั้นคุ้นๆ เหมือนกับ...
“ไม่ตอบฉันยิง”
“บอส ผมเองๆ” ผมยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัวอย่างไม่รู้ตัว พร้อมเดินเข้าไปปรากฏตัวอย่างช้าๆ ผมเห็นบอสถือปืนพกเล็งมาทางผม
“นาย...เอ่อ...คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ผะ...ผม ยะ...ยังไม่ได้กลับครับ” ผมไม่แน่ใจว่า ผมตื่นเต้นที่เจอบอสหรือเพราะปืนกระบอกนั้นที่บอสถืออยู่
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ” บอสพูดพลางเก็บปืนใส่กระเป๋า บอสหายใจเข้าเฮือกใหญ่ รวบรวมสติอยู่พักนึง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ “คุณกฤตพจน์ ใช่ไหมคะ”
“คะ...ครับ” ผมตอบด้วยใจที่เต้นระรัว ผมคงทำบอสตกใจไม่น้อย และนั่นก็ทำให้ผมตกใจไม่แพ้กัน แต่ว่า...บอสจำชื่อผมได้ด้วย
“ทำไมยังไม่กลับละคะ” บอสถามต่อ เหมือนว่าเธอจะหายตกใจแล้ว
“ผม...ทำงานไม่เสร็จครับ” ผมยอมรับอย่างจำใจ ผมทำบอสผิดหวังจนได้
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้ค่ะ”
“แต่…มัน deadline วันนี้น่ะครับ”
“วันนี้เหรอคะ” บอสทำหน้าแปลกใจในสิ่งที่ผมพูด
“ครับ คือ...” เดี๋ยวนะ ผมชะงักกลางคัน ทุกคนบอกว่าบอสทำงานตาม timeline ตลอด บอสไม่น่าจะแปลกใจ หรือว่า... ผมหยิบมือถือตัวเองขี้นมาดู วันที่ที่แสดงอยู่ก็คือ 27 กันยา พี่ภูมิเล่นผมแล้วไงละผมก็ไม่เอะใจเอาซะเลย
“เอ่อ...คือว่า deadline พรุ่งนี้น่ะครับ ผม...ดูวันผิดครับ”
“ดูวันผิดเหรอคะ ไม่ใช่ว่าโดนใครแกล้งมานะคะ” บอสรู้ทันอย่างกับอ่านความคิดผมได้ นอกจากแม่ผมแล้ว ยังไม่เคยมีใครอ่านใจผมขาดขนาดนี้มาก่อน ผมเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“แล้วงานเหลืออีกเยอะไหมคะ” บอสดึงผมกลับสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้งก่อนผมจะลอยไปในวิมาน
“อ๋อ...ตอนนี้เสร็จแล้วครับ แต่ผมเข้าระบบไปส่งงานไม่ได้น่ะครับ”
“อืม...งั้นขอฉันดูหน่อยได้ไหมคะ”
“ดะ ได้ครับๆ” ผมรับคำตะกุกตะกักและเดินนำไปที่โต๊ะทำงาน บอสนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานผม ผมยืนอยู่ข้างหลัง ไม่คิดไม่ฝันว่า ผมจะได้มาอยู่ใกล้ชิดเธอถึงเพียงนี้
“อันนี้คือใส่รหัสไปแล้วเข้าไม่ได้ใช่ไหมคะ”
“ครับ”
บอสคีย์อะไรบางอย่างลงในช่องใส่รหัสผ่าน เพียงไม่กี่วินาที
“ได้แล้วค่ะ” บอสหันมาบอกผมพร้อมรอยยิ้มเดิมที่ทำผมละลายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คนอะไรทั้งสวยทั้งเก่ง “ฉันใช้พาสเวิร์ดกลางไปก่อนน่ะ แล้วพรุ่งนี้ถ้ายังเข้าไม่ได้ คุณติดต่อฝ่ายไอทีอีกทีนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” ผมจัดแจงส่งงานอย่างรวดเร็ว เมื่อบอสคืนที่นั่งให้ผมและยืนดูผมจากด้านหลังแทน
“เรียบร้อยนะคะ” บอสถามอีกครั้งหลังเห็นผมส่งงานเสร็จ
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมไม่รู้จะขอบคุณบอสยังไงที่บอสอุตส่าห์มาช่วยผม เธอเป็นนางฟ้ามาโปรดผมชัดๆ
“แล้วคุณจะกลับยังไงคะเนี่ย” ผมดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่ม ผมก็ไม่แน่ใจนักว่ารถเมล์ยังจะมีอยู่หรือเปล่า ผมอาจจะต้องเรียกแท๊กชี่กลับแทน
“รถเมล์ 3 ต่อฉันว่าวันนี้คุณคงไม่ถึงบ้าน” บอสพูดติดตลก แต่ก็จริงของบอสถึงรถยังมีคงต้องใช้เวลารอไม่น้อยเลยที่เดียว บอสมองผมลอยๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามผมว่า “คุณขับรถเป็นไหมคะ”
“เป็นครับ” ผมตอบงงๆ
“งั้นไปรถฉันก็ได้ค่ะ”
“บอสให้ผมขับรถ...”
“ค่ะ ขับไปที่บ้านคุณเลยค่ะ แล้วเดี๋ยวฉันขับกลับคอนโดเอง”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเรียกรถแถวนี้ก็ได้ครับ”
“คอนโดฉันย้อนมาไม่ไกลหรอกค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
บอสพูดละเดินนำออกไป ปล่อยผมอึ้งอยู่หลายวินาที บอสให้ผมขับรถให้ ผมจะได้กลับบ้านพร้อมกับบอส ผมดีใจน้ำตาแทบไหล แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ ผมเดินตามบอสไปถึงที่จอดรถที่มีป้ายเลขทะเบียนจองไว้สำหรับบอสโดยเฉพาะ รถของบอสเป็นรถยุโรปคันหรูสีเงิน ยี่ห้อและทะเบียนรถเป็นไปตามข้อมูลในกรุ๊ปไม่มีผิดเพี้ยน โชคดีที่ตอนมหาวิทยาลัย เพื่อนผมสอนขับรถไว้ จนผมสอบใบขับขี่ผ่าน แม้ว่าตอนนั้นเพื่อนผมแค่อยากให้ผมขับรถให้ตอนมันเมาก็ตาม และก็ต้องขอบคุณพี่ภูมิที่หลอก จนผมเชื่อสนิทว่าผมหลงวันหลงคืน จนต้องทำงานจนดึก ขอบคุณความซื่อบื้อของผมที่เชื่อคนง่าย ขอบคุณระบบส่งงานที่ใช้การไม่ได้ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับบอสขนาดนี้
นอกจากความตื่นเต้นที่ได้นั่งรถคันเดียวกับบอส การขับรถของบอสก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถ้าเกิดเฉี่ยวชนเป็นรอยขึ้นมา ผมอาจจะล้มละลายได้โดยไม่รู้ตัว ผมมัวแต่กังวลเรื่องการขับรถจนปล่อยให้บรรยากาศในรถเงียบเชียบ ไร้บทสนทนา
“คุณกฤตพจน์อยู่บ้านกับครอบครัวรึเปล่าคะ” บอสทำลายความเงียบขึ้น เมื่อรถจอดติดไฟแดง บอสคงเกรงว่าถ้าเกิดชวนผมคุยตอนขับจะไม่ค่อยปลอดภัยนัก ว่าแต่ว่าครอบครัวที่บอสว่าหมายถึงพ่อแม่หรือลูกเมียละเนี่ย
“เอ่อ...ผมอยู่กับแม่2คนน่ะครับ”
“แล้ว..เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณพ่อคุณ...”
“พ่อผมเสียตั้งแต่เด็กแล้วครับ”
“อ่อ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วบอสละครับ” ผมลั่นถามไปด้วยความเคยชินเวลาคุยกับเพื่อน บอสจะหาว่าผมลาปามไหมเนี่ย
“ฉันอยู่คนเดียวค่ะ พ่อแม่ฉันเสียไปหลายปีแล้วค่ะ” บอสตอบเรียบๆ แต่เสียงดูเศร้าๆ อย่างบอกไม่ถูก พอดีไฟเขียวผมเลยกลับมาจดจ่อกับการขับรถต่อ ผมเหลือบเห็นเธอนั่งมองกระจกเหมือนคิดอะไรเพลินๆ พลางกอดอกแล้วลูบแขนไปมาเหมือนจะหนาว ผมเลยปัดหน้ากากแอร์ค่อนมาทางผม แล้วขับรถต่อไปในความเงียบ
ผมจอดรถเมื่อเจอไฟแดงอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกดีใจที่รถติดไฟแดง เพราะคงเป็นโอกาสไม่กี่วินาทีที่บอสจะคุยกับผมบ้าง แต่คราวนี้บอสกลับเงียบไป ผมหันไปเห็นเลยเพิ่งรู้ว่าบอสงีบหลับไป บอสคงทำงานจนเหนื่อยจริงๆ ละผมยังเป็นเหตุทำให้บอสต้องกลับช้ากว่าเดิมอีกต่างหาก กว่าจะถึงบ้านผม และกว่าบอสจะต้องขับกลับคอนโดอีก ผมจ้องมองตัวเลขนับถอยหลังของสัญญาณไฟจราจร พลางคิดอะไรบางอย่าง และเมื่อไฟเขียวผมก็ตัดสินใจออกจากเส้นที่จะตรงไปยังบ้านผม
30 นาทีต่อมา
“บอสครับๆ” ผมพยายามเรียกจนเธองัวเงียตื่นขึ้น “ถึงแล้วครับ”
บอสหรี่ตาเพื่อปรับแสงที่แยงตาของเธอ เธอกระพริบตาถี่ๆ สักพักและเริ่มสงสัยในสถานที่
“นี่มัน...นี่มันคอนโดฉันนี่” บอสตาสว่างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ครับ คือ...ผมเห็นว่าบอสดูเหนื่อยๆ น่ะครับ ถ้าขับรถย้อนกลับมาจากบ้านผมอีก ผมกลัวจะอันตราย ผมเลยมาส่งบอสแทน”
บอสดูแปลกใจกับสิ่งที่ผมทำ “แล้วคุณจะกลับยังไงต่อคะ”
“เดี๋ยวผมเรียกรถจากแถวนี้ก็ได้ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่ครับ”
“ตามนั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่ง” บอสขอบคุณผมพร้อมรอยยิ้มที่ฆ่าผมครั้งล้าน ผมรู้สึกตายตาหลับอย่างบอกไม่ถูก ผมกล่าวลาบอสและเดินยิ้มออกมาอย่างดีใจ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ผมกลับถึงบ้านช้าที่สุดตั้งแต่เริ่มทำงานมา แต่ก็เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดที่เคยเป็นมา
ผมกลับมามีแรงกายแรงใจไปทำงานโดยหวังในทุกๆ วันว่าบอสจะเข้าบริษัท ตามข้อมูลในกรุ๊ปกำหนดการการเข้าบริษัทของบอสมักจะเป็นอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเป็นวันเวลาใด รู้แต่ว่าบอสจะยึดกำหนดงานตาม timeline ว่างานใครควรอยู่ในขั้นตอนไหน ทุกคนจึงต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีแต่คนบอกว่าบอสเป็นคนใจดีแต่ก็ไม่มีใครอยากหักกับบอสอยู่ดี ไม่ว่าจะกลัวมีปัญหาในหน้าที่การทำงาน หรือกลัวเสียคะแนนนิยมจากบอส สำหรับผมแล้ว ผมก็ไม่อยากทำให้บอสผิดหวังในตัวผมที่บอสอุตส่าห์ชมเมื่อคราวก่อน แม้จริงๆ แล้วบอสอาจจะไม่ได้คาดหวังอะไรเลยก็ตาม ไม่ว่ายังไงผมวงวันกำหนดส่งไว้บนปฏิทินตั้งโต๊ะไว้เรียบร้อย ทุกอย่างจะต้องไม่มีปัญหา
“งานนี้ยังไม่ส่งอีกเหรอ” พี่ภูมิถามขึ้นขณะชะโงกหน้ามาดูงานผมที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “กี่เปอร์เซนต์ละเนี่ย”
“ก็ประมาณ 60 ได้ครับ”
“60 ทำมาสามวัน” พี่ภูมิดูตกใจหน้าตาตื่น “ที่เหลือจะทันไหมเนี่ยวันนี้”
“งานส่งพรุ่งนี้พี่ 28 กันยา” ผมชี้ไปที่ปฏิทินบนโต๊ะ
“มึงเพ้อป่ะเนี่ย วันนี้วันศุกร์ที่ 28 กันยา” พี่ภูมิพูดพร้อมโชว์หน้าจอมือถือที่มีวันที่แสดงอยู่ให้ผมดู ผมมองตามตาค้าง 28 กันยาปรากฏชัดเจนบนหน้าจอ ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองผมหลงวันหลงคืนขนาดนี้ได้ยังไงกัน แล้วผมจะทำไงต่อละที่นี้
“รีบทำเข้าละมึง OTไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนนะเว้ย” พี่ภูมิเตือนทิ้งท้ายแล้วจากไป ปล่อยผมอยู่กัยความมึนงงของตัวเอง นี่ผมทำอะไรลงไป
และในที่สุดงานผมก็ไม่เสร็จในเวลางานจนได้ ผมได้แต่บอกคนอื่นว่าผมจะอยู่ต่ออีกสักพัก พร้อมกับโทรบอกแม่ว่าผมคงกลับดึกหน่อย แม่จะได้ไม่ต้องรอและเป็นห่วงว่าผมจะกลับผิดเวลา แล้วก็ปาไป 3 ทุ่มกว่า กว่าผมจะปั่นงานเสร็จ แต่มันไม่จบแค่นั้น เมื่อผมเกิดเข้าระบบเพื่อส่งงานไม่ได้ จะลองเปลี่ยนไปใช้เครื่องอื่นก็ไม่ได้ เพราะทุกเครื่องถูกเข้ารหัสตามผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งรหัสนั้นทางบริษัทถือเป็นข้อมูลลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ถ้ามีปัญหาอะไรตามมาพนักงานเจ้าของรหัสจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไม่มีข้อยกเว้น ผมเองก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะผม ผมควรจะทำยังไงต่อดี
ไม่ทันสิ้นความคิด ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน มาจากบริเวณห้องรับรองอาจจะมีคนยังไม่กลับหรือกลับมาใหม่ ไม่ว่ายังไงเขาอาจจะช่วยผมได้ เขาเป็นความหวังสุดท้ายของผม ผมไม่อยากส่งงานช้าให้บอสผิดหวังในตัวผม ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมรีบตามต้นเสียงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะออกจากบริษัทไป แต่เสียงฝีเท้านั้นหยุดลง
“นั่นใครน่ะ” เสียงจากคนนั้นตะโกนมา เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง นี่เขาหมายถึงผมใช่ไหม
“ฉันถามว่าใคร” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนั้นคุ้นๆ เหมือนกับ...
“ไม่ตอบฉันยิง”
“บอส ผมเองๆ” ผมยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัวอย่างไม่รู้ตัว พร้อมเดินเข้าไปปรากฏตัวอย่างช้าๆ ผมเห็นบอสถือปืนพกเล็งมาทางผม
“นาย...เอ่อ...คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ผะ...ผม ยะ...ยังไม่ได้กลับครับ” ผมไม่แน่ใจว่า ผมตื่นเต้นที่เจอบอสหรือเพราะปืนกระบอกนั้นที่บอสถืออยู่
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ” บอสพูดพลางเก็บปืนใส่กระเป๋า บอสหายใจเข้าเฮือกใหญ่ รวบรวมสติอยู่พักนึง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ “คุณกฤตพจน์ ใช่ไหมคะ”
“คะ...ครับ” ผมตอบด้วยใจที่เต้นระรัว ผมคงทำบอสตกใจไม่น้อย และนั่นก็ทำให้ผมตกใจไม่แพ้กัน แต่ว่า...บอสจำชื่อผมได้ด้วย
“ทำไมยังไม่กลับละคะ” บอสถามต่อ เหมือนว่าเธอจะหายตกใจแล้ว
“ผม...ทำงานไม่เสร็จครับ” ผมยอมรับอย่างจำใจ ผมทำบอสผิดหวังจนได้
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้ค่ะ”
“แต่…มัน deadline วันนี้น่ะครับ”
“วันนี้เหรอคะ” บอสทำหน้าแปลกใจในสิ่งที่ผมพูด
“ครับ คือ...” เดี๋ยวนะ ผมชะงักกลางคัน ทุกคนบอกว่าบอสทำงานตาม timeline ตลอด บอสไม่น่าจะแปลกใจ หรือว่า... ผมหยิบมือถือตัวเองขี้นมาดู วันที่ที่แสดงอยู่ก็คือ 27 กันยา พี่ภูมิเล่นผมแล้วไงละผมก็ไม่เอะใจเอาซะเลย
“เอ่อ...คือว่า deadline พรุ่งนี้น่ะครับ ผม...ดูวันผิดครับ”
“ดูวันผิดเหรอคะ ไม่ใช่ว่าโดนใครแกล้งมานะคะ” บอสรู้ทันอย่างกับอ่านความคิดผมได้ นอกจากแม่ผมแล้ว ยังไม่เคยมีใครอ่านใจผมขาดขนาดนี้มาก่อน ผมเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“แล้วงานเหลืออีกเยอะไหมคะ” บอสดึงผมกลับสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้งก่อนผมจะลอยไปในวิมาน
“อ๋อ...ตอนนี้เสร็จแล้วครับ แต่ผมเข้าระบบไปส่งงานไม่ได้น่ะครับ”
“อืม...งั้นขอฉันดูหน่อยได้ไหมคะ”
“ดะ ได้ครับๆ” ผมรับคำตะกุกตะกักและเดินนำไปที่โต๊ะทำงาน บอสนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานผม ผมยืนอยู่ข้างหลัง ไม่คิดไม่ฝันว่า ผมจะได้มาอยู่ใกล้ชิดเธอถึงเพียงนี้
“อันนี้คือใส่รหัสไปแล้วเข้าไม่ได้ใช่ไหมคะ”
“ครับ”
บอสคีย์อะไรบางอย่างลงในช่องใส่รหัสผ่าน เพียงไม่กี่วินาที
“ได้แล้วค่ะ” บอสหันมาบอกผมพร้อมรอยยิ้มเดิมที่ทำผมละลายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คนอะไรทั้งสวยทั้งเก่ง “ฉันใช้พาสเวิร์ดกลางไปก่อนน่ะ แล้วพรุ่งนี้ถ้ายังเข้าไม่ได้ คุณติดต่อฝ่ายไอทีอีกทีนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” ผมจัดแจงส่งงานอย่างรวดเร็ว เมื่อบอสคืนที่นั่งให้ผมและยืนดูผมจากด้านหลังแทน
“เรียบร้อยนะคะ” บอสถามอีกครั้งหลังเห็นผมส่งงานเสร็จ
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมไม่รู้จะขอบคุณบอสยังไงที่บอสอุตส่าห์มาช่วยผม เธอเป็นนางฟ้ามาโปรดผมชัดๆ
“แล้วคุณจะกลับยังไงคะเนี่ย” ผมดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่ม ผมก็ไม่แน่ใจนักว่ารถเมล์ยังจะมีอยู่หรือเปล่า ผมอาจจะต้องเรียกแท๊กชี่กลับแทน
“รถเมล์ 3 ต่อฉันว่าวันนี้คุณคงไม่ถึงบ้าน” บอสพูดติดตลก แต่ก็จริงของบอสถึงรถยังมีคงต้องใช้เวลารอไม่น้อยเลยที่เดียว บอสมองผมลอยๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามผมว่า “คุณขับรถเป็นไหมคะ”
“เป็นครับ” ผมตอบงงๆ
“งั้นไปรถฉันก็ได้ค่ะ”
“บอสให้ผมขับรถ...”
“ค่ะ ขับไปที่บ้านคุณเลยค่ะ แล้วเดี๋ยวฉันขับกลับคอนโดเอง”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเรียกรถแถวนี้ก็ได้ครับ”
“คอนโดฉันย้อนมาไม่ไกลหรอกค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
บอสพูดละเดินนำออกไป ปล่อยผมอึ้งอยู่หลายวินาที บอสให้ผมขับรถให้ ผมจะได้กลับบ้านพร้อมกับบอส ผมดีใจน้ำตาแทบไหล แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ ผมเดินตามบอสไปถึงที่จอดรถที่มีป้ายเลขทะเบียนจองไว้สำหรับบอสโดยเฉพาะ รถของบอสเป็นรถยุโรปคันหรูสีเงิน ยี่ห้อและทะเบียนรถเป็นไปตามข้อมูลในกรุ๊ปไม่มีผิดเพี้ยน โชคดีที่ตอนมหาวิทยาลัย เพื่อนผมสอนขับรถไว้ จนผมสอบใบขับขี่ผ่าน แม้ว่าตอนนั้นเพื่อนผมแค่อยากให้ผมขับรถให้ตอนมันเมาก็ตาม และก็ต้องขอบคุณพี่ภูมิที่หลอก จนผมเชื่อสนิทว่าผมหลงวันหลงคืน จนต้องทำงานจนดึก ขอบคุณความซื่อบื้อของผมที่เชื่อคนง่าย ขอบคุณระบบส่งงานที่ใช้การไม่ได้ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับบอสขนาดนี้
นอกจากความตื่นเต้นที่ได้นั่งรถคันเดียวกับบอส การขับรถของบอสก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถ้าเกิดเฉี่ยวชนเป็นรอยขึ้นมา ผมอาจจะล้มละลายได้โดยไม่รู้ตัว ผมมัวแต่กังวลเรื่องการขับรถจนปล่อยให้บรรยากาศในรถเงียบเชียบ ไร้บทสนทนา
“คุณกฤตพจน์อยู่บ้านกับครอบครัวรึเปล่าคะ” บอสทำลายความเงียบขึ้น เมื่อรถจอดติดไฟแดง บอสคงเกรงว่าถ้าเกิดชวนผมคุยตอนขับจะไม่ค่อยปลอดภัยนัก ว่าแต่ว่าครอบครัวที่บอสว่าหมายถึงพ่อแม่หรือลูกเมียละเนี่ย
“เอ่อ...ผมอยู่กับแม่2คนน่ะครับ”
“แล้ว..เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณพ่อคุณ...”
“พ่อผมเสียตั้งแต่เด็กแล้วครับ”
“อ่อ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วบอสละครับ” ผมลั่นถามไปด้วยความเคยชินเวลาคุยกับเพื่อน บอสจะหาว่าผมลาปามไหมเนี่ย
“ฉันอยู่คนเดียวค่ะ พ่อแม่ฉันเสียไปหลายปีแล้วค่ะ” บอสตอบเรียบๆ แต่เสียงดูเศร้าๆ อย่างบอกไม่ถูก พอดีไฟเขียวผมเลยกลับมาจดจ่อกับการขับรถต่อ ผมเหลือบเห็นเธอนั่งมองกระจกเหมือนคิดอะไรเพลินๆ พลางกอดอกแล้วลูบแขนไปมาเหมือนจะหนาว ผมเลยปัดหน้ากากแอร์ค่อนมาทางผม แล้วขับรถต่อไปในความเงียบ
ผมจอดรถเมื่อเจอไฟแดงอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกดีใจที่รถติดไฟแดง เพราะคงเป็นโอกาสไม่กี่วินาทีที่บอสจะคุยกับผมบ้าง แต่คราวนี้บอสกลับเงียบไป ผมหันไปเห็นเลยเพิ่งรู้ว่าบอสงีบหลับไป บอสคงทำงานจนเหนื่อยจริงๆ ละผมยังเป็นเหตุทำให้บอสต้องกลับช้ากว่าเดิมอีกต่างหาก กว่าจะถึงบ้านผม และกว่าบอสจะต้องขับกลับคอนโดอีก ผมจ้องมองตัวเลขนับถอยหลังของสัญญาณไฟจราจร พลางคิดอะไรบางอย่าง และเมื่อไฟเขียวผมก็ตัดสินใจออกจากเส้นที่จะตรงไปยังบ้านผม
30 นาทีต่อมา
“บอสครับๆ” ผมพยายามเรียกจนเธองัวเงียตื่นขึ้น “ถึงแล้วครับ”
บอสหรี่ตาเพื่อปรับแสงที่แยงตาของเธอ เธอกระพริบตาถี่ๆ สักพักและเริ่มสงสัยในสถานที่
“นี่มัน...นี่มันคอนโดฉันนี่” บอสตาสว่างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ครับ คือ...ผมเห็นว่าบอสดูเหนื่อยๆ น่ะครับ ถ้าขับรถย้อนกลับมาจากบ้านผมอีก ผมกลัวจะอันตราย ผมเลยมาส่งบอสแทน”
บอสดูแปลกใจกับสิ่งที่ผมทำ “แล้วคุณจะกลับยังไงต่อคะ”
“เดี๋ยวผมเรียกรถจากแถวนี้ก็ได้ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่ครับ”
“ตามนั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่ง” บอสขอบคุณผมพร้อมรอยยิ้มที่ฆ่าผมครั้งล้าน ผมรู้สึกตายตาหลับอย่างบอกไม่ถูก ผมกล่าวลาบอสและเดินยิ้มออกมาอย่างดีใจ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ผมกลับถึงบ้านช้าที่สุดตั้งแต่เริ่มทำงานมา แต่ก็เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดที่เคยเป็นมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ