ดิษยาข้ามภพ
8.7
เขียนโดย Onnicha
วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.31 น.
7 chapter
2 วิจารณ์
8,380 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 16.08 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) นายแปลก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 7
นายแปลก
“เจ้าจักมิไปถวายตัวกับเสด็จกับข้าแน่รึแม่พลอย” วันนี้แม่พลอย เพื่อนสนิทของพิมพ์แพรซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วยมาหาเธอที่เรือนตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยว่าอีกไม่นานคุณป้าทับทิมของเธอก็จะพาเธอเข้าวังถวายตัวเพื่อบรับใช้เสด็จ เธอก็จะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจตัวเองอีกแล้ว
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากโดนห้ามไม่ให้ทำโน่นทำนี่” ก็แน่สิ ดิษยาดูละครมากี่เรื่องก็กี่เรื่อง การเข้าวังนี่เหมือนจะสบายแต่ที่ไหนได้ กฏเกณฑ์งี้ยาวเป็นห่างว่าว
“ข้าสู้อุตส่าห์ขอคุณพี่เหม ให้มาขออนุญาติคุณป้าจันทร์แก้ว ป้าท่านก็ว่าจักยอมให้เจ้าเข้าวังไปพร้อมกับข้า หากเจ้าจักยอม” แม่พลอยที่เมื่อครู่นั่งตรงข้ามกับเธอ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เปลี่ยนเป็นขยัยมานั่งใกล้ๆ พร้อมกับเขย่าแขนเธอไปมา “ไปเถิดแม่แพร ข้ามิอยากไปคนเดียวหนา”
“เอาเถอะน่า ถือว่าไปเที่ยว ถ้าหากแม่แก้วเข้าวังเอาผ้าไปถวายเสด็จเมื่อไหร่ ก็คงได้เจอกัน หรือไม่เดี๋ยวฉันก็ไปเยี่ยมแม่พลอยแถวๆวังบ่อยๆก็ได้” ดิษยาพยายามพูดปลอบใจ พลันสายตาหันไปเห็นเด็กหนุ่มตัดฟืนหน้าตามอมแมมที่เธอเจอเมื่อวันก่อน แบกกระบุงที่เต็มไปด้วยถ่านที่ได้จากการเผาไม้ไว้บนบ่ากำลังเดินเข้าไปที่โรงครัว
"พี่อิ่ม คนที่แบกถ่านเข้าไปในโรงครัวนั่นใคร ไม่เคยเห็นหน้าเลย" ดิษยาโกหก แท้จริงแล้วมีแค่เธอเคยเจอเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน แถมเธอยังเป็นฝ่ายไปแอบดูด้วย
“หน้าตาแปลกนัก เหมือนมิใช่คนสยาม หรือจักเป็นฝาหรั่งก็มิใช่” แม่พลอยว่า เมื่อเห็นหน้าตาของเขาไกลๆ
“แปลกดังแม่หญิงว่าเจ้าค่ะ” อิ่มตอบ “บ่าวรู้มาว่าแม่ของมันเป็นไพร่แลไปรักใคร่ชอบพอกับพ่อค้าฝาหรั่งจนท้อง ไม่นานผัวฝาหรั่งมันก็กลับเมืองมัน แต่มิยอมพามันกลับไปด้วย สุดท้ายก็ต้องคลอดลูกเองแต่ก็มิรอด ทิ้งให้ ‘ไอ้แปลก’ มันอยู่กับตามันสองคนที่เรือนชายป่าโน่นเจ้าค่ะ”
“ชื่อแปลกฤๅ? ใครช่างตั้งชื่อ?” แม่พลอยหันไปถามอิ่ม
“ว่าแล้วต้องเป็นลูกครึ่ง”
“ละ ลูกครึ่ง ครึ่งลูกกระไรรึเจ้าคะ”
“นั่นสิเจ้า เจ้าหมายถึงบ่าวที่ชื่อแปลกกระนั้นฤๅ”
“กระนั้นแหละ” ดิษยาตอบอิ่มและแม่พลอยที่เอาแต่ทำท่างงกับคำเรียกของเธอ “แม่พลอย ไหนๆเจ้าก็มาแล้ว เราไปพายเรือเที่ยวตลาดกันดีมั้ย”
“ดีสิ!” แม่พลอยรีบตอบ “เพลาข้าไปกับคุณพี่ทีไร จักเดินดูโน่นดูนี่มากก็มิได้ ท่านว่ามิงาม” แม่พลอยทำปากยื่น
“ไม่ดีเจ้าค่ะ” แต่อิ่มแทรกขึ้นมาเสียก่อน “คุณพี่เหมให้แม่หญิงรอท่าอยู่ที่เรือนคุณป้าหนาเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะมารับ หากคลาดกันจะทำเช่นไรเจ้าคะ” แม่พลอยน่าเจื่อน คุณพี่เหมนี่ก็อะไร จะไปทำธุระนานหรือไม่นานก็ไม่บอก เอาแต่ทิ้งน้องสาวไว้ที่นี่
“ก็ให้คุณพี่เหมรอสิจ๊ะพี่อิ่ม” ดิษยาทำหน้าล้อเลียน “รอนิดรอหน่อยจะเป็นไรไป”
วันนี้ดิษยาตื่นแต่เช้ามาวิ่งรอบเรือนได้ห้ารอบตามด้วยว่ายน้ำที่คลองอีกสิบห้านาที บ่าวไพร่ที่ทำงานแถวๆนั้นต่างไม่เป็นอันทำงานทำการเพราะแปลกใจที่เห็นเธอตื่นเช้าแถมยังวิ่งรอบบ้านโดยไม่เหตุผลอีกด้วย ดีที่แม่แก้วของเธอไล่ให้กลับไปทำงานทำการ และสั่งไม่ให้ใครเอาเรื่องนี้ไปพูดอีกตะหาก
ดิษยาเตี๊ยมกับคุณหญิงจันทร์แก้วไว้ก่อนว่าเธอจะหาทางลดน้ำหนัก คุณหญิงเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เว้นก็แต่อิ่มที่เอาแต่บอกให้เธอหยุดวิ่งเพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไป
“วันนี้เรือหาใช้การได้ไม่เจ้าค่ะ” อิ่มพยายามขัดขวาง
ดิษยาชี้ไปที่เรือที่ผูกไว้ที่ท่าน้ำ “แต่เมื่อเช้าเห็นแม่แก้วนั่งลำนั้นไปวัดนี่”
“บ่าวพายเรือมิเป็นเจ้าค่ะ แลคนพายเป็นก็มิมีผู้ใดอยู่ซักคนเจ้าค่ะ” อิ่มไม่ยอมลดละ
“งั้นฉันหาคนพายเอง” ดิษยากวาดตาไปทั่วบริเวณบ้านมองหาคนที่พอจะมีหน่วยก้านดีที่พอจะพายเรือให้เธอได้ “อืมมมม...”
‘ไม่เอาผู้หญิง ไม่เอาเด็ก ไม่เอาคนแก่....นั่น!’
“นั่นไง!!!” เธอชี้นิ้วออกไปหลังจากตะโกนเสียงดังจนเด็กหนุ่มที่ถูกชี้หันมามองต้นเสียง “แปลก....คัม เฮียร์” เธอกระดิกนิ้วชี้เข้าหาตัวช้าๆ เพื่อเรียกโดยที่ไม่รู้ว่า นายแปลกคนนี้จะรู้เรื่องหรือไม่
ดิษยายิ้มร่า นั่งหัวเรือโดยมีนายแปลกลูกครึ่งฝรั่งชาติใดก็ไม่ทราบกับสยามเป็นคนพายเรือ ส่วนแม่พลอยก็ดีใจไม่แพ้กันที่ได้หนีออกมาเที่ยวโดยมีอิ่มทำหน้าที่พายเรือให้ไม่ห่างจากเรือของดิษยา เรื่องที่อิ่มบอกว่าพายเรือไม่เป็นนั้นก็เพื่อจะไม่ให้แม่นายของตนออกไปเที่ยวข้างนอก แถมยังไม่ยอมบอกคุณหญิงจันทร์แก้วท่านว่าจะออกมาตลาด โดยให้เหตุผลว่ามาเดี๋ยวเดียวก็กลับ อิ่มไม่แน่ใจนักว่าเดี๋ยวเดียว
“นายแปลกรู้มั้ยว่าพ่อนายแปลกมาจากไหน” เด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมมีแววตาอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อดิษยาถาม
“ไม่ทราบขอรับ”
“แลทำไมตั้งชื่อว่าแปลก ชื่อมิเป็นมงคล” แม่พลอยถามขึ้นบ้างเมื่ออิ่มพายเรือตีคู่ขึ้นมา
“ตากระผมตั้งขอรับ เพราะกระผมมิเหมือนชาวสยามผู้ใด” แปลกก้มหน้าเมื่อนึกถึงตัวเองคราวที่ยังเป็นเด็กที่ถูกลูกทาสคนอื่นแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน ตัวเองจึงไม่ค่อยอยากจะเดินมาที่เรือนใหญ่นัก “ตั้งว่าแปลกก็เหมาะดีแล้วขอรับ เป็นเพียงลูกไพร่กำพร้า มิต้องเอาชื่อมงคลดอกขอรับ”
แม่พลอยหน้าเจื่อนลง
ดิษยาเองก็รู้สึกสงสารเด็กหนุ่มคนนี้จับใจ เธอรู้ดีว่าการเป็นลูกครึ่งในสมัยนี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย มีแต่จะถูกมองว่าเป็นคนแปลกของแปลกก็เท่านั้น แม้ดิษยาที่ทำงานในวงการบันเทิงมานานจะดูออกว่าภายใต้ใบหน้ามอมแมมเหล่านี้คือใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ได้รับความนิยมในยุคของเธอก็ตาม และด้วยรูปร่างที่เหมือนกับออกกำลังกายเป็นประจำนี่อาจจะทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ทำงานในวงการบันเทิงได้ไม่ยาก
‘ถ้าตอนนี้เราอยู่ในยุคของฉัน นายจะเป็นเด็กปั้นฉันคนแรกแน่ๆ นายแปลก’ ดิษยาคิดในใจ
“นายแปลกอายุเท่าไหร่”
“แม่นายมิต้องเรียกกระผมนายก็ได้ขอรับ”
“อายุเท่าไหร่” เธอถามซ้ำน้ำเสียงดุ
เธอล่ะเกลียดนักคนที่ดูถูกตัวเอง คนอื่นดูถูกนั้นก็ไม่แย่เท่าดูถูกตัวเอง เธอเองตอนเป็นวัยรุ่นหน้าสิวก็โดนดูถูกเช่นกัน แต่ยังดีที่เธอมีครอบครัวที่ดีคอยสนับสนุนเธอจึงกลายเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจอย่างวันนี้ได้
“ย่างสิบเจ็ดขอรับ” นายแปลกตอบ
เป็นอย่างที่เธอคาด แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะอายุน้อย แต่เพราะยีนส์ชาวตะวันตกที่อยู่ในตัวทำให้ส่วนสูงมากกว่าเธอมากนัก อาจจะถึงยี่สิบเซนติเมตรก็เป็นไปได้ เอ๊ะ แต่อาจเป็นเพราะร่างแม่แพรนี้สูงราวๆ 165 ด้วยล่ะมั้ง นายแปลกถึงได้ดูสูงนัก
“อ่อนกว่าฉันตั้งหกปี”
“พูดกระไรเจ้าคะ แม่นายอายุเพียงยี่สิบเท่านั้น” ดิษยาลืมไปว่าตอนนี้เธอเป็นแม่แพร ไม่ใช่สาววัย 23 ที่ชื่อดิษยา
“แต่ก็ยังอ่อนกว่าอยู่ดีนะจ๊ะพี่อิ่ม” ดิษยาหันไปยิ้มให้อิ่ม “จะเรียกข้าว่าพี่แพรก็ได้นะ”
“ว๊าย! มิได้เจ้าค่ะ นรกจักกินกบาลมันเสียเปล่าๆ” อิ่มร้องเสียงหลง
“เจ้านี่แปลกคนแม่แพร จักให้บ่าวไพร่เรียกขานนายแบบนี้ได้เยี่ยงไร ใครมาได้ยินจักนินทาเอาได้ทั้งนายทั้งบ่าว” แม่พลอยเตือน
“มิเป็นไรมิได้ขอรับแม่นาย กระผมมิกล้าดอกขอรับ” เมื่อเห็นว่าตนกำลังจะทำให้แม่นายเดือดร้อน นายแปลกจึงได้พูดขึ้นมา
“ทีข้าเรียกพี่อิ่มว่าพี่อิ่ม ยังไม่เป็นอะไร”
“แม่นายเป็นนาย จักเรียกขานอย่างไรบ่าวก็มิขัดดอก”
“เป็นบ่าวแล้วไง ไม่ใช่คนเหรอจ๊ะพี่อิ่ม” ดิษยายอมรับว่าการเอาเรื่องของสิทธิความเท่าเทียมของความเป็นมนุษย์มาพูดตอนนี้นั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากเอาการ
“เอาล่ะๆ” แม่พลอยพูดตัดบทขึ้นมา “นางจักเรียกขานผู้ใดว่ากระไรหรือให้ผู้ใดเรียกก็แล้วแต่นางเถิด มิได้ฆ่าผู้ใดตายคงไม่เป็นไรกระมัง” ดิษยายิ้มพลางพยักหน้า แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อแม่พลอยหันมามองเธอตาดุ “แต่เจ้าจักต้องระวังให้มาก หากผู้ใดได้ยินจักเสื่อมเสียไปถึงคุณป้า เข้าใจรึไม่”
เดิมทีดิษยาเข้าใจว่าแม่พลอยนี้เป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่นึกไม่ถึงว่าพอดุขึ้นมากลับมีแววตาเหมือนคุณพี่เหมของเธอไม่มีผิด ดุกันทั้งพี่ทั้งน้อง
“ดูนั่น ถึงตลาดแล้ว ดูสิแม่แพร” สักพักเมื่อพายเรือผ่านหัวโค้งมาได้ แม่พลอยก็มีท่าทีเปลี่ยนเป็นดีใจยกใหญ่ ดวงตาดุเมื่อครู่ก็กลายเป็นตาใสแป๋วเหมือนเดิม
ผู้คนเดินกวักไกว่กันในตลาดบ้างก็เรียกลูกค้าให้เข้ามาชมเข้ามาซื้อ บ้างก็ตะโกนร้องลำตัดสลับกันไปมากับวงลำตัดที่เล่นอยู่ที่ศาลา เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาพากันมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวของดิษยาก่อนจะหลบตาเมื่อเห็นว่าดิษยาหันไปมอง
“เจ้าอยากกลับแล้วรึไม่แม่แพร” แม่พลอยเป็นห่วงเพื่อนเมื่อเห็นว่าแม่แพรถูกมองด้วยสายตาต่างๆนานาจากผู้คนรอบข้าง
หลายปีมาแล้วที่พิมพ์แพรไม่เคยออกไปไหนเพราะอับอายในใบหน้าและรูปร่างของตัวเอง และทนไม่ได้ที่ใครๆจะมองว่าเธอนั้นหมดความงามไปเสียแล้ว
“ไม่นี่...ข้ายังดูของไม่หมดเลย เดินต่อเถอะ” ดิษยาว่าก่อนจะจูงมือแม่พลอยให้เดินตามกันมา ส่วนอิ่มและแปลกก็เดินตามมาติดๆ
“แม่พลอยดูสิ สร้อยข้อมือทับทิมนี้สวยมั้ย” ดิษยาหยิบขึ้นมาโชว์ให้แม่พลอยดูหลังจากที่ลากเพื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายเครื่องประดับ
“เจ้าล้อข้าเล่นฤๅแม่แพร เจ้าก็รู้ว่าบ้านข้านั้นขายเครื่องประดับแลเพชรนิลจินดา...งามกว่านี้ข้าก็เห็นมานักต่อนัก.....เจ้าวางเถิด หากอยากได้สวยกว่านี้ข้าจักพาเจ้าไปเลือกทีเรือน” ดิษยายอมวางแต่โดยดี แต่ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากได้หรอกนะ เป็นเพราะเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้พกเงินติดตัวมาซักบาทน่ะสิ
‘เอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวค่อยมาซื้อ’ ดิษยาคิด
“แม่พลอยล่ะอยากได้อะไรมั้ย”
“ข้าอยากจักได้น้ำอบฝาหรั่ง”
“น้ำอบฝาหรั่ง....อ๋อน้ำหอม ขายที่ไหนล่ะ...ไปสิ”
“ข้ามิรู้ดอก มาตลาดกับคุณแม่เมื่อใดก็ไม่กล้าซื้อ ด้วยว่าคุณแม่ท่านมิอยากให้ใช้...ท่านว่าน้ำอบไทยนั้นหอมกว่า...ข้ารู้เพียงว่ามีขายที่นี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าร้านใด”
“ประเดี๋ยวบ่าวไปถามร้านแถวนี้ให้เจ้าค่ะ แม่นายรอ กงนี้หนาเจ้าคะ” ก่อนจะเดินไปถามเหล่าร้านค้าแถวๆนี้ อิ่มก็ยังไม่วายสั่งกำชับนายแปลกให้ดูแลพวกเธอทั้งสองคนอย่างดี นายแปลกก็ตบปากรับคำ
“พูดถึงน้ำหอมแล้วข้าก็อยากได้เครื่องสำอางค์เหมือนกันนะ ไม่รู้ที่นี่มีขายรึเปล่า” ดิษยานึกถึงตอนตัวเองอยู่ที่ยุคปัจจุบัน เมื่อใดที่เธอเดินเข้าห้างสรรพสินค้า เธอต้องเข้าไปเดินใน Sephora เสมอ แม้บางครั้งจะไม่ได้อะไรติดมือมาก็เถอะ
“ข้าอยากได้ที่เขียนคิ้วน่ะ”
พิมพ์แพรเป็นผู้หญิงที่มีคิ้วบางโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหางคิ้ว ดิษยาคิดว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าเธอได้อะไรมาเขียนให้มันดกดำซักหน่อย
“เขียนคิ้วฤๅ? เป็นเยี่ยงไร ใช้ดินสอเขียนฤๅ?”
“อืม บางคนก็ใช้ดินสอ แต่ที่ข้าอยากได้ มันเป็นแบบผงๆ ผงสีดำๆละเอียด แล้วก็ใช้แปรงอันเล็กๆไปป้ายแล้วก็เอามาเขียนคิ้วแบบนี้ๆ” ดิษยาทำท่าทางเอามือเขียนคิ้วประกอบ “แต่แม่พลอยมีคิ้วอยู่แล้ว คงไม่ต้องใช้ ขนาดเจ้าไม่ใช้ ชายทั้งหลายในตลาดก็ชายตามองเจ้าจะแย่แล้ว”
แม่พลอยเขินจนหน้าแดงจนเผลอเอามือขึ้นมาลูปบนใบหน้า “เจ้าก็ ข้านั้นงามสู้เจ้าเมื่อก่อนไม่ได้ดอกหนา เขารู้กันทั่วคุ้งน้ำว่าลูกสาวท่านออกญาเสนารักษ์นั้นงามราวกับนางอัปสร”
“แต่เสียดาย ตอนนี้หน้าสิว แถมยังอ้วนด้วย” ดิษยาจิ้มพุงตัวเอง
“กายไม่งาม แต่อย่างไรใจเจ้าก็งามหนาแม่แพร...ใช่หรือไม่ไอ้แปลก” แม่พลอยหันไม่ถามนายแปลกที่ยืนห่างออกไป
“งามขอรับ” พูดอีกก็ถูกอีก ดิษยาลอบยิ้มด้วยความเป็นคนบ้ายอ
อันที่จริงตัวแม่แพรนี้ก็งาม แต่งามในหกอาทิตย์ข้างหน้าตะหากล่ะ
ไม่นานอิ่มก็กลับมา เธอได้ความว่าร้านขายน้ำอบฝาหรั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เพียงเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้ว ทั้งสี่คนเดินเข้ามาในร้านที่เจ้าของดูเหมือนจะเป็นชาวแขก เขากล่าวต้อนรับเป็นภาษาไทยแต่ก็ยังติดสำเนียงบ้านเกิดอยู่มาก ในร้านเต็มไปด้วยของใช้ต่างๆไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับเอย ถ้วยชามรามไหเอย
“แม่หญิงพลอยจะมาซื้อน้ำหอม มีขายหรือไม่” อิ่มเป็นตัวแทนไปคุยกับพ่อค้าแขก
“มีคอรับ แม๊หญิงเชิญลองดมดู๊ก่อนคอรับ นี่เป็นนามอบ มาจากฟรานซ์คอรับ”
“ว๊าว น้ำหอมฝรั่งเศส...มาแม่พลอยข้าจะช่วยเลือกกลิ่นที่เหมาะกับบุคคลิกเจ้านะ”
“บุคคลิกฤๅ?”
ดิษยาใช้เวลาชั่วครู่อธิบายให้แม่พลอยฟังว่าน้ำหอมนั้นมีกลิ่นที่หลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลิ่นที่หอมทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรกลิ่นหอมเหล่านั้นก็มีความแตกต่างกัน หากเราเลือกใช้น้ำหอมที่เหมาะกับลักษณะนิสัยของตัวเองได้ ก็จะสามารถเสริมเสน่ห์ให้กับตัวเองได้ด้วย
“เช่นนั้นเจ้าช่วยเลือกให้ข้าหน่อยเถิดแม่แพร ว่าข้าควรใช้กลิ่นเช่นไรจึงจักมีเสน่ห์”
“ข้าว่าแม่พลอยต้องใช้กลิ่นหวานๆเพราะเจ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานยังไงเล่า” ดิษญาเย้าแม่พลอยจนหน้าแดงอีกแล้ว “เอ ไหนดูซิ ดมขวดนี้ก่อนก็แล้วกัน” ดิษยาไล่ดมน้ำหอมทีละขวดจากน้ำหอมนับสิบขวดที่ถูกนำขึ้นมาตั้งเรียงรายให้เลือกสรร บางครั้งเธอก็ต้องหยุดดม เพราะว่ากลิ่นในจมูกเธอมันเริ่มตีกันซะแล้ว น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่มีเมล็ดกาแฟให้ดมเหมือนในร้านวิคตอเรียซีเคร็ตที่เธอชอบไปซื้อน้ำหอมบ่อยๆ
“แม่พลอยลองดมดูสิ ว่าชอบมั้ย” ดิษยายื่นขวดน้ำหอมไปใกล้จมูกแม่พลอย
“หอมนัก...กลิ่นหวานดังเจ้าว่าแม่แพร”
“พี่อิ่มกับแปลกก็มาลองดมด้วยกันสิ” ดิษยากวักมือเรียก อิ่มยิ้มแป้นก่อนจะรีบมาดม ด้วยว่าเธอนั้นก็เป็นผู้หญิงทว่าเป็นบ่าวแต่ก็มีบุญนักที่ได้มีโอกาสดอมดมน้ำอบฝาหรั่งเช่นนี้ ต่างกับแปลกที่ทำท่าทางงะๆเงิ่นๆเพราะว่าตัวเองเป็นผู้ชาย
“มาเหอะน่า” ดิษยาย้ำ แปลกจึงยอมดมกลิ่นดู
“หอมมั้ย” ดิษยาถาม
“หอมเจ้าค่ะ/หอมขอรับ” บ่าวทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียง ก็แหงน่ะสิน้ำหอมขวดนี้เลือกโดยดิษยา บิวตี้บล็อกเกอร์ท็อปทเวตี้ของไทยเชียวนะ ไม่มีเทสต์ให้ตบหน้าได้เลย
“งั้นเอาขวดนี้เนาะแม่พลอย” แม่พลอยพนักหน้าเป็นเชิงตอบรับ “คนขายช่วยห่อให้ข้าด้วย ห่อดีๆล่ะ” ดิษยายื่นขวดน้ำหอมให้พ่อค้าแขก
“คอรับ แม่หญิงตาทึงมากคอรับ กระพมจะไปห่อให้เดี๋ยวนี้คอรับ” พ่อค้าแขกว่าก่อนจะเดินเข้าหลังร้านไป
ระหว่างที่พวกเธอยืนรออยู่ในร้าน ก็มีลูกค้าทั้งหญิงชายเข้ามาแวะเวียนดูในร้านไม่ขาด บ้างก็มาดูเดี๋ยวเดียวก็เดินออกไป บ้างก็ยืนรอพ่อค้าแขกเพื่อจะถามรอคาของ แต่จู่ๆเสียงคนในร้านที่เคยจอแจก็เงียบลงเมื่อผู้ชายสองคนเดินเข้ามาในร้าน
คนหนึ่งแต่งตัวดีดูภูมิฐาน ทว่าไว้หนวดและมีท่าทีจองหองแต่ด้วยส่วนสูงที่ไม่ได้มากไปกว่าเธอเท่าไหร่ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนตัวตลกมากกว่าสำหรับดิษยา อีกคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้ที่พร้อมจะบวกอยู่ตลอดเวลา
“แฮะแฮ่ม” เขามายืนกระแอมอยู่ข้างๆดิษยา แต่เธอไม่ได้สนใจ
ในขณะเดียวกันแม่พลอยกับอิ่มนั้นยืนเงียบกริบเหมือนจะรู้จักชายคนนี้ ส่วนแปลกเมื่อสังเกตุว่าแม่พลอยกับอิ่มเงียบไปตั้งแต่ชายผู้นี้เดินเข้ามาจึงได้ลอบมองลักษณะท่าทางของเขาเพื่อดูว่ามีท่าทีดีร้ายอย่างไร
“อะแฮ่ม แฮ่ม”
“อะไรติดคอเหรอ?” ดิษยาหันไปถามด้วยความรำคาญหลังจากที่เธอทนฟังมานาน ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ได้กระแฮมเพราะป่วยหรือมีเสมหะ แต่เหมือนจะเรียกร้องความสนใจซะมากกว่า
การที่แม่แพรพูดตอกหน้าเขาไปเมื่อครู่ ทำให้แม่พลอยกับอิ่มถึงกับอึ้ง
“เจ้า!” เขามีท่าทีโกรธ แต่ทว่ามันยิ่งดูน่ารำคาญสำหรับดิษยา เธอจึงทำเป็นไม่ได้ยิน
“มะ แม่นายอย่าพูดกับคุณพี่เช่นนั้นสิเจ้าคะ” อิ่มน้ำเสียงสั่น
“คุณพี่เหรอ?” ดิษยาเบิกตาโพลง หรือว่าเธอดันไปทำท่าทางเสียมารยาทกับญาติฝ่ายไหนของแม่แพรอีกล่ะเนี่ย “คุณพี่ไหน?” ดิษยาแอบกระซิบถามอิ่ม อิ่มอ้าปากกำลังจะกระซิบใส่หูเธอ
“นี่เจ้าลืมคู่หมายเจ้าไปแล้วรึ แม่แพร” แค่เพียงคำว่า ‘คู่หมาย’ ดิษยาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาทันที
“นี่น่ะเหรอ หมื่นพิทักษ์เทวา?” ดิษยาตะแคงใบหน้าถามเสียงเรียบ ก่อนจะยกเมื่อสองข้างขึ้นมากอดอก
นายแปลก
“เจ้าจักมิไปถวายตัวกับเสด็จกับข้าแน่รึแม่พลอย” วันนี้แม่พลอย เพื่อนสนิทของพิมพ์แพรซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วยมาหาเธอที่เรือนตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยว่าอีกไม่นานคุณป้าทับทิมของเธอก็จะพาเธอเข้าวังถวายตัวเพื่อบรับใช้เสด็จ เธอก็จะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจตัวเองอีกแล้ว
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากโดนห้ามไม่ให้ทำโน่นทำนี่” ก็แน่สิ ดิษยาดูละครมากี่เรื่องก็กี่เรื่อง การเข้าวังนี่เหมือนจะสบายแต่ที่ไหนได้ กฏเกณฑ์งี้ยาวเป็นห่างว่าว
“ข้าสู้อุตส่าห์ขอคุณพี่เหม ให้มาขออนุญาติคุณป้าจันทร์แก้ว ป้าท่านก็ว่าจักยอมให้เจ้าเข้าวังไปพร้อมกับข้า หากเจ้าจักยอม” แม่พลอยที่เมื่อครู่นั่งตรงข้ามกับเธอ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เปลี่ยนเป็นขยัยมานั่งใกล้ๆ พร้อมกับเขย่าแขนเธอไปมา “ไปเถิดแม่แพร ข้ามิอยากไปคนเดียวหนา”
“เอาเถอะน่า ถือว่าไปเที่ยว ถ้าหากแม่แก้วเข้าวังเอาผ้าไปถวายเสด็จเมื่อไหร่ ก็คงได้เจอกัน หรือไม่เดี๋ยวฉันก็ไปเยี่ยมแม่พลอยแถวๆวังบ่อยๆก็ได้” ดิษยาพยายามพูดปลอบใจ พลันสายตาหันไปเห็นเด็กหนุ่มตัดฟืนหน้าตามอมแมมที่เธอเจอเมื่อวันก่อน แบกกระบุงที่เต็มไปด้วยถ่านที่ได้จากการเผาไม้ไว้บนบ่ากำลังเดินเข้าไปที่โรงครัว
"พี่อิ่ม คนที่แบกถ่านเข้าไปในโรงครัวนั่นใคร ไม่เคยเห็นหน้าเลย" ดิษยาโกหก แท้จริงแล้วมีแค่เธอเคยเจอเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน แถมเธอยังเป็นฝ่ายไปแอบดูด้วย
“หน้าตาแปลกนัก เหมือนมิใช่คนสยาม หรือจักเป็นฝาหรั่งก็มิใช่” แม่พลอยว่า เมื่อเห็นหน้าตาของเขาไกลๆ
“แปลกดังแม่หญิงว่าเจ้าค่ะ” อิ่มตอบ “บ่าวรู้มาว่าแม่ของมันเป็นไพร่แลไปรักใคร่ชอบพอกับพ่อค้าฝาหรั่งจนท้อง ไม่นานผัวฝาหรั่งมันก็กลับเมืองมัน แต่มิยอมพามันกลับไปด้วย สุดท้ายก็ต้องคลอดลูกเองแต่ก็มิรอด ทิ้งให้ ‘ไอ้แปลก’ มันอยู่กับตามันสองคนที่เรือนชายป่าโน่นเจ้าค่ะ”
“ชื่อแปลกฤๅ? ใครช่างตั้งชื่อ?” แม่พลอยหันไปถามอิ่ม
“ว่าแล้วต้องเป็นลูกครึ่ง”
“ละ ลูกครึ่ง ครึ่งลูกกระไรรึเจ้าคะ”
“นั่นสิเจ้า เจ้าหมายถึงบ่าวที่ชื่อแปลกกระนั้นฤๅ”
“กระนั้นแหละ” ดิษยาตอบอิ่มและแม่พลอยที่เอาแต่ทำท่างงกับคำเรียกของเธอ “แม่พลอย ไหนๆเจ้าก็มาแล้ว เราไปพายเรือเที่ยวตลาดกันดีมั้ย”
“ดีสิ!” แม่พลอยรีบตอบ “เพลาข้าไปกับคุณพี่ทีไร จักเดินดูโน่นดูนี่มากก็มิได้ ท่านว่ามิงาม” แม่พลอยทำปากยื่น
“ไม่ดีเจ้าค่ะ” แต่อิ่มแทรกขึ้นมาเสียก่อน “คุณพี่เหมให้แม่หญิงรอท่าอยู่ที่เรือนคุณป้าหนาเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะมารับ หากคลาดกันจะทำเช่นไรเจ้าคะ” แม่พลอยน่าเจื่อน คุณพี่เหมนี่ก็อะไร จะไปทำธุระนานหรือไม่นานก็ไม่บอก เอาแต่ทิ้งน้องสาวไว้ที่นี่
“ก็ให้คุณพี่เหมรอสิจ๊ะพี่อิ่ม” ดิษยาทำหน้าล้อเลียน “รอนิดรอหน่อยจะเป็นไรไป”
วันนี้ดิษยาตื่นแต่เช้ามาวิ่งรอบเรือนได้ห้ารอบตามด้วยว่ายน้ำที่คลองอีกสิบห้านาที บ่าวไพร่ที่ทำงานแถวๆนั้นต่างไม่เป็นอันทำงานทำการเพราะแปลกใจที่เห็นเธอตื่นเช้าแถมยังวิ่งรอบบ้านโดยไม่เหตุผลอีกด้วย ดีที่แม่แก้วของเธอไล่ให้กลับไปทำงานทำการ และสั่งไม่ให้ใครเอาเรื่องนี้ไปพูดอีกตะหาก
ดิษยาเตี๊ยมกับคุณหญิงจันทร์แก้วไว้ก่อนว่าเธอจะหาทางลดน้ำหนัก คุณหญิงเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เว้นก็แต่อิ่มที่เอาแต่บอกให้เธอหยุดวิ่งเพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไป
“วันนี้เรือหาใช้การได้ไม่เจ้าค่ะ” อิ่มพยายามขัดขวาง
ดิษยาชี้ไปที่เรือที่ผูกไว้ที่ท่าน้ำ “แต่เมื่อเช้าเห็นแม่แก้วนั่งลำนั้นไปวัดนี่”
“บ่าวพายเรือมิเป็นเจ้าค่ะ แลคนพายเป็นก็มิมีผู้ใดอยู่ซักคนเจ้าค่ะ” อิ่มไม่ยอมลดละ
“งั้นฉันหาคนพายเอง” ดิษยากวาดตาไปทั่วบริเวณบ้านมองหาคนที่พอจะมีหน่วยก้านดีที่พอจะพายเรือให้เธอได้ “อืมมมม...”
‘ไม่เอาผู้หญิง ไม่เอาเด็ก ไม่เอาคนแก่....นั่น!’
“นั่นไง!!!” เธอชี้นิ้วออกไปหลังจากตะโกนเสียงดังจนเด็กหนุ่มที่ถูกชี้หันมามองต้นเสียง “แปลก....คัม เฮียร์” เธอกระดิกนิ้วชี้เข้าหาตัวช้าๆ เพื่อเรียกโดยที่ไม่รู้ว่า นายแปลกคนนี้จะรู้เรื่องหรือไม่
ดิษยายิ้มร่า นั่งหัวเรือโดยมีนายแปลกลูกครึ่งฝรั่งชาติใดก็ไม่ทราบกับสยามเป็นคนพายเรือ ส่วนแม่พลอยก็ดีใจไม่แพ้กันที่ได้หนีออกมาเที่ยวโดยมีอิ่มทำหน้าที่พายเรือให้ไม่ห่างจากเรือของดิษยา เรื่องที่อิ่มบอกว่าพายเรือไม่เป็นนั้นก็เพื่อจะไม่ให้แม่นายของตนออกไปเที่ยวข้างนอก แถมยังไม่ยอมบอกคุณหญิงจันทร์แก้วท่านว่าจะออกมาตลาด โดยให้เหตุผลว่ามาเดี๋ยวเดียวก็กลับ อิ่มไม่แน่ใจนักว่าเดี๋ยวเดียว
“นายแปลกรู้มั้ยว่าพ่อนายแปลกมาจากไหน” เด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมมีแววตาอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อดิษยาถาม
“ไม่ทราบขอรับ”
“แลทำไมตั้งชื่อว่าแปลก ชื่อมิเป็นมงคล” แม่พลอยถามขึ้นบ้างเมื่ออิ่มพายเรือตีคู่ขึ้นมา
“ตากระผมตั้งขอรับ เพราะกระผมมิเหมือนชาวสยามผู้ใด” แปลกก้มหน้าเมื่อนึกถึงตัวเองคราวที่ยังเป็นเด็กที่ถูกลูกทาสคนอื่นแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน ตัวเองจึงไม่ค่อยอยากจะเดินมาที่เรือนใหญ่นัก “ตั้งว่าแปลกก็เหมาะดีแล้วขอรับ เป็นเพียงลูกไพร่กำพร้า มิต้องเอาชื่อมงคลดอกขอรับ”
แม่พลอยหน้าเจื่อนลง
ดิษยาเองก็รู้สึกสงสารเด็กหนุ่มคนนี้จับใจ เธอรู้ดีว่าการเป็นลูกครึ่งในสมัยนี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย มีแต่จะถูกมองว่าเป็นคนแปลกของแปลกก็เท่านั้น แม้ดิษยาที่ทำงานในวงการบันเทิงมานานจะดูออกว่าภายใต้ใบหน้ามอมแมมเหล่านี้คือใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ได้รับความนิยมในยุคของเธอก็ตาม และด้วยรูปร่างที่เหมือนกับออกกำลังกายเป็นประจำนี่อาจจะทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ทำงานในวงการบันเทิงได้ไม่ยาก
‘ถ้าตอนนี้เราอยู่ในยุคของฉัน นายจะเป็นเด็กปั้นฉันคนแรกแน่ๆ นายแปลก’ ดิษยาคิดในใจ
“นายแปลกอายุเท่าไหร่”
“แม่นายมิต้องเรียกกระผมนายก็ได้ขอรับ”
“อายุเท่าไหร่” เธอถามซ้ำน้ำเสียงดุ
เธอล่ะเกลียดนักคนที่ดูถูกตัวเอง คนอื่นดูถูกนั้นก็ไม่แย่เท่าดูถูกตัวเอง เธอเองตอนเป็นวัยรุ่นหน้าสิวก็โดนดูถูกเช่นกัน แต่ยังดีที่เธอมีครอบครัวที่ดีคอยสนับสนุนเธอจึงกลายเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจอย่างวันนี้ได้
“ย่างสิบเจ็ดขอรับ” นายแปลกตอบ
เป็นอย่างที่เธอคาด แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะอายุน้อย แต่เพราะยีนส์ชาวตะวันตกที่อยู่ในตัวทำให้ส่วนสูงมากกว่าเธอมากนัก อาจจะถึงยี่สิบเซนติเมตรก็เป็นไปได้ เอ๊ะ แต่อาจเป็นเพราะร่างแม่แพรนี้สูงราวๆ 165 ด้วยล่ะมั้ง นายแปลกถึงได้ดูสูงนัก
“อ่อนกว่าฉันตั้งหกปี”
“พูดกระไรเจ้าคะ แม่นายอายุเพียงยี่สิบเท่านั้น” ดิษยาลืมไปว่าตอนนี้เธอเป็นแม่แพร ไม่ใช่สาววัย 23 ที่ชื่อดิษยา
“แต่ก็ยังอ่อนกว่าอยู่ดีนะจ๊ะพี่อิ่ม” ดิษยาหันไปยิ้มให้อิ่ม “จะเรียกข้าว่าพี่แพรก็ได้นะ”
“ว๊าย! มิได้เจ้าค่ะ นรกจักกินกบาลมันเสียเปล่าๆ” อิ่มร้องเสียงหลง
“เจ้านี่แปลกคนแม่แพร จักให้บ่าวไพร่เรียกขานนายแบบนี้ได้เยี่ยงไร ใครมาได้ยินจักนินทาเอาได้ทั้งนายทั้งบ่าว” แม่พลอยเตือน
“มิเป็นไรมิได้ขอรับแม่นาย กระผมมิกล้าดอกขอรับ” เมื่อเห็นว่าตนกำลังจะทำให้แม่นายเดือดร้อน นายแปลกจึงได้พูดขึ้นมา
“ทีข้าเรียกพี่อิ่มว่าพี่อิ่ม ยังไม่เป็นอะไร”
“แม่นายเป็นนาย จักเรียกขานอย่างไรบ่าวก็มิขัดดอก”
“เป็นบ่าวแล้วไง ไม่ใช่คนเหรอจ๊ะพี่อิ่ม” ดิษยายอมรับว่าการเอาเรื่องของสิทธิความเท่าเทียมของความเป็นมนุษย์มาพูดตอนนี้นั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากเอาการ
“เอาล่ะๆ” แม่พลอยพูดตัดบทขึ้นมา “นางจักเรียกขานผู้ใดว่ากระไรหรือให้ผู้ใดเรียกก็แล้วแต่นางเถิด มิได้ฆ่าผู้ใดตายคงไม่เป็นไรกระมัง” ดิษยายิ้มพลางพยักหน้า แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อแม่พลอยหันมามองเธอตาดุ “แต่เจ้าจักต้องระวังให้มาก หากผู้ใดได้ยินจักเสื่อมเสียไปถึงคุณป้า เข้าใจรึไม่”
เดิมทีดิษยาเข้าใจว่าแม่พลอยนี้เป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่นึกไม่ถึงว่าพอดุขึ้นมากลับมีแววตาเหมือนคุณพี่เหมของเธอไม่มีผิด ดุกันทั้งพี่ทั้งน้อง
“ดูนั่น ถึงตลาดแล้ว ดูสิแม่แพร” สักพักเมื่อพายเรือผ่านหัวโค้งมาได้ แม่พลอยก็มีท่าทีเปลี่ยนเป็นดีใจยกใหญ่ ดวงตาดุเมื่อครู่ก็กลายเป็นตาใสแป๋วเหมือนเดิม
ผู้คนเดินกวักไกว่กันในตลาดบ้างก็เรียกลูกค้าให้เข้ามาชมเข้ามาซื้อ บ้างก็ตะโกนร้องลำตัดสลับกันไปมากับวงลำตัดที่เล่นอยู่ที่ศาลา เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาพากันมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวของดิษยาก่อนจะหลบตาเมื่อเห็นว่าดิษยาหันไปมอง
“เจ้าอยากกลับแล้วรึไม่แม่แพร” แม่พลอยเป็นห่วงเพื่อนเมื่อเห็นว่าแม่แพรถูกมองด้วยสายตาต่างๆนานาจากผู้คนรอบข้าง
หลายปีมาแล้วที่พิมพ์แพรไม่เคยออกไปไหนเพราะอับอายในใบหน้าและรูปร่างของตัวเอง และทนไม่ได้ที่ใครๆจะมองว่าเธอนั้นหมดความงามไปเสียแล้ว
“ไม่นี่...ข้ายังดูของไม่หมดเลย เดินต่อเถอะ” ดิษยาว่าก่อนจะจูงมือแม่พลอยให้เดินตามกันมา ส่วนอิ่มและแปลกก็เดินตามมาติดๆ
“แม่พลอยดูสิ สร้อยข้อมือทับทิมนี้สวยมั้ย” ดิษยาหยิบขึ้นมาโชว์ให้แม่พลอยดูหลังจากที่ลากเพื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายเครื่องประดับ
“เจ้าล้อข้าเล่นฤๅแม่แพร เจ้าก็รู้ว่าบ้านข้านั้นขายเครื่องประดับแลเพชรนิลจินดา...งามกว่านี้ข้าก็เห็นมานักต่อนัก.....เจ้าวางเถิด หากอยากได้สวยกว่านี้ข้าจักพาเจ้าไปเลือกทีเรือน” ดิษยายอมวางแต่โดยดี แต่ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากได้หรอกนะ เป็นเพราะเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้พกเงินติดตัวมาซักบาทน่ะสิ
‘เอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวค่อยมาซื้อ’ ดิษยาคิด
“แม่พลอยล่ะอยากได้อะไรมั้ย”
“ข้าอยากจักได้น้ำอบฝาหรั่ง”
“น้ำอบฝาหรั่ง....อ๋อน้ำหอม ขายที่ไหนล่ะ...ไปสิ”
“ข้ามิรู้ดอก มาตลาดกับคุณแม่เมื่อใดก็ไม่กล้าซื้อ ด้วยว่าคุณแม่ท่านมิอยากให้ใช้...ท่านว่าน้ำอบไทยนั้นหอมกว่า...ข้ารู้เพียงว่ามีขายที่นี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าร้านใด”
“ประเดี๋ยวบ่าวไปถามร้านแถวนี้ให้เจ้าค่ะ แม่นายรอ กงนี้หนาเจ้าคะ” ก่อนจะเดินไปถามเหล่าร้านค้าแถวๆนี้ อิ่มก็ยังไม่วายสั่งกำชับนายแปลกให้ดูแลพวกเธอทั้งสองคนอย่างดี นายแปลกก็ตบปากรับคำ
“พูดถึงน้ำหอมแล้วข้าก็อยากได้เครื่องสำอางค์เหมือนกันนะ ไม่รู้ที่นี่มีขายรึเปล่า” ดิษยานึกถึงตอนตัวเองอยู่ที่ยุคปัจจุบัน เมื่อใดที่เธอเดินเข้าห้างสรรพสินค้า เธอต้องเข้าไปเดินใน Sephora เสมอ แม้บางครั้งจะไม่ได้อะไรติดมือมาก็เถอะ
“ข้าอยากได้ที่เขียนคิ้วน่ะ”
พิมพ์แพรเป็นผู้หญิงที่มีคิ้วบางโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหางคิ้ว ดิษยาคิดว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าเธอได้อะไรมาเขียนให้มันดกดำซักหน่อย
“เขียนคิ้วฤๅ? เป็นเยี่ยงไร ใช้ดินสอเขียนฤๅ?”
“อืม บางคนก็ใช้ดินสอ แต่ที่ข้าอยากได้ มันเป็นแบบผงๆ ผงสีดำๆละเอียด แล้วก็ใช้แปรงอันเล็กๆไปป้ายแล้วก็เอามาเขียนคิ้วแบบนี้ๆ” ดิษยาทำท่าทางเอามือเขียนคิ้วประกอบ “แต่แม่พลอยมีคิ้วอยู่แล้ว คงไม่ต้องใช้ ขนาดเจ้าไม่ใช้ ชายทั้งหลายในตลาดก็ชายตามองเจ้าจะแย่แล้ว”
แม่พลอยเขินจนหน้าแดงจนเผลอเอามือขึ้นมาลูปบนใบหน้า “เจ้าก็ ข้านั้นงามสู้เจ้าเมื่อก่อนไม่ได้ดอกหนา เขารู้กันทั่วคุ้งน้ำว่าลูกสาวท่านออกญาเสนารักษ์นั้นงามราวกับนางอัปสร”
“แต่เสียดาย ตอนนี้หน้าสิว แถมยังอ้วนด้วย” ดิษยาจิ้มพุงตัวเอง
“กายไม่งาม แต่อย่างไรใจเจ้าก็งามหนาแม่แพร...ใช่หรือไม่ไอ้แปลก” แม่พลอยหันไม่ถามนายแปลกที่ยืนห่างออกไป
“งามขอรับ” พูดอีกก็ถูกอีก ดิษยาลอบยิ้มด้วยความเป็นคนบ้ายอ
อันที่จริงตัวแม่แพรนี้ก็งาม แต่งามในหกอาทิตย์ข้างหน้าตะหากล่ะ
ไม่นานอิ่มก็กลับมา เธอได้ความว่าร้านขายน้ำอบฝาหรั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เพียงเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้ว ทั้งสี่คนเดินเข้ามาในร้านที่เจ้าของดูเหมือนจะเป็นชาวแขก เขากล่าวต้อนรับเป็นภาษาไทยแต่ก็ยังติดสำเนียงบ้านเกิดอยู่มาก ในร้านเต็มไปด้วยของใช้ต่างๆไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับเอย ถ้วยชามรามไหเอย
“แม่หญิงพลอยจะมาซื้อน้ำหอม มีขายหรือไม่” อิ่มเป็นตัวแทนไปคุยกับพ่อค้าแขก
“มีคอรับ แม๊หญิงเชิญลองดมดู๊ก่อนคอรับ นี่เป็นนามอบ มาจากฟรานซ์คอรับ”
“ว๊าว น้ำหอมฝรั่งเศส...มาแม่พลอยข้าจะช่วยเลือกกลิ่นที่เหมาะกับบุคคลิกเจ้านะ”
“บุคคลิกฤๅ?”
ดิษยาใช้เวลาชั่วครู่อธิบายให้แม่พลอยฟังว่าน้ำหอมนั้นมีกลิ่นที่หลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลิ่นที่หอมทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรกลิ่นหอมเหล่านั้นก็มีความแตกต่างกัน หากเราเลือกใช้น้ำหอมที่เหมาะกับลักษณะนิสัยของตัวเองได้ ก็จะสามารถเสริมเสน่ห์ให้กับตัวเองได้ด้วย
“เช่นนั้นเจ้าช่วยเลือกให้ข้าหน่อยเถิดแม่แพร ว่าข้าควรใช้กลิ่นเช่นไรจึงจักมีเสน่ห์”
“ข้าว่าแม่พลอยต้องใช้กลิ่นหวานๆเพราะเจ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานยังไงเล่า” ดิษญาเย้าแม่พลอยจนหน้าแดงอีกแล้ว “เอ ไหนดูซิ ดมขวดนี้ก่อนก็แล้วกัน” ดิษยาไล่ดมน้ำหอมทีละขวดจากน้ำหอมนับสิบขวดที่ถูกนำขึ้นมาตั้งเรียงรายให้เลือกสรร บางครั้งเธอก็ต้องหยุดดม เพราะว่ากลิ่นในจมูกเธอมันเริ่มตีกันซะแล้ว น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่มีเมล็ดกาแฟให้ดมเหมือนในร้านวิคตอเรียซีเคร็ตที่เธอชอบไปซื้อน้ำหอมบ่อยๆ
“แม่พลอยลองดมดูสิ ว่าชอบมั้ย” ดิษยายื่นขวดน้ำหอมไปใกล้จมูกแม่พลอย
“หอมนัก...กลิ่นหวานดังเจ้าว่าแม่แพร”
“พี่อิ่มกับแปลกก็มาลองดมด้วยกันสิ” ดิษยากวักมือเรียก อิ่มยิ้มแป้นก่อนจะรีบมาดม ด้วยว่าเธอนั้นก็เป็นผู้หญิงทว่าเป็นบ่าวแต่ก็มีบุญนักที่ได้มีโอกาสดอมดมน้ำอบฝาหรั่งเช่นนี้ ต่างกับแปลกที่ทำท่าทางงะๆเงิ่นๆเพราะว่าตัวเองเป็นผู้ชาย
“มาเหอะน่า” ดิษยาย้ำ แปลกจึงยอมดมกลิ่นดู
“หอมมั้ย” ดิษยาถาม
“หอมเจ้าค่ะ/หอมขอรับ” บ่าวทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียง ก็แหงน่ะสิน้ำหอมขวดนี้เลือกโดยดิษยา บิวตี้บล็อกเกอร์ท็อปทเวตี้ของไทยเชียวนะ ไม่มีเทสต์ให้ตบหน้าได้เลย
“งั้นเอาขวดนี้เนาะแม่พลอย” แม่พลอยพนักหน้าเป็นเชิงตอบรับ “คนขายช่วยห่อให้ข้าด้วย ห่อดีๆล่ะ” ดิษยายื่นขวดน้ำหอมให้พ่อค้าแขก
“คอรับ แม่หญิงตาทึงมากคอรับ กระพมจะไปห่อให้เดี๋ยวนี้คอรับ” พ่อค้าแขกว่าก่อนจะเดินเข้าหลังร้านไป
ระหว่างที่พวกเธอยืนรออยู่ในร้าน ก็มีลูกค้าทั้งหญิงชายเข้ามาแวะเวียนดูในร้านไม่ขาด บ้างก็มาดูเดี๋ยวเดียวก็เดินออกไป บ้างก็ยืนรอพ่อค้าแขกเพื่อจะถามรอคาของ แต่จู่ๆเสียงคนในร้านที่เคยจอแจก็เงียบลงเมื่อผู้ชายสองคนเดินเข้ามาในร้าน
คนหนึ่งแต่งตัวดีดูภูมิฐาน ทว่าไว้หนวดและมีท่าทีจองหองแต่ด้วยส่วนสูงที่ไม่ได้มากไปกว่าเธอเท่าไหร่ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนตัวตลกมากกว่าสำหรับดิษยา อีกคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้ที่พร้อมจะบวกอยู่ตลอดเวลา
“แฮะแฮ่ม” เขามายืนกระแอมอยู่ข้างๆดิษยา แต่เธอไม่ได้สนใจ
ในขณะเดียวกันแม่พลอยกับอิ่มนั้นยืนเงียบกริบเหมือนจะรู้จักชายคนนี้ ส่วนแปลกเมื่อสังเกตุว่าแม่พลอยกับอิ่มเงียบไปตั้งแต่ชายผู้นี้เดินเข้ามาจึงได้ลอบมองลักษณะท่าทางของเขาเพื่อดูว่ามีท่าทีดีร้ายอย่างไร
“อะแฮ่ม แฮ่ม”
“อะไรติดคอเหรอ?” ดิษยาหันไปถามด้วยความรำคาญหลังจากที่เธอทนฟังมานาน ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ได้กระแฮมเพราะป่วยหรือมีเสมหะ แต่เหมือนจะเรียกร้องความสนใจซะมากกว่า
การที่แม่แพรพูดตอกหน้าเขาไปเมื่อครู่ ทำให้แม่พลอยกับอิ่มถึงกับอึ้ง
“เจ้า!” เขามีท่าทีโกรธ แต่ทว่ามันยิ่งดูน่ารำคาญสำหรับดิษยา เธอจึงทำเป็นไม่ได้ยิน
“มะ แม่นายอย่าพูดกับคุณพี่เช่นนั้นสิเจ้าคะ” อิ่มน้ำเสียงสั่น
“คุณพี่เหรอ?” ดิษยาเบิกตาโพลง หรือว่าเธอดันไปทำท่าทางเสียมารยาทกับญาติฝ่ายไหนของแม่แพรอีกล่ะเนี่ย “คุณพี่ไหน?” ดิษยาแอบกระซิบถามอิ่ม อิ่มอ้าปากกำลังจะกระซิบใส่หูเธอ
“นี่เจ้าลืมคู่หมายเจ้าไปแล้วรึ แม่แพร” แค่เพียงคำว่า ‘คู่หมาย’ ดิษยาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาทันที
“นี่น่ะเหรอ หมื่นพิทักษ์เทวา?” ดิษยาตะแคงใบหน้าถามเสียงเรียบ ก่อนจะยกเมื่อสองข้างขึ้นมากอดอก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ