พลิกฟ้าล้างปฐพี
-
เขียนโดย WCSD
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.10 น.
11 บท
0 วิจารณ์
12.09K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) เมืองลั่วหยาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากใช้เวลาเดินทางอยู่ราวสองอาทิตย์ในที่สุดเทียนฟงก็เดินทางมาจนถึงทางเข้าของเมืองลั่วหยาง มันใหญ่โตกว่าเมืองฉางอันที่เทียนฟงเคยอาศัยอยู่เป็นหลายเท่า เมืองลั่วหยางถือเป็นหนึ่งในสามเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรอัปสรสีชาด เมื่อเดินลอดผ่านประตูเมืองขนาดใหญ่โตที่ทำจากหินอ่อนเข้าไในเขตของเมืองเขาพบกับผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเดินกันขวั่กไขว่เขาเคยได้ยินมาว่าเมืองลั่วหยางมีผู้คนมากมายแต่ก็ไม่คิดว่าจะมากมายถึงขนาดถนนแทบจะไม่มีช่องว่างให้เบียดเสียด ร้านอาหารต่างๆเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เทียนฟงทำตัวงักๆเงิ่นๆไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีไม่ว่าทางไหนก็เต็มไปด้วยผู้คนจนพบกับชายชราผู้หนึ่งกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ แม้จะมีเสียงโหวกเหวกวุ่นวายแต่ผู้เฒ่าคนนั้นกลับจิบน้ำชาด้วยหน้าตาที่ดูสงบราวกับไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น เทียนฟงเดินเข้าไปหาชายชราผู้นั้นเพื่อถามไถ่หาร้านที่เขาจะสามารถขายแกนของสัตว์อสูรวิญญาณได้
"ผู้อาวุโสข้าน้อยขอรบกวนเวลาสักครู่จะได้ไหม"เทียนฟงคารวะชายแก่อย่างนอบน้อม
"หายากๆ รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ อัจฉริยะ จะมีความนอบน้อมเช่นนี้ หายากจริงๆ"ชายชราพูดขึ้นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ นั่นทำให้เทียนฟงดูงุนงงพอสมควร
"หมายถึงข้า?"เทียนฟงถามชายแก่
"ฮ่าๆเจ้านี่ช่างโง่นัก มีอะไรก็ว่ามา"ชายชราหันหน้ามาหาเทียนฟง
"ข้าต้องการหาร้านที่จะสามารถขายแกนกลางของสัตว์อสูรได้ ข้าพึ่งมาถึงเมืองนี้เมื่อครู่ ข้าไม่รู้ว่ามันอยุ่ตรงไหน หากท่านยอมช่วยข้าจะรู้สึงซึ้งใจเป็นอย่างมาก" ชายชรามองเทียนฟงด้วยสายตาที่ดูพิศวงเขามองเทียนฟงครู่หนึ่งหลังจากที่ฟังเทียนฟงพูดเสร็จแล้ว
"ไม่เลวๆ ข้าจะนำทางเจ้าเองหากเจ้าไปคนเดียวอาจโดนพวกผู้ค้าโกงได้"ชายชราลุกขึ้นและเดินนำหน้าเทียนฟงเข้าไปในตรอกมืดแรกๆเทียนฟงก็กล้าๆกลัวๆว่าจะติดตามชายชราผู้นั้นไปดีหรือไม่หากมันเป็นยอดฝีมือแล้วเขาจะทำเช่นไรแต่ก็คิดไปว่าหากจะแย่งของจากเขาจริงคงไม่ปล่อยให้เสียเวลาตั้งแต่ที่เขาถามตอนแรกแล้ว หลังจากเดินเพียงไม่นานชายชราก็มาหยุดตรงหน้าร้านๆหนึ่ง ป้ายหน้าร้านเขียนว่า "จันทรานิรันด์" มันเป็นร้านที่ค่อนข้างจะดูหรูหราพอสมควรแม้จะไม่มีขนาดใหญ่โตมากเท่าไหร่นักเทียนฟงเดินตามชายชราเข้าไปข้าในร้าน เขาสังเกตุเห็นว่าตั้งแต่ที่เขาตามชายชราเข้าสู่ร้านจันทรานิรันด์ผู้คนในร้านต่างโค้งคำนับมาทางเขาเมื่อเดินเข้ามาสักพักหนึ่งชายวัยกลางคนที่กำลังยืนจัดแจงแจกงานแก่ลูกน้องภายในร้านก็เหลือบมาเห็นชายชราและเทียนฟงยืนรออยู่เขารีบมาโค้งคำนับทันที่ก่อนที่จะทันเอ่ยปากอะไรออกไปชายชราก็ยกมือห้ามปรามเขาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เขาพูดอะไร ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับก่อนจะหันมาพูดกับเทียนฟง
"ข้ามีนามว่าเหยียนเจ้าเวย ไม่ทราบว่าท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด"ชายวัยกลางคนยิ้มทักทายเทียนฟง
"ข้าต้องการขายแกนกลางของอสรพิษกระดูก"เทียนฟงหยิบแกนกลางออกมาจากกระเป๋าหน้าอกปราณของมันแผ่ออกมาโดยทันที เหล่าคนในร้านดูตกใจพอสมควร พวกเขาเเปลกใจที่เทียนฟงอายุคงไม่เกินสิบแปดปีเขากลับพกแกนกลางของสัตว์อสูรระดับสูงติดไว้กับตัว เหยียนเจ้าเวยทำหน้าตาดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
"ข้าไม่สามารถบอกพวกท่านว่าข้าได้มันมาได้อย่างไรแต่ข้าสามารถพูดได้เต็มปากข้าวิธีที่ข้าได้รับมันมานั้นไม่ผิดศีลธรรมเลยแม้แต่น้อย"เทียนฟงพอจะเดาความคิดของเจ้าเวยได้จากหน้าตาที่เขาแสดงออกมา
"อย่าได้เข้าใจผิดข้าเพียงสงสัยเล็กน้อยที่รุ่นเยาว์เช่นท่านกับสามารถพิชิตสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงเช่นอสรพิษกระดูกได้"เจ้าเวยรีบพูดออกไป ชายชราที่อยู่ข้างๆเองก็ทำหน้าตาที่พอใจอยู่ไม่น้อย
"ไม่เป็นไร ข้าบอกได้เพียงว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ"เมื่อเทียนฟงพูดออกไปทำให้ความสงสัยในตัวเขาคลายลงในทันทีชายวัยกลางคนวางแกนของอสรพิษกระดูกลงบนถาดที่คนรับใช้ถือเอาไว้ เขาหายเข้าไปหลังร้านอยู่ครู่หนึ่งจึงรีบเดินออกมาพร้อมกับถุงผ้าถุงหนึ่ง
"นี่เงินจำนวนหนึ่งแสนเหรียญเงิน มันเป็นของเจ้า"เจ้าเวยยื่นถุงผ้าใส่เงินให้กับเทียนฟง
"ได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ"เทียนฟงหยิบถุงเงินจากมือของเจ้าเวย เงินขนาดนี้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นปีๆเลยหากไม่ฟุ่มเฟือย เมือได้เงินจากการขายแกนกลางของสัตว์อสูรแล้วเทียนฟงจึงหันมาคำนับขอบคุณชายชราที่พาเขามายังที่นี่และโค้งคำนับให้กับเหยียนเจ้าเวยอีกด้วยหลังจากนั้นจึงหันหลังเดินออกจากร้านจันทรานิรันด์ไป
"เรียนท่านประมุข เหตุใดท่านจึงเดินนำทางเขามายังร้านได้"เจ้าเวยหันไปถามชายชราด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิ เพียงพบก็รู้สึกถูกชะตา อีกอย่างด้วยอายุเพียงเท่านี้กลับอยู่ในระดับปราณก่อร่างแล้ว หากเขาเข้าสำนักเราได้ก็คงก็ดีไม่น้อย"ชายชราลูบหนวดเครา
"ไม่แน่ขอรับ วันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่ทางสำนักของเราจะเป็นรับสมัครคนทั่วไปเป็นศิษย์ ข้าเดาว่าเขาคงต้องมาแน่นอนไม่อย่างงั้นเขาคงไม่เดินทางมาถึงเมืองลั่วหยางแห่งนี้หรอก"เจ้าเวยยิ้มให้ชายชรา
"ก็หวังอย่างงั้น"ชายชราพูดออกมาเบาๆ
รุ่งขึ้นเทียนฟงเหยียดแขนไปมาหลังตื่นนอนเมื่อคืนหลังจากที่เขาออกมาจากร้านจันทรานิรันด์ก็ตระเวนหาห้องพักเพื่อจะพักผ่อนเอาแรงหลังจากที่หามานานพอสมควรเขาจึงได้มาพักที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างจะทรุดโทรมแต่เจ้าของกลับใจดีเป็นอย่างมากนั่นทำให้เทียนฟงค่อนข้างสบายใจที่จะพักที่นี่มากกว่าที่พักหรูๆที่คับคั่งไปด้วยผู้คน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักสุริยันจันทราโดยรวดเร็ว ในตอนแรกนั้นเขายังไม่คิดว่าจะไปในทันทีแต่ทว่าเมื่อแอบได้ยินคนที่มาพักโรงเตี้ยมพูดคุยกันว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ทางสำนักจะเปิดการทดสอบรับศิษย์แล้วเขาจึงรีบเตรียมตัวในทันที เมื่อออกจากโรงเตี้ยมมาซักพักหนึ่งเขาก็มาถึงหน้าสำนักสุริยันจันทราผู้คนเนืองแน่นเต็มหน้าลานรับสมัครเทียนฟงเดินเข้าไปต่อแถวเพื่อรับการลงชื่อเพื่อเข้าทดสอบ จนเวลาล่วงเลยไปพักหนึ่งจึงถึงคิวของเขาในระหว่างที่เขากำลังจะเซ็นชื่ออยู่นั้นเสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้นจากข้างหลังของเขา
"เจ้าหยุดเซ็นชื่อก่อน ให้ข้าเซ็นก่อนเจ้า"ปรากฎเป็นหญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาทางเทียนฟง หน้าตาของหล่อนค่อนข้างจะใช้ได้เลยทีเดียวรูปร่างก็ค่อนข้างจะดูดี หล่อนเดินนำหน้าชายฉกรรณ์สามสี่คนที่คาดว่าจะเป็นผู้ติดตาม
"แต่ข้าต่อคิวตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว หากแม่นางพึ่งจะมาถึงก็ควรที่จะต่อคิวด้านหลัง ไม่ควรแซงลัดหน้าผู้อื่น"เทียนฟงพูดเสียงเรียบๆ
"เจ้ากล้าสั่งข้างั้นเหรอ ไม่รุ้รึว่าข้าเป็นใคร"หญิงสาวผู้นั้นทำใบหน้าหยามเหยียด
"ก็เป็นแค่คนที่ไร้มารยาทหนะสิ"เทียนฟงพุดขึ้นลอยๆก่อนจะหันหน้ามาเซ็นชื่อต่อ
"เจ้ากล้าด่าข้า ไอ้สวะจากตระกูลชั้นต่ำ ข้าจะสั่งสอนเจ้า จัดการมัน"หญิงสาวชี้นิ้วไปทางเทียนฟงทำให้ชายฉกรรณ์ทั้งสี่คนพยักหน้าก่อนจะกระโดดเข้าหาเทียนฟงโดยทันที
"เจ้าชั่งไร้โชคเสียจริงที่ทำให้องค์หญิงน้อยของเราโกรธ หากเจ้ายอมตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้แล้ว"หนึ่งในชายฉกรรณ์พูดขึ้นมาก่อนจะเร่งลมปราณจนเกิดเป็นรูปร่างราวกับหมาจิ้งจอก
"ผายลมเก่งเสียจริง"เทียนฟงเร่งรุดเบ่งพลังปราณเหมอนกันแต่ทว่าพลังปราณของเทียนฟงนั้นแข็งแกร่งกว่าทั้งสี่คนนั้น มันหนักอึ้งจนทำให้ทั้งสี่คนนั้นแทบจะหายใจไม่ออก ทำให้พวกมันเกิดความลังเลที่จะเข้าโจมตีชายหนุ่ม เทียนฟงไม่รอช้าหมุนเวียนปราณมาไว้ที่เท้าทำให้เข้าพุ่งตัวเข้าหาพวกมันทั้งสี่โดยความรวดเร็วจนสายตาธรรมดาแทบจะมองไม่เห็น ก่อนจะเริ่มเหวี่ยงหมัดไปมาอย่างไร้ซึ่งรูปแบบทำให้ทั้งสี่คามเดาการกระทำของเทียนฟงไม่ออก เทียนฟงปล่อยหมัดไปสี่หมัดทำให้ทั้งสี่คนถึงกลับกระเด็นออกไปไกลพอสมควร พวกมันกระอักเลือดด้วยอาการบาดเจ็บ
"ปราณก่องร่างขั้นที่สอง" เหล่าฝูงชนต่างตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวที่เป็นนายของชายทั้งสี่ที่นอนแน่นิ่ง หล่อนแสดงสีหน้าหวาดกลัวเทียนฟง อย่างเห็นได้ชัด เทียนฟงเดินย่างกรายเข้าไปหาหล่อนอย่างช้าๆ
"หยุดนะ เจ้าจะทำอะไรข้า หากเจ้าทำร้ายข้าตระกูลหลินไม่เอาเจ้าไว้แน่"หญิงสาวข่มขู่เทียนฟง หล่อนไม่สามารถสู้กับเทียนฟงได้ขนาดผู้คุ้มกันของหล่อนยังสู้เขาไม่ได้แล้วหล่อนจะทำได้อย่างงั้นเหรอ
"ตระกูลหลิน นางเป็นคนของตระกูลหลินอย่างงั้นเหรอ งั้นนางก็คือ หลินอี้เฟย ธิดาของจตุรเทพลั่วหยาง หลินป้าตือ รีบหยุดเจ้าหนุ่มนั่นเร็ว ก่อนที่มันจะตัดอนาคตตัวเอง"เหล่าฝูงชนรีบตะโกนห้ามปรามเทียนฟงแต่ดูเหมือนเขาจะทำเป็นไม่ได้ยิน
"ที่บ้านของข้า เมืองเกิดของข้า เจ้ารู้มั้ยว่าการรักษามารยาทนั้นเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้"เทียนฟงเดินดุ่มๆเข้าหาหญิงสาวที่เดินถอยหลังอยู่ท่ามกลางเสียงห้ามของเหล่าฝูงชน
"เพียะ!!!"เสียงตบดังขึ้น พร้อมกับหน้าของหล่อนที่หันไปตามแรงตบ เหล่าฝูงชนต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น
"นี่สำหรับที่เจ้ากล่าวดูถูกตระกูลของข้า"เทียนฟงมองหลินอี้เฟยด้วยสายตาที่ดูหมิ่น
"เจ้านั้นมันบ้าหรืออย่างไร ไม่รู้หรืออย่างไรว่าหลินป้าตือมันโหดขนาดไหน"เหล่าฝูงชนต่างตื่นตระหนกพร้อมกร่นด่าเทียนฟงในใจ เทียนฟงไม่สนใจกับเสียงพูดเหล่านั้นสำหรับเขาคนผิดก็คือคนผิดแถมยังดูถูกตระกูลที่เขารักอีกนั่นไม่สามารถให้อภัยได้
*********************
"ผู้อาวุโสข้าน้อยขอรบกวนเวลาสักครู่จะได้ไหม"เทียนฟงคารวะชายแก่อย่างนอบน้อม
"หายากๆ รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ อัจฉริยะ จะมีความนอบน้อมเช่นนี้ หายากจริงๆ"ชายชราพูดขึ้นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ นั่นทำให้เทียนฟงดูงุนงงพอสมควร
"หมายถึงข้า?"เทียนฟงถามชายแก่
"ฮ่าๆเจ้านี่ช่างโง่นัก มีอะไรก็ว่ามา"ชายชราหันหน้ามาหาเทียนฟง
"ข้าต้องการหาร้านที่จะสามารถขายแกนกลางของสัตว์อสูรได้ ข้าพึ่งมาถึงเมืองนี้เมื่อครู่ ข้าไม่รู้ว่ามันอยุ่ตรงไหน หากท่านยอมช่วยข้าจะรู้สึงซึ้งใจเป็นอย่างมาก" ชายชรามองเทียนฟงด้วยสายตาที่ดูพิศวงเขามองเทียนฟงครู่หนึ่งหลังจากที่ฟังเทียนฟงพูดเสร็จแล้ว
"ไม่เลวๆ ข้าจะนำทางเจ้าเองหากเจ้าไปคนเดียวอาจโดนพวกผู้ค้าโกงได้"ชายชราลุกขึ้นและเดินนำหน้าเทียนฟงเข้าไปในตรอกมืดแรกๆเทียนฟงก็กล้าๆกลัวๆว่าจะติดตามชายชราผู้นั้นไปดีหรือไม่หากมันเป็นยอดฝีมือแล้วเขาจะทำเช่นไรแต่ก็คิดไปว่าหากจะแย่งของจากเขาจริงคงไม่ปล่อยให้เสียเวลาตั้งแต่ที่เขาถามตอนแรกแล้ว หลังจากเดินเพียงไม่นานชายชราก็มาหยุดตรงหน้าร้านๆหนึ่ง ป้ายหน้าร้านเขียนว่า "จันทรานิรันด์" มันเป็นร้านที่ค่อนข้างจะดูหรูหราพอสมควรแม้จะไม่มีขนาดใหญ่โตมากเท่าไหร่นักเทียนฟงเดินตามชายชราเข้าไปข้าในร้าน เขาสังเกตุเห็นว่าตั้งแต่ที่เขาตามชายชราเข้าสู่ร้านจันทรานิรันด์ผู้คนในร้านต่างโค้งคำนับมาทางเขาเมื่อเดินเข้ามาสักพักหนึ่งชายวัยกลางคนที่กำลังยืนจัดแจงแจกงานแก่ลูกน้องภายในร้านก็เหลือบมาเห็นชายชราและเทียนฟงยืนรออยู่เขารีบมาโค้งคำนับทันที่ก่อนที่จะทันเอ่ยปากอะไรออกไปชายชราก็ยกมือห้ามปรามเขาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เขาพูดอะไร ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับก่อนจะหันมาพูดกับเทียนฟง
"ข้ามีนามว่าเหยียนเจ้าเวย ไม่ทราบว่าท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด"ชายวัยกลางคนยิ้มทักทายเทียนฟง
"ข้าต้องการขายแกนกลางของอสรพิษกระดูก"เทียนฟงหยิบแกนกลางออกมาจากกระเป๋าหน้าอกปราณของมันแผ่ออกมาโดยทันที เหล่าคนในร้านดูตกใจพอสมควร พวกเขาเเปลกใจที่เทียนฟงอายุคงไม่เกินสิบแปดปีเขากลับพกแกนกลางของสัตว์อสูรระดับสูงติดไว้กับตัว เหยียนเจ้าเวยทำหน้าตาดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
"ข้าไม่สามารถบอกพวกท่านว่าข้าได้มันมาได้อย่างไรแต่ข้าสามารถพูดได้เต็มปากข้าวิธีที่ข้าได้รับมันมานั้นไม่ผิดศีลธรรมเลยแม้แต่น้อย"เทียนฟงพอจะเดาความคิดของเจ้าเวยได้จากหน้าตาที่เขาแสดงออกมา
"อย่าได้เข้าใจผิดข้าเพียงสงสัยเล็กน้อยที่รุ่นเยาว์เช่นท่านกับสามารถพิชิตสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงเช่นอสรพิษกระดูกได้"เจ้าเวยรีบพูดออกไป ชายชราที่อยู่ข้างๆเองก็ทำหน้าตาที่พอใจอยู่ไม่น้อย
"ไม่เป็นไร ข้าบอกได้เพียงว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ"เมื่อเทียนฟงพูดออกไปทำให้ความสงสัยในตัวเขาคลายลงในทันทีชายวัยกลางคนวางแกนของอสรพิษกระดูกลงบนถาดที่คนรับใช้ถือเอาไว้ เขาหายเข้าไปหลังร้านอยู่ครู่หนึ่งจึงรีบเดินออกมาพร้อมกับถุงผ้าถุงหนึ่ง
"นี่เงินจำนวนหนึ่งแสนเหรียญเงิน มันเป็นของเจ้า"เจ้าเวยยื่นถุงผ้าใส่เงินให้กับเทียนฟง
"ได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ"เทียนฟงหยิบถุงเงินจากมือของเจ้าเวย เงินขนาดนี้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นปีๆเลยหากไม่ฟุ่มเฟือย เมือได้เงินจากการขายแกนกลางของสัตว์อสูรแล้วเทียนฟงจึงหันมาคำนับขอบคุณชายชราที่พาเขามายังที่นี่และโค้งคำนับให้กับเหยียนเจ้าเวยอีกด้วยหลังจากนั้นจึงหันหลังเดินออกจากร้านจันทรานิรันด์ไป
"เรียนท่านประมุข เหตุใดท่านจึงเดินนำทางเขามายังร้านได้"เจ้าเวยหันไปถามชายชราด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิ เพียงพบก็รู้สึกถูกชะตา อีกอย่างด้วยอายุเพียงเท่านี้กลับอยู่ในระดับปราณก่อร่างแล้ว หากเขาเข้าสำนักเราได้ก็คงก็ดีไม่น้อย"ชายชราลูบหนวดเครา
"ไม่แน่ขอรับ วันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่ทางสำนักของเราจะเป็นรับสมัครคนทั่วไปเป็นศิษย์ ข้าเดาว่าเขาคงต้องมาแน่นอนไม่อย่างงั้นเขาคงไม่เดินทางมาถึงเมืองลั่วหยางแห่งนี้หรอก"เจ้าเวยยิ้มให้ชายชรา
"ก็หวังอย่างงั้น"ชายชราพูดออกมาเบาๆ
รุ่งขึ้นเทียนฟงเหยียดแขนไปมาหลังตื่นนอนเมื่อคืนหลังจากที่เขาออกมาจากร้านจันทรานิรันด์ก็ตระเวนหาห้องพักเพื่อจะพักผ่อนเอาแรงหลังจากที่หามานานพอสมควรเขาจึงได้มาพักที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างจะทรุดโทรมแต่เจ้าของกลับใจดีเป็นอย่างมากนั่นทำให้เทียนฟงค่อนข้างสบายใจที่จะพักที่นี่มากกว่าที่พักหรูๆที่คับคั่งไปด้วยผู้คน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักสุริยันจันทราโดยรวดเร็ว ในตอนแรกนั้นเขายังไม่คิดว่าจะไปในทันทีแต่ทว่าเมื่อแอบได้ยินคนที่มาพักโรงเตี้ยมพูดคุยกันว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ทางสำนักจะเปิดการทดสอบรับศิษย์แล้วเขาจึงรีบเตรียมตัวในทันที เมื่อออกจากโรงเตี้ยมมาซักพักหนึ่งเขาก็มาถึงหน้าสำนักสุริยันจันทราผู้คนเนืองแน่นเต็มหน้าลานรับสมัครเทียนฟงเดินเข้าไปต่อแถวเพื่อรับการลงชื่อเพื่อเข้าทดสอบ จนเวลาล่วงเลยไปพักหนึ่งจึงถึงคิวของเขาในระหว่างที่เขากำลังจะเซ็นชื่ออยู่นั้นเสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้นจากข้างหลังของเขา
"เจ้าหยุดเซ็นชื่อก่อน ให้ข้าเซ็นก่อนเจ้า"ปรากฎเป็นหญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาทางเทียนฟง หน้าตาของหล่อนค่อนข้างจะใช้ได้เลยทีเดียวรูปร่างก็ค่อนข้างจะดูดี หล่อนเดินนำหน้าชายฉกรรณ์สามสี่คนที่คาดว่าจะเป็นผู้ติดตาม
"แต่ข้าต่อคิวตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว หากแม่นางพึ่งจะมาถึงก็ควรที่จะต่อคิวด้านหลัง ไม่ควรแซงลัดหน้าผู้อื่น"เทียนฟงพูดเสียงเรียบๆ
"เจ้ากล้าสั่งข้างั้นเหรอ ไม่รุ้รึว่าข้าเป็นใคร"หญิงสาวผู้นั้นทำใบหน้าหยามเหยียด
"ก็เป็นแค่คนที่ไร้มารยาทหนะสิ"เทียนฟงพุดขึ้นลอยๆก่อนจะหันหน้ามาเซ็นชื่อต่อ
"เจ้ากล้าด่าข้า ไอ้สวะจากตระกูลชั้นต่ำ ข้าจะสั่งสอนเจ้า จัดการมัน"หญิงสาวชี้นิ้วไปทางเทียนฟงทำให้ชายฉกรรณ์ทั้งสี่คนพยักหน้าก่อนจะกระโดดเข้าหาเทียนฟงโดยทันที
"เจ้าชั่งไร้โชคเสียจริงที่ทำให้องค์หญิงน้อยของเราโกรธ หากเจ้ายอมตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้แล้ว"หนึ่งในชายฉกรรณ์พูดขึ้นมาก่อนจะเร่งลมปราณจนเกิดเป็นรูปร่างราวกับหมาจิ้งจอก
"ผายลมเก่งเสียจริง"เทียนฟงเร่งรุดเบ่งพลังปราณเหมอนกันแต่ทว่าพลังปราณของเทียนฟงนั้นแข็งแกร่งกว่าทั้งสี่คนนั้น มันหนักอึ้งจนทำให้ทั้งสี่คนนั้นแทบจะหายใจไม่ออก ทำให้พวกมันเกิดความลังเลที่จะเข้าโจมตีชายหนุ่ม เทียนฟงไม่รอช้าหมุนเวียนปราณมาไว้ที่เท้าทำให้เข้าพุ่งตัวเข้าหาพวกมันทั้งสี่โดยความรวดเร็วจนสายตาธรรมดาแทบจะมองไม่เห็น ก่อนจะเริ่มเหวี่ยงหมัดไปมาอย่างไร้ซึ่งรูปแบบทำให้ทั้งสี่คามเดาการกระทำของเทียนฟงไม่ออก เทียนฟงปล่อยหมัดไปสี่หมัดทำให้ทั้งสี่คนถึงกลับกระเด็นออกไปไกลพอสมควร พวกมันกระอักเลือดด้วยอาการบาดเจ็บ
"ปราณก่องร่างขั้นที่สอง" เหล่าฝูงชนต่างตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวที่เป็นนายของชายทั้งสี่ที่นอนแน่นิ่ง หล่อนแสดงสีหน้าหวาดกลัวเทียนฟง อย่างเห็นได้ชัด เทียนฟงเดินย่างกรายเข้าไปหาหล่อนอย่างช้าๆ
"หยุดนะ เจ้าจะทำอะไรข้า หากเจ้าทำร้ายข้าตระกูลหลินไม่เอาเจ้าไว้แน่"หญิงสาวข่มขู่เทียนฟง หล่อนไม่สามารถสู้กับเทียนฟงได้ขนาดผู้คุ้มกันของหล่อนยังสู้เขาไม่ได้แล้วหล่อนจะทำได้อย่างงั้นเหรอ
"ตระกูลหลิน นางเป็นคนของตระกูลหลินอย่างงั้นเหรอ งั้นนางก็คือ หลินอี้เฟย ธิดาของจตุรเทพลั่วหยาง หลินป้าตือ รีบหยุดเจ้าหนุ่มนั่นเร็ว ก่อนที่มันจะตัดอนาคตตัวเอง"เหล่าฝูงชนรีบตะโกนห้ามปรามเทียนฟงแต่ดูเหมือนเขาจะทำเป็นไม่ได้ยิน
"ที่บ้านของข้า เมืองเกิดของข้า เจ้ารู้มั้ยว่าการรักษามารยาทนั้นเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้"เทียนฟงเดินดุ่มๆเข้าหาหญิงสาวที่เดินถอยหลังอยู่ท่ามกลางเสียงห้ามของเหล่าฝูงชน
"เพียะ!!!"เสียงตบดังขึ้น พร้อมกับหน้าของหล่อนที่หันไปตามแรงตบ เหล่าฝูงชนต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น
"นี่สำหรับที่เจ้ากล่าวดูถูกตระกูลของข้า"เทียนฟงมองหลินอี้เฟยด้วยสายตาที่ดูหมิ่น
"เจ้านั้นมันบ้าหรืออย่างไร ไม่รู้หรืออย่างไรว่าหลินป้าตือมันโหดขนาดไหน"เหล่าฝูงชนต่างตื่นตระหนกพร้อมกร่นด่าเทียนฟงในใจ เทียนฟงไม่สนใจกับเสียงพูดเหล่านั้นสำหรับเขาคนผิดก็คือคนผิดแถมยังดูถูกตระกูลที่เขารักอีกนั่นไม่สามารถให้อภัยได้
*********************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ