พลิกฟ้าล้างปฐพี
-
เขียนโดย WCSD
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.10 น.
11 บท
0 วิจารณ์
12.09K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) อัจฉริยะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากผ่านเรื่องราวอันวุ่นวายด้านนอกเทียนฟงก็เดินตรงเข้าไปยังสถานที่ทดสอบระหว่างทางที่เขาเดินผู้คนต่างก็จ้องมองเขาด้วยสายตาที่หลากหลายบ้างก็มองด้วยสายตาอันหยามเหยียด บ้างก็มองด้วยสายตาชื่นชม เขาไม่คิดที่จะสนใจสายตาเหล่านั้นแม้แต่น้อยรีบมุ่งไปยังด่านทดสอบแรกเมื่อมาถึงเขาพบชายวันกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางหลับตาราวกับไม่สนโลกพร้อมกับเอ่ยวาจาซ้ำๆ "คนต่อไป" "ผ่าน" "ไม่ผ่าน" ด้านหน้าของเขามีลูกแก้วสีใสวางอยู่ ผู้เข้าสอบแต่ละคนต้องเอามือวางไว้บนลูกแก้วนั้น เทียนฟงได้ยินคนที่อยู่ด้านหน้าพูดกันว่านี่คือด่านลูกแก้วทดสอบจิตวิญญาณ มันมีไว้เพื่อดูว่าระดับปราณของผู้ทดสอบว่าอยู่ในระดับไหน หากต่ำกว่าระดับเกิดปราณขั้นที่เจ็ดจะถือว่าสอบตก เห็นได้ชัดว่านิกายสุริยันจันทรานั้นได้กำหนดขั้นต่ำของระดับผู้ฝึกปราณไว้ต่ำมากหากเทียบกับอีกสามสำนักที่กำหนดขั้นต่ำของผู้ที่จะผ่านเข้าสำนักได้คือเกิดปราณขั้นที่เก้า นั่นเพราะทางนิกายสุริยันจันทราต้องการเปิดโอกาสให้กับทุกคนได้มากขึ้น
ระหว่างที่เทียนฟงเข้าแถวรอจู่ๆก็มีเสียงดังอื้ออึงอยู่ด้านหน้า "ปราณก่อร่างขั้นแรก!!! อายุสิบเจ็ดปี อัจฉริยะรุ่นเยาว์ชัดๆ สมกับเป็นนายน้อยแห่งตระกูลเจียง"ผู้คนต่างพูดสรรเสริญเด็กหนุ่มผมดำที่ทำท่าทางเคอะเขิน ดูเรียบร้อยไม่เย่อหยิ่งเหมือนชนชั้นสูงทั่วไป เหล่าผู้ที่ผ่านการทดสอบต่างเดินไปทดสอบด่านต่อไปยกเว้นแต่เด็กหนุ่มชั้นสูงผู้ถูกสรรเสริญเมื่อครู่ที่ยังไม่ไปไหนราวกับรออะไรอยู่ ในที่สุดการทดสอบก็มาถึงเทียนฟงเขายื่นมือไปแตะลูกแก้วทันทีที่แตะลูกแก้วก็พลันกลายเป็นสีแดง ผู้คุมสอบที่นิ่งเฉยมาตลอดก็ลืมตาขึ้น
"นั่นไม่ใช่จิตวิญญาณไฟ ข้าไม่รู้จัก "เขาพูดขึ้นห้วนๆ ทำให้เหล่าฝูงชนตกใจเป็นไปได้เหรอที่อาจารย์คุมสอบจะไม่รู้จักรูปลักษณ์จิตวิญญาณ อาจารย์คุมสอบผู้นั้นกระโดดหายไปยังด้านหลังตึกด้วยความรวดเร็วสักพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับชายชราผู้หนึ่งผมและหนวกเคราของเขาขาวราวดอกเลาเมื่อมาถึงจึงให้เทียนฟงแตะที่ลูกแก้วอีกครั้ง เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชายชราเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยก่อนจะหันมากระซิบกับอาจารย์คุมสอบก่อนที่อาจารย์คุมสอบจะพูดออกมา "กู่เทียนฟง จิตวิญญาณไฟ เมื่อกี้ข้าคงมองผิดไป ปราณก่อร่างขั้นที่สอง"
พอได้ยินเสียงประกาศเหล่าฝูงชนต่างตะลึงอีกครั้งปราณก่อนร่างขั้นสองทั้งที่อายุสิบเจ็ดปี เด็กหนุ่มชั้นสูงที่ยืนดูอยู่ยิ้นแป้นราวกับเป็นเรื่องราวของตนเองก่อนจะเดินเข้ามาหาเทียนฟงพร้อมกับก้มหัวยกมือคำนับ "ข้าเจียงเฉา คาระวะพี่กู่" เมื่อเห็นภาพนั้นเหล่าฝูงชนแทบไม่อยากเชื่อสายตา ชายชนชั้นสูงก้มคำนับชายผู้ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าอย่างงั้นเหรอ
"เจ้าต้องการอะไร"เทียนฟงทำหน้าตาสงสัย
"ข้าเพียงต้องการผูกมิตร ข้าได้ยินเรื่องราวของพี่กู่มานานแล้ว ข้ารู้ว่าท่านมาจากเมืองฉางอัน ท่านปู่ของข้ากับท่านปู่ของท่านเป็นสหายเก่ากัน อีกทั้งข้าได้ยินข่าวลือมาว่าหลังจากที่ท่านตื่นขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนจากการนิทรามายาวนานถึงสองปีการบ่มเพาะพลังของท่านเหลือเพียงระดับเกิดปราณขั้นสองใช่หรือไม่ "เจียงเฉายิ้ม
"ก็ไม่ผิดทีเดียว"เมื่อได้ยินคำตอบของเทียนฟงเหล่าผู้ฟังต่างตกตะลึงเพียงครึ่งปีจากคนเกือบพิการฝึกบ่มเพาะพลังมาถึงขั้นปราณก่อร่างได้นี่มันเป็นปีศาจรึไงกันเหล่าผู้ฟังต่างคิดอยู่ในใจ
"เหตุผลเพียงแค่นั้นเหรอที่เจ้าต้องการผูกมิตรกับข้า"เทียนฟงยังคงไม่เชื่อเจียงเฉา
"บอกตามตรงพี่กู่อย่าพึ่งโกรธ ที่จริงท่านปู่ข้าบอกเพียงว่าหากพบลูกหลานของกู่หนานชิงก็จงผูกมิตรเข้าไว้ แต่ข้านั้นไม่รู้ว่านิสัยของท่านเป็นยังไงแต่จากที่เห็นเมื่อเช้าตอนที่ท่านตบสั่งสอนหลินอี้เฟยเพราะเรื่องแซงคิว แม้จะรู้ว่าพ่อของนางมีอิทธิพลแค่ไหนท่านก็ยังลงมือ ข้าเลยเลื่อมใสในความล้าหาญและเคารพกฏมารยาทของท่าน อีกอย่าง.."เจียงเฉาเอามือไขว้หลัง"อีกอย่างท่านพ่อของข้าก็เป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพของเมืองลั่วหยางเหมือนกันคงจะพอช่วยท่านยามเกิดเรื่องได้" เทียนฟงทำหน้างุนงงเขาไม่เคยคิดว่าเพียงพบหน้ากันคราเดียวจะช่วยเหลือกันถึงขนาดนี้ยิ่งเห็นท่าทีของเจียงเฉาที่ต่างจากชนชั้นสูงทั่วไปนั่นทำให้รู้ได้ว่าตระกูลของเขาต้องสั่งสอนมาอย่างดีแน่นอน
"ข้าคงไม่อาจรบกวนคุณชายหรอก"เทียนฟงเปลียนท่าที
"อย่าได้เกรงใจเลยพี่กู่ ผูกมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรู อีกอย่างพูดกับข้าแบบปรกติเถอะ มันรู้สึกเขินหนะ"เจียงเฉายิ้ม
"อืมได้ อย่ามัวแต่พูดเลยไปทดสอบด่านต่อไปกันเลย"เทียนฟงเดินนำหน้าเจียงเฉาไปยังด่านทดสอบที่สองนั่นคือทดสอบพละกำลัง ทั้งสองสามารถผ่านมันได้อย่างไม่ยากนักและมุ่งตรงทดสอบยังด่านอื่นๆอีกสามด่านไปเรื่อยๆจนจบการทดสอบ เมื่อการทดสอบจบอาจารย์คุมสอบจึงเรียกรวมพลคนที่ทดสอบผ่านมารวมกัน "เอาหละทุกคนเมื่อนี่คือการตัดสินใจครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกจะได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักเรา เราจะให้พวกเจ้าเลือกว่าจะเข้าสุริยันหรือจันทรา"
"มันคืออะไรงั้นเหรอ"เทียนฟงหันไปถามเจียงเฉา
"สุริยันคือผู้ที่ต้องการฝึกฝนบ่มเพาะพลังอย่างจริงจังเพื่อที่จะแข่งขันกับอีกสามสำนักและเป็นเสาหลักต่อไปของสำนักสุริยนจันทราเปรียบเสมือนกับพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างจ้า ส่วนจันทราคือผู้ที่ต้องการฝึกฝนโดนไม่ต้องการสร้างชื่อให้กับตัวเองราวกับดวงจันทร์นั่นแหละ"เจียงเฉาอธิบาย"แล้วพี่กู่จะเลือกอันไหนหละ"
"นั่นสิคิดหนักเหมือนกัน อ้อเรียกข้าเทียนฟงเฉยๆก็ได้"เทียนฟงทำหน้าครุ่นคิด
"เจ้าต้องการจะสร้างชื่อให้กับตัวเองหรือเปล่าหละ แต่ข้าแนะนำอย่างหนึ่งนะ ไม่มีคนเลือกจันทรามาสองปีแล้ว และคนที่เลือกอยู่จันทราก็มีเพียงหยิบมือ"เจียงเฉายักไหล่
"หากเลือกได้แล้วผู้ที่ต้องการจะอยู่สุริยันก็จงก้าวออกมา"สิ้นเสียงอาจารย์คุมสอบพูดผู้คนที่สอบผ่านทั้งหมดก้าวไปข้างหน้ารวมทั้งเจียงเฉาด้วยยกเว้นเทียนฟงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย
"นั่นคือสิ่งที่เจ้าเลือก"เจียงเฉาทำหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่
"ใช่ ข้าคิดดีแล้ว และข้าอยากจะรู้ว่าในมุมมืดจะมีอะไรดีบ้าง"เทียนฟงยิ้มรับ
"งั้นก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน"เจียงเฉาเดินออกไปพร้อมกับกลุ่มที่เลือกอยู่สุริยันที่มีอาจารย์คุมสอบพาออกไปส่วนเทียนฟงที่เลือจันทรานั้นเขายังไม่เห็นอาจารย์เลยแม้แต่เงา
"ปีนี้มีคนอยากอยู่ในเงามืดอย่างงั้นเหรอ ฮ่าๆๆ เจ้านั่นคงจะโง่ไม่ก็บ้าไปแล้ว จันทรานั้นจะไม่มีสิทธิได้ยาบำรุงต่างๆได้เพียงแต่ฝึกตามตำราเท่านั้น สิบอันดับในสำนักเราไม่มีพวกที่มาจากจันทราเลย"เหล่าศิษย์ที่เดินไปมาพูดคุยกันเมื่อเห็นเทียนฟงนั่งรออยู่ที่เดิม
เวลผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปก็มีชายวัยพอๆกับเทียนฟงเดินเข้ามาหาเขา"เจ้าคือคนที่เลือกจันทราใช่มั้ย"เทียนฟงหันไปหาเสียงนั้น "ใช่"
"ตามข้ามา"ชายหนุ่มผู้นั้นไม่พูดพร่ำก็เดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เทียนฟงเข้าแถวรอจู่ๆก็มีเสียงดังอื้ออึงอยู่ด้านหน้า "ปราณก่อร่างขั้นแรก!!! อายุสิบเจ็ดปี อัจฉริยะรุ่นเยาว์ชัดๆ สมกับเป็นนายน้อยแห่งตระกูลเจียง"ผู้คนต่างพูดสรรเสริญเด็กหนุ่มผมดำที่ทำท่าทางเคอะเขิน ดูเรียบร้อยไม่เย่อหยิ่งเหมือนชนชั้นสูงทั่วไป เหล่าผู้ที่ผ่านการทดสอบต่างเดินไปทดสอบด่านต่อไปยกเว้นแต่เด็กหนุ่มชั้นสูงผู้ถูกสรรเสริญเมื่อครู่ที่ยังไม่ไปไหนราวกับรออะไรอยู่ ในที่สุดการทดสอบก็มาถึงเทียนฟงเขายื่นมือไปแตะลูกแก้วทันทีที่แตะลูกแก้วก็พลันกลายเป็นสีแดง ผู้คุมสอบที่นิ่งเฉยมาตลอดก็ลืมตาขึ้น
"นั่นไม่ใช่จิตวิญญาณไฟ ข้าไม่รู้จัก "เขาพูดขึ้นห้วนๆ ทำให้เหล่าฝูงชนตกใจเป็นไปได้เหรอที่อาจารย์คุมสอบจะไม่รู้จักรูปลักษณ์จิตวิญญาณ อาจารย์คุมสอบผู้นั้นกระโดดหายไปยังด้านหลังตึกด้วยความรวดเร็วสักพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับชายชราผู้หนึ่งผมและหนวกเคราของเขาขาวราวดอกเลาเมื่อมาถึงจึงให้เทียนฟงแตะที่ลูกแก้วอีกครั้ง เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชายชราเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยก่อนจะหันมากระซิบกับอาจารย์คุมสอบก่อนที่อาจารย์คุมสอบจะพูดออกมา "กู่เทียนฟง จิตวิญญาณไฟ เมื่อกี้ข้าคงมองผิดไป ปราณก่อร่างขั้นที่สอง"
พอได้ยินเสียงประกาศเหล่าฝูงชนต่างตะลึงอีกครั้งปราณก่อนร่างขั้นสองทั้งที่อายุสิบเจ็ดปี เด็กหนุ่มชั้นสูงที่ยืนดูอยู่ยิ้นแป้นราวกับเป็นเรื่องราวของตนเองก่อนจะเดินเข้ามาหาเทียนฟงพร้อมกับก้มหัวยกมือคำนับ "ข้าเจียงเฉา คาระวะพี่กู่" เมื่อเห็นภาพนั้นเหล่าฝูงชนแทบไม่อยากเชื่อสายตา ชายชนชั้นสูงก้มคำนับชายผู้ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าอย่างงั้นเหรอ
"เจ้าต้องการอะไร"เทียนฟงทำหน้าตาสงสัย
"ข้าเพียงต้องการผูกมิตร ข้าได้ยินเรื่องราวของพี่กู่มานานแล้ว ข้ารู้ว่าท่านมาจากเมืองฉางอัน ท่านปู่ของข้ากับท่านปู่ของท่านเป็นสหายเก่ากัน อีกทั้งข้าได้ยินข่าวลือมาว่าหลังจากที่ท่านตื่นขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนจากการนิทรามายาวนานถึงสองปีการบ่มเพาะพลังของท่านเหลือเพียงระดับเกิดปราณขั้นสองใช่หรือไม่ "เจียงเฉายิ้ม
"ก็ไม่ผิดทีเดียว"เมื่อได้ยินคำตอบของเทียนฟงเหล่าผู้ฟังต่างตกตะลึงเพียงครึ่งปีจากคนเกือบพิการฝึกบ่มเพาะพลังมาถึงขั้นปราณก่อร่างได้นี่มันเป็นปีศาจรึไงกันเหล่าผู้ฟังต่างคิดอยู่ในใจ
"เหตุผลเพียงแค่นั้นเหรอที่เจ้าต้องการผูกมิตรกับข้า"เทียนฟงยังคงไม่เชื่อเจียงเฉา
"บอกตามตรงพี่กู่อย่าพึ่งโกรธ ที่จริงท่านปู่ข้าบอกเพียงว่าหากพบลูกหลานของกู่หนานชิงก็จงผูกมิตรเข้าไว้ แต่ข้านั้นไม่รู้ว่านิสัยของท่านเป็นยังไงแต่จากที่เห็นเมื่อเช้าตอนที่ท่านตบสั่งสอนหลินอี้เฟยเพราะเรื่องแซงคิว แม้จะรู้ว่าพ่อของนางมีอิทธิพลแค่ไหนท่านก็ยังลงมือ ข้าเลยเลื่อมใสในความล้าหาญและเคารพกฏมารยาทของท่าน อีกอย่าง.."เจียงเฉาเอามือไขว้หลัง"อีกอย่างท่านพ่อของข้าก็เป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพของเมืองลั่วหยางเหมือนกันคงจะพอช่วยท่านยามเกิดเรื่องได้" เทียนฟงทำหน้างุนงงเขาไม่เคยคิดว่าเพียงพบหน้ากันคราเดียวจะช่วยเหลือกันถึงขนาดนี้ยิ่งเห็นท่าทีของเจียงเฉาที่ต่างจากชนชั้นสูงทั่วไปนั่นทำให้รู้ได้ว่าตระกูลของเขาต้องสั่งสอนมาอย่างดีแน่นอน
"ข้าคงไม่อาจรบกวนคุณชายหรอก"เทียนฟงเปลียนท่าที
"อย่าได้เกรงใจเลยพี่กู่ ผูกมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรู อีกอย่างพูดกับข้าแบบปรกติเถอะ มันรู้สึกเขินหนะ"เจียงเฉายิ้ม
"อืมได้ อย่ามัวแต่พูดเลยไปทดสอบด่านต่อไปกันเลย"เทียนฟงเดินนำหน้าเจียงเฉาไปยังด่านทดสอบที่สองนั่นคือทดสอบพละกำลัง ทั้งสองสามารถผ่านมันได้อย่างไม่ยากนักและมุ่งตรงทดสอบยังด่านอื่นๆอีกสามด่านไปเรื่อยๆจนจบการทดสอบ เมื่อการทดสอบจบอาจารย์คุมสอบจึงเรียกรวมพลคนที่ทดสอบผ่านมารวมกัน "เอาหละทุกคนเมื่อนี่คือการตัดสินใจครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกจะได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักเรา เราจะให้พวกเจ้าเลือกว่าจะเข้าสุริยันหรือจันทรา"
"มันคืออะไรงั้นเหรอ"เทียนฟงหันไปถามเจียงเฉา
"สุริยันคือผู้ที่ต้องการฝึกฝนบ่มเพาะพลังอย่างจริงจังเพื่อที่จะแข่งขันกับอีกสามสำนักและเป็นเสาหลักต่อไปของสำนักสุริยนจันทราเปรียบเสมือนกับพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างจ้า ส่วนจันทราคือผู้ที่ต้องการฝึกฝนโดนไม่ต้องการสร้างชื่อให้กับตัวเองราวกับดวงจันทร์นั่นแหละ"เจียงเฉาอธิบาย"แล้วพี่กู่จะเลือกอันไหนหละ"
"นั่นสิคิดหนักเหมือนกัน อ้อเรียกข้าเทียนฟงเฉยๆก็ได้"เทียนฟงทำหน้าครุ่นคิด
"เจ้าต้องการจะสร้างชื่อให้กับตัวเองหรือเปล่าหละ แต่ข้าแนะนำอย่างหนึ่งนะ ไม่มีคนเลือกจันทรามาสองปีแล้ว และคนที่เลือกอยู่จันทราก็มีเพียงหยิบมือ"เจียงเฉายักไหล่
"หากเลือกได้แล้วผู้ที่ต้องการจะอยู่สุริยันก็จงก้าวออกมา"สิ้นเสียงอาจารย์คุมสอบพูดผู้คนที่สอบผ่านทั้งหมดก้าวไปข้างหน้ารวมทั้งเจียงเฉาด้วยยกเว้นเทียนฟงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย
"นั่นคือสิ่งที่เจ้าเลือก"เจียงเฉาทำหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่
"ใช่ ข้าคิดดีแล้ว และข้าอยากจะรู้ว่าในมุมมืดจะมีอะไรดีบ้าง"เทียนฟงยิ้มรับ
"งั้นก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน"เจียงเฉาเดินออกไปพร้อมกับกลุ่มที่เลือกอยู่สุริยันที่มีอาจารย์คุมสอบพาออกไปส่วนเทียนฟงที่เลือจันทรานั้นเขายังไม่เห็นอาจารย์เลยแม้แต่เงา
"ปีนี้มีคนอยากอยู่ในเงามืดอย่างงั้นเหรอ ฮ่าๆๆ เจ้านั่นคงจะโง่ไม่ก็บ้าไปแล้ว จันทรานั้นจะไม่มีสิทธิได้ยาบำรุงต่างๆได้เพียงแต่ฝึกตามตำราเท่านั้น สิบอันดับในสำนักเราไม่มีพวกที่มาจากจันทราเลย"เหล่าศิษย์ที่เดินไปมาพูดคุยกันเมื่อเห็นเทียนฟงนั่งรออยู่ที่เดิม
เวลผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปก็มีชายวัยพอๆกับเทียนฟงเดินเข้ามาหาเขา"เจ้าคือคนที่เลือกจันทราใช่มั้ย"เทียนฟงหันไปหาเสียงนั้น "ใช่"
"ตามข้ามา"ชายหนุ่มผู้นั้นไม่พูดพร่ำก็เดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ