เถื่อนร้ายบัญชารัก

10.0

เขียนโดย Phaky

วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.31 น.

  37 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 08.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) พิ้งค์ แพรชมพู กรรณนิวัติ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

          “แต่งงาน!”

         “ก็เออน่ะสิ จะเสียงดังไปทำไมล่ะนังหนู ไม่กลัวแก้วหูป๋าแตกรึไงลูก”

          นิ้วชี้สีคล้ำอันเกิดจากการอยู่กลางแจ้งเป็นประจำของหนุ่มหล่อรุ่นใหญ่วัยห้าสิบปีที่นั่งขัดสมาธิแคะหูของตัวเองช้าๆเหมือนต้องการตรวจสอบว่าแก้วหูของตัวเองยังไม่บุบสลายเพราะเสียงตะโกนลั่นบ้านของบุตรสาวแสนสวยเพียงคนเดียวที่นั่งคุยกันอยู่ตรงระเบียงรับลมชั้นสองของบ้านไม้สักทรงไทยหลังโต สุนทร กรรณนิวัติ คือกำนันสุดเก๋าของตำบลปากช่องประจำจังหวัดราชบุรี และยังเป็นเจ้าของไร่ ‘กรรณนิวัติข้าวโพดหวาน’ ที่โด่งดังในเรื่องข้าวโพดรสชาติหวานกรอบอร่อย ติดอันดับสถานที่เช็คอินที่นักท่องเที่ยวจะต้องไม่พลาดหากมีโอกาสได้มาเยือนเมืองโอ่งอันเลื่องชื่อ

         “ก็คุณป๋าบอกว่าจะให้พิ้งค์แต่งงาน”

         ใบหน้าหวานแฉล้มของสาวน้อยวัยยี่สิบสองปีหงิกงอลงทันทีตั้งแต่ถูกบิดาสุดที่รักเรียกตัวมานั่งคุยกันตรงชานรับลมริมระเบียงบ้าน สีเขียวอ่อนของต้นข้าวโพดหวานรายล้อมอาณาเขตของบ้านกินเนื้อที่เกือบร้อยไร่ บวกกับสายลมเย็นๆยามบ่ายอ่อนที่พัดโชยควรทำให้อารมณ์ของผู้ที่ได้สัมผัสรู้สึกผ่อนคลายจนอยากเอนกายพักสายตา แต่ความเย็นสบายที่ว่ากลับไม่ช่วยอะไรเลย เพราะเรื่องที่ถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนานั้นช่างขัดใจสตรีหน้าหวาน เจ้าของชื่อเล่นน่ารักนามว่าพิ้งค์ หรือนางสาวแพรชมพู กรรณนิวัติ ลูกสาวคนเดียวของพ่อกำนันสุนทรที่ขึ้นชื่อเรื่องความหวงลูกสาวแสนสวย

         “ก็ใช่ พิ้งค์จ๋า ลูกน่ะเรียนจบแล้ว สมควรที่จะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วก็มีหลานตัวอวบๆมาให้ป๋าอุ้มเล่นได้แล้วนะลูก”

“โนๆค่ะคุณป๋า พิ้งค์ไม่แต่งหรอก”

ด้วยความเป็นลูกสาวคนเดียว แต่ไหนแต่ไรมาคนเป็นพ่อแม่จึงไม่เคยขัดใจลูกสาวได้เลยสักครั้ง พอมาครั้งนี้ถูกบิดาสุดที่รักบังคับด้วยวาระสำคัญระดับชาติ เรียวปากสีเรื่อจิ้มลิ้มจึงเม้มแน่น ผิวแก้มขาวเนียนอัดลมเข้าไปจนพองกลมดูน่าหยิกบ่งบอกว่าเจ้าของกำลังถูกขัดใจอย่างหนัก แพรชมพูปฏิเสธเสียงดังฟังชัดก่อนสะบัดใบหน้างอๆหันหนีบิดาไปอีกทาง กิริยากระเง้ากระงอดแสนงอนนั้นส่งผลให้กำนันสุนทรกับคุณมณีมองหน้ากันด้วยความหนักใจ

“ทำไมล่ะลูก”

“ก็พิ้งค์ยังไม่มีแฟน และที่สำคัญ พิ้งค์จะเรียนต่อ”

คนถูกถามทำเสียงขึ้นจมูกน้อยๆ พลางคิดว่าบิดาเธอนี่ช่างกล้าถามมาอีกแน่ะ ปีนี้เธอน่ะอายุครบยี่สิบสองปีแล้วเพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรีด้านการบริหาร และคงเป็นสตรีเพียงคนเดียวในคนรุ่นๆเดียวกันที่ไม่เคยมีแฟน ไม่ใช่ขี้เหล่จนหนุ่มๆมองผ่าน แต่อันที่จริงคือเธอน่ะสวยมากเชียวล่ะ หน้าเรียว จมูกโด่ง ตากลมโต ขนตางอนยาวเฟื้อย เรียวปากบางเล็กรูปกระจับ ทุกส่วนบนใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มดูน่ารักน่าเอ็นดู ผิวพรรณก็ขาวเนียนอมชมพูสมชื่อ อีกทั้งรูปร่างก็อรชรอ้อนแอ้นถอดแบบแม่มณีมาทุกกระเบียดนิ้ว เธอสวยน่ารักจนถูกคัดเลือกให้เป็นดาวเด่นของคณะ แต่ที่ไม่เคยคบกับผู้ชายคนไหนก็เป็นเพราะความหวงของคนเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อนี่แหละที่สั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้เธอมีแฟนก่อนเรียนจบ แถมยังชอบขับรถจากราชบุรีเข้ากรุงเทพเพื่อมาแอบซุ่มดูลูกสาวอยู่แถวหอพักบ้าง หน้ามหาวิทยาลัยบ้าง หากเจอชอตเด็ดเห็นหนุ่มๆมาตามเกี้ยวลูกสาว พ่อกำนันสุดเก๋าก็จะลงไปจัดการหนุ่มๆพวกนั้นจนไม่กล้ามาวอแวอีก เธอคือคนสวยที่อาภัพจริงๆ

แต่ไม่รู้ทำไมพอเธอเรียนจบปุ๊บความคิดของคุณสุนทรกลับตรงกันข้าม อยู่ๆคุณพ่อสุดหวงก็เรียกตัวเธอมาคุยเรื่องแต่งงานจนเธอนั่งงงเป็นไก่ตาแตกในตอนแรกว่านี่คือผู้ชายหนวดเฟิ้มหน้าดุที่เคยวาดลวดลายคุ้มกันหนุ่มๆที่เข้าใกล้เธอแน่นหนายิ่งกว่ารั้วลวดหนามสิบชั้นจริงหรือเปล่า ก็ลูกสาวคนเดิมนะ ยังสวยน่ารักเป็นที่ต้องการของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เหมือนเดิมด้วย แต่ทำไมตอนนี้ไม่หวงแล้วล่ะ ไล่ไปมีสามีหน้าตาเฉย คุณป๋ากินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่าเนี่ย!

“เป็นผู้หญิงจะเรียนไปทำไมเยอะแยะ ฉลาดมากหาผัวยากนะลูก”

“ก็พิ้งค์ยังไม่อยากมีผัว”

“แต่ป๋าอยากมีหลาน”

“แต่พิ้งค์รักชีวิตโสด ยังไม่อยากมีลูก”

มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจน่ะสิ ก็ถูกสั่งห้ามมีแฟนจนเธอเคยชินกับชีวิตโสดที่ไม่ต้องมีใครคอยตามหึงหวง ไม่ต้องมีคนคอยบงการชีวิตแล้วนี่นา หากอยู่ๆจะให้มามีคู่ชีวิตที่ต้องกินอยู่ด้วยกันตลอด เธอยังทำใจรับไม่ได้หรอกนะ

“แต่ป๋าอยากให้นังหนูมีทั้งผัวทั้งลูกเยอะๆเลย หมายถึงลูกนะ ส่วนผัวคนเดียวพอ”

คนเป็นพ่อและอยากได้ยินเจ้าของร่างเล็กๆพุงกลมๆ หน้าตาน่ารักถอดแบบแพรชมพูมาเรียกคุณตาคะ คุณตาขาพยายามอ้อนวอนลูกสาวเสียงอ้อน ก็เพื่อนๆของเขาน่ะมีหลานตัวเล็กๆให้อุ้มเล่นกันหมดแล้ว พอไปเห็นก็ได้แต่อิจฉา อยากมีหลานของตัวเองไว้อุ้มเล่นบ้าง อายุปูนนี้น้ำยงน้ำยามันอ่อนแล้ว ปั้นเองไม่ได้ก็ต้องพึ่งลูกนี่แหละ

“คุณป๋าอ่ะ”

“โถ่ พิ้งค์จ๋า พิ้งค์ลูกรักของป๋า ทำเพื่อป๋าแค่นี้ไม่ได้เหรอลูก ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกเขยนะคะ ป๋าเตรียมไว้ให้หนูแล้ว ลูกชายนายอำเภอไงลูก นายตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการที่บ้านเรา ตัวสูง หน้าตาหล่อกว่าณเดชน์รวมกับนาย ณภัทรอีกนะลูก อายุเพิ่งจะสามสิบนิดๆแต่ได้เป็นถึงท่านรองผู้กำกับอนาคตไกลเห็นๆ เหมาะสมกับลูกสาวแสนสวยของป๋าที่สุดแล้ว ป๋าคอนเฟิร์ม”

กำนันสุนทรพยายามโน้มน้าวสรรพคุณสุดเลิศของว่าที่ลูกเขยที่ตัวเองหมายปองให้ลูกสาวเคลิบเคลิ้มเมื่อท่านได้ไปเห็นมาด้วยสองตาของตัวเองแล้วว่าลูกชายของท่านนายอำเภอน่ะดูเพียบพร้อมไปทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา ชาติตระกูลและมารยาท เห็นผู้ชายดีๆ อนาคตแจ่มๆก็เสียดายหากปล่อยให้ตกไปเป็นเขยบ้านอื่น

“หล่อกว่าสิบณเดชน์รวมกัน พิ้งค์ก็ไม่เอาค่ะ พิ้งค์-ไม่-แต่ง!”

“พิ้งค์!”

เสียงอ้อนๆของกำนันสุนทรก่อนหน้าเรียกชื่อเล่นของลูกสาวยอดรักเข้มห้วนขึ้นเมื่อถูกแพรชมพูปฏิเสธพร้อมส่ายหน้าหวือจนเส้นผมยาวสลวยกระจายแบบไม่เสียเวลาคิด รู้สึกเหมือนหนวดเฟิ้มๆเหนือริมฝีปากที่ตั้งใจเลี้ยงเอาไว้ข่มขวัญหนุ่มๆที่กล้าจีบลูกสาวมันชักกระตุกยึกยัก นี่ยายลูกสาวตัวดียังไม่ทันได้เจอว่าที่ลูกเขยที่เขาคัดเลือกไว้ให้เลยด้วยซ้ำ แต่กลับตั้งท่าปฏิเสธหัวชนฝาไม่ฟังคุณป๋าสุดหล่อของมันเลย ไม่รู้ดื้อเหมือนใครสิน่าน่าโมโหชะมัด!

“เอะอะอะไรกันเสียงดังสองคนพ่อลูก พี่ทรบ่นอะไรลูกอีกล่ะ ยายพิ้งค์ถึงได้หน้างอเป็นจวักเชียว”

เสียงหวานแต่ทรงอำนาจเหลือร้ายของกรรมการห้ามศึกดังมาแต่ไกล ทำให้สองพ่อลูกที่กำลังแข่งกันทำหน้าเง้าตั้งท่าจะเปิดสงครามน้ำลายหยุดชะงักแล้วพร้อมใจกันหันหน้าไปหาผู้มาใหม่อัตโนมัติ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณมณี ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านกรรณนิวัติที่กำนันสุนทรให้ความเกรงใจและเป็นมารดาที่แสนจะใจดีของแพรชมพูที่กำลังยกจานข้าวโพดหวานคลุกเนยและน้ำข้าวโพดซึ่งเป็นของฝากเลื่องชื่อของไร่กรรณนิวัติเข้ามาเสิร์ฟเป็นของว่างให้สองพ่อลูก

“ลูกสาวของแม่มณีน่ะสิ ดื้อ!”

คำถามของภรรยาที่เหมือนมีคำกล่าวหาอยู่ในนั้นว่าตัวเองเป็นฝ่ายหาเรื่องลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนทำให้กำนันสุนทรยิ่งหน้างอ ท่อนแขนสีคล้ำยกขึ้นกอดอกแล้วรีบเปิดปากฟ้อง ไม่คิดจะยอมรับหรอกว่าตัวเองเป็นคนผิด ฟ้องเสร็จก็ลอบมองหน้าลูกสาวแอบส่งสายตาเยาะเย้ยนิดๆแล้วสะบัดหน้าหนีแรงๆจนแพรชมพูยังเป็นห่วงว่าคอของพ่อกำนันจะเคล็ด ดูก็รู้ว่าท่านกำลังงอน งอนมากและต้องการให้ง้อเป็นการเร่งด่วน แต่นอกจากจะไม่ง้อ ลูกสาวสุดที่รักยัง…

“กำนันสุนทรสามีของแม่มณีก็ดื้อค่ะ แม่ขา คุณป๋าจะบังคับให้ลูกแต่งงาน”

ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อเห็นบิดาชิงฟ้องมารดาดั่งต้องการเปิดสงคราม แพรชมพูก็ไม่ยอมน้อยหน้าถือโอกาสฟ้องบิดากลับคืนบ้าง ไม่เพียงแค่ฟ้องแต่ยังมีการแจกแจงความผิดของกำนันสุนทรให้คุณมณีฟัง ซ้ำพอคุณมณีวางถาดของว่างลงบนโต๊ะกลางที่คั่นสองพ่อลูกเอาไว้แล้วนั่งร่วมวง แพรชมพูยังกระเถิบกายเข้าไปชิดแล้วทิ้งศีรษะลงนอนหนุนตักนุ่มๆของท่านเป็นการออดอ้อนอยากให้ท่านเข้าข้าง เพราะรู้ดีว่าบ้านนี้ใครมีอำนาจใหญ่ที่สุด หากได้คุณมณีมาเป็นพรรคพวก ยังไงงานนี้เธอก็ชนะขาดลอยกำนันสุนทรไม่กล้าหือกับแม่มณีหรอก แพรชมพูฟันธง!

“พี่ทร เราคุยกันแล้วนี่จ๊ะว่าจะปล่อยให้ลูกตัดสินใจเอง”

มือบางของคุณมณีลูบศีรษะของบุตรสาวที่เป็นดั่งนางฟ้าตัวน้อยบนตักเบาๆด้วยความรักใคร่ และยิ่งเพิ่มพูนความเอ็นดูหรือจะเรียกว่าแพ้ทางลูกสาวก็ได้เมื่อมือข้างนั้นถูกแพรชมพูคว้ามาจูบหนักๆดังจ๊วบแล้วดึงมากอดไว้แนบอกนุ่ม ก่อนเงยหน้าขึ้นบอกสามี ธรรมดาของคนเป็นแม่ที่อยากให้มีผู้ชายดีๆสักคนดูแลลูกสาวในวันที่ชีวิตของตัวเองสูญสลาย และเธอก็มีความเห็นตรงกันกับสามีที่อยากให้ลูกชายของนายอำเภอเป็นคนๆนั้น แต่จะบังคับลูกไปเลยก็ทำไม่ลง จึงตกลงกับกำนันสุนทรไว้ว่าจะต้องได้รับความสมัครใจจากแพรชมพูด้วย

“ก็ใช่จ้ะ แต่พี่ก็ยังไม่ได้บังคับลูกเลยนะ แค่บอกเฉยๆ”

นั่นประไร! แค่คุณมณีปรามออกมาด้วยน้ำเสียงหวานๆเท่านั้น เสียงเข้มห้วน หน้าตึงๆของกำนันสุนทรก็อ่อนลงไปเกือบครึ่ง งานนี้แพรชมพูเหมือนเห็นแท่นโพเดียมของผู้ชนะลอยมาตั้งแต่ห้าร้อยเมตรนู่นเลยทีเดียว

“แต่แม่ขา พิ้งค์ยังไม่อยากแต่งงานเลยค่ะ พิ้งค์ตั้งใจว่าจะเรียนต่อจะได้กลับมาช่วยบริหารงานของบ้านเราให้ดียิ่งขึ้นไงคะ”

พอเริ่มเห็นช่องทางเอาตัวรอดแพรชมพูก็ไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสลอยนวล ไม่ใช่เพียงแค่ไม่พร้อมใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายที่ไม่รู้จัก แต่เพราะตัวเธอยังมีความตั้งใจที่จะศึกษาต่อเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในระยะอันใกล้นี้ เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าของไร่กรรณนิวัติให้มีความสวยงามดูทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม

“จะเรียนอะไรอีกล่ะลูก นี่หนูก็จบบริหารมาไม่ใช่เหรอ แค่นี้ก็ช่วยงานที่บ้านได้แล้วมั้ง”

“พิ้งค์ตั้งใจจะเรียนออกแบบผลิตภัณฑ์ค่ะแม่”

“แต่ป๋าอยากให้พิ้งค์แต่งงาน”

กำนันสุนทรที่ยังคงคอนเซ็ปต์หน้าหงิกงอต้องรีบหันหน้ากลับเข้าร่วมวงสนทนาแล้วขัดจังหวะเมื่อได้ฟังที่สองแม่ลูกหน้าหวานเจี๊ยบคุยกัน เพราะกลัวว่าภรรยาสุดที่รักจะเคลิบเคลิ้มแล้วแพ้ทางให้เหตุผลและสายตาช่างอ้อนของลูกสาวคนสวย แม้ว่าความคิดของแพรชมพูจะเข้าท่าและเขายังแอบปลาบปลื้มที่ลูกสาวคิดสานต่อกิจการของไร่ที่เขาสร้างมาด้วยสองมือ แต่ยังไงซะกำนันสุนทรก็คิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นวาระสำคัญและเร่งด่วนกว่าอยู่ดี

“พิ้งค์ไม่แต่ง!”

“ต้องแต่ง!

แต่เมื่อความคิดยังคงสวนทางและทั้งสองคนต่างก็ยึดมั่นในเจตนารมณ์ของตัวเองอย่างแข็งแกร่ง กำนันสุนทรกับแพรชมพูจึงนั่งจ้องหน้าแผ่รังสีความดื้อรั้นใส่กันไม่ลดละ เดือดร้อนคนกลางอย่างคุณมณีที่ลอบถอนหายใจหนักหน่วงอย่างไม่รู้ว่าควรตัดสินใจเข้าข้างฝ่ายใดดี ที่ลูกสาวร้องขอก็มีเหตุผล แต่ใจเธอก็อยากอุ้มหลาน สุดท้ายคนกลางจึงทำได้เพียงจับของว่างป้อนใส่ปากของสองพ่อลูกจอมดื้อเพื่อยุติสงครามกลางเรือนเป็นการชั่วคราวระหว่างหาข้อตกลงกับวาระสำคัญของบ้านไร่กรรณนิวัติอีกครั้ง

                  ………………………………………………………………………….

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา