[My Love Is Idol] แฟนฉันเป็นไอดอล
10.0
เขียนโดย BettyLittle
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.49 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
6,867 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 23.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) พรางตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ [เอลิออส]
"เธอออกไปจากตีตี้น้อยของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะยัยโรคจิต" ผมจ้องคนที่ดึงผ้าขนหนูผมออกด้วยสายตาอาฆาต
"อะไรคือตีตี้น้อยอะ...แล้วฉันก็ลุกไม่ได้หรอกนะเพราะนายทับตัวฉันอยู่" เทรนเนอร์ตัวน้อยเบิกตาที่หลับสนิทขึ้นมาจ้องตาผมซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าจ้องหน้าผมด้วยความโกรธไม่ใช่ด้วยความหลงไหล
"หลับตาสิ หรือเธอจะให้ฉันลุกทั้งๆที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย"เทรนเนอร์ตัวน้อยหลับตาปี๋เพื่อให้ผมลุก ผมยื่นมือไปจับเอาผ้าขนหนูที่ตกไปอยู่บนพรมใต้โซฟาขึ้นมาพันตัวไว้และเดินเข้าห้องด้วยความสบายใจ ก่อนปิดประตูผมหันไปดูเทรนเนอร์เพื่อเช็คดูความปลอดภัยของเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของผมเทรนเนอร์ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันก็...น่ารักดี
ปัง! ผมปิดประตูเสียงดังเพื่อส่งสัญญาณให้ใครบางคนรู้ว่าผมเข้าห้องแล้ว ยังไงนี่มันก็เริ่มดึกแล้วจะใส่สูทก็คงจะดูเยอะไปสำหรับการไปทานข้าวเพราะฉะนั้น...
[ไอริน]
ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มือฉันมันเป็นอะไรไปทำไมต้องไปดึงผ้าขนหนูของเขาด้วย เจอกันวันแรกทั้งอารมณืเสียทั้งทำให้เขามองว่าเป็นพวกหื่นกามอีก ถ้าอยู่ด้วยกันนานๆไปจะไม่กลายเป็นพวกถ้ำมองหรือพวกโรคจิตไปเลยหรอเนี่ย มือบ้าเอ้ย ผลัก! ผลัก! ฉันตบที่หน้าผากตัวเองเบาๆด้วยคงามรู้สึกเกลียดตัวเอง เขาอุตส่าห์จะเลี้ยงข้าวแท้ๆแต่ดันไปทำบ้าทำบอแบบนั้นได้ ตอนนี้ใบหน้าของฉันแสดงออกมาได้ชัดมากว่ากำลังรู้สึกเหลืออดกับตัวเอง
แกร๊กๆ เสียงบิดกลอนประตูห้องของเอลิออสดังขึ้นทำให้ฉันต้องปั้นหน้าปกติไว้ เอลิออสเดินออกมาพร้อมกับการแต่งตัวที่
"ฮ่าๆๆๆๆ"ฉันกลั้นหัวเราะตัวเองไม่ได้เมื่อเห็นชายตรงหน้าแต่งตัวสไตล์แปลกๆ เขามัดผมทรงShaved Sideใส่แว่นตาดำหนาเตอะติดหนวดปลอมใส่เสื้อกล้ามสีขาวใส่เคลริคเชิ้ตสัครีมไม่ติดกระดุม ใส่กางเกงชิโน่สีขาว รองเท้าแตะและที่สำคัญคือผูกผ้าพันคอผืนหนาเตอะสีแดงค่ะพ่อแม่พี่น้อง คือเป็นคนของโลกหน้าเท่านั้นถึงจะเข้าถึงความเป็นแฟชั่น
"เธอไม่ต้องมาขำฉันหรอก ถ้าฉันไม่แต่งแบบนี้เธอได้ตกไปเป็นคนดังข้ามคืนแน่"เอลิออสทำหน้าดุมาที่ฉัน
"ฮึบ!...หึหึ"ฉันพยายามสั่งให้ตัวเองหยุดหัวเราะด้วยความจำเป็นแต่ก็ยังอมยิ้มอยู่"ทำไมต้องแต่งหนักขนาดนี้ด้วยล่ะ"ฉันหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะถามด้วยความสงสัยเกี่ยวกับแฟชั่นตรงหน้าฉันเลยถามคำถามแทงใจดำเขาออกไป
"ฉันก็ต้องพรางตัวออกไปสิ ไม่งั้นการทานข้าววันนี้จากครึ่งชั่วโมงอาจจะกลายเป็ยนสามชั่วโมงเพราะมีแต่คนมาขอถ่ายรูปอัดคลิปแล้วก็ขอลายเซ็นต์น่ะสิ"
"นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า"เอลิออสจ้องมาที่ฉันด้วยความสงสัยขณะที่ยังยืนหน้าประตูห้องตามเดิม
"ฉันเข้าใจอะไรผิด"
"แฟนคลับบางคนเค้าก็เข้าใจเวลาส่วนตัวของนายอยู่แล้ว แค่เห็นนายไม่แต่งหน้าไม่เซ็ทผมใส่หน้ากากดำใส่แว่นขาวแต่งตัวธรรมดาๆแค่เสื้อยืดกางเกงตัวนึงพวกเขาก็เข้าใจและเวลานายอยู่แล้ว"
"แล้วทำไมเวลาฉันเดินทางไปไหนมาไหนทุกคนต้องตามมาจี้โทรศัพท์จี้กล้องใส่ฉันกันล่ะ"บางทีฉันก็มองโลกในแง่บวกเกินไปเพราะเพิ่งจะเริ่มอยากเป็นติ่ง แต่ยังไงซะข้อมูลนี้ฉันก็ได้มาจากติ่งที่แท้ทรูอย่างวาเลนเซีย
"ก็เพราะนั่นมันยังอยู่ในสภาวะการทำงานยังไงล่ะ ยังไงซะที่นี่ก็ประเทศไทย คนไทยน่ารักมากเลยนะฉันอยากให้นายจำข้อนี้ไว้"เอลิออสหลับตาใส่ฉันพร้อมกับเบ้ปากใส่ก่อนจะกลับหลีงหันเดินเข้าห้องไปอีกครั้ง เขาหายไปพักหนึ่งก่อนจะออกมาใหม่พร้อมกับแฟชั่นแบบใหม่ของเขา รองเท้าผ้าใบสีขาวเข้ากัวกางเกงขาสามส่วนสีขาวที่เขาใส่พอดี ใส่เสื้อฮู๊ดแขนยาวสีดำพร้อมกับหมวกและหน้ากากสีดำ อย่างมากแบบนี้ก็พอดูได้อ่ะนะ
"พอใจรึยัง" เอลิออสพูดเสียงเรียบก่อนจะกวักมือเรียกฉันบอกให้รีบออกไปได้แล้ว ฉันเดินตามหลังเขาไปเงียบๆ เอลิออสนี่เดินเร็วดีจังฉันที่ขายาวไม่เท่าเขาตอนนี้เดินเร็วจนเริ่มจะเหมือนวิ่งเข้าทุกที เราลงลิฟต์มาที่ชั้นลอบบี้อย่างเงียบๆ
"....."เอลิออสไม่พูดอะไรจนเราเดินออกมาที่หน้าบริษัท"รอฉันที่นี่แป๊ปนึงนะ" พูดจบเขาก็วิ่งไปทางฝั่งลานจอดรถ ที่จริงที่นี่มีรถแท็กซี่ขับผ่านตลอดจะให้ฉันไปเรียกมาให้ก็ได้แต่เขากลับวิ่งหายไปไหนก็ไม่รู้สิ่งที่ฉันกลัวคือจะไม่มีร้านที่เปิดตอนนี้นอกจากเทคหรือบาร์แล้วล่ะ แลมโบกินี่สีเหลืองขับออกมาจากลานจอดรถสะดุดตาฉันมาก และฉันก็ชอบรถแบบนี้ซะด้วย รถคันนั้นขับมาทางฉันทำให้ฉันละสายตาไม่ได้ก่อนที่มันจะจอดตรงหน้า"รีบขึ้นมาเลยนะ ฉันหิวข้าวจนจะกินหัวเธอแทนแล้ว"เป็นเอลิออสที่ขับรถคันนั้น ฉันรีบวิ่งไปขึ้นรถฝั่งตรงข้ามกับคนขับ
"นายเอารถใครมาเนี่ย"เขาเอารถมาได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งจะมาที่ไทยและที่ฉันแปลกใจมากกว่าคือทำไมนักเรียนแลกเปลี่ยนถึงูดไทยคล่องขนาดนี้
"อ๋อ รถคันนี้รองประธานเอาไว้ให้ฉันใช้น่ะสิ"พูดจบเขาก็เหยียบคันเร่งจนสุดทำให้ฉันรีบคาดเข็มขัดด้วยความกลัว
"นายจะไปทานข้าวที่ไหนล่ะ"
"รองประธานเค้าบอกว่าวันนี้จองร้านอาหารไว้ให้แบบส่วนตัวน่ะ อ่อ ไม่ต้องถามนะว่าฉันแต่งตัวแบบนี้ทำไม เพราะต่อให้ส่วนตัวแค่ไหนตอนที่เธอออกจากรถนี่ไปฉันก็ต้องเป็นที่จับตาของคนข้างนอกอยู่ดี" เป็นคนดังนี่มันเหนื่อยเนาะ
"..."ฉันทำได้แค่เงียบรอเวลาที่รถจะหยุดเท่านั้นเพราะตอนนี้เกร็งไปหมดจนไม่กล้าขยับไปไหน ฉันหันไปมองฝั่งคนขับที่ตอนนี้เห็นแค่ตาและคิ้ว สายตามุ่งมั่นขณะขับรถของเขามันทำให้ฉันใจสั่น คิ้วที่ขมวดเล็กน้อยนั้นทำให้ัสีหน้าเขาดูเข้มขึ้น ฉันคิอว่าตัวเองปรับตัวได้แล้วที่ต้องอยู่กับเขาแต่มันไม่ใช่เลยเพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ฉันได้จ้องเขาแบบใกล้ๆหัวใจฉันมันก็เต้นเหมือนจะทะลุออกมา โดยเฉพาะตอนนั้นตอนที่เขาทับฉันอยู่ อร๊ายย คิอแล้วก็เขินฉันต้องบ้าตายในที่สุดแน่นอนเลย
"หน้าฉันมีอะไรติดไม่ทราบ เลิกจ้องแล้วยิ้มเหมือนพวกโรคจิตได้แล้ว"
"เปล๊า เปล่าเลย...ฉันแค่มองวิวฝั่งนายแล้วเห็นมันสวยดีเลยยิ้มน่ะสิ"เขารู้ได้ไงว่าฉันมองเค้าทังๆที่เขาเอาแต่มองถนน
"เสียงสูงไปแล้วนะ โอ้วถึงพอดีเลย"เอลิออสเลี้ยวรถเข้ามาที่ร้านอาหารไม่สิภัตตาคารมากกว่านี่มันร้านดังที่พวกคนมีฐานะชอบมากินนี่นา
"นายขับรถมาถูกได้ไงอ่ะ"
"ที่นี่ฉันมากินบ่อยตอนเรียนแลกเปลี่ยนน่ะสิ"เอลิออสพูดพรางจอดรถไว้ที่หน้าร้านก่อนจะลงรถไปเอากุญแจให้พนักงานเก็บรถให้ โดยมารยาทฉันก็เลยนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอเขามาเปิดประตูให้ เขาเอากุญแจให้พนักงานแล้วหันมามองฉันก่อนจะเดินเข้าร้านไปอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ แล้วฉันล่ะอิตาบ้า"ฉันตะโกนอยู่ในรถแต่เอลิออสก็ไม่สนใจ ฉันเลยต้องรีบลงจากรถเพราะเดี๋ยวพนักงานคนนั้นก็จะเอาไปเก็บให้ ฉันรีบลงจากรถและเดินเข้าร้านอย่างรีบร้อน เอลิออสนั่งรอที่โต๊ะใหญ่กลางร้าน ที่นี่ไม่มีใครนอกเราสองคนและพนักงานเท่่านั้น ฉันควรจะดีใจสินะที่ได้มาทานข้าวกับเขาแบบนี้
ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับเขาและเอาเมนูมาเลือกเพราะตอนนี้ฉันก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน เอลิออสดูเมนูสักพักก่อนจะกระดิกนิ้วชี้บอกให้บริกรมารับเมนู
"เป็กปักกิ่ง เมนูหูฉลามที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ขอสลัดไข่ปลาคาเวียร์มาด้วยนะ"นั่นมันเมนูหลักแสนทั้งนั้นเลยนะยะ ฉันที่มีเงินติดกระเป๋าแค่สองร้อยคงไม่มีทางได้กินแน่
"ฉันขอเป็น..."
"ของคุณผู้หญิงขอเป็น หมูหันกับไก่อบน้ำผึ้ง"ฉันยังไม่ทันได้สั่งอะไรเอลิออสก็สั่งให้เลย ฉันรีบเปิดไปดูราคาเมนูนั้น แต่ละเมนูราคาไม่ต่ำกว่า3หมื่น ฉันรีบคืนเมนูให้กับบริกรและนั่งเงียบบด้วยร่างกายที่อ่อนแรงเพราะราคาอาหารแต่ละอย่างฉันทำงานทั้งชาติก็ไม่กล้าแตะ
"นายสั่งมาเยอะขนาดนี้กินหมดเหรอ"
"กินไม่หมดเธอก็ห่อกลับบ้านไปสิ" เอลิออสถอดหน้ากากกับหมวกออกเผยให้เห็นหน้าม้าและใบหน้าสีขาวของเขา เขาดูดีมากแม้ไม่ได้แต่งอะไร ไม่นานสิ่งที่ฉันคิดไวก็มาถึง
"เอลิออสขอฉันถ่ายรูปกับคุณได้มั้ยคะ" พนักงานหญิงเดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับเอลิออสเอาตามตรงคือถ้าถือตามมารยาทตอนนี้เอลิออสเป็นลูกค้าเขาไม่ควรทำแบบนี้
"ฉันว่าคุณ..."
"ได้ครับ" ฉันกำลังจะไล่พนักงานคนนั้นไปแต่เอลิออสกลับตกลงซะงั้น เขาจับโทรศัพท์มาถ่ายรูปกับเธอด้วยท่าทางเป็นกันเองหลายรูปก่อนยื่นคืนเธอคนนั้นไป
"ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่คุณมากับ..."ผู้หญิงคนนั้นหันมามองฉันด้วยสายตาสงสัยแกมอาฆาต
"อ๋อ เธอเป็นเทรนเนอร์การแสดงของผมครับ วันนี้ผมมาทำความคุ้นเคยกับเธอครับ เธอชื่อ...เอ่อ..."เอลิออสหันมามองฉันก่อนจะส่งสัญญาณให้ฉันพูดชื่อตัวเองให็กับเธอคนนั้น
"ฉันชื่อไอรินค่ะ แฮ่ะๆ"ฉันแค่นหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจสุดๆก่อนจะกลับไปปั้นหน้าตาย
"อ๋อ งั้นเดี๋ยวรออาหารสักครู่นะคะ อีกสักหน่อยก็คงจะเสร็จพอดีค่ะ" พูดจบเธอคนนั้นก็โค้งให้เราและเดินเข้าหลังร้านไป
"นายให้เธอถ่ายทำไมเนี่ย เรามาทานข้าวกันนะ"
"ลองฉันบอกไม่ให้ถ่ายดูสิ งานงอกแน่...เธอไม่อยากถ่ายกับฉันบ้างหรอ"เป็นคำถามที่เปลี่ยนอารมณ์ได้ดีมากค่ะลูก
"ได้หรอ"มีสักรูปติดโทรศัพท์ไว้ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย
"ฉันพูดไปงั้นแหละ เราต้องเจอกันทุกวันอยู่ไม่เห็นต้องถ่ายเลย อีกอย่างฉันไม่พิศวาสเธอเลยแม้แต่น้อยเพราะฉะนั้นเราไม่ต้องมีโมเม้นท์มากินข้าวแล้วต้องถ่ายรูกอะไรแบบนี้หรอก"หน้าที่ฉันยิ้มอยู่ตอนนี้กลายเป็นหนเ้าบูดทันทีที่ได้ยินเอลิออสพูด
"....."ฉันนั่งเงียบจ้องหน้าเขาด้วยสายตาพรานที่กำลังจ้องเหยื่อ ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสริร์ฟ เมนูแต่ละอย่างทำให้น้ำลายฉันสอออกมาเยอะพอสมควร
"ขอโทษที่ทำให้รอนาน และต้องขออภัยเรื่องที่พนักงานเราเสียมารยาทมารบกวนเวลาของคุณเอลิออสด้วยนะครับ"บริกรคนนี้ไม่ใช่คนมารับเมนูแต่เป็นอีกคนที่แต่งตัวดูดีมาก
"ไม่เป็นไรครับ อย่าว่าเธอเลยดีซะอีกที่ผมมีแฟนคลับที่ร้านคุณครับ คุณผู้จัดการ" ห้ะ ผู้จัดการ ฉันมองผู้จัดการสลับกับเอลิออสไปมาด้วยความตกใจ
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เชิญรับประทานอาหารกันเลย ผมแวะมาที่นี่เพื่อมาดูความเรีบยร้อยเท่านั้นครับ ผมขอตัวก่อน" เอลิออสลุกขึ้นยืนและโค้งให้ผู้จัดการเล็กน้อยนั่นทำให้สปริงในตัวฉันทำงาน ฉันลุกขึ้นโค้งให้เขาเหมือนกันก่อนจะรีบนั่งลงที่เดิม เอลิออสหันมามองฉันแล้วยิ้มก่อนจะส่ายหัวและเริ่มทานอาหาร ฉันลองกินหมูหันช้นแรกที่มันดูล่อลวงใจฉันตั้งแต่เอามาตั้งลงที่โต๊ะ
"อื้ม อร่อยอ่ะ นี่ก้อร่อย นั่นก้อร่อย อร่อยทุกอย่างเลย"
"แน่นอนสิ ค่อยๆกินไปล่ะเดี๋ยวมันจะติดคอเอานะ"พูดไม่ทันขาดคำ
"แค่กๆ แค่กๆ" ฉันสำลักความอร่อยทันทีที่เขาพูดขึ้น เอลิออสรีบเอาน้ำมาให้ฉันดื่ม ฉันรีบดื่มน้้ำนั่นจนจจะหมดแก้ว
"ที่จริงเธอกำลังจูบฉันทางอ้อมนะเทรนเนอร์"น้ำที่เต็มปากฉันอยู่ตอนนี้ทำให้ฉันกลืนลงช้าๆด้วยความตกใจฉันหันไปมองแก้วน้ำตัวเองที่ตั้งที่เดิมทำให้ฉันรู้ว่าเขาพูดความจริง"ฮ่าๆๆ ฉันล้อเล่น ฉันยังไม่ได้ดื่มมันเลย เสียดายจังนึกว่าจะได้เห็นสิงโตพ่นน้ำในไทยซะอีก"เอลิออสหัวเรทาะออกมาอย่างมีความสุข
"ตลกตายล่ะ กินเข้าไปเลยนะ"ฉันวางแก้วน้ำลงและกินอาหารตรงหน้าต่อ เอลิออสก็เงียบและทานเหมือนกัน วันนี้ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่มากับคนขี้แกล้งแบบนี้ และมื้อค่ำวันนี้ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนหล่อตรงหน้า
ทานข้าวเสร็จแล้วเอลิออสก้อาสามาส่งฉันที่คอนโด
"ขอบใจที่มาส่งนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้"ฉันโบกมือลาเอลิออสที่นั่งอยู่บนรถ
"เดี๋ยวสิ" เอลิออสรั้งฉันไว้ก่อนจะลงรถมาหาฉัน
"มีอะไรหรอ"
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอเรียกฉันว่าอาตี้ก็ได้นะ ฉันอนุญาตเธอเป็นคนที่สองที่เรียกฉันแบบนี้ได้"
"ทำไมล่ะ มันเป็นชื่อที่แม่นายตั้งให้ไม่ใช่หรอ" ฉันได้ข้อมูลนี้มาจากวาเลนเซีย ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันลืมคือวาเลนเซีย
"ฉันบอกว่าอนุญาตก็เรียกไปเถอะน่า"
"อื้อ ขอบใจนะตีตี้ งั้นฉันขอ..." จุ๊บ! เอลิออสจุ๊บที่หน้าผากฉันเบาๆก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถ ส่วนฉันตอนนี้กลายเป็นรูปปั้นไปแล้วโดยอัตโนมัติ
"ฝันดีนะ ไอริน เทรนเนอร์ของฉัน" เอลิออสพูดทิ้งท้ายได้กร๊าวใจมาก ฉันทั้งอึ้งและตื่นเต้น ทั้งสับสนและดีใจไปตามๆกัน เขาจุ๊บฉัน เขาจุ๊บที่หน้าผากน้อยของฉัน ฉันไม่กล้าล้างหน้าแน่เลยคืนนี้ พอสติฉันเริ่มกลับเข้าร่างฉันก็เดินเข้าคอนโดไปอย่างใจลอย คือมันเป้นอารมณ์ที่ฟินจนบอกไม่ถูก ฉันอาจจะฝันหรือไม่ก็กำลังหลอกตัวเองอยู่แน่ๆเลย
ฉันเข้ามาที่ห้องด้วยความมึนงง ก่อนจะมีอะไรมาสะกิดต่อมความทรงจำฉัน ใช่ วาเลนเซียกำลังรออยู่ ฉันทิ้งตัวลงนอนแลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวาเลนเซีย ตตอนนี้ก็ปาเข้าไปห้าทุ่มเกือบขะเที่ยงคืน
[ตู๊ด ตู๊ด กริ้ง ฮัลโหลยัยเพื่อนร้ายกาจ เธอทิ้งฉันไปแล้วใช่มั้ย]ปลายสายโวยวายใหญ่
[ใจเย็นก่อนนะแก ฉันงานยุ่งจริง]
[ช่างเถอะ ว่าแต่เอลิออสงานดีมากเว่อร์ใช่มั้ยแก]พอพูดเรื่องผู้ชายนี่อารมณ์ดีเชียวนะเพื่อนคนนี้
[ก็ดีอยู่นะ แต่เรื่องอารมณ์กับความขี้แกล้งของเค้าฉันว่าไม่ค่อยโออ่ะแก]
[ห้ะ อย่าบอกนะว่าแกโดนแกล้งอ่ะ โอ้ย!!!~ฉันอยากโดนแกล้งมากกว่าอีกอ่ะต่อให้ฉันโดนแกล้งแรงแค่ไหนฉันก็ยอมเหอะ]
[หึๆ เอาที่แกสบายใจงั้นวันนี้ฉันขอนอนพักเอาแรงก่อนแล้วกันพรุ่งนี้ฉันเริ่มคลาสแรกกับผู้ในมโนของแกเดี๋ยวเลิกคลาสจะโทรหาใหม่แล้วกัน]
[โอเค ฝันดีนะแก บายจุ๊บ]
[อืม บาย] รู้สึกผิดแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ที่เขามาประทับตาที่หน้าผากฉัน แต่ก็เอาเถอะ วันนี้อาบน้ำแล้วรีบนอนดีกว่า
"เธอออกไปจากตีตี้น้อยของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะยัยโรคจิต" ผมจ้องคนที่ดึงผ้าขนหนูผมออกด้วยสายตาอาฆาต
"อะไรคือตีตี้น้อยอะ...แล้วฉันก็ลุกไม่ได้หรอกนะเพราะนายทับตัวฉันอยู่" เทรนเนอร์ตัวน้อยเบิกตาที่หลับสนิทขึ้นมาจ้องตาผมซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าจ้องหน้าผมด้วยความโกรธไม่ใช่ด้วยความหลงไหล
"หลับตาสิ หรือเธอจะให้ฉันลุกทั้งๆที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย"เทรนเนอร์ตัวน้อยหลับตาปี๋เพื่อให้ผมลุก ผมยื่นมือไปจับเอาผ้าขนหนูที่ตกไปอยู่บนพรมใต้โซฟาขึ้นมาพันตัวไว้และเดินเข้าห้องด้วยความสบายใจ ก่อนปิดประตูผมหันไปดูเทรนเนอร์เพื่อเช็คดูความปลอดภัยของเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของผมเทรนเนอร์ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันก็...น่ารักดี
ปัง! ผมปิดประตูเสียงดังเพื่อส่งสัญญาณให้ใครบางคนรู้ว่าผมเข้าห้องแล้ว ยังไงนี่มันก็เริ่มดึกแล้วจะใส่สูทก็คงจะดูเยอะไปสำหรับการไปทานข้าวเพราะฉะนั้น...
[ไอริน]
ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มือฉันมันเป็นอะไรไปทำไมต้องไปดึงผ้าขนหนูของเขาด้วย เจอกันวันแรกทั้งอารมณืเสียทั้งทำให้เขามองว่าเป็นพวกหื่นกามอีก ถ้าอยู่ด้วยกันนานๆไปจะไม่กลายเป็นพวกถ้ำมองหรือพวกโรคจิตไปเลยหรอเนี่ย มือบ้าเอ้ย ผลัก! ผลัก! ฉันตบที่หน้าผากตัวเองเบาๆด้วยคงามรู้สึกเกลียดตัวเอง เขาอุตส่าห์จะเลี้ยงข้าวแท้ๆแต่ดันไปทำบ้าทำบอแบบนั้นได้ ตอนนี้ใบหน้าของฉันแสดงออกมาได้ชัดมากว่ากำลังรู้สึกเหลืออดกับตัวเอง
แกร๊กๆ เสียงบิดกลอนประตูห้องของเอลิออสดังขึ้นทำให้ฉันต้องปั้นหน้าปกติไว้ เอลิออสเดินออกมาพร้อมกับการแต่งตัวที่
"ฮ่าๆๆๆๆ"ฉันกลั้นหัวเราะตัวเองไม่ได้เมื่อเห็นชายตรงหน้าแต่งตัวสไตล์แปลกๆ เขามัดผมทรงShaved Sideใส่แว่นตาดำหนาเตอะติดหนวดปลอมใส่เสื้อกล้ามสีขาวใส่เคลริคเชิ้ตสัครีมไม่ติดกระดุม ใส่กางเกงชิโน่สีขาว รองเท้าแตะและที่สำคัญคือผูกผ้าพันคอผืนหนาเตอะสีแดงค่ะพ่อแม่พี่น้อง คือเป็นคนของโลกหน้าเท่านั้นถึงจะเข้าถึงความเป็นแฟชั่น
"เธอไม่ต้องมาขำฉันหรอก ถ้าฉันไม่แต่งแบบนี้เธอได้ตกไปเป็นคนดังข้ามคืนแน่"เอลิออสทำหน้าดุมาที่ฉัน
"ฮึบ!...หึหึ"ฉันพยายามสั่งให้ตัวเองหยุดหัวเราะด้วยความจำเป็นแต่ก็ยังอมยิ้มอยู่"ทำไมต้องแต่งหนักขนาดนี้ด้วยล่ะ"ฉันหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะถามด้วยความสงสัยเกี่ยวกับแฟชั่นตรงหน้าฉันเลยถามคำถามแทงใจดำเขาออกไป
"ฉันก็ต้องพรางตัวออกไปสิ ไม่งั้นการทานข้าววันนี้จากครึ่งชั่วโมงอาจจะกลายเป็ยนสามชั่วโมงเพราะมีแต่คนมาขอถ่ายรูปอัดคลิปแล้วก็ขอลายเซ็นต์น่ะสิ"
"นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า"เอลิออสจ้องมาที่ฉันด้วยความสงสัยขณะที่ยังยืนหน้าประตูห้องตามเดิม
"ฉันเข้าใจอะไรผิด"
"แฟนคลับบางคนเค้าก็เข้าใจเวลาส่วนตัวของนายอยู่แล้ว แค่เห็นนายไม่แต่งหน้าไม่เซ็ทผมใส่หน้ากากดำใส่แว่นขาวแต่งตัวธรรมดาๆแค่เสื้อยืดกางเกงตัวนึงพวกเขาก็เข้าใจและเวลานายอยู่แล้ว"
"แล้วทำไมเวลาฉันเดินทางไปไหนมาไหนทุกคนต้องตามมาจี้โทรศัพท์จี้กล้องใส่ฉันกันล่ะ"บางทีฉันก็มองโลกในแง่บวกเกินไปเพราะเพิ่งจะเริ่มอยากเป็นติ่ง แต่ยังไงซะข้อมูลนี้ฉันก็ได้มาจากติ่งที่แท้ทรูอย่างวาเลนเซีย
"ก็เพราะนั่นมันยังอยู่ในสภาวะการทำงานยังไงล่ะ ยังไงซะที่นี่ก็ประเทศไทย คนไทยน่ารักมากเลยนะฉันอยากให้นายจำข้อนี้ไว้"เอลิออสหลับตาใส่ฉันพร้อมกับเบ้ปากใส่ก่อนจะกลับหลีงหันเดินเข้าห้องไปอีกครั้ง เขาหายไปพักหนึ่งก่อนจะออกมาใหม่พร้อมกับแฟชั่นแบบใหม่ของเขา รองเท้าผ้าใบสีขาวเข้ากัวกางเกงขาสามส่วนสีขาวที่เขาใส่พอดี ใส่เสื้อฮู๊ดแขนยาวสีดำพร้อมกับหมวกและหน้ากากสีดำ อย่างมากแบบนี้ก็พอดูได้อ่ะนะ
"พอใจรึยัง" เอลิออสพูดเสียงเรียบก่อนจะกวักมือเรียกฉันบอกให้รีบออกไปได้แล้ว ฉันเดินตามหลังเขาไปเงียบๆ เอลิออสนี่เดินเร็วดีจังฉันที่ขายาวไม่เท่าเขาตอนนี้เดินเร็วจนเริ่มจะเหมือนวิ่งเข้าทุกที เราลงลิฟต์มาที่ชั้นลอบบี้อย่างเงียบๆ
"....."เอลิออสไม่พูดอะไรจนเราเดินออกมาที่หน้าบริษัท"รอฉันที่นี่แป๊ปนึงนะ" พูดจบเขาก็วิ่งไปทางฝั่งลานจอดรถ ที่จริงที่นี่มีรถแท็กซี่ขับผ่านตลอดจะให้ฉันไปเรียกมาให้ก็ได้แต่เขากลับวิ่งหายไปไหนก็ไม่รู้สิ่งที่ฉันกลัวคือจะไม่มีร้านที่เปิดตอนนี้นอกจากเทคหรือบาร์แล้วล่ะ แลมโบกินี่สีเหลืองขับออกมาจากลานจอดรถสะดุดตาฉันมาก และฉันก็ชอบรถแบบนี้ซะด้วย รถคันนั้นขับมาทางฉันทำให้ฉันละสายตาไม่ได้ก่อนที่มันจะจอดตรงหน้า"รีบขึ้นมาเลยนะ ฉันหิวข้าวจนจะกินหัวเธอแทนแล้ว"เป็นเอลิออสที่ขับรถคันนั้น ฉันรีบวิ่งไปขึ้นรถฝั่งตรงข้ามกับคนขับ
"นายเอารถใครมาเนี่ย"เขาเอารถมาได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งจะมาที่ไทยและที่ฉันแปลกใจมากกว่าคือทำไมนักเรียนแลกเปลี่ยนถึงูดไทยคล่องขนาดนี้
"อ๋อ รถคันนี้รองประธานเอาไว้ให้ฉันใช้น่ะสิ"พูดจบเขาก็เหยียบคันเร่งจนสุดทำให้ฉันรีบคาดเข็มขัดด้วยความกลัว
"นายจะไปทานข้าวที่ไหนล่ะ"
"รองประธานเค้าบอกว่าวันนี้จองร้านอาหารไว้ให้แบบส่วนตัวน่ะ อ่อ ไม่ต้องถามนะว่าฉันแต่งตัวแบบนี้ทำไม เพราะต่อให้ส่วนตัวแค่ไหนตอนที่เธอออกจากรถนี่ไปฉันก็ต้องเป็นที่จับตาของคนข้างนอกอยู่ดี" เป็นคนดังนี่มันเหนื่อยเนาะ
"..."ฉันทำได้แค่เงียบรอเวลาที่รถจะหยุดเท่านั้นเพราะตอนนี้เกร็งไปหมดจนไม่กล้าขยับไปไหน ฉันหันไปมองฝั่งคนขับที่ตอนนี้เห็นแค่ตาและคิ้ว สายตามุ่งมั่นขณะขับรถของเขามันทำให้ฉันใจสั่น คิ้วที่ขมวดเล็กน้อยนั้นทำให้ัสีหน้าเขาดูเข้มขึ้น ฉันคิอว่าตัวเองปรับตัวได้แล้วที่ต้องอยู่กับเขาแต่มันไม่ใช่เลยเพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ฉันได้จ้องเขาแบบใกล้ๆหัวใจฉันมันก็เต้นเหมือนจะทะลุออกมา โดยเฉพาะตอนนั้นตอนที่เขาทับฉันอยู่ อร๊ายย คิอแล้วก็เขินฉันต้องบ้าตายในที่สุดแน่นอนเลย
"หน้าฉันมีอะไรติดไม่ทราบ เลิกจ้องแล้วยิ้มเหมือนพวกโรคจิตได้แล้ว"
"เปล๊า เปล่าเลย...ฉันแค่มองวิวฝั่งนายแล้วเห็นมันสวยดีเลยยิ้มน่ะสิ"เขารู้ได้ไงว่าฉันมองเค้าทังๆที่เขาเอาแต่มองถนน
"เสียงสูงไปแล้วนะ โอ้วถึงพอดีเลย"เอลิออสเลี้ยวรถเข้ามาที่ร้านอาหารไม่สิภัตตาคารมากกว่านี่มันร้านดังที่พวกคนมีฐานะชอบมากินนี่นา
"นายขับรถมาถูกได้ไงอ่ะ"
"ที่นี่ฉันมากินบ่อยตอนเรียนแลกเปลี่ยนน่ะสิ"เอลิออสพูดพรางจอดรถไว้ที่หน้าร้านก่อนจะลงรถไปเอากุญแจให้พนักงานเก็บรถให้ โดยมารยาทฉันก็เลยนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอเขามาเปิดประตูให้ เขาเอากุญแจให้พนักงานแล้วหันมามองฉันก่อนจะเดินเข้าร้านไปอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ แล้วฉันล่ะอิตาบ้า"ฉันตะโกนอยู่ในรถแต่เอลิออสก็ไม่สนใจ ฉันเลยต้องรีบลงจากรถเพราะเดี๋ยวพนักงานคนนั้นก็จะเอาไปเก็บให้ ฉันรีบลงจากรถและเดินเข้าร้านอย่างรีบร้อน เอลิออสนั่งรอที่โต๊ะใหญ่กลางร้าน ที่นี่ไม่มีใครนอกเราสองคนและพนักงานเท่่านั้น ฉันควรจะดีใจสินะที่ได้มาทานข้าวกับเขาแบบนี้
ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับเขาและเอาเมนูมาเลือกเพราะตอนนี้ฉันก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน เอลิออสดูเมนูสักพักก่อนจะกระดิกนิ้วชี้บอกให้บริกรมารับเมนู
"เป็กปักกิ่ง เมนูหูฉลามที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ขอสลัดไข่ปลาคาเวียร์มาด้วยนะ"นั่นมันเมนูหลักแสนทั้งนั้นเลยนะยะ ฉันที่มีเงินติดกระเป๋าแค่สองร้อยคงไม่มีทางได้กินแน่
"ฉันขอเป็น..."
"ของคุณผู้หญิงขอเป็น หมูหันกับไก่อบน้ำผึ้ง"ฉันยังไม่ทันได้สั่งอะไรเอลิออสก็สั่งให้เลย ฉันรีบเปิดไปดูราคาเมนูนั้น แต่ละเมนูราคาไม่ต่ำกว่า3หมื่น ฉันรีบคืนเมนูให้กับบริกรและนั่งเงียบบด้วยร่างกายที่อ่อนแรงเพราะราคาอาหารแต่ละอย่างฉันทำงานทั้งชาติก็ไม่กล้าแตะ
"นายสั่งมาเยอะขนาดนี้กินหมดเหรอ"
"กินไม่หมดเธอก็ห่อกลับบ้านไปสิ" เอลิออสถอดหน้ากากกับหมวกออกเผยให้เห็นหน้าม้าและใบหน้าสีขาวของเขา เขาดูดีมากแม้ไม่ได้แต่งอะไร ไม่นานสิ่งที่ฉันคิดไวก็มาถึง
"เอลิออสขอฉันถ่ายรูปกับคุณได้มั้ยคะ" พนักงานหญิงเดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับเอลิออสเอาตามตรงคือถ้าถือตามมารยาทตอนนี้เอลิออสเป็นลูกค้าเขาไม่ควรทำแบบนี้
"ฉันว่าคุณ..."
"ได้ครับ" ฉันกำลังจะไล่พนักงานคนนั้นไปแต่เอลิออสกลับตกลงซะงั้น เขาจับโทรศัพท์มาถ่ายรูปกับเธอด้วยท่าทางเป็นกันเองหลายรูปก่อนยื่นคืนเธอคนนั้นไป
"ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่คุณมากับ..."ผู้หญิงคนนั้นหันมามองฉันด้วยสายตาสงสัยแกมอาฆาต
"อ๋อ เธอเป็นเทรนเนอร์การแสดงของผมครับ วันนี้ผมมาทำความคุ้นเคยกับเธอครับ เธอชื่อ...เอ่อ..."เอลิออสหันมามองฉันก่อนจะส่งสัญญาณให้ฉันพูดชื่อตัวเองให็กับเธอคนนั้น
"ฉันชื่อไอรินค่ะ แฮ่ะๆ"ฉันแค่นหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจสุดๆก่อนจะกลับไปปั้นหน้าตาย
"อ๋อ งั้นเดี๋ยวรออาหารสักครู่นะคะ อีกสักหน่อยก็คงจะเสร็จพอดีค่ะ" พูดจบเธอคนนั้นก็โค้งให้เราและเดินเข้าหลังร้านไป
"นายให้เธอถ่ายทำไมเนี่ย เรามาทานข้าวกันนะ"
"ลองฉันบอกไม่ให้ถ่ายดูสิ งานงอกแน่...เธอไม่อยากถ่ายกับฉันบ้างหรอ"เป็นคำถามที่เปลี่ยนอารมณ์ได้ดีมากค่ะลูก
"ได้หรอ"มีสักรูปติดโทรศัพท์ไว้ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย
"ฉันพูดไปงั้นแหละ เราต้องเจอกันทุกวันอยู่ไม่เห็นต้องถ่ายเลย อีกอย่างฉันไม่พิศวาสเธอเลยแม้แต่น้อยเพราะฉะนั้นเราไม่ต้องมีโมเม้นท์มากินข้าวแล้วต้องถ่ายรูกอะไรแบบนี้หรอก"หน้าที่ฉันยิ้มอยู่ตอนนี้กลายเป็นหนเ้าบูดทันทีที่ได้ยินเอลิออสพูด
"....."ฉันนั่งเงียบจ้องหน้าเขาด้วยสายตาพรานที่กำลังจ้องเหยื่อ ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสริร์ฟ เมนูแต่ละอย่างทำให้น้ำลายฉันสอออกมาเยอะพอสมควร
"ขอโทษที่ทำให้รอนาน และต้องขออภัยเรื่องที่พนักงานเราเสียมารยาทมารบกวนเวลาของคุณเอลิออสด้วยนะครับ"บริกรคนนี้ไม่ใช่คนมารับเมนูแต่เป็นอีกคนที่แต่งตัวดูดีมาก
"ไม่เป็นไรครับ อย่าว่าเธอเลยดีซะอีกที่ผมมีแฟนคลับที่ร้านคุณครับ คุณผู้จัดการ" ห้ะ ผู้จัดการ ฉันมองผู้จัดการสลับกับเอลิออสไปมาด้วยความตกใจ
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เชิญรับประทานอาหารกันเลย ผมแวะมาที่นี่เพื่อมาดูความเรีบยร้อยเท่านั้นครับ ผมขอตัวก่อน" เอลิออสลุกขึ้นยืนและโค้งให้ผู้จัดการเล็กน้อยนั่นทำให้สปริงในตัวฉันทำงาน ฉันลุกขึ้นโค้งให้เขาเหมือนกันก่อนจะรีบนั่งลงที่เดิม เอลิออสหันมามองฉันแล้วยิ้มก่อนจะส่ายหัวและเริ่มทานอาหาร ฉันลองกินหมูหันช้นแรกที่มันดูล่อลวงใจฉันตั้งแต่เอามาตั้งลงที่โต๊ะ
"อื้ม อร่อยอ่ะ นี่ก้อร่อย นั่นก้อร่อย อร่อยทุกอย่างเลย"
"แน่นอนสิ ค่อยๆกินไปล่ะเดี๋ยวมันจะติดคอเอานะ"พูดไม่ทันขาดคำ
"แค่กๆ แค่กๆ" ฉันสำลักความอร่อยทันทีที่เขาพูดขึ้น เอลิออสรีบเอาน้ำมาให้ฉันดื่ม ฉันรีบดื่มน้้ำนั่นจนจจะหมดแก้ว
"ที่จริงเธอกำลังจูบฉันทางอ้อมนะเทรนเนอร์"น้ำที่เต็มปากฉันอยู่ตอนนี้ทำให้ฉันกลืนลงช้าๆด้วยความตกใจฉันหันไปมองแก้วน้ำตัวเองที่ตั้งที่เดิมทำให้ฉันรู้ว่าเขาพูดความจริง"ฮ่าๆๆ ฉันล้อเล่น ฉันยังไม่ได้ดื่มมันเลย เสียดายจังนึกว่าจะได้เห็นสิงโตพ่นน้ำในไทยซะอีก"เอลิออสหัวเรทาะออกมาอย่างมีความสุข
"ตลกตายล่ะ กินเข้าไปเลยนะ"ฉันวางแก้วน้ำลงและกินอาหารตรงหน้าต่อ เอลิออสก็เงียบและทานเหมือนกัน วันนี้ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่มากับคนขี้แกล้งแบบนี้ และมื้อค่ำวันนี้ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนหล่อตรงหน้า
ทานข้าวเสร็จแล้วเอลิออสก้อาสามาส่งฉันที่คอนโด
"ขอบใจที่มาส่งนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้"ฉันโบกมือลาเอลิออสที่นั่งอยู่บนรถ
"เดี๋ยวสิ" เอลิออสรั้งฉันไว้ก่อนจะลงรถมาหาฉัน
"มีอะไรหรอ"
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอเรียกฉันว่าอาตี้ก็ได้นะ ฉันอนุญาตเธอเป็นคนที่สองที่เรียกฉันแบบนี้ได้"
"ทำไมล่ะ มันเป็นชื่อที่แม่นายตั้งให้ไม่ใช่หรอ" ฉันได้ข้อมูลนี้มาจากวาเลนเซีย ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันลืมคือวาเลนเซีย
"ฉันบอกว่าอนุญาตก็เรียกไปเถอะน่า"
"อื้อ ขอบใจนะตีตี้ งั้นฉันขอ..." จุ๊บ! เอลิออสจุ๊บที่หน้าผากฉันเบาๆก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถ ส่วนฉันตอนนี้กลายเป็นรูปปั้นไปแล้วโดยอัตโนมัติ
"ฝันดีนะ ไอริน เทรนเนอร์ของฉัน" เอลิออสพูดทิ้งท้ายได้กร๊าวใจมาก ฉันทั้งอึ้งและตื่นเต้น ทั้งสับสนและดีใจไปตามๆกัน เขาจุ๊บฉัน เขาจุ๊บที่หน้าผากน้อยของฉัน ฉันไม่กล้าล้างหน้าแน่เลยคืนนี้ พอสติฉันเริ่มกลับเข้าร่างฉันก็เดินเข้าคอนโดไปอย่างใจลอย คือมันเป้นอารมณ์ที่ฟินจนบอกไม่ถูก ฉันอาจจะฝันหรือไม่ก็กำลังหลอกตัวเองอยู่แน่ๆเลย
ฉันเข้ามาที่ห้องด้วยความมึนงง ก่อนจะมีอะไรมาสะกิดต่อมความทรงจำฉัน ใช่ วาเลนเซียกำลังรออยู่ ฉันทิ้งตัวลงนอนแลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวาเลนเซีย ตตอนนี้ก็ปาเข้าไปห้าทุ่มเกือบขะเที่ยงคืน
[ตู๊ด ตู๊ด กริ้ง ฮัลโหลยัยเพื่อนร้ายกาจ เธอทิ้งฉันไปแล้วใช่มั้ย]ปลายสายโวยวายใหญ่
[ใจเย็นก่อนนะแก ฉันงานยุ่งจริง]
[ช่างเถอะ ว่าแต่เอลิออสงานดีมากเว่อร์ใช่มั้ยแก]พอพูดเรื่องผู้ชายนี่อารมณ์ดีเชียวนะเพื่อนคนนี้
[ก็ดีอยู่นะ แต่เรื่องอารมณ์กับความขี้แกล้งของเค้าฉันว่าไม่ค่อยโออ่ะแก]
[ห้ะ อย่าบอกนะว่าแกโดนแกล้งอ่ะ โอ้ย!!!~ฉันอยากโดนแกล้งมากกว่าอีกอ่ะต่อให้ฉันโดนแกล้งแรงแค่ไหนฉันก็ยอมเหอะ]
[หึๆ เอาที่แกสบายใจงั้นวันนี้ฉันขอนอนพักเอาแรงก่อนแล้วกันพรุ่งนี้ฉันเริ่มคลาสแรกกับผู้ในมโนของแกเดี๋ยวเลิกคลาสจะโทรหาใหม่แล้วกัน]
[โอเค ฝันดีนะแก บายจุ๊บ]
[อืม บาย] รู้สึกผิดแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ที่เขามาประทับตาที่หน้าผากฉัน แต่ก็เอาเถอะ วันนี้อาบน้ำแล้วรีบนอนดีกว่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ