Wish you were here : อยู่กับผมนะที่รัก
-
เขียนโดย chivaru
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 07.50 น.
21 ตอน
3 วิจารณ์
19.62K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 11.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) เหตุผลที่ 13 ขอร้อง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเหตุผลที่ 13 ขอร้อง
‘ครืน~ ครืน~ ครืน~’ แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังต่อเนื่องอยู่นานจนผมรู้สึกตัว
เมื่อคืนไม่รู้หลับไปตอนไหน ตื่นมายังคงสภาพกางเกงยีนสีดำเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ใส่ไปเยี่ยมไอแมงพี่ตั้งแต่เมื่อวาน
“โหล ใคร มีไร โทรมาทำไม” กรอกเสียงตามสายที่โทรเข้ามาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
[มึง! มาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ไอพี่มันจะอาละวาดกูอยู่แล้ว] เสียงนี้เป็นใครไปไม่ได้ ไอแมงน้อง
“มึงก็ตามใจ โอ๋ๆ มันหน่อยเถอะ วันนี้กูต้องเข้าร้าน ค่ำๆ ถึงจะเข้าไป”
[สัส! มึงจะทำกับกูแบบนี้หรอเพื่อน]
“กูทำอะไรมึง กูบอกให้โอ๋ๆ มันไป เดี๋ยวมันก็เงียบ อย่างกับมึงไม่เคย ยอมๆ มันหน่อยเหอะ กูไหว้ล่ะ เจอกันค่ำๆ บาย!”
ก่อนที่ไอแมงน้องจะได้พูดอะไร ผมชิงวางสายดื้อๆ ขี้เกียจฟังมันอ้อนวอนตีน กับอีแค่โอ๋พี่มันจะเป็นอะไรนักหนา เห็นเมื่อก่อนก็ทำได้
ผมก้มมองนาฬิกาบ่งบอกเวลา 8.00 น.
“โอ๊ย~ เช้าเหี้ยๆ หัวก็ปวด น้ำก็ไม่ได้อาบ” จริงๆ มันก็ไม่ใช่เวลามานอนต่อแล้ว ผมจึงตัดสินใจลากสังขารอันสกปรกนี้ไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพราะวันนี้ต้องเข้าไปจัดการร้านอีก
- [ร้านขนมไทยคุณนาย] -
ผมเดินเข้าทางหลังร้านด้วยอาการเบลอเล็กน้อย กะว่าจะเดินไปเช็กของหน้าร้านสักหน่อย ด้วยความเบลอทำให้ชนเข้ากับลูกค้าคนหนึ่งหน้าทางเข้าห้องน้ำ
“โทษครับ/โทษครับ” ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงคุ้นเคย ก็พบว่าใช่จริงๆ ตามที่คิด ไอ้คุณหมอ ผมกลอกตามองบนร้อยแปดสิบองศาแบบที่ผู้หญิงชอบทำ
“พี่ พี่หมออยู่ไหน” เสียงบางเรียกหาพี่ชายเพราะดวงตาที่มองไม่เห็นทำให้ไม่สามารถขยับตัวเดินไปไหนมาไหนเองได้มาก
“อยู่นี่ๆ ตัวเล็กนั่งรอก่อนสิ เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว” ไอ้คุณหมอเดินกลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าตาล มือบางถูกกอบกุมด้วยมือหนาของไอ้คุณหมอ
ผมรู้สึกอิจฉาไอ้คุณหมอที่ได้อยู่ข้างตาลตลอดมา ได้ดูแล ได้รักษา ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้เลย
ผมยืนมองเหตุการณ์อยู่นานสองนาน กำลังจะเดินก้าวไปให้พ้นจากตรงนี้ ต้องชะงักเมื่อมือหนาของไอ้คุณหมอรั้งผมไว้
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อย” เสียงกระซิบเบาบางจงใจให้ได้ยินกันแค่สองคน ผมตอบรับด้วยการพยักหน้าอย่างว่าง่าย อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกบ้าง
“เดี๋ยวพี่มานะตัวเล็ก อย่าไปไหนคนเดียวเข้าใจนะ” ไอ้คุณหมอหันไปบอกตาลเสียงติดดุนิดๆ
เราสองคนเดินมาหยุดอยู่หลังร้าน ตรงนี้เป็นมุมส่วนตัวที่ผมไว้ใช้สูบบุหรี่เงียบๆ คนเดียว
“มีอะไรครับคุณพี่หมอ”
“เมื่อคืนขนมโทรสารภาพกับผมว่าคุณรู้เรื่องของตัวเล็กแล้ว”
“อืมใช่ ผมบังคับให้น้องมันเล่าเอง อย่าไปโกรธมันเลย”
“ผมไม่โกรธขนมหรอก ผมก็อยากจะบอกคุณสักวันเหมือนกัน แต่ตัวเล็กไม่ยอมสักที”
“ผมว่าคงไม่มีวันนั้นมั้งครับ”
“ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ” อยู่ๆ ไอ้คุณหมอพูดน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา
“ครับ ถ้าตอบได้ผมจะตอบ”
“คุณยังรักตัวเล็กอยู่มั้ย” คำถามนี้ทำผมใจกระตุกนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้ตอบกลับ แต่ถามกลับไปแทน
“ทำไมหรอครับ ไม่รู้สิ ตาลไม่ได้ต้องการผมแล้วนิ วันนั้นที่โรงพยาบาลคุณหมอก็น่าจะได้ยินทุกอย่าง” บ้าชะมัดเจ็บไปหมดแล้วใจ ผมไม่รู้ว่าควรจะรักตาลต่อไปมั้ย แต่ใจลึกๆ ยังคงโหยหายเธอเพียงผู้เดียว
“ครับ ยอมรับว่าผมได้ยิน แต่คุณก็น่าจะรู้เจตนาของตัวเล็กแล้วนิ”
“….” ผมนิ่งเงียบไม่รู้จะพูด จะโต้ตอบอะไรออกไปถึงจะดี ผมไม่อยากวนกลับเจ็บแบบเดิมซ้ำๆ บ้าบออยู่คนเดียว มันทรมานมากนะกว่าผมจะผ่านมันมาได้ แต่...ผมยังรักเธอ
“เผื่อถ้าคุณยังรักตัวเล็ก ผมต้องการความช่วยเหลือ ผมเคยลองใช้ไขกระดูกของผม ของพ่อกับแม่ แต่ไม่สำเร็จเลย ร่างกายตัวเล็กปฏิเสธ ผมก็เลยอยากลองของคุณดู ถ้าการปลูกถ่ายครั้งนี้สำเร็จ คราวนี้เธออาจจะหายก็ได้ ผมแค่อยากให้ตัวเล็กเลิกร้องไห้ อยากเห็นเขายิ้มอย่างมีความสุข เหมือนเมื่อก่อนที่คุณดูแลตัวเล็กอยู่ ตัวเล็กเล่าให้เรื่องคุณให้ผมเสมอ บอกตามตรงผมอิจฉาคุณมาก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ความสดใสขนาดผมเป็นพี่ชายแท้ๆ ยังทำไมได้เลย” น้ำตาเม็ดเล็กของคนเป็นพี่ไหลลงแก้มซ้ายเงียบๆ
“.....” ผมยกมือสั่นๆ ขึ้นป้องปาก มือหนากระทบเข้ากับน้ำตาเจ้ากรรมที่ไหลเอ่อล้นออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัวนะ แต่อยากผมขอร้องคุณสักครั้งในฐานะพี่ชายของตัวเล็ก คุณก็มีน้องเหมือนกันน่าจะเข้าหัวอกคนเป็นพี่ถ้าต้องสูญเสียน้องทั้งคนไปได้ดี เพราะฉะนั้น ขอร้องเถอะครับ ช่วยตัวเล็กด้วย” ไอ้คุณหมอมาดแมนกวนบาทาผมหายวับไปกับตามีเพียงพี่ชายที่ค้นหาปาฏิหาริย์ให้กับน้องสาวเพียงคนเดียวของตนเอง
ผมเข้าใจดีถ้าผมต้องสูญเสียขนมชั้นไปผมคงรับไม่ได้เช่นกัน เพราะด้วยช่วงวัยคนหนึ่งทำงานคนหนึ่งเรียนทำให้เราสองพี่น้องที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักกันมากเหมือนวัยเด็ก แต่เราสองพี่น้องต่างรู้ดีว่าเรารักกันแค่ไหน
“ผมจะลองดู...มีโอกาสกี่เปอร์เซ็นต์หรอครับ”
“5% มันอาจจะดูน้อย แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
“ครับ.. ตกลง!”
“งั้นวันเสาร์นี้เจอกันที่โรงพยาบาล 10 โมง ที่ห้องตรวจผม ชั้นที่คุณเคยพักนั่นละ ติดต่อที่เคาน์เตอร์เขาจะพาคุณมาหาผมเอง”
“หมอ...ผมขออะไรหน่อยได้มั้ย”
“ถ้าผมช่วยได้”
ผมขอร้องคุณหมอว่า อยากดูแลตาล อยากเห็นตาลบ้าง ช่วงนี้ผมต้องไปโรงพยาบาลเยี่ยมเพื่อนบ่อยๆ อยู่แล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่ตาลหลับช่วยเป็นธุระบอกผมหน่อย ผมอยากอยู่ข้างๆ เธอ อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงแม้ตาลจะไม่รู้ก็ไม่เป็นไร มันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำที่ตาลไม่รู้อะไรเลย
“อีกอย่าง..หมอครับ ผมอยากให้ดวงตาข้างหนึ่งกับตาล ผมอยากให้เธอมองเห็นอีกครั้ง ถึงตอนนั้นผมจะดูแลเธอต่อเอง ผมสัญญา”
ทุกคำออกมาจากใจจริงของผม เพื่อตาลแล้วผมยอมทำทุกอย่าง ผมอยากได้เธอคืน ผมพยายามตัดเธอออกจากชีวิต ออกจากความคิด แต่ผมไม่เคยทำมันสำเร็จเลย วันนี้ผมยอมแพ้แล้ว ผมเหนื่อยกับการต้องมานั่งปั้นหน้าว่าไม่รู้สึกอะไร ไม่มีเธอผมอยู่ได้ แต่หัวใจผมมันอยู่ไม่ได้ มันอาจส่งผลให้ผมไม่อยากอยู่ก็ได้
“….ผมจะลองดู”
“ขอบคุณครับ”
จบการสนทนาในฉบับพี่ชายเปิดใจคุยกัน เราสองคนเดินกลับเข้ามาในร้านที่มีหญิงสาวร่างบางผิวขาวซีดนั่งคอยอยู่
ผมวางมือหนาของตัวเองลูบผมตาลเบาๆ มือสั่นเทาด้วยความคิดถึง และเสียใจ
“พี่ พี่หมอ อะไรของพี่ กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวแม่บ่น” ผมไม่ได้ตอบกลับใดๆ แต่เป็นคุณหมอที่ตอบรับแทน
“ครับๆ กลับๆ”
ผมผละมือตัวเองออกอย่างโหยหาแต่ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ผมพยักหน้ารับกันสองคนกับคุณหมอเป็นอันรับรู้กับสิ่งที่ตกลงกันก่อนหน้านี้
ความทรงจำที่เหมือนจะเลือนรางกลับเด่นชัดขึ้นมาในห้วงความคิด มันยิ่งตอกย้ำว่าผมรักเธอมากเพียงใด...
หญิงสาวที่มีนามว่า ปริเนตร นันทยา หรือ ลูกตาล ช่างมีผลต่อหัวใจ และชีวิตของผมมากมายเหลือเกิน
เวลาอาจนำพาหลายสิ่งเข้ามา และพัดพาออกไปในเวลาที่สมควร ครั้งนี้ก็เช่นกัน เวลานำเธอเข้ามาในชีวิตผมแค่ช่วงหนึ่ง และพัดเธอออกไปนานแสนนาน แต่วันนี้เวลาก็ได้นำพาเธอกลับมาหาผมอีกครั้ง โอกาสที่โชคชะตามอบให้ ผมจะทำมันให้ดีที่สุด เท่าที่ชายคนนี้จะสามารถทำได้
แต่...ผมต้องเคลียร์ชีวิตที่ไม่น่าจดจำออกจากวงโคจร ผมจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางหรือทำให้ผมต้องแยกจากตาลอีก....
‘ครืน~ ครืน~ ครืน~’ แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังต่อเนื่องอยู่นานจนผมรู้สึกตัว
เมื่อคืนไม่รู้หลับไปตอนไหน ตื่นมายังคงสภาพกางเกงยีนสีดำเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ใส่ไปเยี่ยมไอแมงพี่ตั้งแต่เมื่อวาน
“โหล ใคร มีไร โทรมาทำไม” กรอกเสียงตามสายที่โทรเข้ามาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
[มึง! มาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ไอพี่มันจะอาละวาดกูอยู่แล้ว] เสียงนี้เป็นใครไปไม่ได้ ไอแมงน้อง
“มึงก็ตามใจ โอ๋ๆ มันหน่อยเถอะ วันนี้กูต้องเข้าร้าน ค่ำๆ ถึงจะเข้าไป”
[สัส! มึงจะทำกับกูแบบนี้หรอเพื่อน]
“กูทำอะไรมึง กูบอกให้โอ๋ๆ มันไป เดี๋ยวมันก็เงียบ อย่างกับมึงไม่เคย ยอมๆ มันหน่อยเหอะ กูไหว้ล่ะ เจอกันค่ำๆ บาย!”
ก่อนที่ไอแมงน้องจะได้พูดอะไร ผมชิงวางสายดื้อๆ ขี้เกียจฟังมันอ้อนวอนตีน กับอีแค่โอ๋พี่มันจะเป็นอะไรนักหนา เห็นเมื่อก่อนก็ทำได้
ผมก้มมองนาฬิกาบ่งบอกเวลา 8.00 น.
“โอ๊ย~ เช้าเหี้ยๆ หัวก็ปวด น้ำก็ไม่ได้อาบ” จริงๆ มันก็ไม่ใช่เวลามานอนต่อแล้ว ผมจึงตัดสินใจลากสังขารอันสกปรกนี้ไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพราะวันนี้ต้องเข้าไปจัดการร้านอีก
- [ร้านขนมไทยคุณนาย] -
ผมเดินเข้าทางหลังร้านด้วยอาการเบลอเล็กน้อย กะว่าจะเดินไปเช็กของหน้าร้านสักหน่อย ด้วยความเบลอทำให้ชนเข้ากับลูกค้าคนหนึ่งหน้าทางเข้าห้องน้ำ
“โทษครับ/โทษครับ” ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงคุ้นเคย ก็พบว่าใช่จริงๆ ตามที่คิด ไอ้คุณหมอ ผมกลอกตามองบนร้อยแปดสิบองศาแบบที่ผู้หญิงชอบทำ
“พี่ พี่หมออยู่ไหน” เสียงบางเรียกหาพี่ชายเพราะดวงตาที่มองไม่เห็นทำให้ไม่สามารถขยับตัวเดินไปไหนมาไหนเองได้มาก
“อยู่นี่ๆ ตัวเล็กนั่งรอก่อนสิ เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว” ไอ้คุณหมอเดินกลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าตาล มือบางถูกกอบกุมด้วยมือหนาของไอ้คุณหมอ
ผมรู้สึกอิจฉาไอ้คุณหมอที่ได้อยู่ข้างตาลตลอดมา ได้ดูแล ได้รักษา ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้เลย
ผมยืนมองเหตุการณ์อยู่นานสองนาน กำลังจะเดินก้าวไปให้พ้นจากตรงนี้ ต้องชะงักเมื่อมือหนาของไอ้คุณหมอรั้งผมไว้
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อย” เสียงกระซิบเบาบางจงใจให้ได้ยินกันแค่สองคน ผมตอบรับด้วยการพยักหน้าอย่างว่าง่าย อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกบ้าง
“เดี๋ยวพี่มานะตัวเล็ก อย่าไปไหนคนเดียวเข้าใจนะ” ไอ้คุณหมอหันไปบอกตาลเสียงติดดุนิดๆ
เราสองคนเดินมาหยุดอยู่หลังร้าน ตรงนี้เป็นมุมส่วนตัวที่ผมไว้ใช้สูบบุหรี่เงียบๆ คนเดียว
“มีอะไรครับคุณพี่หมอ”
“เมื่อคืนขนมโทรสารภาพกับผมว่าคุณรู้เรื่องของตัวเล็กแล้ว”
“อืมใช่ ผมบังคับให้น้องมันเล่าเอง อย่าไปโกรธมันเลย”
“ผมไม่โกรธขนมหรอก ผมก็อยากจะบอกคุณสักวันเหมือนกัน แต่ตัวเล็กไม่ยอมสักที”
“ผมว่าคงไม่มีวันนั้นมั้งครับ”
“ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ” อยู่ๆ ไอ้คุณหมอพูดน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา
“ครับ ถ้าตอบได้ผมจะตอบ”
“คุณยังรักตัวเล็กอยู่มั้ย” คำถามนี้ทำผมใจกระตุกนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้ตอบกลับ แต่ถามกลับไปแทน
“ทำไมหรอครับ ไม่รู้สิ ตาลไม่ได้ต้องการผมแล้วนิ วันนั้นที่โรงพยาบาลคุณหมอก็น่าจะได้ยินทุกอย่าง” บ้าชะมัดเจ็บไปหมดแล้วใจ ผมไม่รู้ว่าควรจะรักตาลต่อไปมั้ย แต่ใจลึกๆ ยังคงโหยหายเธอเพียงผู้เดียว
“ครับ ยอมรับว่าผมได้ยิน แต่คุณก็น่าจะรู้เจตนาของตัวเล็กแล้วนิ”
“….” ผมนิ่งเงียบไม่รู้จะพูด จะโต้ตอบอะไรออกไปถึงจะดี ผมไม่อยากวนกลับเจ็บแบบเดิมซ้ำๆ บ้าบออยู่คนเดียว มันทรมานมากนะกว่าผมจะผ่านมันมาได้ แต่...ผมยังรักเธอ
“เผื่อถ้าคุณยังรักตัวเล็ก ผมต้องการความช่วยเหลือ ผมเคยลองใช้ไขกระดูกของผม ของพ่อกับแม่ แต่ไม่สำเร็จเลย ร่างกายตัวเล็กปฏิเสธ ผมก็เลยอยากลองของคุณดู ถ้าการปลูกถ่ายครั้งนี้สำเร็จ คราวนี้เธออาจจะหายก็ได้ ผมแค่อยากให้ตัวเล็กเลิกร้องไห้ อยากเห็นเขายิ้มอย่างมีความสุข เหมือนเมื่อก่อนที่คุณดูแลตัวเล็กอยู่ ตัวเล็กเล่าให้เรื่องคุณให้ผมเสมอ บอกตามตรงผมอิจฉาคุณมาก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ความสดใสขนาดผมเป็นพี่ชายแท้ๆ ยังทำไมได้เลย” น้ำตาเม็ดเล็กของคนเป็นพี่ไหลลงแก้มซ้ายเงียบๆ
“.....” ผมยกมือสั่นๆ ขึ้นป้องปาก มือหนากระทบเข้ากับน้ำตาเจ้ากรรมที่ไหลเอ่อล้นออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัวนะ แต่อยากผมขอร้องคุณสักครั้งในฐานะพี่ชายของตัวเล็ก คุณก็มีน้องเหมือนกันน่าจะเข้าหัวอกคนเป็นพี่ถ้าต้องสูญเสียน้องทั้งคนไปได้ดี เพราะฉะนั้น ขอร้องเถอะครับ ช่วยตัวเล็กด้วย” ไอ้คุณหมอมาดแมนกวนบาทาผมหายวับไปกับตามีเพียงพี่ชายที่ค้นหาปาฏิหาริย์ให้กับน้องสาวเพียงคนเดียวของตนเอง
ผมเข้าใจดีถ้าผมต้องสูญเสียขนมชั้นไปผมคงรับไม่ได้เช่นกัน เพราะด้วยช่วงวัยคนหนึ่งทำงานคนหนึ่งเรียนทำให้เราสองพี่น้องที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักกันมากเหมือนวัยเด็ก แต่เราสองพี่น้องต่างรู้ดีว่าเรารักกันแค่ไหน
“ผมจะลองดู...มีโอกาสกี่เปอร์เซ็นต์หรอครับ”
“5% มันอาจจะดูน้อย แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
“ครับ.. ตกลง!”
“งั้นวันเสาร์นี้เจอกันที่โรงพยาบาล 10 โมง ที่ห้องตรวจผม ชั้นที่คุณเคยพักนั่นละ ติดต่อที่เคาน์เตอร์เขาจะพาคุณมาหาผมเอง”
“หมอ...ผมขออะไรหน่อยได้มั้ย”
“ถ้าผมช่วยได้”
ผมขอร้องคุณหมอว่า อยากดูแลตาล อยากเห็นตาลบ้าง ช่วงนี้ผมต้องไปโรงพยาบาลเยี่ยมเพื่อนบ่อยๆ อยู่แล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่ตาลหลับช่วยเป็นธุระบอกผมหน่อย ผมอยากอยู่ข้างๆ เธอ อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงแม้ตาลจะไม่รู้ก็ไม่เป็นไร มันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำที่ตาลไม่รู้อะไรเลย
“อีกอย่าง..หมอครับ ผมอยากให้ดวงตาข้างหนึ่งกับตาล ผมอยากให้เธอมองเห็นอีกครั้ง ถึงตอนนั้นผมจะดูแลเธอต่อเอง ผมสัญญา”
ทุกคำออกมาจากใจจริงของผม เพื่อตาลแล้วผมยอมทำทุกอย่าง ผมอยากได้เธอคืน ผมพยายามตัดเธอออกจากชีวิต ออกจากความคิด แต่ผมไม่เคยทำมันสำเร็จเลย วันนี้ผมยอมแพ้แล้ว ผมเหนื่อยกับการต้องมานั่งปั้นหน้าว่าไม่รู้สึกอะไร ไม่มีเธอผมอยู่ได้ แต่หัวใจผมมันอยู่ไม่ได้ มันอาจส่งผลให้ผมไม่อยากอยู่ก็ได้
“….ผมจะลองดู”
“ขอบคุณครับ”
จบการสนทนาในฉบับพี่ชายเปิดใจคุยกัน เราสองคนเดินกลับเข้ามาในร้านที่มีหญิงสาวร่างบางผิวขาวซีดนั่งคอยอยู่
ผมวางมือหนาของตัวเองลูบผมตาลเบาๆ มือสั่นเทาด้วยความคิดถึง และเสียใจ
“พี่ พี่หมอ อะไรของพี่ กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวแม่บ่น” ผมไม่ได้ตอบกลับใดๆ แต่เป็นคุณหมอที่ตอบรับแทน
“ครับๆ กลับๆ”
ผมผละมือตัวเองออกอย่างโหยหาแต่ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ผมพยักหน้ารับกันสองคนกับคุณหมอเป็นอันรับรู้กับสิ่งที่ตกลงกันก่อนหน้านี้
ความทรงจำที่เหมือนจะเลือนรางกลับเด่นชัดขึ้นมาในห้วงความคิด มันยิ่งตอกย้ำว่าผมรักเธอมากเพียงใด...
หญิงสาวที่มีนามว่า ปริเนตร นันทยา หรือ ลูกตาล ช่างมีผลต่อหัวใจ และชีวิตของผมมากมายเหลือเกิน
เวลาอาจนำพาหลายสิ่งเข้ามา และพัดพาออกไปในเวลาที่สมควร ครั้งนี้ก็เช่นกัน เวลานำเธอเข้ามาในชีวิตผมแค่ช่วงหนึ่ง และพัดเธอออกไปนานแสนนาน แต่วันนี้เวลาก็ได้นำพาเธอกลับมาหาผมอีกครั้ง โอกาสที่โชคชะตามอบให้ ผมจะทำมันให้ดีที่สุด เท่าที่ชายคนนี้จะสามารถทำได้
แต่...ผมต้องเคลียร์ชีวิตที่ไม่น่าจดจำออกจากวงโคจร ผมจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางหรือทำให้ผมต้องแยกจากตาลอีก....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ