Wish you were here : อยู่กับผมนะที่รัก

-

เขียนโดย chivaru

วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 07.50 น.

  21 ตอน
  3 วิจารณ์
  19.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 11.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) เหตุผลที่ 12 เผลอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

หลังจากนั้นผมก็ไม่ไปโรงพยาบาลอีกเลย ปล่อยให้ไอแมงน้องดูแลพี่มันเอง เพราะผมมีงานต้องทำ นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมไอแมงพี่ มันโทรมาด่าผมทุกวันด้วยความงอแงของไอแมงพี่จะให้ผมไปหาให้ได้ งอแงอะไรนักหนาวะ
โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ต้องไปหาไอแมงพี่ พร้อมขนมของหวานกล่องเล็กกล่องน้อยไปเยี่ยมไข้จากแม่
ผมขับรถออกจากบ้านในช่วงไม่เช้ามากนัก ซึ่งมันก็ดีที่รถไม่ค่อยติดอย่างช่วงเข้างานและช่วงเลิกงาน ถ้าให้มานั่งแช่บนรถแบบนั้นผมขอบายดีกว่า
ใช้เวลาไม่นานแต่ก็ไม่เร็วจนพอใจก็ถึงโรงพยาบาลเอกชน L ตึกสูงสีฟ้าขาวเด่นสง่าบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นตัวตึกของโรงพยาบาล ผมขับเข้ามาจอดในที่จอดรถข้างตึกผู้ป่วย เดินเข้าตึกอย่างคุ้นเคยกับสถานที่พอสมควร หยุดยืนรอลิฟต์ที่ชั้น 1
ผมมองไปรอบๆ ระหว่างรอลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ไอแมงพี่พักอยู่ แต่สายตาก็สะดุดเข้ากับ หญิงสาวร่างบางผิวขาวซีดที่ตอนนี้มีเพื่อนๆ เหมือนว่าจะเป็นฝาแฝดนั่งคุยกันอย่างสนิทสนม อยู่มุมหนึ่งภายในอาคาร
‘ติ้ง~’ ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อลิฟต์เปิดออก ทำให้ผมต้องละสายตาจากเธออย่างจำใจ
นี่โรงพยาบาลหรือโรงเรียนออกจะใหญ่โตแต่ต้องมาเจอคนที่ผมไม่อยากเสวนาด้วยทุกที ไอ้คุณหมอ ผมเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นคนที่เดินเข้ามาในลิฟต์ยืนข้างผม โชคดีที่ลิฟต์ไม่ได้เป็นกระจกไม่งั้นคงเห็นสีหน้าความไม่พอใจของผมอย่างเต็มตา
“สวัสดีครับคุณศดิธร”
“ครับ เรียกเทียนก็ได้ครับ ไม่ต้องถึงขนาดต้องเต็มยศ”
“ครับคุณเทียน มาเยี่ยมใครหรอครับ”
“เพื่อนครับ”
“อ๋อ... ใช่คุณรวีกานต์ มายา รึเปล่าครับ”
“รู้ได้ไงครับ?” ผมหันหน้าเผชิญกับไอ้คุณหมอผู้ชื่นชอบการกวนบาทาผมอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้หรอกครับ” รอยยิ้มกวนบาทาประดับบนใบหน้าไอ้คุณหมอ จนผมอยากจะยกชิมสักทีสองที
‘ติ้ง~’ และเป็นอีกครั้งที่ลิฟต์เป็นใจ ก่อนที่ผมจะเสิร์ฟบาทาให้คุณหมอรับประทาน
“ฝากบอกคุณศศิธรด้วยนะครับ ผมคิดถึง” ผมหันขวับเลิกคิ้วอย่างสงสัยมองไอ้คุณหมอที่ตอนนี้ทำหน้าตาระรื่นสุดๆ แล้วมันจะมาฝากบอกคิดถึงน้องผมทำไมวะครับ
ผมเดินก้าวยาวไม่กี่ก้าวหยุดยืนหน้าห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ป้ายชื่อบ่งบอกถึงเจ้าของห้องที่กำลังนอนเปื่อย ‘รวีกานต์ มายา’
สะบัดหน้าแรงๆ ทิ้งความคิดหลายๆ อย่างทิ้งไปก่อนก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างไม่สนใจใครเหมือนเดิม
“เทียน~” นั้นไงเสียงเจ้ากรรมนายเวร เอ้ย! ไม่ใช่ เสียงไอแมงพี่
“อะไรของมึง ทำไมไม่นอนพัก เป็นไงบ้างไอแมงน้อง” ผมหันไปเอ็ดเจ้าของเสียงเรียก แล้วหันกลับไปมองไอแมงน้อง สีหน้าดูไม่ค่อยดีคงยังไม่ได้นอนเป็นแน่
“มึงกล่อมมันให้หลับที กูขอนอนหน่อยเถอะ ไอพี่มันแม่งกวนไม่ยอมหลับยอมนอน” ไอแมงน้องพูดไปโบกมือไล่ไอแมงพี่ไป ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟายาวของโรงพยาบาลอย่างหมดแรง
ผมนั่งขอบเตียงนอนลูบหัวไอแมงพี่อยู่ไม่นานมันก็หลับไปอย่างว่าง่าย ไอแมงน้องมันไม่ค่อยชอบแสดงออก หน้าที่ปลอบไอแมงพี่ผมเลยต้องเป็นคนทำ ทั้งๆ ที่มันก็รู้ว่าทำยังไงให้ไอแมงพี่มันถึงจะยอมนอนง่ายๆ
ไอแมงพี่หลับสนิทแขนขวากอดอิเปื่อยไม่ปล่อย ตอนมันหลับก็ดีนะ ไม่แหกปากดี ผมเผลอนึกถึงตาล หญิงสาวที่บอบบาง และอ่อนโยน ผมอยากให้คนตรงหน้าเป็นเธอ ผมพร้อมจะดูแลเธอเสมอ ขอแค่เธอเอ่ยปากเท่านั้น
ฝาแฝดแมงพากันหลับสนิทคนหนึ่งยังไม่ได้นอน อีกคนป่วยแล้วยังงอแงไม่ยอมนอน ห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบอีกครั้ง ผมหยิบโพสต์อิทสีฟ้าอ่อนในกระเป๋า ‘ไปสูบบุหรี่เดี๋ยวมา’ แปะไว้ที่หน้าตู้เย็น เดินออกมาจากห้องอย่างเงียบที่สุด
ผมเดินมาหยุดอยู่ที่จุดสูบบุหรี่ของโรงพยาบาลที่อยู่ข้างสวนหย่อมอีกที ผมแอบหลังเสาต้นหนึ่งที่อยู่ติดกับสวนหย่อมที่สุดแต่ไม่ได้นำบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างที่ตั้งใจ
“ต๋า เป็นอะไร ทำไมร้องไห้อีกแล้ว บี๋เป็นห่วงนะรู้มั้ย” หญิงสาวฝาแฝดคนหนึ่งถามขึ้น
“ต๋าคิดถึงเทียน เทียนคงเกลียดต๋าแล้วแน่ๆ เลยบี๋”
“บี๊ว่าไม่หรอก ต๋าอย่าคิดมากเลยนะคะ” น่าจะเป็นฝาแฝดอีกคนเพราะสรรพนามที่แทนตัวเองแตกต่างกัน
“ต๋าบอกเทียนไม่หมดเรื่องที่ต๋าป่วย..ฮึก.. ต๋าไม่กล้าบอกเรื่องที่ต๋าเป็นลูคีเมีย...ฮึก..ต๋ากลัว กลัวเทียนเสียใจ” ผมยืนฟังเงียบๆ ตัวชา หน้าชา ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้าแทงหัวใจผมอย่างจัง
“แล้วยังโรคหัวใจอีก ถ้าต๋าไม่รอด..ฮึก.. ต๋ากลัวเทียนเสียใจ ไม่อยากให้เทียนมาลำบากเพราะต๋า...ฮึก..” เสียงสะอื้นยังคงลอยมาให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ
“ต๋าคิดถึงเทียน..ฮึก..ต๋าเสียใจ...ฮึก...บี๋ กับ บี๊ ว่าต๋าเห็นแก่ตัวมั้ยคะ”
“ไม่หรอกต๋า อย่าคิดมากไปเลย ต๋าอาจจะหายก็ได้นะ ยังมีบี๋ กับ บี๊อยู่ข้างๆ ต๋าเสมอนะคะ” <บี๋
“ไม่เอาไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวโรคหัวใจกำเริบอีก พรุ่งนี้จะไม่ได้กลับบ้านนะคะ” <บี๊
บทสนทนาหายไปพร้อมเสียงสะอื้น ทั้งสามคนคงออกไปจากสวนหย่อมตรงนั้นแล้ว แต่ผมยังรู้สึกชาไปทั้งตัว ผมไม่เคยรับรู้เรื่องที่ตาลป่วยเลย ตาลต้องลำบากมากแน่ๆ ไหนจะอาการป่วย ไหนจะจิตใจตัวเอง ผมนี้มันโง่จริงๆ ที่ไม่พยายามรับรู้อะไรให้มันเร็วกว่านี้
ผมไม่มีอารมณ์จะสูบบุหรี่เลยเลือกที่จะกลับขึ้นมาบนห้องพักผู้ป่วยไอแมงพี่ ผมได้แต่เก็บเงียบเรื่องที่ได้ยินวันนี้ ยังไม่อยากให้ไอแมงพี่ต้องรับรู้อะไร อยากให้มันรักษาตัวให้หายก่อน เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง
ผมเฝ้าไอแมงพี่จนถึงสองทุ่มแล้วขอตัวกลับ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานและอีกอย่างที่ผมได้ยินคือพรุ่งนี้ตาลจะกลับบ้าน...
ผมขับรถบีเอ็มคู่ใจตรงดิ่งกลับมาที่บ้าน นึกถึงเรื่องไอ้คุณหมอที่มันฝากบอกถึงน้องชายผม ถ้าสองคนนี้รู้จักกันจริงๆ ผมน่าจะหาข้อมูลอะไรได้บ้าง
พอถึงบ้านผมขับรถเข้ามาจอดที่โรงรถ เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเห็นรถมอไซด์ของน้องชายที่จะขับไปเรียนที่มหาลัยเป็นประจำ
เดินเข้ามาในบ้านก็เจอน้องชายตัวดีที่นอนดูทีวีสบายใจอยู่ในห้องรับแขก ส่วนคนอื่นๆ ขึ้นห้องนอนกันไปหมดแล้ว
“ขนมชั้น มาหากูที่ห้องหน่อย”
“มีอะไรพี่”
ผมเดินกลับห้องพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่นานนักน้องชายผมก็เดินมาหาที่ห้องอย่างว่าง่าย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมเปิดคำถามแรกด้วยสิ่งที่สงสัยตั้งแต่ช่วงบ่ายที่อยู่โรงพยาบาล
“แกรู้จักหมอปรเนตรด้วยหรอ”
“ทะ ทำไมอะ พี่หมอมันทำอะไรพี่หรอ” น้ำเสียงอึกอัก กับที่มันเรียกไอ้คุณหมอว่าพี่ แสดงว่ามันต้องรู้จักกัน
“ไม่ทำอะไรกู มันแค่ฝากบอกคิดถึงแก ขนมชั้น มีอะไรที่กูยังไม่รู้อีกมั้ย” ผมถามเสียงนิ่ง สายตาจ้องจับผิดไม่วางตา
“คะ คือ...” ขนมชั้นทำหน้าเลิ่กลั่ก เหมือนมีเรื่องปิดบังผม
“ขนมชั้น มึง! จะ! บอก! ดีดี! หรือ ต้องให้กูคาดคั้น!” ผมเน้นประโยคเพื่อบอกให้รู้ว่ามันคือคำสั่งไม่ใช่คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ปกติผมไม่ขึ้นมึงกูกับน้องเท่าไหร่ถ้าผมไม่เหลืออดหรือต้องการคาดคั้นจริงจัง
“บะ บอก ละ แล้วพี่ ใจเย็นดิ ขอนั่งที่เตียงนะ” ผมพยักหน้ารับแต่สายตายังจ้องมองน้องชายอย่างคาดโทษ
“คือ...พี่หมอเป็นพี่ชายของตาล แล้วก็เป็น ฟะ…แฟนผม คือ...คือ...พี่หมอขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกพี่ เพราะตาลขอไว้อีกที”
“แล้วไงต่อ” ความเจ็บปวดแปรรูปเป็นเข็มเล็กนับพันเล่มทิ่มแทงรอยร้าวในหัวใจผมอย่างบ้าคลั่ง
“ก็..ก็..” ขนมชั้นเล่าความคิดของตาลให้ผมฟังเหมือนที่ผมได้ยินมากับหู
“ถ้ากูไม่ถาม มึงจะไม่บอกกูเลยใช่มั้ย!”
“พี่ใจเย็น คือพี่ไม่ค่อยอยู่บ้าน ผมก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เวลาเราว่างไม่ตรงกันสักที และอีกอย่างก็...อย่างที่บอกพี่หมอเขาขอผมไว้ อย่าโกรธผมเลยนะพี่”
“อืม” ผมตอบรับคำสั้น เก็บอาการโมโหไว้ให้ได้มากที่สุด ผมไม่อยากทำร้ายน้อง
“พี่ พรุ่งนี้ตาลกลับบ้าน ตาลจะไปที่ร้านขนมด้วย พี่จะเข้าร้านมั้ย” ขนมชั้นเกาะขอบประตูถามผมด้วยสายตาเป็นห่วง
“ไม่รู้ ออกไปได้แล้ว ล็อกประตูด้วย”
บทสนทนาจบลงตามด้วยเสียงปิดประตูเบาๆ
“เห้อ~” สูดอากาศเข้าปอดเต็มที่ตามด้วยถอนหายใจยืดยาวหนักๆ หอบร่างที่แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงให้เดินไปหยิบขวดบรั่นดีในตู้โชว์ภายในห้องนอน
ขวดบรั่นดีทรงสวยพร้อมแก้วใบหนาพอดีมือ ผมทรุดลงนั่งข้างเตียงด้วยความอ่อนแรง ประมวลเรื่องราวเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทุกอย่างมันตอกย้ำว่าผมมันไม่รู้อะไรเลย
บรั่นดีรสละมุนถูกเทลงแก้วลวกๆ ผมกระดกรวดเดียวหมดทั้งแก้ว น้ำตาที่อดกลั้นมาทั้งวัน ค่อยๆ ไหลรินลงอาบแก้มทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดที่ถูกแปรเป็นเข็มเล็กยังทำหน้าที่ทิ่มแทงใจผมต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหาทางหยุดมันได้
“แล้วที่ผ่านมากูทำอะไรอยู่วะ” ผมพึมพำเสียงเบาบางกับตัวเอง
“โว้ย!!!” อาการบ้าของผมเริ่มกลับมา ตวาดเสียงดังลั่นห้อง
ผมไม่เคยเข้าใจการจากลาของตาล ผมไม่เคยเข้าใจการกระทำของตาล ทุกอย่างที่ผ่านผมเหมือนเป็นคนโง่ที่วิ่งไล่ตามหาความรัก โดยไม่สนใจเหตุและผล ผมไม่เคยคิดหาข้อมูลที่แท้จริง เอาแต่จมอยู่กับน้ำตา รับรู้ยอมรับแค่กับสิ่งที่ได้เห็น ภาพทุกอย่างพร่ามัวไปหมด เพราะผมเองที่ไม่เปิดใจค้นหาสาเหตุ
ที่ผ่านมาผมมัวทำอะไรอยู่ ในขณะที่ตาลต่อสู้อยู่กับโรคร้าย แต่ผมกลับทำตัวเหลวแหลกไปวันๆ
--------------------------------------------------------------------
Talk 
กราบสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ขอบคุณมากๆ ที่หลงเข้ามาอ่าน
ยังไงติชมกันได้เต็มที่น้าาา เรื่องแรกในชีวิตผิดพลาดยังไงต้องขออภัยจริงๆ
พร้อมน้อมรับทุกคำติไปปรับแก้ไขใช้ในโอกาสต่อไปค่ะ ^_____^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา