เป็นคนดีของสังคมเนี่ยยากกว่าที่คิดเนอะ?
8.3
เขียนโดย Noel
วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.47 น.
22 บท
0 วิจารณ์
22.62K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 09.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) ขอความต้องการของญาติคนนี้ Be the One 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังคำพูดนั้นคุณกลินดาจึงหยิบเอากุญแจสีขาวที่เหน็บเอวเอาไว้มาเสียบกับด้านบนของนาฬิกาทราย
จังหวะนั้นเองที่มวลน้ำที่ถูกหยุดเอาไว้ก็ไปรวมกันบนสมุดของฮัทสึฮารุก่อนที่สิ่งนั้นจะทันได้เป็นรูปร่างกลับมวลน้ำทั้งหมดจึงตกลงพื้นพร้อมๆ กับที่สายฝนกลับมาตกตามเดิม ผมที่อยู่ใต้ร่มจากปากกาสารพัดนึกจึงไม่เปียกเท่าฮัทสึฮารุที่อยู่กลางสนาม
“เมจิคแจมเมอร์ ถึงว่าไม่ใช้เวทมนตร์โจมตี”
ขณะเดียวกันนาฬิกาทรายก็กลายเป็นกลุ่มละอองสีขาวล้อมรอบตัวคุณกลินดาจังหวะนั้นเองที่ฮัทสึฮารุหยิบมีดของคุณกลินดาที่ปาไปตอนแรกขึ้นมาและพุ่งเข้าไป
“อ่า ก็หมดตัวไปเยอะเลยล่ะแต่ก็คุ้มค่าใช่ไหมล่ะ?”
ฮัทสึฮารุพุ่งแทงด้วยมีดสั้นไปทีหนึ่งและแยกร่างออกมาจากตัวอีกสองร่างม้วนตัวและแทงซ้ำอีกครั้งทั้งหมดเกิดขึ้นโดยที่ละอองสีขาวยังไม่ทันจะหายไปด้วยซ้ำแต่พอหลังจากนั้นฮัทสึฮารุก็ลดการ์ดลงและก้มมองมีดสั้นในมือที่เหลือแต่ด้าม
ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงตัดผ่านลมด้วยความเร็วแล่นผ่านตรงหน้าและถูกฮัทสึฮารุร่างแยกหยุดเอาไว้ด้วยมือเปล่าจนเกิดรอยไหม้ขึ้นที่มือแต่กลับไม่มีรอยเลือดและทั้งสองร่างนั้นจึงโยนบางอย่างทิ้งผมจึงได้รู้ว่านั่นคือลูกปืนพกจังหวะนั้นเองคุณกลินดาจึงจับหัวของร่างแยกลงกับพื้นสีเมนโรงเรียนแต่ก่อนที่จะทันกระแทกพื้นกลับกลายเป็นเหมือนโคลนหรือไม่ก็ปูนอาจจะกำลังถูกทำให้กลายเป็นของเหลวและถูกดูดลงไปแค่ร่างแยกของฮัทสึฮารุ
คุณกลินดาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนราวกับอยู่ในหนังฮีโร่ที่มาพร้อมกับดวงตาและสีผมที่เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีเงินแวววาวแทน
เดี๋ยว เดี๋ยวนะสีผมกับตาเหรอ? แค่เนี้ย
ชั่วพริบตานั้นคุณกลินดาที่ไปโผล่ด้านหลังฮัทสึฮารุก็ชกเต็มๆ หลังฮัทสึฮารุจนเซไปด้านหน้าเล็กน้อยถึงดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ทว่ารอบบริเวณนั้นกลับมีกระสุนปืนมากมายโผล่ออกมาจากอากาศราวห่าฝนปะปนไปกับเม็ดฝนของจริงและพุ่งตรงไปยังฮัทสึฮารุทำให้เกิดเสียงที่เหมือนกับโลหะกระทบกันมากมายจนต้องเอามือแนบหูไว้เมื่อลูกปืนกระทบกันมากเข้ามันทำให้เกิดประกายไฟจนในที่สุดบริเวณตรงนั้นจึงเกิดระเบิดขึ้นในที่สุด
เกิดความเงียบขึ้นหลายวินาทีทั้งผมและคุณกลินดาต่างมองเข้าไปในกลุ่มควันนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
กรี๊ด!!
เสียงกรีดร้องของคุณกลินดาดังขึ้นพอหันไปมองก็พบกับฮัทสึฮารุที่กำลังเตะข้อต่อต่อขาคุณกลินดาและใช้ด้ามมีดแทงลงไปที่ไหล่จากด้านหลังในสภาพไร้รอยขีดข่วนใดๆ ราวกับไม่ได้อยู่ตรงกลางดงกระสุนปืนตั้งแต่แรกที่มาพร้อมกับกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในมืออีกข้างแนบตาซ้ายเอาไว้โดยด้านหลังของเธอนั้นปรากฏรอยแตกคล้ายกับกระจกอยู่
“คิดว่าจะชนะฉันได้จริงๆ เหรอ?”
และเมื่อสบตาเข้ากับสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้ความสงสัยของผมหายไปทันที
ใช่ทันคือดวงตาที่มีสัญลักษณ์ข้าวหลามตัดอยู่ด้านในคล้ายกับของใครบางคน
“คนอย่างคุณมันจะเน่าไปถึงไหนกันควักลูกตาคนอื่นมาเนี่ยที่คุณเห็นมันเป็นฉากจบแบบไหนกัน!”
คุณกลินดาสะบัดแขนอีกครั้งแต่กลับลังเลที่จะทำอะไรไปมากกว่านั้นจึงไม่มีอะไรออกมาจากแขนเสื้อ
“ถึงคุณฆ่าฉันไปก็เหมือนกับทุกครั้งนั่นแหละ ฉันจะกลับมาตราบเท่าที่คุณล้มเหลว”
“อา เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ล้มเหลว”
ฮัทสึฮารุปล่อยมือให้มีดคาอยู่ที่ไหล่ของคุณกลินดาและตอนนั้นเองที่พื้นเกิดรอยแตกมากมายพอฝนที่ตกลงมาไปกระทบกับมันและไปโผล่ที่รอยแตกอีกหลายจุดทั้งบนฟ้าในแนวนอนทั้งออกมาจากกำแพงอาคาร ต้นไม้ ม้านั่ง รวมทั้งร่างกายของผมและคุณกลินดา ไม่นานมิติที่พวกเราอยู่ก็พังทลายลง
เพล้ง
จริงๆ ไม่มีเสียงหรอกแต่ผมทำขึ้นมาเอง
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของนักเรียนที่กำลังทยอยกลับบ้านหลังเสร็จกิจกรรมของโรงเรียนทั้งหลายแหลทั้งเสียงฝีเท้าทั้งคำพูดของผู้คนกำลังเข้ามายังโสตประสาทของผมมายังสถานที่แห่งนี้ ทว่ากลับไม่มีใครสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
เวทีพังไปแล้วเหรอ? กลับมาแล้วจริงๆ รึเปล่า
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก จะทำอะไร?”
คุณกลินดาที่ดึงด้ามมีดออกแต่แค่วินาทีเดียวปากแผลก็สมานราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นหากไม่ดูที่ว่าชุดที่สวมเปื้อนเลือดก็จะดูไม่ออกเลยว่าเพิ่งถูกแทงมาหมาดๆ
“ขอดูหน่อยเถอะความยุติธรรมจอมปลอมนั่นน่ะ”
ฮัทสึฮารุพูดคำนั้นออกมาทำให้ผมกำคันร่มแน่นเพราะรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง และเธอก็แบมือขวาออกจึงปรากฏกระดาษใบหนึ่งขึ้นมา
“พันธสัญญา?”
สีหน้าคุณกลินดาเริ่มแสดงถึงความกังวลต่างจากที่ผ่านๆ มาโดยสิ้นเชิงมากกว่าครั้งี่ผมเห็นเมื่อวันก่อนอีกราวกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดขณะเดียวกันกระดาษที่ฮัทสึฮารุเอาออกมาพอเธอสัมผัสสิ่งนั้นก็สลายเป็นฝุ่นลอยไปกับอากาศ
“ขอบัญชาทุกสิ่งบริเวณนี้ตายซะ”
ด้วยคำพูดนั้นเหล่านักเรียนที่กำลังเดินกลับบ้านกันจนเมื่อสักครู่กำลังใช้สองมือบีบคอตัวเองท่ามกลางสายฝน นกที่บินอยู่ต่างก็พากันพุ่งอัดกับพื้นสุดแรง
ไม่รู้ทำไมมีเพียงผมที่เป็นคนธรรมดาเท่านั้นกลับไม่ได้รับคำสั่งนั้นด้วยจึงรีบวิ่งเข้าไปหาฮัทสึฮารุ
นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะเฮ้ย คนอื่นเองก็มีคนที่รักต้องกลับไปหาเหมือนกันนะ แบบนี้มันเอาแต่ได้เกินไปแล้ว ระหว่างนั้นจู่ๆ คำพูดของฮัทสึฮารุที่เคยพูดกับผมเอาไว้ก็แล่นเข้าหัวมา ‘โลกไม่มีความเท่าเทียมใดๆ ทั้งนั้น’
“หยุดนะ! หยุดนะฮัทสึฮารุ!! จะตายก็ตายแค่ฉันคนเดียวอย่าลากคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาสิ!”
เสียงคุณกลินดาที่ร้องอ้อนวอนสุดชีวิตกำลังมองใบหน้าของนักเรียนที่เริ่มแสดงสีหน้าทรมาน
“ก็หยุดเวลาสมบูรณ์เหมือนทุกครั้งซะสิถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่านั่นเป็นของปลอมนะ”
ทันใดนั้นนาฬิกาทรายที่หายไปก็โผล่ออกมาอีกครั้งตรงหน้าคุณกลินดาและกุญแจสีขาวที่เสียบอยู่ก็สลายเป็นฝุ่นลอยไปกับอากาศและดวงตากับเส้นผมของคุณกลินดาก็กลับเป็นสีขาวดั่งเดิม
“อึก นี่มันมากเกินไปแล้วนะพอทีเถอะ!”
คุณกลินดาพยายามยื่นมือไปหาฮัทสึฮารุแต่ก็ทะลุรอยแตกของอากาศมาแตะหลังตัวเอง
“ฮัทสึฮารุหยุดทำอะไรบ้าๆ ได้แล้วฉันขอร้องล่ะ”
เลวร้ายสุดๆ ไปเลยอีแบบนี้เนี่ย ยัยนี่เข้าด้านมืดกู่ไม่กลับแล้วเฮ้ย
“ไม่ต้องห่วงหรอกรินฉันจะทำให้มันจบเอง”
ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ขาของผมก็หยุดลง หรือควรเรียกว่าถูกสั่งให้หยุดต่างหาก ฝีมือเธอเรอะ
ร่างของผู้คนค่อยๆ ล้มลงกับพื้นไร้สีหน้าเหมือนกันหมดราวกับเป็นเพียงเครื่องจักร ทางด้านคุณกลินดาเองเมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็พลางทำให้แข็งขาเธออ่อนไร้เรี่ยวแรง
ใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรน่ะตอนนี้มันเห็นชัดอยู่แล้วนี่
ฮัทสึฮารุปล่อยมือจากกล่องบรรจุดวงตาทำให้มันหายไปกลางอากาศก่อนจะก้มหยิบปืนที่ถูกโยนทิ้งไปตั้งแต่ตอนแรกและหยิบเอากระสุนนัดหนึ่งในกระเป๋ากระโปงออกมาบรรจุลงแมกกาซีนฮัทสึฮารุทำทั้งหมดนั้นอย่างใจเย็นทุกขั้นตอนราวกับรู้ล่วงหน้า
“อย่าให้ผิดหวังซะล่ะจุดเหนือกฎเกณฑ์”
ฮัทสึฮารุชี้ปากกระบอกปืนหันเข้าหาคุณกลินดาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
จะว่าไปแล้วนี่ผมมาทำอะไรเนี่ย ภาคมวยเหรอ? เออไหนๆ แล้วก็ขอเอาให้สุดเลยแล้วกันแต่จะยังไงเชียร์ใครดีล่ะ ไม่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะว่าต่างฝ่ายต่างก็กำลังพยายามฆ่าอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่มวยไม่ใช่กีฬาเป็นแค่การเอาตัวรอดของต่างฝ่ายเพื่อความต้องการของตัวเอง
“ใช่แล้วล่ะ แล้วความต้องการของนายคืออะไรกัน”
ขณะที่ผมมัวแต่คิดเรื่องภาคมวยก็มาอยู่ในสถานที่อื่นอีกแล้วสัมผัสของร่มในมือเองก็หายไปพร้อมกับที่เสียงฝนและความวุ่นวายตรงหน้าทั้งหมดมลายหายสิ้น ผมจึงมองไปยังเจ้าของเสียงคนนั้นที่กำลังนั่งขาเดียวบนขอบหน้าต่างห้องนอนผมอยู่
“ความต้องการของฉันเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะขอแค่มีความโลภในจิตใจก็จะมีแรงคับเคลื่อนเอง แปลกใช่ไหม? ขณะที่พระเจ้าพยายามควบคุมมนุษย์แต่ปีศาจกลับพยายามทำให้มนุษย์รู้จักการใช้ชีวิต”
หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นโดยไม่แม้แต่หันมามองผม
“ตามศาสนาคริสต์อ่ะนะ”
“ความโลภทำให้เกิดจุดมุ่งหมาย ความเกียจคร้านทำให้เกิดเทคโนโลยี”
แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
“ก็เหมือนอย่างที่เคยมีคนพูดนั่นแหละจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อคนๆ เดียวรึเปล่า? นั่นแหละคือผลลัพธ์ที่ว่ากัน”
“…ขอถามหน่อยสิทำไมเธอถึงปล่อยให้เรื่องบานปลายขนาดนี้กัน”
จังหวะนั้นเองที่ผมก็มานั่งอยู่ในห้องเรียนตรงที่นั่งของตัวเอง
“ฉันพยายามแล้วต่างหากทุกอย่างที่ฉันจะทำได้เลยด้วย”
เสียงนั้นดังมาจากด้านหลังผม
“ทุกอย่างงั้นเหรอ? ถ้าสิ่งที่เธอทำได้กลับได้ผลลัพธ์แบบนี้ขึ้นมาแล้วฉันจะทำอะไรได้กัน!”
“งั้นเหรอ ฉันก็ขอถามนายกลับหน่อยแล้วกันที่ผ่านมาน่ะสนุกรึเปล่าล่ะ?”
“…เรื่องนั้นน่ะ ‘ไม่สนุกเลยสักนิด’ ต้องมาคอยระวังไม่ให้ถูกจับได้จากพวกใช้เวทมนตร์ ต้องมารับผลกรรมที่ไม่ได้อยากจะสร้าง ถูกตำรวจหมายหัว และสุดท้ายยังโดนตามไล่ฆ่าอีก จะไปสนุกได้ยังไงกันฮะยัยบ้า”
“นั่นสินะ แต่ฉันสนุกนะแต่เดิมก็เป็นแค่กบในกะลาโง่เงาธรรมดาคนหนึ่งแต่ก็ถูกลากไปนู่นมานี่เยอะแยะสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ ถึงตอนแรกจะรู้สึกว่ามันไร้สาระก็เถอะ แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันสุดยอดไปเลยน่ะ ได้เที่ยวกับน้องสาวจากอีกเส้นเวลา ได้ไปจิบชาในเมืองเวทมนตร์ ได้มานั่งจับเข่าคุยกับคนต่างโลก สำหรับฉันสนุกนะถึงตอนสุดท้ายจะตายก็เถอะ”
หญิงสาวคนนั้นไปยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะผมและก้มมองลงไปด้านล่างหน้าต่าง
“…..”
“เพราะฉะนั้นน่ะนะ ความสุขของนายน่ะต้องสร้างมันขึ้นมาเองหลังจากนี้ก็ยังไม่สายนะคิริโนะคุง”
ผมแหงนหน้ามองใบหน้าปนเศร้าด้านข้างของเธอคนนั้น
“จะบัคหรือของปลอม ไม่ใช่หรอกต่อจากนี้คือเรื่องราวของนายเรื่องราวของคิริโนะไม่ใช่เรื่องราวของคนที่ชื่อรินอีกแล้วเรื่องราวของนายเป็นของจริงเสมอ”
ปัง!!
เสียงไกด์ลั่นดังกึกก้องไปทั่วบริเวณปนไปกับเสียงฟ้าฝนอันดำมืดพร้อมกับเลือดจากมือของผมที่ไหลรินลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงย้อมให้พื้นน้ำใต้เท้าเปลี่ยนเป็นสีของเลือด
“...หลบไป”
มือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือปากกาสารพักนึกในร่างร่มของผมกำลังดันปากกระบอกปืนชี้ขึ้นฟ้าหักเหวิถีกระสุนนัดสุดท้ายที่ควรจะเป็นไป ถึงจะแตะตัวไม่ได้แต่ถ้าแค่ปืนล่ะก็
“กลับบ้านได้แล้วยัยบ้า”
ฮัทสึฮารุเขวี้ยงปืนในมือทิ้งจึงทำให้มือของผมแกว่งไปทิศนั้นด้วยก่อนจะกลับมาแนบกับตัวราวกับเศษผ้าบางๆ
“…ไม่เอาหรอก”
“ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก คิริโนะคุง”
คุณกลินดาลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับนาฬิกาทรายเรือนเดิมพร้อมกับใบหน้าที่มีน้ำตาคลอเบ้า
“ถึงต้องตายหรือหายไปฉันก็จะให้มันจบแค่ตรงนี้”
และเธอก็หยิบกุญแจสีทองที่เหน็บเอวออกมาและทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิท พลิกด้านของนาฬิกาและเสียบลงไป
ภาพทุกอย่างจึงมืดลงไม่ใช่การเปรียบเปรยใดๆ แต่ทุกอย่างมืดลงจริงๆ มือตัวเองยังไม่เห็นด้วยซ้ำสัมผัสของเม็ดฝนจนถึงเมื่อสักครู่ก็หายไปด้วย เป็นแบบนั้นอยู่ได้ราว 3 วินาทีแสงสว่างแรกก็ได้ปรากกออกมา
ดาว? โลก? สสารมืด?
และยังปรากฏออกมาอีกนับไม่ถ้วนทั้งบนฟ้าบนพื้นหรือกำแพงแต่ที่แน่ๆ เลยคือพวกเราไม่ได้ถูกเปลี่ยนสถานที่แน่ๆ นั่นเพราะพื้นที่บางส่วนยังแสดงภาพของเดิมอยู่เช่นบนพื้นบางส่วนยังเป็นพื้นคอนกรีตอยู่ ต้นไม้ตรงกลางกลายเป็นสสารมืดบ้างส่วนบนกับส่วนล่างยังอยู่ดี เหมือนกับถูกเทสีของจักรวาลเอาไว้แต่ไม่มิด
“คิริโนะคุงหลบไปก่อนค่ะฉันจะต้องปกป้องโลกจากผู้หญิงคนนั้นให้ได้และจะไปฆ่าคุณแน่นอน”
ผมมองไปยังต้นเสียงหาเจ้าของวลีสุดย้อนแย้งนั้นปรากฏว่าคุณกลินดาตอนนี้เปลี่ยนไปสวมเสื้อโค้ทสีดำแทนผายใต้เสื้อโค้ทนั้นกลับมีทิวทัศน์ของดวงดาวของจักรวาลเหมือนกับสถานที่แห่งนี้ปรากฏออกมาแต่มันกลับไม่ใช่แค่ลายแต่กลับเหมือนเป็นจักรวาลจริงๆ
“รุกฆาต”
ทันทีที่ฮัทสึฮารุพูดออกมาตอนนั้นเองที่ร่างไร้วิญญาณของนักเรียนที่นอนเกลื่อนกลาดบนพื้นต่างก็กลายสภาพเป็นนกกระดาษพับจำนวนมากหลายกองรวมทั้งพวกนกที่พุ่งลงมาก็กลายเป็นกระดาษด้วย
“อะไรกันเนี่ย”
ยังไม่หมดแค่นั้นม้วนกระดาษของพันธสัญญาที่สลายไปแล้วกลับค่อยๆ ปรากฏบนมือฝ่าของฮัทสึฮารุอีกครั้ง
“ฉันคงไม่เผาของที่สร้างความปลอดภัยขนาดนั้นทิ้งเล่นหรอกจริงไหม?”
“งั้นเพื่ออะไรกันล่ะจัดฉากขนาดนี้เพื่ออะไรกัน”
“บอกไปแล้วว่าขอดูความยุติธรรมของเธอน่ะ นี่ ริน”
ฮัทสึฮารุหันมามองผมที่ยืนข้างๆ
“ที่ผ่านมาที่สร้างปัญหาให้ขอโทษนะแต่ฉันมีเหตุผลน่ะถึงไม่ได้บอก”
ฮัทสึฮารุยังคงสีหน้าเฉยเมยเอาไว้ตามเดิม เหตุผลอะไรเล่า? ที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องน้อยๆ เลยนะ หรือเพื่อให้เดินตามไทม์ไลน์ที่ปลอดภัยที่สุดกัน
ฮัทสึฮารุส่ายหน้า
“เพื่อเชื่อมโยงไทม์ไลน์ทุกไทม์ไลน์ที่มีและตัดเอาส่วนที่ต้องการมาต่อเป็นเส้นใหม่”
ฮัทสึฮารุเรียกกล่องตาของยูบาริออกมาอีกครั้งและหยิบกระเป๋านักเรียนของใครบางคนที่มีกุญแจสีขาวคล้องติดเอาไว้มาจากรอยแยกอากาศและดึงเอาออกมาจากนั้นจึงบดกุญแจให้แตกคามือ ปรากฏภาพของโลกที่บิดเบี้ยวด้านบนด้านล่างขัดกับหลักฟิสิกส์ขึ้นมาคลอบคลุมทั่วบริเวณแผ่ขยายเป็นวงกว้างแต่กลับถูกสสารมืดค่อยๆ เข้าปกคลุม
“สุดท้ายก็”
เกิดรอยแตกของอากาศตรงหน้าฮัทสึฮารุ ชกเข้าไปในรอยนั้นและลอกขอบของรอยแตกทั้งสองข้างออกและทั้งสสารมืดและโลกที่บิดเบี้ยวก็ลามเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นและมีคนจำนวนหนึ่งออกมาจากช่องว่างนั้น 4 คนในสภาพเหมือนกับจะหกล้มทุกคนล้วนทำให้ผมแปลกใจในสถานการสุดปวดจิตนี้ได้ไปอีก
ซาซาฮาระ อาริมะ นารุคามิ แล้วก็ยูบาริ
“จู่ๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
อาริมะเอ่ยขึ้นมาขณะกำลังแบกบ่าข้างหนึ่งของยูบาริและนารุคามิที่อุ้มบ่าอีกข้างก็มองไปรอบๆ ผ่านฮัทสึฮารุผ่านผมและคุณกลินดา
“ไม่ใช่โลกงั้นเหรอ?”
จังหวะนั้นเองที่มวลน้ำที่ถูกหยุดเอาไว้ก็ไปรวมกันบนสมุดของฮัทสึฮารุก่อนที่สิ่งนั้นจะทันได้เป็นรูปร่างกลับมวลน้ำทั้งหมดจึงตกลงพื้นพร้อมๆ กับที่สายฝนกลับมาตกตามเดิม ผมที่อยู่ใต้ร่มจากปากกาสารพัดนึกจึงไม่เปียกเท่าฮัทสึฮารุที่อยู่กลางสนาม
“เมจิคแจมเมอร์ ถึงว่าไม่ใช้เวทมนตร์โจมตี”
ขณะเดียวกันนาฬิกาทรายก็กลายเป็นกลุ่มละอองสีขาวล้อมรอบตัวคุณกลินดาจังหวะนั้นเองที่ฮัทสึฮารุหยิบมีดของคุณกลินดาที่ปาไปตอนแรกขึ้นมาและพุ่งเข้าไป
“อ่า ก็หมดตัวไปเยอะเลยล่ะแต่ก็คุ้มค่าใช่ไหมล่ะ?”
ฮัทสึฮารุพุ่งแทงด้วยมีดสั้นไปทีหนึ่งและแยกร่างออกมาจากตัวอีกสองร่างม้วนตัวและแทงซ้ำอีกครั้งทั้งหมดเกิดขึ้นโดยที่ละอองสีขาวยังไม่ทันจะหายไปด้วยซ้ำแต่พอหลังจากนั้นฮัทสึฮารุก็ลดการ์ดลงและก้มมองมีดสั้นในมือที่เหลือแต่ด้าม
ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงตัดผ่านลมด้วยความเร็วแล่นผ่านตรงหน้าและถูกฮัทสึฮารุร่างแยกหยุดเอาไว้ด้วยมือเปล่าจนเกิดรอยไหม้ขึ้นที่มือแต่กลับไม่มีรอยเลือดและทั้งสองร่างนั้นจึงโยนบางอย่างทิ้งผมจึงได้รู้ว่านั่นคือลูกปืนพกจังหวะนั้นเองคุณกลินดาจึงจับหัวของร่างแยกลงกับพื้นสีเมนโรงเรียนแต่ก่อนที่จะทันกระแทกพื้นกลับกลายเป็นเหมือนโคลนหรือไม่ก็ปูนอาจจะกำลังถูกทำให้กลายเป็นของเหลวและถูกดูดลงไปแค่ร่างแยกของฮัทสึฮารุ
คุณกลินดาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนราวกับอยู่ในหนังฮีโร่ที่มาพร้อมกับดวงตาและสีผมที่เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีเงินแวววาวแทน
เดี๋ยว เดี๋ยวนะสีผมกับตาเหรอ? แค่เนี้ย
ชั่วพริบตานั้นคุณกลินดาที่ไปโผล่ด้านหลังฮัทสึฮารุก็ชกเต็มๆ หลังฮัทสึฮารุจนเซไปด้านหน้าเล็กน้อยถึงดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ทว่ารอบบริเวณนั้นกลับมีกระสุนปืนมากมายโผล่ออกมาจากอากาศราวห่าฝนปะปนไปกับเม็ดฝนของจริงและพุ่งตรงไปยังฮัทสึฮารุทำให้เกิดเสียงที่เหมือนกับโลหะกระทบกันมากมายจนต้องเอามือแนบหูไว้เมื่อลูกปืนกระทบกันมากเข้ามันทำให้เกิดประกายไฟจนในที่สุดบริเวณตรงนั้นจึงเกิดระเบิดขึ้นในที่สุด
เกิดความเงียบขึ้นหลายวินาทีทั้งผมและคุณกลินดาต่างมองเข้าไปในกลุ่มควันนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
กรี๊ด!!
เสียงกรีดร้องของคุณกลินดาดังขึ้นพอหันไปมองก็พบกับฮัทสึฮารุที่กำลังเตะข้อต่อต่อขาคุณกลินดาและใช้ด้ามมีดแทงลงไปที่ไหล่จากด้านหลังในสภาพไร้รอยขีดข่วนใดๆ ราวกับไม่ได้อยู่ตรงกลางดงกระสุนปืนตั้งแต่แรกที่มาพร้อมกับกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในมืออีกข้างแนบตาซ้ายเอาไว้โดยด้านหลังของเธอนั้นปรากฏรอยแตกคล้ายกับกระจกอยู่
“คิดว่าจะชนะฉันได้จริงๆ เหรอ?”
และเมื่อสบตาเข้ากับสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้ความสงสัยของผมหายไปทันที
ใช่ทันคือดวงตาที่มีสัญลักษณ์ข้าวหลามตัดอยู่ด้านในคล้ายกับของใครบางคน
“คนอย่างคุณมันจะเน่าไปถึงไหนกันควักลูกตาคนอื่นมาเนี่ยที่คุณเห็นมันเป็นฉากจบแบบไหนกัน!”
คุณกลินดาสะบัดแขนอีกครั้งแต่กลับลังเลที่จะทำอะไรไปมากกว่านั้นจึงไม่มีอะไรออกมาจากแขนเสื้อ
“ถึงคุณฆ่าฉันไปก็เหมือนกับทุกครั้งนั่นแหละ ฉันจะกลับมาตราบเท่าที่คุณล้มเหลว”
“อา เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ล้มเหลว”
ฮัทสึฮารุปล่อยมือให้มีดคาอยู่ที่ไหล่ของคุณกลินดาและตอนนั้นเองที่พื้นเกิดรอยแตกมากมายพอฝนที่ตกลงมาไปกระทบกับมันและไปโผล่ที่รอยแตกอีกหลายจุดทั้งบนฟ้าในแนวนอนทั้งออกมาจากกำแพงอาคาร ต้นไม้ ม้านั่ง รวมทั้งร่างกายของผมและคุณกลินดา ไม่นานมิติที่พวกเราอยู่ก็พังทลายลง
เพล้ง
จริงๆ ไม่มีเสียงหรอกแต่ผมทำขึ้นมาเอง
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของนักเรียนที่กำลังทยอยกลับบ้านหลังเสร็จกิจกรรมของโรงเรียนทั้งหลายแหลทั้งเสียงฝีเท้าทั้งคำพูดของผู้คนกำลังเข้ามายังโสตประสาทของผมมายังสถานที่แห่งนี้ ทว่ากลับไม่มีใครสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
เวทีพังไปแล้วเหรอ? กลับมาแล้วจริงๆ รึเปล่า
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก จะทำอะไร?”
คุณกลินดาที่ดึงด้ามมีดออกแต่แค่วินาทีเดียวปากแผลก็สมานราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นหากไม่ดูที่ว่าชุดที่สวมเปื้อนเลือดก็จะดูไม่ออกเลยว่าเพิ่งถูกแทงมาหมาดๆ
“ขอดูหน่อยเถอะความยุติธรรมจอมปลอมนั่นน่ะ”
ฮัทสึฮารุพูดคำนั้นออกมาทำให้ผมกำคันร่มแน่นเพราะรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง และเธอก็แบมือขวาออกจึงปรากฏกระดาษใบหนึ่งขึ้นมา
“พันธสัญญา?”
สีหน้าคุณกลินดาเริ่มแสดงถึงความกังวลต่างจากที่ผ่านๆ มาโดยสิ้นเชิงมากกว่าครั้งี่ผมเห็นเมื่อวันก่อนอีกราวกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดขณะเดียวกันกระดาษที่ฮัทสึฮารุเอาออกมาพอเธอสัมผัสสิ่งนั้นก็สลายเป็นฝุ่นลอยไปกับอากาศ
“ขอบัญชาทุกสิ่งบริเวณนี้ตายซะ”
ด้วยคำพูดนั้นเหล่านักเรียนที่กำลังเดินกลับบ้านกันจนเมื่อสักครู่กำลังใช้สองมือบีบคอตัวเองท่ามกลางสายฝน นกที่บินอยู่ต่างก็พากันพุ่งอัดกับพื้นสุดแรง
ไม่รู้ทำไมมีเพียงผมที่เป็นคนธรรมดาเท่านั้นกลับไม่ได้รับคำสั่งนั้นด้วยจึงรีบวิ่งเข้าไปหาฮัทสึฮารุ
นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะเฮ้ย คนอื่นเองก็มีคนที่รักต้องกลับไปหาเหมือนกันนะ แบบนี้มันเอาแต่ได้เกินไปแล้ว ระหว่างนั้นจู่ๆ คำพูดของฮัทสึฮารุที่เคยพูดกับผมเอาไว้ก็แล่นเข้าหัวมา ‘โลกไม่มีความเท่าเทียมใดๆ ทั้งนั้น’
“หยุดนะ! หยุดนะฮัทสึฮารุ!! จะตายก็ตายแค่ฉันคนเดียวอย่าลากคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาสิ!”
เสียงคุณกลินดาที่ร้องอ้อนวอนสุดชีวิตกำลังมองใบหน้าของนักเรียนที่เริ่มแสดงสีหน้าทรมาน
“ก็หยุดเวลาสมบูรณ์เหมือนทุกครั้งซะสิถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่านั่นเป็นของปลอมนะ”
ทันใดนั้นนาฬิกาทรายที่หายไปก็โผล่ออกมาอีกครั้งตรงหน้าคุณกลินดาและกุญแจสีขาวที่เสียบอยู่ก็สลายเป็นฝุ่นลอยไปกับอากาศและดวงตากับเส้นผมของคุณกลินดาก็กลับเป็นสีขาวดั่งเดิม
“อึก นี่มันมากเกินไปแล้วนะพอทีเถอะ!”
คุณกลินดาพยายามยื่นมือไปหาฮัทสึฮารุแต่ก็ทะลุรอยแตกของอากาศมาแตะหลังตัวเอง
“ฮัทสึฮารุหยุดทำอะไรบ้าๆ ได้แล้วฉันขอร้องล่ะ”
เลวร้ายสุดๆ ไปเลยอีแบบนี้เนี่ย ยัยนี่เข้าด้านมืดกู่ไม่กลับแล้วเฮ้ย
“ไม่ต้องห่วงหรอกรินฉันจะทำให้มันจบเอง”
ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ขาของผมก็หยุดลง หรือควรเรียกว่าถูกสั่งให้หยุดต่างหาก ฝีมือเธอเรอะ
ร่างของผู้คนค่อยๆ ล้มลงกับพื้นไร้สีหน้าเหมือนกันหมดราวกับเป็นเพียงเครื่องจักร ทางด้านคุณกลินดาเองเมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็พลางทำให้แข็งขาเธออ่อนไร้เรี่ยวแรง
ใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรน่ะตอนนี้มันเห็นชัดอยู่แล้วนี่
ฮัทสึฮารุปล่อยมือจากกล่องบรรจุดวงตาทำให้มันหายไปกลางอากาศก่อนจะก้มหยิบปืนที่ถูกโยนทิ้งไปตั้งแต่ตอนแรกและหยิบเอากระสุนนัดหนึ่งในกระเป๋ากระโปงออกมาบรรจุลงแมกกาซีนฮัทสึฮารุทำทั้งหมดนั้นอย่างใจเย็นทุกขั้นตอนราวกับรู้ล่วงหน้า
“อย่าให้ผิดหวังซะล่ะจุดเหนือกฎเกณฑ์”
ฮัทสึฮารุชี้ปากกระบอกปืนหันเข้าหาคุณกลินดาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
จะว่าไปแล้วนี่ผมมาทำอะไรเนี่ย ภาคมวยเหรอ? เออไหนๆ แล้วก็ขอเอาให้สุดเลยแล้วกันแต่จะยังไงเชียร์ใครดีล่ะ ไม่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะว่าต่างฝ่ายต่างก็กำลังพยายามฆ่าอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่มวยไม่ใช่กีฬาเป็นแค่การเอาตัวรอดของต่างฝ่ายเพื่อความต้องการของตัวเอง
“ใช่แล้วล่ะ แล้วความต้องการของนายคืออะไรกัน”
ขณะที่ผมมัวแต่คิดเรื่องภาคมวยก็มาอยู่ในสถานที่อื่นอีกแล้วสัมผัสของร่มในมือเองก็หายไปพร้อมกับที่เสียงฝนและความวุ่นวายตรงหน้าทั้งหมดมลายหายสิ้น ผมจึงมองไปยังเจ้าของเสียงคนนั้นที่กำลังนั่งขาเดียวบนขอบหน้าต่างห้องนอนผมอยู่
“ความต้องการของฉันเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะขอแค่มีความโลภในจิตใจก็จะมีแรงคับเคลื่อนเอง แปลกใช่ไหม? ขณะที่พระเจ้าพยายามควบคุมมนุษย์แต่ปีศาจกลับพยายามทำให้มนุษย์รู้จักการใช้ชีวิต”
หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นโดยไม่แม้แต่หันมามองผม
“ตามศาสนาคริสต์อ่ะนะ”
“ความโลภทำให้เกิดจุดมุ่งหมาย ความเกียจคร้านทำให้เกิดเทคโนโลยี”
แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
“ก็เหมือนอย่างที่เคยมีคนพูดนั่นแหละจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อคนๆ เดียวรึเปล่า? นั่นแหละคือผลลัพธ์ที่ว่ากัน”
“…ขอถามหน่อยสิทำไมเธอถึงปล่อยให้เรื่องบานปลายขนาดนี้กัน”
จังหวะนั้นเองที่ผมก็มานั่งอยู่ในห้องเรียนตรงที่นั่งของตัวเอง
“ฉันพยายามแล้วต่างหากทุกอย่างที่ฉันจะทำได้เลยด้วย”
เสียงนั้นดังมาจากด้านหลังผม
“ทุกอย่างงั้นเหรอ? ถ้าสิ่งที่เธอทำได้กลับได้ผลลัพธ์แบบนี้ขึ้นมาแล้วฉันจะทำอะไรได้กัน!”
“งั้นเหรอ ฉันก็ขอถามนายกลับหน่อยแล้วกันที่ผ่านมาน่ะสนุกรึเปล่าล่ะ?”
“…เรื่องนั้นน่ะ ‘ไม่สนุกเลยสักนิด’ ต้องมาคอยระวังไม่ให้ถูกจับได้จากพวกใช้เวทมนตร์ ต้องมารับผลกรรมที่ไม่ได้อยากจะสร้าง ถูกตำรวจหมายหัว และสุดท้ายยังโดนตามไล่ฆ่าอีก จะไปสนุกได้ยังไงกันฮะยัยบ้า”
“นั่นสินะ แต่ฉันสนุกนะแต่เดิมก็เป็นแค่กบในกะลาโง่เงาธรรมดาคนหนึ่งแต่ก็ถูกลากไปนู่นมานี่เยอะแยะสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ ถึงตอนแรกจะรู้สึกว่ามันไร้สาระก็เถอะ แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันสุดยอดไปเลยน่ะ ได้เที่ยวกับน้องสาวจากอีกเส้นเวลา ได้ไปจิบชาในเมืองเวทมนตร์ ได้มานั่งจับเข่าคุยกับคนต่างโลก สำหรับฉันสนุกนะถึงตอนสุดท้ายจะตายก็เถอะ”
หญิงสาวคนนั้นไปยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะผมและก้มมองลงไปด้านล่างหน้าต่าง
“…..”
“เพราะฉะนั้นน่ะนะ ความสุขของนายน่ะต้องสร้างมันขึ้นมาเองหลังจากนี้ก็ยังไม่สายนะคิริโนะคุง”
ผมแหงนหน้ามองใบหน้าปนเศร้าด้านข้างของเธอคนนั้น
“จะบัคหรือของปลอม ไม่ใช่หรอกต่อจากนี้คือเรื่องราวของนายเรื่องราวของคิริโนะไม่ใช่เรื่องราวของคนที่ชื่อรินอีกแล้วเรื่องราวของนายเป็นของจริงเสมอ”
ปัง!!
เสียงไกด์ลั่นดังกึกก้องไปทั่วบริเวณปนไปกับเสียงฟ้าฝนอันดำมืดพร้อมกับเลือดจากมือของผมที่ไหลรินลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงย้อมให้พื้นน้ำใต้เท้าเปลี่ยนเป็นสีของเลือด
“...หลบไป”
มือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือปากกาสารพักนึกในร่างร่มของผมกำลังดันปากกระบอกปืนชี้ขึ้นฟ้าหักเหวิถีกระสุนนัดสุดท้ายที่ควรจะเป็นไป ถึงจะแตะตัวไม่ได้แต่ถ้าแค่ปืนล่ะก็
“กลับบ้านได้แล้วยัยบ้า”
ฮัทสึฮารุเขวี้ยงปืนในมือทิ้งจึงทำให้มือของผมแกว่งไปทิศนั้นด้วยก่อนจะกลับมาแนบกับตัวราวกับเศษผ้าบางๆ
“…ไม่เอาหรอก”
“ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก คิริโนะคุง”
คุณกลินดาลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับนาฬิกาทรายเรือนเดิมพร้อมกับใบหน้าที่มีน้ำตาคลอเบ้า
“ถึงต้องตายหรือหายไปฉันก็จะให้มันจบแค่ตรงนี้”
และเธอก็หยิบกุญแจสีทองที่เหน็บเอวออกมาและทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิท พลิกด้านของนาฬิกาและเสียบลงไป
ภาพทุกอย่างจึงมืดลงไม่ใช่การเปรียบเปรยใดๆ แต่ทุกอย่างมืดลงจริงๆ มือตัวเองยังไม่เห็นด้วยซ้ำสัมผัสของเม็ดฝนจนถึงเมื่อสักครู่ก็หายไปด้วย เป็นแบบนั้นอยู่ได้ราว 3 วินาทีแสงสว่างแรกก็ได้ปรากกออกมา
ดาว? โลก? สสารมืด?
และยังปรากฏออกมาอีกนับไม่ถ้วนทั้งบนฟ้าบนพื้นหรือกำแพงแต่ที่แน่ๆ เลยคือพวกเราไม่ได้ถูกเปลี่ยนสถานที่แน่ๆ นั่นเพราะพื้นที่บางส่วนยังแสดงภาพของเดิมอยู่เช่นบนพื้นบางส่วนยังเป็นพื้นคอนกรีตอยู่ ต้นไม้ตรงกลางกลายเป็นสสารมืดบ้างส่วนบนกับส่วนล่างยังอยู่ดี เหมือนกับถูกเทสีของจักรวาลเอาไว้แต่ไม่มิด
“คิริโนะคุงหลบไปก่อนค่ะฉันจะต้องปกป้องโลกจากผู้หญิงคนนั้นให้ได้และจะไปฆ่าคุณแน่นอน”
ผมมองไปยังต้นเสียงหาเจ้าของวลีสุดย้อนแย้งนั้นปรากฏว่าคุณกลินดาตอนนี้เปลี่ยนไปสวมเสื้อโค้ทสีดำแทนผายใต้เสื้อโค้ทนั้นกลับมีทิวทัศน์ของดวงดาวของจักรวาลเหมือนกับสถานที่แห่งนี้ปรากฏออกมาแต่มันกลับไม่ใช่แค่ลายแต่กลับเหมือนเป็นจักรวาลจริงๆ
“รุกฆาต”
ทันทีที่ฮัทสึฮารุพูดออกมาตอนนั้นเองที่ร่างไร้วิญญาณของนักเรียนที่นอนเกลื่อนกลาดบนพื้นต่างก็กลายสภาพเป็นนกกระดาษพับจำนวนมากหลายกองรวมทั้งพวกนกที่พุ่งลงมาก็กลายเป็นกระดาษด้วย
“อะไรกันเนี่ย”
ยังไม่หมดแค่นั้นม้วนกระดาษของพันธสัญญาที่สลายไปแล้วกลับค่อยๆ ปรากฏบนมือฝ่าของฮัทสึฮารุอีกครั้ง
“ฉันคงไม่เผาของที่สร้างความปลอดภัยขนาดนั้นทิ้งเล่นหรอกจริงไหม?”
“งั้นเพื่ออะไรกันล่ะจัดฉากขนาดนี้เพื่ออะไรกัน”
“บอกไปแล้วว่าขอดูความยุติธรรมของเธอน่ะ นี่ ริน”
ฮัทสึฮารุหันมามองผมที่ยืนข้างๆ
“ที่ผ่านมาที่สร้างปัญหาให้ขอโทษนะแต่ฉันมีเหตุผลน่ะถึงไม่ได้บอก”
ฮัทสึฮารุยังคงสีหน้าเฉยเมยเอาไว้ตามเดิม เหตุผลอะไรเล่า? ที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องน้อยๆ เลยนะ หรือเพื่อให้เดินตามไทม์ไลน์ที่ปลอดภัยที่สุดกัน
ฮัทสึฮารุส่ายหน้า
“เพื่อเชื่อมโยงไทม์ไลน์ทุกไทม์ไลน์ที่มีและตัดเอาส่วนที่ต้องการมาต่อเป็นเส้นใหม่”
ฮัทสึฮารุเรียกกล่องตาของยูบาริออกมาอีกครั้งและหยิบกระเป๋านักเรียนของใครบางคนที่มีกุญแจสีขาวคล้องติดเอาไว้มาจากรอยแยกอากาศและดึงเอาออกมาจากนั้นจึงบดกุญแจให้แตกคามือ ปรากฏภาพของโลกที่บิดเบี้ยวด้านบนด้านล่างขัดกับหลักฟิสิกส์ขึ้นมาคลอบคลุมทั่วบริเวณแผ่ขยายเป็นวงกว้างแต่กลับถูกสสารมืดค่อยๆ เข้าปกคลุม
“สุดท้ายก็”
เกิดรอยแตกของอากาศตรงหน้าฮัทสึฮารุ ชกเข้าไปในรอยนั้นและลอกขอบของรอยแตกทั้งสองข้างออกและทั้งสสารมืดและโลกที่บิดเบี้ยวก็ลามเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นและมีคนจำนวนหนึ่งออกมาจากช่องว่างนั้น 4 คนในสภาพเหมือนกับจะหกล้มทุกคนล้วนทำให้ผมแปลกใจในสถานการสุดปวดจิตนี้ได้ไปอีก
ซาซาฮาระ อาริมะ นารุคามิ แล้วก็ยูบาริ
“จู่ๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
อาริมะเอ่ยขึ้นมาขณะกำลังแบกบ่าข้างหนึ่งของยูบาริและนารุคามิที่อุ้มบ่าอีกข้างก็มองไปรอบๆ ผ่านฮัทสึฮารุผ่านผมและคุณกลินดา
“ไม่ใช่โลกงั้นเหรอ?”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ