เป็นคนดีของสังคมเนี่ยยากกว่าที่คิดเนอะ?

8.3

เขียนโดย Noel

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.47 น.

  22 บท
  0 วิจารณ์
  22.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 09.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) ขอความต้องการของญาติคนนี้ Be the One 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ฉันค่อยๆ หลับตาลงเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าขณะที่เท้ายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ราวกับตุ๊กตาไขลาน

     “นี่ คราวนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะขนาดแก่นแท้อย่างผมยังจำไม่ได้เลย เธอพอจะบอกได้รึเปล่า?”

     ฉันทำเป็นเมินเสียงของเจ้านั่นเพราะไม่มีค่าจะให้มาต่อล้อต่อเถียงด้วยแม้แต่น้อย

     “ครั้งนี้ยื้อเพิ่มจากสถิติเดิมมาได้ตั้ง 6 ชั่วโมงนี่นะไม่นึกเลยว่าหลังกลับบ้านมาแล้วถึงเส้นชัยเลยแบบนี้เนี่ย ก็นะในเมื่อครั้งนี้เธอก็เป็นต้นเหตุให้เขาต้องตายมา 13 ครั้งติดแล้วด้วยสิ”

     เท้าของฉันมาหยุดเดินและค่อยลืมตาแหงนมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

     “อุบัติเหตุ 211 ครั้ง ด้วยโรคภัย 44 ครั้ง ฆ่าตัวตาย 31 ครั้ง เสียสติ 5 ครั้ง และถูกฆ่า 47 ครั้งถ้ารวมกับของเธอด้วยก็จะเป็นถูกฆ่า 70 ครั้งพอดี”

     “ถ้าไม่ได้จำผิดแค่นั้นก็ดีไป”

     พอเหลือบไปทางต้นเสียงด้านข้างเจ้านั่นแก่นแท้ก็กลายสภาพเป็นเพียงละอองแสงสีเหลืองขาวคล้ายสปอร์และเปลี่ยนอีกครั้งเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ไม่มีหน้าไม่มีผิวหนังเป็นเพียงกลุ่มพลังงานรูปร่างหนึ่งเท่านั้น

     “ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ผลลัพธ์ยิ่งเลวร้ายลงขนาดตอนนี้แค่จับตัวเขาก็ยังไม่ได้เลยนี่นาคลื่นพลังงานของเธอกลับมาเสถียรไม่ได้อีกแล้วสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดหากสัมผัสตัวเธอก็จะถูกยัดข้อมูลเข้ามาสำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดแล้วไม่สามารถรับข้อมูลมหาศาลในเวลาอันสั้นได้อยู่แล้ว จะช็อกตาย(สมองล้มเหลว)ก็เป็นธรรมดา”

     และคราวนี้ก็กลายสภาพเป็นมนุษย์ด้วยใบหน้าของฉันตั้งแต่ใบหน้าไปถึงชุด

     “จิตวิญญาณนั้นกำลังอ่อนล้าขีดจำกัดของเธอมันเลยมานานแล้วแต่ผลลัพธ์กลับดิ่งไปทางตรงข้าม”

     เรื่องนั้นฉันก็รู้ดีอยู่เต็มอก ฉันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่การที่ตัวเองกำลังถดถ้อยด้วยความอ่อนล้านั้นฉันเข้าใจได้แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ได้สาบานกับตัวเองไว้แล้วถึงได้มาหยุดอยู่หน้าต้นไม้ที่มีแต่ใบสีแดงไม่เคยผลิบานต้นนี้

     ฉันหลับตาอีกครั้งและค่อยนั่งลงช้าๆ  ณ ตำแหน่งเดิมไม่ขยับไปไหน

     “ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ารำคาญจังเลย”

     “ผมจำได้ว่าตอนนั้นครั้งแรกคุณจะขอร้องผมเอาไว้นี่นะว่า ‘อยากบอกลากันให้เรียบร้อย’ น่ะ”

     ลืมตาขึ้นอีกครั้งมองไปยังเบื้องหน้าโดยเมินเสียงลมที่พยามรบกวนโสทประสาทจ้องมองไปยังนาฬิกาทรายขนาดใหญ่เบื้องหน้า

     “อ้อ จริงสิผมจำได้แล้วล่ะว่าครั้งต่อๆ ไปนี่เองสินะที่เริ่มมีตัวตนแปลกปลอมออกมาเรื่อยๆ น่ะ”

     พอรู้ตัวอีกทีเจ้านั่นก็พรางเปิดหนังสือภาพในมือที่เสกออกมาไปด้วย

     มันคือภาพของสิ่งมีชีวิตคล้ายเด็กสาวนิสัยร่าเริงแต่กลับไม่ใช่มนุษย์ อีกภาพหนึ่งคือภาพของหญิงสาววัยยี่สิบกว่าๆ ที่มีผมสีขาวสนิท อีกภาพหนึ่งคือภาพของเมืองแห่งหนึ่งที่คนในภาพใช้เวทมนตร์กันอย่างอิสระราวกับเป็นเรื่องปกติ และภาพของกลุ่มเด็กมอปลายที่วิ่งไปมาเพื่อคนอื่น

     “นั่นสินะผมคิดว่าจะไม่มีอะไรให้แปลกใจไปกว่านี้อีกแล้วจนมาถึงเรื่องนี้ล่ะนะ”

     ฉันหลับตาลงไปข้างหนึ่งและใช้มือข้างหนึ่งยื่นไปยังภาพของนาฬิกาที่อยู่ห่างออกไป

      “ใครจะไปคิดว่าจุดศูนย์กลางที่เธอย้อนกลับไปจะเปลี่ยนสภาพตัวเองไปแบบนั้นน่ะ นึกว่าจะมีแค่สภาพแวดล้อมล้อมตัวเขาที่ถูกเปลี่ยนเชื่อมโยงอย่างเดียวซะอีก”

     ถัดมาคือภาพที่ถูกแบ่งครึ่งเอาไว้ด้านซ้ายเป็นเด็กสาวและด้านขวาเป็นเด็กหนุ่ม

     เจ้านั้นพูดด้วยใบหน้าของฉันด้วยท่าทางตื่นเต้น และยังพูดตอกย้ำต่อไปเรื่อยๆ

 

     “จะให้พอใจได้ยังไงกัน”

 

     และฉันจึงกุมมือคว้ามาไว้ ใช่ตรงตามตัวอักษรและความหมายคือการคว้าเอานาฬิกาทรายที่อยู่ปลายสายตาเอามาไว้ในมือคู่นี้

     “เวลาใกล้หมดแล้วงั้นก็มาดูภาพสุดท้ายเตือนความจำกันเถอะ”

     “ขอให้เป็นแบบนั้น”

     ภาพสุดท้ายเป็นของเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่มีท่าทีแปลกไปเฉพาะจากเส้นเวลาล่าสุดและกำลังยื่นกุญแจสีขาวที่ได้รับมาจากน้องสาวของเด็กหนุ่มคืนให้

     “เด็กคนนั้นรู้ด้วยสินะว่ากุญแจนั่นมีแค่สองดอกในโลกผมคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนต่อไปที่จะถูกเปลี่ยนแปลงตัวตนให้เหนือกว่ามนุษย์เป็นคนต่อไป เธอคิดงั้นรึเปล่าล่ะ?”

     ฉันใช้มือบิดส่วนบนของนาฬิกาเพื่อเปิดออกและทำเหมือนกับทุกครั้งโดยการเททรายลงพื้นด้านล่าง พอเป็นแบบนั้นผืนดินก็กลายเป็นผืนน้ำล้อมบริเวณโดยรอบใต้ต้นไม้เอาไว้แต่ฉันที่นั่งอยู่กลับไม่จมลงไปนั่นเพราะสถานที่แห่งนี้ไม่มีอยู่จริงการจะมีบนล่างหรือแรงโน้มถ่วงหรือไม่เป็นเพียงของปลอม

     พอก้มมองลงไปก็มองเห็นภาพสะท้อนของกิ่งใบที่มีใบสีชมพูบานสะพรั่งตรงข้ามกับฝั่งนี้โดยสิ้นเชิงไม่ได้กำลังผลิบานแต่กำลังค่อยๆ ร่วงหล่นอยู่บนแอ่งน้ำ

     “ไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อให้มีตัวอะไรเพิ่มเข้ามาฉันก็จะทำสิ่งที่ฉันควรทำ ช่วยพี่สาวของฉันเท่านั้น”

     ใช่แล้วต่อให้ต้องกลับมาอีกกี่ครั้งต่อให้จิตวิญญาณนี้แหลกสลายต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ถ้าไม่อย่างงั้นฉันจะพอใจได้ยังไงกัน

 

     หลายปีหลังการตายของพี่สาวมันก็พูดยากอยู่เหมือนกันที่คนในครอบครัวเสียชีวิตไปแต่ไม่ว่ายังไงชีวิตคนเรามันต้องไปต่อพี่เองก็มักจะพูดอยู่เสมอๆ ว่าการคัดสรรของธรรมชาติบ้างล่ะบ่วงแห่งอุโรโบรอสบ้างล่ะมีแต่เรื่องที่น่ารำคาญไม่อยากรู้เลยสักนิด ทั้งที่ตัวเองเป็นสาวมอปลายกลับเอาแต่ทำหน้าซังกะตายไม่มีเพื่อนฝูง นั่นคือสิ่งที่พี่เป็นเท่าที่ฉันจำได้

     แต่แล้ววันหนึ่งวันที่สิ่งนั้นใช้ร่างของแมวที่เลี้ยงไว้มาสื่อสารกับฉันทำให้ฉันได้รับปาฏิหาริย์ที่ต้องแลกกับความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

     กรีดร้องอยู่นานหลายวันเหตุการณ์ ความรู้สึก ความคิด ของทั้งโลกกำลังผ่านตัวฉันทั้งความกลัว ความกล้า ความโกรธ ความเศร้า รวมไปถึงความตายของอาณาจักรสัตว์ทั้งหมดเข้าถาโถมมาที่ฉันอย่างบ้าคลั่งทุกวินาทีแต่เพราะกลายเป็นแค่พลังเป็นแค่อากาศจึงตายไม่ได้ ความเจ็บปวดของตัวเองก็ไม่มีเพราะฉะนั้นสิ่งที่ส่งมาจึงเป็นเหมือนเพียงอากาศเท่านั้น จนในที่สุดฉันก็ชินช้ากับสิ่งนั้นไป

     แต่ฉันที่ถึงจะกลายเป็นแบบนั้นก็ยังมีสิ่งที่อยากจะทำ

     รู้ดีว่าตัวเองตอนนี้ไม่ใช่คนรู้จักของเขาด้วยซ้ำเพื่อฉันจะสามารถเป็นเพื่อนกับพี่สาวในช่วงเวลานี้เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดไปได้แต่กว่าเขาจะยอมเปิดใจให้ฉันก็สายไปแล้ว

     ครั้งแรก...ไม่สิครั้งที่สองต่างหาก

     ฉันจึงย้อนกลับไปอีกครั้งเพื่อช่วยเขาจากสาเหตุครั้งนั้นแต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเขาก็ต้องตายอีกครั้ง

     ครั้งที่สาม สี่ ครั้งแล้วครั้งเล่าครั้งแล้วครั้งเล่า ทำได้เพียงแค่ยื้อเวลาตายออกไปเท่านั้น

     ทั้งที่มีพลังของแก่นแท้ ทั้งที่ต่อให้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ควบคุมได้แท้ๆ แต่ทำไมกันยิ่งฉันยื้อเวลาไปได้นานแค่ไหนสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ควรจะมีมันกลับมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มันแย่ลง

     ‘เป็นอะไร หยุดเดินดื้อๆ เธอเองไม่ใช่เหรอที่ชวนมาน่ะ ทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ อยากนอนอยู่บ้านมากกว่าแท้ๆ น้า’

     ถ้อยคำนั้นดังขึ้นมาในสมองฉันเป็นตัวอักษรเรียกสติให้กลับมายังตรงหน้าแต่ทำไมกันทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงของคนๆ นี้ทั้งที่คนรอบๆ ยังได้ยินอยู่และที่สำคัญคนๆ นี้เป็นใครกัน

     ‘ไหนๆ ก็มาแล้วไปขึ้นรถไฟเหาะก่อนเป็นไงจะได้รู้สึกกลัวแทนที่จะมาซึมน่ะ เพราะฉะนั้นรอก่อนเลยเดี๋ยวตามไป’

     เด็กสาวคนนั้นแยกตัวออกไปถึงจะไม่ได้ยินเสียงแต่หากอ่านตามความคิดแล้วกำลังไปห้องน้ำ

     ฉันรอเธออยู่ที่เดิมไม่ไปไหนไม่แม้แต่จะขยับไปจากจุดเดิมรออยู่หลายนาทีจนกระทั่งบางอย่างในตัวฉันกรีดร้องสิ่งที่กลัวที่สุดจึงเกิดขึ้นเมื่อการเชื่อมตัวของเด็กสาวกับเน็ตเวิร์ก(แก่นแท้) ได้หายไปสัมผัสสุดท้ายของเธอคือด้านหลังคอถูกของบางอย่างเย็นเชียบเสียบ

     เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุด้วยความว่างเปล่าจึงเห็นร่างของผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มีผมสีขาวสนิทกำลังเช็ดมีดด้วยกระดาษทิชชูใบหน้านั้นกำลังชำเลืองมามองฉันเหมือนกำลังเฝ้ารอและหายไปทันทีต่อหน้าต่อตาอย่างไร้ร่องรอยราวกับอากาศธาตุ

     ร่างกายจู่ๆ ก็สั่นเทาไปหมดพอได้เห็นร่างที่กองอยู่กับพื้น

     “ริน! พี่ริน!”

     ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากโดยแม้แต่ตัวเองก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้ผุดออกมาและเข้าไปโอบอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นขึ้นมาวินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องจากคนด้านหลังที่เห็นเหตุการณ์จึงดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงฝีเท้าแต่ทั้งเรื่องนั้นหรือเรื่องของหญิงสาวผมขาวตอนนี้มันไม่สำคัญ

     ราวกับว่าคนๆ นี้เป็นสิ่งที่ไม่อยากสูญเสีย

     ในช่วงเวลาที่ใบหน้าซบอกเด็กสาวอยู่นั้นสัมผัสที่แก้มจึงถูกมือของเธอจับเอาไว้ฉันจึงกุมมือที่แสนแผ่วเบาเอาไว้ราวกับขุมทรัพย์ไว้แน่นขนัด

     ‘ฮะๆ เธอเนี่ยหน้าเหมือนฉันจริงๆ ด้วยนะ ฉันรู้สึกน่ะตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วว่าตัวเองจะมีเคราะห์ร้ายมาแต่ถ้าฉันตายไปจริงๆ อาจจะดีก็ได้’

     ฉันใช้เวทมนตร์รักษาที่ได้มาจากความทรงจำของเอลฟ์รวมกับพยายามเขียนความทรงจำของพี่สาวและใส่เข้าไปใหม่อีกครั้ง

     ฉันไม่ยอมรับหรอก

     “อย่าพูดนะ ขอร้องล่ะอยู่ต่อด้วยเถอะ”

     นึกออกแล้ว คนๆ นี้

     ‘ก็ความตายนะคือการปลดปล่อย’

     รอยยิ้มที่ผุดออกมาหลังจากพร่ามวาจาไร้สาระออกมาเป็นรอยยิ้มที่ดีแท้ๆ แต่กลับทิ่มแทงเหลือเกินทั้งที่ตัวเองกำลังตายแท้ๆ ทำไมถึงยังยิ้มออกมาได้กัน บ้าจริงๆ เป็นคนบ้าจริงๆ สินะ

     และสุดท้ายมือที่ฉันกุมก็หมดเรี่ยวแรงลงไป

 

     อา นั่นสินะทำไมถึงลืมไปได้นะ

 

     ‘สิ่งที่สูญเสียไปแล้วไม่สามารถนำกลับคืนมาได้’

     เมื่อขาดการเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์กไปแล้วครั้งหนึ่งจะไม่สามารถนำกลับมาได้

     เวทมนตร์อะไรกัน ปาฏิหาริย์อะไรกัน การคัดสรรอะไรกัน

     ฉันก้มมองปากกาเปื้อนเลือดของพี่สาวในมือบนหลังรถพยาบาลที่จอดนิ่งบริเวณที่เกิดเหตุและตัดมองไปที่เจ้าหน้าที่ที่ห้ามเปลที่คลุมผ้าสีขาวเอาไว้ออกมาจากที่เกิดเหตุ

     อายุขัยอะไรนั่น สมการแห่งชีวิต

     ล้มเหลวสิ้นดี

     เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องตายด้วยซ้ำ เป็นคนน่าสงสาร ไม่มีคนเข้าใจ เป็นคนขี้เกรงใจแต่ชอบสวมบทแกล้งว่าไม่สนใจใคร ชอบทำให้ตัวเองดูแย่กว่าคนอื่นเพื่อให้คนอื่นเหยียบขึ้นไป และตัวเองที่ชินชากับบาดแผลแบบนั้นน่ะ

 

     คนแบบนั้นน่ะไม่ว่ายังไงฉันจะต้องช่วยให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

 

     “ไม่ไหวเลยน้าทั้งที่รู้ดีแท้ๆ การที่หนึ่งชีวิตดับไปมันไม่ได้สำคัญอะไรเลยแท้ๆ ถึงอย่างนั้นแล้ว ศัตรูของเธอคือใครเหรอ? ผู้ใช้เวทมนตร์ ผู้มาจากต่างโลก จุดเหนือกฎเกณฑ์ ความเป็นจริง สังคมหรือว่าตัวผมล่ะ มือที่เปื้อนเลือดมานักต่อนักนั้นกำลังโอบอุ้มความปรารถนาที่เหลวไหลเห็นแก่ตัวเอาไว้แค่ไหนกันนะ แม้แต่โลกที่มีพันธสัญญาจากต่างโลกว่าห้ามตายเขายังเป็นอัมพาตไม่ก็พิการจนขอตายเลยนาแล้วแบบนี้เธอจะทำยังไงล่ะ? ช่วยได้จริงๆ รึเปล่า?”

     “…มันแน่อยู่แล้ว”

 

     “กลับมาอีกแล้วสินะแต่ก็ล้มเหลวตลอดด้วยนี่ตอนนี้แม้แต่ตัวตนของเขาก็บิดเบือนไปแล้วด้วย ผมสงสัยจริงๆ ว่าถ้าสักวันหนึ่งเขาอาจจะกลายเป็นแค่เห็บ ไร เธอจะทำหน้ายังไงกัน”

     “หุบปากซะ!”

     “…เอาเถอะ ผมจะคอยดูจุดจบก็แล้วกันถึงแม้ว่าเธอเพิ่งฆ่าเขามาก็ตามที จำเอาไว้ล่ะถ้ามีครั้งแรกแล้วมันจะมีอีกไม่รู้จบ”

 

     วินาทีที่ใบสีแดงบนกิ่งสุดท้ายตกลงสู่ผิวน้ำก่อให้เกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ตีกันไปมาก็หยุดลงและฉันจึงเอนตัวไปด้านข้างราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายลงผิวน้ำนอนแนบลงไป

     “ไม่รู้จบเหรอ?”

     คำพูดนั้นเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวพรางมองไปรอบๆ สถานที่ๆ ตัวเองอยู่เพื่อให้แน่ใจว่ามาถึงแล้วจึงใบไม้สีเขียวบนพื้นหญ้าขึ้นมาพลิกกลับไปมา นั่นคือภูเขาหลังโรงเรียนอันคุ้นเคย ทีนี้ก็ได้เวลาตรวจดูแล้วว่ามีอะไรถูกเพิ่มมาบ้าง

     ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตพิเศษอื่น

     ฉันสับขาลงจากภูเขาเพื่อเริ่มมันอีกครั้ง ผู้คนที่อยู่แถวๆ นั้นจึงมองฉันเป็นบางครั้งบางคราวด้วยสีหน้าสงสัยเหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านๆ มาฉันจึงมองไปทางป้ายประกาศโฆษณาลดราคาสินค้าช่วงโกลเดนวีคด้วยความว่างเปล่า

 

 

     ณ ปลายทางของสติที่เลื่อนลอย มันเป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะมืดมนชนิดที่ว่าทำให้ซึมไปอีกหลายวันได้ง่ายๆ มันเป็นเหมือนความรู้สึกประมาณว่าซีรี่ย์ที่ติดตามมาตลอดหลายปีได้สิ้นสุดลงจนความรู้สึกของเรื่องนั้นๆ ที่ผ่านมาเข้ามาในหัวให้รู้สึกคิดถึงเล่นแต่พอหลังจากนั้นสักสองสามวันมันก็เลือนหายไปเหมือนไม่เกิดขึ้นแต่ยังคงเหลือว่าเราเคยรู้สึกแบบนี้

     สัมผัสบางอย่างกำลังสะกิดใบหน้าอยู่หลายทีจึงตอบสนองกลับไปด้วยการปัดรังขวานทีหนึ่งก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

     เพดานอยู่ตรงหน้า ที่นี่ห้องนั่งเล่นในบ้านของตัวเองถูกย้อมไปด้วยแสงจันทร์จากนอกบานเลื่อนที่เปิดค้างเอาไว้จนกลายเป็นสีฟ้าอ่อนๆ

     “ตีสี่ยี่สิบ”

     เสียงนั้นบอกกับสมองผมที่กำลังชัดเจนขึ้น เป็นน้ำเสียงเรียบๆ เต็มไปด้วยความสงบราวกับกระดิ่งที่ถูกลมพัด

     “จะทานอีกรึเปล่า? ข้าวต้ม”

     ผมโยกตัวขึ้นมามองไปทางเจ้าของเสียงด้านหลังโซฟา ยัยนั่นนั่งพิงฝาบ้านอยู่บนพื้นตรงกลางระหว่างบานเลื่อนกระจกขณะกำลังหยิบกระดาษขึ้นมาพับนกกองอยู่ข้างๆ แกร๊ก แกร๊ก หลากสีด้วยทรงผมหางม้า

     “หรือจะทิ้ง?”

     ขณะมองฮัทสึฮารุอย่างไม่ละสายตาตัวนกแตกต่างจากตัวอื่นซึ่งพับได้เหมือนกับของจริงเปี๊ยบจึงบินจากบนพื้นใกล้ๆ ผมเข้าไปเกาะไหล่ของเธอ

     “ตีสี่? นี่ฉันเผลอหลับไปเหรอ?”

     “ฉันทำให้หลับเพื่อป้องกันเอาไว้”

     จากอะไร ก่อนที่คำพูดนั้นจะเอื้อนเอ่ยผมก็ได้กลืนลงไปในท้องว่างๆ แทนข้าวเย็น

     “ฉันต้องปรับแก้เคมีในสมองรินนิดหน่อยจึงทำให้หลับเอาไว้”

     เธอพูดขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นเดินตรงไปที่โต๊ะอาหารโดยที่นกติดตามกำลังบินไปคาบยางรัดผมด้านหลังเธอและบินลงต่ำนำออกทำให้เส้นผมยาวตรงของเธอกลับมาอีกครั้งและหยิบถ้วยชามหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่บนโต๊ะขึ้นมาก่อนจะถือถ้วยตะแคงราวกับว่าไม่เคยมีอะไรถูกใส่เอาไว้

     “ถ้าหากสิ่งที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงคือหากสัมผัสตัวเธอโดยตรงคนๆ นั้นจะตายใช่ไหม? แม้แต่บนโลกนี้ก็ยังไม่มีจินตนาการแบบนั้นหรอกนะ”

     ผมเว้นช่วงหายใจระยะหนึ่ง

     “…เธอเป็นใครกันแน่”

     แน่นอนว่าไม่ใช่การถามว่าเป็นตัวอะไรมาจากไหนแค่ถามไปตรงๆ ราวกับกำลังถามชื่อของอีกฝ่าย ฮัทสึฮารุเหลือบมามองผมบนโซฟาด้วยหางตาก่อนจะแบมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับนกที่คาบยางรัดผมมาร่อนลงและกลายสภาพเป็นปากกาโปร่งใส่

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา