กาลครั้งหนึ่งของผม
-
เขียนโดย HANTEI
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.32 น.
4 chapter
0 วิจารณ์
5,861 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561 10.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) กาลครั้งหนึ่งโดนเพื่อนแบน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1
ภายในห้องมืดทึบซึ่งถูกปกปิดด้วยผ้าม่านสีหม่นทำให้คนในห้องไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้างนอกบานหน้าต่างนั่นเป็นกลางวันหรือกลางคืน ผมนายจิรนนท์ วงค์ศิลป์ หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า เทรซ ที่มาจากคำว่า treasure ซึ่งหมายถึง สมบัติหรือสิ่งที่มีค่า เป็นชื่อที่พ่อกับแม่อันเป็นที่รักตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรแห่งรักของทั้งสอง ผมเสียแม่ไปตั้งแต่ขึ้น ป.1 ด้วยโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา ชีวิตหลังจากที่ไม่มีแม่ผู้เป็นที่รักนั่นค่อนข้าง...เศร้าฉิบหายวายวอด ผมไม่ยอมไปโรงเรียนเกือบเดือนจนคุณปู่กับคุณย่าเป็นห่วงไม่เป็นอันกินอันนอนถึงขั้นต้องไปร้องขอให้เพื่อนบ้านสุดซี้ ดาวกับมินมาออดอ้อนคะยั้นคะยอให้ไปโรงเรียนด้วยกันจนผมขี้คร้านจะฟังเสียงบ่นของมินเพื่อนบ้านขาโหดเจ้าแม่วงการฝ่าเท้าอรหัน ...ถีบทีหน้าหันน่ะสิ!! ส่วนพ่อผมไม่ต้องพูดถึงอาการหนักกว่าผมล้านเท่า แรกๆ พออยู่ได้หลังๆ พ่อเริ่มอาการหนักกวาดหารูปของแม่มากองรวมกัน และ
เผาแม่ง!!
จากนั้นพ่อผมก็เดินทางออกนอกประเทศด้วยอาชีพการงานของพ่อต้องเทียวไปเทียวมาถ่ายรูปรอบโลกนั่นแหละซึ่งแรกๆ พ่อจะกลับบ้านเดือนละครั้งต่อปี หลังๆ ก็สามเดือนครั้ง หกเดือนครั้ง จนตอนนี้กลายเป็นปีละครั้ง ทำให้ชีวิตผมแม่งจะอัปปรีย์ก็อัปปรีย์ไม่สุดเพราะผมยังเหลือคุณปู่สุดจ้าบผู้ชอบแฟนซีเป็นคาเนกิ เคนสุดหล่อไอด้อลผมเอง (อันที่จริงผมหงอก)กับคุณย่าคนสวยประหนึ่งอั้ม พัชราภาก็ไม่ปาน (มึงก็เวอร์ไป) ผมใช่ชีวิตอย่างคนปกติได้ก็เพราะมีพวกท่านทั้งสองคอยดูแลคอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา ชีวิตของไอ้เทรซจึงไม่เคยขาดแคลนความรักความอบอุ่นในส่วนของพ่อกับแม่เพราะมีพวกท่านคอยเติมเต็ม
ตอน ม.3 ชีวิตวัยนั้นของผมแทบหาสาระสำคัญอะไรไม่ได้เลยเกมะเหรกเข้าห้องปกครองเป็นว่าเล่นทำให้คุณย่าต้องเทียวเข้าๆ ออกๆ ห้องปกครองอยู่พักใหญ่จนกระทั่งคุณปู่มาตายจากนั่นแหละชีวิตผมถึงได้มารู้ว่า...คนที่เรารักมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน...คุณย่าคนสวยของผมต้องกลายเป็นคุณย่าสุดแกร่งใช้ชีวิตที่เหลืออบรมสั่งสอนผมเรื่อยมาจนผมมารู้ทีหลังว่าคุณย่าป่วยเป็นมะเร็งนั่นแหละขึ้น ม.4 ผมจึงห่างหายการวิวาทเลือกคบค่าสมาคมกับเด็กเรียนตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือห่ามรุ่งห่ามค่ำอดหลับอดนอนจนคุณย่าอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ผีอะไรเข้าสิงผมจากไอ้เด็กเมื่อวานซืนผู้ไม่เคยปัดฝุ่นบนหน้าหนังสือถึงหันมาเกาะติดหน้าแนบประหนึ่งมันเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ก็ไม่ปาน
ผมไม่ได้บอกคุณย่าว่าผมอยากเป็นหมอไม่ใช่กะจะเซอร์ไพรส์อะไรหรอก กลัวแม่งแช่งว่าไม่ติดน่ะสิ! จนได้แต่ตะบี้ตะบั่นอ่านๆๆๆๆๆ จนเมื่อขึ้น ม.6 ผมลองไปสอบเล่นๆ ที่ม.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง และ
และ
และ (และมึงจะเยอะไปไหน)
และปรากฏว่า ผมติด เยียดเปียด!!!
ไอ้เด็กเมื่อวานซืนของคุณย่าสอบติดหมอเว่ยเฮ่ย!! อยากกระโดดเอาหน้าแนบพื้นขอบคุณดินฟ้าอากาศเจ้ากรรมนายเวรผู้ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกูสอบติดได้หรือไม่ แต่กูดีใจอะ จะทำไม!!!
ผมปรี่ไปโรงพยาบาลที่คุณย่าพักรักษาตัวยิ้มแป่นแล้นเมื่อเห็นคุณย่าผู้เป็นที่รักนอนหลับสนิทบนเตียงเจ้าประจำ
คุณย่าเทรซสอบติดหมอแหละ.....ไม่ๆ ไม่ค่อยเท่ห์อะ
คุณย่าครับ คุณย่าจะมีหมอเจ้าของไข้แล้วนะครับ.....ห่าน เกิดเรียนไม่ผ่านได้งามหน้า
คุณย่าอยากมีหลานเรียนหมอไหมครับ......ถ้าเกิดบอกไม่อยาก กูต้องทำหน้ายังไง?
ฮ่วย!!
ไว้ตื่นก่อนค่อยบอกก็แล้วกัน จะซ้อมพูดอะไรของมึงนักหนาวะไอ้เทรซไม่ได้จะไปขอสาวที่ไหนเป็นแฟนสักหน่อยนั่นคุณย่าสุดสวยของมึงเองนะโว้ย
หลังจากที่รอคอยได้ไม่นานคุณย่าผมก็ตื่นขึ้นมาในสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมต้องเรียกหมอมาดูอาการ หมอบอกว่าคุณย่าอาการไม่ดีขึ้นเลย ผมทำได้แค่กุมมือคุณย่าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยแนบฝ่ามือซูบผอมไว้ข้างแก้ม
คืนนั้นผมทำได้แค่นั่งข้างๆ คุณย่าปล่อยหยดน้ำตาที่อัดอั้นมาตลอดราวกับห่าฝนความรู้สึกหนาวเหน็บเกาะกินจิตใจแต่สิ่งที่ทรมานหัวใจผมนั้น
คือร่างกายของคุณย่าที่เคยอวยอูมแข็งแรงค่อยๆ ซูบผอม...
คุณย่าต้องสู้นะครับ
ถึงคุณย่าผมจะร่วงจนไม่เหลือสักเส้นคุณย่าก็ยังสวยเสมอสำหรับผม
ถึงคุณย่าจะผอมลงเรื่อยๆ คุณย่าก็ยังคงยิ้มให้ผม ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่อ่อนแรงเหลือ...
ผมเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทั้งหมอทั้งพยาบาลหรือแม้กระทั้งยามและป้าแม่บ้านรู้จักผมหมดทุกคนมักยิ้มทักทายผมเสมอ แต่ผมก็ยังเกลียด...
เกลียดกลิ่นของโรงพยาบาล.....ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากมาเหยียบที่นี่อีกเลย
หลังจากผมไปสอบสัมภาษณ์วันนั้นผมกลับมาบอกกับคุณย่าว่าผมจะเรียนหมอจากที่คิดจะบอกก่อนหน้านั้นผมจึงเก็บมาบอกทีเดียวเลย ความจริงผมอยากเข้าจุฬาฯมากกว่า...หึ ฝันสูงเกินไปสินะ ใช่!! เพราะ...ผม สอบ ไม่ ติด แป่ววว
คุณย่ายกแขนซูบผอมนั้นสวมกอดผมลูบหัวทุยๆ ของผมช้าๆ กล่าวชมผมไม่หยุด
ผมทำได้ดีมาก
ย่าภูมิใจในตัวผม
ผมระเบิดน้ำตาหนักมากวันนั้น...ทั้งดีใจ และฮึกเหิมอยู่ในที ผมเลยให้สัญญากับคุณย่าว่าต่อจากนี้คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ ผมจะเป็นเจ้าของไข้ของคุณย่าให้เองต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณย่าเอง!!
วันปรับพื้นฐานวันแรกผมไปมหาลัยด้วยความดีใจ ตื่นเต้น รอคอยตลอดการเดินทาง ความรู้สึกของวันนั้นผมยังจำมันได้ดีมีทั้งสุขที่ได้ไปเรียนในสิ่งที่รอคอย โกรธที่เพื่อนคนแรกที่พบกวนตีนใส่ ทุกข์ที่วันนั้นหลังเลิกเรียนระหว่างที่นั่งห้อยรถเมล์อยู่นั้นผมได้รับข่าวร้ายผ่านมือถือว่าคุณย่าของผมเสียชีวิตแล้ว......
.
.
.
เท้าความยาวเหยียดข้างบนเป็นเรื่องราวชีวิตที่ค่อนข้างบัดซบของผมถ้าให้บอกว่ามันบัดซบแค่ไหนก็ลองมาดูชีวิตผมตอนนี้สิครับ ผมไม่ได้ไปมหาลัยเกือบหกอาทิตย์แล้ว ทั้งปรับพื้นฐาน รับน้อง หรืออะไรห่าเหวมากมายที่ขยันจัดช่วงเปิดเทอมนั่นอะ กูด้อนแคร์! ถึงแม้ดาวเพื่อนซี้ข้างบ้านจะมาอ้อนวอนหรือมินขาโหดที่ดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะโหดกับผมมาขอร้องให้ไปเหยียบมหาลัยผมก็ไม่ไป เอาดิ่ มาเซ่!! จะใครหน้าไหนผมก็จะไม่เหยียบย่างออกจากห้องของคุณย่าและบ้านของผมเป็นอันขาด
จนกระทั่งผมได้รับสายมรณะที่ต่อสายตรงมาจากแอฟริกา เป็นคุณพ่อกากๆ ของผมที่ขนาดวันเผาคุณย่าก็ยังไม่ยอมกลับมา สั่ง ย้ำ!! พ่อสั่งให้ผมย้ายสังขารตัวเองไปอยู่หอใน!!
ไอ้เส็งเคร็ง หอในคงจะยังเหลือให้กูอยู่หรอกมั้งตอนนี้ แต่!!
แต่
แต่ (จะเล่นอีกนานมั้ย)
แต่มันยังเหลือครับโผ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ด้วยประกาศิตอันเด็ดขาดของท่านพ่อ ผมจึงขัดคำสั่งไม่ได้เสมือนฮิตเลอร์มาเองก็ไม่ปาน!! จึงได้แต่บ่นงุบงิบจำยอมพ่อสุดห่วยแต่โดยดี
หลังจากตกลงปลงใจรับปากไอ้พ่อบ้าว่าจะอยู่หอในคุณลุงยิมพ่อของมินก็มาช่วยยกของที่ดาวกับมินมาช่วยจัดเตรียมซึ่งมันก็ไม่มีห่าไรมากหรอกครับเพราะบ้านผมอยู่ใกล้มอแค่สองซอย...
งงดิว่าจะอยู่หอทำไม เพราะกูเองก็ไม่เข้าใจไอ้พ่อบ้านั่นเหมือนกัน!
ลุงยิมจัดการส่งของจำเป็นทุกอย่างไปที่บ้านหลังใหม่ของผมเรียบร้อยจนตอนนี้ผม....
ยังนอนแบะเสื้อแหกไปถึงนมโชว์ท้องแบนราบกับสะดือน่ารังเกียจไม่อายฟ้าอายดินสักนิด!! ก็แน่สิ บ้านผม ผมจะต้องอายใครล่ะครับ คิดแล้วก็ล้วงมือเกาไข่หน่อยดีกว่า เอิ้กกกกกกก
“เทรซ!!”
“เฮ้ย!!” ไอ้ฉิบหาย ไอ้ผีช่องแอร์ ไอ้เห็บตะเข็บชายแดน ไอ้ ไอ้...!!! “ไอ้มิน!!! ดาว!!!”
แม่งเอ้ย นอนตะลึงพรึงเพริดมือคาอยู่ในกางเกงเหมือนเวลามันหยุดหมุนไปพักใหญ่ก่อนจะสำเหนียกตัวเองว่ากูควรชักมือออกสักที! เหี้ย! ชักมือกลับอย่างว่องเลยไอ้สัด!
“ยี๊ ซกมกอ่ะเทรซ” ยัง ยัง ยังทำให้กูอายไม่พอใช่มั้ย! ทำเป็นไม่เห็นก็ได้มั้ง! นั่น ไม่พูดเปล่าดาวมันยังทำท่าเอียงอายเขินม้วนต้วนซะผมคิดเลย...
คิดว่าควรจะวางเบ้าหน้าตัวเองไว้ตรงไหนดี งึด
ไม่ใช่อย่างที่ดาวเห็นนร๊า!!
“เทรซ ลุก” มินขาโหดเจ้าประจำในชุดนักศึกษาเฟรชชี่เดินมาสะกิดตีนเขี่ยๆ แถวน่องประหนึ่งกูเป็นขยะสกปรกที่ยังไม่ผ่านการรียูสยังไงยังงั้น -_- เดี้ยะโบกคว่ำ
“เออๆ” ผมตอบรับเสียงเหนื่อยหน่ายจำยอมทุกสภาพการณ์เดินอืดอาดเข้าห้องน้ำอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากอาบเสร็จออกมาก็ไม่เห็นใครแล้วนอกจากเสื้อนักศึกษาที่รีดเรียบร้อยกับเตียงที่ถูกจัดอย่างดี ผมแต่งตัวอ้อยอิ่งปัดผมไปมาเพราะเลือกทรงไม่ค่อยถูก เอาจริงๆ ผมมีทรงผมของตัวเองแหละครับทรงเกาหลีคิขุอาโนเนะที่ดาวเจ้าเก่าบอกให้ตัดมันเพราะเข้ากับเบ้าหน้าผม เออ เข้าจริงๆ...
เข้ากับเบ้าหน้าจนหาความหล่อแทบไม่เจอน่ะสิ ไอ้ฉิบหาย!!!
ผมจัดเนคไทให้เข้าที่หยิบกระเป๋าเงินยัดลงกางเกงคว้าเป้ไนกี้สีแดงที่มีสมุดเล่มเดียวกับกล่องดินสออยู่ข้างใน ออกจากห้องตรงไปห้องพระหยิบโกษอัฐิของทุกคนมาใส่กระเป๋า
ไปอยู่ด้วยกันกับผมนะ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า...
อยู่บ้านนี้ทุกคนคงเหงาแย่เลย หรืออาจเป็นผมเองที่เหงากันนะ?
ผมเดินเหม่อลอยถึงประตูหน้าบ้าน หันหลังกลับไปมองเบื้องหลัง
มองเข้าไปในบ้านที่ว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิต อยู่ดีๆ ก็นึกภาพคุณย่าที่ชอบเดินมาส่งผมก่อนจะไปโรงเรียน รอยยิ้มอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาถึงผม ฝ่ามืออวบอูมแข็งแรงตามวัยที่คอยลูบหัวผมอย่างเบามือทุกครั้ง หอมแก้มผมแล้วพูดบอกประโยคเดิมๆ ที่ตอนนั้นผมโคตรจะเบื่อฟังเลย
‘เป็นเด็กดีนะลูก ดูแลตัวเองด้วยนะ’
ผมคิดถึงคำๆ นี้จนจะบ้าตาย แต่คงไม่ได้ยินมันอีกแล้ว....
ณ ซักที่ในมหาลัย
“เทรซ แยกกันตรงนี้นะ”
“อาฮะ”
“ไปคนเดียวได้ใช่ไหม”
“อืม”
“ไม่หลงใช่ไหม”
“อือ”
“แน่นะ”
“เออ!!!” เห็นกูเป็นเด็กหรือไงฮะมิน โด่ แค่เดินไปคณะแพทย์มันจะไปยากอาไร๊ ป้ายบอกทางก็ออกจะใหญ่โต นี่มันคณะแพทย์เลยนะโว้ย คณะแพทย์!!!
ผมโบกมือลาสองสหายสาวเพื่อนซี้ยิกๆ ส่งยิ้มกว้างแบบแบงค์ ธิติไปให้ พอพวกมันไปพ้นหน้าเท่านั้นแหละ
เหยดแหม่ ....เคว้งเลย
สัดเอ้ย ไม่น่าทำเป็นเท่ห์ต่อหน้าพวกมันเลย แล้วทีนี้กูจะทำไงล่ะครับ ปาดน้ำตา..
ยืนแช่จนพวกห่าเหวที่เดินสวนกันเริ่มมองว่า ไอ้นี่มันหลงหรือเปล่าจนต้องขยับตีนเดินอย่างช่วยไม่ได้ เฮ้อ...มหาลัยก็กว้างฉิบหายวายวอด เดินอยู่ดีๆ แล้วมืดค่ำผมจะไม่แปลกใจเลย
“ผมขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อนของพวกคุณมีทั้งหมดกี่คนครับ!” เสียงดังแหวกอากาศสั่นราวแผ่นดินไหวอินโดนีเซียทะลุเข้าหูซ้ายแต่ไม่ยอมออกหูขวา ผมมองภาพเบื้องหน้าของรุ่นพี่แพทย์ปีสูงที่ยืนว้ากน้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเคล้าเสียงหัวเราะสนุกสนาน......ถุยยยยยยยยยยยย
โคตรพ่อโคตรแม่เงียบสัดรัสเซียเลยเหอะ มีแต่พี่มันที่ยืนตะโกนปาวๆ ไม่ดูหนังหน้ารุ่นน้องพวกพี่บ้างเลยว่าแฮปปี้กับเขาบ้างไหม แล้วกูล่ะ กูเข้าไปจะเหลืออะไร...
ผมยืนปลงตกแถวหน้าประตูห้องประชุมขนาดเล็กหลังจากที่เดินคลำทางไปมาอยู่สักพักก็มานึกขึ้นได้ว่ากูควรถามทางใครสักคน! (โคตรฉลาด!) ผมจึงเดินไปสะกิดพี่ชายสุดหล่อ (จะไม่ให้หล่อได้ไงแม่งใจดีเดินพากูมาถึงที่!) ไม่ได้ขอว้อยย อยากจะตะโกนใส่หน้าแม่งแต่บังเอิญมีความผิดเลยได้แต่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินตามมันต้อยๆ มาถึงหน้าประตู
แต่ไม่กล้าเข้า
ใครจะไปรู้ว่าเวลาที่ผมหยุดไปนานขนาดนั้น แม่ง ยังรับน้องกันไม่จบไม่สิ้น!! ไอ้ห่าราก อิพ่อ อิแม่ ช่วยลูกเทรซด้วย
“ผมบอกพวกคุณแล้วว่าให้จำเพื่อนของพวกคุณด้วย ป้ายชื่อไม่ได้มีไว้แขวนคอเฉยๆ นะครับ ทุกคนมีป้ายชื่อแขวนไว้ แค่ชื่อเพื่อนทำไมถึงยังจำกันไม่ได้ครับ”
กูนี่ไงไม่มี!!!
ว่าแล้วเหงื่อก็แตกพลักๆ พรั่งพรูหยังกับร่างกายมีสโตร์เกลือแร่ส่วนตัว จนเสื้อเปียกไปถึงจั้กกุแร้แล้วบัดนี้...
พี่ข้างตัวผมก็ได้ทำการณ์ใหญ่เข้าจนได้
“ไอ้กล้า” เฮ้ย พี่เปิดประตูทักเขาทำม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“กูมีเด็กมาส่งว่ะ”
พรึบ.........เรียนรด.พวกมึงสามัคคีกันขนาดนี้มั้ย T_T
ว่าแล้วก็เกิดเสียงฮือฮาอย่างแปลกประหลาดประหนึ่งเก็บกดมานาน ผมเดินคอตกก้มหน้างุดตามไอ้พี่เหี้ย(ตอนนี้เหี้ยละ) มาถึงด้านหน้าประชาชีปีหนึ่ง นี่กูจะพูดให้เข้าใจยากทำไม? งั้นเอาอีกรอบนะ กู เดิน มา ถึง ที่ ที่ ไอ้ พี่ กล้า หน้าหล่อแต่ใจโหดยืนอยู่!!
“ใคร กูไม่เคยเห็นหน้า” มึงคงจะเคยเห็นหรอก ห่านเป็ด กูเพิ่งมาวันแรกโว้ยยย
“น้องมึงไง” ไอ้พี่เหี้ยกระซิบกระซาบกันอยู่กับไอ้พี่กล้าหน้าหล่อแต่ใจโหดเหี้ยมมันตวัดสายตาเหี้ยมเกรียมมาทางผมเหยียดยิ้มมุมปากอันน่าสยดสยองกลับมาหลังจากที่ผมเผลอไปสบตากับมันเข้าอย่างจัง
กูจะจำมึงไว้ไอ้พี่เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“ป้ายชื่อไปไหน?” กูคงมีหรอกห่า ไม่ต้องถามเสียงดุแบบนิ่มๆ ขนาดนั้นก็ได้ม้าง
“ไม่มีครับ...” อ้อมแอ้มตอบพี่มันไปแต่ยังคงก้มหน้าคางชิดไม่กล้ามองรอบๆ ห้อง กลัวใจ...
“ทำไมไม่มี?” พี่มันจี้ถาม เริ่มเอามือกอดอกวางท่าเป็นผู้นำก่อมอบ “แล้วหน้าน่ะ เงยขึ้นมาจะกลัวอะไรหนักหนา”
กลัวมึงไงไอ้สาสสสสสสสส
ได้แต่บ่นขมุบขมิบงุบงิบอยู่ในใจจนสุดท้ายต้องยอมเงยหน้าตามที่พี่มันสั่งอย่างช่วยไม่ได้ เออ ใครมันจะช่วยกูเล่นโซโล่เองขนาดนี้แม้แต่เดอะแฟลชก็มาช่วยกูไม่ทัน หึ(สมเพชตัวเองอยู่) เลยได้แต่หลับหูหลับตาทำไปให้เสร็จๆ จะได้รีบกลับ
“......!!”
แซ่ดดดดดด
ตกใจอะไรกันครับ ไม่ใช่ผีครับ ห่า
เฮ้ย...พอได้แล้วมั้ง
จะมองกันอะไรขนาดนั้น...ว่าแล้วก็ลองแตะๆ เป้าตัวเองดู อ้าว ก็รูดซิปนี่หว่า แล้วแม่งตกใจอะไรกันวะ -_-
หรือของกูจะใหญ่? (มึงละเมออะไร)
“...ชื่อ”
“ครับ?” พี่มันเอ่ยเสียงแหบแห้ง ก็แหงละ แหกปากตะโกนซะขนาดนั้นลิ้นไก่ไม่หลุดมาดีดหน้าพวกห่านั่งหน้าสลอนก็ดีแค่ไหนแล้ว
“ชื่ออะไรครับ” เหี้ยย สุภาพมาเชียวไอ้พี่กล้าหน้าโฉดเมื่อกี้หายวับเลยครับ ผมมองหน้าพี่มันงงๆ แต่ก็ยอมตอบมันไปโดยดี
“เทรซครับ” พูดเสร็จพี่มันก็เดินหันหลังไปสั่งอะไรสักอย่างกับพี่ผู้หญิงเสร็จแล้วพี่มันก็ถือป้ายชื่อที่เขียนชื่อเล่นผมไว้ก่อนจะเอามาแขวนที่คอผมแล้วพูดบอกเสียงเรียบ
“ไปนั่งไป” แค่เนี้ย!?
โด่ นึกว่าจะโดนทำโทษให้ตีลังกากลับหลังสามตลบอะไรเทือกนี้ซะอีก แต่เปล่าครับ พอพี่มันพูดจบเท่านั้นแหละ พวกเห้ที่นั่งหน้าสลอนอยู่ก็โห่ร้องเสมือนลิเวอพูลได้แชมป์ก็ไม่ปาน
ไม่พอใจอะไรในคำตอบของพี่กล้าฟ่ะ?
แต่กูด้อนแคร์ครับ
ได้ป้ายชื่อมาแล้วผมเลยเดินต้วมเตี้ยมไปนั่งตรงที่พี่ผู้หญิงชี้ให้ ชี้ให้ไม่พอยิ้มสวยให้อีกต่างหาก
งุ้ยยยยยยยยยยยย เขินคนใจดี >//<
ผมยืนบิดตัวยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งหลังตรงอยู่เกือบสองชั่วโมงก็ได้ฤกษ์ปล่อยไปแดกข้าวตามอัธยาศัย จากนั้นช่วงบ่ายมีเรียนอิ้งจนถึงบ่ายสามพี่กล้านัดอีกทีประมาณหกโมงเย็นบอกก่อนมาให้แดกข้าวให้เรียบร้อยเพราะจะปล่อยอีกทีตอนสามสี่ทุ่มโน่น
ผมยืนบื้ออยู่ในห้องประชุมเดิมตาลีตาเหลือกมองหาเพื่อนใหม่ว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกัน แต่ แป่วครับ ทุกคนมีกลุ่มของตัวเองเรียบร้อยรถโรงเรียนได้แต่ยืนเคว้งเป็นพระเอกเอ็มวี หว่าเว้ ของธามไท ก็ไม่ปาน ไอ้ห่ารากจะโกรธอะไรกูหนักหนาน่ะห้ะ
อ้อ ลืมเล่า ผมโดนพวกแม่งเมินครับไม่รู้เป็นห่าไรกันหมดทักก็ไม่ตอบสะกิดทีทำรังเกียจปัดทิ้งนี่ถ้าไม่ติดว่าผมเพิ่งมา กูกระโดดเตะขาคู่หงายหลังติดเพดานเลยแม่ง กระแดะปัดมือกูทิ้งดีนัก หื้มๆ แล้วพอพวกพี่ว้ากเดินมาพูดดีกับผม ทักทายผม พวกแม่งก็เหลือบมองระคนอิจฉา เฮ้ย กูเพิ่งเข้ามาป่าววะ เขาเทคแคร์กูมันผิดหรอ ฮ่วย! วันแรกผมก็โดนห่างเลขกับเพื่อนในคณะละ ซวยแท้
กูไปทำอะไรให้พวกแม่งไม่พอใจวะ งงใจ...
และแล้วเหตุการณ์ระทึกขวัญก็เกิดขึ้นจนได้ครับ หลังจากผมระริกระรี้ไปแดกข้าวกับเพื่อนซี้อย่างไอ้มินกับดาวที่โรงอาหารของคณะบริหาร เพื่อนซี้ผมถามยกใหญ่ว่าเป็นไงบ้าง โอเคไหม ได้เพื่อนหรือยัง ผมนี้ หู้ยย สบายม้ากกกกก โอเคสุดๆ เพื่อนใจดี เฟรนลี่ทุกคนเลยยย
ตอแหลลลลลลลลลลลลลลลมันไปดิ
จะให้บอกว่ากูโดนเพื่อนแบนหรอ เรื่องดิ ขี้คร้านพวกนี้จะตามไปแว้ดๆ ถึงที่ เดี่ยวพวกแม่งจะหาว่าผมป้อดโดนแค่นี้ต้องถึงขนาดไปฟ้องผู้หญิง เฮอะ ไอ้เทรซคนจริงจะไม่ทำ!
และพอเดินแยกออกจากไอ้มินกับดาวผมเลยมุ่งหน้าไปอาคารเรียนตามที่ได้ถามกับมินว่ามันอยู่พิกัดไหนทั้งมันยังให้หนังสือสารพัดวิชาที่ผมต้องเรียน ชีทเอย เลคเชอร์ในช่วงที่ผมขาดเรียนเอย(โคตรซึ้งใจมีเพื่อนดี) จากนั้นผมก็เดินไปวางกระเป๋าไนกี้ลูกรักบนเก้าอี้แล้วเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำเนื่องจากยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีจะถึงเวลาเรียนหลังจากปล่อยเยี่ยวเหนียวๆ ออกจากร่างกายตัวผมเลยล่องลอยเบาหวิวชีวิตแฮปปี้เดินยิ้มในใจมาถึงเก้าอี้ และพบว่า..
กระเป๋าผมถูกรื้อ.. ไม่พอๆ ไม่รื้อธรรมดานะครับ แม่งฉีกหนังสือหนังหากูทิ้งด้วย!!!
เฮ้ย ที่บ้านมีพ่อแม่เป็นหนูหรือไงวะเชื้อสายหนูอย่างมึงถึงได้เรื้อนมาทำลายข้าวของของคนอื่นงี้อะ? คนจริงเขาไม่ทำกันเว่ย
ไอ้เทรซจะไม่ทน!!!!!!!!!!
ไม่ทน
ไม่ทนแน่ๆ
ไม่ทนให้มันรกไงครับ แหม เก็บสิครับรอให้อาจารย์มาโบกหรอ...
ผมก้มๆ เงยๆ เก็บเศษกระดาษที่เกลื่อนอยู่บนโต๊ะ ทั้งของในกล่องดินสอที่ถูกเทระเนระนาด แค่นั้นยังไม่พอ ไอ้เหี้ยนี้ยังเสร่อมาใช้ปากกาคัลเลอร์ของผมมาเขียนด่าบนโต๊ะซะด้วย อีเหี้ย ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงใช้ของของผมแต่มันอยู่ที่ ทำไมมึงไม่ใช้ดีสอเขียนวะอีดวกกกกกกก เขียนอย่างนี้กูไม่ต้องหากระดาษทรายมาขูดมั้ย!
แม่ง
....เจ็บใจว่ะ
ไม่รู้ดิจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ได้ความรู้สึกที่นิยามได้ตอนนี้คือ เจ็บใจ แต่ในความเจ็บใจ ผมกลับจำคำพูดของคุณย่าว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมต้องมีสติและมองหาว่าเพราะอะไรถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะอะไรทำไมเพื่อนถึงไม่ชอบผมถ้ามันจะผิดต้องมองว่าเราเองก็อาจมีส่วนผิดเหมือนกัน
ผมได้ยินไอ้พวกผู้ชายโต๊ะหลังหัวเราะชอบใจขณะมองมาทางผม ทำตัวอย่างกับอยากให้รู้สันดานที่พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนยังไงยังงั้น อย่าให้ถึงทีกูครับ จำไว้ไอ้พวกหมาหมู่ คิดว่าสามคนกูไม่กล้าหรอ อย่าให้เจอหลังไมค์นะครับแม่ง
โอ้ยยยยยยยย ขุ่นเคืองแต่ทำห่าไรไม่ได้!
หลังจากนั้นผมก็นั่งเหม่อลอยใจลอยไปถึงไหนต่อไหนรู้ตัวอีกที หมดคาบ! เพื่อนก็ยังหาไม่ได้ เรียนก็ไม่ตั้งใจ ตายๆๆๆๆ แล้วไอ้เทรซ มึงจะโซโล่ไม่ด้าย มึงมันกาก มึงต้องมีเพื่อนโว้ย
หวีดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ผมเดินหน้าห่อเหี่ยวไปหาเพื่อนซี้เจ้าเก่าพอเห็นหน้าพวกมันลิบๆ ก็เริ่มปฏิบัติการตอแหลใส่ทันที ไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วงไงคนจริงไหมละมึง
“ไงเทรซ” ไอ้มินเจ้าประจำเพิ่มเติมมือหนักขึ้นมากเพราะเล่นทุบไหล่กูจนดินยุบ มันยิ้มหล่อมาให้อย่างมาดแมนแฮนซั่มจนผมที่หล่อโหดดูโฉดไปเลย เอาดิ
วันนี้มินกับดาวอยู่ในชุดนักศึกษาสีขาวหลวมโคร่งกับกระโปรงทรงจีบเลยเข่าที่คอห้อยป้ายชื่อของเฟรชชี่บริหารน่ารักคิขุไม่ต่างจากผมเสียแต่ของผมเป็นคณะแพทยศาสตร์ ผมมองพวกมันสองตัวอย่างนึกดีใจระคนโชคดีที่มีพวกมันอยู่ตรงนี้
อยากขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ดลบันดาลให้มินกับดาวมาอยู่ที่นี่กับผม
ถ้าไม่มีพวกมันผมคงต้องระเห็จไปอยู่ในซอกในหลีบของชีวิตคนอื่น
ขอบคุณนะครับ
ผมมองพวกมันอย่างปลาบปลื้มแล้วส่งยิ้มหล่อๆ แจกให้อย่างทั่วถึง
“บายดีแต่เมื่อย” บอกไอ้มินไปตามที่รู้สึกตอนนี้
“เทรซหิวยัง” ดาวถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจนไอ้เทรซคนนี้แทบอ่อนระทวยรวยแรงคล้ายคุณย่ามาพูดเอง ฮื้อออ
อันที่จริงผมก็หิวอยู่นะแต่ประเด็นคือผมมีเวลาไม่มากไงต้องไปจัดการเรื่องหอพักก่อนเพราะเดี่ยวหกโมงเย็นพี่กล้าเรียกรวมพลที่เดิมเลยได้แต่ลูบท้องอธิบายเหตุผลไปตามจริงแต่ดาวเจ้าเก่าก็ไม่วายคะยั้นคะยอให้ผมไปกินกับพวกมันก่อนจนได้จึงสรุปได้ว่าพวกมันจะเดินไปส่งผมหน้าหอแล้วจะไปรอผมที่ร้านคาเฟ่ในมอ ผมพยักหน้าหงึกหงักเดินทอดน่องตามพวกมันมาจนถึงหอแล้วโบกมือแยกย้ายกันไป
ผมยืนมองตึกสูงกว่าสิบชั้นสีขาวสะอาดตาประหนึ่งเพิ่งปาดสีมาแหมบๆ กลิ่นสียังลอยติดจมูกเลย (เว่อร์อีกละมึง) ด้านล่างหอมีร้านอาหารขายด้วยครับข้างหน้าเป็นม้านั่งในสวมหย่อมเหมาะแก่การมาพลอดรักก็ไม่ปาน งุ้ยยยยยยยย สักวันจะเป็นที่ของกู!
“อ้าว มาแล้วเหรอ” ผมชะงักไปแวบหนึ่งเมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอพี่แว่นหน้าหล่อตัวสูงชะลู้ดยืนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ พี่แว่นหันไปหยิบแฟ้มอะไรสักอย่างก่อนจะหันมาสบตากับผม
“จิรนนท์ใช่ไหม?” ยิ้มอบอุ่นมาให้อีกแล้ววว แพ้คนใจดีนี่บอกเลย! คนอะไรแค่มองหน้าก็สัมผัสได้ถึงความรักที่ท่วมท้นออกมาอยากจะเข้าไปกอดแล้วแหกปากร้องไห้เลย ฮื่ออออ พี่คับชีวิตไอ้เทรซตอนนี้มันบัดซบอะ T_T
“ครับ เอ่อ เรียกผมเทรซก็ได้นะครับ แหะๆ” ว่าแล้วต้องรีบตีซี้ให้เหมือนชาตินี้ผมจะหาใครได้ดีเท่านี้ไม่มีอีก
“งั้นน้องเทรซ พี่ชื่อต้นนะ เรียนทันตะ ปี3 รับหน้าที่แทนหัวหน้าหอพักนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พี่ต้นยิ้มหล่อมาให้ ผมพยักหน้ารับพลางเหลือบมองรอบๆ เพื่อสำรวจที่อยู่ใหม่ของผมว่าจะสามารถรองมือรองตีนผมได้สักแค่ไหนกัน ซึ่งมันก็ โอเคอยู่นะครับ...
โอเคกับเงินในกระเป๋ากูนี้ไงงงงงง!!
ค่าหอม.เอกชน เล่นซูบเงินผมไปเกือบสามหมื่นกว่าบาท ห่านจิก! แทบหืดขึ้นคอตอนที่ไอ้พ่อกากๆ ของผมโทรมาบอกให้ผมออกเงินค่าหอไปก่อน กูอยากจิบ้ากับไอ้พ่อคนนี้จริงๆ! ไม่มีปัญญาจะจ่ายยังจะกระแดะส่งลูกตัวเองมาอยู่หอใน เฮอะ ถ้าไม่คิดว่าเป็นพ่อผมคงนึกว่าฮิตเลอร์กลับชาติมาเกิดในสารร่างพ่อตัวเอง
“น้องเทรซ” พี่ต้นสะกิดผมเบาๆ ดูตกใจที่ผมตาเหลือกสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำท่าทำทางเหมือนคนไม่สมประกอบก่อนที่พี่ต้นจะพะวงไปมากกว่านี้ผมเลยรีบดึงสติกลับมากปั้นหน้ายิ้มร่าเริง ตอแหลขั้นสุด
“ครับพี่ต้น ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฉีกยิ้มพิมพ์ใจส่งให้
“โอเคครับ อ่า น้องเทรซ อยู่ชั้น9 นะ ห้อง909 ของของน้องอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้วนะ อ่ะนี่ กุญแจแล้วก็บัตรเข้าหอเวลาจะเข้าหอให้เสียบไว้จะได้รู้ว่ามีใครอยู่บ้าง แล้วก็ อย่าลืมอ่านกฎของหอที่แปะไว้ตรงประตูห้องด้วยละ สำคัญมาก” พี่ต้นเจ้าเดิมพูดอธิบายยาวเหยียดจนผมครั้นอยากจะยกน้ำให้พี่แกซดดื่มเพราะกลัวจะเสียงแหบไปซะก่อน
ผมรับกุญแจกับบัตรเข้าหอมาถือไว้ แล้วสบมองหน้าพี่ต้นเชิงถามว่า ผมต้องเสียบไว้มั้ย
“อ่อ เสียบตรงนี้นะ เวลาเข้าหอยามจะขอดูบัตรให้เราเอาบัตรมาเสียบตรงนี้มันจะมีเลขห้องเขียนไว้ อ่ะ นี่ช่องของน้อง มาเดี่ยวพี่ทำให้...มันสูง”
พี่แกก็หยิบบัตรผมขึ้นไปเสียบไว้เรียบร้อย อันที่จริงมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกครับแค่ถ้ากระโดดสูงๆ อีกสักหน่อยก็เสียบได้แล้ว T_T อิบ้า สูงขนาดนี้ไม่ไปติดบนเพดานเลยล่ะครับ....เหยดแหม่ คนบนโลกนี้ไม่เคยจะคิดว่าผู้ชายก็เตี้ยเป็นเหรอครับ ฮ่วย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดว่าความสูงตั้ง 169 จะเป็นปัญหาขนาดนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้พี่ต้นทำให้แล้วครั้งหน้ายามไม่มีบริการพิเศษเป็น ‘เก้าอี้สำหรับจิรนนท์’ หรือยังไง ไอ้หอพักโหดเหี้ยม!
ผมเดินตามพี่ต้นเตาะแตะไปถึงลิฟท์ระหว่างรอลิฟท์มาพี่ต้นเลยหันมาชวนคุยด้วย
“น้องเทรซ รับน้องเป็นไงบ้างครับ” น้ำเสียงเรียบๆ ชวนอบอุ่นหัวใจพลอยทำให้จิตใจผมอ่อนหยวบอยากจิระบายไปให้พ้นๆ ว่าวันนี้กูเจออะไรมาบ้าง แต่ แต่ กูไม่ชอบเรียกร้องความสนใจไงทำได้แต่ยิ้มเผลไปให้พี่แก
“ก็ดีครับ แหะๆ” เอามือเกาหัวแกรกๆ
“มีปัญหาอะไรบอกพี่ได้นะ” พี่ต้นลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะเหลือบมามองกระเป๋าเป้ของผม
“....” ลืมไปว่า ไอ้พวกห่ามันใช้ปากกาสีวาดประติมากรรมชั้นเซียนกับกระเป๋าผม ครั้นจะอ้างว่าเป็นงานอดิเรกของตัวเองหรือใช้กระเป๋ามาตั้งแต่ประถมก็ว่าไป แต่ ไอ้สั่นหมา ป้ายราคากูยังไม่แกะออกเลย ไอ้สาสสสส
“น้องเทรซครับ...”
“ผมยังโอเคอยู่อะพี่ อยากลองพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนอะครับ” ผมบอกบอกพี่ต้นเก้อๆ ไม่อยากให้แกเป็นห่วงผมมากนัก ไม่รู้ดิ รู้สึกว่าคนจริงมันต้องทำแบบนี้! ถ้าเกิดทนไม่ไหวขึ้นมาพวกมันไม่รอดหรอกครับ อย่าริทำให้ผมโหดเพราะถ้าผมโหดผมจะโฉดมาก หื้มๆ
“ครับๆ พี่แค่เป็นห่วง...เอ่อ เสียใจเรื่องคุณย่าด้วยนะ”
“....!?” พี่มันรู้ได้ไงวะ เอ้ะ เออ พ่อผมน่าจะบอกไว้แหละ
“ครับ”
“อะ ลิฟท์มาแล้ว ไปกัน” ว่าแล้วพี่ต้นก็ดันหลังผมให้เข้าลิฟท์จนกระทั่งลิฟท์เคลื่อนตัวมาถึงชั้นเก้าแบบไวว่อง พี่ต้นเดินนำหน้าผมมาถึงห้อง909 บ้านหลังใหม่ของผม และจัดการจรดฝ่ามือเคาะห้อง..
เดี่ยวนะ
เดี่ยวก่อน
เดี่ยวก่อนครับ
นี่กูไม่ได้ห้องเดี๋ยวเหรอ!? ว้อท? ค่าเทอมเกือบสามหมื่น?? WTFFFFFF
กูเจอดีกับม.เอกชนเข้าแล้วไงล่ะ อิห่าราก ก่อนมายังระริกระรี้ดีใจปลื้มปริ่มนึกว่าจะได้อยู่คนเดียวนอนเกาไข่ไม่อายใคร ไหงฟ้ามีตาแต่หามีแววนำพาให้ไอ้ใครก็ไม่รู้ที่เสนอหน้าอยู่ในห้องของกู(?) มาร่วมหายใจในบ้านหลังใหม่ของผม ตอบ!!
คร่ำครวญเสียใจอยู่ได้ไม่นานประตูห้องของผมก็ถูกเปิดด้วยไอ้เหี้ยบางคน....
ไอ้เหี้ยคนนั้น....ทำไมแม่งหน้าตาคุ้นๆ
ไม่ใช่แค่คุ้นธรรมดานะครับ แค่เห็นหน้ามันก็สั่นแล้ว
ตีนกูเนี่ยสั่น!
ผมจำมันได้ละ ไอ้สัดนี่ไงที่ผมเจอตอนปรับพื้นฐานวันแรกไอ้คนที่ถูกโชลกโคจรให้มันมานั่งหน้าสลอนข้างผม นั่งข้างไม่พอ แม่งกวนตีนไม่หยุดประหนึ่งที่บ้านไม่มีเพื่อนเล่น คนไม่คบ มีปัญหาทางจิต เสียดายหน้าตากับความสูงของมันฉิบหาย บอกเลย
“ไร ต้น....อ้าว ไอ้เตี้ย!!!” นั่นไง...นั่นไงมันเล่นกูแล้ว
“อ้าวรู้จักกันเหรอ?” พี่ต้นถามด้วยความแปลกใจแต่กูนี่สิ...
แปลกที่ยังยืนอยู่ตรงนี้
“ไม่/ไม่ครับ” แล้วแม่งยังกระแดะมาตอบพร้อมกู ไม่ห่าไรมึงเมื่อกี้ยังทำท่าอ้อร้อชี้ไม้ชี้มือมาทางกูอยู่เลย ดวก จะตอแหลอะไรให้มันเนียนๆ หน่อย
“อ่าๆ ถ้าไม่รู้จักงั้นเดี่ยวจะแนะนำให้รู้จักนะ น้องเทรซนี่จุมพล ปี1 คณะเดียวกับน้อง” พี่ต้นไม่บอก ผมก็รู้ว่าไอ้ห่านี่มันเรียนแพทย์เหมือนผม ทำไมน่ะเหรอครับ
ก็ชื่อมันอยู่ล่างชื่อกูไงคร้าบบบบบบบบบบบบบ จ.จาน ทิ่มตากูอยู่เนี่ย
โอ้ยยย เหี้ยของแท้ เหี้ยแบบโคตรของโคตรเหี้ย!! เรียนมอเดียวกันกูก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ยังคณะเดียวกัน ไม่พอๆ หอเดียวกันอีกครับโผ้มมมมมมมมมมม
ชีวิตที่ไม่มีมันอยู่ในสายตาโคตรจะมีค่าเลยต่อจากนี้....
“แล้วก็ไอ้บิ้ก นี่เทรซ รูมเมทมึง สนิทกันไว้ละ” พี่ต้นพูดบอกหน้าเรียบแถมยังทิ้งท้ายให้มันมาสนิทกับผม? เฮอะ แม่มึงตายแม่ยายมึงสิ้นเถอะ วันไหนที่ผมกับมันสนิทกันวันนั้นผมจะยอมเป็นเมียมันเลยเอาเซ่!
ที่ท้านี่ เพราะผมรู้ไงว่า...ไม่มีวันนั้นแน่นวล
และผมก็ถูกอัญเชิญมาในห้องของเรา(?) ไม่ๆ ห้องของผมกับไอ้สัดนี่หลังจากที่พี่ต้นตีตั๋วกลับไปประจำข้างล่างผมเลยแบกร่างอันหล่อเหลาเข้าห้องตามมันไปเงียบๆ
โอ้....ผมรู้ละว่าทำไมค่าหอมันถึงได้แพงมากมายมหาศาลนัก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหอในมันจะสะดวกสบายขนาดนี้ในห้องแบ่งเป็นสองห้องใหญ่หนึ่งห้องเล็ก นั่นคือห้องนอนของผมกับไอ้สัดนี่อยู่ห้องเดียวกันแต่กั้นไว้ด้วยชั้นวางหนังสือกับตู้เสื้อผ้ามีห้องน้ำส่วนตัวอยู่ในห้องนอนส่วนอีกห้องเป็นห้องนั่งเล่นมีโซฟากับทีวีเยื่องอีกหน่อยก็มีห้องครัวเล็กๆ ไว้ประกอบอาหารมีไมโครเวฟ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าตรงระเบียง..
เชี่ย!! ไม่บอกว่าหอกูคิดว่าเป็นคอนโดเลยเนี่ย เหยดดด
ชีวิตของไอ้เทรซจะไม่ออกไปไหนแล้วละครับคุณย่า....
ผมเดินไปว่างกระเป๋าบนเตียงโดยมีไอ้สัดนี่ตามมาติดๆ และมันได้ทำการณ์ใหญ่ด้วยการหยิบกระเป๋าผมโยนแหมะลงพื้นแล้วพูดบอกด้วยเสียงเรียบระคนกวนตีนว่า
“เตียงกู” ไอ้สัด บอกก่อนจะเควี้ยงกูไม่เอาตีนจิ้มตามึงหรอกไอ้เหี้ยยยยยยยย
“จะไปรู้มึงหรอ” แม่งรมณ์เสียแต่เหนื่อยเกินกว่าจะไปหาเรื่องทะเลาะกับมันเลยได้แต่เดินไปหยิบกระเป๋าบนพื้นเดินไปอีกฟากของชั้นวางและพบว่า...
ฝั่งกูอยู่ติดกับห้องน้ำ
พ่อมึงตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
นี่สินะอภิสิทธิ์ของคนที่มาก่อนน่ะ นี่สินะ!!!
เดินมาถึงเตียงปุ้บจัดการกระแทกประเป๋าเป้ตัวเองระบายความหงุดหงิด ไม่ไกลจากเตียงมีกล่องลังที่ถูกขนมาจากบ้านผมกระแทกก้นนั่งแกะๆ จัดๆ เรียงๆ อยู่สักพักไอ้สัดนั่นก็เดินเข้ามายืนพิงตู้กอดอกมองมานิ่งๆ แต่กูไม่นิ่งไง มึงมายืนตรงนี้ต้องการความอบอุ่นหรอ จะยืนค้ำหัวกูอีกนานมั้ย!!
“มีไร” ในเมื่อแม่งไม่พูดแต่เสือกไม่ไสหัวไปผมเลยจำใจเจียดเวลาอันมีค่าของผมถามมันด้วยเพราะถ้าไม่มีห่าไรก็รีบๆ ไปให้พ้นๆ เราดาห์กูกูจะจัดของ
“ไม่มีอะไรกูมาไม่ได้รึไง” เออสิ!!! ไม่ใช่แค่มาไม่ได้แต่ไม่ต้องเสนอหน้ามาเลยยิ่งดี ไอ้ห่าราก ไอ้เสาไฟฟ้า ไอ้เปรตตตตต มึงรู้มั้ยว่ากูอารมณ์ไม่ดีอยู่ ระวังจะโดนมิใช่น้อย
“จะไปไหนก็ไปเหอะ” ตวัดมือไล่มันยิกๆ
“กระเป๋าโดนไร” และแม่งเมินกูไปอีกกกกกกก เปลี่ยนเรื่องจนผมตามอารมณ์มันไม่ทัน แถมมันไม่พูดเปล่าเดินมาถือกระเป๋าผมและ
เทครับ...เทกระจายด้วย กระดงกระดาษระเนระนาดหมดเลย แม่ง! ดีที่โกษอัฐิของครอบครัวผมถูกห่อไว้อย่างดี ไม่งั้นมึงเอ้ยยยยยยย หกขึ้นมากูเอาไอ้สัดนี่ถึงตายอะ อ้ากกกกกกกกกกกก
“มึงต้องการอะไรจากกูน่ะห้ะ!!!” ปรี่ไปกระชากคอแม่งเลย คิดว่าสูงแล้วกูทำอะไรมึงไม่ได้รึไงวะ คิดว่าความสูงดับมึง กูจะเตะก้านคอมึงไม่ถึงรึไงงง (แล้วถึงหรอ?)
“กูถามว่าโดนอะไร” ไม่ต้องมาถามเสียงขู่กูเลย กูไม่กลัวมึงหรอก
“เรื่องของกู” ผมตอบมันเสียงห้วนผลักมันไปให้พ้นๆ ก้มลงเก็บเศษกระดาษแล้วไปทิ้งถังขยะตรงระเบียงกลับมาอีกทีมันก็ยังยืนจ้องหน้าผมที่เดิมไม่ไปไหน
“ถามจริง มึงไม่เห็นหรอว่ากูโดนไร” ผมถามอย่างสงสัยไม่ได้ในเมื่อมันน่าจะอยู่ในห้องนั้นด้วยทำไมต้องทำแอ๊บแบ๊วไม่รู้ไม่เห็นด้วยวะ
“กูไปซ้อมประกวดเดือน” อ่อ....ประกวดเดือน เออว่ะ ยังมีงานประกวดอะไรทำนองนี้อยู่อีกนี่หว่า ลืมไป แล้วน้ำหน้าอย่างไอ้สัดนี่จะเป็นเดือนก็ไม่แปลก หล่อออร่าทิ่มเรติน่ากูขนาดนี้ ผมเป็นผู้ชายยังมองว่ามันหล่อวัวตายความล้มเลยนับประสาอะไรกับหญิงแท้หญิงเทียมละครับ แค่เห็นมันเปลือยท่อนบนขี้คร้านแทบจะต่อแถวถวายตัวไม่หวาดไม่ไหว ชิ หงุดหงิด
“งั้นไม่ต้องเข้าประชุมเย็นนี้ดิ” ถามมันด้วยความหวังเต็มเปี่ยมอยู่ในใจ ไม่ใช่หวังว่าอยากให้มันไปนะครับ ไม่ไปแหละดีแล้วผมจะได้ยืมเสื้อคณะที่เขาแจกให้ตอนรับน้องช่วงแรกๆ ไงแต่ผมไม่มาพี่ผู้หญิงปีสูงเลยอนุญาตให้ใส่ชุดพละซึ่งผมไม่ชอบเป็นแกะดำทำตัวโดดเด่นก็เลยถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากจะของยืมเสื้อจากไอ้สัดนี้หน่อย
“งั้นมั้ง” เหยดดด ดีไปอีก
“มึง กูขอยืมใส่เสื้อยืดคณะหน่อยดิพี่เขายังหาให้กูไม่ได้เลย” พูดเสียงหวานทำตาปริบๆ
“เอาไปดิ ไม่ต้องทำหน้าปวดขี้ขนาดนั้นก็ได้นะ” สลัด!! เค้าเรียกว่าแบ๊วว้อยยยยย วัยรุ่นแถวสยามทำกันฮิตติดทวิตเตอร์เลยนะจะบอกให้!
แม่ง ทำไมมันง่ายกับกูจังวะ งงใจ..
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังคาเฟ่ที่นัดกับพวกเพื่อนซี้ซึ่งตอนนี้น่าจะรอผมอยู่นานแล้วหลังจากแยกย้ายกับไอ้รูมเมท(คนมันทำดีเลยเลื่อนขั้นเรียกให้ดีขึ้น)ผมก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อหลวมโคร่งของมันที่ผมต้องถึงขนาดพับแขนเสื้อเป็นสก้อยแถวบางพลีก็ไม่ปาน ไอ้รูมเมทมันต้องไปซ้อมประกวดเดือนจึงออกไปก่อนผมแต่ไม่ล๊อกห้อง สัด เกิดใครหน้ามืดเข้ามาปล้ำกูจะทำไง!
“รอนานไหม” ถามอะไรวะไอ้โง่เทรซ เค้าก็ต้องรอมึงนานอยู่แล้ว มึงคาดหวังอะไรที่ถามแบบนี้ห้ะ คาดหวังให้ตอบว่า ไม่นานหรอกเราก็เพิ่งมาถึง มึงมันคาดหวังแบบนี้ใช่มั้ย ไอ้สถุล มึงต้องขอโทษเพื่อนมึงเดี่ยวนี้เลย ห่าน!
“ไม่นานๆ” นั่น เห็นมั้ย ผู้หญิงเขาตอบมึงแล้วไง ไม่นานกับผีน่ะสิดาวโกโก้ปั่นพร่องอยู่ก้นแก้วขนาดนั้นอะ โอยยยยยย ความเกรงใจนี้....
“ช้า” เออนี่สิคนจริงมินเจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือมันมองแรงมาก
“ขอโทษษษษษษษษ จัดของนานไปนี้ด” ไม่รู้จะเสียงสูงไปไหนแต่นาทีนี้ ไหว้แม่งก่อนเลยความผิดจะได้ลดลง หึหึ
“เออ นั่งๆ อ่ะแดก กูสั่งให้ละข้าวไข่เจียวกุ้งสับเหมือนเดิม” ผมนั่งลงยิ้มเผลให้พวกมัน
“เทรซใส่เสื้อใครอะ” ตูดยังไม่ทันแตะเก้าอี้ดาวเจ้าเก่าผู้มีเลเซอร์ตรวจจับความผิดปกติเกี่ยวกับผมเป็นชีวิตจิตใจมองเสื้อยืดของผม(?) อย่างไม่วางตา แปลกใจอะดิ แปลกใจที่คอมันกว้างขนาดนี้ใช่มั้ย!! แม่งเซ็กซี่ไปสิกู เสื้อไหล่ตกเนี่ย ฮ่วย
“ของรูมเมท” ไม่พูดเปล่ารีบจ้วงข้าวเข้าปากจะได้ไม่เสียเวลา ฮร้า ข้าวไข่เจียวสุดโปรดของพี่ชาตินี้ไม่รู้จะมีบุญได้กินกี่มื้อ งั่มๆๆๆๆ
“เจอกันแล้วเหรอ เป็นคนยังไงวะ” มินถามผมเสียงเข้มประหนึ่งเป็นแม่ผู้คอยสังเกตว่าลูกคบหากับใครไว้ใจได้มั้ยไม่พอใจก็เลิกคบ เหยดดดด
“เป็นคนกวนตีน หยาบคาย หน้าเหียก ตัวแค่เนี้ย” ทำมือประกอบว่ามันสูงแค่ห่างคิ้วผม แต่พวกมันเสือกฉลาดไง(หรือกูโง่วะ) มันดูขนาดเสื้อผมแล้ว แล้ว
แล้ว
“เทรซตอแหลลล” แล้วก็แดกตอแหลจากดาวไปเต็มรักเลยไงครับบบ
“ไว้ใจได้ไหมวะ” นี่ก็เป็นห่วงกูจริ๊ง
“ไม่รู้ ต้องดูกันไป” ผมตอบมินไปแล้วรวบช้อนเมื่อกินเสร็จดื่มน้ำจนเกลี้ยงแล้วหงายหลังพิงเก้าอี้ตีพุงเล่น
อิ่มแปล้เลยครับ
“เทรซไม่รีบหรอจะหกโมงแล้วนะ”
“เฮ้ย!!! ลืม!!!!” รีบคว้าแขนไอ้มินมาดูเวลาอย่างว่อง
ไอ้ห่าราก อีกเจ็ดนาทีจะหกโมง!! แล้วคาเฟ่ห่านี่เสือกอยู่ห่างจากคณะแพทย์ประหนึ่งดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ อีเหี้ยยย
ไม่จุกก็ให้มันรู้ไป..
แฮ่ก
แฮ่กๆ
แฮ่กเหนื่อย...เฮอะ สุวรรณภูมิรึจะสู้มานะคน นี่ใครครับ นี่เทรซเจ้าเก่าเจ้าเดิมไงครับเรื่องวิ่งนี่ของถนัดนักล่ะ ทำไมน่ะหรือครับ เวลาไปวิวาทแล้วกูต้องรีบวิ่งหนีพวกอาจารย์ฝ่ายปกครองไง แม่งหูตาแต่ละคนไวอย่างกับเรียกเหยี่ยวรวมกันเป็นฝูงยังไม่พอเรดาห์ของอาจารย์มันเล่ยยยย แค่นึกถึงยังเสี่ยวตูดไม่หาย
หูยยยยย ขนตูดลุกเลยเวลานี้
ผมเดินเลียบไปนั่งประจำที่ตัวเองเงียบๆ มองพวกพี่คุมวินัย(พี่เขาให้เรียกงี้)ที่ค่อยๆ ทยอยเข้ามายืนเรียงหน้าสลอนเบื้องหน้าแถมรอบนี้ยังมากันเยอะเป็นพิเศษด้วย หูยย นั่น ยังไม่หมดอีกไม่รู้จะยกพวกมากันเยอะแยะทำไม แค่ไอ้พี่กล้าคนเดียวไอ้พวกนี้ก็ขี้หดจนไม่รู้จะหดยังไงละ
มากันขนาดนี้อยากให้น้องมึงท้องอืดเลยรึไงงงงงงงง
แล้ว แล้ว ชี้ไม้ชี้มือมาทางกูทำไมครับไม่ใช่แพนด้านะครับ สัด! ดูแม่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ซุบซิบแล้วเหล่มาทางกูเนี่ย นินทากูอยู่คิดว่ากูดูไม่ออกหรอออออออ ไอ้ส้นตีนเถอะ เมินแม่ง
และกว่าที่พวกพี่คุมวินัยจะปล่อยก็เล่นอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขาสั่น พับๆ
เดี่ยวๆ คิดไรกัน ตะคริวแดกครับโด่!
จริงๆ พี่คุมปล่อยเร็วจากที่บอกเยอะครับเพราะช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมีไรมากหรอกครับ แค่เรียกมาให้เห็นหน้าให้หายคิดถึง ย้ำเรื่องเดิมๆ อะไรเทือกนี้แหละครับเพราะส่วนใหญ่พี่ปีสูงจะเน้นเรื่องประกวดดาวเดือนมากว่าผมเลยสบายไป คึคึ มารับน้องก็ช้า เพลงเชียร์ก็แทบไม่ต้องจำ ทำโทษก็ยังไม่ยักโดน เสียอย่างเดียว...เพื่อนแบน!
คิดอย่างขุ่นเคืองไม่หายก็เกิดปวดท้องขี้ขึ้นมาสงสัยไอ้ที่กินเข้าไปเมื่อเย็นมันจะทำงานดีท้องไส้เลยเรียกร้องหาทอยเล็ตแต่ปัญหาคือกูไม่รู้ว่าอยู่ไหนและปัญหาของปัญหาอีกทีหนึ่งคือกูไม่มีใครคบไง ดวก ชีวิตไอ้เทรซถึงคราวตกต่ำก็คราวนี้
ตัดพ้อตัวเองอยู่พักใหญ่ลำไส้ได้ฤกษ์ประท้วงทันทีไม่ถงไม่ถามความสมัครใจเจ้าของร่างมึงเลยหรือไง กูให้ที่อยู่อาศัยกับมึงทนแค่นี้มันจะตายหรอห้ะ
เออตายดิ
ถ้ามึงยังไม่ไปขี้มึงได้ตายคาขี้นี่แหละสาสสสสส เดินหาห้องน้ำจนท้อตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วผมยังหาไม่เจอเลย พี่ปีสูงแถวนี้ก็เดินกันเกลื่อนบ้างก็นั่งอ่านหนังสือหน้าคร่ำเคร่งบ้างก็เข้าๆ ออกๆ ห้องอะไรสักอย่างอยู่เห็นไอ้รูมเมทอยู่ห้องนั้นแวบๆ ด้วย แต่กูไม่ว่างไปอ้อร้อกับมึงว่ะ จะให้ถามคนแถวนี้ก็ใช่เรื่องครับเทรซคนจริงจะไม่ทำ
และแล้ว
และแล้ว
และแล้วกูก็เจอห้องน้ำจนด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โอย..อิพ่ออิแม่ครับ ผมไม่เคยรู้สึกว่าสวรรค์มันมีจริงก็คราวนี้แหละครับ งื้ออออออ รอพี่ก่อนนะจ้ะน้องทอยพี่จะไปหาน้องเดี่ยวนี้แหละคร้าบบบบบบบบ
โครก ซ่า
กดไล่ก้อนเหลืองไปให้พ้นหน้าพ้นตาแล้วไอ้เทรซก็สบายใจเหมือนน้ำหนักลดลงไปสิบโลตัวเบาคล้ายติดปีกบิน ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว...
ยืนใส่กางเกงอยู่ดีๆ โอ้แม่บุดด้า น้ำจากฟ้ามาได้ยังไงงงงง
ซ่าาาาาาา
โอว...ความฟินระดับ 4HD ทั้งสัมผัส รสชาติ กลิ่น ไอ้ห่าน!!!! สี ด้วยหรอว้ะ
เหี้ย
เหี้ยยยย
เหี้ยยยยยยย
เสื้อไอ้รูมเมท!!!!!!!!
ยืนตะลึงพรึงเพริดไปหลายวิจนลืมลูบหน้า ผมก้มมองสภาพตัวเองแล้วนึกสมเพชอยู่มิใช่น้อยไม่รู้แม่งน้ำเหี้ยนี้จะสกปรกโสโครกขนาดไหนผมถึงได้คันตามคอลามไปถึง_วย
ไอ้พวกสัดหมา นี่มันยุคไหนแล้ววะพวกแม่งถึงได้ทำเรื่องสิ้นคิดแถมโคตรปัญญาอ่อนขนาดนี้ไม่รู้คน..ไม่ๆ นิสัยแบบนี้ ขอเรียกเหี้ยแล้วกันนะ เฮอะ ไอ้เหี้ยพวกนี้ไม่รู้แม่งมีชีวิตมาเรียนแพทย์กันได้ยังไง ต่ำตมว่ะ...
“เฮ้ย แน่จริงก็อย่าลอบกัดดิวะ แม่ง!!!” ผมกะจะกระชากประตูแล้วดูหนังหน้าไอ้พวกเหี้ยที่กล้าหมาหมู่ทำตัวต่ำตมแต่พวกแม่งล็อกประตูใส่!!
“ไอ้สัด เปิดดิวะ!!!!!!” ผมตะโกนดังลั่นใช้ตีนถีบประตูอย่างแรงแต่จนแล้วจนรอดก็เปิดไม่ได้สักที
นี่สินะ....ประตูห้องน้ำม.เอกชน!!!!
ไม่เคยรู้สึกเซ็งที่มันใช้แต่ของดีเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย เหยดแหม่...
“แหกปากไปก็ไม่มีใครได้ยินมึงหรอก หึหึ”
“แม่งสะใจว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ไงมึงฉี่พวกกูสดชื่นไหมวะ หึหึหึหึ”
“นอนจมกองฉี่พวกกูไปละกันนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“ไอ้สัด!! กูบอกให้เปิดไง!!!!! อย่าให้กูรู้ว่าพวกมึงเป็นใครนะ พวกมึงไม่ตายดีแน่ ไอ้เหี้ย!!!!” แหกปากด่าพวกเหี้ยจนเสียงแหบแต่พวกแม่งก็ยังหัวเราะชอบใจพูดจาน่าเอาเท้ากระแทกปากเหยียบซ้ำให้หลอดลมยุบแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไอ้กำแพงห้องน้ำห่านี้ก็เสือกสูงเกินจนปัญญาจะปีนไปดูขี้หน้าพวกเลวนั่นได้แต่นึกโกรธเคืองความเป็นม.เอกชนจนลามมาถึงส่วนสูงกูแล้วเนี่ย เหี้ย!!
“โอ้ะโอ...ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ”
“....!!!”
“พอดีห้องน้ำทางนู้นมันเต็มน่ะ ขอเข้าไปหน่อยนะ...ไอ้บอย ไอ้กิต ไอ้เบน...”
“.....!!” สะ เสียงนี้มัน
ไอ้รูมเมท
“มึง.. มึง!! ช่วยกูด้วย กูอยู่ในนี้!!!!” วินาทีนี้ศักดิ์ศรีบ้าบอห่าเหวอะไรก็ช่างแม่งแล้วขอแค่ออกไปจากตรงนี้ต่อให้ต้องขอความช่วยเหลือจากศัตรูอย่างมันผมก็ยอม
ขอแค่ได้ชกไอ้พวกนรกนั่นก็พอ
“...ไอ้บิ้ก” เห็บหมาสักคน
“ไงไอ้บอย พอดีกูมาตามรูมเมทกลับหอว่ะ กุญแจหอหาย มึงจะว่าอะไรไหมถ้ากูจะขอตัวรูมเมทกูคืน?”
“รูมเมท มึง?”
“อาฮะ”
“เชี่ย...”
ผมได้ยินเสียงแกรกๆ อยู่ข้างนอกจนอยู่ดีๆ ประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นไอ้รูมเมทหน้าหล่อยืนส่งยิ้มกวนตีนให้ เยื่องๆ มันเป็นไอ้พวกนรกพวกเดียวกับที่ฉีกหนังสือผมก่อนหน้า
“พวกมึงแม่ง.......” ผมกะจะพุ่งตัวชกพวกมันให้สาแก่ใจแต่ยังไม่ไวพอไอ้รูมเมทที่อยู่ดีๆ ก็พุ่งตัวกระโดดถีบตะลุมบอนพวกนรกนั่นซึ่งไอ้เทรซทำได้แค่เป็นผู้ชมวีไอพี แถมไอ้หล่อนี่ไม่เป็นห่าไรเลย สบายๆ อย่างกับแค่ลงสนามเพื่อวอร์มร่างกาย
เทพสาสสสสสส
เห็นทีผมต้องมองมันใหม่แล้วครับต่อไปผมจะเรียกมันว่าจุมพลสุดหล่อทุกวันหลังอาหารจะคอยปรนนิบัติพัดวีเสมือนเป็นคุณหลวงก็ไม่ปาน
โหง่ยยย นี่ผมมองมันผิดมาตลอดเลยความจริงแล้วมันอาจจะเป็นคนดีที่แค่ชอบกวนตีนแค่นั้นเอ๊ง ออกจะดูน่ารักตามวิถีจุมพลสไตล์ไง โด่
ต่อยกันเสร็จไอ้รูมเมทหล่อนี่ก็ชี้นิ้วมาทางผมเหยียดสายตาคมเข้มไปทางพวกนรกที่นอนจมกองเลือดกล่าวถ้อยคำกิ้บเก๋ยูเรก้าฟังแล้วโคตรซึ้งใจอยากจะเข้าไปจุ้บเหม่งทีสองทีเป็นการขอบคุณ...
“เสื้อกู”
มึงต่อยไอ้พวกห่านรกนี้ปางตายเพราะเสื้อมึงเลอะฉี่หรอกเหรอ ไอ้สันขวาน!!!!!!
เอาคำชมกูคืนมา!!!!!!!
ภายในห้องมืดทึบซึ่งถูกปกปิดด้วยผ้าม่านสีหม่นทำให้คนในห้องไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้างนอกบานหน้าต่างนั่นเป็นกลางวันหรือกลางคืน ผมนายจิรนนท์ วงค์ศิลป์ หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า เทรซ ที่มาจากคำว่า treasure ซึ่งหมายถึง สมบัติหรือสิ่งที่มีค่า เป็นชื่อที่พ่อกับแม่อันเป็นที่รักตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรแห่งรักของทั้งสอง ผมเสียแม่ไปตั้งแต่ขึ้น ป.1 ด้วยโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา ชีวิตหลังจากที่ไม่มีแม่ผู้เป็นที่รักนั่นค่อนข้าง...เศร้าฉิบหายวายวอด ผมไม่ยอมไปโรงเรียนเกือบเดือนจนคุณปู่กับคุณย่าเป็นห่วงไม่เป็นอันกินอันนอนถึงขั้นต้องไปร้องขอให้เพื่อนบ้านสุดซี้ ดาวกับมินมาออดอ้อนคะยั้นคะยอให้ไปโรงเรียนด้วยกันจนผมขี้คร้านจะฟังเสียงบ่นของมินเพื่อนบ้านขาโหดเจ้าแม่วงการฝ่าเท้าอรหัน ...ถีบทีหน้าหันน่ะสิ!! ส่วนพ่อผมไม่ต้องพูดถึงอาการหนักกว่าผมล้านเท่า แรกๆ พออยู่ได้หลังๆ พ่อเริ่มอาการหนักกวาดหารูปของแม่มากองรวมกัน และ
เผาแม่ง!!
จากนั้นพ่อผมก็เดินทางออกนอกประเทศด้วยอาชีพการงานของพ่อต้องเทียวไปเทียวมาถ่ายรูปรอบโลกนั่นแหละซึ่งแรกๆ พ่อจะกลับบ้านเดือนละครั้งต่อปี หลังๆ ก็สามเดือนครั้ง หกเดือนครั้ง จนตอนนี้กลายเป็นปีละครั้ง ทำให้ชีวิตผมแม่งจะอัปปรีย์ก็อัปปรีย์ไม่สุดเพราะผมยังเหลือคุณปู่สุดจ้าบผู้ชอบแฟนซีเป็นคาเนกิ เคนสุดหล่อไอด้อลผมเอง (อันที่จริงผมหงอก)กับคุณย่าคนสวยประหนึ่งอั้ม พัชราภาก็ไม่ปาน (มึงก็เวอร์ไป) ผมใช่ชีวิตอย่างคนปกติได้ก็เพราะมีพวกท่านทั้งสองคอยดูแลคอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา ชีวิตของไอ้เทรซจึงไม่เคยขาดแคลนความรักความอบอุ่นในส่วนของพ่อกับแม่เพราะมีพวกท่านคอยเติมเต็ม
ตอน ม.3 ชีวิตวัยนั้นของผมแทบหาสาระสำคัญอะไรไม่ได้เลยเกมะเหรกเข้าห้องปกครองเป็นว่าเล่นทำให้คุณย่าต้องเทียวเข้าๆ ออกๆ ห้องปกครองอยู่พักใหญ่จนกระทั่งคุณปู่มาตายจากนั่นแหละชีวิตผมถึงได้มารู้ว่า...คนที่เรารักมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน...คุณย่าคนสวยของผมต้องกลายเป็นคุณย่าสุดแกร่งใช้ชีวิตที่เหลืออบรมสั่งสอนผมเรื่อยมาจนผมมารู้ทีหลังว่าคุณย่าป่วยเป็นมะเร็งนั่นแหละขึ้น ม.4 ผมจึงห่างหายการวิวาทเลือกคบค่าสมาคมกับเด็กเรียนตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือห่ามรุ่งห่ามค่ำอดหลับอดนอนจนคุณย่าอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ผีอะไรเข้าสิงผมจากไอ้เด็กเมื่อวานซืนผู้ไม่เคยปัดฝุ่นบนหน้าหนังสือถึงหันมาเกาะติดหน้าแนบประหนึ่งมันเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ก็ไม่ปาน
ผมไม่ได้บอกคุณย่าว่าผมอยากเป็นหมอไม่ใช่กะจะเซอร์ไพรส์อะไรหรอก กลัวแม่งแช่งว่าไม่ติดน่ะสิ! จนได้แต่ตะบี้ตะบั่นอ่านๆๆๆๆๆ จนเมื่อขึ้น ม.6 ผมลองไปสอบเล่นๆ ที่ม.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง และ
และ
และ (และมึงจะเยอะไปไหน)
และปรากฏว่า ผมติด เยียดเปียด!!!
ไอ้เด็กเมื่อวานซืนของคุณย่าสอบติดหมอเว่ยเฮ่ย!! อยากกระโดดเอาหน้าแนบพื้นขอบคุณดินฟ้าอากาศเจ้ากรรมนายเวรผู้ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกูสอบติดได้หรือไม่ แต่กูดีใจอะ จะทำไม!!!
ผมปรี่ไปโรงพยาบาลที่คุณย่าพักรักษาตัวยิ้มแป่นแล้นเมื่อเห็นคุณย่าผู้เป็นที่รักนอนหลับสนิทบนเตียงเจ้าประจำ
คุณย่าเทรซสอบติดหมอแหละ.....ไม่ๆ ไม่ค่อยเท่ห์อะ
คุณย่าครับ คุณย่าจะมีหมอเจ้าของไข้แล้วนะครับ.....ห่าน เกิดเรียนไม่ผ่านได้งามหน้า
คุณย่าอยากมีหลานเรียนหมอไหมครับ......ถ้าเกิดบอกไม่อยาก กูต้องทำหน้ายังไง?
ฮ่วย!!
ไว้ตื่นก่อนค่อยบอกก็แล้วกัน จะซ้อมพูดอะไรของมึงนักหนาวะไอ้เทรซไม่ได้จะไปขอสาวที่ไหนเป็นแฟนสักหน่อยนั่นคุณย่าสุดสวยของมึงเองนะโว้ย
หลังจากที่รอคอยได้ไม่นานคุณย่าผมก็ตื่นขึ้นมาในสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมต้องเรียกหมอมาดูอาการ หมอบอกว่าคุณย่าอาการไม่ดีขึ้นเลย ผมทำได้แค่กุมมือคุณย่าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยแนบฝ่ามือซูบผอมไว้ข้างแก้ม
คืนนั้นผมทำได้แค่นั่งข้างๆ คุณย่าปล่อยหยดน้ำตาที่อัดอั้นมาตลอดราวกับห่าฝนความรู้สึกหนาวเหน็บเกาะกินจิตใจแต่สิ่งที่ทรมานหัวใจผมนั้น
คือร่างกายของคุณย่าที่เคยอวยอูมแข็งแรงค่อยๆ ซูบผอม...
คุณย่าต้องสู้นะครับ
ถึงคุณย่าผมจะร่วงจนไม่เหลือสักเส้นคุณย่าก็ยังสวยเสมอสำหรับผม
ถึงคุณย่าจะผอมลงเรื่อยๆ คุณย่าก็ยังคงยิ้มให้ผม ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่อ่อนแรงเหลือ...
ผมเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทั้งหมอทั้งพยาบาลหรือแม้กระทั้งยามและป้าแม่บ้านรู้จักผมหมดทุกคนมักยิ้มทักทายผมเสมอ แต่ผมก็ยังเกลียด...
เกลียดกลิ่นของโรงพยาบาล.....ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากมาเหยียบที่นี่อีกเลย
หลังจากผมไปสอบสัมภาษณ์วันนั้นผมกลับมาบอกกับคุณย่าว่าผมจะเรียนหมอจากที่คิดจะบอกก่อนหน้านั้นผมจึงเก็บมาบอกทีเดียวเลย ความจริงผมอยากเข้าจุฬาฯมากกว่า...หึ ฝันสูงเกินไปสินะ ใช่!! เพราะ...ผม สอบ ไม่ ติด แป่ววว
คุณย่ายกแขนซูบผอมนั้นสวมกอดผมลูบหัวทุยๆ ของผมช้าๆ กล่าวชมผมไม่หยุด
ผมทำได้ดีมาก
ย่าภูมิใจในตัวผม
ผมระเบิดน้ำตาหนักมากวันนั้น...ทั้งดีใจ และฮึกเหิมอยู่ในที ผมเลยให้สัญญากับคุณย่าว่าต่อจากนี้คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ ผมจะเป็นเจ้าของไข้ของคุณย่าให้เองต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณย่าเอง!!
วันปรับพื้นฐานวันแรกผมไปมหาลัยด้วยความดีใจ ตื่นเต้น รอคอยตลอดการเดินทาง ความรู้สึกของวันนั้นผมยังจำมันได้ดีมีทั้งสุขที่ได้ไปเรียนในสิ่งที่รอคอย โกรธที่เพื่อนคนแรกที่พบกวนตีนใส่ ทุกข์ที่วันนั้นหลังเลิกเรียนระหว่างที่นั่งห้อยรถเมล์อยู่นั้นผมได้รับข่าวร้ายผ่านมือถือว่าคุณย่าของผมเสียชีวิตแล้ว......
.
.
.
เท้าความยาวเหยียดข้างบนเป็นเรื่องราวชีวิตที่ค่อนข้างบัดซบของผมถ้าให้บอกว่ามันบัดซบแค่ไหนก็ลองมาดูชีวิตผมตอนนี้สิครับ ผมไม่ได้ไปมหาลัยเกือบหกอาทิตย์แล้ว ทั้งปรับพื้นฐาน รับน้อง หรืออะไรห่าเหวมากมายที่ขยันจัดช่วงเปิดเทอมนั่นอะ กูด้อนแคร์! ถึงแม้ดาวเพื่อนซี้ข้างบ้านจะมาอ้อนวอนหรือมินขาโหดที่ดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะโหดกับผมมาขอร้องให้ไปเหยียบมหาลัยผมก็ไม่ไป เอาดิ่ มาเซ่!! จะใครหน้าไหนผมก็จะไม่เหยียบย่างออกจากห้องของคุณย่าและบ้านของผมเป็นอันขาด
จนกระทั่งผมได้รับสายมรณะที่ต่อสายตรงมาจากแอฟริกา เป็นคุณพ่อกากๆ ของผมที่ขนาดวันเผาคุณย่าก็ยังไม่ยอมกลับมา สั่ง ย้ำ!! พ่อสั่งให้ผมย้ายสังขารตัวเองไปอยู่หอใน!!
ไอ้เส็งเคร็ง หอในคงจะยังเหลือให้กูอยู่หรอกมั้งตอนนี้ แต่!!
แต่
แต่ (จะเล่นอีกนานมั้ย)
แต่มันยังเหลือครับโผ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ด้วยประกาศิตอันเด็ดขาดของท่านพ่อ ผมจึงขัดคำสั่งไม่ได้เสมือนฮิตเลอร์มาเองก็ไม่ปาน!! จึงได้แต่บ่นงุบงิบจำยอมพ่อสุดห่วยแต่โดยดี
หลังจากตกลงปลงใจรับปากไอ้พ่อบ้าว่าจะอยู่หอในคุณลุงยิมพ่อของมินก็มาช่วยยกของที่ดาวกับมินมาช่วยจัดเตรียมซึ่งมันก็ไม่มีห่าไรมากหรอกครับเพราะบ้านผมอยู่ใกล้มอแค่สองซอย...
งงดิว่าจะอยู่หอทำไม เพราะกูเองก็ไม่เข้าใจไอ้พ่อบ้านั่นเหมือนกัน!
ลุงยิมจัดการส่งของจำเป็นทุกอย่างไปที่บ้านหลังใหม่ของผมเรียบร้อยจนตอนนี้ผม....
ยังนอนแบะเสื้อแหกไปถึงนมโชว์ท้องแบนราบกับสะดือน่ารังเกียจไม่อายฟ้าอายดินสักนิด!! ก็แน่สิ บ้านผม ผมจะต้องอายใครล่ะครับ คิดแล้วก็ล้วงมือเกาไข่หน่อยดีกว่า เอิ้กกกกกกก
“เทรซ!!”
“เฮ้ย!!” ไอ้ฉิบหาย ไอ้ผีช่องแอร์ ไอ้เห็บตะเข็บชายแดน ไอ้ ไอ้...!!! “ไอ้มิน!!! ดาว!!!”
แม่งเอ้ย นอนตะลึงพรึงเพริดมือคาอยู่ในกางเกงเหมือนเวลามันหยุดหมุนไปพักใหญ่ก่อนจะสำเหนียกตัวเองว่ากูควรชักมือออกสักที! เหี้ย! ชักมือกลับอย่างว่องเลยไอ้สัด!
“ยี๊ ซกมกอ่ะเทรซ” ยัง ยัง ยังทำให้กูอายไม่พอใช่มั้ย! ทำเป็นไม่เห็นก็ได้มั้ง! นั่น ไม่พูดเปล่าดาวมันยังทำท่าเอียงอายเขินม้วนต้วนซะผมคิดเลย...
คิดว่าควรจะวางเบ้าหน้าตัวเองไว้ตรงไหนดี งึด
ไม่ใช่อย่างที่ดาวเห็นนร๊า!!
“เทรซ ลุก” มินขาโหดเจ้าประจำในชุดนักศึกษาเฟรชชี่เดินมาสะกิดตีนเขี่ยๆ แถวน่องประหนึ่งกูเป็นขยะสกปรกที่ยังไม่ผ่านการรียูสยังไงยังงั้น -_- เดี้ยะโบกคว่ำ
“เออๆ” ผมตอบรับเสียงเหนื่อยหน่ายจำยอมทุกสภาพการณ์เดินอืดอาดเข้าห้องน้ำอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากอาบเสร็จออกมาก็ไม่เห็นใครแล้วนอกจากเสื้อนักศึกษาที่รีดเรียบร้อยกับเตียงที่ถูกจัดอย่างดี ผมแต่งตัวอ้อยอิ่งปัดผมไปมาเพราะเลือกทรงไม่ค่อยถูก เอาจริงๆ ผมมีทรงผมของตัวเองแหละครับทรงเกาหลีคิขุอาโนเนะที่ดาวเจ้าเก่าบอกให้ตัดมันเพราะเข้ากับเบ้าหน้าผม เออ เข้าจริงๆ...
เข้ากับเบ้าหน้าจนหาความหล่อแทบไม่เจอน่ะสิ ไอ้ฉิบหาย!!!
ผมจัดเนคไทให้เข้าที่หยิบกระเป๋าเงินยัดลงกางเกงคว้าเป้ไนกี้สีแดงที่มีสมุดเล่มเดียวกับกล่องดินสออยู่ข้างใน ออกจากห้องตรงไปห้องพระหยิบโกษอัฐิของทุกคนมาใส่กระเป๋า
ไปอยู่ด้วยกันกับผมนะ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า...
อยู่บ้านนี้ทุกคนคงเหงาแย่เลย หรืออาจเป็นผมเองที่เหงากันนะ?
ผมเดินเหม่อลอยถึงประตูหน้าบ้าน หันหลังกลับไปมองเบื้องหลัง
มองเข้าไปในบ้านที่ว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิต อยู่ดีๆ ก็นึกภาพคุณย่าที่ชอบเดินมาส่งผมก่อนจะไปโรงเรียน รอยยิ้มอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาถึงผม ฝ่ามืออวบอูมแข็งแรงตามวัยที่คอยลูบหัวผมอย่างเบามือทุกครั้ง หอมแก้มผมแล้วพูดบอกประโยคเดิมๆ ที่ตอนนั้นผมโคตรจะเบื่อฟังเลย
‘เป็นเด็กดีนะลูก ดูแลตัวเองด้วยนะ’
ผมคิดถึงคำๆ นี้จนจะบ้าตาย แต่คงไม่ได้ยินมันอีกแล้ว....
ณ ซักที่ในมหาลัย
“เทรซ แยกกันตรงนี้นะ”
“อาฮะ”
“ไปคนเดียวได้ใช่ไหม”
“อืม”
“ไม่หลงใช่ไหม”
“อือ”
“แน่นะ”
“เออ!!!” เห็นกูเป็นเด็กหรือไงฮะมิน โด่ แค่เดินไปคณะแพทย์มันจะไปยากอาไร๊ ป้ายบอกทางก็ออกจะใหญ่โต นี่มันคณะแพทย์เลยนะโว้ย คณะแพทย์!!!
ผมโบกมือลาสองสหายสาวเพื่อนซี้ยิกๆ ส่งยิ้มกว้างแบบแบงค์ ธิติไปให้ พอพวกมันไปพ้นหน้าเท่านั้นแหละ
เหยดแหม่ ....เคว้งเลย
สัดเอ้ย ไม่น่าทำเป็นเท่ห์ต่อหน้าพวกมันเลย แล้วทีนี้กูจะทำไงล่ะครับ ปาดน้ำตา..
ยืนแช่จนพวกห่าเหวที่เดินสวนกันเริ่มมองว่า ไอ้นี่มันหลงหรือเปล่าจนต้องขยับตีนเดินอย่างช่วยไม่ได้ เฮ้อ...มหาลัยก็กว้างฉิบหายวายวอด เดินอยู่ดีๆ แล้วมืดค่ำผมจะไม่แปลกใจเลย
“ผมขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อนของพวกคุณมีทั้งหมดกี่คนครับ!” เสียงดังแหวกอากาศสั่นราวแผ่นดินไหวอินโดนีเซียทะลุเข้าหูซ้ายแต่ไม่ยอมออกหูขวา ผมมองภาพเบื้องหน้าของรุ่นพี่แพทย์ปีสูงที่ยืนว้ากน้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเคล้าเสียงหัวเราะสนุกสนาน......ถุยยยยยยยยยยยย
โคตรพ่อโคตรแม่เงียบสัดรัสเซียเลยเหอะ มีแต่พี่มันที่ยืนตะโกนปาวๆ ไม่ดูหนังหน้ารุ่นน้องพวกพี่บ้างเลยว่าแฮปปี้กับเขาบ้างไหม แล้วกูล่ะ กูเข้าไปจะเหลืออะไร...
ผมยืนปลงตกแถวหน้าประตูห้องประชุมขนาดเล็กหลังจากที่เดินคลำทางไปมาอยู่สักพักก็มานึกขึ้นได้ว่ากูควรถามทางใครสักคน! (โคตรฉลาด!) ผมจึงเดินไปสะกิดพี่ชายสุดหล่อ (จะไม่ให้หล่อได้ไงแม่งใจดีเดินพากูมาถึงที่!) ไม่ได้ขอว้อยย อยากจะตะโกนใส่หน้าแม่งแต่บังเอิญมีความผิดเลยได้แต่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินตามมันต้อยๆ มาถึงหน้าประตู
แต่ไม่กล้าเข้า
ใครจะไปรู้ว่าเวลาที่ผมหยุดไปนานขนาดนั้น แม่ง ยังรับน้องกันไม่จบไม่สิ้น!! ไอ้ห่าราก อิพ่อ อิแม่ ช่วยลูกเทรซด้วย
“ผมบอกพวกคุณแล้วว่าให้จำเพื่อนของพวกคุณด้วย ป้ายชื่อไม่ได้มีไว้แขวนคอเฉยๆ นะครับ ทุกคนมีป้ายชื่อแขวนไว้ แค่ชื่อเพื่อนทำไมถึงยังจำกันไม่ได้ครับ”
กูนี่ไงไม่มี!!!
ว่าแล้วเหงื่อก็แตกพลักๆ พรั่งพรูหยังกับร่างกายมีสโตร์เกลือแร่ส่วนตัว จนเสื้อเปียกไปถึงจั้กกุแร้แล้วบัดนี้...
พี่ข้างตัวผมก็ได้ทำการณ์ใหญ่เข้าจนได้
“ไอ้กล้า” เฮ้ย พี่เปิดประตูทักเขาทำม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“กูมีเด็กมาส่งว่ะ”
พรึบ.........เรียนรด.พวกมึงสามัคคีกันขนาดนี้มั้ย T_T
ว่าแล้วก็เกิดเสียงฮือฮาอย่างแปลกประหลาดประหนึ่งเก็บกดมานาน ผมเดินคอตกก้มหน้างุดตามไอ้พี่เหี้ย(ตอนนี้เหี้ยละ) มาถึงด้านหน้าประชาชีปีหนึ่ง นี่กูจะพูดให้เข้าใจยากทำไม? งั้นเอาอีกรอบนะ กู เดิน มา ถึง ที่ ที่ ไอ้ พี่ กล้า หน้าหล่อแต่ใจโหดยืนอยู่!!
“ใคร กูไม่เคยเห็นหน้า” มึงคงจะเคยเห็นหรอก ห่านเป็ด กูเพิ่งมาวันแรกโว้ยยย
“น้องมึงไง” ไอ้พี่เหี้ยกระซิบกระซาบกันอยู่กับไอ้พี่กล้าหน้าหล่อแต่ใจโหดเหี้ยมมันตวัดสายตาเหี้ยมเกรียมมาทางผมเหยียดยิ้มมุมปากอันน่าสยดสยองกลับมาหลังจากที่ผมเผลอไปสบตากับมันเข้าอย่างจัง
กูจะจำมึงไว้ไอ้พี่เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“ป้ายชื่อไปไหน?” กูคงมีหรอกห่า ไม่ต้องถามเสียงดุแบบนิ่มๆ ขนาดนั้นก็ได้ม้าง
“ไม่มีครับ...” อ้อมแอ้มตอบพี่มันไปแต่ยังคงก้มหน้าคางชิดไม่กล้ามองรอบๆ ห้อง กลัวใจ...
“ทำไมไม่มี?” พี่มันจี้ถาม เริ่มเอามือกอดอกวางท่าเป็นผู้นำก่อมอบ “แล้วหน้าน่ะ เงยขึ้นมาจะกลัวอะไรหนักหนา”
กลัวมึงไงไอ้สาสสสสสสสส
ได้แต่บ่นขมุบขมิบงุบงิบอยู่ในใจจนสุดท้ายต้องยอมเงยหน้าตามที่พี่มันสั่งอย่างช่วยไม่ได้ เออ ใครมันจะช่วยกูเล่นโซโล่เองขนาดนี้แม้แต่เดอะแฟลชก็มาช่วยกูไม่ทัน หึ(สมเพชตัวเองอยู่) เลยได้แต่หลับหูหลับตาทำไปให้เสร็จๆ จะได้รีบกลับ
“......!!”
แซ่ดดดดดด
ตกใจอะไรกันครับ ไม่ใช่ผีครับ ห่า
เฮ้ย...พอได้แล้วมั้ง
จะมองกันอะไรขนาดนั้น...ว่าแล้วก็ลองแตะๆ เป้าตัวเองดู อ้าว ก็รูดซิปนี่หว่า แล้วแม่งตกใจอะไรกันวะ -_-
หรือของกูจะใหญ่? (มึงละเมออะไร)
“...ชื่อ”
“ครับ?” พี่มันเอ่ยเสียงแหบแห้ง ก็แหงละ แหกปากตะโกนซะขนาดนั้นลิ้นไก่ไม่หลุดมาดีดหน้าพวกห่านั่งหน้าสลอนก็ดีแค่ไหนแล้ว
“ชื่ออะไรครับ” เหี้ยย สุภาพมาเชียวไอ้พี่กล้าหน้าโฉดเมื่อกี้หายวับเลยครับ ผมมองหน้าพี่มันงงๆ แต่ก็ยอมตอบมันไปโดยดี
“เทรซครับ” พูดเสร็จพี่มันก็เดินหันหลังไปสั่งอะไรสักอย่างกับพี่ผู้หญิงเสร็จแล้วพี่มันก็ถือป้ายชื่อที่เขียนชื่อเล่นผมไว้ก่อนจะเอามาแขวนที่คอผมแล้วพูดบอกเสียงเรียบ
“ไปนั่งไป” แค่เนี้ย!?
โด่ นึกว่าจะโดนทำโทษให้ตีลังกากลับหลังสามตลบอะไรเทือกนี้ซะอีก แต่เปล่าครับ พอพี่มันพูดจบเท่านั้นแหละ พวกเห้ที่นั่งหน้าสลอนอยู่ก็โห่ร้องเสมือนลิเวอพูลได้แชมป์ก็ไม่ปาน
ไม่พอใจอะไรในคำตอบของพี่กล้าฟ่ะ?
แต่กูด้อนแคร์ครับ
ได้ป้ายชื่อมาแล้วผมเลยเดินต้วมเตี้ยมไปนั่งตรงที่พี่ผู้หญิงชี้ให้ ชี้ให้ไม่พอยิ้มสวยให้อีกต่างหาก
งุ้ยยยยยยยยยยยย เขินคนใจดี >//<
ผมยืนบิดตัวยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งหลังตรงอยู่เกือบสองชั่วโมงก็ได้ฤกษ์ปล่อยไปแดกข้าวตามอัธยาศัย จากนั้นช่วงบ่ายมีเรียนอิ้งจนถึงบ่ายสามพี่กล้านัดอีกทีประมาณหกโมงเย็นบอกก่อนมาให้แดกข้าวให้เรียบร้อยเพราะจะปล่อยอีกทีตอนสามสี่ทุ่มโน่น
ผมยืนบื้ออยู่ในห้องประชุมเดิมตาลีตาเหลือกมองหาเพื่อนใหม่ว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกัน แต่ แป่วครับ ทุกคนมีกลุ่มของตัวเองเรียบร้อยรถโรงเรียนได้แต่ยืนเคว้งเป็นพระเอกเอ็มวี หว่าเว้ ของธามไท ก็ไม่ปาน ไอ้ห่ารากจะโกรธอะไรกูหนักหนาน่ะห้ะ
อ้อ ลืมเล่า ผมโดนพวกแม่งเมินครับไม่รู้เป็นห่าไรกันหมดทักก็ไม่ตอบสะกิดทีทำรังเกียจปัดทิ้งนี่ถ้าไม่ติดว่าผมเพิ่งมา กูกระโดดเตะขาคู่หงายหลังติดเพดานเลยแม่ง กระแดะปัดมือกูทิ้งดีนัก หื้มๆ แล้วพอพวกพี่ว้ากเดินมาพูดดีกับผม ทักทายผม พวกแม่งก็เหลือบมองระคนอิจฉา เฮ้ย กูเพิ่งเข้ามาป่าววะ เขาเทคแคร์กูมันผิดหรอ ฮ่วย! วันแรกผมก็โดนห่างเลขกับเพื่อนในคณะละ ซวยแท้
กูไปทำอะไรให้พวกแม่งไม่พอใจวะ งงใจ...
และแล้วเหตุการณ์ระทึกขวัญก็เกิดขึ้นจนได้ครับ หลังจากผมระริกระรี้ไปแดกข้าวกับเพื่อนซี้อย่างไอ้มินกับดาวที่โรงอาหารของคณะบริหาร เพื่อนซี้ผมถามยกใหญ่ว่าเป็นไงบ้าง โอเคไหม ได้เพื่อนหรือยัง ผมนี้ หู้ยย สบายม้ากกกกก โอเคสุดๆ เพื่อนใจดี เฟรนลี่ทุกคนเลยยย
ตอแหลลลลลลลลลลลลลลลมันไปดิ
จะให้บอกว่ากูโดนเพื่อนแบนหรอ เรื่องดิ ขี้คร้านพวกนี้จะตามไปแว้ดๆ ถึงที่ เดี่ยวพวกแม่งจะหาว่าผมป้อดโดนแค่นี้ต้องถึงขนาดไปฟ้องผู้หญิง เฮอะ ไอ้เทรซคนจริงจะไม่ทำ!
และพอเดินแยกออกจากไอ้มินกับดาวผมเลยมุ่งหน้าไปอาคารเรียนตามที่ได้ถามกับมินว่ามันอยู่พิกัดไหนทั้งมันยังให้หนังสือสารพัดวิชาที่ผมต้องเรียน ชีทเอย เลคเชอร์ในช่วงที่ผมขาดเรียนเอย(โคตรซึ้งใจมีเพื่อนดี) จากนั้นผมก็เดินไปวางกระเป๋าไนกี้ลูกรักบนเก้าอี้แล้วเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำเนื่องจากยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีจะถึงเวลาเรียนหลังจากปล่อยเยี่ยวเหนียวๆ ออกจากร่างกายตัวผมเลยล่องลอยเบาหวิวชีวิตแฮปปี้เดินยิ้มในใจมาถึงเก้าอี้ และพบว่า..
กระเป๋าผมถูกรื้อ.. ไม่พอๆ ไม่รื้อธรรมดานะครับ แม่งฉีกหนังสือหนังหากูทิ้งด้วย!!!
เฮ้ย ที่บ้านมีพ่อแม่เป็นหนูหรือไงวะเชื้อสายหนูอย่างมึงถึงได้เรื้อนมาทำลายข้าวของของคนอื่นงี้อะ? คนจริงเขาไม่ทำกันเว่ย
ไอ้เทรซจะไม่ทน!!!!!!!!!!
ไม่ทน
ไม่ทนแน่ๆ
ไม่ทนให้มันรกไงครับ แหม เก็บสิครับรอให้อาจารย์มาโบกหรอ...
ผมก้มๆ เงยๆ เก็บเศษกระดาษที่เกลื่อนอยู่บนโต๊ะ ทั้งของในกล่องดินสอที่ถูกเทระเนระนาด แค่นั้นยังไม่พอ ไอ้เหี้ยนี้ยังเสร่อมาใช้ปากกาคัลเลอร์ของผมมาเขียนด่าบนโต๊ะซะด้วย อีเหี้ย ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงใช้ของของผมแต่มันอยู่ที่ ทำไมมึงไม่ใช้ดีสอเขียนวะอีดวกกกกกกก เขียนอย่างนี้กูไม่ต้องหากระดาษทรายมาขูดมั้ย!
แม่ง
....เจ็บใจว่ะ
ไม่รู้ดิจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ได้ความรู้สึกที่นิยามได้ตอนนี้คือ เจ็บใจ แต่ในความเจ็บใจ ผมกลับจำคำพูดของคุณย่าว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมต้องมีสติและมองหาว่าเพราะอะไรถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะอะไรทำไมเพื่อนถึงไม่ชอบผมถ้ามันจะผิดต้องมองว่าเราเองก็อาจมีส่วนผิดเหมือนกัน
ผมได้ยินไอ้พวกผู้ชายโต๊ะหลังหัวเราะชอบใจขณะมองมาทางผม ทำตัวอย่างกับอยากให้รู้สันดานที่พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนยังไงยังงั้น อย่าให้ถึงทีกูครับ จำไว้ไอ้พวกหมาหมู่ คิดว่าสามคนกูไม่กล้าหรอ อย่าให้เจอหลังไมค์นะครับแม่ง
โอ้ยยยยยยยย ขุ่นเคืองแต่ทำห่าไรไม่ได้!
หลังจากนั้นผมก็นั่งเหม่อลอยใจลอยไปถึงไหนต่อไหนรู้ตัวอีกที หมดคาบ! เพื่อนก็ยังหาไม่ได้ เรียนก็ไม่ตั้งใจ ตายๆๆๆๆ แล้วไอ้เทรซ มึงจะโซโล่ไม่ด้าย มึงมันกาก มึงต้องมีเพื่อนโว้ย
หวีดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ผมเดินหน้าห่อเหี่ยวไปหาเพื่อนซี้เจ้าเก่าพอเห็นหน้าพวกมันลิบๆ ก็เริ่มปฏิบัติการตอแหลใส่ทันที ไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วงไงคนจริงไหมละมึง
“ไงเทรซ” ไอ้มินเจ้าประจำเพิ่มเติมมือหนักขึ้นมากเพราะเล่นทุบไหล่กูจนดินยุบ มันยิ้มหล่อมาให้อย่างมาดแมนแฮนซั่มจนผมที่หล่อโหดดูโฉดไปเลย เอาดิ
วันนี้มินกับดาวอยู่ในชุดนักศึกษาสีขาวหลวมโคร่งกับกระโปรงทรงจีบเลยเข่าที่คอห้อยป้ายชื่อของเฟรชชี่บริหารน่ารักคิขุไม่ต่างจากผมเสียแต่ของผมเป็นคณะแพทยศาสตร์ ผมมองพวกมันสองตัวอย่างนึกดีใจระคนโชคดีที่มีพวกมันอยู่ตรงนี้
อยากขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ดลบันดาลให้มินกับดาวมาอยู่ที่นี่กับผม
ถ้าไม่มีพวกมันผมคงต้องระเห็จไปอยู่ในซอกในหลีบของชีวิตคนอื่น
ขอบคุณนะครับ
ผมมองพวกมันอย่างปลาบปลื้มแล้วส่งยิ้มหล่อๆ แจกให้อย่างทั่วถึง
“บายดีแต่เมื่อย” บอกไอ้มินไปตามที่รู้สึกตอนนี้
“เทรซหิวยัง” ดาวถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจนไอ้เทรซคนนี้แทบอ่อนระทวยรวยแรงคล้ายคุณย่ามาพูดเอง ฮื้อออ
อันที่จริงผมก็หิวอยู่นะแต่ประเด็นคือผมมีเวลาไม่มากไงต้องไปจัดการเรื่องหอพักก่อนเพราะเดี่ยวหกโมงเย็นพี่กล้าเรียกรวมพลที่เดิมเลยได้แต่ลูบท้องอธิบายเหตุผลไปตามจริงแต่ดาวเจ้าเก่าก็ไม่วายคะยั้นคะยอให้ผมไปกินกับพวกมันก่อนจนได้จึงสรุปได้ว่าพวกมันจะเดินไปส่งผมหน้าหอแล้วจะไปรอผมที่ร้านคาเฟ่ในมอ ผมพยักหน้าหงึกหงักเดินทอดน่องตามพวกมันมาจนถึงหอแล้วโบกมือแยกย้ายกันไป
ผมยืนมองตึกสูงกว่าสิบชั้นสีขาวสะอาดตาประหนึ่งเพิ่งปาดสีมาแหมบๆ กลิ่นสียังลอยติดจมูกเลย (เว่อร์อีกละมึง) ด้านล่างหอมีร้านอาหารขายด้วยครับข้างหน้าเป็นม้านั่งในสวมหย่อมเหมาะแก่การมาพลอดรักก็ไม่ปาน งุ้ยยยยยยยย สักวันจะเป็นที่ของกู!
“อ้าว มาแล้วเหรอ” ผมชะงักไปแวบหนึ่งเมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอพี่แว่นหน้าหล่อตัวสูงชะลู้ดยืนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ พี่แว่นหันไปหยิบแฟ้มอะไรสักอย่างก่อนจะหันมาสบตากับผม
“จิรนนท์ใช่ไหม?” ยิ้มอบอุ่นมาให้อีกแล้ววว แพ้คนใจดีนี่บอกเลย! คนอะไรแค่มองหน้าก็สัมผัสได้ถึงความรักที่ท่วมท้นออกมาอยากจะเข้าไปกอดแล้วแหกปากร้องไห้เลย ฮื่ออออ พี่คับชีวิตไอ้เทรซตอนนี้มันบัดซบอะ T_T
“ครับ เอ่อ เรียกผมเทรซก็ได้นะครับ แหะๆ” ว่าแล้วต้องรีบตีซี้ให้เหมือนชาตินี้ผมจะหาใครได้ดีเท่านี้ไม่มีอีก
“งั้นน้องเทรซ พี่ชื่อต้นนะ เรียนทันตะ ปี3 รับหน้าที่แทนหัวหน้าหอพักนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พี่ต้นยิ้มหล่อมาให้ ผมพยักหน้ารับพลางเหลือบมองรอบๆ เพื่อสำรวจที่อยู่ใหม่ของผมว่าจะสามารถรองมือรองตีนผมได้สักแค่ไหนกัน ซึ่งมันก็ โอเคอยู่นะครับ...
โอเคกับเงินในกระเป๋ากูนี้ไงงงงงง!!
ค่าหอม.เอกชน เล่นซูบเงินผมไปเกือบสามหมื่นกว่าบาท ห่านจิก! แทบหืดขึ้นคอตอนที่ไอ้พ่อกากๆ ของผมโทรมาบอกให้ผมออกเงินค่าหอไปก่อน กูอยากจิบ้ากับไอ้พ่อคนนี้จริงๆ! ไม่มีปัญญาจะจ่ายยังจะกระแดะส่งลูกตัวเองมาอยู่หอใน เฮอะ ถ้าไม่คิดว่าเป็นพ่อผมคงนึกว่าฮิตเลอร์กลับชาติมาเกิดในสารร่างพ่อตัวเอง
“น้องเทรซ” พี่ต้นสะกิดผมเบาๆ ดูตกใจที่ผมตาเหลือกสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำท่าทำทางเหมือนคนไม่สมประกอบก่อนที่พี่ต้นจะพะวงไปมากกว่านี้ผมเลยรีบดึงสติกลับมากปั้นหน้ายิ้มร่าเริง ตอแหลขั้นสุด
“ครับพี่ต้น ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฉีกยิ้มพิมพ์ใจส่งให้
“โอเคครับ อ่า น้องเทรซ อยู่ชั้น9 นะ ห้อง909 ของของน้องอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้วนะ อ่ะนี่ กุญแจแล้วก็บัตรเข้าหอเวลาจะเข้าหอให้เสียบไว้จะได้รู้ว่ามีใครอยู่บ้าง แล้วก็ อย่าลืมอ่านกฎของหอที่แปะไว้ตรงประตูห้องด้วยละ สำคัญมาก” พี่ต้นเจ้าเดิมพูดอธิบายยาวเหยียดจนผมครั้นอยากจะยกน้ำให้พี่แกซดดื่มเพราะกลัวจะเสียงแหบไปซะก่อน
ผมรับกุญแจกับบัตรเข้าหอมาถือไว้ แล้วสบมองหน้าพี่ต้นเชิงถามว่า ผมต้องเสียบไว้มั้ย
“อ่อ เสียบตรงนี้นะ เวลาเข้าหอยามจะขอดูบัตรให้เราเอาบัตรมาเสียบตรงนี้มันจะมีเลขห้องเขียนไว้ อ่ะ นี่ช่องของน้อง มาเดี่ยวพี่ทำให้...มันสูง”
พี่แกก็หยิบบัตรผมขึ้นไปเสียบไว้เรียบร้อย อันที่จริงมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกครับแค่ถ้ากระโดดสูงๆ อีกสักหน่อยก็เสียบได้แล้ว T_T อิบ้า สูงขนาดนี้ไม่ไปติดบนเพดานเลยล่ะครับ....เหยดแหม่ คนบนโลกนี้ไม่เคยจะคิดว่าผู้ชายก็เตี้ยเป็นเหรอครับ ฮ่วย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดว่าความสูงตั้ง 169 จะเป็นปัญหาขนาดนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้พี่ต้นทำให้แล้วครั้งหน้ายามไม่มีบริการพิเศษเป็น ‘เก้าอี้สำหรับจิรนนท์’ หรือยังไง ไอ้หอพักโหดเหี้ยม!
ผมเดินตามพี่ต้นเตาะแตะไปถึงลิฟท์ระหว่างรอลิฟท์มาพี่ต้นเลยหันมาชวนคุยด้วย
“น้องเทรซ รับน้องเป็นไงบ้างครับ” น้ำเสียงเรียบๆ ชวนอบอุ่นหัวใจพลอยทำให้จิตใจผมอ่อนหยวบอยากจิระบายไปให้พ้นๆ ว่าวันนี้กูเจออะไรมาบ้าง แต่ แต่ กูไม่ชอบเรียกร้องความสนใจไงทำได้แต่ยิ้มเผลไปให้พี่แก
“ก็ดีครับ แหะๆ” เอามือเกาหัวแกรกๆ
“มีปัญหาอะไรบอกพี่ได้นะ” พี่ต้นลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะเหลือบมามองกระเป๋าเป้ของผม
“....” ลืมไปว่า ไอ้พวกห่ามันใช้ปากกาสีวาดประติมากรรมชั้นเซียนกับกระเป๋าผม ครั้นจะอ้างว่าเป็นงานอดิเรกของตัวเองหรือใช้กระเป๋ามาตั้งแต่ประถมก็ว่าไป แต่ ไอ้สั่นหมา ป้ายราคากูยังไม่แกะออกเลย ไอ้สาสสสส
“น้องเทรซครับ...”
“ผมยังโอเคอยู่อะพี่ อยากลองพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนอะครับ” ผมบอกบอกพี่ต้นเก้อๆ ไม่อยากให้แกเป็นห่วงผมมากนัก ไม่รู้ดิ รู้สึกว่าคนจริงมันต้องทำแบบนี้! ถ้าเกิดทนไม่ไหวขึ้นมาพวกมันไม่รอดหรอกครับ อย่าริทำให้ผมโหดเพราะถ้าผมโหดผมจะโฉดมาก หื้มๆ
“ครับๆ พี่แค่เป็นห่วง...เอ่อ เสียใจเรื่องคุณย่าด้วยนะ”
“....!?” พี่มันรู้ได้ไงวะ เอ้ะ เออ พ่อผมน่าจะบอกไว้แหละ
“ครับ”
“อะ ลิฟท์มาแล้ว ไปกัน” ว่าแล้วพี่ต้นก็ดันหลังผมให้เข้าลิฟท์จนกระทั่งลิฟท์เคลื่อนตัวมาถึงชั้นเก้าแบบไวว่อง พี่ต้นเดินนำหน้าผมมาถึงห้อง909 บ้านหลังใหม่ของผม และจัดการจรดฝ่ามือเคาะห้อง..
เดี่ยวนะ
เดี่ยวก่อน
เดี่ยวก่อนครับ
นี่กูไม่ได้ห้องเดี๋ยวเหรอ!? ว้อท? ค่าเทอมเกือบสามหมื่น?? WTFFFFFF
กูเจอดีกับม.เอกชนเข้าแล้วไงล่ะ อิห่าราก ก่อนมายังระริกระรี้ดีใจปลื้มปริ่มนึกว่าจะได้อยู่คนเดียวนอนเกาไข่ไม่อายใคร ไหงฟ้ามีตาแต่หามีแววนำพาให้ไอ้ใครก็ไม่รู้ที่เสนอหน้าอยู่ในห้องของกู(?) มาร่วมหายใจในบ้านหลังใหม่ของผม ตอบ!!
คร่ำครวญเสียใจอยู่ได้ไม่นานประตูห้องของผมก็ถูกเปิดด้วยไอ้เหี้ยบางคน....
ไอ้เหี้ยคนนั้น....ทำไมแม่งหน้าตาคุ้นๆ
ไม่ใช่แค่คุ้นธรรมดานะครับ แค่เห็นหน้ามันก็สั่นแล้ว
ตีนกูเนี่ยสั่น!
ผมจำมันได้ละ ไอ้สัดนี่ไงที่ผมเจอตอนปรับพื้นฐานวันแรกไอ้คนที่ถูกโชลกโคจรให้มันมานั่งหน้าสลอนข้างผม นั่งข้างไม่พอ แม่งกวนตีนไม่หยุดประหนึ่งที่บ้านไม่มีเพื่อนเล่น คนไม่คบ มีปัญหาทางจิต เสียดายหน้าตากับความสูงของมันฉิบหาย บอกเลย
“ไร ต้น....อ้าว ไอ้เตี้ย!!!” นั่นไง...นั่นไงมันเล่นกูแล้ว
“อ้าวรู้จักกันเหรอ?” พี่ต้นถามด้วยความแปลกใจแต่กูนี่สิ...
แปลกที่ยังยืนอยู่ตรงนี้
“ไม่/ไม่ครับ” แล้วแม่งยังกระแดะมาตอบพร้อมกู ไม่ห่าไรมึงเมื่อกี้ยังทำท่าอ้อร้อชี้ไม้ชี้มือมาทางกูอยู่เลย ดวก จะตอแหลอะไรให้มันเนียนๆ หน่อย
“อ่าๆ ถ้าไม่รู้จักงั้นเดี่ยวจะแนะนำให้รู้จักนะ น้องเทรซนี่จุมพล ปี1 คณะเดียวกับน้อง” พี่ต้นไม่บอก ผมก็รู้ว่าไอ้ห่านี่มันเรียนแพทย์เหมือนผม ทำไมน่ะเหรอครับ
ก็ชื่อมันอยู่ล่างชื่อกูไงคร้าบบบบบบบบบบบบบ จ.จาน ทิ่มตากูอยู่เนี่ย
โอ้ยยย เหี้ยของแท้ เหี้ยแบบโคตรของโคตรเหี้ย!! เรียนมอเดียวกันกูก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ยังคณะเดียวกัน ไม่พอๆ หอเดียวกันอีกครับโผ้มมมมมมมมมมม
ชีวิตที่ไม่มีมันอยู่ในสายตาโคตรจะมีค่าเลยต่อจากนี้....
“แล้วก็ไอ้บิ้ก นี่เทรซ รูมเมทมึง สนิทกันไว้ละ” พี่ต้นพูดบอกหน้าเรียบแถมยังทิ้งท้ายให้มันมาสนิทกับผม? เฮอะ แม่มึงตายแม่ยายมึงสิ้นเถอะ วันไหนที่ผมกับมันสนิทกันวันนั้นผมจะยอมเป็นเมียมันเลยเอาเซ่!
ที่ท้านี่ เพราะผมรู้ไงว่า...ไม่มีวันนั้นแน่นวล
และผมก็ถูกอัญเชิญมาในห้องของเรา(?) ไม่ๆ ห้องของผมกับไอ้สัดนี่หลังจากที่พี่ต้นตีตั๋วกลับไปประจำข้างล่างผมเลยแบกร่างอันหล่อเหลาเข้าห้องตามมันไปเงียบๆ
โอ้....ผมรู้ละว่าทำไมค่าหอมันถึงได้แพงมากมายมหาศาลนัก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหอในมันจะสะดวกสบายขนาดนี้ในห้องแบ่งเป็นสองห้องใหญ่หนึ่งห้องเล็ก นั่นคือห้องนอนของผมกับไอ้สัดนี่อยู่ห้องเดียวกันแต่กั้นไว้ด้วยชั้นวางหนังสือกับตู้เสื้อผ้ามีห้องน้ำส่วนตัวอยู่ในห้องนอนส่วนอีกห้องเป็นห้องนั่งเล่นมีโซฟากับทีวีเยื่องอีกหน่อยก็มีห้องครัวเล็กๆ ไว้ประกอบอาหารมีไมโครเวฟ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าตรงระเบียง..
เชี่ย!! ไม่บอกว่าหอกูคิดว่าเป็นคอนโดเลยเนี่ย เหยดดด
ชีวิตของไอ้เทรซจะไม่ออกไปไหนแล้วละครับคุณย่า....
ผมเดินไปว่างกระเป๋าบนเตียงโดยมีไอ้สัดนี่ตามมาติดๆ และมันได้ทำการณ์ใหญ่ด้วยการหยิบกระเป๋าผมโยนแหมะลงพื้นแล้วพูดบอกด้วยเสียงเรียบระคนกวนตีนว่า
“เตียงกู” ไอ้สัด บอกก่อนจะเควี้ยงกูไม่เอาตีนจิ้มตามึงหรอกไอ้เหี้ยยยยยยยย
“จะไปรู้มึงหรอ” แม่งรมณ์เสียแต่เหนื่อยเกินกว่าจะไปหาเรื่องทะเลาะกับมันเลยได้แต่เดินไปหยิบกระเป๋าบนพื้นเดินไปอีกฟากของชั้นวางและพบว่า...
ฝั่งกูอยู่ติดกับห้องน้ำ
พ่อมึงตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
นี่สินะอภิสิทธิ์ของคนที่มาก่อนน่ะ นี่สินะ!!!
เดินมาถึงเตียงปุ้บจัดการกระแทกประเป๋าเป้ตัวเองระบายความหงุดหงิด ไม่ไกลจากเตียงมีกล่องลังที่ถูกขนมาจากบ้านผมกระแทกก้นนั่งแกะๆ จัดๆ เรียงๆ อยู่สักพักไอ้สัดนั่นก็เดินเข้ามายืนพิงตู้กอดอกมองมานิ่งๆ แต่กูไม่นิ่งไง มึงมายืนตรงนี้ต้องการความอบอุ่นหรอ จะยืนค้ำหัวกูอีกนานมั้ย!!
“มีไร” ในเมื่อแม่งไม่พูดแต่เสือกไม่ไสหัวไปผมเลยจำใจเจียดเวลาอันมีค่าของผมถามมันด้วยเพราะถ้าไม่มีห่าไรก็รีบๆ ไปให้พ้นๆ เราดาห์กูกูจะจัดของ
“ไม่มีอะไรกูมาไม่ได้รึไง” เออสิ!!! ไม่ใช่แค่มาไม่ได้แต่ไม่ต้องเสนอหน้ามาเลยยิ่งดี ไอ้ห่าราก ไอ้เสาไฟฟ้า ไอ้เปรตตตตต มึงรู้มั้ยว่ากูอารมณ์ไม่ดีอยู่ ระวังจะโดนมิใช่น้อย
“จะไปไหนก็ไปเหอะ” ตวัดมือไล่มันยิกๆ
“กระเป๋าโดนไร” และแม่งเมินกูไปอีกกกกกกก เปลี่ยนเรื่องจนผมตามอารมณ์มันไม่ทัน แถมมันไม่พูดเปล่าเดินมาถือกระเป๋าผมและ
เทครับ...เทกระจายด้วย กระดงกระดาษระเนระนาดหมดเลย แม่ง! ดีที่โกษอัฐิของครอบครัวผมถูกห่อไว้อย่างดี ไม่งั้นมึงเอ้ยยยยยยย หกขึ้นมากูเอาไอ้สัดนี่ถึงตายอะ อ้ากกกกกกกกกกกก
“มึงต้องการอะไรจากกูน่ะห้ะ!!!” ปรี่ไปกระชากคอแม่งเลย คิดว่าสูงแล้วกูทำอะไรมึงไม่ได้รึไงวะ คิดว่าความสูงดับมึง กูจะเตะก้านคอมึงไม่ถึงรึไงงง (แล้วถึงหรอ?)
“กูถามว่าโดนอะไร” ไม่ต้องมาถามเสียงขู่กูเลย กูไม่กลัวมึงหรอก
“เรื่องของกู” ผมตอบมันเสียงห้วนผลักมันไปให้พ้นๆ ก้มลงเก็บเศษกระดาษแล้วไปทิ้งถังขยะตรงระเบียงกลับมาอีกทีมันก็ยังยืนจ้องหน้าผมที่เดิมไม่ไปไหน
“ถามจริง มึงไม่เห็นหรอว่ากูโดนไร” ผมถามอย่างสงสัยไม่ได้ในเมื่อมันน่าจะอยู่ในห้องนั้นด้วยทำไมต้องทำแอ๊บแบ๊วไม่รู้ไม่เห็นด้วยวะ
“กูไปซ้อมประกวดเดือน” อ่อ....ประกวดเดือน เออว่ะ ยังมีงานประกวดอะไรทำนองนี้อยู่อีกนี่หว่า ลืมไป แล้วน้ำหน้าอย่างไอ้สัดนี่จะเป็นเดือนก็ไม่แปลก หล่อออร่าทิ่มเรติน่ากูขนาดนี้ ผมเป็นผู้ชายยังมองว่ามันหล่อวัวตายความล้มเลยนับประสาอะไรกับหญิงแท้หญิงเทียมละครับ แค่เห็นมันเปลือยท่อนบนขี้คร้านแทบจะต่อแถวถวายตัวไม่หวาดไม่ไหว ชิ หงุดหงิด
“งั้นไม่ต้องเข้าประชุมเย็นนี้ดิ” ถามมันด้วยความหวังเต็มเปี่ยมอยู่ในใจ ไม่ใช่หวังว่าอยากให้มันไปนะครับ ไม่ไปแหละดีแล้วผมจะได้ยืมเสื้อคณะที่เขาแจกให้ตอนรับน้องช่วงแรกๆ ไงแต่ผมไม่มาพี่ผู้หญิงปีสูงเลยอนุญาตให้ใส่ชุดพละซึ่งผมไม่ชอบเป็นแกะดำทำตัวโดดเด่นก็เลยถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากจะของยืมเสื้อจากไอ้สัดนี้หน่อย
“งั้นมั้ง” เหยดดด ดีไปอีก
“มึง กูขอยืมใส่เสื้อยืดคณะหน่อยดิพี่เขายังหาให้กูไม่ได้เลย” พูดเสียงหวานทำตาปริบๆ
“เอาไปดิ ไม่ต้องทำหน้าปวดขี้ขนาดนั้นก็ได้นะ” สลัด!! เค้าเรียกว่าแบ๊วว้อยยยยย วัยรุ่นแถวสยามทำกันฮิตติดทวิตเตอร์เลยนะจะบอกให้!
แม่ง ทำไมมันง่ายกับกูจังวะ งงใจ..
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังคาเฟ่ที่นัดกับพวกเพื่อนซี้ซึ่งตอนนี้น่าจะรอผมอยู่นานแล้วหลังจากแยกย้ายกับไอ้รูมเมท(คนมันทำดีเลยเลื่อนขั้นเรียกให้ดีขึ้น)ผมก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อหลวมโคร่งของมันที่ผมต้องถึงขนาดพับแขนเสื้อเป็นสก้อยแถวบางพลีก็ไม่ปาน ไอ้รูมเมทมันต้องไปซ้อมประกวดเดือนจึงออกไปก่อนผมแต่ไม่ล๊อกห้อง สัด เกิดใครหน้ามืดเข้ามาปล้ำกูจะทำไง!
“รอนานไหม” ถามอะไรวะไอ้โง่เทรซ เค้าก็ต้องรอมึงนานอยู่แล้ว มึงคาดหวังอะไรที่ถามแบบนี้ห้ะ คาดหวังให้ตอบว่า ไม่นานหรอกเราก็เพิ่งมาถึง มึงมันคาดหวังแบบนี้ใช่มั้ย ไอ้สถุล มึงต้องขอโทษเพื่อนมึงเดี่ยวนี้เลย ห่าน!
“ไม่นานๆ” นั่น เห็นมั้ย ผู้หญิงเขาตอบมึงแล้วไง ไม่นานกับผีน่ะสิดาวโกโก้ปั่นพร่องอยู่ก้นแก้วขนาดนั้นอะ โอยยยยยย ความเกรงใจนี้....
“ช้า” เออนี่สิคนจริงมินเจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือมันมองแรงมาก
“ขอโทษษษษษษษษ จัดของนานไปนี้ด” ไม่รู้จะเสียงสูงไปไหนแต่นาทีนี้ ไหว้แม่งก่อนเลยความผิดจะได้ลดลง หึหึ
“เออ นั่งๆ อ่ะแดก กูสั่งให้ละข้าวไข่เจียวกุ้งสับเหมือนเดิม” ผมนั่งลงยิ้มเผลให้พวกมัน
“เทรซใส่เสื้อใครอะ” ตูดยังไม่ทันแตะเก้าอี้ดาวเจ้าเก่าผู้มีเลเซอร์ตรวจจับความผิดปกติเกี่ยวกับผมเป็นชีวิตจิตใจมองเสื้อยืดของผม(?) อย่างไม่วางตา แปลกใจอะดิ แปลกใจที่คอมันกว้างขนาดนี้ใช่มั้ย!! แม่งเซ็กซี่ไปสิกู เสื้อไหล่ตกเนี่ย ฮ่วย
“ของรูมเมท” ไม่พูดเปล่ารีบจ้วงข้าวเข้าปากจะได้ไม่เสียเวลา ฮร้า ข้าวไข่เจียวสุดโปรดของพี่ชาตินี้ไม่รู้จะมีบุญได้กินกี่มื้อ งั่มๆๆๆๆ
“เจอกันแล้วเหรอ เป็นคนยังไงวะ” มินถามผมเสียงเข้มประหนึ่งเป็นแม่ผู้คอยสังเกตว่าลูกคบหากับใครไว้ใจได้มั้ยไม่พอใจก็เลิกคบ เหยดดดด
“เป็นคนกวนตีน หยาบคาย หน้าเหียก ตัวแค่เนี้ย” ทำมือประกอบว่ามันสูงแค่ห่างคิ้วผม แต่พวกมันเสือกฉลาดไง(หรือกูโง่วะ) มันดูขนาดเสื้อผมแล้ว แล้ว
แล้ว
“เทรซตอแหลลล” แล้วก็แดกตอแหลจากดาวไปเต็มรักเลยไงครับบบ
“ไว้ใจได้ไหมวะ” นี่ก็เป็นห่วงกูจริ๊ง
“ไม่รู้ ต้องดูกันไป” ผมตอบมินไปแล้วรวบช้อนเมื่อกินเสร็จดื่มน้ำจนเกลี้ยงแล้วหงายหลังพิงเก้าอี้ตีพุงเล่น
อิ่มแปล้เลยครับ
“เทรซไม่รีบหรอจะหกโมงแล้วนะ”
“เฮ้ย!!! ลืม!!!!” รีบคว้าแขนไอ้มินมาดูเวลาอย่างว่อง
ไอ้ห่าราก อีกเจ็ดนาทีจะหกโมง!! แล้วคาเฟ่ห่านี่เสือกอยู่ห่างจากคณะแพทย์ประหนึ่งดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ อีเหี้ยยย
ไม่จุกก็ให้มันรู้ไป..
แฮ่ก
แฮ่กๆ
แฮ่กเหนื่อย...เฮอะ สุวรรณภูมิรึจะสู้มานะคน นี่ใครครับ นี่เทรซเจ้าเก่าเจ้าเดิมไงครับเรื่องวิ่งนี่ของถนัดนักล่ะ ทำไมน่ะหรือครับ เวลาไปวิวาทแล้วกูต้องรีบวิ่งหนีพวกอาจารย์ฝ่ายปกครองไง แม่งหูตาแต่ละคนไวอย่างกับเรียกเหยี่ยวรวมกันเป็นฝูงยังไม่พอเรดาห์ของอาจารย์มันเล่ยยยย แค่นึกถึงยังเสี่ยวตูดไม่หาย
หูยยยยย ขนตูดลุกเลยเวลานี้
ผมเดินเลียบไปนั่งประจำที่ตัวเองเงียบๆ มองพวกพี่คุมวินัย(พี่เขาให้เรียกงี้)ที่ค่อยๆ ทยอยเข้ามายืนเรียงหน้าสลอนเบื้องหน้าแถมรอบนี้ยังมากันเยอะเป็นพิเศษด้วย หูยย นั่น ยังไม่หมดอีกไม่รู้จะยกพวกมากันเยอะแยะทำไม แค่ไอ้พี่กล้าคนเดียวไอ้พวกนี้ก็ขี้หดจนไม่รู้จะหดยังไงละ
มากันขนาดนี้อยากให้น้องมึงท้องอืดเลยรึไงงงงงงงง
แล้ว แล้ว ชี้ไม้ชี้มือมาทางกูทำไมครับไม่ใช่แพนด้านะครับ สัด! ดูแม่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ซุบซิบแล้วเหล่มาทางกูเนี่ย นินทากูอยู่คิดว่ากูดูไม่ออกหรอออออออ ไอ้ส้นตีนเถอะ เมินแม่ง
และกว่าที่พวกพี่คุมวินัยจะปล่อยก็เล่นอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขาสั่น พับๆ
เดี่ยวๆ คิดไรกัน ตะคริวแดกครับโด่!
จริงๆ พี่คุมปล่อยเร็วจากที่บอกเยอะครับเพราะช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมีไรมากหรอกครับ แค่เรียกมาให้เห็นหน้าให้หายคิดถึง ย้ำเรื่องเดิมๆ อะไรเทือกนี้แหละครับเพราะส่วนใหญ่พี่ปีสูงจะเน้นเรื่องประกวดดาวเดือนมากว่าผมเลยสบายไป คึคึ มารับน้องก็ช้า เพลงเชียร์ก็แทบไม่ต้องจำ ทำโทษก็ยังไม่ยักโดน เสียอย่างเดียว...เพื่อนแบน!
คิดอย่างขุ่นเคืองไม่หายก็เกิดปวดท้องขี้ขึ้นมาสงสัยไอ้ที่กินเข้าไปเมื่อเย็นมันจะทำงานดีท้องไส้เลยเรียกร้องหาทอยเล็ตแต่ปัญหาคือกูไม่รู้ว่าอยู่ไหนและปัญหาของปัญหาอีกทีหนึ่งคือกูไม่มีใครคบไง ดวก ชีวิตไอ้เทรซถึงคราวตกต่ำก็คราวนี้
ตัดพ้อตัวเองอยู่พักใหญ่ลำไส้ได้ฤกษ์ประท้วงทันทีไม่ถงไม่ถามความสมัครใจเจ้าของร่างมึงเลยหรือไง กูให้ที่อยู่อาศัยกับมึงทนแค่นี้มันจะตายหรอห้ะ
เออตายดิ
ถ้ามึงยังไม่ไปขี้มึงได้ตายคาขี้นี่แหละสาสสสสส เดินหาห้องน้ำจนท้อตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วผมยังหาไม่เจอเลย พี่ปีสูงแถวนี้ก็เดินกันเกลื่อนบ้างก็นั่งอ่านหนังสือหน้าคร่ำเคร่งบ้างก็เข้าๆ ออกๆ ห้องอะไรสักอย่างอยู่เห็นไอ้รูมเมทอยู่ห้องนั้นแวบๆ ด้วย แต่กูไม่ว่างไปอ้อร้อกับมึงว่ะ จะให้ถามคนแถวนี้ก็ใช่เรื่องครับเทรซคนจริงจะไม่ทำ
และแล้ว
และแล้ว
และแล้วกูก็เจอห้องน้ำจนด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โอย..อิพ่ออิแม่ครับ ผมไม่เคยรู้สึกว่าสวรรค์มันมีจริงก็คราวนี้แหละครับ งื้ออออออ รอพี่ก่อนนะจ้ะน้องทอยพี่จะไปหาน้องเดี่ยวนี้แหละคร้าบบบบบบบบ
โครก ซ่า
กดไล่ก้อนเหลืองไปให้พ้นหน้าพ้นตาแล้วไอ้เทรซก็สบายใจเหมือนน้ำหนักลดลงไปสิบโลตัวเบาคล้ายติดปีกบิน ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว...
ยืนใส่กางเกงอยู่ดีๆ โอ้แม่บุดด้า น้ำจากฟ้ามาได้ยังไงงงงง
ซ่าาาาาาา
โอว...ความฟินระดับ 4HD ทั้งสัมผัส รสชาติ กลิ่น ไอ้ห่าน!!!! สี ด้วยหรอว้ะ
เหี้ย
เหี้ยยยย
เหี้ยยยยยยย
เสื้อไอ้รูมเมท!!!!!!!!
ยืนตะลึงพรึงเพริดไปหลายวิจนลืมลูบหน้า ผมก้มมองสภาพตัวเองแล้วนึกสมเพชอยู่มิใช่น้อยไม่รู้แม่งน้ำเหี้ยนี้จะสกปรกโสโครกขนาดไหนผมถึงได้คันตามคอลามไปถึง_วย
ไอ้พวกสัดหมา นี่มันยุคไหนแล้ววะพวกแม่งถึงได้ทำเรื่องสิ้นคิดแถมโคตรปัญญาอ่อนขนาดนี้ไม่รู้คน..ไม่ๆ นิสัยแบบนี้ ขอเรียกเหี้ยแล้วกันนะ เฮอะ ไอ้เหี้ยพวกนี้ไม่รู้แม่งมีชีวิตมาเรียนแพทย์กันได้ยังไง ต่ำตมว่ะ...
“เฮ้ย แน่จริงก็อย่าลอบกัดดิวะ แม่ง!!!” ผมกะจะกระชากประตูแล้วดูหนังหน้าไอ้พวกเหี้ยที่กล้าหมาหมู่ทำตัวต่ำตมแต่พวกแม่งล็อกประตูใส่!!
“ไอ้สัด เปิดดิวะ!!!!!!” ผมตะโกนดังลั่นใช้ตีนถีบประตูอย่างแรงแต่จนแล้วจนรอดก็เปิดไม่ได้สักที
นี่สินะ....ประตูห้องน้ำม.เอกชน!!!!
ไม่เคยรู้สึกเซ็งที่มันใช้แต่ของดีเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย เหยดแหม่...
“แหกปากไปก็ไม่มีใครได้ยินมึงหรอก หึหึ”
“แม่งสะใจว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ไงมึงฉี่พวกกูสดชื่นไหมวะ หึหึหึหึ”
“นอนจมกองฉี่พวกกูไปละกันนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“ไอ้สัด!! กูบอกให้เปิดไง!!!!! อย่าให้กูรู้ว่าพวกมึงเป็นใครนะ พวกมึงไม่ตายดีแน่ ไอ้เหี้ย!!!!” แหกปากด่าพวกเหี้ยจนเสียงแหบแต่พวกแม่งก็ยังหัวเราะชอบใจพูดจาน่าเอาเท้ากระแทกปากเหยียบซ้ำให้หลอดลมยุบแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไอ้กำแพงห้องน้ำห่านี้ก็เสือกสูงเกินจนปัญญาจะปีนไปดูขี้หน้าพวกเลวนั่นได้แต่นึกโกรธเคืองความเป็นม.เอกชนจนลามมาถึงส่วนสูงกูแล้วเนี่ย เหี้ย!!
“โอ้ะโอ...ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ”
“....!!!”
“พอดีห้องน้ำทางนู้นมันเต็มน่ะ ขอเข้าไปหน่อยนะ...ไอ้บอย ไอ้กิต ไอ้เบน...”
“.....!!” สะ เสียงนี้มัน
ไอ้รูมเมท
“มึง.. มึง!! ช่วยกูด้วย กูอยู่ในนี้!!!!” วินาทีนี้ศักดิ์ศรีบ้าบอห่าเหวอะไรก็ช่างแม่งแล้วขอแค่ออกไปจากตรงนี้ต่อให้ต้องขอความช่วยเหลือจากศัตรูอย่างมันผมก็ยอม
ขอแค่ได้ชกไอ้พวกนรกนั่นก็พอ
“...ไอ้บิ้ก” เห็บหมาสักคน
“ไงไอ้บอย พอดีกูมาตามรูมเมทกลับหอว่ะ กุญแจหอหาย มึงจะว่าอะไรไหมถ้ากูจะขอตัวรูมเมทกูคืน?”
“รูมเมท มึง?”
“อาฮะ”
“เชี่ย...”
ผมได้ยินเสียงแกรกๆ อยู่ข้างนอกจนอยู่ดีๆ ประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นไอ้รูมเมทหน้าหล่อยืนส่งยิ้มกวนตีนให้ เยื่องๆ มันเป็นไอ้พวกนรกพวกเดียวกับที่ฉีกหนังสือผมก่อนหน้า
“พวกมึงแม่ง.......” ผมกะจะพุ่งตัวชกพวกมันให้สาแก่ใจแต่ยังไม่ไวพอไอ้รูมเมทที่อยู่ดีๆ ก็พุ่งตัวกระโดดถีบตะลุมบอนพวกนรกนั่นซึ่งไอ้เทรซทำได้แค่เป็นผู้ชมวีไอพี แถมไอ้หล่อนี่ไม่เป็นห่าไรเลย สบายๆ อย่างกับแค่ลงสนามเพื่อวอร์มร่างกาย
เทพสาสสสสสส
เห็นทีผมต้องมองมันใหม่แล้วครับต่อไปผมจะเรียกมันว่าจุมพลสุดหล่อทุกวันหลังอาหารจะคอยปรนนิบัติพัดวีเสมือนเป็นคุณหลวงก็ไม่ปาน
โหง่ยยย นี่ผมมองมันผิดมาตลอดเลยความจริงแล้วมันอาจจะเป็นคนดีที่แค่ชอบกวนตีนแค่นั้นเอ๊ง ออกจะดูน่ารักตามวิถีจุมพลสไตล์ไง โด่
ต่อยกันเสร็จไอ้รูมเมทหล่อนี่ก็ชี้นิ้วมาทางผมเหยียดสายตาคมเข้มไปทางพวกนรกที่นอนจมกองเลือดกล่าวถ้อยคำกิ้บเก๋ยูเรก้าฟังแล้วโคตรซึ้งใจอยากจะเข้าไปจุ้บเหม่งทีสองทีเป็นการขอบคุณ...
“เสื้อกู”
มึงต่อยไอ้พวกห่านรกนี้ปางตายเพราะเสื้อมึงเลอะฉี่หรอกเหรอ ไอ้สันขวาน!!!!!!
เอาคำชมกูคืนมา!!!!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ