Heart Project : ปริศนาความทรงจำ
10.0
เขียนโดย PnPn
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.
17 ตอน
0 วิจารณ์
18.12K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
9)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 9
เสียงหายใจหอบเหนื่อยจากคนห้าคนในสนามฝึกที่ศูนย์วิจัยอุปกรณ์พร้อมสภาพสนามฝึกที่ดูไม่เหมือนเค้าเดิมของของมันจากที่เป็นอยู่ และรอยยิ้มแบบแปลกของคนสามคนที่มองดูการต่อสู้ที่ห้องควบคุมของสนามดูท่าว่าจะได้ข้อมูลดีๆจากการต่อสู้ของคนทั้งห้าคน แต่เมื่อทั้งสามคนมองดูสภาพสนามก็คงได้แค่ถอนหายใจเพรารู้ว่าเดือนนี้คงได้กินแกลบแน่นอน(เหอะๆๆ)
“ไม่...ไม่คิดว่านิสาจะมีพลังมากขนาดนี้” ดรีมพูดขึ้นมาขณะนั่งพัก
“นั่นสิ สองคนนั้นใช้พลังได้อย่างต่อเนื่องถึงจะมองไม่เห็นรูปแบบที่ใช้ก็เถอะ แต่การเคลื่อนไหวของทั้งสองมันบอกไว้” ชิตพูดเสริม
“นิสาจริงๆแล้วเธอมีพลังมากกว่าที่พวกเราเคยเห็นเยอะเลย” เอมกล่าว “ก็นะพอจับคู่กับไวท์แล้วมันดูเหมาะกันมากเลยนะ ดั้งนั้นตัดใจซะเถอะดรีมเอ๋ยสองคนนั้นเขาคู่กันจริงๆ” เอมขำส่วนดรีมก็ถอนหายใจยาวออกมา
“นี่พวกนายใช้หินเวทย์เสริมพลังหรอ ดูกำลังไม่ลดกันเลยนะ มีของดีไม่บอกกล่าวกันเลย” นิสาที่นั่งพักถามขึ้นมา
“นิสารู้ด้วยหรอว่าพวกเราใช้หินเวทย์เสริมพลัง” เอมถามนิสากลับพร้อมโชว์หินสีขนาดเล็กให้ดู
“อุ๊ป!! เดาถูกด้วย” นิสายิ้มออกมา “ก็จริงๆพวกเธอก็น่าจะหมดพลังไปตังแต่ห้านาทีแรกแล้ว เลยคิดได้ว่าพวกเธอต้องเล่นไอเทมอะไรพวกนี้พวกแบบนี้ด้วยละ”
“แต่ก็นะ นิสาเล่นดูดพลังไปเยอะเลยเอาซะหินนี่หมดพลังเลย” ชิตพูดขึ้นมา “อีกอย่าง ไวท์!!! นายใช้ทริคแบบไหนถึงสามารถใช้เวทย์มนต์ขั้นสูงได้ นายแทบจะไม่มีพลังจำพวกมานาที่เป็นแห่งของเวทมนต์ในตัวเลย” ชิตถามไวท์
“นี่ไง” เมื่อไวท์ได้ฟังข้อสงสัยจากชิตเขาเลยถลกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้นเผยใช้เห็นปลอกแขนตั้งแต่ข้อมือยาวไปถึงศอกที่ปลอกแขนนั้นมีของจำพวกพลอยสีทรงกลมประดับอยู่หลายชิ้นทั่วปลอกแขนนั้น
“พลอยผนึกเวทย์สินะ” เอมทักขึ้นมา “เป็นพลอยที่ใช้สำหรับบรรจุเวทย์สามารถบรรจุเวทย์ได้หลายระดับ แต่โดยส่วนใหญ่ก็มักจะบรรจุพวกเวทย์ระดับสูงกันสินะ”
“ใช่เลย” ไวท์ตอบ “ผมใช้พลอยนี่เก็บเวทย์ที่น้องสาวใช้เอาไว้นะ”
“นั่นสินะ ก็น้องสาวนายเป็นผู้ใช้เวทย์ระดับสูงนี่ จะเอาเวทย์ของน้องสาวมาใช้บ้างจะเป็นไรไปใช่ไหม” ดรีมพูดเสริม “แต่ว่างๆก็มาแนะนำกันบ้างนะว่าเวทย์ไหนใช้ดีจะได้เอามาใส่กับปืนได้” ดรีมพูดต่อและไวท์ก็ตอบรับ
“ขอถามอีกอย่างพลอยผนึกเวทย์มันใช้ได้แค่ครั้งเดียวแล้วมันก็หมดพลัง แต่จากการต่อสู้เมื่อกี้นายเล่นใช้เวทย์รัวๆ มันแปลกๆอยู่นะ ไวท์!” ชิตถามต่อซึ่งเอมกับดรีมเองก็เอะใจเหมือนกันและดูจากพลอยที่อยู่บนปลอกแขนแล้วน่าจะมีไม่เกิน 30 เม็ดด้วยซ้ำ แต่จากการต่อสู้เมื่อครู่ไวท์ใช้เวทย์บ่อยมากซึ่งมีมากกว่า 60 ครั้งแน่นอนทำให้ตอนนี้ทุกคนมาจ้องหน้าไวท์กันหมด
“มีมันใช่ไหมละ ชิ้นนั้นนะ” ชิตพูดออกมาขณะที่ทุกคนจ้องหน้าไปที่ไวท์ “นายมีมรกตใช่ไหม”
คำพูดนี่ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจเพราะมรกตเป็นหนึ่งในเก้าอัญมณีแห่งพลังสุดหายากเป็นรองแค่เพชรกับทับทิมเท่านั้นโดยพลังของมันนั้นสามารถทำให้วัตถุมีสภาพตามเวลาที่ต้องการได้เป็นต้นว่าสามารถให้พลอยผนึกเวทย์ที่ใช้เวทย์ไปแล้วย้อนกลับมาตอนที่ยังไม่ได้ใช้เวทย์ได้
“ถึงผมจะมองไม่เห็นคลื่นพลังที่ออกมาจากตัวนายแต่ที่แขนของนายมาออกมาตลอดเลยนะโดยเฉพาะมรกตเม็ดนั้นมันแสดงคลื่นออกมาได้ชัดเจนมาก” ชิตอธิบายให้ไวท์ฟัง
ไวท์พลิกแขนอีกด้านให้ดูจะเห็นว่ามีเม็ดอัญมณีรูปทรงสี่เหลี่ยมตัดสีเขียวเปล่งประกายสวยงาม
“ยังไงก็ตอนนี้ผมหิวแล้วละ หาอะไรกินกันเถอะ” ไวท์พูดขึ้นพร้อมลุกขึ้นยืนจากนั้นเขาก็ยืนมือมาดึงตัวนิสาขึ้น ทางด้านนิสาก็ยืนมือไปจับแล้วลุกขึ้นยืนและก็ทำทีเป็นสะดุดที่ดูยังไงก็ไม่เนียนเพื่อไปซบอกของไวท์ แล้วทักสองก็ทำตาหวานจ้องมองกัน จนเอมต้องเรียกสิงโตน้ำแข็งกับกระทิงไฟออกมาแล้วตั้งท่าพร้อมโจมตี ชิตชักดาบออกมา ดรีมก็ชักปืนออกมา ทั้งสามจ้องหน้านิสากับไวท์พร้อมส่งสายตาเพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ‘ถ้าพวกนายสองคนไม่รีบออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวพ่อฆ่าทิ้งซะหรอก!!!!!!’
หลังจากนั้นทั้งห้าคนก็นัดฝึกสำหรับงานจัดอันดับพลังทั่วประเทศในตอนเย็นทุกวัน
****
“พี่จ๋า...วันพุธหน้าก็เจอกันแล้ว หนูได้โควตานักศึกษาแลกเปลี่ยนหนึ่งเดือน หนูคิดถึงพี่มากเลยอีกอย่างก็ไม่ได้อยู่กับพี่นานแล้วด้วย แล้วเจอกันนะจ๊ะ รักพี่จ๋านะ”
***
วันพุธของอีกสองสัปดาห์ถัดมา
วันพุธวันแห่งการเรียนปฏิบัติซึ้งวันนี้จะเป็นคาบปฏิบัติทั้งวันโดยปรกติจะมีการเรียนพวกยุทธวิธีการใช้พลังต่างๆ แต่เนื่องจากช่วงนี้มีนักศึกษาปี 2 สมัครงานจัดอันดับพลังทั่วประเทศกันเยอะทางอาจารย์เลยใช้คาบปฏิบัติวันพุธให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มตามทีมที่ลงสมัครแล้วให้มาสู้กันระหว่างทีมด้วยกันเองเพื่อให้เป็นการฝึกสำหรับงานนี้ส่วนพวกที่ไม่ได้ลงแข่งกับพวกลงแข่งประเภทเดี่ยวอย่างเดียวก็ให้จับกลุ่มกันเป็นคู่ซ้อมให้พวกลงประเภททีม ทั้งยังให้ชั้นปี 1 3 และ 4 ที่ไม่มีเรียนเข้ามาร่วมฝึกซ้อมอีกด้วย
แต่วันพุธนี้แปลกไปโดยปรกติจะให้ทำการใช้สนามฝึกได้ทันทีแต่วันกลับเรียกรวมประชุมนักศึกษาก่อนทำการฝึกซ้อมโดยปีสองทั้งหมดถูกนัดไปที่อัฒจันทร์ ในวันนี้เห็นว่าจะมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนมาจากต่างประเทศซึ่งก็เป็นแบบนี้ทุกปีโดยจะมีนักศึกษามาจากต่างประเทศชั้นปีละ 1-2 คน สำหรับผู้ชายแล้วช่วงนี้คงหวังว่าจะได้เจอสาวๆจากต่างประเทศนั้นละ ส่วนผู้หญิงเองก็หวังจะเจอหนุ่มหลอชาวต่างชาติเช่นกัน(วันรุ่นนิเนอะ...เหอะๆๆ)
“นิสา...วันนี้ดูไม่ค่อยดีเลยไม่สบายหรอ” ดรีมถามนิสาเนื่องจากเห็นเธอทำหน้าหงุดหงิดตั้งแต่ออกจากหอแล้ว
“นั่นสิๆ เห็นท่าทางไม่ดีตั้งแต่ออกมาแล้ว” เอมทักเสริมออกมา “จะว่าไปวันนี้ไวท์ก็มาด้วยกันนิตอนนี้หายไปไหนแล้วก็เดินออกมาด้วยกันนี่นา”
“รู้สึกนายไวท์จะแยกออกไปตอนก่อนจะเข้าสนามฝึกแล้วด้วยนะ” ชิตตอบ “เห็นว่าจะมารับพาร์ทไทม์เป็นคนดูแลคาบวันพุธใช่ไหม วันนี้มาทำงานวันแรกสินะ” ชิตพูดกับนิสาแต่นิสาก็ยิ่งทำหน้าหงุดหงิดเข้าไปอีก
“ว่าไปวันนี้มีนักศึกษาแลกเปลี่ยนมา” เอมพูดต่อ “จะเป็นสาวสวย หรือหนุ่มหล่อ น้า???”
“ต้องเป็นสาวสวยอยู่แล้ว!!” ชิตกับดรีมพูดพร้อมกัน “พวกเราไปสืบมาแล้ว” ทั้งสองทำหน้าตามีความหวัง
“มาแล้วๆๆ” เอมทักชิต ดรีมกับนิสาเมื่อเห็นว่าอาจารย์เดินเข้ามาพร้อมนักศึกษาแลกเปลี่ยน
นักศึกษาแลกเปลี่ยนของปี 2 ในปีนี้มีหนึ่งคนเป็นผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลเข้มรูปร่างงามส่วนหน้าตาจัดว่าดาวของชั้นปียังต้องชิตซ้ายซึ่งเหตุนี้เองทำให้เหล่านักศึกษาทั้งผู้ชายและผู้หญิงถึงกับตาลุกวาวทันทีพร้อมทึ่งกับความงามที่อยู่ตรงหน้า แต่ผิดกับเอมที่ต้องตกใจเพราะเธอคนนี้คือน้องสาวของไวท์และเอมก็หายสงสัยทันทีว่าทำไมไวท์ถึงมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่และรวมถึงอาการไม่สบอารมณ์ตั้งแต่เช้าของนิสา
ทางชิตและดรีมเองก็ทึ่งในความงามของน้องสาวไวท์ถึงจะเคยเห็นแค่ในรูปก็เถอะแต่พอมาเจอตัวจริงแล้วกลับสวยกว่าที่คิด
“คุณปูนี่เลือกไว้ดีจริงๆเลยน้า” ดรีมเผลอพูดออกมา
“นั่นสิเธอสวยมากเลย ชักตกหลุดมรักเข้าให้แล้ว” ชิตพูดต่อ แต่สิ้นคำพูดของชิต ดรีมกับชิตก็รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างเหมือนว่าที่นั้งของเขามีแรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวรวมถึงจิตสังหารที่มาจากด้านหลังทั้งสองจึงค่อยๆหันไปหาต้นตอของจิตสังหารที่แผ่ลงมา ทั้งสองเห็นไวท์จ้องเขม่นมาที่พวกเขาราวกับว่าจะฉีกร่างพวกเขาเป็นชิ้นๆ จนดรีมกับชิตต้องนิ่งไป(นี่ละพลังของซิสค่อน)
“สวัสดีค่ะ ดิฉัน นาเดียค่ะ เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนของปีนี้ค่ะ” สาวผมน้ำตาลพูดแนะนำตัว “ดิชั้นมาจากประเทศราชอาณาจักรเอโรเนียค่ะ ก็ตอนเด็ดเคยมาอยู่ที่ไทยค่ะเลยพูดภาษาไทยได้คล่องพอสมควร ยังไงก็ขอรบกวนด้วยนะคะ”
“เอาล่ะ คุณนาเดียช่วงนี้มีการฝึกการต่อสู้สำหรับงานใหญ่ที่จะจัดขึ้นยังไงก็ช่วยมาเป็นคู่ซ้อมให้ด้วยนะ แล้วก็ถ้าสงสัยอะไรก็ถามกันได้เลย” อาจารย์พูดจบก็เดินลงจากอัฒจันทร์เพื่อให้เริ่มซ้อมกันได้
หลังจากอาจารย์ออกไปก็มีนักศึกษาบางส่วน(ชึ่งส่วนมาก็เป็นผู้ชาย)มาขอให้เป็นคู่ซ้อมกับขอให้ร่วมทีมซ้อมด้วย
“ขอโทษด้วยนะคะ เพราะชั้นเล็งคู่ประลองไว้ก่อนแล้ว” นาเดียพูดกับนักศึกษาแล้วเธอก็เดินขึ้นไปหาพวกเอมที่นั่งอยู่ “ขอโทษนะคะ ช่วยมาเป็นคู่ซ้อมได้ไหมคะ”
“เออ...ดรีมครับ” ดรีมรีบแนะนำตัวเอง
“ชิตครับ” ชิตแนะนำตัวเอง
“เอมค่ะ” เอมแนะนำตัวเอง “พวกเราเป็นทีมนะ นาเดียควรหาคนมาทำทีมสามคนด้วยจับคู่ก็ยังดี เออ...นี่ไงๆนาเดียลองจับทีมเดียวกับ....”
“ขอปฏิเสธค่ะ” นิสาตอบทันที “ชั้นจะไม่ขอจับคู่กับยัยนี่เด็ดขาด” จากนั้นนิสาก็ลุกเดินออกไปทันที
“ไม่ง้อเธอหรอก” นาเดียโต้กลับ “ชั้นคนเดียวก็เอาอยู่หรอกน่า”
เอม ชิต ดรีมเริ่มเห็นว่าขืนปล่อยให้สองคนนั้นเริ่มทะเลาะกันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เลยจำยอมให้เธอเป็นคู่มือให้กับทีมของตน จากนั้นพวกเอมก็พานาเดียไปยังเขตสนามของทีมตน เนื่องจากนาเดียเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนทำให้การประลองครั้งนี้เป็นที่สนใจในหมู่ชั้นปีที่2 เพราะต้องการเห็นการใช้พลังของเธอทำให้ที่เขตสนามทีมของเอมจะมีนักศึกษาคนอื่นมามุงดู
การจัดเขตสนามในสนามฝึกจะจัดให้ทีมที่ลงแข่งและมีบาเรียป้องกันไว้ทั้งยังมีคนคุม 1 คนในแต่ละเขตสนามมาคอยควบคุมและประเมินความเสียหายรวมถึงร่วมวางแผนของทีมในการต่อสู้อีกด้วย สำหรับวันนี้ที่เขตสนามของทีมเอม ชิต ดรีม จะมีไวท์มาเป็นคุมให้ ส่วนนิสาก็นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ข้างสนาม
“คุณนาเดียครับ จะไหวหรอครับ” ดรีมถามขึ้นเพราะเป็นห่วงเนื่องจากเป็นการสู้แบบสามรุมหนึ่งอีกทั้งนักศึกษาในรุ่นปี2นี้ต่างก็รู้ดีว่าทีมเอม ชิต ดรีมถือเป็นตัวท็อปของรุ่นเลยก็ว่าได้ทั้งมีประสบการณ์จริงกับสิ่งรุกรานตั้งแต่ก่อนเข้าวิทยาลัยทั้งขณะศึกษาที่วิทยาลัยก็มีขาวอยู่เรื่อยๆว่าก็ไปสู้กับสิ่งรุกรานอยู่บ่อยๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็น่าลองดูนะคะ” นาเดียตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม(จังหวะนี้ดาเมจแรงมาก) “อีกอย่างพี่จ๋าก็ดูอยู่ด้วยดังนั้นอย่าออมมือเด็จขาดเลยนะคะ”
ถึงแม้ว่านักศึกษาคนอื่นจะยังไม่รู้ว่าสาวงามผมสีน้ำตาลเข้มที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครแต่เอม ชิตกับดรีมรู้ดีว่าเธอคือมิราเคิล เกิร์ลสาวผู้ใช้พลังประเภทเวทย์มนต์ผู้ที่เคยล้มมอนเตอร์ประเภทแอลฟาถึงสามตัวมาแล้วชิตเองก็ใช้สายตาตรวจสอบดูแล้วก็พบว่านาเดียมีมานาเวทย์ที่สูงกว่าคนปรกติทั่วไป
จากนั้นทั้งสองทีมก็ประจำตำเหน่งรอสัญญาณเริ่ม
สิ้นเสียงสัญญาณเริ่มการประลองนาเดียพุ่งเขาไปหาเอมทันทีเพราะรู้ว่าเธอเป็นผู้ใช้สัตว์อัญเชิญซึ่งโดยปรกติคนใช้พลังประเภทนี้จะมีการป้องกันระยะประชิดที่ต่ำแต่สำหรับเอมนั้นเธอได้รู้ถึงจุดอ่อนนี้เธอจึงเรียกกิ้งก่าออกมาเกาะที่แขนทันทีแล้วใช้ดาบหางกิ้งก่าเรียมป้องกัน
โดยปรกติแล้วผู้ใช้เวทย์มนต์จะมีสิ่งที่เรียกว่าคทาเวทย์สำหรับร่ายเวทย์มนต์ทั้งนี้คทาเวทย์อาจมีรูปร่างที่ต่างกันออกไปสำหรับความถนัดและความชื่นชอบในแต่ละบุคคล บางคนอาจเป็นแค่แท่งคทาธรรมดาบางคนอาจอยู่ในรูปของใช้ หรือเครื่องประดับ สำหรับนาเดียคทาเวทย์ของเธอคือดาบที่ส่วนใบมีดสีเงินแวววาว ส่วนโกร่งดาบมีสีน้ำเงินเข้มครอบด้ามจับซึ่งดูภายนอกก็น่าจะเป็นอุปกรณ์อะไรสักอย่างไว้เสริมการเวทย์มนต์
นาเดียใช้ดาบฟันเข้าไปที่เอมแต่เอมก็รับการโจมตีของเธอไว้เพื่อให้ชิตกับดรีมโจมตีไปที่นาเดียตอนที่ต้านดาบกับเอม ‘Area Shield’ สิ้นคำร่ายเวทย์ก็เกิดวงแหวนเวทย์บนพื้นจากนั้นก็มีบาเรียทรงกลมล้อมตัวนาเดียไว้ทำให้การโจมตีของชิตและดรีมถูกกันไว้ได้และถูกสะท้อนแรงกลับไปทำให้ชิตกับดรีมต้องถอยห่างออกมาทำให้เอมกับนาเดียต้องประดาบกันต่อไปทันใดนั้นนกสายฟ้าที่เอมเรียกไว้ก่อนแล้วก็เข้ามาโจมตีจากด้านหลังแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะนาเดียใช้‘Area Shield’กันไว้ได้อีกครั้ง
เอมต้องใช้จังหวะนี้ถอยออกมาจากนาเดียก่อนเพราะนาเดียใช้‘High body speed’ ทำให้การเคลื่อนที่ของนาเดียเร็วขึ้นขืนต่อสู้ระยะประชิดต่อไปจะต้องเสียเปรียบแน่เลยถอยออกมาตั้งหลักเพื่อโจมตีพร้อมกันกับชิตและดรีมเพราะทั้งสามคนรู้จุดอ่อนสำคัญของผู้ใช้เวทย์มนต์แล้ว
เอมให้กิ้งก่ากับนกสายฟ้ากลับไปแล้วเรียกกระทิงไฟและสิงโตน้ำแข็งออกมาแทนจากนั้นเอมก็ส่งสัญญาณให้ชิตโจมตีก่อน ชิตปักดาบลงบนพื้นแล้วใช้พลังของอัญมณีทำให้พื้นยกตัวสูงแล้วสร้างเป็นโดมหุ้มตัวนาเดียเอาไว้จากนั้นให้สิงโตน้ำแข็งกับกระทิงไฟโจมตีพร้อมกันไปที่โดมที่กำลังหุ้มตัวนาเดียไว้
‘Plasma Area Guard’ ‘Negated Affections’ สิ้นคำร่ายก็เกิดบาเรียสีขาวทะลายโดมที่จะมาหุ้มและการโจมตีด้วยไฟและน้ำแข็งก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ จากนั้นเอมและชิตก็พุ่งเข้าไปโจมตีระยะประชิดทันทีถึงอย่างนั้นนาเดียก็รับการโจมตีระยะประชิดของเอมและชิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ‘Creating Item Sword’ เกิดเป็นดาบอีกเล่มเป็นดาบสองมือรับการโจมตีของเอมกับชิต
“เสร็จชั้นละ ‘Greater FullZoom’ ‘Greater Long Shot’ ‘Greater Fall Item’ เสียงคำร่ายเวทย์ดังมาจากด้านหลังซึ่งต้นเสียงร่ายคือดรีมนั่นเอง ทันใดนั้นดาบที่เป็นคทาเวทย์ของนาเดียที่เธอถืออยู่ก็กระเด็นออกจากมือของเธอทันที ชิตเลยใช้จังหวะนี้ใช้พลังของอัญมณีเพิ่มความเร็วพุงไปเก็บดาบของนาเดียทันที
โดยปรกติแล้วคนส่วนมากจะคิดว่ากระโจมตีระยะประชิดคือจุดอ่อนของผู้ใช้เวทย์มนต์แต่ความจริงแล้วคือคทาเวทย์ประจำตัวของผู้ใช้เวทย์มนต์ต่างหากคือจุดอ่อนที่แท้จริงถ้าหากถูกปลดคทาเวทย์ได้ผู้ใช้เวทย์ก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาที่ทำอะไรไม่ได้เลย
หลังจากคทาของนาเดียถูกปลดทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งทันทีเสียงผู้ชมก็เงียบลง
“คุณนาเดีย...คุณพลาดแล้วนะ” เอมพูดขึ้นมา
“แหมๆไม่คิดว่าที่เข้ามาโจมตีระยะประชิตคือเหยื่อล่อ” นาเดียพูดตอบ “ส่วนนายทางนั้นก็ต้องแบกภาระเอาเรื่องอยู่นะ เล่นใช้ประเภท Greater สามแบบซ้อนแถมยังมีเวทย์ปลดอาวุธแบบนั้นเหนื่อยเอาการเลย”
“ขอบคุณที่ชมครับ ผมเองก็เป็นผู้ใช้เวทย์เหมือนกันแต่มานาของผมมันไม่ค่อยเยอะเลยต้องใช้เวลานานไปหน่อย” ดรีมตอบกลับพร้อมแสดงท่าทางเขิน “แต่ไม่คิดว่าจะทำได้สำเร็จด้วย” ดรีมก็ยังเขินออกมา
“เห้ยๆๆ พวกนายอะ” นิสาที่นั่งดูอยู่ด้วยท่าทางเซ็งๆตะโกนออกมา “ดูใจเย็นเกินไปแล้วนะ เอมยังจำวันที่เราเจอกันเมื่อ 4 ปีก่อนได้ไหม จำได้ไหมว่าชั้นกำลังทำอะไรในตอนนั้น”
“จำได้แม่นทุกอย่างเลยละ มีอะไรหรอนิสา” เอมตอบนิสากลับ“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”
“เอาน่า...ตอบมาเหอะ” นิสาตะโกนกลับมา
“เออ..ตอนนั้น...เธอบอกว่าต้องรีบเอาคทาไป..ให้...ใคร...บางคน.....แต่ก็คงไม่จำเป็นแล้ว......” เอมพูดออกมาแล้วก็แสดงสีหน้าตกใจแบบสุดขีดออกมา จนชิตกับดรีมแปลกใจ
ทันใดนั้นเอมก็อุทานออกมา “บรรลัยแล้วไง!!!”
********************************************************
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เอมต้องแสดงท่าทีตกใจขนาดนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
เสียงหายใจหอบเหนื่อยจากคนห้าคนในสนามฝึกที่ศูนย์วิจัยอุปกรณ์พร้อมสภาพสนามฝึกที่ดูไม่เหมือนเค้าเดิมของของมันจากที่เป็นอยู่ และรอยยิ้มแบบแปลกของคนสามคนที่มองดูการต่อสู้ที่ห้องควบคุมของสนามดูท่าว่าจะได้ข้อมูลดีๆจากการต่อสู้ของคนทั้งห้าคน แต่เมื่อทั้งสามคนมองดูสภาพสนามก็คงได้แค่ถอนหายใจเพรารู้ว่าเดือนนี้คงได้กินแกลบแน่นอน(เหอะๆๆ)
“ไม่...ไม่คิดว่านิสาจะมีพลังมากขนาดนี้” ดรีมพูดขึ้นมาขณะนั่งพัก
“นั่นสิ สองคนนั้นใช้พลังได้อย่างต่อเนื่องถึงจะมองไม่เห็นรูปแบบที่ใช้ก็เถอะ แต่การเคลื่อนไหวของทั้งสองมันบอกไว้” ชิตพูดเสริม
“นิสาจริงๆแล้วเธอมีพลังมากกว่าที่พวกเราเคยเห็นเยอะเลย” เอมกล่าว “ก็นะพอจับคู่กับไวท์แล้วมันดูเหมาะกันมากเลยนะ ดั้งนั้นตัดใจซะเถอะดรีมเอ๋ยสองคนนั้นเขาคู่กันจริงๆ” เอมขำส่วนดรีมก็ถอนหายใจยาวออกมา
“นี่พวกนายใช้หินเวทย์เสริมพลังหรอ ดูกำลังไม่ลดกันเลยนะ มีของดีไม่บอกกล่าวกันเลย” นิสาที่นั่งพักถามขึ้นมา
“นิสารู้ด้วยหรอว่าพวกเราใช้หินเวทย์เสริมพลัง” เอมถามนิสากลับพร้อมโชว์หินสีขนาดเล็กให้ดู
“อุ๊ป!! เดาถูกด้วย” นิสายิ้มออกมา “ก็จริงๆพวกเธอก็น่าจะหมดพลังไปตังแต่ห้านาทีแรกแล้ว เลยคิดได้ว่าพวกเธอต้องเล่นไอเทมอะไรพวกนี้พวกแบบนี้ด้วยละ”
“แต่ก็นะ นิสาเล่นดูดพลังไปเยอะเลยเอาซะหินนี่หมดพลังเลย” ชิตพูดขึ้นมา “อีกอย่าง ไวท์!!! นายใช้ทริคแบบไหนถึงสามารถใช้เวทย์มนต์ขั้นสูงได้ นายแทบจะไม่มีพลังจำพวกมานาที่เป็นแห่งของเวทมนต์ในตัวเลย” ชิตถามไวท์
“นี่ไง” เมื่อไวท์ได้ฟังข้อสงสัยจากชิตเขาเลยถลกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้นเผยใช้เห็นปลอกแขนตั้งแต่ข้อมือยาวไปถึงศอกที่ปลอกแขนนั้นมีของจำพวกพลอยสีทรงกลมประดับอยู่หลายชิ้นทั่วปลอกแขนนั้น
“พลอยผนึกเวทย์สินะ” เอมทักขึ้นมา “เป็นพลอยที่ใช้สำหรับบรรจุเวทย์สามารถบรรจุเวทย์ได้หลายระดับ แต่โดยส่วนใหญ่ก็มักจะบรรจุพวกเวทย์ระดับสูงกันสินะ”
“ใช่เลย” ไวท์ตอบ “ผมใช้พลอยนี่เก็บเวทย์ที่น้องสาวใช้เอาไว้นะ”
“นั่นสินะ ก็น้องสาวนายเป็นผู้ใช้เวทย์ระดับสูงนี่ จะเอาเวทย์ของน้องสาวมาใช้บ้างจะเป็นไรไปใช่ไหม” ดรีมพูดเสริม “แต่ว่างๆก็มาแนะนำกันบ้างนะว่าเวทย์ไหนใช้ดีจะได้เอามาใส่กับปืนได้” ดรีมพูดต่อและไวท์ก็ตอบรับ
“ขอถามอีกอย่างพลอยผนึกเวทย์มันใช้ได้แค่ครั้งเดียวแล้วมันก็หมดพลัง แต่จากการต่อสู้เมื่อกี้นายเล่นใช้เวทย์รัวๆ มันแปลกๆอยู่นะ ไวท์!” ชิตถามต่อซึ่งเอมกับดรีมเองก็เอะใจเหมือนกันและดูจากพลอยที่อยู่บนปลอกแขนแล้วน่าจะมีไม่เกิน 30 เม็ดด้วยซ้ำ แต่จากการต่อสู้เมื่อครู่ไวท์ใช้เวทย์บ่อยมากซึ่งมีมากกว่า 60 ครั้งแน่นอนทำให้ตอนนี้ทุกคนมาจ้องหน้าไวท์กันหมด
“มีมันใช่ไหมละ ชิ้นนั้นนะ” ชิตพูดออกมาขณะที่ทุกคนจ้องหน้าไปที่ไวท์ “นายมีมรกตใช่ไหม”
คำพูดนี่ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจเพราะมรกตเป็นหนึ่งในเก้าอัญมณีแห่งพลังสุดหายากเป็นรองแค่เพชรกับทับทิมเท่านั้นโดยพลังของมันนั้นสามารถทำให้วัตถุมีสภาพตามเวลาที่ต้องการได้เป็นต้นว่าสามารถให้พลอยผนึกเวทย์ที่ใช้เวทย์ไปแล้วย้อนกลับมาตอนที่ยังไม่ได้ใช้เวทย์ได้
“ถึงผมจะมองไม่เห็นคลื่นพลังที่ออกมาจากตัวนายแต่ที่แขนของนายมาออกมาตลอดเลยนะโดยเฉพาะมรกตเม็ดนั้นมันแสดงคลื่นออกมาได้ชัดเจนมาก” ชิตอธิบายให้ไวท์ฟัง
ไวท์พลิกแขนอีกด้านให้ดูจะเห็นว่ามีเม็ดอัญมณีรูปทรงสี่เหลี่ยมตัดสีเขียวเปล่งประกายสวยงาม
“ยังไงก็ตอนนี้ผมหิวแล้วละ หาอะไรกินกันเถอะ” ไวท์พูดขึ้นพร้อมลุกขึ้นยืนจากนั้นเขาก็ยืนมือมาดึงตัวนิสาขึ้น ทางด้านนิสาก็ยืนมือไปจับแล้วลุกขึ้นยืนและก็ทำทีเป็นสะดุดที่ดูยังไงก็ไม่เนียนเพื่อไปซบอกของไวท์ แล้วทักสองก็ทำตาหวานจ้องมองกัน จนเอมต้องเรียกสิงโตน้ำแข็งกับกระทิงไฟออกมาแล้วตั้งท่าพร้อมโจมตี ชิตชักดาบออกมา ดรีมก็ชักปืนออกมา ทั้งสามจ้องหน้านิสากับไวท์พร้อมส่งสายตาเพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ‘ถ้าพวกนายสองคนไม่รีบออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวพ่อฆ่าทิ้งซะหรอก!!!!!!’
หลังจากนั้นทั้งห้าคนก็นัดฝึกสำหรับงานจัดอันดับพลังทั่วประเทศในตอนเย็นทุกวัน
****
“พี่จ๋า...วันพุธหน้าก็เจอกันแล้ว หนูได้โควตานักศึกษาแลกเปลี่ยนหนึ่งเดือน หนูคิดถึงพี่มากเลยอีกอย่างก็ไม่ได้อยู่กับพี่นานแล้วด้วย แล้วเจอกันนะจ๊ะ รักพี่จ๋านะ”
***
วันพุธของอีกสองสัปดาห์ถัดมา
วันพุธวันแห่งการเรียนปฏิบัติซึ้งวันนี้จะเป็นคาบปฏิบัติทั้งวันโดยปรกติจะมีการเรียนพวกยุทธวิธีการใช้พลังต่างๆ แต่เนื่องจากช่วงนี้มีนักศึกษาปี 2 สมัครงานจัดอันดับพลังทั่วประเทศกันเยอะทางอาจารย์เลยใช้คาบปฏิบัติวันพุธให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มตามทีมที่ลงสมัครแล้วให้มาสู้กันระหว่างทีมด้วยกันเองเพื่อให้เป็นการฝึกสำหรับงานนี้ส่วนพวกที่ไม่ได้ลงแข่งกับพวกลงแข่งประเภทเดี่ยวอย่างเดียวก็ให้จับกลุ่มกันเป็นคู่ซ้อมให้พวกลงประเภททีม ทั้งยังให้ชั้นปี 1 3 และ 4 ที่ไม่มีเรียนเข้ามาร่วมฝึกซ้อมอีกด้วย
แต่วันพุธนี้แปลกไปโดยปรกติจะให้ทำการใช้สนามฝึกได้ทันทีแต่วันกลับเรียกรวมประชุมนักศึกษาก่อนทำการฝึกซ้อมโดยปีสองทั้งหมดถูกนัดไปที่อัฒจันทร์ ในวันนี้เห็นว่าจะมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนมาจากต่างประเทศซึ่งก็เป็นแบบนี้ทุกปีโดยจะมีนักศึกษามาจากต่างประเทศชั้นปีละ 1-2 คน สำหรับผู้ชายแล้วช่วงนี้คงหวังว่าจะได้เจอสาวๆจากต่างประเทศนั้นละ ส่วนผู้หญิงเองก็หวังจะเจอหนุ่มหลอชาวต่างชาติเช่นกัน(วันรุ่นนิเนอะ...เหอะๆๆ)
“นิสา...วันนี้ดูไม่ค่อยดีเลยไม่สบายหรอ” ดรีมถามนิสาเนื่องจากเห็นเธอทำหน้าหงุดหงิดตั้งแต่ออกจากหอแล้ว
“นั่นสิๆ เห็นท่าทางไม่ดีตั้งแต่ออกมาแล้ว” เอมทักเสริมออกมา “จะว่าไปวันนี้ไวท์ก็มาด้วยกันนิตอนนี้หายไปไหนแล้วก็เดินออกมาด้วยกันนี่นา”
“รู้สึกนายไวท์จะแยกออกไปตอนก่อนจะเข้าสนามฝึกแล้วด้วยนะ” ชิตตอบ “เห็นว่าจะมารับพาร์ทไทม์เป็นคนดูแลคาบวันพุธใช่ไหม วันนี้มาทำงานวันแรกสินะ” ชิตพูดกับนิสาแต่นิสาก็ยิ่งทำหน้าหงุดหงิดเข้าไปอีก
“ว่าไปวันนี้มีนักศึกษาแลกเปลี่ยนมา” เอมพูดต่อ “จะเป็นสาวสวย หรือหนุ่มหล่อ น้า???”
“ต้องเป็นสาวสวยอยู่แล้ว!!” ชิตกับดรีมพูดพร้อมกัน “พวกเราไปสืบมาแล้ว” ทั้งสองทำหน้าตามีความหวัง
“มาแล้วๆๆ” เอมทักชิต ดรีมกับนิสาเมื่อเห็นว่าอาจารย์เดินเข้ามาพร้อมนักศึกษาแลกเปลี่ยน
นักศึกษาแลกเปลี่ยนของปี 2 ในปีนี้มีหนึ่งคนเป็นผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลเข้มรูปร่างงามส่วนหน้าตาจัดว่าดาวของชั้นปียังต้องชิตซ้ายซึ่งเหตุนี้เองทำให้เหล่านักศึกษาทั้งผู้ชายและผู้หญิงถึงกับตาลุกวาวทันทีพร้อมทึ่งกับความงามที่อยู่ตรงหน้า แต่ผิดกับเอมที่ต้องตกใจเพราะเธอคนนี้คือน้องสาวของไวท์และเอมก็หายสงสัยทันทีว่าทำไมไวท์ถึงมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่และรวมถึงอาการไม่สบอารมณ์ตั้งแต่เช้าของนิสา
ทางชิตและดรีมเองก็ทึ่งในความงามของน้องสาวไวท์ถึงจะเคยเห็นแค่ในรูปก็เถอะแต่พอมาเจอตัวจริงแล้วกลับสวยกว่าที่คิด
“คุณปูนี่เลือกไว้ดีจริงๆเลยน้า” ดรีมเผลอพูดออกมา
“นั่นสิเธอสวยมากเลย ชักตกหลุดมรักเข้าให้แล้ว” ชิตพูดต่อ แต่สิ้นคำพูดของชิต ดรีมกับชิตก็รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างเหมือนว่าที่นั้งของเขามีแรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวรวมถึงจิตสังหารที่มาจากด้านหลังทั้งสองจึงค่อยๆหันไปหาต้นตอของจิตสังหารที่แผ่ลงมา ทั้งสองเห็นไวท์จ้องเขม่นมาที่พวกเขาราวกับว่าจะฉีกร่างพวกเขาเป็นชิ้นๆ จนดรีมกับชิตต้องนิ่งไป(นี่ละพลังของซิสค่อน)
“สวัสดีค่ะ ดิฉัน นาเดียค่ะ เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนของปีนี้ค่ะ” สาวผมน้ำตาลพูดแนะนำตัว “ดิชั้นมาจากประเทศราชอาณาจักรเอโรเนียค่ะ ก็ตอนเด็ดเคยมาอยู่ที่ไทยค่ะเลยพูดภาษาไทยได้คล่องพอสมควร ยังไงก็ขอรบกวนด้วยนะคะ”
“เอาล่ะ คุณนาเดียช่วงนี้มีการฝึกการต่อสู้สำหรับงานใหญ่ที่จะจัดขึ้นยังไงก็ช่วยมาเป็นคู่ซ้อมให้ด้วยนะ แล้วก็ถ้าสงสัยอะไรก็ถามกันได้เลย” อาจารย์พูดจบก็เดินลงจากอัฒจันทร์เพื่อให้เริ่มซ้อมกันได้
หลังจากอาจารย์ออกไปก็มีนักศึกษาบางส่วน(ชึ่งส่วนมาก็เป็นผู้ชาย)มาขอให้เป็นคู่ซ้อมกับขอให้ร่วมทีมซ้อมด้วย
“ขอโทษด้วยนะคะ เพราะชั้นเล็งคู่ประลองไว้ก่อนแล้ว” นาเดียพูดกับนักศึกษาแล้วเธอก็เดินขึ้นไปหาพวกเอมที่นั่งอยู่ “ขอโทษนะคะ ช่วยมาเป็นคู่ซ้อมได้ไหมคะ”
“เออ...ดรีมครับ” ดรีมรีบแนะนำตัวเอง
“ชิตครับ” ชิตแนะนำตัวเอง
“เอมค่ะ” เอมแนะนำตัวเอง “พวกเราเป็นทีมนะ นาเดียควรหาคนมาทำทีมสามคนด้วยจับคู่ก็ยังดี เออ...นี่ไงๆนาเดียลองจับทีมเดียวกับ....”
“ขอปฏิเสธค่ะ” นิสาตอบทันที “ชั้นจะไม่ขอจับคู่กับยัยนี่เด็ดขาด” จากนั้นนิสาก็ลุกเดินออกไปทันที
“ไม่ง้อเธอหรอก” นาเดียโต้กลับ “ชั้นคนเดียวก็เอาอยู่หรอกน่า”
เอม ชิต ดรีมเริ่มเห็นว่าขืนปล่อยให้สองคนนั้นเริ่มทะเลาะกันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เลยจำยอมให้เธอเป็นคู่มือให้กับทีมของตน จากนั้นพวกเอมก็พานาเดียไปยังเขตสนามของทีมตน เนื่องจากนาเดียเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนทำให้การประลองครั้งนี้เป็นที่สนใจในหมู่ชั้นปีที่2 เพราะต้องการเห็นการใช้พลังของเธอทำให้ที่เขตสนามทีมของเอมจะมีนักศึกษาคนอื่นมามุงดู
การจัดเขตสนามในสนามฝึกจะจัดให้ทีมที่ลงแข่งและมีบาเรียป้องกันไว้ทั้งยังมีคนคุม 1 คนในแต่ละเขตสนามมาคอยควบคุมและประเมินความเสียหายรวมถึงร่วมวางแผนของทีมในการต่อสู้อีกด้วย สำหรับวันนี้ที่เขตสนามของทีมเอม ชิต ดรีม จะมีไวท์มาเป็นคุมให้ ส่วนนิสาก็นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ข้างสนาม
“คุณนาเดียครับ จะไหวหรอครับ” ดรีมถามขึ้นเพราะเป็นห่วงเนื่องจากเป็นการสู้แบบสามรุมหนึ่งอีกทั้งนักศึกษาในรุ่นปี2นี้ต่างก็รู้ดีว่าทีมเอม ชิต ดรีมถือเป็นตัวท็อปของรุ่นเลยก็ว่าได้ทั้งมีประสบการณ์จริงกับสิ่งรุกรานตั้งแต่ก่อนเข้าวิทยาลัยทั้งขณะศึกษาที่วิทยาลัยก็มีขาวอยู่เรื่อยๆว่าก็ไปสู้กับสิ่งรุกรานอยู่บ่อยๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็น่าลองดูนะคะ” นาเดียตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม(จังหวะนี้ดาเมจแรงมาก) “อีกอย่างพี่จ๋าก็ดูอยู่ด้วยดังนั้นอย่าออมมือเด็จขาดเลยนะคะ”
ถึงแม้ว่านักศึกษาคนอื่นจะยังไม่รู้ว่าสาวงามผมสีน้ำตาลเข้มที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครแต่เอม ชิตกับดรีมรู้ดีว่าเธอคือมิราเคิล เกิร์ลสาวผู้ใช้พลังประเภทเวทย์มนต์ผู้ที่เคยล้มมอนเตอร์ประเภทแอลฟาถึงสามตัวมาแล้วชิตเองก็ใช้สายตาตรวจสอบดูแล้วก็พบว่านาเดียมีมานาเวทย์ที่สูงกว่าคนปรกติทั่วไป
จากนั้นทั้งสองทีมก็ประจำตำเหน่งรอสัญญาณเริ่ม
สิ้นเสียงสัญญาณเริ่มการประลองนาเดียพุ่งเขาไปหาเอมทันทีเพราะรู้ว่าเธอเป็นผู้ใช้สัตว์อัญเชิญซึ่งโดยปรกติคนใช้พลังประเภทนี้จะมีการป้องกันระยะประชิดที่ต่ำแต่สำหรับเอมนั้นเธอได้รู้ถึงจุดอ่อนนี้เธอจึงเรียกกิ้งก่าออกมาเกาะที่แขนทันทีแล้วใช้ดาบหางกิ้งก่าเรียมป้องกัน
โดยปรกติแล้วผู้ใช้เวทย์มนต์จะมีสิ่งที่เรียกว่าคทาเวทย์สำหรับร่ายเวทย์มนต์ทั้งนี้คทาเวทย์อาจมีรูปร่างที่ต่างกันออกไปสำหรับความถนัดและความชื่นชอบในแต่ละบุคคล บางคนอาจเป็นแค่แท่งคทาธรรมดาบางคนอาจอยู่ในรูปของใช้ หรือเครื่องประดับ สำหรับนาเดียคทาเวทย์ของเธอคือดาบที่ส่วนใบมีดสีเงินแวววาว ส่วนโกร่งดาบมีสีน้ำเงินเข้มครอบด้ามจับซึ่งดูภายนอกก็น่าจะเป็นอุปกรณ์อะไรสักอย่างไว้เสริมการเวทย์มนต์
นาเดียใช้ดาบฟันเข้าไปที่เอมแต่เอมก็รับการโจมตีของเธอไว้เพื่อให้ชิตกับดรีมโจมตีไปที่นาเดียตอนที่ต้านดาบกับเอม ‘Area Shield’ สิ้นคำร่ายเวทย์ก็เกิดวงแหวนเวทย์บนพื้นจากนั้นก็มีบาเรียทรงกลมล้อมตัวนาเดียไว้ทำให้การโจมตีของชิตและดรีมถูกกันไว้ได้และถูกสะท้อนแรงกลับไปทำให้ชิตกับดรีมต้องถอยห่างออกมาทำให้เอมกับนาเดียต้องประดาบกันต่อไปทันใดนั้นนกสายฟ้าที่เอมเรียกไว้ก่อนแล้วก็เข้ามาโจมตีจากด้านหลังแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะนาเดียใช้‘Area Shield’กันไว้ได้อีกครั้ง
เอมต้องใช้จังหวะนี้ถอยออกมาจากนาเดียก่อนเพราะนาเดียใช้‘High body speed’ ทำให้การเคลื่อนที่ของนาเดียเร็วขึ้นขืนต่อสู้ระยะประชิดต่อไปจะต้องเสียเปรียบแน่เลยถอยออกมาตั้งหลักเพื่อโจมตีพร้อมกันกับชิตและดรีมเพราะทั้งสามคนรู้จุดอ่อนสำคัญของผู้ใช้เวทย์มนต์แล้ว
เอมให้กิ้งก่ากับนกสายฟ้ากลับไปแล้วเรียกกระทิงไฟและสิงโตน้ำแข็งออกมาแทนจากนั้นเอมก็ส่งสัญญาณให้ชิตโจมตีก่อน ชิตปักดาบลงบนพื้นแล้วใช้พลังของอัญมณีทำให้พื้นยกตัวสูงแล้วสร้างเป็นโดมหุ้มตัวนาเดียเอาไว้จากนั้นให้สิงโตน้ำแข็งกับกระทิงไฟโจมตีพร้อมกันไปที่โดมที่กำลังหุ้มตัวนาเดียไว้
‘Plasma Area Guard’ ‘Negated Affections’ สิ้นคำร่ายก็เกิดบาเรียสีขาวทะลายโดมที่จะมาหุ้มและการโจมตีด้วยไฟและน้ำแข็งก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ จากนั้นเอมและชิตก็พุ่งเข้าไปโจมตีระยะประชิดทันทีถึงอย่างนั้นนาเดียก็รับการโจมตีระยะประชิดของเอมและชิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ‘Creating Item Sword’ เกิดเป็นดาบอีกเล่มเป็นดาบสองมือรับการโจมตีของเอมกับชิต
“เสร็จชั้นละ ‘Greater FullZoom’ ‘Greater Long Shot’ ‘Greater Fall Item’ เสียงคำร่ายเวทย์ดังมาจากด้านหลังซึ่งต้นเสียงร่ายคือดรีมนั่นเอง ทันใดนั้นดาบที่เป็นคทาเวทย์ของนาเดียที่เธอถืออยู่ก็กระเด็นออกจากมือของเธอทันที ชิตเลยใช้จังหวะนี้ใช้พลังของอัญมณีเพิ่มความเร็วพุงไปเก็บดาบของนาเดียทันที
โดยปรกติแล้วคนส่วนมากจะคิดว่ากระโจมตีระยะประชิดคือจุดอ่อนของผู้ใช้เวทย์มนต์แต่ความจริงแล้วคือคทาเวทย์ประจำตัวของผู้ใช้เวทย์มนต์ต่างหากคือจุดอ่อนที่แท้จริงถ้าหากถูกปลดคทาเวทย์ได้ผู้ใช้เวทย์ก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาที่ทำอะไรไม่ได้เลย
หลังจากคทาของนาเดียถูกปลดทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งทันทีเสียงผู้ชมก็เงียบลง
“คุณนาเดีย...คุณพลาดแล้วนะ” เอมพูดขึ้นมา
“แหมๆไม่คิดว่าที่เข้ามาโจมตีระยะประชิตคือเหยื่อล่อ” นาเดียพูดตอบ “ส่วนนายทางนั้นก็ต้องแบกภาระเอาเรื่องอยู่นะ เล่นใช้ประเภท Greater สามแบบซ้อนแถมยังมีเวทย์ปลดอาวุธแบบนั้นเหนื่อยเอาการเลย”
“ขอบคุณที่ชมครับ ผมเองก็เป็นผู้ใช้เวทย์เหมือนกันแต่มานาของผมมันไม่ค่อยเยอะเลยต้องใช้เวลานานไปหน่อย” ดรีมตอบกลับพร้อมแสดงท่าทางเขิน “แต่ไม่คิดว่าจะทำได้สำเร็จด้วย” ดรีมก็ยังเขินออกมา
“เห้ยๆๆ พวกนายอะ” นิสาที่นั่งดูอยู่ด้วยท่าทางเซ็งๆตะโกนออกมา “ดูใจเย็นเกินไปแล้วนะ เอมยังจำวันที่เราเจอกันเมื่อ 4 ปีก่อนได้ไหม จำได้ไหมว่าชั้นกำลังทำอะไรในตอนนั้น”
“จำได้แม่นทุกอย่างเลยละ มีอะไรหรอนิสา” เอมตอบนิสากลับ“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”
“เอาน่า...ตอบมาเหอะ” นิสาตะโกนกลับมา
“เออ..ตอนนั้น...เธอบอกว่าต้องรีบเอาคทาไป..ให้...ใคร...บางคน.....แต่ก็คงไม่จำเป็นแล้ว......” เอมพูดออกมาแล้วก็แสดงสีหน้าตกใจแบบสุดขีดออกมา จนชิตกับดรีมแปลกใจ
ทันใดนั้นเอมก็อุทานออกมา “บรรลัยแล้วไง!!!”
********************************************************
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เอมต้องแสดงท่าทีตกใจขนาดนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ