Heart Project : ปริศนาความทรงจำ

10.0

เขียนโดย PnPn

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.

  17 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 6

                “ไม่จริง...พวกแกน่าจะ...น่าจะหายไปหมดแล้วนี่นา” เอมพูดขึ้นพร้อมทำสีหน้าตกใจสุดขีด “ไม่ยอมเด็ดขาด...ไม่ยอมเด็ดขาด...” เอมกำหมัดแน่น

                ชิตที่ยืนอยู่ใกล้ๆเห็นอาการของเอมที่แสดงออกมาทุกอย่างแต่ไม่ทันชิตจะทำอะไร เอมเรียกนกสายฟ้าออกมาและพุ่งเข้าไปหาหญิงปริศนาตรงหน้า หญิงปริศนาใช้แขนงมากันการโจมตีเอาไว้ จากนั้นเอมก็กระหน่ำโจมตีไม่หยุดโดยไม่ฟังเสียงของชิตเลย เนื่องจากการโจมตีแบบไม่คิดจะเปิดช่องโหว่ทำให้พลาดท่าได้และเอมก็พลาดจนได้ถูกใยของหญิงปริศนามัดเข้าก่อนจะถูกแขนงของหญิงปริศนาผลักจนเอมล้มลง

                 ชิตรีบเข้าไปป้องกันเอมที่ล้มลงก่อนหญิงปริศนาจะโจมตีซ้ำโดยใช้เกราะแสงและผลักหญิงปริศนาออกไป จากนั้นชิตพุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้งหญิงปริศนาก็กันได้อีกรอบ ทั้งสองผลัดกันรับผลัดกันรุก เนื่องจากสู้กันในสถานที่จำกัดเมื่อได้โอกาสชิตจึงเหวี่ยงหญิงปริศนาออกทะลุหน้าต่างออกไปซึ่งข้างนอกเป็นลานกว้าง

                “จะอะไรนักหนา” หญิงปริศนาตะโกนออกมาและท่าทางหงุดหงิดสุดๆ “เลิกเล่นได้แล้ว”

                หญิงปริศนาหยิบแท่งที่เหน็บตรงเข็มขัดขึ้นมาข้างละชิ้นแล้วต่อเข้าด้วยกันจากนั้นที่ด้านหนึ่งมีคมดาบปรากฏออกมา เธอเริ่มแกว่งดาบไปมาชิตรู้ได้ทันทีว่าดาบนั้นสามารถโจมตีระยะไกลได้เขาจึงรีบกางเกราะแสงออกมากัน แต่ทันใดนั้นหญิงปริศนาก็พุ่งเข้ามาถึงตัวชิตแล้ว ชิตที่ยังทำอะไรไม่ได้ก็ทำได้แค่มองเพราะจังหวะนี้มันเร็วมาก

                เสียงเหมือนโลหะกระทบกันตรงหน้าของชิต เอมนั่นเอง เธอคงเอาตัวเองออกจากเส้นใยที่พันรอบตัวเธอออกและรีบมาช่วยในทันทีเอมผลักหญิงปริศนาให้กระเด็นออกไป

                “ขอโทษด้วยนะชิต เมื่อกี้ใจร้อนไปหน่อย” เอมกล่าวขึ้น

                “ชั่งเถอะ ไว้ค่อยคุยหลังจากล้มป้าแมงมุมนี่ก่อน” ชิตตอบกลับพร้อมเปลี่ยนรูปร่างอาวุธกลับมาเป็นดาบ

                หญิงปริศนาเมื่อได้ยินที่ชิตพูดว่าเป็นป้าก็ถึงกับไม่พอใจมากและอาการโมโหก็เพิ่มถึงขีดสุด หญิงปริศนาพุงอย่างเร็วตัวไปหาชิตกับเอมที่ยืนอยู่ ชิตจึงกันด้วยเกราะแสงแล้วให้เอมใช้หางกิ้งก่าฟันสวนกลับทันที

                “เสร็จชั้นละ” หญิงปริศนาพูดขึ้นขณะกำลังต้านดาบกับเอมและดึงตัวกลับมา

                แสงสว่างจ้าเกิดขึ้นที่อาคารโกดังที่ทั้งสองออกมา จากนั้นที่โกดังกลังที่สามกับสองก็เกิดระเบิดขึ้น พร้อมๆกับเสียงระเบิด เสียงตึกถล่ม และเสียงการเคลื่อนตัวของบางสิ่งจากทั่วทุกทีแล้วก็มีพวกบอทเดินออกมาจากโกดัง

                ตอนนี้ตัวของชิตกำลังสั่นอย่างหนักและแสดงสีหน้าถึงความกลัวออกมา

                “เกิดอะไรขึ้นชิต” เอมที่เห็นอาการของชิตถามขึ้น

                “พวกบอท...เป็นหมื่น...ไม่สิสามหมื่นตัวทั่วเมืองกำลังอาละวาด” ชิตเสียงสั่นตอบกลับมา

                เอมที่ได้ฟังก็ถึงกลับตกใจ

                “ถ่วงเวลาไว้สินะ” ชิตหันไปถามหญิงปริศนา

                “งั้นก็ขอฝากที่เหลือด้วยนะ” หญิงปริศนายิ้มออกมาจากนั้นก็ปาระเบิดแสงลงพื้นและหายตัวไปในทันที

                เอมและชิตก็ทำได้แค่มองดูเท่านั้นแต่ตอนนี้ทั้งคู่คงต้องหนีออกจากโกดังนี้ก่อน

                ทันใดนั้นก็ได้การติดต่อมาจากคุณซิลเวอร์

                “ดูท่าจะไม่ไหวกันสินะ” เสียงของคุณซิลเวอร์พูดออกมา “ช่วยไม่ได้นะงั้นต้องใช้แผนสอง เอาละชิตถามหน่อยอาวุธของนายคือ นวรัตนาวุธ ใช่ไหม”

                “ใช่ครับ” ชิตตอบกลับ

                “มีโกเมน เพทาย ไพฑูรย์ ไหม” คุณซิลเวอร์ถามต่อ

                “มีทั้งหมดครับ” ชิตตอบกลับ

                “ดีล่ะ พวกเธอไปเจอคนคนนึงที่ที่ว่าการเมืองนี้ทีนะ” คุณซิลเวอร์ออกคำสั่งทันที “ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายเอาเป็นว่าถ้าไปถึงจะรู้เองละว่าเป็นใคร ไปให้เร็วที่สุด!!!!”

                ทั้งสองได้ยินดังนั้นจึงรีบหาพาหนะทันที เอมก็เสนอให้ขับรถบรรทุกที่จอดอยู่ขับไปชิตเองก็ไม่มีทางเลือกเพราะถ้ากลับไปเอายานที่ขับมาคงต้องผ่านฝูงบอทที่กำลังตรงมาทางนี้

                ทั้งสองเลยขับรถบรรทุกฝ่าฝูงบอทออกไป ชิตเหยียบคันเร่งแบบไม่ปล่อยเนื่องจากนาทีนี้พวกเขาช้าไม่ได้อีกแล้ว แต่ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่เส้นทางจากโกดังร้างถึงที่ว่าการเมืองสามารถใช้ถนนเส้นหลักได้ทันทีไม่ต้องอ้อมไปไกล ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็ไปถึงที่ว่าการเมือง แม้ระหว่างทางจะฝ่าฝูงบอทไปก็ตาม

                ที่ว่าการเมืองของเมืองนี้จะมีลานกว้างอยู่หน้าอาคารสำนักงานหลังใหญ่และลานกว้างแห่งนี้คือจุดนัดพบที่คุณซิลเวอร์บอกให้ทั้งสองมา โดยปรกติลานกว้างแห้งนี้จะใช้เป็นสถานที่จัดงานประจำปีของเมืองนี้รวมถึงมีสัญลักษณ์ของเขตนี้นั่นก็คืออนุสาวรีย์ Mask man ผู้ปกป้องเมืองจากมหาภัยร้ายเมื่อ 4 ปีที่แล้วยืนคู่กับ Mask girl คู่หูของเขาตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของลานกว้าง

                รถบรรทุกพุ่งเข้ามาที่ลานกว้างอย่างรวดเร็วพร้อมกับหักเลี้ยวอย่างรวดเร็วจนส่วนท้ายรถบรรทุกถึงบิดตามอย่างรวดเร็วจนเกือบจะพลิกคว่ำแต่ก็ได้ฐานของอนุสาวรีย์นี่ละมาช่วยเบรกไว้ถึงจะเกือบพังไปก็เถอะ

                เอมกับชิตออกมาจากรถบรรทุก ทั้งสองมองไปรอบๆลานกว้างแต่ก็ไม่เจอใคร

                “ไม่เห็นมีใครเลย” เอมพูดขึ้น ทันใดนั้นเองพวกบอทจากทั่วทุกทิศก็ค่อยๆออกมาตามเสียงของรถบรรทุกที่ชนกับอนุสาวรีย์ ส่วนชิตเองก็ตกใจถึงจำนวนบอทที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

                แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ยามเย็นค่อยๆมืดลงและแทนที่ด้วยแสงจากหลอดไฟรอบๆที่ว่าการเมืองแต่ก็ไม่สามารถสว่างได้มาพอกับแสงอาทิตย์ เอมกับชิตยืนหันหลังชิดกันเพราะรู้ว่ากำลังเจอกับฝูงบอทกว่าพันตัว ทันใดนั้นแสงสีขาวส่องประกายมาจากชั้นด่านฟ้าของอาคารที่ว่าการเมือง แสงนั้นได้พุ่งลงมาหาเอมกับชิตที่ยืนมองด้วนความแปลกใจ

                แสงสีขาวปรากฏเป็นร่างของหญิงสาวสวมชุดสูทรัดรูปสีขาวทำให้เห็นสัดส่วนชัดเจน สวมหน้ากากสีขาวปิดบังใบหน้าเอาไว้ มีออร่าจางๆสีขาวออกมาพร้อมด้วยลมที่พัดเบาๆทำให้ผมยาวสีน้ำตาลเข้มของเธอที่พัดปลิวไปตามลม สำหรับชิตกับเอมที่มองอยู่ก็รู้สึกผ่อนคลายทันที

                “แข็งแกร่ง...” ชิตมองเห็นคลื่นที่ออกมาจากร่างของหญิงสาวในสูทสีขาวด้วยตาของเขา ชิตก็ยังตะลึงเพิ่มอีกเนื่องจากคลื่นบางส่วนที่เขาเห็นนั้นมีลักษณะเป็นสีขาวจางๆออกมาพร้อมออร่าของเธอซึ่งไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน “คุณเป็นใครกัน” ชิตถามต่อในทันที

                “คนนี้...คือ...Mask girl...คนนั้น” เอมที่ยืนตกใจอยู่ข้างๆได้สะกิดชิตแล้วชี้ไปที่อนุสาวรีย์ “ใช่แน่ๆจากคำบอกกล่าวเมื่อ 4 ปีที่แล้วก่อนฮีโร่ประจำเมืองจะหายไปว่าจะกลับมาเมื่อยามเมืองนี้ประสบมหาภัยอีกครั้ง และในตอนนี้หลังเธอได้กลับมาแล้ว” (เอาจริงๆเอมนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Mask man เลยทีเดียวเอาไว้เล่าทีหลังแล้วกัน)

                “ห๊ะ..จริงหรอ” ชิตถึงกับต้องตะลึงเมื่อมองไปที่รูปปั้นที่อยู่บนอนุสาวรีย์นั้น “เหมือนกัน...ใช่จริงๆด้วย คนนี้คือ Mask girl ผู้นั้น”(ชิตเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Mask man)

                ทั้งสองยังคงตะลึงกับตำนานที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยลืมสถานการณ์ไปเลยว่ากำลังถูกพวกบอทกว่าพันตัวที่อยู่รอบๆกำลังตรงเข้ามาหา (นั่นตำนานตัวเป็นๆเลยนะเว้ย) ทั้งนี้ด้วยออร่าสีขาวของ Mask girl ทำให้เอมกับชิตที่ต้องเจออะไรหลายๆอย่างตั้งแต่ตอนบ่ายรู้สึกผ่อนคลายลงทันทียิ่งเจอตำนานที่ทั้งสองเป็นถึงแฟนพันธุ์แล้วความเหนื่อยล้าทั้งหมดถึงกับหายเป็นปลิดทิ้ง

                “เอาล่ะๆอย่าพึ่งอึ้งกัน” Mask girl หันมาพูดกับเอมและชิต “เอมกับชิตใช่ไหม พี่เบรกเกอร์บอกว่าพวกเธอมี     นวรัตนาวุธอยู่ ขอยืมหน่อยนะ”

                ชิตกับเอมถึงตาลุกวาวทันทีเมื่อรู้ว่าตำนานที่อยู่ตรงหน้ารู้จักชื่อของพวกเราด้วย ชิตก็ส่งดาบของเขาให้ตำนานสีสีขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าตามคำขอทันที

                “ขอบคุณนะ” เสียงใสๆพูดออกมาผ่านหน้ากากสีขาว “อีกอย่างฝากแจ้งคุณเบรกเกอร์กับกองบัญชาการด้วยว่าพิธีกรรมสู่วัลฮัลลาจะเริ่มแล้วนะ”

                เอมและชิตได้ฟังดังนั้นจึงรีบติดต่อกองบัญชาการและคุณซิลเวอร์ที่ประจำอยู่ที่บ้านของไวท์กับนิสาให้พร้อมสำหรับพิธีกรรมที่Mask girl พูดถึง แต่ก็มีเอมกับชิตที่สงสัยว่าพิธีกรรมแห่งแสงมันคืออะไร ทั้งที่การจะทำพิธีกรรมนั้นต้องใช้จำนวนคนที่เยอะอยู่ประจำตำแหน่งที่เหมาะสมและใช้เวลาที่นานมากแต่ส่งผลเป็นวงกว้าง ถึงกระนั้นถ้ามีการเตรียมการทำพิธีกรรมจริงชิตเองก็จะต้องรู้สึกหรือเห็นคลื่นของการเตรียมการแต่จนถึงตอนนี้ชิตจับอะไรไม่ได้เลย

                “ขอให้พวกเธออยู่ในนี้จนว่าพิธีกรรมจะจบด้วยนะ”Mask girl พูดจบก็สร้างเกราะแสงมาครอบตัวของชิดและเอมเอาไว้

                “เกราะแสงจาก Mask girl สุดยอด!!” เอมที่ได้เห็นเกราะแสงถึงกับตะโกนออกมา

                “นี่ไม่ใช่เกราะแสงธรรมดามันมีรูปแบบของพลังที่ไม่ใช่ของเกราะแสง ผมเองเห็นการใช้เกราะแสงของนิสากับไวท์และคนอื่นๆมาตั้งหลายรอบถึงจะมีรูปแบบในแต่ละเฉพาะในแต่ละบุคคลแต่ฐานของพลังนั้นเหมือนกัน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่มันมีสีขาว...คลื่นสีขาวแผ่ออกมาแถมความแข็งแกร่งกับของนิสาห่างกันลิบลับ” ชิตที่เห็นคลื่นพลังจากเกราะแสงถึงกับตะลึง

                “พิธีกรรมเริ่มแล้วนะ” Mask girl พูดจบก็ลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไร้แสงจากดวงอาทิตย์ไปแล้ว แสงออร่าสีขาวค่อยๆลอยตัวขึ้นไป เมื่อแสงสีขาวอยู่กลางท้องฟ้าจากนั้นแสงสีเงินที่เกิดขึ้นจากดาบของชิตก็เปล่งประกายออกมาพร้อมด้วยแสงของอัญมณีเปล่งประกายแซมขึ้นมา

                “สุดยอดสามารถใช้พลังอัญมณีทั้งหมดได้พร้อมกัน!!” ชิตที่มองอยู่ถึงกลับพูดออกมา

                ทันใดนั้นเองจากแสงสีเงินที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าก็เกิดเป็นเกราะแสงขนาดใหญ่แผ่คลุมเหนือน่านฟ้าของเมืองนี้ เกราะแสงหักเหแสงจากหลอกไฟที่อยู่เบื้องล่างสะท้อนแวววาวกลายเป็นสีรุ้งไปทั่วท้องฟ้าส่องประกายสวยงามไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน จากนั้นตำนานสีขาวที่อยู่บนท้องฟ้าใช้ดาบสีเงินที่สองแสงประกายเสียบไปที่เกราะแสงที่สร้างขึ้นเกราะแสงขนาดใหญ่ค่อยๆกลายสภาพเป็นวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่

                “นี่มันโอเวอร์สุดๆ” เอมพูดออกมาเมื่อเห็นวงเวทย์ที่เกิดขึ้นพร้อมแววตาที่ส่องประกาย

                วงแหวนเวทย์ขนาดที่อยู่บนฟ้าส่องแสงสีขาวสว่างทั่วท้องฟ้าราวกับกลางวัน แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถมองท้องฟ้าได้ เพียงชั่วครู่วงแหวนเวทย์ก็แตกออกราวกับเศษแก้วจากนั้นแสงบนท้องฟ้าค่อยๆจางลง เอมกับชิตค่อยๆลืมตาขึ้นภาพที่ทั้งสองเห็นคือพวกบอทกำลังค่อยๆสลายกลายเป็นละลองแสง

                “ชิตนายเห็นอะไร” เอมถามชิตเพราะอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

                “ไม่มี...ไม่เห็นอะไรเลย...ไม่มีคลื่นหรืออะไรออกมาจาตัวพวกบอทที่กำลังสลายเลย” ชิตตอบกลับมา “ผมเห็นเหมือนที่เอมเห็นนั่นล่ะ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย”

                “ช่างเถอะ รู้แค่ว่าวันนี้เรารอดแล้ว” เอมพูดจบก็ทิ้งตัวลงนั่งทันที

                “อีกอย่างเราก็ได้เห็นตำนานตัวจริงด้วย” ชิตพูดพลางมองแสงสีขาวค่อยๆลอยลงมาทางพวกเขา

                แสงสีขาวลอยมาอยู่ตรงหน้าของทั้งสอง

                “ขอบคุณนะ” Mask girl พูดขึ้นพร้อมคืนดาบให้ชิด “เราคงจะได้เจอกันอีก ที่ไหนสักแห่ง”พอพูดจบเธอก็เดินหันหลังจากไปและหายไปกับความมืดทันที ปล่อยให้เอมกับชิตมองด้วยสายตาสุดปลื้ม

                จากนั้นทั้งสองได้รับการติดต่อจากคุณซิลเวอร์

                “พวกเธอเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงคุณซิลเวอร์ดังออกมาจากวิทยุ

                “พวกเรายังไม่ตาย แล้วยังได้เจออะไรดีๆด้วย” ชิตตอบกลับไป

                “ดีแล้วๆ พวกเธอมาเจอกันที่บ้านของนิสานะ เดียวส่งพิกัดไป” คุณซิลเวอร์ตอบกลับมา“อ้อเหมือนจะลืมบอกไป ถ้าหมุนที่หัวของแหวนมันจะมีโหมดการบินด้วย”

                “แล้วเพิ่มจะมาบอกอะไรตอนนี้!!” ชิตกับเอมถึงกับตะโกนใส่วิทยุ

คุณซิลเวอร์ตัดสายไป

“ไปกันเถอะ” ชิตหันไปพูดกับเอม พร้อมยื่นมือไปหาเอมเพื่อดึงเอมขึ้นยืน ทางเอมก็ยื่นมือจับมือของชิตแล้วลุกขึ้นยืนจากนั้นทั้งสองก็บินไปบ้านของนิสา

ที่บ้านของนิสาเป็นหลังไม่ใหญ่มีสองชั้นข้างบ้านของนิสามีบ้านทรงเดียวกันนั่นคือบ้านของไวท์ที่หน้าบ้านของทั้งสองยังมีกองทหารอยู่และค่อยดูแลประชาชนที่มาหลบภัยและประชาชนที่ทยอยกลับบ้านหรือที่พักของตน จากสภาพโดยรอบยังคงเห็นความเสียหายและก็ได้ซ่อมแซมอย่างรวดเร็วโดยใช้พลังวิเศษจากหน่วยงานของทางทหาร

ทั้งสองมารายงานตัวที่คุณซิลเวอร์พร้อมถอดชุดสูทออกแล้วคืนแหวนให้คุณซิลเวอร์ขณะนั้นนิสากับไวท์ก็เดินมาหาเอมกับชิต นิสาขอให้เอมนอนค้างที่บ้านนิสาส่วนชิตก็ถูกคุณซิลเวอร์พากลับ(บังคับ)ไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อไปรายงานผลให้กับศาสตราจารย์อรชุน

                นิสาพาเอมเข้าไปในบ้าน

                “นิสาผู้ชายในรูปนี้ใครหรอ” เอมเหลือบไปเห็นรูปของนิสาที่กำลังควงชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม(ก็ปรกติเห็นควงอยู่กับไวท์นิ) “แปลกจังชั้นไม่เคยเห็นเธอควงผู้ชายคนอื่นนอกจากไวท์เลยนะ”        

                “นั่นไม่ใช่รูปของชั้นหรอ” นิสาตอบกลับ “คนในรูปพี่สาวฝาแฝดของชั้นกับแฟนของเธอนะ”

                “นิสามีแฝด??” เอมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “ดูเหมือนเธอมากเลยจนคิดว่าเป็นคนเดียวกันซะอีก”

                “ไม่เชื่อใช่ไหมดูนี่สิ” นิสายื่นรูปให้ดูเป็นรูปสมัยม.ปลายของนิสา ในรูปมีคนสามคนซึ่งคนตรงกลางคือไวท์แต่สองคนที่ยืนทั้งสองข้างที่มีหน้าตาเหมือนกันมากราวกับcopy-pasteกันมาอย่างนั้นละ “เอมเดาสิชั้นคือคนไหน”

                “ใครจะไปรู้เล่า ทางซ้ายมั้ง” เอมตอบกลับ

                “ถูกต้อง เก่งนี่ เดาถูกได้ไงอ่ะ” นิสาถามต่อ

                “ก็เดานะ เดาล้วนๆ” เอมตอบกลับ “เหมือนกันซะขนาดนี้จะมีใครแยกออกไหมว่าใครเป็นใคร”

                นิสายิ้มรับก่อนจะให้เอมไปอาบน้ำส่วนนิสาจะไปเตรียมที่นอนและก็ไปอาบน้ำ

                เอมเข้ามาที่ห้องนอนตามที่นิสาบอก พอเข้าไปในห้องก็พบเตียงสองชั้นขณะนั้นนิสาเองก็ตามเข้ามาพอดี

                “นี่ห้องนอนชั้นเอง” นิสาพูด “เห็นไหมชั้นมีฝาแฝดหลักฐานคือเตียงสองชั้นนี่ละ”

                “จ้า...เชื่อแล้วๆๆ” เอมตอบกลับ “จะว่าไปแล้วพ่อแม่กับแฝดเธอละ?”

                “พ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศนะ ส่วนแฝดก็พอจบม.ปลายก็ถูกเชิญไปทำงานจากหน่วยกลางแล้ว” นิสาตอบกลับ

                นิสาให้เอมไปนอนที่เตียงชั้นล่างซึ่งเป็นของแฝดนิสาส่วนนิสานอนชั้นบนซึ่งเป็นที่นอนของเธอ

                “เอาเถอะวันนี้เหนื่อยมากเลยขอนอนก่อนละกัน” เอมขอนิสานอนก่อน“พรุ่งนี้มีเรื่องจะถามนิสาเยอะแยะเลย ฝันดีนะนิสา อ่อหวังว่าพรุ่งนี้เช้าเธอคงไม่ไปโผล่อยู่ที่บ้านของไวท์นะ”

                “ไม่ทีทางหรอกน่า ฝันดีนะ” นิสากล่าวราตรีสวัสดิ์กลับไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา