Heart Project : ปริศนาความทรงจำ
เขียนโดย PnPn
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตอนที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของหญิงสาว แสงแดดอันรำคาญตากำลังปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้น เธอค่อยๆลืมตามองดูแสงที่ผ่านผ้าม่านมาพลางนึกในใจว่า “แสงยามเช้าตอน 8 โมง นี่ดีจังเลยน๊า สดชื่นจัง” พร้อมเผยแสดงรอยยิ้มเล็กๆพร้อมแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพู หญิงสาวผมดำตรงยาวถึงกลางหลังลุกขึ้นนั่งบนเตียงถึงกระนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังไม่หายไป
“...สายแล้ว...”หญิงสาวเปลี่ยนจากหน้าที่ยิ้มเป็นหน้าตาที่แสดงความร้อนรนแต่ยังคงแก้มที่ยังคงเป็นสีชมพูไว้
เธอแสดงอาการรีบร้อนอย่างชัดเจน แต่ทำกิจวัตรยามเช้าได้อย่างไม่บกพร่องราวกับเป็นความเคยชิน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ และแต่งตัวทุกอย่างเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว เธอรีบออกจากห้องพักในทันที ห้องพักที่อาศัยนั้นเป็นหอพักที่ขึ้นกับวิทยาลัยสายพลังแห่งประเทศไทยสาขาใหญ่ หญิงสาวสวมเสื้อนอกสีเทามีตราของวิทยาลัยปักบริเวณอกซ้าย ทั้งยังสวมกระโปรงดำตรงคลุมถึงเข่า พร้อมสะพายกระเป๋าสีดำที่ด้านข้าง เธอวิ่งลงบันไดจากชั้น 5 มายังชั้นล่างสุด จะว่าไปจากตั้งแต่ตื่นนอนถึงชั้นล่างสุดของหอพักเธอใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ณ ชั้นล่างสุดของหอพักหญิงสาวเดินออกมาที่ด้านหน้า จากนั้นเธอหยุดเดินและยืนอยู่นิ่ง เธอยื่นมือออกมาทางด้านหน้าอยู่ๆก็มีแสงสว่างปรากฏที่ตรงหน้า เมื่อแสงจางหายไปก็ปรากฏเป็นจักรยานคันสีชมพูอยู่ตรงหน้า เธอมันผมเป็นหางม้าก่อนจะขึ้นจักรยานและปั่นออกไปอย่างเร่งรีบ
นี่คือปี MD.856 ยุคแห่งพลังพิเศษ วิวัฒนาการ และนวัตกรรม เป็นยุคที่ผู้คนสามารถใช้พลังพิเศษได้ ไม่ว่าจะเป็นพลังจิต ความสามารถพิเศษที่เกิดจากวิวัฒนาการ รวมถึงเวทย์มนต์ ทั้งยังมีการนำพลังพิเศษเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย จึงไม่แปลกใจนักถ้าจะเห็นคนที่เหาะบินไปบินมา ไม่ก็คนปล่อยสายฟ้าออกจากมือ
ดูเหมือนว่าในสมัยก่อนมักจะมีพวกเอาพลังนี่ไปเล่นอะไรแปลกเป็นต้นว่าเล่นเป็นนินจาโดยการแยกร่างตัวเองออกเป็นหลายร้อยคนจนถึงต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะใช้พลังมากไป ยังมีคนใช้พลังในการพยายามเปลี่ยนแปลงอาวุธดาบเป็นรูปร่างแปลกๆไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนเป็นกลีบดอกไม้บ้างละ เปลี่ยนเป็นดาบน้ำแข็งบ้างละ หนักสุดยังมีการเปลี่ยนดาบเป็นสิ่งมีชีวิตก็ยังมี
ถึงในปัจจุบันจะทำได้อย่างที่กล่าวไว้แล้ว แต่ก็ยังต้องฝึกฝนอยู่พออยู่สมควรไม่ได้ทำกันง่ายๆ ในกรณีที่ไม่ได้ฝึกฝนแต่ก็พยายามทำในสิ่งเหล่านี้อาจมีผลกระทบถึงชีวิตเพราะใช้พลังมากเกินไป จะไม่ว่ายังไงพอไปถามพวกเล่นพิเรนทร์พวกนี้ส่วนมากก็ตอบกลับมาว่าทำตามหนังสือที่มีรูปเยอะๆคำน้อยๆสมัยก่อนยุคMD
กลับมาที่หญิงสาวที่ปั่นจักรยานสีชมพูอย่างรีบเร่ง
“น่าจะเรียนรู้เคลื่อนที่พริบตาไว้ล่ะนะ” หญิงสาวคิดในใจ แต่ก็ไม่มีเวลาถอนหายใจเพราะเวลาเข้าเรียนที่ใกล้เข้ามาแล้ว และในที่สุดเธอก็มาถึงตึกเรียนก่อน 9 โมงเธอกระโดดลงจากจักรยานและวิ่งเข้าไปอาคารเรียน
“มาจนได้นะคุณเอม เกือบไม่ทันแล้วนะ” เสียงของผู้หญิงผมสั้นใส่แว่นที่นั่งอยู่ข้างๆหญิงสาวที่พึงเข้ามาในห้องเรียน
“จ้า..คุณนิสา” เอมตอบกลับพร้อมเสียงหายใจแรง(ยังเหนื่อยจากการวิ่งมา)
“อ่ะนิ ขนมปัง” นิสาส่งขนมปังให้เอม “ยังไม่ได้กินข้าวเข้ามาใช่ไหม ล่ะ”
“เอ๊ะ รู้ได้ไง ว่าเรายังไม่ได้กินข้าวเช้า เธอนี่ชอบทำตัวเองเหมือนมีตาทิพย์ตลอดเลยนะ” เอมรีบรับขนมปังจากมือนิสา
“คงงั้นละมั้ง” นิสาพูดขึ้นพร้อมหัวเราะออกมา “รีบๆกินไปซะ เดี๋ยวอาจารย์จะเข้ามาแล้วนะ”
.
เวลาพักเที่ยง
“นิสาเก็บของเร็วๆหน่อย ไปกินข้าวกัน” เอมแสดงสีหน้าบึ้ง “ขนมปังมันอยู่ไม่ถึงเที่ยงนะ”
“จ้า จ้า” นิสารีบเก็บของยัดเข้ากระเป๋า “เธอก็ไปตาม ดรีม กับ ชิต ที่นั้งอยู่ด้านหลังด้วยละ”
เอมเดินขึ้นไปยังที่นั่งด้านหลังเพื่อตามดรีมกับชิต เธอพบกับชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งชื่อ ดรีม เขามีผมสั้นสีดำสลับกับสีแดง รูปร่างผอมแต่ก็มีกล้ามให้เห็น ส่วนอีกคนคือ ชิต ผมสั้นสีดำหน้าตาจัดว่าดีผิวขาว สูง รูปร่างหนามีกล้าม แต่ก็ไม่ถึงกับหุ่นของคนเล่นกล้าม
เมื่อทั้งสี่คนซื้อข้าวจากร้านอาหารและหาที่นั่งกินข้าว บทสนทนาจึงเริ่มขึ้นโดยเอมมักจะเป็นคนเป็นเปิดประเด็น
“นี่ก็ปี 2 มาจนเทอม 2 ละนะยังคบใครไม่ได้เลย” เอมเริ่มพูดขึ้นมา “ดรีม ชิต มาเป็นแฟนเราไหม”
ดรีมกับชิตอึ้งกับการเปิดประเด็นของเอม ข้าวที่อยู่ในปากทั้งสองคนแทงจะพุ่งออกมา
“ถ้าเราเป็นแฟนกับเธอ ยอมเจอมอนระดับโอเมก้ายังดีกว่าเลย” ดรีมรีบตอบกลับทันที
“โถ่ดรีม เราว่างอยู่น่ะ ยังอาลัยอาวรณ์กับนิสาอยู่หรอ นิสาเขามีเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ ว่ากันว่ามอนระดับโอเมก้าอะไรของนายนะ รู้สึกว่าคนนั้นของนิสาเค้าล้มมาแล้ว” เอมพูดขึ้นพลางยิ้มและหันหน้าไปมองนิสา
“เขาไม่ใช่แฟนชั้นนะ ไม่ใกล้เคียงเลยด้วย” นิสารีบตอบเอมทันควันแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางเขินอายอะไร
“จะว่าเป็นวันนี้เดินมาด้วยกันเลยนิ แถมมาส่งถึงหน้าอาคารเรียนเลยนะ” ชิตพูดเสริมเข้ามา “จะไม่เรียกว่าแฟน แล้วเรียกว่าอะไรครับ คุณนิสา”
“ไม่ใช่แฟนกันจริงๆ ก็แค่เพื่อนรู้จักตั้งแต่มัธยมต้นแค่นั้นเอง มันเลยเป็นเรื่องปรกติละมั้ง อีกอย่าเขาก็เรียนแผนกปรกติด้วย” นิสาตอบกลับ
“เห็นไหมๆ แค่เพื่อน ดั้งนั้นเราก็มีโอกาสสินะ” ดรีมพูดขึ้นพลางมองไปที่นิสา พร้อมส่งสายตาขอความหวัง
“เลิกหวังเถอะค่ะ คุณดรีม โอเอ๋ๆ” เอมพูดขึ้นพลางเอามือตบไหล่ดรีม “แล้วนายละชิต มีคนที่ชอบแล้วหรือยัง” เอมถามชิต “จะว่าไปนายก็หน้าตาใช้ได้นิ น่าจะมีสาวมาติดนะ”
“ก็ไม่รู้สิ มีแล้วมั้ง” ชิตตอบเอม
“หน้าแดงแล้วๆ” ดรีมหัวเราะพร้อมหันไปที่ชิต
“ใครอะ เรารู้จักป่าว” เอมถามชิตซ้ำ (แล้วทำไมชิตกลายมาเป็นคนถูกรุมแซวแทนที่จะเป็นนิสา)
“จะว่าไปวันนี้ตอนเย็นว่างกันไหม ที่ศูนย์มีเลี้ยงสุกี้นะ ศาสตราจารย์ก็ชวนพวกนายมาด้วยนะ” นิสาแทรกขึ้นมา
เอม ดรีม ชิต ตาลุกวาวทันที และตอบตกลงพร้อมกันทันที (พวกนี้พร้อมรับของฟรีทุกอย่างเลยนะ)
“บ่ายวันนี้เป็นภาคปฏิบัตินิ พวกเราควรรีบเตรียมตัวหน่อยก็ดีนะ รีบกินข้าวกันหน่อยก็ดีนะ” ชิตพูดแทรกขึ้นหลังจากมองนาฬิกาข้อมือของเขา ทั้ง4คนรีบกินข้าวเพื่อเตรียมตัวคาบในช่วงบ่ายทันที
เย็นวันนั้นหลังจากคาบปฏิบัติจบก็ ทั้งสี่คนรีบเดินทางไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เสริมพลัง
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เสริมพลังแห่งนี้ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งของวิทยาลัย อีกทั้งยังมีส่วนที่เป็นหอพักภายในศูนย์วิจัยแห่งนี้ ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์อรชุน และภารกิจหลักของศูนย์วิจัยคือพัฒนาและออกแบบเครื่องมือที่มีไว้ใช้กับพลังวิเศษไว้สำหรับรับมือกับสิ่งรุกรานโลก
วัตถุประสงค์ของวิทยาลัยสายพลังคือผลิตบุคคลากรที่มีความสามารถในการรับมือกับสิ่งรุกรานเหล่านี้
ถึงศูนย์วิจัยจะมีหน้าที่ผลิตอุปกรณ์ต่างๆก็เถอะแต่ก็ไม่มีคนมาช่วยทดสอบอุปกรณ์นั้นกันเลย ก็มักจะเอานักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักภายในศูนย์วิจัยแห่งนี้มาให้(บังคับ)ทดสอบใช้อุปกรณ์ เลยเป็นเหตุให้หอพักภายในศูนย์วิจัยแห่งนี้มีแค่ นิสา กับ เพื่อนของเธอ เท่านั้นกับนักวิจัยอีก 2 คนที่พักในศูนย์วิจัยแห่งนี้ แต่สาเหตุหลักที่คนไม่เข้าหอพักนี้คือศาสตราจารย์อรชุนมักให้(บังคับ)นำอุปกรณ์พวกนี้ไปเรียนหรือนำออกไปข้างนอกด้วย(เอาตรงๆคือมันน่าอายนั่นเอง)
มีอยู่ครั้งหนึ่งศาสตราจารย์อรชุนเขาสร้างสูทขนาดพกพาพร้อมอุปกรณ์สำหรับรับมือกับสิ่งรุกราน แต่ทดสอบจริงต้องแบกกระเป๋าที่ภายในบรรจุเข็มขัดกับตัวที่เป็นกุญแจสำหรับเรียกชุดสูทและการใช้งานโหมดต่างๆคือโทรศัพท์มือถือ เมื่อใส่ส่วนโทรศัพท์ไปที่เข็มขัดก็จะมีชุดสูทสำหรับการต่อสู้มาสวมทับร่างกายผู้ใช้งานทันที สุดท้ายชุดสูทนี้ก็ไม่ผ่านการทดลองใช้จริงด้วยเหตุที่ว่าพอใช้ต่อสู้จริงมักมีปัญหาตัวเข็มขัดมันหลุดบ่อย?
หลังจากคาบบ่ายสิ้นสุดทั้ง เอม นิสา ชิต ดรีมต่างก็รีบไปยังศูนย์วิจัย(กินฟรีต้องมาก่อน) ระยะทางจากวิทยาลัยไปถึงศูนย์วิจัยถือว่าไกลพอสมควรแต่การเดินทางไม่ซับซ้อนนัก เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสิบห้านาทีเท่านั้น ยังไม่พอสถานีรถไฟที่ไปศูนย์วิจัยยังมีในตัววิทยาลัยอีกด้วย
รถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉพาะเขต 4 เป็นสายย่อยที่สร้างมาเพื่อนักศึกษาของวิทยาลัยไปยังศูนย์วิจัยและองค์กรต่างๆที่ขึ้นกับวิทยาลัยสายพลังแห่งนี้รวมไป ทำให้สายนี้มีนักศึกษาของวิทยาลัยแห่งนี้มาใช้รถไฟฟ้าใต้ดินสายนี้กันบ่อยรวมไปถึงหอพักตามสถานีระหว่างทางที่มีให้บริการ
ทั้งสี่อยู่ในรถไฟฟ้าที่มีผู้โดยสายไม่มากนักเพราะเส้นทานที่พวกเขาไปนั้นเป็นทางในส่วนของศูนย์วิจัยกับสำนักงานต่างๆ ขณะทั่งสี่รอให้ถึงสถานีศูนย์วิจัยอุปกรณ์เสริมพลัง เอมเริ่มบทสนทนาขึ้นโดยหันไปคุยกับนิสา
“นิสา แปลกจังเลยนะวันนี้คนนั้นของเธอไม่มาด้วยหรอ” เอมถามนิสาเชิงแอบแซว
“อ้อ ตานั้นไปซื้อของนะ เลยล่วงหน้าไปก่อนแล้ว” นิสาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง “เอมทำไมหรอ อยากเจอเขารึไง จะบอกเขาให้นะว่าเอมคิดถึง”
“เห้!! เอมสนใจคนนั้นหรอ ดูท่าทางน่าจะยังไม่มีใครนะ เราเอาใจช่วยเอมอีกแรงนะ” ดรีมพูดเสริมขึ้นมาพลางหัวเราะ (ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ) “จะว่าไปชิตวันนี้จะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับพวกเราไหม”
“รู้สึกว่าเดี๋ยวจะมีเรื่องให้พีคๆ สักสองสามเรื่อง” ชิตที่นั่งอยู่เงียบๆก็ตอบกลับไป
โพเทนซี(Potency) คือพลังพิเศษที่มีมาตั้งแต่กำเนิดโดยมักปรากฏในช่วงอายุ 7-12 ปี แต่ก็มีในหลายกรณีที่ปรากฏขึ้นในช่วงวัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่พบการปรากฏของโพเทนซีในตัวเอง หรือจะพูดเป็นนัยหนึ่งโพเทนซีก็ถือเป็นพรสวรรค์รูปแบบหนึ่งเลยก็ได้
สำหรับโพเทนซีของชิตคือการสัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่ในระยะไกล รวมถึงการมองเห็นคลื่นของพลังที่อยู่รอบๆ เนื่องจากมองเห็นคลื่นของพลังทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงคลื่นพลังต่างๆทำให้สามารถคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าอันใกล้ได้ในบางครั้งซึ่งความถูกต้องอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว(พิสูจน์โดยกลุ่มเพื่อนของเขานั่นเอง)
ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังคุยกันอยู่นั่น เสียงโทรศัพท์ของนิสาก็ดังขึ้น เธอรับสายจากนั้นเธอก็เปิดลำโพงโทรศัพท์ เสียงที่ได้ยินขึ้นมาคือเสียงของศาสตราจารย์อรชุน
“นี่พวกเธอคงใกล้ถึงสถานีศูนย์วิจัยอุปกรณ์กันแล้วสินะ พอดีว่าแถวนั้นพบพวกโครวระดับบี 2 ตัวกำลังอาละวาดแถวสถานี ช่วยไปกำจัดที” เสียงของศาสตราจารย์อรชุนที่ออกมาจากลำโพงโทรศัพท์
“แล้วทำไมไม่ใช้ให้นายคนนั้น กับพี่นักวิจัยที่เป็นซิวเวอร์ ไปออกไปจัดการละครับ” ดรีมพูดแทรกขึ้นมา
“โทษทีนะ พอดีพวกเขากำลังวุ้นกับการเตรียมสุกี้เลยไม่ได้ให้ออกไป งั้นก็ฝากด้วยกันนะ อ่อนิสาอย่าลืมใช้สิ่งนั้นละ NEO-H-5” ศาสตราจารย์อรชุนพูดจบก็ตัดสายลงทันที
นักศึกษาวิทยาลัยสายพลังทั้งสี่คนก็คงทำได้แค่แสดงสีหน้าอึ้งพร้อมอาการหงุดหงิดสุดขีด(ง่ายๆหัวร้อนนั้นเอง) ทั้งสี่คนต่างก็คิดในใจเหมือนกันคือ “นี่มันบังคับให้ทดสอบอุปกรณ์ใหม่นี่หว่า!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ