Heart Project : ปริศนาความทรงจำ
เขียนโดย PnPn
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) งานจัดอันดับเริ่มแล้ว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 16
วันที่ 31 ธันวาคม
“ไงเอมรู้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม”
นิสานั่งจ่องหน้าฉันขณะที่ฉันนั่งอยู่บนเตียง
“นิสา จ่องแบบนี้ฉันกลัวนะ แล้วรู้เรื่องอะไรหรอ”
“ก็เล่นละเมอพูดออกมาทั้งหมดเลยนิ ได้ยินชัดเจนทุกอย่างเลย”
“เออะ.......เอออออออ” ฉันอ้ำอึ้ง “ก็...พึ่งรู้นะว่าพลังที่นิสาใช้เป็นโซล อีกอย่างเธอใช้โซลแบบอื่นได้ด้วยหรอนอกจากสร้างกำแพงแสง แบบปรกติคนที่ใช้พลังถึงระดับโซลมักใช้ได้อย่างเดียว”
“ก็ฉันมันเป็นแบบไม่ปรกติไง”
“สมกับเป็นนิสาดีนะ” ฉันหัวเราะ “แบบนี้แสดงว่าไวท์กับนาเดียก็ใช้พลังระดับโซลเหมือนกันสิ”
“ใช่แล้ว”
“งั้นที่ตัวนั้นถูกเผาเป็นขี้เถ้า กับอีกสองตัวที่กลายเป็นของเหลวกับกลายเป็นอากาศก้เป็นพลังโซลด้วยงั้นหรอ”
“ใช่แล้ว
“แต่ว่านิสาทำยังไงให้หลุดการหยุดเวลาได้ละ ถึงจะเป็นโซลเหมือนกันถ้าพลังไม่ใช้แบบเดียวกันก็ไม่น่าจะทำได้”
“ก็ระดับมันไม่เหมือนกันยังไง” นิสายิ้ม แล้วก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน “สงสัยอะไรอีกไหม”
“มีสิ...อันนี้สงสัย นิสาใช้ชื่อท่าตามการ์ตูนด้วยหรอ ฮิฮิ” ฉันยิ้ม นิสานิ่งไปสักพักเธอหันหน้าหนี เหมือนว่านิสากำลังอายอยู่ ฉันแทบจะไม่ได้เห็นโมเม้นนี้จากนิสาเลย
“ลุกจากที่นอนได้แล้ววันนี้พวกไวท์จะมากินข้าวเช้าบ้านนี้” นิสาเดินออกไป
ฉันลุกจากที่นอนไปล้างหน้าที่ห้องน้ำแล้วก็ตามนิสาลงไปข้างล่าง
กลิ่นหอมๆนี่มัน...หูวว อาหารฝีมือนิสานี่นาไม่ค่อยได้เห็นเลย จริงๆมันก็ไม่แปลกอะไรก็ไวท์จะมากินนั่นสินะ
เอาตรงๆฉันคิดว่านิสาเองเหมือนกำลังจะเอาชนะใจไวท์มาตลอด ถึงจะเห็นว่านิสาชอบเอาอกเอาใจไวท์มาตลอดเพียงเพราะมันเป็นกิจวัตรของนิสาเท่านั้น ทุกครั้งที่นิสาทำลงไปฉันรู้สึกได้ก็คงเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันมั้ง จนเมื่อวานมานี้ตอนที่เวลาถูกหยุดฉันกลับรู้สึกได้ความรู้สึกของนิสาที่แผ่ออกมาจากตอนที่นิสาใช้พลังหยุดเวลา ฉันรับรู้ได้ความรู้สึกของนิสานั้นมันมาพร้อมกับความเศร้าบางอย่าง เหมือนกับว่านิสาเค้าเศร้าอยู่ตลอดเวลา
ฉันมาที่โต๊ะกินข้าว
“ไงจ๊ะหนูเอม หลับสบายดีไหม” แม่ของนิสาทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเบลล่า วันนี้นิสาทำอาหารเองเลยหรอคะ”
“ก็นานๆทีนะหนูเอม วันนี่คงเป็นวันพิเศษ ใช่ไหมจ๊ะลูกจ๋า” แม่ของนิสาพูดเสียงดัง จงใจให้นิสาได้ยิน
“หนูได้ยินนะ!!!” นิสาตะโกนออกมาจากในครัว
ไวท์กับนาเดียได้เข้ามาบ้านของนิสา
“กลิ่นแบบนี้ ข้าวหมูสับทอด” เสียงของไวท์พูดขึ้นขณะนั่งลงที่เก้าอี้ เขานั่งอยู่ตรงข้ามเยื้องไปทางซ้ายของฉัน
แม่ของนิสานั่งหัวโต๊ะทางขวาของฉัน นาเดียเข้าไปช่วยยกข้าวกับนิสา(ฉันหวังว่าครัวคงไม่ระเบิด)
เพียงไม่นานนาเดียก็เดินออกมาพร้อมอาหารเช้า
หมูทอดชินพอดีคำวางบนข้าวร้อนๆ ราดด้วยซอสเข้มข้นที่แลดูไม่มีอะไร
จากนั้นนิสาก็ยกจานที่เหลือออกมา แล้วก็ไปนั่นที่เก้าอี้ แต่...เอ๊ะ!! ทำไมนิสาถึงไปนั่งข้างไวท์ละ ส่วนนาเดียก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ข้าวหมูสับทอด ยังเหมือนเดิมเลยนะ” ไวท์พูด “ของแบบนี้มันต้องกินตอนเช้าเท่านั่น”
“แล้ว นายอยากให้ฉันทำให้ทุกวันไหมละ” นิสาตอบ
ไวท์เงียบ
“เอ๋ๆๆ เกลประโยคเมื่อกี้มันแปลกๆอยู่นะ” นาเดียหันไปหานิสา (ความสงบสุขในอาหารเช้าเริ่มลดลงแล้ว)
“แหม่น้องเดีย พี่เกลก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนิ” นิสาหันไปมองนาเดีย (ขอทานข้าวอย่างสงบๆหน่อยน้า)
“ใครเป็นน้องของเธอกันหะ!!”
“ก็ฉันมีความสัมพันธ์กับคนนี้ แบบนั้นไปแล้ว จะเรียกเธอว่าน้องก็จะไม่แปลก”
“กะอิแค่ 5-6 เดือน เรื่องนั่นฉันไม่นับหรอก อีกอย่างเธอเองก็ใช้ช่วงที่พี่อ่อนแอเข้าหาพี่”
“จะให้ฉันบอกอีกกี่รอบหะว่าใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุเมื่อตอนนั้น”
“แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามใจชอบ”
ฉันก็ทำได้แค่ทานข้าวเช้าไปฟังนิสากับนาเดียทะเลาะกันไป เฮ่ออ!!! ตั้งแต่เมื่อกี้ละฉันว่าเนื้อหาที่สองคนนั้นพูดกันมันดูทะแม่งๆยังไงอยู่นะ ฉันเลยต้องหันไปถามคุณเบลล่า
“คุณเบลล่าคะ หนูตงิดๆตรง ความสัมพันธ์ของนิสากับไวท์แล้วก็ตรง4เดือน น่ะค่ะ”
“อ้อ สองคนนั้นเคยคบกันมาก่อนนะ เป็นแค่ช่วงสั้นๆ เองส่วนสาเหตุที่เลิกกันนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อะไรนะ ไวท์กับนิสาถึงขั้นคบกันมาแล้วหรอ...ฉันชักจะสงสัยแล้วสิว่าสองคนนั้นเป็นยังไงกันแน่
บ่ายวันนั้น
เราตกลงกันว่าจะไปเดินเล่นงานเทศกาลวันปีใหม่ที่ทางเขตนี้จัดขึ้นที่บริเวณศาลากลางของเขตนี้-ก็ที่ฉันได้พบกับMask girlสีขาวคนนั้นนั่นละ แต่ก็นะอยากเจอMask girlคนนั้นอีกสักครั้งจังเลย
“มาเดินงานคราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยพี่ไปไหนอีกหรอกนะ” นาเดียควงแขนของไวท์แน่น ปล่อยให้นิสาทำหน้าเหวี่ยง
“เอาเถอะๆปล่อยๆให้อีกวันนึงก็แล้วกัน หุหุ” นิสาทำท่าทางหันไปทางอื่น “งั้นเอมเราไปเดินตรงนั้นกันเถอะ” นิสาชี้ไปอีกทางแล้วลากฉันไปทันที
“แปลกจังนะ ทำไมเมื่อกี้เธอถึงยอมอ่อนข้อเรื่องไวท์ให้นาเดียง่ายๆนะ” ฉันถาม
“นั่นสิพอถึงช่วงนี้ของปีทีไรมันก็นึกถึงตัวเองทุกที บางทีก็ทำอยากให้ใครมีความหวังบ้างก็เท่านั้นเอง บางทีครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของยัยนั่นที่จะได้ทำแบบนี้แล้วก็ได้” นิสาทำหน้าเศร้า
“ทำไมหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะเอม”
เราสองคนเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่อนุสาวรีย์Mask man ที่ซ่อมเสร็จแล้วหลังจากที่ตอนนั้นฉันกับชิตเกือบพังไป
ได้มาเห็นที่แห่งนี้ตอนกลางวันมันดีแบบนี้นี่เอง ของแบบนี้ต้องถ่ายรูปเอาไปอวดชิตสักหน่อยแล้ว ทางนั้นคงอิจฉาตาร้อนแน่เลย อิอิ
เราเดินไปต่อไปยังด้านหลังของอาคารศาลาว่าการ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะมีสระน้ำอยู่ตรงกลาง
ลมเย็นเบาๆของฤดูกับการเดินมาที่สวนสาธารณะนี่ช่างได้บรรยากาศดี
“นี่เอมที่นี่น่าจะมีหิมะตกเนอะ”
“นั่นสิคงได้ บรรยากาศดีๆไปอีกแบบ แต่ว่าถ้าให้หิมะตกตอนนี้ฉันไม่เอาด้วยหรอก เมื่อวานก็จะแย่อยู่แล้ว”
“ฮาๆๆ ว่าไปนั่น”
“นี่นิสา ที่นั่นคืออะไรหรอเห็นคนเยอะจัง ไปดูกันหน่อยได้ไหม” ฉันชี้ไปทางศาลาที่ทำจากไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้สระน้ำ
เราเดินไปที่ศาลาแห่งนั้น
“ที่นี่คือ ‘ศาลาผูกกัน’ ว่ากันว่าในอดีตก่อนจะเข้ายุคสมัยแห่งพลัง เคยมีคู่รักมาสาบานกันที่นี่ และด้วยพลังแห่งความรักและปาฏิหาริย์ทำให้เกิดพลังบางอย่างขึ้นเราเรียกพลังนั้นว่า HEART ลองสัมผัสที่ไม้ดูสิจะก็จะรู้สึกได้”
ฉันสัมผัสไปที่เสาต้นหนึ่งของศาลา
ความรู้สึกนี้มัน....ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกผ่อนคลาย สบายอะไรเช่นนี้ แล้วยังรู้สึกคุ้นเคยยังไงไม่รู้
“รู้สึกดีใช่ไหมเอม”
หลังจากนั้นเราก็เดินรอบศาลาที่นั่นสักพัก แล้วเราก็เดินออกมารับลมเย็นๆที่ท่าน้ำซึ่งยื่นออกมาในสระน้ำ
“นิสา ฉันอยากคุยเรื่องนึงหน่อยได้ไหม”
“เรื่องที่ว่าฉันเคยคบกับไวท์นะหรอ” นิสายิ้ม (สมกับเป็นนิสาจริงๆ เดาใจฉันได้ตลอดเลย)
“อื้ม” ฉันพยักหน้า “ไปคบกันตอนไหน”
“วันนี้ของ 3 ปีที่แล้วฉันเริ่มคบไวท์ ส่วนวันที่เราเลิกกันก็ก่อนวันเปิดเทอม ม.6 2วัน”
“หะ” ฉันตกใจ ไม่คิดว่านิสาจะกล้าพูดออกมา
“ตอนที่เราเลิกกันตอนนั้นฉันแทบเป็นคนบ้าไปเลยละ ฉันทำอะไรแปลกๆเยอะมากเพื่อหวังว่าจะทำให้ไวท์กลับมาคบฉันเหมือนเดิมตรงนี้ฉันไม่เล่านะว่าทำอะไรลงไปบ้าง มันน่าอายน่ะ” นิสายิ้ม
“ฉันก็เข้าใจนะ ตอน ม.ปลายฉันก็มีเพื่อนที่อกหักก็เยอะ ทำอะไรบ้าๆก็มี”
“มันไม่เหมือนกันหรอก เพราะการที่ฉันคบกับไวท์ฉันต้องทรยศกับใครหลายคนเลยล่ะ นาเดีย เพื่อน แฝดฉัน ตัวฉันเองด้วย ตอนนั้นฉันเป็นคนฝืนมันเองทั้งนั้น กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ก่อนจบ ม.6แต่มันก็ไม่เหมือนเดิม”
“แต่นิสาก็ผ่านมาได้นะ น้อยคนนักที่พอเลิกคบกันแล้วมาเป็นเพื่อนกันได้”
“นั่นสิเรื่องของฉันเหมือนเรื่องตลกไปเลย”
ใช่นิสามันแทบจะเป็นเรื่องตลกไปเลย
“นี่เอม” นิสาจ้องมาที่หน้าของฉัน
“อะไรหรอ”
“เธอชอบไวท์...อย่างนั้นหรอ”
นี่คือคำพูดที่ฉันไม่อยากได้ยินจากนิสามากที่สุด ตั้งแต่วันที่ฉันไปเดินซื้อของกับไวท์แล้วต้องมาเจอโหมดจริงจังของนิสาตอนนั้นฉันรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่โถมเข้ามาใส่ตัวฉันและตอนนี้ก็เหมือนกัน
“เออ.........นิสามันน่ากลัวนะ” ฉันแทบพูดอะไรไม่ออก
“บอกมาเถอะ ฉันอยากรู้” นิสาจ้องมาที่ตาฉัน ฉันรู้ถึงแรงกดดันบางอย่าง
“ใช่แล้ว ฉันชอบไวท์” ฉันพูดออกไปแล้ว
“งั้นหรอ ก็นะเอมดูง่ายจะตายไปนิ ฮาๆๆ” นิสาหัวเราะ
จากนั้นนิสาก็พุ่งเข้ามากอดฉัน หน้าเราใกล้กันมากจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของนิสา (หรือว่านิสาจะยูริ)
นิสาลูบหัวของฉันแล้วก็กระซิบที่ข้างหูของฉัน
“ฉันขอบอกอะไรบางอย่างนะเอม ฉันไม่ว่าหรือโทษอะไรที่เธอชอบไวท์ แต่ฉันก็ยังไม่คิดตัดใจจากไวท์เช่นกัน สักวันฉันกับไวท์จะกลับมาคบกันได้อีกครั้ง ที่ฉันบอกนะเพราะฉันไม่อยากทรยศเธอไปด้วยอีกคน”
นิสายื่นหน้าออกมา เธอกุมมือทั้งสองข้างของฉันแล้วก็จ้องมาที่หน้าของฉัน ฉันสัมผัสได้นิสารู้สึกเศร้า
“ฉันบอกแค่นี่หละ”
“นิสา...เมื่อกี้เหมือนคำเตือนของคู่แข่งเลยนะ”
“นั่นสิ แล้วเอมอยากจะเป็นคู่แข่งกับฉันไหม”
ตอบง่ายๆฉันไม่มีทางเป็นศัตรูกับเพื่อนที่ฉันเชื่อใจอย่างนิสาหรอก
“ยังไงก็มันก็อยู่ที่ตัวของเอม แต่ก็นะตอนนี้ฉันจะเธอเที่ยวงานเทศกาลนี้เอง”
จากนั้นนิสาก็ลากฉันไปที่ต่างๆ จนถึงเวลาเย็น
ฉันกับนิสาก็ได้เจอกับไวท์และนาเดียที่เดินแยกไป และก็คงเดาไม่ยากว่าระหว่างนั้นก็ต้องฟังนิสากับนาเดียทะเลาะกันระหว่างทาง
ในตอนกลางคืนคุณแม่ของนิสาแนะนำว่าถ้าอยากดูพลุให้นั่งดูที่สวนหลังบ้านนี้ละ เพราะด้านหลังบ้านเป็นที่โล่งกว้าง บ้านแถบนี้จะอยู่บนเนินสูงทำให้มองเห็นวิวตัวเมืองโดยรอบได้รวมถึงยังเห็นพลุที่จุดจากศาลากลางเมืองได้อีกด้วย
วันนี้เป็นวันสิ้นปี ขอให้ปีหน้าเจอแต่เรื่องดีๆแล้วกัน
********************
พวกเรากลับมาที่ศูนย์วิจัยในวันที่ 2 แต่ยังไงมหาลัยก็เปิดวันที่ 5 ดังนั้นฉัน ชิตและดรีมจึงคิดว่าใช้วันหยุดที่เหลือมาซ้อมกันอีกสักหน่อยสำหรับงานจัดอันดับในปีนี้ แล้วก็ให้ไวท์ นิสา นาเดียมาช่วยฝึก
ก่อนหน้านี้ฉันก็ชวนให้ไวท์ นิสา นาเดีย ลงสมัครไว้เหมือนกันแต่ทั้งสามบอกว่ามีมาสำคัญในช่วงวันงานจริงเลยทำให้ไม่สามารถร่วมลงได้รวมถึงนาเดียที่จะอยู่ถึงแค่อาทิตย์แรกของงานจริงเท่านั้น
งานจัดอันดับประเภททีมจะแบ่งเป็น 2 ช่วงใหญ่คือช่วงแรกจะเป็นรอบคัดเลือกซึ่งจะจัดในเดือนมกราคมนี้เลยและใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อคัดให้เหลือประมาณ 300 ทีมเพื่อให้เข้าสู่รอบวันจริงต่อไป และช่วงที่สองจะเป็นงานของวันจริงซึ่งจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์เลย
ถึงพวกเราจะมีประสบการณ์ในการรับมือสิ่งรุกรานของจริงมาแล้วแต่งานใหญ่ระดับนี้มันก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดาเพราะงานนี้จะส่งผลต่อการเข้าทำงานสายนี้อย่างมากรวมถึงจะมีคนใหญ่คนโตจากหน่วยงานต่างๆมารับชมและใช้ผลการจัดอันดับในงานนี้เพื่อเข้าทำงานด้วย
ว่ากันว่าในทุกๆปีคนที่จบระดับAขึ้นไปมักจะได้ที่ทำงานก่อนเรียนจบด้วยซ้ำรวมถึงคนที่ทำงานมาแล้วก็อาจได้เลือนขั้นไประดับสูงทันที
หลังจากที่พวกเราซ้อมกันเสร็จจึงมานั่งคุยกันในเรื่องทั่วไปซึ่งในวงสนทนามีฉัน ชิต ดรีม ส่วนที่เหลือเห็นว่าโดนคุณซิลเวอร์เรียกตัวไปช่วยงานบ่างอย่าง
“เห้...เห็นงานจัดอันดับปีนี้ จะมีการสอบเลื่อนยศของพวกระดับสูงให้ดูด้วย” ดรีมเริ่มเปิดการสนทนา
“จริงดิ” ฉันกับชิตพูดพร้อมกัน
“จำทีม CODE ของปีที่แล้วได้ปะที่จบระดับเมื่อปีที่แล้วได้ระดับSSไปจนมีหน่วยงานของส่วนกลางเข้ามาทาบทามทันที เห็นว่าทีมนั้นได้มีโอกาสเข้าหน่วย Grand zero ถ้าผ่านการสอบครั้งนี้ไปได้”
“Grand zero หรอ ว้าววว” ชิตพูด “หน่วย Grand zero เป็นหนึ่งในหน่วยที่รวมคนที่มีฝีมือชั้นยอดไว้ด้วยกัน แสดงว่าทีมนั้นก็ฝีมือโหดใช่ย่อยเลยละ”
“ว่ากันว่าหน่วย Grand zero จะขึ้นตรงต่อนายกคนเดียวเท่านั้น” ฉันเสริม
ระหว่างที่เราคุยกันไวท์ นิสา นาเดียก็เดินเข้ามาพอดี
“คุยเรื่องหน่วยผู้ใช้พลังกันอยู่หรอ” ไวท์พูด
“ถ้าเป็นหน่วยระดับสูงก็นึกถึง 3 หน่วยขั้นเทพ” นิสาพูดต่อ
“3 หน่วยขั้นเทพที่ว่าเก่งที่สุดในประเทศนี้ ก็มี Grand zero เป็นหนึ่งในนั้น อีกสองหน่อยก็คือ หน่วยมังกร กับหน่วย The wall ใช่ไหม” ฉันพูด
“แต่ระยะหลังมานี้ผลงานก็ต้องยกให้ Grand zero เลยละ” ชิตพูด
และในที่สุดก็ถึงวันที่ที่ของฉัน ชิต ดรีม ต้องลงสู้แล้ว
กติกาของรอบคัดเลือกจะแบ่งเป็นบล็อก สู้กันทีม 5 ครั้ง และจะมีการให้คะแนนในด้านต่างๆจากกรรมการด้วยเป็นต้นว่าถ้าชนะกัน 5 ครั้งติดแต่ก็ยังต้องลุ้นจากผลคะแนนจากกรรมการอยู่ดี
เอาตรงๆ ฉันค่อนข้างตื่นเต้นแต่อย่างน้อยนาเดียกับนิสาก็จะมาเป็นผู้ช่วยที่ข้างสนามโดยกติกากำหนดให้แต่ละทีมสามารถมีผู้ช่วยประจำอยู่ข้างลานประลองได้ไม่เกินทีมละ 2 คน ซึ่งจะมาช่วยชี้แนะพวกเราระหว่างการแข่งได้
สู้ครั่งที่ 1-4 ซึ่ง.....แน่นอนละ....ชนะสบายๆๆๆ
แต่พอมาถึงครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายเราจำเป็นต้องเก็นชัยชนะให้ได้เพื่อการันตีว่าพวกเราจะได้เข้ารอบวันจริงแน่นอนจากคะแนนสี่ครั้งที่ผ่านมาพวกเราก็ทำไว้สูงอยู่
แต่......จะว่า.....มาถึงคราวซวยก็ว่าได้
“เอม ดรีม มีข่าวมาบอก” ชิตคุยกับฉันและดรีมที่ห้องประชุมในศูนย์วิจัย 2 วันก่อนการสู้ครั่งสุดท้าย
“ว่าไงชิต” ดรีมพูด
“จะว่าไงดีละ นี่คือทีมที่เราจะต้องสู้ด้วยในอีก 2 วัน” ชิตหยิบเอกสารส่งมาให้ฉันกับดรีมดู
“เอาจริงดิ” ฉันอุทาน เพราะทีมที่พวกเราจะต้องสู้ด้วยนั้นเป็นทีมของรุ่นพี่ปี 4 ซึ่งจากงานจัดอันดับปีที่แล้วพวกเขาจบที่อันดับ A บอกตรงๆงานช้างเข้ามาแล้ว แถมยังได้ยินมาอีกว่าทีมนี้เคยรับมือสิ่งรุกรานระดับSมาแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ทีมเรามีเทพนิสาเทพนาเดียอยู่ก็น่าจะช่วยได้” ดรีมพูด
“เกรงว่าปัญหามันอยู่ตรงนั้นนะสิ” ฉันตอบดรีม
“จะว่าไวดี 3 คนนั้นหายไปได้ก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วแถมยังทิ้งข้อความนี้ไว้” ชิต
ฉันยื่นกระดาษที่มีข้อความเขียนอยู่ให้ดรีมอ่าน
‘พวกเรา 3 คน ขอไปทำงานสำคัญหน่อยนะ สู้ครั้งที่5นี้คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก (มั้ง) ยังไงก็สู้ๆนะ จากนิสา’
“ผมว่าตอนนี้พวกเรามีปัญหาแล้วละ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ