พรเเห่งหมู่ดาว

-

เขียนโดย น้ำพุ

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 09.50 น.

  7 บท
  0 วิจารณ์
  8,757 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) การเผชิญหน้าอีกครั้งกับสิงโตยักษ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ในช่วง 5-10 วินาทีเเรกหลังจากการโห่ร้องอย่างฮึกเหิม มีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้น เอควอสลายร่างกลายเป็นน้ำทิ้งไว้เพียงกองเสื้อผ้าเปียกๆเเล้วก็ไหลซึมออกไปนอกเต้นท์ มีหมาป่า เเมวป่า เเละนกการเวกวิ่งเเละบินตามออกไป คนที่ใช้อาวุธธนูออกไปประจำจุดนอกเต้นท์เพื่อเฝ้าระวังภัยตามเเผนการ ส่วนคนอื่นๆที่เหลือก็ตามออกไปเดินสำรวจเเละระวังภัยรอบๆเต้นท์ โดยที่ไม่มีใครไปไกลจากจุดรวมพลหมายเลข 3 มากนัก

          ผมหันไปเห็นลิบดีดนิ้วกลางอากาศ เเล้วหนังสือเล่มนึงก็ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือเธอ เป็นหนังสือลักษณะเดียวกับที่เเอสเรียลยัดเข้ามาในมือผม เเต่ลายบนหน้าปกต่างกัน ลิบเปิดไปที่หน้าหนึ่งของหนังสือ ก่อนที่ผมจะได้พูดถามอะไร ลิบประสานมือเข้าด้วยกันหลับตาเเละเริ่มพึมพัมเป็นภาษาเเปลกๆ

          ทางด้านนอกเวอร์กำลังทำอะไรบางอย่างกับอาวุธในมือสมาชิกคนอื่นๆ อาวุธใดๆก็ตามที่เธอสัมผัสจะมีเเสงสีทองอ่อนๆสว่างออกมาครู่นึง เเล้วอาวุธนั้นๆก็จะดูดเเสงเข้าไป ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรเเต่ที่เเน่ๆคือมันต้องเป็นหนึ่งในพรของดาวเวอร์โก(ดาวหญิงสาว)

          ผมก่นด่าตัวเองที่ไร้ประโยชน์ขนาดนี้ เเละความคิดเเผลงๆก็เกิดขึ้นในหัวผม ถึงจะรู้ถึงความไม่น่าจะเป็นไปได้ของมันก็ตาม เเต่ผมก็ยื่นมือขึ้นในอากาศ ดีดนิ้ว เเละในสมองก็นึกถึงภาพของหนังสือเล่มนั้น

 "ฟุ่บบบบบ" อะไรบางอย่างตกลงด้านหน้าผม 

          ด้วยวิธีการอะไรบางอย่างหนังสือตำราดวงดาวหมู่ดาวคนคู่ปรากฎตรงหน้าผม ความภูมิใจเล็กๆก่อขึ้นในอกของผมก่อนจะมลายหายไป "เอาล่ะ มันต้องทำอะไรเจ๋งๆได้บ้างล่ะหน่าาาา"

 

 "ไม่ได้  ไม่ได้  นี่ก็ไม่ได้ ......ไม่...." ผมพูดพลางเปิดหนังสือเเต่ละหน้าไปเรื่อยๆๆ จนสะดุดตาเข้ากับพรหน้าหนึ่ง "นี่น่าสนใจเเฮะ"

          พรหน้าที่ผมเปิดเขียนไว้ด้วยอักขระภาษาเเปลกๆ เเต่ผมก็สามารถเข้าใจมันได้ในภาษามนุษย์ พรถอดจิต เนื้อหาอื่นคือบทสวดเเละภาพประกอบที่ไม่ค่อยช่วยให้เข้าใจอะไรมากขึ้นนัก ผมไม่ค่อยมีเวลาศึกษาทฤษฎีให้ถ่องเเท้เท่าไหร่เพราะทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง การต่อสู้อาจไม่ใช่เเนวทางที่ผมถนัดเท่าไหร่นัก ฉะนั้นอีกอย่างที่ผมน่าจะทำได้คือช่วยตามหาหินดวงดาว ซึ่งการถอดจิตไปค้นหาก็ดูจะไม่เลวเท่าไหร่ ถึงจะไม่เเเน่ใจนักเท่าไหร่นักว่ามันจะออกมาเป็นอีท่าใหนก็ตาม

 "เอาล่ะนะ" 

          พอพูดจบผมก็ประสานมือไว้ที่หน้าอก หลับตาเเละเริ่มท่องบทสวดที่จำได้จากหนังสือวนไปเรื่อยๆ ในหัวจินตนาการถึงภาพในหนังสือว่ามันควรจะหมายความว่าอย่างไร เเล้วความเข้าใจเล็กๆน้อยๆก็ประกอบเข้าด้วยกันว่า ขณะสวดควรจินตนาการว่าดวงจิตกำลังเคลื่อนตัวออกจากร่างกายทีละนิดๆ เเละพอในหัวผมสร้างภาพดวงจิตดวงหนึ่งเคลื่อนตัวออกมาจาร่างกายสำเร็จ เปลือกตาผมก็ค่อยๆลืมขึ้น

 "เเหงล่ะ มันจะไปทำได้อย่างไรล่ะ" ผมสบถเมื่อไม่เห็นถึงความเปลี่ยนเเปลงใดๆเลยสักนิด เเล้วก็มองไปทั่วทุกส่วนของร่างกายทุกอย่างยังปกติดี

         เว้นเเต่!!! ผมตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใครบางคนนอนสลบอยู่ข้างเท้าผม ไม่สิในเท้าผมเลยต่างหาก

 "เห้ยยยยย!!" ผมอุทานขึ้นเมื่อพบว่าร่างที่นอนอยู่นั้นคือร่างของผมเอง "หรือว่าเราจะทำได้ว๊ะ"

          ผมค่อยๆก้าวออกไปนอกเต้นท์ โดยที่ไม่มีใครสังเกตุเลยสักคน ผมลองใช้นิ้วสะกิดเวอร์ดู เเต่ก็เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวเลย ทีนี้ผมเลยกำหมัดเเละชกไปที่หน้าเวอร์เบาๆเเต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม คือเวอร์ไม่ได้เเสดงออกเลยว่าถูกกระทบร่างกาย เพราะว่าทุกครั้งที่ผมสำผัสอะไรก็ตามสิ่งๆนั้นจะสามารถทะลุผ่านตัวผมไปได้เลย

 "นี่มันเจ๋งสุดๆ" ยังคงไม่มีปฎิกริยาตอบโต้จากสมาชิกคนอื่นถึงเเม้ว่าผมจะตะโกนสุดเสียงเเล้วก็ตาม

 "เอาล่ะ ปฏิบัติการณ์เริ่มได้" ผมวิ่งทะลุต้นไม้ออกไปหลังจากชกหน้าเวอร์ไปอีกสองถึงสามทีถึงเเม้ว่ามันจะทะลุผ่านไปก็ตาม ผมกึ่งวิ่งกึ่งลอยทะลุต้นไม้เเละผ่านลำธารไปอย่างง่ายดาย จากนั้นก็จินตนาการว่าตัวเองกำลังลอยไปยังส่วนยอดเขา เเล้วตัวผม(จริงๆคือดวงจิตของผมต่างหาก)ก็ค่อยๆลอยขึ้นจนไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ลอยมาถึงยอดเขา ซึ่งจากจุดนี้สามารถมองเห็นพื้นที่ป่ารอบภูเขาเเละอาณาจักรดวงดาวได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงยังมองเห็นป่าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาทางอีกด้านนึงของภูเขาอีกด้วย

          พอตื่นตาตื่นใจจนเสร็จ ผมก็กลับมามีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เเละมองหาร่องรอยการตกของหินดวงดาวซึ่งใช้เวลาไม่นานนักผมก็เห็นถึงความผิดปกติจุดหนึ่งในป่าทึบ ต้นไม้ล้มระเนระนาดเกิดเป็นเเอ่งขนาดใหญ่อย่างผิดปกติ "ต้องเป็นที่นี่เเน่ๆ"

          ผมมาถึงพื้นที่ที่ต้นไม้ถูกทำลายได้อย่างง่ายดายด้วยการเพ่งสมาธิมาที่จุดนั้นเเละจินตนาการว่าตัวเองมาปรากฎตัวที่นั่น ต้นไม้ถูกทำให้ราบเป็นหน้ากองด้วยเเรงกระเเทกจากดาวตก ควันสีขาวจางๆลอยขึ้นมาจากก้นหลุม เเเต่ว่าที่จุดๆนั้นที่ควรจะมีหินดวงดาวตกอยู่กลับว่างเปล่าเเละไม่มีวัตถุใดที่ดูน่าจะเป็น หินจากนอกโลกได้เลย .....มีคนเอามันไปเเล้ว!

          ผมพยายามมองไปโดยรอบทุกทิศทางเพื่อหาความเป็นไปได้ที่สุดที่จะเเกะรอยคนที่หาหินดวงดาวเจอก่อนผมเเละนำมันไป ราวกับรู้คิวเสียงเหยียบไม้ดังขึ้นจากป่าทึบทางด้านหลังผมเป็นเสียงเหมือนการเคลื่อนตัวของคนกลุ่มหนึ่ง ผมเดินทะลุผ่านต้นไม้ไปหลายต้นจนพบกับต้นตอของเสียงเหล่านั้น

          ใครคนหนึ่งกำลังหินรูปทรงประหลาดไว้ด้วยสองมือ  หินบนมือนั้นมีขนาดเท่ากับลูกเปตองเเละมีผิวหยาบคล้ายกับลูกอุกกาบาตทั้วๆไป เเต่ที่น่าสนใจคือสีของหินนี้คล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ฟ้าเปิดจนมองเห็นดวงดาวระยิยระยับอยู่อย่างสวยงาม ผมใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อซึมซับความสวยงามของหินก้อนนั้นเเละเพื่อพิจารณาใบหน้าผู้ที่ถือมันอยู๋ เเล้วผมก็นึกออกว่าคนๆนั้นคือทออัสอยู่ทีมเดียวกับเจ้าสิงโตนั่น

 "ปีนี้เป็นปีของพวกเราอีกตามเคย" ทออัสพูดขึ้น

 "เรายังเเน่ใจไม่ได้หรอกนะ" ใครบางคนในกลุ่มพูดขึ้น

 "ไม่ต้อกังวลไปหรอกหน่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย" ทออัสกล่าว

          ทันใดนั้นเองทออัสก็หยุดการเคลื่อนไหวราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง คนอื่นๆเริ่มกันซ้ายหันขวา เเล้วทออัสก็หันหน้ามาทางผม ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ "นายคิดว่าจะซ่อนฉันได้หรอ"

          ทออัสยกมือขึ้นข้างหนึ่งจากการอุ้มหินดวงดาวเเละเผยฝ่ามือมาทางผม เสียงระเบิดดังขึ้นเเละประกายสายฟ้าลำหนึ่งก็พุ่งมาใส่ผม เเต่เเทนที่จะช๊อตผมด้วยพลังไฟหลายร้อยโวลต์สายฟ้านั่นกลับทะลุผ่านตัวผมไปเหมือนกับสิ่งอื่นๆ เเล้วระเบิดใส่ต้นไม้ด้านหลังผม

          ใครคนหนึ่งก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ ด้วยท่ายกมือขึ้นเหนือหัว

 "จากทีมเเซ็คสินะ" ทออัสถาม

 "พวกนายไม่มีทางชนะหรอก" ใครคนนั้นพูด

 "มีทางสิ" ทออัสยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เเละยกมือขึ้นมาอีกครั้ง "สำหรับตอนนี้ นายน่าจะพักสักหน่อยนะ"

          เเล้วสายฟ้าก็ไหลออกจากมือทออัสพุ่งเข้าใส่ชายผู้โชคร้ายคนนั้น อาการกระตุกเกิดขึ้นชั่วขณะเเล้วชายคนนั้นก็สลบไป

 "ขออำนาจหินเเห่งดวงดาวคุ้มครองท่าน" ทออัสพูดขึ้นเเล้วก็เดินจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ

 "มันต้องรุนเเรงขนาดนี้เลยหรอว้ะเนี่ย" ผมถอนหายใจออกฟอดใหญ่ "นึกว่าหมอนั่นจะมองเห็นเราซ้ะอีก"

          ผมเอามือทาบอกตัวเองอย่างขวัญเสีย ค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอจนอาการตื่นตระหนกหายไป

 "ตอนนี้เจอหินดวงดาวเเเล้ว ต้องรีบไปบอกคนอื่น" ผมจินตนาการถึงภาพตัวเองที่กำลังนอนอยู่ในเต้นท์ เเล้วร่างดวงจิตก็ค่อยๆสลายไป

 

 "ตื่นได้เเล้วหรอนายโรคจิต" เสียงเเผ่วๆดังขึ้นข้างๆตัวผม

 "อ่า....อ่ืม..." ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ  "กลับเข้าร่า่งเเล้วเเฮะ"

          สีหน้าถมึงทึงของเวอร์เป็นสิ่งเเรกที่ผมเห็นเมื่อสายตาเริ่มปรับโฟกัสได้เเล้ว พอเบนสายตามองไปรอบๆภาพที่ได้เห็นคือผู้คนมากมายกำลังถูกมัดอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ลิบสลบอยู่อีกฟากของเต้นท์ นั่นทำให้สมองผมสับสนไปหมดกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

 "พิษนอนหลับ ทำไมฉันถึงลืมไปได้นะ" เวอร์บ่นขึ้น

 "เธอว่าอะไรนะ" ผมถามขึ้นอย่างงงๆ "เเล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย"

          ผมพยายามจะลุกขึ้นยืนเเล้วก็พบว่าร่างกายผมถูกพันธนาการไว้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

 "ซื่อบื้อระดับนายรู้ไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก" เวอร์กันมมาตอบผม

 "เห้ เผื่อฉันจะทำอะไรได้บ้างไง เเล้วทำไมคนอื่นสลบกันอย่างนี้ล่ะ"

          เวอร์เงียบไปครู่นึงเมื่อผมพูดจบ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก

 "มันเป็นพรของสกอร์นะ"

 "สาวผมฟ้าน่ะหรอ"

 "ใช่" เวอร์พูดต่อ  "สกอร์กับลีโอบุกเข้ามาในจุดรวมพลเราเเล้วสกอร์ก็ร่ายพรพิษนิทรา พอพวกเราหลับก็จับพวกเรามัดไว้"

 "ทำไมล่ะ" ผมถาม

 "เคลียร์ทางให้สะดวกไงล่ะ จะได้ไม่มีใครขัดขวางเจ้าพวกนั้นตามหาหินดวงดาว"

           เเล้วผมก็นึกอะไรบางอย่างออก

 "อ้อออ จริงด้วย หินดวงดาวฉันเจอมันเเล้ว"

          เวอร์หันมามองผมด้วยสายตาเบื่อหน่าย 

 "อ๋อ คงงั้นล่ะ พ่อคนเก่ง ฝันกลางวันต่อไปเถอะย่ะ"

 "จริงๆนะ ทออัสเจ้าหนุ่มสายฟ้านั่นได้มันไปเเล้ว" ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

           เวอร์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย "จริงหรอ"

 "จริงสิ ฉันถอดจิตออกไปหาหินดวงดาวตอนที่เธอกำลังทำบางอย่างกับอาวุธคนอื่นๆนอกเต้นท์ พอเจอเข้า ฉันก็กลับมาเข้าร่าง กะว่าจะมาบอกคนอื่นๆนี่ล่ะ"

 "นายคงไม่ได้พูดโกหกนะ"

 "ฉันสาบาน"

 "ถ้านั่นเป็นจริงเราเเย่เเน่ ทออัสเป็นนักสู้ที่เก่งพอตัวเลยล่ะ เราหวังพึ่งคนอื่นไม่ได้เเล้วตอนนี้ เราคงต้องง....."  เเล้วเสียงเวอร์ก็ขาดหายไปช่วงนึง "ร่วมมือกัน"

          ผมไม่เเน่ใจนักว่าได้ยินถูกหรือปล่าว เเต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไปว่าเธอพูดจริงรีป่าว

 "ยังไงล่ะ"

 "เราต้องหนีออกจากที่นี่ให้ได้ ตามหาทออัสเเล้ววางเเผนเเย่งชิงหินดวงดาวมา" เวอร์พูด

 "อ๋อ อะไรๆมันคงจะไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้นหรอกนะ" ผมพูดพลางมองไปตามตัวที่ถูกพันธนาการด้วยเส้นเชือกอยู่

 "อะไรๆมันจะราบลื่นขนาดนั้นเลยล่ะ" 

          พอพูดจบเวอร์ก็เริ่มท่องอะไรบางอย่างขึ้นเป็นภาษาโบราณ จากนั้นเชือกบนตัวเราทั้งคู่ก็เริ่มมีควันลอยขึ้นมา เเล้วสักครู่ควันเหล่านั้นก็สลายไป เวอร์ดิ้นตัวอยู่ครู่หนึ่งเเล้วเชือกก็ขาดออกอย่างง่ายดาย เห็นเเบบนั้นผมจึงลองพยายามดิ้นบ้างเเล้วเชือกที่มัดตัวผมไว้ก็ขาดออกเช่นกัน

 "เธอทำได้ยังๆไงน่ะ" ผมมองเวอร์อย่างชื่นชมเเละถามขึ้น

 "ไม่ใช่เวลามาใฝ่หาความรู้หรอกนะ" เวอร์ตอบ "รีบไปกันเถอะ ก่อนที่ใครจะเห็นเข้า"     

         พอเราดูซ้ายดูขวาจนเเน่ใจว่าไม่มีฝ่ายศัตรูอยู่นอกเต้นท์ เราก็รีบพุ่งออกจากเต้นท์ไปอย่างสุดฝีเท้า ในช่วงอึดใจนึงผมคิดว่าเราน่าจะปลอดภัยเเล้ว จนกระทั่งมีสิงโตยักษ์ตัวหนึ่งกระโดดออกจากป่ามาขวางหน้าเราไว้ ผมจึงรู้เลยว่าผมคิดผิด

 "ว่าไงเวอร์ ญาติดีกับหมอนั่นเเล้วหรอ" เจ้าสิงโตพูด

 "นั่นเร็วไปร้อยปีย่ะ" เวอร์ตอบ "เเต่ตอนนี้เราอยู่ทีมเดียวกันถือว่าเป็นกรณีพิเศษ"

 "ยอมเเพ้ไปดีกว่านะเวอร์ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันหรอก" เจ้าสิงโตพูดพลางเดินวนรอบๆตัวเรา

 "ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมไม่มาสู้กันซึ่งๆหน้าเเต่เเรกล่ะ" เวอร์ตอบ

 "นั่นไม่จำเป็นหรอกนะ ในเมื่อสกอร์มีวิธีอื่นที่ดีกว่า"

 "ว่าเเต่สกอร์ไปใหนซ้ะล่ะ" ผมหันไปถามเวอร์เบาๆ

 "พิษนิทราเป็นพรบทใหญ่ทีเดียว เธอน่าจะใช้พลังดวงดาวไปมากจนขยับตัวไม่ไหวเเล้วล่ะ" เวอร์ตอบผมเสียงดังโดยที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ลีโอในร่างสิงโต "ใช่ไหมล่ะ"

 "ฉันไม่จำเป็นต้องตอบเธอหรอกนะ " เจ้าสิงโตตอบอย่างสบายใจ "ยอมเเพ้ซ้ะไม่งั้น.."

          ไม่ทันจะได้พูดจบหอกเรืองเเสงสีทองเล่มหนึ่งก็ลอยไปกระเเทกด้านข้างลำตัวของเจ้าสิงโต ด้วยความเร็วในการขว้างของเวอร์หอกน่าจะปักเข้าไปในลำตัวของเจ้าสิงโตได้อย่างง่ายดาย เเต่เเทนที่จะเป็นเเบบนั้นพอปลายหอกกระทบกับลำตัวนั้นมันก็เเตกกระจาย

 "55555" เจ้าสิงโตหัวเราะอย่างสะใจ "เปล่าประโยชน์หน่าาเวอร์ เธอคนเดียวสู้ฉันไม่ได้หรอก หรือต่อให้ร่วมมือกับเจ้าอ่อนปวกเปียกนั่นผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม"

          พอพูดจบเจ้าสิงโตก็หยุดเดินเเล้วหันมาเผชิญหน้า

 "นายอาศัยจังหวะที่ฉันสู้กับลีโอรีบหนีออกไปนะ" เวอร์หันมาพูดกับผมในขณะที่ผมได้เเต่ยืนอยู่อย่างไร้ประโยชน์

 "ถ้าจะเเพ้ก็ขอเเพ้อย่างภาคภูมิ ขอหมู่ดาวหญิงสาวมอบพลังเเก่ข้า" พอพูดจบเวอร์ก็หยิบดาบเล่มหนึ่งบนพื้นเเล้วกระโจนใส่เจ้าสิงโต...

 

 

  

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา