Your Heart's Guardian แล้วรักฉันจะดูแลเธอ
เขียนโดย Gwen_mk
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.03 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561 22.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) 9: Sunshine's talk I
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความSunshine’s talk
“พี่เตวิน” เสียงของน้ำค้างพึมพำขึ้นมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอให้เจ้าของชื่อเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมามองเธอ เขาก็คือรุ่นพี่ของน้ำค้างที่น้ำค้างวิ่งหนีจนมาชนผม เป็นเหตุให้ลูกชายของผมสูญเสียป้อมหมายเลขสามไป นี่ยังดีนะที่ปืนใหญ่ลูกชายผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่นั่นก็ทำให้ผมโชคดีได้เจอกับน้ำค้างและได้เธอมาเป็นนางเอกให้กับโปรเจคต์ของกลุ่มผม
จะว่าไปก็นับว่าเป็นโชคดีของผมที่ได้เจอกับน้ำค้างในวันนั้น เพราะผมกำลังกลับจากการออกไปถ่ายรูปหาโลเคชั่นทำโปรเจกต์และกำลังปวดหัวเรื่องหานางเอกหนังอยู่พอดี พอเห็นหน้าน้ำค้างแล้วมันก็ลงตัวเลย แต่พักเรื่องนั้นไว้ก่อน ผมควรจะสนใจเหตุการณ์ตรงหน้านี้มากกว่า
“พี่มารออยู่ตั้งนานแน่ะครับ ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ ไลน์ไปก็ไม่เห็นตอบ” พอไอ้พี่เตวิน...ขออนุญาตเรียกไอ้เพราะผมไม่ถูกชะตายังไงไม่รู้...พอไอ้พี่เตวินพูดจบน้ำค้างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คทันที
“ขอโทษด้วยค่ะพี่เตวิน พอดีน้ำปิดเสียงมือถือไว้ตอนที่ถ่ายงานกับพวกซันน่ะค่ะ”
“ถ่ายงาน?”
“อ๋อ พอดีน้ำค้างมาช่วยเล่นเป็นนางเอกหนังสั้นให้โปเจคต์กลุ่มพวกผมน่ะครับ” ผมแทรกอธิบายขึ้นเพื่อให้ไอ้รุ่นพี่นั่นรู้ว่าผมยังมีตัวตนอยู่ “สวัสดีครับพี่เตวิน”
“หวัดดีน้อง..แล้วนี่ทำงานกันเพิ่งเลิกเหรอครับ” รับไหว้ผมลวกๆแล้วก็หันไปคุยกับน้ำค้างต่อ ไม่ค่อยเลยจริงๆไอ้รุ่นพี่นี่
“อ๋อ เสร็จตั้งแต่หกโมงครึ่งแล้วครับ เราเพิ่งกลับมาจากทานข้าวเย็นกันน่ะครับ” คิดเหรอว่าผมจะยอมให้เมินกันง่ายๆ เอาตามจริงเลย ผมดูท่าทางก็รู้ว่าน้ำค้างก็ไม่ได้พิศวาสไอ้รุ่นพี่นี่เท่าไหร่หรอก ออกแนวอยากจะเลี่ยงด้วยซ้ำ น้ำค้างแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนขนาดนั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไอ้หมอนี่ไม่ยักกะรู้ตัว
“แล้วพี่เตวินมารอน้ำมีอะไรหรอคะ” น้ำค้างถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไอ้พี่เตวินเริ่มจะมองผมด้วยสายตาเคืองๆ
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ แต่ขอคุยแบบส่วนตัวนะครับ” มีการเหลือบหางตามามองผมด้วย คิดว่าคนอย่างไอ้ซันชายน์คนนี้จะสนรึไง
“เอ่อ...งั้นเราไปคุยกันตรงม้าหินอ่อนตรงนั้นแล้วกันนะคะ ขอตัวแปปนะซันชายน์ ยังไงรบกวนเธอรอเราก่อนนะ เดี๋ยวเดินขึ้นตึกพร้อมกัน” เธอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจกึ่งขอร้อง แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีนะที่เธอไม่ได้ไล่ผมไปไหน
“โอเคครับ” ผมพยักหน้ารับยิ้มๆก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปคุยกันที่โต๊ะหินอ่อนตรงใกล้ๆที่จอดรถหน้าหอ
ผมเลือกที่จะยืนอยู่หน้าตึกไม่ห่างจากบันไดทางขึ้นมากนัก เลือกเอามุมที่เห็นสองคนนั้นได้ถนัดๆ และเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำเป็นกดเล่น เอาจริงๆเลยนะครับ ผมนี่อยากรู้ม๊ากกกกกมากว่าสองคนนั้นเขาคุยอะไรกัน เท่าที่เห็นจากตรงนี้ สีหน้าไอ้พี่เตวินซีเรียสมาก ส่วนหน้าน้ำค้าง ถึงจะดูนิ่งๆแต่ก็แฝงไปด้วยความลำบากใจอยู่จางๆ
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังตกลงอะไรบางอย่างเพราะผมเห็นน้ำค้างพยักหน้าเหมือนตกลงและไอ้พี่เตวินนั่นก็ยิ้มอย่างพอใจก่อนที่น้ำก่อนที่น้ำค้างจะไหว้ลาไอ้พี่เตวินนั่นและเดินกลับมาทางนี้
“ขอบคุณที่รอนะซัน” เธอยิ้มให้ผมเล็กน้อย แต่ผมรับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นรอยยิ้มหลอกๆ เพราะสีหน้าของเธอมันเต็มไปด้วยความลำบากใจระบายอยู่เต็มไปหมด
“ไม่เป็นไร ว่าแต่น้ำค้างโอเคนะ”
“อื้ม..โอเค กลับห้องกันเถอะ”
ผมเดินไปส่งเธอที่ห้องแต่โดยดีโดยที่ไม่ถามอะไรต่อ เพราะถึงถามไปเธอก็คงบอกว่าไม่มีอะไร มันก็คงจะเป็นเพราะว่าผมยังไม่ใช่คนที่เธอสนิทพอที่จะเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเธออยู่ดี เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ถึงน้ำค้างจะทำเป็นยิ้ม ทำตัวปกติ ผมก็รู้สึกได้เสมอว่าเธอมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ จริงๆผมไม่ใช่คนอ่านความรู้สึกคนเก่งอะไรหรอก แต่กับน้ำค้าง ผมรู้สึกว่าผมอ่านเธอขาดเสมอ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างในแววตาเธอที่คอยบอกเล่าเรื่องราว บอกความรู้สึกออกมาอย่างปิดไม่มิด
หลังจากวันก่อนที่ผมบังเอิญได้เข้าไปช่วยเธอจากแฟนเก่า มันก็ทำให้ผมเข้าใจว่าเรื่องที่อยู่ในใจเธอก็คงเป็นเรื่องของผู้ชายคนนั้น ตอนที่ผมเห็นเธอโดนผู้ชายคนนั้นกำลังจะขืนใจ ตอนนั้นผมโมโหมาก เพราะผมถูกที่บ้านปลูกฝังเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษมาตั้งแต่เด็กๆ พอได้เห็นผู้ชายคนนี้กำลังทำร้ายผู้หญิงอยู่ตรงหน้า วิญญาณเหล่าตัวการ์ตูนฮีโร่ที่ดูมาตั้งแต่เด็กก็เหมือนจะเข้าสิง ยิ่งพอเห็นว่าน้ำค้างร้องไห้หนักๆด้วย ผมนี่ยิ่งอยากจะซัดไอ้แฟนเก่านั่นให้ลงไปกองกับพื้น แต่จะว่าไปแล้ว การได้เห็นน้ำค้างร้องไห้ครั้งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ พอได้รู้ว่าเธอกำลังเจอกับอะไรก็ยิ่งอยากจะคอยเป็นกำลังใจให้ นั่นมันก็เป็นเหตุผลที่ผมอยากจะทำให้เธอยิ้มและหัวเราะได้ ถึงจะต้องทำอะไรแปลกๆไปบ้างก็เถอะ ผมจะบอกให้นะ ไอ้เรื่องผู้ชายตะมุตะมิอะไรนั่นน่ะ ผมแต่งเอาทั้งนั้น จำมาจากหน้ากากทุเรียน ผมแค่อยากทำอะไรก็ได้ให้เธอยิ้มได้ จริงๆผมก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาแมนๆทั่วไปนี่หละครับ
นั่นแน่ะ!พูดมาถึงตรงนี้แล้วคุณผู้อ่านคงจะคิดว่าผมปิ๊งน้ำค้างล่ะสิ ผมบอกเลยว่า ผิดครับ! ตอนแรกที่ผมเจอกับน้ำค้าง ผมก็แค่คิดอยากจะได้คนสวยๆน่ารักๆอย่างเธอมาเป็นนางเอกให้กับโปรเจคต์ผมเท่านั้น พอรู้ว่าเธอเพิ่งเลิกกับแฟน ตอนนั้นผมเองก็กังวลนิดๆว่าเรื่องบทหนังจะไปแทงใจดำเธอเข้าเพราะมันตรงกับชีวิตเธอเหลือเกิน ผมถึงได้คุยกับไอ้ก้องว่าคงต้องอิมโพรไวซ์เอาให้น้ำค้างแสดงรีแอคชั่นออกมา เพราะถ้าให้เธอแสดงตามการอ่านบท มันคงจะไม่ผ่านแน่ๆ แต่ผมก็ไม่คิดจริงๆว่าเธอจะร้องไห้ออกมาตอนที่ถ่าย พอเห็นอย่างนั้นมันก็อดกังวลและเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ บางทีผมอาจจะแพ้น้ำตาผู้หญิงคนนี้ก็ได้นะ ตอนนั้นเล่นเอาซะผมเกือบหลุดบทไปเลย ดีนะว่าดึงสติกลับมาเล่นมุกเพื่อให้เธอยิ้มออกตามบทได้ ไม่งั้นคงต้องได้บิลต์อารมณ์เธอให้ร้องไห้อีกเทคแน่ๆ
ก็อย่างที่บอกไปล่ะครับ ผมก็แค่รู้สึกเป็นห่วงและแคร์ความรู้สึกของเธอเพราะผมรู้ว่าเธอกำลังเจอกับอะไรอยู่ก็เท่านั้น แต่พอตอนพวกเพื่อนๆมันแซว ก็อดเขินไม่ได้เหมือนกัน แต่ผมก็ยังไม่กล้าจะคิดอะไรมากกว่าขอแค่เป็นเพื่อนที่เธอไว้ใจก็พอ เพราะเธอก็เพิ่งจะเลิกกับแฟนมา ผมว่าเธอคงไม่อยากคิดเรื่องความรักไปสักพักแหละ ผมเองก็เคยอกหักมา เข้าใจความรู้สึกดี แล้วยิ่งน้ำค้างเป็นพวกเก็บความรู้สึกด้วย เธอคงเป็นคนที่อยากจะจัดการความรู้สึกต่างๆด้วยตัวเองมากกว่า
จะว่าไปก็มีคนคนนึงนี่หว่าที่รุกหน้าจีบน้ำค้างโดยไม่แคร์ว่าเธอเพิ่งจะเลิกกับแฟน ก็ไอ้พี่เตวินอะไรนั่นไง ดูก็รู้ว่ามาจีบน้ำค้าง แล้วตกลงว่าสองคนนั้นเขาคุยอะไร แล้วตกลงอะไรกัน ผมเห็นหน้าน้ำค้างลำบากใจแบบนั้นก็กลัวว่าไอ้รุ่นพี่นั่นจะทำให้เธอเสียน้ำตาอีกคน ฮึ่ย>< คิดแล้วมันอยากรู้ชะมัดเลย
_____________________________________________________________
วันต่อมา
“ไอ้ซัน”
“.....”
“ไอ้ซัน มึงฟังกูอยู่ป่าววะ”
“.....”
“ไอ้ซันชายน์โว้ยยยยยย!!!” เสียงของไอ้ก้องที่ตะโกนเรียกผมขึ้นมาเล่นทำเอาซะผมสะดุ้งเลย
“อะไรวะ มึงจะตะโกนทำไม”
“มึงนั่นแหละ เหม่ออะไร กูกำลังบรีฟฉากที่กำลังจะถ่ายเนี่ย ตกลงมึงได้ฟังที่กูพูดไปป่าววะ” ไอ้ก้องบ่นพร้อมยื่นกระดาษบทมาเกือบจะทิ่มหน้าผม
“โทษทีว่ะ กูเหม่อไปหน่อย มึงพูดอีกทีดิ๊”
ผมไม่น่าเผลอไปคิดถึงเรื่องน้ำค้างเลย เล่นเอาเกือบเสียงาน แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ก็ตอนแรกวันนี้เรานัดกันถ่ายทำกันเพิ่มเพราะเป็นวันเสาร์ แต่เธอไลน์เข้ามาในกลุ่มว่าขอมาถ่ายช่วงเย็นๆเพราะมีธุระ แถมเมื่อเช้าตอนเก้าโมง ผมกำลังออกจากหอก็ดันเห็นว่าพี่เตวินมารับน้ำค้างออกไปข้างนอกอีก หรือว่าธุระของน้ำค้างเกี่ยวกับไอ้รุ่นพี่เตวิน หรือว่าเรื่องที่พวกเขาคุยกันเมื่อคืนคือออกไปไหนด้วยกันวันนี้ แล้วพวกเขาออกไปไหนกันว๊า~~
“ไอ้ซัน มึงเหม่อเรื่องอะไรนักหนาวะ จะถ่ายละนะโว้ย”
“เออๆ กูพร้อมละ ซีน 5 ใช่ไหม”
ผมทำสมาธิโฟกัสกับงานได้ในที่สุด จนเราถ่ายฉากที่ต้องถ่ายผมเดี่ยวๆไปได้เกือบครบทุกซีน พวกเราเล่นถ่ายกันมาเกือบสามชั่วโมง ทั้งถ่ายทั้งย้ายโลเคชั่นไปมา พวกผมก็เริ่มหิวขึ้นมา เลยตัดสินใจกันว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวแถวหลังมหาลัย
“อ้าวเจ้โอปอล ทุกคน มากินข้าวกลางวันกันเหรอ” กั้งนั่นเองที่ทักพวกผมขึ้น ช่างบังเอิญจริงๆที่พวกผมมาเจอกั้งกับทอฟฟี่ที่มากินร้านเดียวกันพอดี
“เห้ย งั้นก็มานั่งโต๊ะเดียวกันเลยดิ ไอ้ก้องขยับหน่อยดิวะครับ เชิญนั่งเลยครับกั้งคนสวย ^ ^” ไอ้บาสนั่นเองที่จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ
“แหม เจ้โอปอล ได้มานั่งกินข้าวท่ามกลางหนุ่มๆเลยนะ ฟินเลยชิป้ะ> < หนูล่ะอิจฉา” ทอฟฟี่พูดหลังจากที่นั่งลงตรงที่ว่างข้างๆผม พอดีเลย ผมจะได้แอบถามเรื่องน้ำค้างกับไอ้พี่เตวินด้วย
“ฟินเฟินอะไรล่ะ กับไอ้ลิงพวกนี้อ่ะนะ เจ้ล่ะเพลีย~” เจ้โอปอลพูดพลางกรอกตา ก็แหม ตั้งแต่ทำงานอยู่กลุ่มเดียวกันมา พวกผมก็ป่วนเจ้แกจนเจ้แกระอาพวกผมไปหมดแล้ว
พวกเราสั่งก๋วยเตี๋ยวและนั่งคุยกันไปสักพักจนกระทั่งก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ และในขณะที่พวกเรากำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวกันอยู่นั่นเอง
"เพื่อนบอลเว้ย มึงคนก๋วยเตี๋ยวให้กูหน่อย แขนกูเดี้ยง คนไม่ถนัดอ่ะครับ” ไอ้ก้องนั่นเองที่เริ่มระรานไอ้บอล โชคดีที่วันนี้ผมนั่งห่างจากมันหน่อย เลยไม่ต้องเป็นคนปรนนิบัติมันวันนี้
“เดี๋ยวกูปรุงของกูเสร็จก่อนละคนให้” ไอ้บอลพูดเนิบๆตามสไตล์คนเบื่อโลกของมัน บางทีผมก็แอบสงสัยนะว่าไอ้บาสมันไปแย่งความสดใสจากชีวิตไอ้บอลมาตอนเกินรึเปล่า ไอ้บอลมันถึงได้มีบุคลิกเงียบขรึมปนซังกะตายเกินคนปกติขนาดนี้
“เอามานี่มา เดี๋ยวเราคนให้” กั้งที่นั่งอยู่ระหว่างไอ้ก้องกับไอ้บาสนั่นเองที่อาสาคนก๋วยเตี๋ยวให้ไอ้ก้อง
“เอ่อ..ขอบคุณนะ รบกวนกั้งอีกแล้ว” ไอ้ก้องพูดด้วยท่าทางเรียบร้อย นอบน้อม ผิดวิสัยของมัน สงสัยจะประหม่าเวลาอยู่ใกล้สาวสวยเอ็กซ์เซ็กซี่แบบกั้ง ฮ่าๆ ปกติไอ้ก้องมันทะลึ่งทะเล้นจะตาย ยิ่งเวลาอยู่กับพวกผมปกตินะ โคตรกวนที_
“ไม่เป็นไร เราปรุงของเราเสร็จพอดี อ่ะ..น่าจะเข้ากันดีละ” กั้งพูดกับไอ้ก้องด้วยท่าทางชิลๆ แต่ผมแอบเห็นว่าไอ้ก้องมันทำหน้าดีใจสุดๆเลย
“เฮ้ยๆ ไอ้ก้อง สาวคนก๋วยเตี๋ยวให้แค่นี้เคลิ้มเลยนะมึง” ไอ้บาสพูดได้ตรงใจผมชะมัด
“เคลิ้มห่าอะไร กูซาบซึ้งในน้ำใจกั้งหรอกเว้ย” ไอ้ก้องสวน แต่หูมันแอบแดงนิดๆ ไม่เนียนเลยว่ะเพื่อน
ประเด็นของไอ้ก้องถูกเพื่อนในกลุ่มหยิบเอามาล้อกันสนุกสนานในวงก๋วยเตี๋ยว ผมเห็นว่าเป็นจังหวะดีเลยถือโอกาสนี้แอบกระซิบถามทอฟฟี่เรื่องที่คาใจมาตั้งแต่เช้า
"ทอฟฟี่..พี่เตวินนี่เค้ามาจีบน้ำค้างเหรอ”
“อื้ม ใช่ มีอะไรหรอ พี่เตวินมากันท่าแกกับยัยน้ำเหรอ” ทอฟฟี่ถามราวกับนี่เป็นการกระทำที่ปกติของไอ้พี่เตวิน
“ก็ไม่เชิง แต่เราสงสัยว่าน้ำค้างกับพี่เขาดูๆกันอยู่เหรอ พอดีเมื่อเช้าเราเห็นพี่เขามารับน้ำค้างออกไป”
“แหม~ เพิ่งรู้นะว่าซันชายน์สุดหล่อของฉันก็เป็นคนขี้เผือกเหมือนกัน” ทอฟฟี่พูดด้วยสายตาล้อเลียนส่งมาให้ผม ผมก็เลยส่งสายตาเอือมระอาตอบไปแทน
“อ่ะๆ บอกก็ได้ ยัยน้ำบอกว่าพี่วินมาขอโอกาส วันนี้ก็เลยจะออกไปเดทกัน”
“อ๋อ...งั้นเหรอ” ผมพยักหน้ารับรู้ตอบไปและหันกลับมากินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าต่อเงียบๆ 'ไปเดทกัน' ประโยคธรรมดาสั้นๆ ทำไมผมต้องรู้สึกไม่พอใจด้วยนะ
Sunshine’s talk ended
________________________________________________________________
จากใจนักเขียน
หวังว่านักอ่านที่รักทุกคนจะยังคงติดตามและสนุกกับนิยายเรื่องนี้อยู่นะคะ ถ้าชอบไม่ชอบยังไงอย่าลืมกดโหวตหรือวิจารณ์กันมาได้นะคะ สำหรับตอนนี้เรามีรูปซันชายน์มาฝากทุกคนด้วยนะคะ เป็นรูกตอนที่ซันชายน์แกล้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์แต่จริงๆแล้วกำลังแอบส่องว่าพี่เตวินลากน้ำค้างไปคุยอะไรกัน แหม...ห่วงเขาขนาดนี้อยากเป็นแค่เพื่อนจริงๆหรือเปล่าน้าาาา
Gwen
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ