นายปากร้ายกับยายใจแข็ง
-
เขียนโดย นาราชา
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.
11 ตอน
2 วิจารณ์
12.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตอนที่ 8 อย่าหายไปแบบนี้ได้ไหม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ผมในคืนแรกที่ไม่โสด หลังจากอาบน้ำเสร็จ แค่ 4 ทุ่มเอง จะทักไปหาเธอได้ไหม๊นะ เธอจะนอนรึยัง ระหว่างที่คิดตัดสินใจ ผมเข้าไปท่องเที่ยวในเฟสบุ๊คของเธอ ผมเองชอบเล่นอินสตราแกรมครับ เริ่มมาจริงจังกะเฟสบุ๊คก็ตอนที่รู้ว่าเธอไม่เล่นอินสตราแกรม แถมมีเพจแฟนคลับผมที่โจมตีแฟนผมอยู่นี่แหละ
//สถานะมีแฟนแล้ว// เฮ้ย เปลี่ยนตอนไหน อะไรยังไง ได้ไง ผมจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ ขนาดคนขี้เก๊กยังทำได้ขนาดนี้ ผมเข้าไปเปลี่ยนสถานะให้เป็นมีแฟนแล้ว ยัง ยังไม่พอ มันต้องโพสต์
//มีแฟนแล้ว รักมากด้วย// ยังไม่ถึงนาทีคอมเม้นมาเต็ม ผมไม่อ่านหรอก ปล่อยมันแจ้งเตือนไป แมสเซสไปหาแฟนดีกว่า
<<แฟนครับ นอนยัง>> ส่งแล้วก็มานั่งลุ้น
<<ยังทำการบ้านอยู่เลย>> ตอบเร็วดีครับแฟนผม
<<ขอบคุณนะครับ>>
<<เรื่อง?>>
<<ทุกเรื่องเลยครับ เยอะแยะเลย>>
<<เรื่องเพลงก็ขอบคุณไปแล้วนะ>>
ผมแคปหน้าจอโปรไฟล์เธอส่งแมสเซสให้เธอเลย
<<เขินนะเนี่ย>>
<<ดีใจจัง>>
<<เอาไว้เจอกันคาบแมทนะ ปั่นงานต่อแล้ว ห้ามสายด้วย>>
<<พรุ่งนี้ไปรับนะครับ>>
<<เอาสิ>>
<<อย่านอนดึกนะ ฝันดีนะครับ>>
<<จ้า เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะคะ>>
โอ้ยมีนะคะด้วย น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ด้วยอาการตัวเบาๆ ลอยๆ แบบนี้ ผมนอนไม่หลับเลยครับ ขอเล่นเฟสอีกนิดนะครับหวานใจ ไปส่องดูสิว่าหลังจากเปลี่ยนสถานะแล้วเป็นยังไงบ้าง เอ๊ะหรือผมจะติดเฟสบุ๊คไปแล้ว
//ฉลองสิครับ// ไอ้กอล์ฟ มึงจะแดกเหล้าฟรีอีกแล้วใช่มั้ย
//หน้าตาดีเศร้าได้ไม่นาน// ไอ้คีย์รูมเมทไอ้ทิว
//คงไม่มีหมาหน้าบูดมานั่งหน้าเป็นตูดที่ห้องกูอีกแล้ว// ไอ้ทิว คารมคมคายเหมือนเดิมนะมึง
//ขึ้นสถานะพร้อมกันเลย ฝาก....ด้วยนะ// ไอ้ลุงว่าที่น้องเมีย
//ในความอกหัก กูต้องยินดีกะมึงมั้ย// นี่ชมรมรักคุณเท่าฟ้า
//ก็เหมาะดี แต่ชีเล่นตัวมาเป็นปีเพื่อ...........// เพื่อรอผมไงคร๊าบ
//ไม่ยอม คนนี้กูขอ// ผู้ชายครับ ผมไม่ให้
//ไอ้หล่อ นางฟ้ามึงก็ปล่อยอยู่บนฟ้า ไว้ให้พวกกูชื่นชมดิหว่ะ// อันนี้ผมก็ไม่ให้
//รีบๆ เลิกกันนะ รอคิวอยู่// โห แรงหว่ะป้า ใครหว่ะ รักผมต้องรักแฟนผม
//เหมาะสมตรงไหน ไม่รู้จริงอ่ะดิ คบใครก็น่าจะสืบประวัตินิดนึง// โปรไฟล์รูปคิตตี้ ผมนี่อยากสืบประวัติคุณมึงดูก่อนเลยครับ
และอื่นๆ อีกมากมาย ผมขี้เกียจอ่านหล่ะ นอนดีกว่าอารมณ์ดีๆ เสียหมด
เช้าวันพุธ วันที่ดีที่สุดของสัปดาห์ ทำไมเหรอครับ ก็ผมได้นั่งเฝ้านางฟ้าของผมเรียนแมทอย่างใกล้ชิด การได้ทำหน้าที่รับส่งเธอ นั่งข้างๆ เธอตั้ง 2 ชั่วโมงนี่มันวิเศษสุดๆ ถึงจะไม่ได้คุยกันหรือคุยกันน้อยมากๆ เลยก็ตาม ด้วยความที่คนสายตาสั้นที่ตาโตโครตๆ บอกว่าการใส่แว่นตาทำให้หน้าเธอแก่ ผมไอ้ทิวและไอ้กอล์ฟก็ได้ทำการอันเชิญตัวเองมาเป็นเด็กเรียนที่แถวหน้า (ไอ้ลุงมันขอบาย เหตุผลส่วนตัวมันล้วนๆ) คือไกลสุดได้แค่แถวที่ 3 มันเป็นอะไรที่โครตสะดุดตา คือ 4 คนมานั่งหัวสูงโด่เด่ อย่างกับกำแพงจุดโทษ พวกผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับ หลังเรียนก็เคลื่อนขบวนไปศูนย์อาหาร 1 กันเหมือนเดิม (ก็มันสะดวกดีนะครับ) หลังจากทุกคนได้อาหารและน้ำดื่มตามความพอใจก็มานั่งโต๊ะที่หมายตาเอาไว้ โดยไอ้กอล์ฟมันเรียบร้อยก่อน มานั่งหัวเด่รอ
พี่ฟ้า : นี่สามคนไม่เห็นจดอะไรเลย จะทำได้เหรอตอนสอบอ่ะ
ไอ้ทิว : พวกผมจดไปก็อ่านไม่ออก ขอของพี่ฟ้าไปถ่ายเอกสารได้ไหม๊อ่ะ
พี่ฟ้า : ก็เอาสิ แต่ตั้งใจเรียนด้วย ไม่งั้นอด
นางฟ้าของผมยังเป็นนางฟ้าของทุกคนด้วย เธอใจดีและมีเหตุผลเสมอ นี่แม่ของลูกในอุดมคติเลยคร๊าบ
พี่ฟ้า : ไปส่งเอารถที่หอหน่อยสิ (หันมาพูดกับผม)
ผม : ไม่ให้ไปส่งที่คณะเหรอ
พี่ฟ้า : ไม่ดีมั้ง ไปอีกหลายที่อ่ะ ไปเองสะดวกดี
ผม : ผมซิ่วไปเรียนศึกษาทันไหม๊
พี่ฟ้า : อย่ามาตลก
ผม : คร๊าบ
เธอเป็นกันเองมาก ไม่ได้มีความเขินอายใดๆ และสนิทกับไอ้เพื่อนยากทั้งสองตัวของผมด้วยสิ บรรยากาศจึงไม่ได้เคอะเขิน พวกมันบอกว่าแค่อิจฉา พร้อมสัญญากับเทวดาฟ้าดินว่าจะหาแฟนให้ได้เร็วๆ ผมก็ได้แต่ภาวนาให้มันเจอคนที่ดีๆ แบบผม ซึ่งบอกเลยว่า ยาก!!!!! 555+
จากนั้นผมก็ไปส่งเธอเอารถที่หอ ขับรถตามไปส่งถึงทางแยกเข้าคณะแล้ววนกลับมาคณะวิศวกรรมศาสตร์ พวกเราเรียนกันตามปกติแหละครับ คือโหดเป็นปกติ ตอนนี้กิจกรรมรับน้องผ่านไปแล้ว เล่นเอาแทบกระอักเลือด ได้ข่าวแว่วๆ มาว่าอีกหน่อยจะมีกิจกรรมประกวดเชียร์ หึหึ กิจกรรมอะไรมันจะเยอะขนาดนี้ คนที่เค้ารอดไปปี 2 ได้นี่เขาตายมาแล้วกี่ครั้งครับ จนบ่ายสามครึ่ง ผมใกล้เลิกเรียน แอบถามแฟนหน่อยดีกว่า
“แฟนครับ เลิกเรียนแล้วไปไหน” รออยู่เกือบๆ นาที
“วันนี้น้องโทรมาของดเรียน”
“ไปนั่งรถเล่นกัน”
“มอร์ไซไหม๊ อากาศดี”
“เขาขับนะ” รีบเลยสิครับ มอร์ไซไปสองคน ยุฮู๊ว
“ตามใจสิ พอดีจะไปถ่ายรูป”
“ต้องการนายแบบมั้ย”
“ปกติถ่ายวิว”
“วันนี้ไม่ปกติ”
“จ้า” แล้วก็เงียบไป
ตอนแรกผมกะจะไปสำรวจมหาวิทยาลัยกะไอ้เพื่อนๆ แต่นี่ผมมีไกค์ส่วนตัวที่ทั้งรู้จักมหาวิทยาลัยดีกว่าพวกมัน สวย น่ารัก ใครจะไม่รีบฉวยโอกาส สี่โมงเย็นผมรีบพาสองตัวที่ตอนนี้เริ่มจะขับรถไม่เป็นแล้วกลับหอ
“มึงจะไปไหน ดูรีบๆ” ไอ้ทิวถามหลังจากมันรีบยัดสมุด ปากกา ชีทใส่กระเป๋า แล้ววิ่งตามผมมา
“กูจะไปแต่งหล่อ” ผมต้องหล่อไง กูจะไปออกเดตเว้ย อันนี้คิดในใจ
“เพื่อ.............. มึงเรียนทั้งวัน ชายเสื้อรุ่ยๆ มึงก็หล่อ” กูต้องหล่อกว่านี้ครับเพื่อนทิว
“กูจะไปเป็นนายแบบให้พี่ฟ้า” ผมพูดพร้อมกับยิ้มกริ่ม
“พัฒนามากครับเพื่อน” ไอ้ลุงที่ตามผมมาทันตอนไหนพูดขึ้น
“มันแน่นอนอยู่แล้วครับคุณน้องแฟน” นี่ผมต้องเกรงใจมันด้วย ไม่ใช่มันเป็นน้องพี่ฟ้า แต่มันสุภาพมากๆ ด้วย ลูกบ้านนี้กินข้าวกับอะไรหว่ะครับ
“เออๆ ไปๆ เดี๋ยวท่านชายจะไม่หล่อสมใจ ไปแล้วนะไอ้ลุง” พวกผมโบกไม้โบกมือลาไอ้ลุงที่ขึ้นวีออสสีขาวดูเข้ากับบุคลิกสุภาพ อ่อนโยน โครตๆ ของมัน
ส่วนผมเหรอครับรีบพาไอ้สองตัวไปเก็บที่หอแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆ รอแฟนมารับ วันนี้ผมเลือกใส่กางเกงขาสั้นสีครามกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า รองเท้าผ้าใบสีขาวถุงเท้าไม่ต้อง ส่องกระจกแล้วส่องกระจกอีก หล่อยังหว่ะ
//จะออกไปรับแล้วนะ ลงมารอด้วย อยู่หน้าหอชายมันเขิน// แฟนผมน่ารัก ผมเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งแล้ววิ่งลงบันไดทีละสามขั้นเลยครับ ตอนที่ผมมาถึงหน้าหอเธอยังไม่มาครับ ผมไม่ได้กลัวเธอเขิน ผมกลัวมีหนุ่มๆ มามองเธอ ผมก็หึงของผมนะ รอไม่ถึงห้านาทีเธอก็ขับรถมาจอดแต่ไม่ยอมลงรถ วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีฟ้าพื้นๆ กับกางเกงขาสามส่วนสีขาว รองเท้าแตะสายสานแบนๆ ผมถูกถักเปียหลวมๆ กล้องตัวใหญ่คล้องคอดูทะมัดทะแมง นี่ผมนึกว่าเราใส่เสื้อคู่นะครับ
“ลงมาสิ” ผมบอกตอนเห็นท่าทางขยับจัดกระเป๋าเป้เผื่อให้ผมนั่งสบายอีก
“เดี๋ยวขับให้” แมนมากครับแฟนผม
“ตลกแล้ว ลงมา แบกแค่ของไปก็เหนื่อยพอแล้ว” คงเห็นว่าขัดผมไม่ได้ก็เลยได้เห็นคนสวยหน้างอก่อนตั้งขาตั้งรถแล้วก้าวลงมายืนข้างผมอย่างเท่ห์
“เป็นน้องเป็นนุ่งจะตีให้” บ่นๆ มีบ่นอีก
หลังจากจัดแจงการนั่งรถเสร็จเรียบร้อยผมก็ขับออกไป ว่าแต่ไปทางไหนหล่ะครับ
“เริ่มที่ไหนดีครับ” ถามเจ้าตัวสิครับ
“ไปอุโมงค์ต้นไม้” ด้วยความที่ผมยุ่งโครตๆ ทั้งเก็บตัวประกวดเดือนมหาวิทยาลัย รับน้อง กีฬาเฟรชชี่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อผมไม่รู้ ไอ้อุโมงค์ต้นไม้มันอยู่ที่ไหน ก็เลยกลายเป็นว่า เธอต้องบอกทางผมไปตลอด สาวเจ้าบ่นว่าให้เธอขับก็ดีอยู่แล้ว อย่าได้แคร์ครับ ผมหน้ามึนมาก
พอไปถึงถนนเส้นนั้น ผมเข้าใจคำว่าอุโมงค์ต้นไม้ได้ชัดเจนสุดๆ มันเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยของเรา ปลูกสองฝากฝั่งถนนที่ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร พอสูงมาได้ระดับนึงแล้วมันก็โน้มเข้าหากัน ออกใบเขียวสดแข่งกัน พอจอดรถได้ผมก็ยึดเอากระเป๋าเป้กับขาตั้งกล้องมาถือเอง ส่วนกล้องก็ปล่อยเธอคล้องคอไป
“สวยมั้ย” เธอหันมาถามผม ยักคิ้วให้อีก
“ฟ้านะเหรอ” หันกลับมาอย่างไวครับ
“ไม่สิ อุโมงค์ต้นไม้” ผมเข้าใจ แค่อยากหยอดแฟนตัวเอง ถึงจะตอบอย่างไวแต่หน้าที่แดงไปถึงหูนั่นน่าดูหยอกซะที่ไหน
“สวยสิครับ เขาเคยมานะตอนถ่ายภาพโปรโมตดาวเดือน แต่มารถตู้วนๆ ไปเรื่อย เลยจำทางไม่ได้แล้วก็ไม่รู้เขาเรียกว่าอุโมงค์ต้นไม้” ผมนี่มันโง่จริงๆ
“จะสองเดือนแล้วยังไม่ได้ไปไหนเลยเหรอ” เธอถามผมอึ้งๆ
“ไม่ว่างเลยครับ วันๆ หาแต่แผนจีบสาว” นี่ก็อีกอย่างที่เปลืองเวลาเปลืองหัวใจสุดๆ ต่อไปอยากเปลืองตัวด้วย
“หลายคนเหรอ ดูยุ่งเชียว” เธอถามแต่สีหน้ารู้คำตอบ
“มีคนเดียว รักมากด้วย” ผมมองเข้าไปในตาของเธอ แว๊บเดียวแหละครับ เพราะคนสวยเค้ารีบหลบตาผมไปก่อน
“ป่ะ หามุมถ่ายรูปสวยๆ กัน” เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องตลอด ผมก็ต้องเดินตามตลอด อย่าคิดจะได้แตะเนื้อต้องตัว ว่าไปก็มีแค่วันที่ผมไปรับตอนเธอซ้อมดนตรีเท่านั้นที่ได้จับมือ นอกนั้นคือผมถือวิสาสะฉุดมือเธอไว้เท่านั้นเอง
กางขาตั้งกล้องได้ก็เล่นอยู่ตรงนั้นไม่สนใจผมอีก ผมไม่อยากกวนเธอเลยแอบไปนั่งเล่นเกมข้างต้นไม้ ตอนนั้นเองมีกลุ่มนักศึกษาหญิง 4 คนมาจอดรถเก๋งใกล้ๆ กับต้นไม้ที่ผมนั่งอยู่ แล้วเดินมาทางผม
“เฮ้ย น้องเขาเดือนมหาฯ ลัยหนิ” คนนึงชี้ชวนเพื่อนมองดูผม ตามมารยาทผมก็ยิ้มให้นิดนึงหล่ะครับ 4 สาวรุ่นพี่นี่เดินมาทางผมเลยครับ
“น้องเขา อุ้ยเพิ่งได้เจอตัวเป็นๆ” ผมยังไม่ตายก็ต้องตัวเป็นๆ สิครับ พี่ๆ เขาคงหมายถึงเห็นผมในเพจดาวเดือน รูปโปรโมตที่ติดอยู่เต็มมหาวิทยาลัยนะครับ
“สวัสดีครับพี่ๆ” ผมจัดท่านั่งให้ดีขึ้นหน่อยแล้วไหว้พวกพี่ๆ ไปอย่างงาม
“ตัวจริงหล่อกว่าในคลิปในรูปอีกนะเนี่ย” เล่นชมกันซึ่งๆ หน้าผมก็เขินเป็นนะครับ ทั้งกลุ่มเริ่มนั่งลงข้างๆ ผม “พวกพี่นั่งด้วยนะ” นั่งไปแล้วหนิครับ
“ครับ” ผมตอบแค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ครับ
“ว่างมั้ย ไปนั่งรถเล่นกับพวกพี่เปล่า” โห เจอหน้ากันครั้งแรกนี่จะชวนผมขึ้นรถเลยเหรอครับ
“พี่ๆ ไปกันเถอะครับ ผมไม่ว่าง” ผมปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“เสียดายจัง เห็นนั่งคนเดียวกลัวเหงาจัง” ไม่จบครับ ยังไม่ยอมจบ
“ผมมากับแฟนครับ ไม่เหงาหรอก” ผมพยักเพยิดไปทางพี่ฟ้าครับ
“อุ้ย นั่นรองเดือนรุ่นเราหนิ” พี่สาวคนนึงอุทานเบาๆ
“แห้วสิค่ะ รุ่นนั้นใครจะไปสู้ไหว” ไม่ต้องสู้ครับ ผมเลือกแล้ว
“รู้จักพี่ฟ้าด้วยเหรอครับ” ดูท่าพี่สาวกลุ่มนี้ไม่ใช่ตาปลาพี่ฟ้า ชวนคุยน่าจะรู้อะไรมากขึ้น
“รู้จักสิ พวกพี่ก็แฟนคลับฟ้าแหละ ไอ้นี่คลั่งสุดๆ” พี่สาวชี้ไปที่เพื่อนคนตัวเล็กสุด ที่ดูอาหมวยๆ เจ้แกก็ยิ้มเขิล
“พี่ก็แค่ปลื้มแหละ ขนาดแอนสวยๆ ยังแห้ว” นี่ผมต้องมาคุยกับสาวๆ ที่แอบชอบแฟนผมเนี่ยนะ
“ก็ฟ้ามันหญิงจ๋า แกดิบ้าไปคิดว่าเค้าเป็นทอม” ผมหัวเราะขัดขึ้นเบาๆ
“ไม่แปลกหรอกครับ ผมเห็นข้างหลังเธอตอนแรกก็คิดว่าผู้ชายผมยาว” สายตาผมยังจับอยู่ที่แผ่นหลังบางๆ ตลกตัวเองที่เข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้น แอบนินทาแฟนตัวเองไม่บาปใช่ไหมครับ พวกพี่สาวคุยอะไรกับผมนิดหน่อยก็ขอตัวแยกออกไป ผมก็เลยลุกขึ้นเดินไปหาพี่ฟ้าบ้าง
“ต้องการนายแบบไหมครับ” ผมพูดขึ้นตอนเดินไปถึง
“ไม่มีตังค์จ่ายค่าตัวนะ” หน้ายังไม่เงยจากกล้องถ่ายรูป
“เป็นนายแบบฟรีพร้อมเลี้ยงข้าวตากล้องด้วย” ตลอดชีวิต อยากพูดคำนี้ต่อจัง
“ใจดีจัง” เธอละจากกล้องมายิ้มหวานให้ผม โอ้ยละลาย
“แฟนใครเน๊อะ ทั้งหล่อทั้งใจดี” ผมยอตัวเองก็ได้ครับ
“โชคดีของฟ้า โชคร้ายของเขา”
“ใครบอกคนที่โชคดีคือเขาต่างหากหล่ะ” ผมหมุนเปียของเธอเล่น
“ป่ะ ไปถ่ายตะวันตกดินที่บึงกัน” เธอเริ่มเก็บของโดยมีผมเป็นลูกมือ คราวนี้ผมรู้ทางดีครับ คนสวยของผมเลยอารมณ์แจ่มใสหน่อย ตอนไปถึงตะวันยังสูงอยู่เลย
“หิวไหมครับ เดี๋ยวเขาไปหาอะไรให้กิน” ดูท่าจะได้นั่งนานครับ
“หิวน้ำนิดนึง” ตอบเหมือนเกรงใจ นี่แฟนนะครับสั่งมาได้เลย
“รอแป๊บนึงนะ” เธอก็พยักหน้าให้ผม แล้วหันกลับไปจัดการขาตั้งกล้องของเธอเหมือนเดิม ถ้าได้ยืนอยู่หลังกล้องแล้ว ทำไมนายขุนเขาดูเหมือนเป็นอากาศธาตุ จะหึงกล้องก็ใช่ที่ ผมย้อนกลับเข้าไปทางมหาวิทยาลัยเพื่อไปร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุด น้ำเปล่านี่ขาดไม่ได้ แต่ขนมผมก็กวาดมาหนึ่งถุงใหญ่ ไม่รู้เธอชอบอะไร เป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบกินจุ๊บจิ๊บเหมือนทั่วๆ ไป
“รอนานไหมครับ” ผมมาถึงจอดรถก็เปิดขวดเสียบหลอดยื่นให้เธอ
“ไม่ครับ คบกับเขานี่ฟ้าจะเป็นง่อนไหม๊” เธอรับไปดื่ม ไม่วายค่อนขอดผม
“เต็มใจบริการครับ” ผมยิ้มกว้าง ยิ้มแบบที่อยากให้เธอรู้ว่าผมโครตจะเต็มใจ
“ฟ้ากลัวติดนิสัย ถ้าวันนึงเขาไม่เหมือนเดิม หรือเขาหายไป มันจะทำใจยาก” เหมือนทุกนาทีเธอยังคิดเผื่อใจ คิดในทางนึงก็เหมือนการเซฟตัวเอง แต่สำหรับผมเหมือนไม่ไว้ใจกัน
“อนาคตผมไม่รู้นะ ผมสัญญาไม่ได้ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ฟ้าเป็นแฟนผม ผมจะทำทุกวันให้ดีที่สุด และผมไม่ได้เผื่อใจไว้เจ็บ แต่ที่รู้คือถ้าไม่มั่นใจผมไม่ทำขนาดนี้” น้ำเสียงผมน้อยใจ และตั้งแต่คบกันมาผมไม่เคยแทนตัวเองว่าผม พี่ฟ้าก็น่าจะจับน้ำเสียงและอารมณ์ตอนนี้ของผมได้
“เขา ฟ้าขอโทษ”
“.........................” ผมไม่ได้โกรธเธอ แต่ผมน้อยใจ
“ฟ้าเกิดมาในครอบครัวไม่สมบูรณ์ ฟ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟ้าเกิดมาจากความรักหรือเปล่า ฟ้าเชื่อนะว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ฟ้าไม่แน่ใจว่าทุกคนจะโชคดีพอที่จะได้รับมันหรือเปล่า” น้ำเสียงของเธอเศร้า มือที่กุมประสาน ไหล่ลู่ลงพร้อมกับหัวที่ก้มต่ำ เมื่อกี้ผมเพิ่งรู้สึกน้อยใจ ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกผิด
“ฟ้า เขาขอโทษ” ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างไปกุมมือของเธอ ฟ้ามองหน้าผม ผมเห็นน้ำตารื้นๆ ในตากลมโตคู่นั้นแล้วอยากโบกกะโหลกตัวเองสักที
“ไม่เป็นไร ฟ้าแค่อยากให้เขารู้ว่าไม่ใช่ฟ้าไม่เชื่อใจเขา ขอเวลาฟ้าหน่อยนะ” ผมให้เธอได้ตลอดแหละครับ
“ได้สิครับ เขาจะรอวันที่ฟ้าจะเปิดใจให้เขา เขาอยากเป็นที่ระบาย เป็นที่พึ่ง อยากเป็นทุกๆ อย่างให้ฟ้านะ” เราสบตากันอยู่อย่างนั้นพักนึง ผมเห็นแววตาเขินๆ ของเธอ รวมทั้งแก้มที่เริ่มแดงทั้งๆ ที่แดดหมดแล้ว และแล้วนางฟ้าของผมก็กลับมา กลับมาปุ๊บก็หันไปหากล้องทันที แต่พิเศษที่เธอหันกล้องมาทางผม สั่งท่าทางโน่นนี่นั่น ผมก็พยายามสุดฤทธิ์ ปกตินี่ผู้หญิงต้องเป็นนางแบบผู้ชายเป็นตากล้องไม่ใช่เหรอ
“เอาไปขายในเพจแฟนคลับขุนเขาได้ไหมน่ะ รูปซ้วยสวย” เลื่อนดูรูปปก็บ่นไปงึมงำๆ
“เอาแฟนตัวเองไปขายก็ได้ด้วย” ผมเลิกคิ้วถามขำๆ
“ก็แฟนฟ้าหล่อ” ผมชอบคำนี้จัง แฟนฟ้า พูดบ่อยๆ นะครับ
“แฟนเขาก็สวย มาเขาถ่ายให้” ผมทำท่าจะแย่งกล้องมาจากเธอ
“ไม่เอาสิ ดูฟ้าแต่งตัวยังกะเด็กกะโปโล อายคนอื่นตาย ยิ่งมีคนบอกว่าฟ้าไม่เหมาะสมกะเขาอยู่ด้วย” เธอยื้อกล้องไว้สุดฤทธิ์
“หึ ไปเป็นปลาร้าในไหเถอะคนอื่น เขาไม่สน แฟนเขาสวยที่สุด” สุดท้ายกลายเป็นวิ่งแย่งกล้องกันเป็นเด็กๆ ไป จนตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า ผมจึงปล่อยให้เธอได้ติสแตกกับกล้องของเธอตามลำพัง หลังจากนั้นก็ไปนั่งกินแจ่วฮ้อนที่ร้านริมฟุตบาท (แจ่วฮ้อนไม่ใส่น้ำจิ้มนี่อร่อยไหมครับ ผมอยากรู้จริงๆ) กินแจ่วฮ้อนเป็นที่อิ่มหนำสำราญแล้ว ผมก็ขับรถไปส่งตัวเองที่หน้าหอ เริ่มมืดแล้วอ่ะ อยากไปส่งเธอจัง
“ให้เขาไปส่งนะ” เป็นห่วงนี่ครับ
“ส่งกันไปส่งกันมาวันนี้คงไม่ได้นอน” เธอตอบยิ้มๆ
“กลับดีๆ นะครับ ถึงแล้วบอกเขาด้วย” ผมลาเธอ
“ขอบคุณมากนะ................................ วันนี้ฟ้ามีความสุขมากเลย” เธอรวบรวมความกล้าอยู่เกือบๆ นาที
“ครับ เขาก็เหมือนกันนะ ไว้วันหลังไปรถเขานะครับ พาเขาเที่ยวในเมืองด้วย” ผมมุ๊งมิ๊งแค่กับแฟนผมนะครับ อยากจะอ้วกต้องเตรียมกระโถนเอง
“ได้สิ ฟ้าไปนะ บาย” เธอยกมือเรียวๆ (ที่ผมได้กุมทีไรก็ใจเต้นแรง) ขึ้นโบกต่ำๆ
“ครับ โทรหาด้วยนะ” ผมยืนรอจนเธอขับรถไปลับตา ค่อยเดินเข้าหอตัวเอง แต่ผมไม่เข้าห้องตัวเองหรอกครับ ไปหาไอ้ทิวดีกว่า ผมมีความสุขๆๆๆๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มึงเปิดประตูดิ” เสียงต้องมาไม่งั้นมันจะเปิดช้า
“อือๆ” มันมาเปิด สภาพคือเมิงเพิ่งตื่น
“กลับจากเรียนมานอนเหรอมึง” โหไม่ปกติหว่ะ
“กูปวดหัว สายสาวๆ ชนกัน” คนบ่นน่าจะเป็นผมนะครับ ผมเดือนมหาวิทยาลัยนะครับ
“หล่อ ว่างั้น” ผมประชดมัน
“ก็ไม่หล่อเท่าไหร่ แต่แจกจ่ายทั่วถึงไง คนมีแฟนแล้วแม่งไม่เข้าใจหรอก” ตกลงมีแฟนนี่ดีหรือไม่ดีกันแน่หว่ะ
“มึงเบื่อสับสายเลยนอนหนีสาวแม่งเลยงี้” ผมตามต่อ
“เปล่ากูปวดหัวจริงๆ ไอ้กอล์ฟหายามาให้กูกิน กินแล้วกูก็หลับมันก็หายหัวไปเนี่ย ว่าแต่มึงนี่กูเห็นหน้ากูก็ไม่ต้องถามแล้ว ฟินมาอ่ะดิ” ขนาดปวดหัวมึงยังจะมีหน้ามาสังเกตหน้าผมอีกเหรอครับ
“นี่ก็ฟินตัวจะแตกไง กูเก็บไว้คนเดียวไม่ไหว เลยมาหามึงเนี่ย” ยิ้มปากฉีกถึงหู “มึง คือเขาเป็นคนที่กูเคยมองอยู่ห่างๆ ชื่นชมอยู่ไกลๆ ใครจะคิดหว่ะ วันนี้กูเป็นแฟนเค้า กินข้าวด้วยกัน ซ้อนมอร์ไซกัน กูนี่เหมือนฝันเลยมึง” เพ้อไปครับ
“เออ กูก็โครตดีใจกับมึง แต่มึงก็ควรได้รับมันป่ะหว่ะ ขนาดมึงยังไม่รู้เลยว่าจะได้เจอพี่เค้าไหม๊ มึงยังกล้าปฏิเสธทุกคนที่เข้ามา กูหล่ะยอมใจมึงจริงๆ” มันอยู่กับผมในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่แปลกที่มันจะรู้ทุกเรื่อง
พวกผมก็คุยกันไปเล่นโซเซียลไป จนเกือบๆ 3 ทุ่ม ผมเห็นเฟสไอ้กอล์ฟแจ้งเตือนมา มันเปลี่ยนรูปปกครับ เป็นแก้วน้ำปั่นสองแก้ว วางคู่กัน ผมว่าไอ้ถึกเพื่อนผมดูแปลกๆ เลยส่งให้ไอ้ทิวดู
“กูว่า กูรู้แล้วว่ามันหายหัวไปไหน ถล่มแม่งป่ะ” ผมชวนไอ้ทิวครับ
“จัดไป” ไอ้ทิวตอบ ตาไม่ละจากโทรศัพท์
//ทิ้งกูนอนซม แล้วมึงไปชมหญิง// ทิวมึงไปเรียนไทยมั้ย ภาษามึงดีไปอีก
//มึงต้องมาแจ้งให้กูทราบก่อนแจ้งให้โลกทราบสิ// ผมเอง
//ไอ้ทิวมึงควรอาย จีบดะหามีตัวจริงไม่// เพื่อนคณะครับ กัดไปถึงไอ้ทิว
//เหี้ย กูเลือก// ไอ้ทิว มึงจะมาตอบกันในรูปปกคนอื่นเพื่ออะไร
//เลือกมากมักโดนหมาคาบไปแดกหมด// ยังไม่จบ
//กูไม่ใช่หมา// ไอ้กอล์ฟมันร้อนตัว
//มาห้องไอ้ทิวดิ// ผมสั่ง
//กูยังไม่ส่งเค้าเข้าหอเลย ไว้วันหลังกูเล่า ขี้เผือกนะพวกมึง// โหสามทุ่มยังไม่เข้าหอ แม่งทำไรอยู่หว่ะ พัฒนานะมึง ตอบเสร็จก็มีเพื่อนๆ มาเม้นต่อ แต่เจ้าคนต้นเรื่องหายเงียบไปแล้วครับ ผมก็สมควรแก่เวลาลาไอ้ทิวไปอาบน้ำนอนหลับฝันดี
ผมอาบน้ำทำการบ้านเสร็จก็ไลน์ลาแฟนผมเป็นปกติ กิจกรรมก่อนนอน ถ้าไม่ทำนอนไม่หลับครับ เดือนกว่าแล้วนะที่ผมคุยกับเธอก่อนนอนและคิดถึงเธอก่อนลืมตา
//ดึกแล้วน๊า นอนยังครับ//
//นอนแล้ว หลับแล้ว// กวนไปอีกแฟนผม
//แล้วใครตอบไลน์ครับ//
//อุ้ย ลืมตัว// พิมพ์เสียงอุทานได้หญิงมาก ตัวจริงนี่ เฮ้ย นะครับ
//ทำไรอยู่ครับ//
//เขียนไดอารี่อยู่ เดี๋ยวก็นอนแล้วค่ะ//
//พูดถึงไดอารี่ เขาขอโทษนะที่กวนตีนตอนนั้น// ผมหมายถึงเหตุการณ์ที่ผมไปซื้อสมุดบันทึกของเธอ
//ตอนนั้นโกรธมากเลยนะ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วแหละ วิธีแปลกๆ นี่ก็ใช้ได้นะ//
//เขาชอบมากเลยนะ มันน่ารักมากเลย เขาก็ใช้บันทึกจะหมดเล่มแล้วเนี่ย//
//ซื้ออีกได้หน่ะ//
//แฟนนะนี่//
//แฟนคิด 200//
//ใจร้ายจัง//
//นอนได้แล้วนะ ฝันดีนะคะ//
//ครับผม ฟ้าก็รีบนอน ฝันถึงเขานะครับ//
วันต่อมาผมตื่นมาหกโมงเช้า ก็ตั้งนาฬิกาปลุกนี่นะ หลังจากความหาโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุกสำเร็จ ต่อมาผมก็พยายามแหกขี้ตามาไลน์หาแฟนผม ผมเห็นมีไลน์จากเธอที่ยังไม่ได้อ่าน
//ฟ้ากลับบ้านนะ น้าไม่สบายมาก// ตั้งแต่ตอนตีสี่ครึ่ง
เฮ้ยตีสี่ครึ่ง แล้วจะมีรถกลับเหรอนั่น หรือมีคนมารับ ผมคิดเข้าข้างตัวเอง หวังว่าที่บ้านจะส่งรถมารับเธอ ถ้าออกเดินทางตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้เธอจะถึงบ้านหรือยัง ผมลองไลน์ไปหาเธอ
//ถึงบ้านหรือยังครับ// ไม่อ่านไม่ตอบ
ผมเกลียดไลน์เพราะยังงี้ เราจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายออนอยู่รึเปล่า ผมเลยไปเข้าเฟสบุ๊ค ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่เธอเล่นบ่อยที่สุด เล่นครั้งสุดท้ายคือตอนเปลี่ยนสถานะ เดือนจะครึ่งแล้วครับ เล่นบ่อยมาก ผมเข้าเมสเซนเจอร์มันบอกว่าเธอเล่นเมื่อ 22 ชั่วโมงที่แล้ว ผมลองทักไปอีกครับ
//ถึงบ้านรึยังครับ//
//ขอให้คุณน้าหายไวๆ นะครับ// เงียบ
ผมโทรเลยดีกว่าครับ น่าจะรวดเร็วทันใจผมในตอนนี้ที่สุด
//ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลยที่ท่านเรียก...................//
ตอนนี้ผมกำลังทำหน้าเหมือนปลาขาดน้ำ ทำยังไงผมจะรู้ว่าเธอถึงบ้านอย่างปลอดภัยหรือเปล่า ผมรู้เกี่ยวกับเธอน้อยมาก ผมแค่รอให้เธอบอกให้เธอเล่า ผมไม่อยากก้าวก่าย เพราะรู้ดีว่าเธอมีโลกส่วนตัวสูงมากขนาดไหน แต่ถ้าเธอกลับมา ผมจะไม่ยอมอีกแล้ว ผมไม่ชอบความรู้สึกกระวนกระวายที่ผมจัดการไม่ได้แบบนี้เลย
ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปรวมพลที่ห้องไอ้ทิว โทรตามไอ้กอล์ฟเสร็จสรรพ พวกมันก็ดีใจหายรีบอาบน้ำแต่งตัวมากัน ถึงมันจะยังไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไร
//อย่าบอกนะว่ามึงโทรตามกูมาเผือกเรื่องน้ำสองแก้วนั่นหนะ// ไอ้กอล์ฟมันถามอย่างร้อนตัว ไอ้คีย์นี่รีบขยี้ตามาร่วมเผือกทันที มันนี่สนิทกับพวกผมมากถ้าอยู่คณะเดียวกันมันจะเหมาะกับแก๊งค์ผมมากกว่าไอ้ลุง เฮ้ยไอ้ลุงไง ไอ้ลุง
//กูก็อยากจะเผือก แต่เอาไว้ก่อน// มึงต้องทำหน้าโล่งใจขนาดนั้นไหม๊ ไอ้กอล์ฟ
//มีเรื่องใหญ่กว่าเรื่องไอ้กอล์ฟมีหญิงอีกเหรอหว่ะ// คำถามจากไอ้ทิว
//มีดิ พี่ฟ้ากลับบ้าน// เวลาอยู่กับเพื่อน ผมเรียกเธอว่าพี่ ผมอยากให้เพื่อนผมให้เกียรติแฟนผมครับ
//ไอ้บ้า พี่เขาไม่มีเรียนมั้ง คิดถึงแม่ไรงี้// ไอ้ทิวเจ้าเก่า
//ไลน์มาบอกกูตอนตีสี่ครึ่ง ว่ากลับบ้านน้าไม่สบาย มึงว่าปกติมั้ย// ผมทำหน้ายุ่ง
//เชี่ยแล้ว ตีสี่ครึ่งกูว่ายังไม่มีรถเลย ไปยังไงหว่ะ// ไอ้พวกนี้แอบหนีผมกลับบ้านด้วยรถโดยสารสาธารณะประจำ พวกมันรู้เวลารถเที่ยวแรกดี
//ก็นั่นดิ ที่สำคัญคือกูไลน์ กูทักเมสเซนเจอร์ กูโทร คือติดต่อไม่ได้เลย กูถึงจะบ้าตายอยู่นี่ แต่กูคิดอะไรดีๆ ออก เราต้องไปถามไอ้ลุง// ผมคิดออกเมื่อกี้นี่เอง
//เออใช่ ไอ้ลุงมันบอกว่าเป็นน้องพี่ฟ้า น้าพี่ฟ้าก็ต้องเป็นน้ามัน// อ้าวไอ้เชี่ยทิว เล่นเอากูคิดหนัก ผมคิดว่าน้าพี่ฟ้าไม่น่าจะใช่น้าไอ้ลุง มันจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย
//หรือไม่ก็แอนหล่ะ// ไอ้กอล์ฟเสนอ ด้วยความที่ผมกำลังเครียดกับเรื่องของพี่ฟ้า ทำให้ผมลืมสังเกตคำที่มันใช้เรียกขานเพื่อนสนิทของพี่ฟ้าไป
ที่คณะเช้านี้ ผมตรงเข้าไปที่ม้าหินอ่อนที่ไอ้ลุงนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
“เฮ้ย ทำไมมาเช้าได้วันนี้” มันรู้ตัวตอนพวกผมนั่งลงแล้ว ก็เลยเงยหน้าจากชีทขึ้นมาถาม ปกติพวกผมมาไม่ช้านะครับ เรียกว่ามาทันพอดี จะเหมาะกว่า
“ไอ้ลุง พี่ฟ้ากลับบ้านมึงรู้เรื่องมั้ย” ผมตรงประเด็นไม่มีเวลาอ้อมโลกครับ
“ห๊า วันพฤหัสเองกลับไปทำไม” มันก็ดูท่าตกใจพอดูครับ
“ไลน์มาหากูตอนตีสี่ครึ่ง บอกว่าน้าไม่สบายแล้วกูติดต่อไม่ได้เลยถึงตอนนี้” ผมเล่าให้มันฟังอย่างกังวล ไอ้ทิวไอ้กอล์ฟมันก็คิ้วขมวดกันอยู่ข้างๆ ผม
“เดี๋ยวผมถามพ่อให้ คนที่ติดต่อทางบ้านพี่ฟ้าได้มีแค่พ่อครับ” โทรเลยมึงด่วนๆ ผมเห็นมันต่อสายโทรศัพท์ครู่เดียวครับ
“พ่อครับ พี่ฟ้ากลับบ้านตั้งแต่ตีสี่ครึ่งบอกว่าน้าไม่สบาย ติดต่อไม่ได้เลย พ่อช่วยเช็คให้หน่อยพี่ถึงบ้านหรือยัง”
“.............................”
“ผมขอโทษนะครับพ่อ”
“..............................”
“ถ้าพ่อติดต่อได้ยังไงรีบโทรกลับมาบอกผมทีนะครับ”
“..............................”
“ครับ ขอบคุณนะครับพ่อ สวัสดีครับ” การสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น ผมนี่ร้อนรนว่าจะติดต่อได้หรือเปล่า อยากรู้ว่าพ่อเขาพูดอะไร
“พ่อว่าไงมั่ง” ผมถามอย่างร้อนรน
“พ่อจะโทรถามแม่พี่ฟ้าให้ ได้เรื่องยังไงจะโทรกลับมา” พวกเรานั่งรอกันจนถึงเวลาเข้าคลาสเรียน พ่อไอ้ลุงยังไม่โทรกลับมา บอกตรงๆ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย พยายามติดต่อเธอทุกทางอยู่เรื่อยๆ แต่ก็เงียบ เงียบเหลือเกิน จนช่วงเที่ยงที่พวกผมไปกินข้าวที่โรงอาหารศึกษาศาสตร์ เห็นพี่แอนนั่งอยู่กับเพื่อนอีก 3 คน พวกเราทั้ง 4 คน ก็เลยไปขอรวมโต๊ะ ก็ผมมีเรื่องจะถามพี่แอนนี่ครับ พอได้อาหารน้ำดื่มผมก็เริ่มปฏิบัติการ
“พี่แอน พี่ฟ้าติดต่อมาไหมครับ” ผมยิงคำถาม
“ไลน์มาบอกว่าน้าไม่สบายแล้วก็เงียบไป พี่ก็เป็นห่วงอยู่เนี่ย” จริงครับสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยสบายใจเลย
“พี่แอนเคยไปบ้านพี่ฟ้าไหมครับ” บางทีผมอาจต้องขาดเรียน
“พี่เคยไปครั้งนึงตอนปิดเทอม” สวรรค์โปรดผมแท้ๆ ระหว่างนั้นเองก็มีสายเข้ามือถือไอ้ลุง มันรีบรับสาย
“ครับพ่อ” มันรีบกรอกเสียงลง
“.................................................”
“พ่อครับ เราพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม๊” หลังจากพ่อมันพูดนานเกือบนาที มันก็ถามคำถามนี้ออกไป ผมใจคอไม่ดีเลย
“................................................”
“ผมขอขาดเรียนนะพ่อ พี่ฟ้าอาจต้องการความช่วยเหลือ” โหจะขาดเรียนยังต้องขอพ่ออีก เฮ้ยถึงขั้นต้องขาดเรียน ไม่ดีแล้วแบบนี้
“..............................................”
“ขอบคุณครับเดี๋ยวผมปรึกษากับเพื่อนๆ ก่อนนะครับ สวัสดีครับ” มันวางสายไปแล้ว สายตาอีก 7 คู่หันมามองทางไอ้ลุงเป็นตาเดียว
“ว่า” ผมรีบถามทันที
“น้าพี่ฟ้าเสียแล้ว ก่อนพี่เค้าจะไปถึง แถมขับมอร์ไซค์กลับโคราชตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง กูจะบ้าตาย” มันคงไม่ได้กูกับพวกผม มันน่าจะพูดกับตัวเองพร้อมกับดึงทึ้งหัวไปด้วย ผมว่าไอ้ลุงอาการหนักกว่าผมเยอะครับ
“เฮ้ย มึงใจเย็นดิ ตอนนี้พี่ฟ้าก็ปลอดภัยดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมรีบจับมือมันออกก่อนที่มันจะหัวโกร๋น
“ถ้าพี่เป็นอะไรไปผมตายแน่ๆ พ่อฝากให้ผมมาดูแลพี่ ผมมันโง่ ผมมันไม่ได้เรื่อง” มันยังตีอกชกตัวไม่ยอมหยุด ไอ้ทิวนี่ลุกอ้อมมาเอามือมันไพล่หลังล็อกไว้สองแขนเลยครับ
“ไอ้ลุง มึงพอก่อน มาคิดกันก่อนว่าจะทำยังไงกันต่อไป” ตอนนี้ทั้ง 8 คนบนโต๊ะไม่มีใครกินข้าวแล้วถึงพวกเราจะกินไปได้คนละนิดละหน่อยเท่านั้น
“ผมจะไปโคราช พี่ฟ้าไม่มีใคร ร้องไห้ไปด้วยเตรียมงานไปด้วย ใครจะไปกับผม” ไอ้ลุงมันเริ่มน้ำตาไหลออกมา หน้าขาวๆ ของมันเริ่มแดงอย่างน่าสงสาร ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้ เหมือนเรื่องที่ผมรู้มีไม่ถึงครึ่ง ความเจ็บปวดในแววตาของไอ้ลุง ไม่ได้ต่างกับตอนที่พี่ฟ้าบอกว่าครอบครัวของเธอไม่สมบูรณ์ มันเป็นตาที่คล้ายกัน แววตาเศร้าๆ นั้นก็ด้วย
“กูไป” ผมนี่รีบเลยครับ “พี่แอนต้องไปด้วยเพราะรู้ทาง” ผมบังคับกรายๆ สรุปพวกผมไปทั้งหมด ส่วนเพื่อนพี่ฟ้าไปได้แค่พี่แอน ทุกคนติดสอนพิเศษ กลุ่มนี้เขาขยันกันจริงๆ คือถ้าไปนี่พวกผมกะจะอยู่ถึงงานเสร็จ พี่เค้าเลยไม่สะดวกกันครับ
“เอารถกูกะรถไอ้ลุงไป กูไม่ยอมให้ฟ้าขับรถกลับเองแน่ ไปจัดกระเป๋ากัน บ่ายสามวันนี้ต้องได้เดินทาง” ผมสั่งการทุกคนซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันตามนั้น
บ่ายสามผมไอ้ทิวไอ้กอล์ฟไปรับพี่แอน แล้วไปรอไอ้ลุงหลังศูนย์อาหารตามที่นัดแนะกัน แล้วแบ่งขึ้นรถใหม่ ความวุ่นวายก็บังเกิด
“เดี๋ยวแอนไปกับลุงเอง” เธอคงเห็นว่าพวกผมสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ผมไปกับแอน” ไอ้กอล์ฟครับ มันทรยศผมแล้ว
“เหี้ย ใครจะเอาไอ้ลุงอยู่เวลามันทึ้งหัวมันเองอ่ะ กูไปรถไอ้ลุง” ไอ้ทิวครับ
“คือตอนนี้กูต้องขับรถคนเดียว เหตุผลอะไรของพวกมึงว่ะ ฟังไม่เห็นเข้าใจ” ผมว่าบรรยากาศมันแปลกๆ แทนที่พวกมันจะรีบๆ ไป กลับมาทะเลาะกันเรื่องใครจะนั่งรถคันไหน คนที่บ้าบอคอแตก ไม่ยอมลงคือไอ้ทิวกับไอ้กอล์ฟ ไอ้ทิวมันจะช่วยห้ามไอ้ลุง ไอ้กอล์ฟมันจะนั่งกับพี่แอน อะไรของมันหว่ะ
“เอางี้ไอ้ทิวมึงไปกับไอ้ลุง พี่แอนมารถผม ไอ้กอล์ฟช่างแม่งมัน” ผมว่าคนที่เหตุผลไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือไอ้กอล์ฟ มันจะเถียงหัวชนฝาไปเพื่ออะไรกันหว่ะ เอ๊ะ...........................
“กูไปกับแอน รถใครได้ทั้งนั้น” ไอ้เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่าบอกนะว่าเจ้าของแก้วน้ำนั่น คือ...............
“ตกลงตามนั้นรีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะดึก” ไอ้ลุงยุติสงครามครับ
หลังจากออกรถที่ผมต้องขับนำหน้าไปได้สักพัก เราก็ติดไฟแดง (เยอะครับทำใจเถอะ) ผมต้องเค้นความจริงจากไอ้กอล์ฟให้ได้
“กอล์ฟมึงมีอะไรจะบอกกูมั้ย” รถเงียบๆ แล้วผมพูดขึ้น ผมมองผ่านกระจกมองหลัง ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าพี่แอนสะดุ้งนิดนึง
“ไอ้หล่อ กูรู้ว่ามึงฉลาด” อ้าวไอ้นี่ผมถามมันเสือกมาชมผมหล่อ คิดว่าผมจะเคลิ้มแล้วหลงประเด็นเหรอครับ
“ถ้ามึงไม่บอก กูจะถามพี่แอน” ผมรู้เดี๋ยวความสุภาพบุรุษของมันก็จะเปิดเผยทุกอย่างเอง
“ไอ้เหี่ย กูเล่าเอง” ยังไม่ถึงสามวินาทีเลยครับ ผมชนะทุกทีสิน่า
“กูกับแอนตกลงคบกันแล้ว” ผมนี่มองกระจกคนตัวเล็กๆ นี่มุดหายไปแล้วครับ
“เอ๊ะ พี่แอนได้ขึ้นรถมากับเรารึเปล่าหว่ะ” ผมแกล้งถาม “มึงไปนั่งหลังมั้ย ไม่ต้องเกรงใจกูนะ” ผมแซวทั้งสองคน
“ไม่หรอกพี่นั่งหลังดีแล้ว” เสียงเล็กๆ นั่นยืนยันที่จะนั่งที่เดิมของเธอ
“ตอนไหน ยังไงหว่ะ กูเห็นแค่ไอ้ทิวม่อพี่เค้า ไหงไพ่มาหงายที่มึงได้หว่ะ” ผมถามต่อ ก็มันน่าสงสัยนี่ครับ
“กูขอเบอร์แอนตั้งแต่ไปเชียร์มึงประกวดเดือนแล้ว ไอ้ทิวมันก็รู้” สรุปมีแค่กูไม่รู้สินะ
“แล้วมึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่” ใช่มึงต้องมาแจ้งให้เพื่อนมึงทราบด้วย ทีกูจะทำอะไรก็ก็แจ้งเพื่อทราบให้พวกมึงแล้วไง
“ก็กูรอให้แอนตกลงคบกูก่อน แล้วเมื่อคืนนี้เพิ่งตกลงกัน แล้วกูก็โพสต์กะจะเล่าวันนี้ แต่มึงก็มีเหตุก่อนไง” เออ จริงของมันใครเล่าอะไรวันนี้ก็คงไม่เข้าหัวผมทั้งนั้นแหละครับ
“พี่แอนผมฝากไอ้ถึกด้วยนะครับ มันไม่เคยมีแฟน ห้ามทำมันอกหักด้วย พี่คิดสภาพสิตัวควายๆ อย่างนี้ถ้าอาละวาดใครจะเอามันอยู่” ผมแซวไม่หยุด คนตัวเล็กก็มุดไม่เลิก หายไปกับหลังเบาะที่ไอ้กอล์ฟนั่งแล้วครับ
“ตอบไอ้เขามันไปสิครับ” มันบังคับแฟนแล้วยิ้มระรื่นใส่ตาผม
“ไม่รู้ โอ้ยพอๆ ตั้งใจขับไปสิเขา” เขินแล้วโวยวายครับ ผมกับไอ้กอล์ฟนี่หัวเราะครื้นเครงเลย เรื่องที่พี่แอนเคยขอคบพี่ฟ้าเอาไว้วันหลังผมต้องเผือกให้เห็นแจ้งให้จงได้
พวกผมยังขับรถไปบนถนนมิตรภาพ วันนี้รถไม่ติดผมคงไปถึงหัวใจผมในไม่ช้า ฟ้า เขากำลังจะไปหานะครับ
//สถานะมีแฟนแล้ว// เฮ้ย เปลี่ยนตอนไหน อะไรยังไง ได้ไง ผมจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ ขนาดคนขี้เก๊กยังทำได้ขนาดนี้ ผมเข้าไปเปลี่ยนสถานะให้เป็นมีแฟนแล้ว ยัง ยังไม่พอ มันต้องโพสต์
//มีแฟนแล้ว รักมากด้วย// ยังไม่ถึงนาทีคอมเม้นมาเต็ม ผมไม่อ่านหรอก ปล่อยมันแจ้งเตือนไป แมสเซสไปหาแฟนดีกว่า
<<แฟนครับ นอนยัง>> ส่งแล้วก็มานั่งลุ้น
<<ยังทำการบ้านอยู่เลย>> ตอบเร็วดีครับแฟนผม
<<ขอบคุณนะครับ>>
<<เรื่อง?>>
<<ทุกเรื่องเลยครับ เยอะแยะเลย>>
<<เรื่องเพลงก็ขอบคุณไปแล้วนะ>>
ผมแคปหน้าจอโปรไฟล์เธอส่งแมสเซสให้เธอเลย
<<เขินนะเนี่ย>>
<<ดีใจจัง>>
<<เอาไว้เจอกันคาบแมทนะ ปั่นงานต่อแล้ว ห้ามสายด้วย>>
<<พรุ่งนี้ไปรับนะครับ>>
<<เอาสิ>>
<<อย่านอนดึกนะ ฝันดีนะครับ>>
<<จ้า เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะคะ>>
โอ้ยมีนะคะด้วย น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ด้วยอาการตัวเบาๆ ลอยๆ แบบนี้ ผมนอนไม่หลับเลยครับ ขอเล่นเฟสอีกนิดนะครับหวานใจ ไปส่องดูสิว่าหลังจากเปลี่ยนสถานะแล้วเป็นยังไงบ้าง เอ๊ะหรือผมจะติดเฟสบุ๊คไปแล้ว
//ฉลองสิครับ// ไอ้กอล์ฟ มึงจะแดกเหล้าฟรีอีกแล้วใช่มั้ย
//หน้าตาดีเศร้าได้ไม่นาน// ไอ้คีย์รูมเมทไอ้ทิว
//คงไม่มีหมาหน้าบูดมานั่งหน้าเป็นตูดที่ห้องกูอีกแล้ว// ไอ้ทิว คารมคมคายเหมือนเดิมนะมึง
//ขึ้นสถานะพร้อมกันเลย ฝาก....ด้วยนะ// ไอ้ลุงว่าที่น้องเมีย
//ในความอกหัก กูต้องยินดีกะมึงมั้ย// นี่ชมรมรักคุณเท่าฟ้า
//ก็เหมาะดี แต่ชีเล่นตัวมาเป็นปีเพื่อ...........// เพื่อรอผมไงคร๊าบ
//ไม่ยอม คนนี้กูขอ// ผู้ชายครับ ผมไม่ให้
//ไอ้หล่อ นางฟ้ามึงก็ปล่อยอยู่บนฟ้า ไว้ให้พวกกูชื่นชมดิหว่ะ// อันนี้ผมก็ไม่ให้
//รีบๆ เลิกกันนะ รอคิวอยู่// โห แรงหว่ะป้า ใครหว่ะ รักผมต้องรักแฟนผม
//เหมาะสมตรงไหน ไม่รู้จริงอ่ะดิ คบใครก็น่าจะสืบประวัตินิดนึง// โปรไฟล์รูปคิตตี้ ผมนี่อยากสืบประวัติคุณมึงดูก่อนเลยครับ
และอื่นๆ อีกมากมาย ผมขี้เกียจอ่านหล่ะ นอนดีกว่าอารมณ์ดีๆ เสียหมด
เช้าวันพุธ วันที่ดีที่สุดของสัปดาห์ ทำไมเหรอครับ ก็ผมได้นั่งเฝ้านางฟ้าของผมเรียนแมทอย่างใกล้ชิด การได้ทำหน้าที่รับส่งเธอ นั่งข้างๆ เธอตั้ง 2 ชั่วโมงนี่มันวิเศษสุดๆ ถึงจะไม่ได้คุยกันหรือคุยกันน้อยมากๆ เลยก็ตาม ด้วยความที่คนสายตาสั้นที่ตาโตโครตๆ บอกว่าการใส่แว่นตาทำให้หน้าเธอแก่ ผมไอ้ทิวและไอ้กอล์ฟก็ได้ทำการอันเชิญตัวเองมาเป็นเด็กเรียนที่แถวหน้า (ไอ้ลุงมันขอบาย เหตุผลส่วนตัวมันล้วนๆ) คือไกลสุดได้แค่แถวที่ 3 มันเป็นอะไรที่โครตสะดุดตา คือ 4 คนมานั่งหัวสูงโด่เด่ อย่างกับกำแพงจุดโทษ พวกผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับ หลังเรียนก็เคลื่อนขบวนไปศูนย์อาหาร 1 กันเหมือนเดิม (ก็มันสะดวกดีนะครับ) หลังจากทุกคนได้อาหารและน้ำดื่มตามความพอใจก็มานั่งโต๊ะที่หมายตาเอาไว้ โดยไอ้กอล์ฟมันเรียบร้อยก่อน มานั่งหัวเด่รอ
พี่ฟ้า : นี่สามคนไม่เห็นจดอะไรเลย จะทำได้เหรอตอนสอบอ่ะ
ไอ้ทิว : พวกผมจดไปก็อ่านไม่ออก ขอของพี่ฟ้าไปถ่ายเอกสารได้ไหม๊อ่ะ
พี่ฟ้า : ก็เอาสิ แต่ตั้งใจเรียนด้วย ไม่งั้นอด
นางฟ้าของผมยังเป็นนางฟ้าของทุกคนด้วย เธอใจดีและมีเหตุผลเสมอ นี่แม่ของลูกในอุดมคติเลยคร๊าบ
พี่ฟ้า : ไปส่งเอารถที่หอหน่อยสิ (หันมาพูดกับผม)
ผม : ไม่ให้ไปส่งที่คณะเหรอ
พี่ฟ้า : ไม่ดีมั้ง ไปอีกหลายที่อ่ะ ไปเองสะดวกดี
ผม : ผมซิ่วไปเรียนศึกษาทันไหม๊
พี่ฟ้า : อย่ามาตลก
ผม : คร๊าบ
เธอเป็นกันเองมาก ไม่ได้มีความเขินอายใดๆ และสนิทกับไอ้เพื่อนยากทั้งสองตัวของผมด้วยสิ บรรยากาศจึงไม่ได้เคอะเขิน พวกมันบอกว่าแค่อิจฉา พร้อมสัญญากับเทวดาฟ้าดินว่าจะหาแฟนให้ได้เร็วๆ ผมก็ได้แต่ภาวนาให้มันเจอคนที่ดีๆ แบบผม ซึ่งบอกเลยว่า ยาก!!!!! 555+
จากนั้นผมก็ไปส่งเธอเอารถที่หอ ขับรถตามไปส่งถึงทางแยกเข้าคณะแล้ววนกลับมาคณะวิศวกรรมศาสตร์ พวกเราเรียนกันตามปกติแหละครับ คือโหดเป็นปกติ ตอนนี้กิจกรรมรับน้องผ่านไปแล้ว เล่นเอาแทบกระอักเลือด ได้ข่าวแว่วๆ มาว่าอีกหน่อยจะมีกิจกรรมประกวดเชียร์ หึหึ กิจกรรมอะไรมันจะเยอะขนาดนี้ คนที่เค้ารอดไปปี 2 ได้นี่เขาตายมาแล้วกี่ครั้งครับ จนบ่ายสามครึ่ง ผมใกล้เลิกเรียน แอบถามแฟนหน่อยดีกว่า
“แฟนครับ เลิกเรียนแล้วไปไหน” รออยู่เกือบๆ นาที
“วันนี้น้องโทรมาของดเรียน”
“ไปนั่งรถเล่นกัน”
“มอร์ไซไหม๊ อากาศดี”
“เขาขับนะ” รีบเลยสิครับ มอร์ไซไปสองคน ยุฮู๊ว
“ตามใจสิ พอดีจะไปถ่ายรูป”
“ต้องการนายแบบมั้ย”
“ปกติถ่ายวิว”
“วันนี้ไม่ปกติ”
“จ้า” แล้วก็เงียบไป
ตอนแรกผมกะจะไปสำรวจมหาวิทยาลัยกะไอ้เพื่อนๆ แต่นี่ผมมีไกค์ส่วนตัวที่ทั้งรู้จักมหาวิทยาลัยดีกว่าพวกมัน สวย น่ารัก ใครจะไม่รีบฉวยโอกาส สี่โมงเย็นผมรีบพาสองตัวที่ตอนนี้เริ่มจะขับรถไม่เป็นแล้วกลับหอ
“มึงจะไปไหน ดูรีบๆ” ไอ้ทิวถามหลังจากมันรีบยัดสมุด ปากกา ชีทใส่กระเป๋า แล้ววิ่งตามผมมา
“กูจะไปแต่งหล่อ” ผมต้องหล่อไง กูจะไปออกเดตเว้ย อันนี้คิดในใจ
“เพื่อ.............. มึงเรียนทั้งวัน ชายเสื้อรุ่ยๆ มึงก็หล่อ” กูต้องหล่อกว่านี้ครับเพื่อนทิว
“กูจะไปเป็นนายแบบให้พี่ฟ้า” ผมพูดพร้อมกับยิ้มกริ่ม
“พัฒนามากครับเพื่อน” ไอ้ลุงที่ตามผมมาทันตอนไหนพูดขึ้น
“มันแน่นอนอยู่แล้วครับคุณน้องแฟน” นี่ผมต้องเกรงใจมันด้วย ไม่ใช่มันเป็นน้องพี่ฟ้า แต่มันสุภาพมากๆ ด้วย ลูกบ้านนี้กินข้าวกับอะไรหว่ะครับ
“เออๆ ไปๆ เดี๋ยวท่านชายจะไม่หล่อสมใจ ไปแล้วนะไอ้ลุง” พวกผมโบกไม้โบกมือลาไอ้ลุงที่ขึ้นวีออสสีขาวดูเข้ากับบุคลิกสุภาพ อ่อนโยน โครตๆ ของมัน
ส่วนผมเหรอครับรีบพาไอ้สองตัวไปเก็บที่หอแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆ รอแฟนมารับ วันนี้ผมเลือกใส่กางเกงขาสั้นสีครามกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า รองเท้าผ้าใบสีขาวถุงเท้าไม่ต้อง ส่องกระจกแล้วส่องกระจกอีก หล่อยังหว่ะ
//จะออกไปรับแล้วนะ ลงมารอด้วย อยู่หน้าหอชายมันเขิน// แฟนผมน่ารัก ผมเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งแล้ววิ่งลงบันไดทีละสามขั้นเลยครับ ตอนที่ผมมาถึงหน้าหอเธอยังไม่มาครับ ผมไม่ได้กลัวเธอเขิน ผมกลัวมีหนุ่มๆ มามองเธอ ผมก็หึงของผมนะ รอไม่ถึงห้านาทีเธอก็ขับรถมาจอดแต่ไม่ยอมลงรถ วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีฟ้าพื้นๆ กับกางเกงขาสามส่วนสีขาว รองเท้าแตะสายสานแบนๆ ผมถูกถักเปียหลวมๆ กล้องตัวใหญ่คล้องคอดูทะมัดทะแมง นี่ผมนึกว่าเราใส่เสื้อคู่นะครับ
“ลงมาสิ” ผมบอกตอนเห็นท่าทางขยับจัดกระเป๋าเป้เผื่อให้ผมนั่งสบายอีก
“เดี๋ยวขับให้” แมนมากครับแฟนผม
“ตลกแล้ว ลงมา แบกแค่ของไปก็เหนื่อยพอแล้ว” คงเห็นว่าขัดผมไม่ได้ก็เลยได้เห็นคนสวยหน้างอก่อนตั้งขาตั้งรถแล้วก้าวลงมายืนข้างผมอย่างเท่ห์
“เป็นน้องเป็นนุ่งจะตีให้” บ่นๆ มีบ่นอีก
หลังจากจัดแจงการนั่งรถเสร็จเรียบร้อยผมก็ขับออกไป ว่าแต่ไปทางไหนหล่ะครับ
“เริ่มที่ไหนดีครับ” ถามเจ้าตัวสิครับ
“ไปอุโมงค์ต้นไม้” ด้วยความที่ผมยุ่งโครตๆ ทั้งเก็บตัวประกวดเดือนมหาวิทยาลัย รับน้อง กีฬาเฟรชชี่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อผมไม่รู้ ไอ้อุโมงค์ต้นไม้มันอยู่ที่ไหน ก็เลยกลายเป็นว่า เธอต้องบอกทางผมไปตลอด สาวเจ้าบ่นว่าให้เธอขับก็ดีอยู่แล้ว อย่าได้แคร์ครับ ผมหน้ามึนมาก
พอไปถึงถนนเส้นนั้น ผมเข้าใจคำว่าอุโมงค์ต้นไม้ได้ชัดเจนสุดๆ มันเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยของเรา ปลูกสองฝากฝั่งถนนที่ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร พอสูงมาได้ระดับนึงแล้วมันก็โน้มเข้าหากัน ออกใบเขียวสดแข่งกัน พอจอดรถได้ผมก็ยึดเอากระเป๋าเป้กับขาตั้งกล้องมาถือเอง ส่วนกล้องก็ปล่อยเธอคล้องคอไป
“สวยมั้ย” เธอหันมาถามผม ยักคิ้วให้อีก
“ฟ้านะเหรอ” หันกลับมาอย่างไวครับ
“ไม่สิ อุโมงค์ต้นไม้” ผมเข้าใจ แค่อยากหยอดแฟนตัวเอง ถึงจะตอบอย่างไวแต่หน้าที่แดงไปถึงหูนั่นน่าดูหยอกซะที่ไหน
“สวยสิครับ เขาเคยมานะตอนถ่ายภาพโปรโมตดาวเดือน แต่มารถตู้วนๆ ไปเรื่อย เลยจำทางไม่ได้แล้วก็ไม่รู้เขาเรียกว่าอุโมงค์ต้นไม้” ผมนี่มันโง่จริงๆ
“จะสองเดือนแล้วยังไม่ได้ไปไหนเลยเหรอ” เธอถามผมอึ้งๆ
“ไม่ว่างเลยครับ วันๆ หาแต่แผนจีบสาว” นี่ก็อีกอย่างที่เปลืองเวลาเปลืองหัวใจสุดๆ ต่อไปอยากเปลืองตัวด้วย
“หลายคนเหรอ ดูยุ่งเชียว” เธอถามแต่สีหน้ารู้คำตอบ
“มีคนเดียว รักมากด้วย” ผมมองเข้าไปในตาของเธอ แว๊บเดียวแหละครับ เพราะคนสวยเค้ารีบหลบตาผมไปก่อน
“ป่ะ หามุมถ่ายรูปสวยๆ กัน” เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องตลอด ผมก็ต้องเดินตามตลอด อย่าคิดจะได้แตะเนื้อต้องตัว ว่าไปก็มีแค่วันที่ผมไปรับตอนเธอซ้อมดนตรีเท่านั้นที่ได้จับมือ นอกนั้นคือผมถือวิสาสะฉุดมือเธอไว้เท่านั้นเอง
กางขาตั้งกล้องได้ก็เล่นอยู่ตรงนั้นไม่สนใจผมอีก ผมไม่อยากกวนเธอเลยแอบไปนั่งเล่นเกมข้างต้นไม้ ตอนนั้นเองมีกลุ่มนักศึกษาหญิง 4 คนมาจอดรถเก๋งใกล้ๆ กับต้นไม้ที่ผมนั่งอยู่ แล้วเดินมาทางผม
“เฮ้ย น้องเขาเดือนมหาฯ ลัยหนิ” คนนึงชี้ชวนเพื่อนมองดูผม ตามมารยาทผมก็ยิ้มให้นิดนึงหล่ะครับ 4 สาวรุ่นพี่นี่เดินมาทางผมเลยครับ
“น้องเขา อุ้ยเพิ่งได้เจอตัวเป็นๆ” ผมยังไม่ตายก็ต้องตัวเป็นๆ สิครับ พี่ๆ เขาคงหมายถึงเห็นผมในเพจดาวเดือน รูปโปรโมตที่ติดอยู่เต็มมหาวิทยาลัยนะครับ
“สวัสดีครับพี่ๆ” ผมจัดท่านั่งให้ดีขึ้นหน่อยแล้วไหว้พวกพี่ๆ ไปอย่างงาม
“ตัวจริงหล่อกว่าในคลิปในรูปอีกนะเนี่ย” เล่นชมกันซึ่งๆ หน้าผมก็เขินเป็นนะครับ ทั้งกลุ่มเริ่มนั่งลงข้างๆ ผม “พวกพี่นั่งด้วยนะ” นั่งไปแล้วหนิครับ
“ครับ” ผมตอบแค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ครับ
“ว่างมั้ย ไปนั่งรถเล่นกับพวกพี่เปล่า” โห เจอหน้ากันครั้งแรกนี่จะชวนผมขึ้นรถเลยเหรอครับ
“พี่ๆ ไปกันเถอะครับ ผมไม่ว่าง” ผมปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“เสียดายจัง เห็นนั่งคนเดียวกลัวเหงาจัง” ไม่จบครับ ยังไม่ยอมจบ
“ผมมากับแฟนครับ ไม่เหงาหรอก” ผมพยักเพยิดไปทางพี่ฟ้าครับ
“อุ้ย นั่นรองเดือนรุ่นเราหนิ” พี่สาวคนนึงอุทานเบาๆ
“แห้วสิค่ะ รุ่นนั้นใครจะไปสู้ไหว” ไม่ต้องสู้ครับ ผมเลือกแล้ว
“รู้จักพี่ฟ้าด้วยเหรอครับ” ดูท่าพี่สาวกลุ่มนี้ไม่ใช่ตาปลาพี่ฟ้า ชวนคุยน่าจะรู้อะไรมากขึ้น
“รู้จักสิ พวกพี่ก็แฟนคลับฟ้าแหละ ไอ้นี่คลั่งสุดๆ” พี่สาวชี้ไปที่เพื่อนคนตัวเล็กสุด ที่ดูอาหมวยๆ เจ้แกก็ยิ้มเขิล
“พี่ก็แค่ปลื้มแหละ ขนาดแอนสวยๆ ยังแห้ว” นี่ผมต้องมาคุยกับสาวๆ ที่แอบชอบแฟนผมเนี่ยนะ
“ก็ฟ้ามันหญิงจ๋า แกดิบ้าไปคิดว่าเค้าเป็นทอม” ผมหัวเราะขัดขึ้นเบาๆ
“ไม่แปลกหรอกครับ ผมเห็นข้างหลังเธอตอนแรกก็คิดว่าผู้ชายผมยาว” สายตาผมยังจับอยู่ที่แผ่นหลังบางๆ ตลกตัวเองที่เข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้น แอบนินทาแฟนตัวเองไม่บาปใช่ไหมครับ พวกพี่สาวคุยอะไรกับผมนิดหน่อยก็ขอตัวแยกออกไป ผมก็เลยลุกขึ้นเดินไปหาพี่ฟ้าบ้าง
“ต้องการนายแบบไหมครับ” ผมพูดขึ้นตอนเดินไปถึง
“ไม่มีตังค์จ่ายค่าตัวนะ” หน้ายังไม่เงยจากกล้องถ่ายรูป
“เป็นนายแบบฟรีพร้อมเลี้ยงข้าวตากล้องด้วย” ตลอดชีวิต อยากพูดคำนี้ต่อจัง
“ใจดีจัง” เธอละจากกล้องมายิ้มหวานให้ผม โอ้ยละลาย
“แฟนใครเน๊อะ ทั้งหล่อทั้งใจดี” ผมยอตัวเองก็ได้ครับ
“โชคดีของฟ้า โชคร้ายของเขา”
“ใครบอกคนที่โชคดีคือเขาต่างหากหล่ะ” ผมหมุนเปียของเธอเล่น
“ป่ะ ไปถ่ายตะวันตกดินที่บึงกัน” เธอเริ่มเก็บของโดยมีผมเป็นลูกมือ คราวนี้ผมรู้ทางดีครับ คนสวยของผมเลยอารมณ์แจ่มใสหน่อย ตอนไปถึงตะวันยังสูงอยู่เลย
“หิวไหมครับ เดี๋ยวเขาไปหาอะไรให้กิน” ดูท่าจะได้นั่งนานครับ
“หิวน้ำนิดนึง” ตอบเหมือนเกรงใจ นี่แฟนนะครับสั่งมาได้เลย
“รอแป๊บนึงนะ” เธอก็พยักหน้าให้ผม แล้วหันกลับไปจัดการขาตั้งกล้องของเธอเหมือนเดิม ถ้าได้ยืนอยู่หลังกล้องแล้ว ทำไมนายขุนเขาดูเหมือนเป็นอากาศธาตุ จะหึงกล้องก็ใช่ที่ ผมย้อนกลับเข้าไปทางมหาวิทยาลัยเพื่อไปร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุด น้ำเปล่านี่ขาดไม่ได้ แต่ขนมผมก็กวาดมาหนึ่งถุงใหญ่ ไม่รู้เธอชอบอะไร เป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบกินจุ๊บจิ๊บเหมือนทั่วๆ ไป
“รอนานไหมครับ” ผมมาถึงจอดรถก็เปิดขวดเสียบหลอดยื่นให้เธอ
“ไม่ครับ คบกับเขานี่ฟ้าจะเป็นง่อนไหม๊” เธอรับไปดื่ม ไม่วายค่อนขอดผม
“เต็มใจบริการครับ” ผมยิ้มกว้าง ยิ้มแบบที่อยากให้เธอรู้ว่าผมโครตจะเต็มใจ
“ฟ้ากลัวติดนิสัย ถ้าวันนึงเขาไม่เหมือนเดิม หรือเขาหายไป มันจะทำใจยาก” เหมือนทุกนาทีเธอยังคิดเผื่อใจ คิดในทางนึงก็เหมือนการเซฟตัวเอง แต่สำหรับผมเหมือนไม่ไว้ใจกัน
“อนาคตผมไม่รู้นะ ผมสัญญาไม่ได้ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ฟ้าเป็นแฟนผม ผมจะทำทุกวันให้ดีที่สุด และผมไม่ได้เผื่อใจไว้เจ็บ แต่ที่รู้คือถ้าไม่มั่นใจผมไม่ทำขนาดนี้” น้ำเสียงผมน้อยใจ และตั้งแต่คบกันมาผมไม่เคยแทนตัวเองว่าผม พี่ฟ้าก็น่าจะจับน้ำเสียงและอารมณ์ตอนนี้ของผมได้
“เขา ฟ้าขอโทษ”
“.........................” ผมไม่ได้โกรธเธอ แต่ผมน้อยใจ
“ฟ้าเกิดมาในครอบครัวไม่สมบูรณ์ ฟ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟ้าเกิดมาจากความรักหรือเปล่า ฟ้าเชื่อนะว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ฟ้าไม่แน่ใจว่าทุกคนจะโชคดีพอที่จะได้รับมันหรือเปล่า” น้ำเสียงของเธอเศร้า มือที่กุมประสาน ไหล่ลู่ลงพร้อมกับหัวที่ก้มต่ำ เมื่อกี้ผมเพิ่งรู้สึกน้อยใจ ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกผิด
“ฟ้า เขาขอโทษ” ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างไปกุมมือของเธอ ฟ้ามองหน้าผม ผมเห็นน้ำตารื้นๆ ในตากลมโตคู่นั้นแล้วอยากโบกกะโหลกตัวเองสักที
“ไม่เป็นไร ฟ้าแค่อยากให้เขารู้ว่าไม่ใช่ฟ้าไม่เชื่อใจเขา ขอเวลาฟ้าหน่อยนะ” ผมให้เธอได้ตลอดแหละครับ
“ได้สิครับ เขาจะรอวันที่ฟ้าจะเปิดใจให้เขา เขาอยากเป็นที่ระบาย เป็นที่พึ่ง อยากเป็นทุกๆ อย่างให้ฟ้านะ” เราสบตากันอยู่อย่างนั้นพักนึง ผมเห็นแววตาเขินๆ ของเธอ รวมทั้งแก้มที่เริ่มแดงทั้งๆ ที่แดดหมดแล้ว และแล้วนางฟ้าของผมก็กลับมา กลับมาปุ๊บก็หันไปหากล้องทันที แต่พิเศษที่เธอหันกล้องมาทางผม สั่งท่าทางโน่นนี่นั่น ผมก็พยายามสุดฤทธิ์ ปกตินี่ผู้หญิงต้องเป็นนางแบบผู้ชายเป็นตากล้องไม่ใช่เหรอ
“เอาไปขายในเพจแฟนคลับขุนเขาได้ไหมน่ะ รูปซ้วยสวย” เลื่อนดูรูปปก็บ่นไปงึมงำๆ
“เอาแฟนตัวเองไปขายก็ได้ด้วย” ผมเลิกคิ้วถามขำๆ
“ก็แฟนฟ้าหล่อ” ผมชอบคำนี้จัง แฟนฟ้า พูดบ่อยๆ นะครับ
“แฟนเขาก็สวย มาเขาถ่ายให้” ผมทำท่าจะแย่งกล้องมาจากเธอ
“ไม่เอาสิ ดูฟ้าแต่งตัวยังกะเด็กกะโปโล อายคนอื่นตาย ยิ่งมีคนบอกว่าฟ้าไม่เหมาะสมกะเขาอยู่ด้วย” เธอยื้อกล้องไว้สุดฤทธิ์
“หึ ไปเป็นปลาร้าในไหเถอะคนอื่น เขาไม่สน แฟนเขาสวยที่สุด” สุดท้ายกลายเป็นวิ่งแย่งกล้องกันเป็นเด็กๆ ไป จนตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า ผมจึงปล่อยให้เธอได้ติสแตกกับกล้องของเธอตามลำพัง หลังจากนั้นก็ไปนั่งกินแจ่วฮ้อนที่ร้านริมฟุตบาท (แจ่วฮ้อนไม่ใส่น้ำจิ้มนี่อร่อยไหมครับ ผมอยากรู้จริงๆ) กินแจ่วฮ้อนเป็นที่อิ่มหนำสำราญแล้ว ผมก็ขับรถไปส่งตัวเองที่หน้าหอ เริ่มมืดแล้วอ่ะ อยากไปส่งเธอจัง
“ให้เขาไปส่งนะ” เป็นห่วงนี่ครับ
“ส่งกันไปส่งกันมาวันนี้คงไม่ได้นอน” เธอตอบยิ้มๆ
“กลับดีๆ นะครับ ถึงแล้วบอกเขาด้วย” ผมลาเธอ
“ขอบคุณมากนะ................................ วันนี้ฟ้ามีความสุขมากเลย” เธอรวบรวมความกล้าอยู่เกือบๆ นาที
“ครับ เขาก็เหมือนกันนะ ไว้วันหลังไปรถเขานะครับ พาเขาเที่ยวในเมืองด้วย” ผมมุ๊งมิ๊งแค่กับแฟนผมนะครับ อยากจะอ้วกต้องเตรียมกระโถนเอง
“ได้สิ ฟ้าไปนะ บาย” เธอยกมือเรียวๆ (ที่ผมได้กุมทีไรก็ใจเต้นแรง) ขึ้นโบกต่ำๆ
“ครับ โทรหาด้วยนะ” ผมยืนรอจนเธอขับรถไปลับตา ค่อยเดินเข้าหอตัวเอง แต่ผมไม่เข้าห้องตัวเองหรอกครับ ไปหาไอ้ทิวดีกว่า ผมมีความสุขๆๆๆๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มึงเปิดประตูดิ” เสียงต้องมาไม่งั้นมันจะเปิดช้า
“อือๆ” มันมาเปิด สภาพคือเมิงเพิ่งตื่น
“กลับจากเรียนมานอนเหรอมึง” โหไม่ปกติหว่ะ
“กูปวดหัว สายสาวๆ ชนกัน” คนบ่นน่าจะเป็นผมนะครับ ผมเดือนมหาวิทยาลัยนะครับ
“หล่อ ว่างั้น” ผมประชดมัน
“ก็ไม่หล่อเท่าไหร่ แต่แจกจ่ายทั่วถึงไง คนมีแฟนแล้วแม่งไม่เข้าใจหรอก” ตกลงมีแฟนนี่ดีหรือไม่ดีกันแน่หว่ะ
“มึงเบื่อสับสายเลยนอนหนีสาวแม่งเลยงี้” ผมตามต่อ
“เปล่ากูปวดหัวจริงๆ ไอ้กอล์ฟหายามาให้กูกิน กินแล้วกูก็หลับมันก็หายหัวไปเนี่ย ว่าแต่มึงนี่กูเห็นหน้ากูก็ไม่ต้องถามแล้ว ฟินมาอ่ะดิ” ขนาดปวดหัวมึงยังจะมีหน้ามาสังเกตหน้าผมอีกเหรอครับ
“นี่ก็ฟินตัวจะแตกไง กูเก็บไว้คนเดียวไม่ไหว เลยมาหามึงเนี่ย” ยิ้มปากฉีกถึงหู “มึง คือเขาเป็นคนที่กูเคยมองอยู่ห่างๆ ชื่นชมอยู่ไกลๆ ใครจะคิดหว่ะ วันนี้กูเป็นแฟนเค้า กินข้าวด้วยกัน ซ้อนมอร์ไซกัน กูนี่เหมือนฝันเลยมึง” เพ้อไปครับ
“เออ กูก็โครตดีใจกับมึง แต่มึงก็ควรได้รับมันป่ะหว่ะ ขนาดมึงยังไม่รู้เลยว่าจะได้เจอพี่เค้าไหม๊ มึงยังกล้าปฏิเสธทุกคนที่เข้ามา กูหล่ะยอมใจมึงจริงๆ” มันอยู่กับผมในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่แปลกที่มันจะรู้ทุกเรื่อง
พวกผมก็คุยกันไปเล่นโซเซียลไป จนเกือบๆ 3 ทุ่ม ผมเห็นเฟสไอ้กอล์ฟแจ้งเตือนมา มันเปลี่ยนรูปปกครับ เป็นแก้วน้ำปั่นสองแก้ว วางคู่กัน ผมว่าไอ้ถึกเพื่อนผมดูแปลกๆ เลยส่งให้ไอ้ทิวดู
“กูว่า กูรู้แล้วว่ามันหายหัวไปไหน ถล่มแม่งป่ะ” ผมชวนไอ้ทิวครับ
“จัดไป” ไอ้ทิวตอบ ตาไม่ละจากโทรศัพท์
//ทิ้งกูนอนซม แล้วมึงไปชมหญิง// ทิวมึงไปเรียนไทยมั้ย ภาษามึงดีไปอีก
//มึงต้องมาแจ้งให้กูทราบก่อนแจ้งให้โลกทราบสิ// ผมเอง
//ไอ้ทิวมึงควรอาย จีบดะหามีตัวจริงไม่// เพื่อนคณะครับ กัดไปถึงไอ้ทิว
//เหี้ย กูเลือก// ไอ้ทิว มึงจะมาตอบกันในรูปปกคนอื่นเพื่ออะไร
//เลือกมากมักโดนหมาคาบไปแดกหมด// ยังไม่จบ
//กูไม่ใช่หมา// ไอ้กอล์ฟมันร้อนตัว
//มาห้องไอ้ทิวดิ// ผมสั่ง
//กูยังไม่ส่งเค้าเข้าหอเลย ไว้วันหลังกูเล่า ขี้เผือกนะพวกมึง// โหสามทุ่มยังไม่เข้าหอ แม่งทำไรอยู่หว่ะ พัฒนานะมึง ตอบเสร็จก็มีเพื่อนๆ มาเม้นต่อ แต่เจ้าคนต้นเรื่องหายเงียบไปแล้วครับ ผมก็สมควรแก่เวลาลาไอ้ทิวไปอาบน้ำนอนหลับฝันดี
ผมอาบน้ำทำการบ้านเสร็จก็ไลน์ลาแฟนผมเป็นปกติ กิจกรรมก่อนนอน ถ้าไม่ทำนอนไม่หลับครับ เดือนกว่าแล้วนะที่ผมคุยกับเธอก่อนนอนและคิดถึงเธอก่อนลืมตา
//ดึกแล้วน๊า นอนยังครับ//
//นอนแล้ว หลับแล้ว// กวนไปอีกแฟนผม
//แล้วใครตอบไลน์ครับ//
//อุ้ย ลืมตัว// พิมพ์เสียงอุทานได้หญิงมาก ตัวจริงนี่ เฮ้ย นะครับ
//ทำไรอยู่ครับ//
//เขียนไดอารี่อยู่ เดี๋ยวก็นอนแล้วค่ะ//
//พูดถึงไดอารี่ เขาขอโทษนะที่กวนตีนตอนนั้น// ผมหมายถึงเหตุการณ์ที่ผมไปซื้อสมุดบันทึกของเธอ
//ตอนนั้นโกรธมากเลยนะ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วแหละ วิธีแปลกๆ นี่ก็ใช้ได้นะ//
//เขาชอบมากเลยนะ มันน่ารักมากเลย เขาก็ใช้บันทึกจะหมดเล่มแล้วเนี่ย//
//ซื้ออีกได้หน่ะ//
//แฟนนะนี่//
//แฟนคิด 200//
//ใจร้ายจัง//
//นอนได้แล้วนะ ฝันดีนะคะ//
//ครับผม ฟ้าก็รีบนอน ฝันถึงเขานะครับ//
วันต่อมาผมตื่นมาหกโมงเช้า ก็ตั้งนาฬิกาปลุกนี่นะ หลังจากความหาโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุกสำเร็จ ต่อมาผมก็พยายามแหกขี้ตามาไลน์หาแฟนผม ผมเห็นมีไลน์จากเธอที่ยังไม่ได้อ่าน
//ฟ้ากลับบ้านนะ น้าไม่สบายมาก// ตั้งแต่ตอนตีสี่ครึ่ง
เฮ้ยตีสี่ครึ่ง แล้วจะมีรถกลับเหรอนั่น หรือมีคนมารับ ผมคิดเข้าข้างตัวเอง หวังว่าที่บ้านจะส่งรถมารับเธอ ถ้าออกเดินทางตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้เธอจะถึงบ้านหรือยัง ผมลองไลน์ไปหาเธอ
//ถึงบ้านหรือยังครับ// ไม่อ่านไม่ตอบ
ผมเกลียดไลน์เพราะยังงี้ เราจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายออนอยู่รึเปล่า ผมเลยไปเข้าเฟสบุ๊ค ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่เธอเล่นบ่อยที่สุด เล่นครั้งสุดท้ายคือตอนเปลี่ยนสถานะ เดือนจะครึ่งแล้วครับ เล่นบ่อยมาก ผมเข้าเมสเซนเจอร์มันบอกว่าเธอเล่นเมื่อ 22 ชั่วโมงที่แล้ว ผมลองทักไปอีกครับ
//ถึงบ้านรึยังครับ//
//ขอให้คุณน้าหายไวๆ นะครับ// เงียบ
ผมโทรเลยดีกว่าครับ น่าจะรวดเร็วทันใจผมในตอนนี้ที่สุด
//ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลยที่ท่านเรียก...................//
ตอนนี้ผมกำลังทำหน้าเหมือนปลาขาดน้ำ ทำยังไงผมจะรู้ว่าเธอถึงบ้านอย่างปลอดภัยหรือเปล่า ผมรู้เกี่ยวกับเธอน้อยมาก ผมแค่รอให้เธอบอกให้เธอเล่า ผมไม่อยากก้าวก่าย เพราะรู้ดีว่าเธอมีโลกส่วนตัวสูงมากขนาดไหน แต่ถ้าเธอกลับมา ผมจะไม่ยอมอีกแล้ว ผมไม่ชอบความรู้สึกกระวนกระวายที่ผมจัดการไม่ได้แบบนี้เลย
ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปรวมพลที่ห้องไอ้ทิว โทรตามไอ้กอล์ฟเสร็จสรรพ พวกมันก็ดีใจหายรีบอาบน้ำแต่งตัวมากัน ถึงมันจะยังไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไร
//อย่าบอกนะว่ามึงโทรตามกูมาเผือกเรื่องน้ำสองแก้วนั่นหนะ// ไอ้กอล์ฟมันถามอย่างร้อนตัว ไอ้คีย์นี่รีบขยี้ตามาร่วมเผือกทันที มันนี่สนิทกับพวกผมมากถ้าอยู่คณะเดียวกันมันจะเหมาะกับแก๊งค์ผมมากกว่าไอ้ลุง เฮ้ยไอ้ลุงไง ไอ้ลุง
//กูก็อยากจะเผือก แต่เอาไว้ก่อน// มึงต้องทำหน้าโล่งใจขนาดนั้นไหม๊ ไอ้กอล์ฟ
//มีเรื่องใหญ่กว่าเรื่องไอ้กอล์ฟมีหญิงอีกเหรอหว่ะ// คำถามจากไอ้ทิว
//มีดิ พี่ฟ้ากลับบ้าน// เวลาอยู่กับเพื่อน ผมเรียกเธอว่าพี่ ผมอยากให้เพื่อนผมให้เกียรติแฟนผมครับ
//ไอ้บ้า พี่เขาไม่มีเรียนมั้ง คิดถึงแม่ไรงี้// ไอ้ทิวเจ้าเก่า
//ไลน์มาบอกกูตอนตีสี่ครึ่ง ว่ากลับบ้านน้าไม่สบาย มึงว่าปกติมั้ย// ผมทำหน้ายุ่ง
//เชี่ยแล้ว ตีสี่ครึ่งกูว่ายังไม่มีรถเลย ไปยังไงหว่ะ// ไอ้พวกนี้แอบหนีผมกลับบ้านด้วยรถโดยสารสาธารณะประจำ พวกมันรู้เวลารถเที่ยวแรกดี
//ก็นั่นดิ ที่สำคัญคือกูไลน์ กูทักเมสเซนเจอร์ กูโทร คือติดต่อไม่ได้เลย กูถึงจะบ้าตายอยู่นี่ แต่กูคิดอะไรดีๆ ออก เราต้องไปถามไอ้ลุง// ผมคิดออกเมื่อกี้นี่เอง
//เออใช่ ไอ้ลุงมันบอกว่าเป็นน้องพี่ฟ้า น้าพี่ฟ้าก็ต้องเป็นน้ามัน// อ้าวไอ้เชี่ยทิว เล่นเอากูคิดหนัก ผมคิดว่าน้าพี่ฟ้าไม่น่าจะใช่น้าไอ้ลุง มันจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย
//หรือไม่ก็แอนหล่ะ// ไอ้กอล์ฟเสนอ ด้วยความที่ผมกำลังเครียดกับเรื่องของพี่ฟ้า ทำให้ผมลืมสังเกตคำที่มันใช้เรียกขานเพื่อนสนิทของพี่ฟ้าไป
ที่คณะเช้านี้ ผมตรงเข้าไปที่ม้าหินอ่อนที่ไอ้ลุงนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
“เฮ้ย ทำไมมาเช้าได้วันนี้” มันรู้ตัวตอนพวกผมนั่งลงแล้ว ก็เลยเงยหน้าจากชีทขึ้นมาถาม ปกติพวกผมมาไม่ช้านะครับ เรียกว่ามาทันพอดี จะเหมาะกว่า
“ไอ้ลุง พี่ฟ้ากลับบ้านมึงรู้เรื่องมั้ย” ผมตรงประเด็นไม่มีเวลาอ้อมโลกครับ
“ห๊า วันพฤหัสเองกลับไปทำไม” มันก็ดูท่าตกใจพอดูครับ
“ไลน์มาหากูตอนตีสี่ครึ่ง บอกว่าน้าไม่สบายแล้วกูติดต่อไม่ได้เลยถึงตอนนี้” ผมเล่าให้มันฟังอย่างกังวล ไอ้ทิวไอ้กอล์ฟมันก็คิ้วขมวดกันอยู่ข้างๆ ผม
“เดี๋ยวผมถามพ่อให้ คนที่ติดต่อทางบ้านพี่ฟ้าได้มีแค่พ่อครับ” โทรเลยมึงด่วนๆ ผมเห็นมันต่อสายโทรศัพท์ครู่เดียวครับ
“พ่อครับ พี่ฟ้ากลับบ้านตั้งแต่ตีสี่ครึ่งบอกว่าน้าไม่สบาย ติดต่อไม่ได้เลย พ่อช่วยเช็คให้หน่อยพี่ถึงบ้านหรือยัง”
“.............................”
“ผมขอโทษนะครับพ่อ”
“..............................”
“ถ้าพ่อติดต่อได้ยังไงรีบโทรกลับมาบอกผมทีนะครับ”
“..............................”
“ครับ ขอบคุณนะครับพ่อ สวัสดีครับ” การสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น ผมนี่ร้อนรนว่าจะติดต่อได้หรือเปล่า อยากรู้ว่าพ่อเขาพูดอะไร
“พ่อว่าไงมั่ง” ผมถามอย่างร้อนรน
“พ่อจะโทรถามแม่พี่ฟ้าให้ ได้เรื่องยังไงจะโทรกลับมา” พวกเรานั่งรอกันจนถึงเวลาเข้าคลาสเรียน พ่อไอ้ลุงยังไม่โทรกลับมา บอกตรงๆ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย พยายามติดต่อเธอทุกทางอยู่เรื่อยๆ แต่ก็เงียบ เงียบเหลือเกิน จนช่วงเที่ยงที่พวกผมไปกินข้าวที่โรงอาหารศึกษาศาสตร์ เห็นพี่แอนนั่งอยู่กับเพื่อนอีก 3 คน พวกเราทั้ง 4 คน ก็เลยไปขอรวมโต๊ะ ก็ผมมีเรื่องจะถามพี่แอนนี่ครับ พอได้อาหารน้ำดื่มผมก็เริ่มปฏิบัติการ
“พี่แอน พี่ฟ้าติดต่อมาไหมครับ” ผมยิงคำถาม
“ไลน์มาบอกว่าน้าไม่สบายแล้วก็เงียบไป พี่ก็เป็นห่วงอยู่เนี่ย” จริงครับสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยสบายใจเลย
“พี่แอนเคยไปบ้านพี่ฟ้าไหมครับ” บางทีผมอาจต้องขาดเรียน
“พี่เคยไปครั้งนึงตอนปิดเทอม” สวรรค์โปรดผมแท้ๆ ระหว่างนั้นเองก็มีสายเข้ามือถือไอ้ลุง มันรีบรับสาย
“ครับพ่อ” มันรีบกรอกเสียงลง
“.................................................”
“พ่อครับ เราพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม๊” หลังจากพ่อมันพูดนานเกือบนาที มันก็ถามคำถามนี้ออกไป ผมใจคอไม่ดีเลย
“................................................”
“ผมขอขาดเรียนนะพ่อ พี่ฟ้าอาจต้องการความช่วยเหลือ” โหจะขาดเรียนยังต้องขอพ่ออีก เฮ้ยถึงขั้นต้องขาดเรียน ไม่ดีแล้วแบบนี้
“..............................................”
“ขอบคุณครับเดี๋ยวผมปรึกษากับเพื่อนๆ ก่อนนะครับ สวัสดีครับ” มันวางสายไปแล้ว สายตาอีก 7 คู่หันมามองทางไอ้ลุงเป็นตาเดียว
“ว่า” ผมรีบถามทันที
“น้าพี่ฟ้าเสียแล้ว ก่อนพี่เค้าจะไปถึง แถมขับมอร์ไซค์กลับโคราชตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง กูจะบ้าตาย” มันคงไม่ได้กูกับพวกผม มันน่าจะพูดกับตัวเองพร้อมกับดึงทึ้งหัวไปด้วย ผมว่าไอ้ลุงอาการหนักกว่าผมเยอะครับ
“เฮ้ย มึงใจเย็นดิ ตอนนี้พี่ฟ้าก็ปลอดภัยดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมรีบจับมือมันออกก่อนที่มันจะหัวโกร๋น
“ถ้าพี่เป็นอะไรไปผมตายแน่ๆ พ่อฝากให้ผมมาดูแลพี่ ผมมันโง่ ผมมันไม่ได้เรื่อง” มันยังตีอกชกตัวไม่ยอมหยุด ไอ้ทิวนี่ลุกอ้อมมาเอามือมันไพล่หลังล็อกไว้สองแขนเลยครับ
“ไอ้ลุง มึงพอก่อน มาคิดกันก่อนว่าจะทำยังไงกันต่อไป” ตอนนี้ทั้ง 8 คนบนโต๊ะไม่มีใครกินข้าวแล้วถึงพวกเราจะกินไปได้คนละนิดละหน่อยเท่านั้น
“ผมจะไปโคราช พี่ฟ้าไม่มีใคร ร้องไห้ไปด้วยเตรียมงานไปด้วย ใครจะไปกับผม” ไอ้ลุงมันเริ่มน้ำตาไหลออกมา หน้าขาวๆ ของมันเริ่มแดงอย่างน่าสงสาร ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้ เหมือนเรื่องที่ผมรู้มีไม่ถึงครึ่ง ความเจ็บปวดในแววตาของไอ้ลุง ไม่ได้ต่างกับตอนที่พี่ฟ้าบอกว่าครอบครัวของเธอไม่สมบูรณ์ มันเป็นตาที่คล้ายกัน แววตาเศร้าๆ นั้นก็ด้วย
“กูไป” ผมนี่รีบเลยครับ “พี่แอนต้องไปด้วยเพราะรู้ทาง” ผมบังคับกรายๆ สรุปพวกผมไปทั้งหมด ส่วนเพื่อนพี่ฟ้าไปได้แค่พี่แอน ทุกคนติดสอนพิเศษ กลุ่มนี้เขาขยันกันจริงๆ คือถ้าไปนี่พวกผมกะจะอยู่ถึงงานเสร็จ พี่เค้าเลยไม่สะดวกกันครับ
“เอารถกูกะรถไอ้ลุงไป กูไม่ยอมให้ฟ้าขับรถกลับเองแน่ ไปจัดกระเป๋ากัน บ่ายสามวันนี้ต้องได้เดินทาง” ผมสั่งการทุกคนซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันตามนั้น
บ่ายสามผมไอ้ทิวไอ้กอล์ฟไปรับพี่แอน แล้วไปรอไอ้ลุงหลังศูนย์อาหารตามที่นัดแนะกัน แล้วแบ่งขึ้นรถใหม่ ความวุ่นวายก็บังเกิด
“เดี๋ยวแอนไปกับลุงเอง” เธอคงเห็นว่าพวกผมสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ผมไปกับแอน” ไอ้กอล์ฟครับ มันทรยศผมแล้ว
“เหี้ย ใครจะเอาไอ้ลุงอยู่เวลามันทึ้งหัวมันเองอ่ะ กูไปรถไอ้ลุง” ไอ้ทิวครับ
“คือตอนนี้กูต้องขับรถคนเดียว เหตุผลอะไรของพวกมึงว่ะ ฟังไม่เห็นเข้าใจ” ผมว่าบรรยากาศมันแปลกๆ แทนที่พวกมันจะรีบๆ ไป กลับมาทะเลาะกันเรื่องใครจะนั่งรถคันไหน คนที่บ้าบอคอแตก ไม่ยอมลงคือไอ้ทิวกับไอ้กอล์ฟ ไอ้ทิวมันจะช่วยห้ามไอ้ลุง ไอ้กอล์ฟมันจะนั่งกับพี่แอน อะไรของมันหว่ะ
“เอางี้ไอ้ทิวมึงไปกับไอ้ลุง พี่แอนมารถผม ไอ้กอล์ฟช่างแม่งมัน” ผมว่าคนที่เหตุผลไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือไอ้กอล์ฟ มันจะเถียงหัวชนฝาไปเพื่ออะไรกันหว่ะ เอ๊ะ...........................
“กูไปกับแอน รถใครได้ทั้งนั้น” ไอ้เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่าบอกนะว่าเจ้าของแก้วน้ำนั่น คือ...............
“ตกลงตามนั้นรีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะดึก” ไอ้ลุงยุติสงครามครับ
หลังจากออกรถที่ผมต้องขับนำหน้าไปได้สักพัก เราก็ติดไฟแดง (เยอะครับทำใจเถอะ) ผมต้องเค้นความจริงจากไอ้กอล์ฟให้ได้
“กอล์ฟมึงมีอะไรจะบอกกูมั้ย” รถเงียบๆ แล้วผมพูดขึ้น ผมมองผ่านกระจกมองหลัง ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าพี่แอนสะดุ้งนิดนึง
“ไอ้หล่อ กูรู้ว่ามึงฉลาด” อ้าวไอ้นี่ผมถามมันเสือกมาชมผมหล่อ คิดว่าผมจะเคลิ้มแล้วหลงประเด็นเหรอครับ
“ถ้ามึงไม่บอก กูจะถามพี่แอน” ผมรู้เดี๋ยวความสุภาพบุรุษของมันก็จะเปิดเผยทุกอย่างเอง
“ไอ้เหี่ย กูเล่าเอง” ยังไม่ถึงสามวินาทีเลยครับ ผมชนะทุกทีสิน่า
“กูกับแอนตกลงคบกันแล้ว” ผมนี่มองกระจกคนตัวเล็กๆ นี่มุดหายไปแล้วครับ
“เอ๊ะ พี่แอนได้ขึ้นรถมากับเรารึเปล่าหว่ะ” ผมแกล้งถาม “มึงไปนั่งหลังมั้ย ไม่ต้องเกรงใจกูนะ” ผมแซวทั้งสองคน
“ไม่หรอกพี่นั่งหลังดีแล้ว” เสียงเล็กๆ นั่นยืนยันที่จะนั่งที่เดิมของเธอ
“ตอนไหน ยังไงหว่ะ กูเห็นแค่ไอ้ทิวม่อพี่เค้า ไหงไพ่มาหงายที่มึงได้หว่ะ” ผมถามต่อ ก็มันน่าสงสัยนี่ครับ
“กูขอเบอร์แอนตั้งแต่ไปเชียร์มึงประกวดเดือนแล้ว ไอ้ทิวมันก็รู้” สรุปมีแค่กูไม่รู้สินะ
“แล้วมึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่” ใช่มึงต้องมาแจ้งให้เพื่อนมึงทราบด้วย ทีกูจะทำอะไรก็ก็แจ้งเพื่อทราบให้พวกมึงแล้วไง
“ก็กูรอให้แอนตกลงคบกูก่อน แล้วเมื่อคืนนี้เพิ่งตกลงกัน แล้วกูก็โพสต์กะจะเล่าวันนี้ แต่มึงก็มีเหตุก่อนไง” เออ จริงของมันใครเล่าอะไรวันนี้ก็คงไม่เข้าหัวผมทั้งนั้นแหละครับ
“พี่แอนผมฝากไอ้ถึกด้วยนะครับ มันไม่เคยมีแฟน ห้ามทำมันอกหักด้วย พี่คิดสภาพสิตัวควายๆ อย่างนี้ถ้าอาละวาดใครจะเอามันอยู่” ผมแซวไม่หยุด คนตัวเล็กก็มุดไม่เลิก หายไปกับหลังเบาะที่ไอ้กอล์ฟนั่งแล้วครับ
“ตอบไอ้เขามันไปสิครับ” มันบังคับแฟนแล้วยิ้มระรื่นใส่ตาผม
“ไม่รู้ โอ้ยพอๆ ตั้งใจขับไปสิเขา” เขินแล้วโวยวายครับ ผมกับไอ้กอล์ฟนี่หัวเราะครื้นเครงเลย เรื่องที่พี่แอนเคยขอคบพี่ฟ้าเอาไว้วันหลังผมต้องเผือกให้เห็นแจ้งให้จงได้
พวกผมยังขับรถไปบนถนนมิตรภาพ วันนี้รถไม่ติดผมคงไปถึงหัวใจผมในไม่ช้า ฟ้า เขากำลังจะไปหานะครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ