9&9 Hers
-
เขียนโดย สกิลพิมพ์เต่าคลาน
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.49 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
14.41K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ตอนที่ 14 : ค่ำคืนที่ (เขาจะ) ถูกรบกวน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงของโรงพยาบาลอีกครั้ง ในห้องมืดสลัว ยังพอมองออกว่าคุณพ่อและคุณแม่ยังอยู่ในห้อง ท่านทั้งสองคนคุยกันเบาๆ อยู่หน้าประตูห้อง ฉันจึงร้องเรียก
“พ่อคะ แม่คะ”
ท่านทั้งสองหันมาทางฉันแทบจะทันที และก็เป็นคุณแม่ที่โผเข้ามาก่อน ท่านกอดฉันจนแน่นเหมือนกับว่าเราไม่ได้เจอกันมานานมาก
“เป็นไงบ้างลูก? ปวดหัวไหม เวียนหัวบ้างไหม?” คุณแม่ถามและรอคอยคำตอบ
“ไม่ค่ะ หนูสบายดี ไม่ปวด ไม่เวียน ไม่มึน” ฉันตอบกลับไป ทำให้ท่านยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ขอทางให้คุณหมอหน่อยครับ” เสียงคุณพ่อดังมากจากด้านหลังคุณแม่ คุณหมอตรงเข้ามาหาฉันและถามแบบเดียวกับคุณแม่ ซึ่งคำตอบของฉันก็เป็นคำตอบเดียวกับที่ตอบคุณแม่ไป คุณหมอยิ้มและหันไปคุยกับนางพยาบาลก่อนจะหันไปคุยกับคุณพ่อและคุณแม่
คุณหมอและนางพยาบาลออกไปแล้ว คุณแม่จึงมานั่งที่เก้าอี้ ส่วนคุณพ่อยืนเกาะขอบเตียง
“หมอว่าไงเหรอคะ?” ฉันถามทั้งคู่ คุณพ่อจึงเป็นฝ่ายเล่า
วันที่ฉันเข้ารับการบำบัด คลื่นสมองของฉันแปรปรวนเป็นอย่างมากในช่วงแรกๆ แต่ผ่านไปซักพักก็เริ่มดีขึ้นแล้วก็เข้าสู่สภาวะปกติ แต่หลังจากนั้นฉันก็ไม่ยอมตื่น สมองรวมถึงร่างกายทุกส่วนของฉันไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอจึงไม่สามารถทำการบำบัดให้อีกได้ ที่พอจะทำได้ก็แค่แนะนำให้นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการไปเรื่อยๆ สรุปว่าฉันนอนหลับไปสี่วัน ก่อนจะตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้กระเปร่า
ฉันมานอนนับวันดูแล้ว ฉันนอนหลับไปสี่วันบวกกับก่อนหน้านั้นอีกหนึ่งวัน (เช้าวันที่ฉันบอกลาเก้า) รวมเป็นห้าวันแล้วที่ฉันจากมา ฉันต้องนอนที่นี่อีกหนึ่งคืน ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติฉันก็สามารถกลับบ้าน ถ้าอย่างนั้น ฉันจะดำเนินแผนต่อไปได้อย่างเร็วที่สุดก็คือคืนพรุ่งนี้ แต่ถ้าฉันดำเนินแผนตอนกลางคืน เขาก็คงทำงานอยู่ มันก็จะไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่วางไว้ แต่ฉันไม่อยากรอนานกว่านี้
ทันทีที่ฉันกลับถึงบ้าน ฉันก็พร้อมจะปลีกตัวมาดำเนินแผนทันที แต่ฉันลืมอุปสรรคใหญ่สองข้อไปซะสนิท นั่นคือ คุณพ่อและคุณแม่ ทั้งสองเป็นอุปสรรคที่มีอิทธิพลมาก อุปสรรคจากคุณพ่อคือคำสั่ง ‘ห้าม’ ห้ามทำอะไรเด็ดขาดถึงบ้านต้องพักผ่อน ห้ามดูหนัง ห้ามเล่นเกม ห้ามใช้โทรศัพท์และที่น่ากลัวที่สุดคือห้ามออกนอกระยะสายตา ฉันจึงได้แต่นั่งอยู่ในห้องรับแขกโดยมีท่านนั่งทำงานไปด้วย ส่วนอุปสรรคจากแม่ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร นั่นก็คือท่านจะมานอนเป็นเพื่อนฉันหนึ่งคืน คุณพ่อก็เห็นดีด้วย ฉันจึงต้องปล่อยให้วันนี้และคืนนี้ผ่านไปโดยที่ฉันขัดขืนไม่ได้
วันต่อมาฉันมีโอกาสได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาซะที ฉันเปิดไลน์แล้วไปเปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็น ‘9&9’ และกดยอมรับเพื่อนหนึ่งคน คนที่ใช้ชื่อว่า ‘9’ และส่งข้อความไปหาเขาสองข้อความ
‘…’
‘…’
ฉันรู้ดีว่ามันไม่มีความหมายอะไรเลย เหมือนคนไร้สติที่ส่งข้อความไปแกล้งเฉยๆ แต่เก้าได้ฟังเรื่องที่ฉันเล่า ฉันจึงหวังว่าเขาจะเข้าใจ ฉันนั่งทบทวนความเข้าใจของตัวเอง
‘นางเอกสารภาพรักต่อหน้าพระเอก พระเอกจึงตอบรับรักของนางเอกด้วยการโทรเข้าไปที่เบอร์ของห้องพัก ให้เสียงกริ่งดังสองครั้งและวางสาย ไม่ว่านางเอกจะตื่นอยู่หรือถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์เธอก็จะได้รับข้อความนั้น’
ฉันมองจอโทรศัพท์ที่เพิ่งส่งข้อความออกไป
‘แต่กรณีของฉัน เก้าบอกรักฉันก่อนที่ฉันจะจากมา วิธีเดียวที่ฉันจะตอบรับรักเขาได้คือโทรกลับไปหาเขา แต่เก้าเคยพูดว่า ถ้าปลายสายใช้เพลงเป็นริงโทนแทนเสียงกริ่ง คนปลายสายจะไม่ได้รับรหัสเสียงนี้แน่นอน ดังนั้น วิธีที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ฉันต้องส่งข้อความผ่านไลน์ไปให้เก้าสองครั้ง และเขาก็จะได้ยินเสียงข้อความเข้าสองครั้งแทนเสียงกริ่ง’
ฉันปิดโทรศัพท์หลังจากนั่งมองมันอยู่นาน ฉันภาวนาตลอดเวลาขอให้เขาได้ยินเสียงไลน์และเข้าใจ แต่ฉันลืมไปว่าเขาอาจจะปิดเสียงตอนนอน ฉันจึงเลิกรอและเอนตัวลงบนโซฟา
‘ตึ๊งนึง!’
ฉันตกใจจนกระโดดขึ้นนั่ง พยายามสงบสติอารมณ์และไม่ตั้งความคาดหวังใดๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่าน
‘ตึ๊งนึง!’
ข้อความที่สองตามเข้ามา ทั้งสองข้อความมาจาก ‘9’ ฉันยิ้มและยอมให้น้ำตาไหลออกมา
รูปที่เขาส่งมาเป็นรูปจักรยานที่จอดพิงม้านั่งไว้ ถึงจะมืดแต่ฉันก็ดูออกว่ามันคือรูปที่ถ่ายตอนที่เรานั่งอยู่ที่บึง ฉันจำได้เพราะฉันถ่ายรูปนี้เอง
ถัดมาเป็นข้อความของเขา ที่ฉันอ่านแล้วยอมให้น้ำตาไหลออกมา
‘กลับมาซะทีสิครับคุณผู้หญิง ผมรอซ้อนจักรยานอยู่นะ’
---------------------------------------------------------
“พ่อคะ แม่คะ”
ท่านทั้งสองหันมาทางฉันแทบจะทันที และก็เป็นคุณแม่ที่โผเข้ามาก่อน ท่านกอดฉันจนแน่นเหมือนกับว่าเราไม่ได้เจอกันมานานมาก
“เป็นไงบ้างลูก? ปวดหัวไหม เวียนหัวบ้างไหม?” คุณแม่ถามและรอคอยคำตอบ
“ไม่ค่ะ หนูสบายดี ไม่ปวด ไม่เวียน ไม่มึน” ฉันตอบกลับไป ทำให้ท่านยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ขอทางให้คุณหมอหน่อยครับ” เสียงคุณพ่อดังมากจากด้านหลังคุณแม่ คุณหมอตรงเข้ามาหาฉันและถามแบบเดียวกับคุณแม่ ซึ่งคำตอบของฉันก็เป็นคำตอบเดียวกับที่ตอบคุณแม่ไป คุณหมอยิ้มและหันไปคุยกับนางพยาบาลก่อนจะหันไปคุยกับคุณพ่อและคุณแม่
คุณหมอและนางพยาบาลออกไปแล้ว คุณแม่จึงมานั่งที่เก้าอี้ ส่วนคุณพ่อยืนเกาะขอบเตียง
“หมอว่าไงเหรอคะ?” ฉันถามทั้งคู่ คุณพ่อจึงเป็นฝ่ายเล่า
วันที่ฉันเข้ารับการบำบัด คลื่นสมองของฉันแปรปรวนเป็นอย่างมากในช่วงแรกๆ แต่ผ่านไปซักพักก็เริ่มดีขึ้นแล้วก็เข้าสู่สภาวะปกติ แต่หลังจากนั้นฉันก็ไม่ยอมตื่น สมองรวมถึงร่างกายทุกส่วนของฉันไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอจึงไม่สามารถทำการบำบัดให้อีกได้ ที่พอจะทำได้ก็แค่แนะนำให้นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการไปเรื่อยๆ สรุปว่าฉันนอนหลับไปสี่วัน ก่อนจะตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้กระเปร่า
ฉันมานอนนับวันดูแล้ว ฉันนอนหลับไปสี่วันบวกกับก่อนหน้านั้นอีกหนึ่งวัน (เช้าวันที่ฉันบอกลาเก้า) รวมเป็นห้าวันแล้วที่ฉันจากมา ฉันต้องนอนที่นี่อีกหนึ่งคืน ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติฉันก็สามารถกลับบ้าน ถ้าอย่างนั้น ฉันจะดำเนินแผนต่อไปได้อย่างเร็วที่สุดก็คือคืนพรุ่งนี้ แต่ถ้าฉันดำเนินแผนตอนกลางคืน เขาก็คงทำงานอยู่ มันก็จะไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่วางไว้ แต่ฉันไม่อยากรอนานกว่านี้
ทันทีที่ฉันกลับถึงบ้าน ฉันก็พร้อมจะปลีกตัวมาดำเนินแผนทันที แต่ฉันลืมอุปสรรคใหญ่สองข้อไปซะสนิท นั่นคือ คุณพ่อและคุณแม่ ทั้งสองเป็นอุปสรรคที่มีอิทธิพลมาก อุปสรรคจากคุณพ่อคือคำสั่ง ‘ห้าม’ ห้ามทำอะไรเด็ดขาดถึงบ้านต้องพักผ่อน ห้ามดูหนัง ห้ามเล่นเกม ห้ามใช้โทรศัพท์และที่น่ากลัวที่สุดคือห้ามออกนอกระยะสายตา ฉันจึงได้แต่นั่งอยู่ในห้องรับแขกโดยมีท่านนั่งทำงานไปด้วย ส่วนอุปสรรคจากแม่ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร นั่นก็คือท่านจะมานอนเป็นเพื่อนฉันหนึ่งคืน คุณพ่อก็เห็นดีด้วย ฉันจึงต้องปล่อยให้วันนี้และคืนนี้ผ่านไปโดยที่ฉันขัดขืนไม่ได้
วันต่อมาฉันมีโอกาสได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาซะที ฉันเปิดไลน์แล้วไปเปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็น ‘9&9’ และกดยอมรับเพื่อนหนึ่งคน คนที่ใช้ชื่อว่า ‘9’ และส่งข้อความไปหาเขาสองข้อความ
‘…’
‘…’
ฉันรู้ดีว่ามันไม่มีความหมายอะไรเลย เหมือนคนไร้สติที่ส่งข้อความไปแกล้งเฉยๆ แต่เก้าได้ฟังเรื่องที่ฉันเล่า ฉันจึงหวังว่าเขาจะเข้าใจ ฉันนั่งทบทวนความเข้าใจของตัวเอง
‘นางเอกสารภาพรักต่อหน้าพระเอก พระเอกจึงตอบรับรักของนางเอกด้วยการโทรเข้าไปที่เบอร์ของห้องพัก ให้เสียงกริ่งดังสองครั้งและวางสาย ไม่ว่านางเอกจะตื่นอยู่หรือถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์เธอก็จะได้รับข้อความนั้น’
ฉันมองจอโทรศัพท์ที่เพิ่งส่งข้อความออกไป
‘แต่กรณีของฉัน เก้าบอกรักฉันก่อนที่ฉันจะจากมา วิธีเดียวที่ฉันจะตอบรับรักเขาได้คือโทรกลับไปหาเขา แต่เก้าเคยพูดว่า ถ้าปลายสายใช้เพลงเป็นริงโทนแทนเสียงกริ่ง คนปลายสายจะไม่ได้รับรหัสเสียงนี้แน่นอน ดังนั้น วิธีที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ฉันต้องส่งข้อความผ่านไลน์ไปให้เก้าสองครั้ง และเขาก็จะได้ยินเสียงข้อความเข้าสองครั้งแทนเสียงกริ่ง’
ฉันปิดโทรศัพท์หลังจากนั่งมองมันอยู่นาน ฉันภาวนาตลอดเวลาขอให้เขาได้ยินเสียงไลน์และเข้าใจ แต่ฉันลืมไปว่าเขาอาจจะปิดเสียงตอนนอน ฉันจึงเลิกรอและเอนตัวลงบนโซฟา
‘ตึ๊งนึง!’
ฉันตกใจจนกระโดดขึ้นนั่ง พยายามสงบสติอารมณ์และไม่ตั้งความคาดหวังใดๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่าน
‘ตึ๊งนึง!’
ข้อความที่สองตามเข้ามา ทั้งสองข้อความมาจาก ‘9’ ฉันยิ้มและยอมให้น้ำตาไหลออกมา
รูปที่เขาส่งมาเป็นรูปจักรยานที่จอดพิงม้านั่งไว้ ถึงจะมืดแต่ฉันก็ดูออกว่ามันคือรูปที่ถ่ายตอนที่เรานั่งอยู่ที่บึง ฉันจำได้เพราะฉันถ่ายรูปนี้เอง
ถัดมาเป็นข้อความของเขา ที่ฉันอ่านแล้วยอมให้น้ำตาไหลออกมา
‘กลับมาซะทีสิครับคุณผู้หญิง ผมรอซ้อนจักรยานอยู่นะ’
---------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ