MysteryCode.Com

8.7

เขียนโดย KoonHame

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.34 น.

  13 ตอน
  7 วิจารณ์
  13.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2561 12.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Case1 ; Ep.8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มินามิจัง     :      นายต้องการให้จับทุกคนที่เกี่ยวข้องมาที่นี่ให้หมดเลยใช่มั้ย

สุริยัน         :      ใช้แล้วล่ะ อีกสองคนที่เหลือ ประธานบริษัทของสำนักงานทนายความรัชนีกรหรือก็คือผู้นำลัทธิประจำสาขาประเทศไทย กับอีกคนคือแม่บ้านของสำนักงาน

มินามิจัง     :      ได้ เดี๋ยวจะส่งบอดี้การ์ดไปจับตัวมาให้ แล้วต้องการอะไรอีกม้ย

สุริยัน         :      อีกอย่างอยากให้ลองค้นหาในออฟฟิศดูหน่อย ว่าเด็กที่ถูกลักพาตัวไปอยู่ที่นั่นหรือไม่ ถ้าเจอให้ช่วยพาตัวมาที่นี่ด้วยนะ ทำโกดังใกล้ๆให้เป็นที่รับรองหน่อย ให้เด็กพักที่นั่น เรายังไม่อยากให้เด็กบอกคนภายนอกน่ะว่าได้รับความช่วยเหลือแล้ว พอไหวไหม

มินามิจัง     :      ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปกับบอดี้การ์ดด้วยเลยดีกว่า คิดว่าถ้าเจอเด็กันเป็นคนคยเองน่ะดีกว่า จะเป็นอะไรไหมถ้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เด็กฟังแล้วขอความร่วมมือแทน

สุริยัน         :      ได้สิ มีอะไรก็โทรติดต่อมานะ

มินามิจัง     :      ถามหน่อยสิ นายมีแผนจะทำอะไรต่อหรอ

สุริยัน         :      ก็จะถามข้อมูลเกี่ยวกับลัทธิให้ได้มากที่สุดก่อน เพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆได้ แล้วหลังจากนั้นคงจะต้องทำลายลัทธินี้ทิ้งซะ

    มินามิจังกับบอดี้การ์ดอีกสามคนเดินออกไปขึ้นรถสองคันแล้วเดินทางออกไป สุริยันอยู่กับกลุ่มคนที่ถูกลักพาตัวมาเขาไม่พูดอะไรกับคนที่ถูกมัด และไม่มีใครพูดอะไรกับใครทั้งสิ้น ในโกดังจึงมีเพียงความเงียบกับเสียงสะอึกสะอื้นของคนทั้งสองที่ถูกมัดเท่านั้น กลิ่นคาวเลือด กลิ่มสนิมเหล็ก คละคลุ้งไปทั่วทั้งโกดัง บอดี้การ์ดยืนเงียบรอฟังคำสั่ง ส่วนสริยันง่วนกับการนั่งดูมือถือของพี่มาสและพี่สาวโอปอร์เรเตอร์ว่ามีข้อมูลอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับลัทธิอีกมั้ย

     03.00 นาฬิกา มินามิจังดินทางมาถึง อาคารเมเจอร์22 ย่านอโศก ตึกพานิชย์สูงกว่าห้าสิบชั้น มีบริษัทและห้างร้านมากมายมาเช่าห้องเพื่อทำเป็นออฟฟิศหรือสำนักงาน ตัวอาคารอยู่ใกล้กับระบบขนส่งมวลชนทำให้พนักงานสามารถมาทำงานได้สะดวก มินามิจังและบอดี้การ์ดเดินมาที่อาคารเพื่อขึ้นไปสำนักงานทนายความรัชนีกร ชั้นที่34 ตอนนี้ทั้งตึกแทบจะไม่มีคน น่าจะมีเพียง รปภ.และฝ่ายอาคารอีกนิดหน่อย บอดี้การ์ดจึงอาสาเข้าไปเคลียร์พื้นที่เพื่อให้มินามิจังเดินเข้าไปได้อย่างสะดวก และไม่นานดั่งที่คาดบอดี้การ์ดแจ้งลงมาให้มินามิจังทราบว่าจัดการพื้นที่เรียบร้อย และตอนนี้อยู่ในออฟฟิศสำนักงานทนายความรัชนีกรแล้วด้วย มินามิจังกับบอดี้การ์ดอีกคนจึงเดินผ่านเข้าประตูหน้าอย่างง่ายดาย ดินไปที่ลิฟท์และขึ้นไปที่ชั้น 34 แบบไม่ต้องหลบกล้องวงจรปิดหรือหลบใครใดๆทั้งสิ้น

     03.20 นาฬิกา มีเสียงรถยนต์ขับเข้ามาใกล้โกดังหนึ่งคน คงเป็นเสียงรถของบอดี้การ์ดที่ไปลักพาตัวคนที่เหลือ  สริยันเดินออกไปที่หน้าโกดัง เจอคนสองคนถูกปิดตา ปิดปากและมัดมือ ถูกลากลงจากรถ คนนึงเป็นผู้หญิงอายุสี่สิบต้นๆทราบว่าเป็นประธานบริษัทในภายหลัง แต่งตัวดูภูมิฐานเสื้อสูทกางเกงแสล็กสีดำทั้งตัว แต่สภาพตอนนี้คือร้องไห้จนหน้าตาเลอะเครื่องสำอางไปหมด อีกคนเป็นคุณป้าอายุสี่สิบปลายๆทราบว่าเป็นแม่บ้าน แต่งตัวธรรมดาเสื้อยืดกางเกงวอร์มน้นทะมัดทะแมงเป็นหลัก หน้าตาที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำตาก็ทำให้สภาพดูไม่ต่างไปจากท่านประธานเช่นกัน บอดี้การด์ส่วนหนึ่งช่วยกันลากตัวคนทั้งสองเข้าไปมัดกับเก้าอี้ ส่วนบอดี้การ์ดอีกส่วนก็ช่วยกันยกอุปกรณ์สำนักงาน เอกสารต่างๆ และคอมพิวเตอร์ เข้ามาในโกดัง เรียกว่าทำงานได้ดีเกินกว่าที่สุริยันได้สั่งไว้เสียอีก แต่มินามิยังไม่กลับมาสอบถามบอดี้การ์ดจึงได้ความว่าไปกับรถอีกคันเพื่อพาเด็กไปอีกโกดังหนึ่ง

     ตอนนี้คนที่ถูกจับทั้งสี่คนนั่งเรียงหน้าในลักษณะเกือบครึ่งวงกลม ทั้งสี่คนถูกปิดตาจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น บอดี้การ์ดลากตัวท่านประธานออกมาข้างหน้าแล้วหันหน้าเข้าหาทั้งสามคนที่เหลือ เธอดูมีความกังวลกับถูกการกระทำที่มองไม่เห็น “ตอนนี้ฉันถูกลากไปที่ไหน กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน” น่าจะเป็นสิ่งที่เธอคิดอยู่ในตอนนี้ สุริยันแกะผ้าปิดตาออกเพื่อให้เธอเข้าใจสถานการณ์มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเธอแทบจะกรี้ดกับภาพที่เห็น เธอเห็นสภาพของคนในองค์กรทั้งสามคนถูกจับมัดในสภาพเช่นเดียวกับเธอ พี่มาสที่มีสภาพว่าถูกทรมานและคราบเลือดนิดหน่อย โอเรเตอร์สาวที่สภาพย่ำแย่และโทรมเกินบรรยาย และคนที่น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สดอย่างป้าแม่บ้านก็ถูกมัดไว้เช่นเดียวกัน คนก่อนหน้าทั้งสองรู้ดีว่าประธานมาถึงแล้ว และคงทำอะไรไม่ได้มาไปกว่านี้อีกแล้ว ในโกดังมีแต่กลิ่นไอของความสิ้นหวัง สริยันกระซิบข้างหูท่านประธานว่า “คุณรู้ใช่มั้ยว่าถูกจับตัวมาที่นี่เพราะอะไร” แล้วสุริยันก็ทำสัญญาณมือให้บอดี้การ์ดลากเก้าอี้ของคุณแม่บ้านเข้าไปในห้องสอบสวน บอดี้การ์ดหนึ่งคนเดินมาจับเก้าอี้ของป้าแม่บ้านเอนลงประมาณหกสิบองศา แล้วลากออกไปจากกลุ่ม เสียงเหล็กของขาเก้าอี้ขูดกับพื้นโกดัง ดัง กี๊ดดดดดดดดดดดด แหลมสูงไปตลอดทางเดิน ท่านประธานเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึงจนลูกตาแทบถลนออกมา และรับรู้ชะตากรรมของตนว่าต้องเจอแบบเดียวกันในอีกประเดี๋ยวแน่ๆ “ผมจะสอบสวนคุณเป็นคนสุดท้าย” พูดจบสุริยันก็เอาผ้ามาปิดตาท่านประธานเสร็จแล้วจึงเดินไปที่ห้องสอบสวน

     ใช้เวลาไม่นานก็สัมภาษณ์ป้าแม่บ้านเสร็จ ป้าอายุ 47 ปกติทำงานรับจ้างทำความสะอาดออฟฟิศให้กับบริษัทนายหน้าจัดหาแม่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ด้วยตัวเองได้รับหน้าที่ให้มาทำความสะอาดประจำอยู่ที่ตึกนี้ และมีโอกาสได้เจอกับประธานบริษัทบ่อยๆ ด้วยความที่ตนเป็นคนชอบชวนคุยจึงรู้จักกับท่านประธานมากขึ้น และไม่นานท่านประธานจึงจ้างมาเป็นแม่บ้านประจำของสำนักงานนี้เสียเลย เธอจึงลาออกจากที่เก่าและมาอยู่ที่นี่ อยู่ได้เดือนกว่าแล้ว มีหน้าที่ทำความสะอาดออฟฟิศและจัดหาอาหารมาดูแลเด็กคนที่ถูกจับตัวมา ป้าแม่บ้านไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครและถูกจับมาทำไม แต่ป้าได้ค่าจ้างสูงมาก จึงเลือกที่จะไม่สงสัยและปล่อยเลยตามเลยไป

     ในวันที่คนคนนึงเดินทางมาถึงทางแยก ต้องเลือกระหว่าง ผลประโยชน์ โทสะ หรืออะไรก็ตาม กับความเป็นคน ในวันที่คนคนนั้นตัดสินใจเลือกทางอื่นที่ไม่ใช่ความเป็นคน คนคนนั้นจะมีชีวิตที่บิดเบี้ยวไปตลอดกาล

     ท่านประธานถูกลากมาที่ห้องสอบสวน และแน่นอนว่าท่านประธานต้องโดนหนักกว่าคนอื่นแน่ๆ

สุริยัน         :      ผมได้ข้อมูลจากคนอื่นมามากมายแล้ว และต้องการข้อมูลจากคุณอีกนิดหน่อย ช่วยทำให้เรื่องมันง่ายลงอีกนิด เพราะถ้าไม่ใช่ผมที่ป็นคนสอบสวนคุณ คุณคงจะเจออะไรที่หนักกว่านี้แน่ เอาล่ะ เริ่มเรื่องแรกกันเลย คุณมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับลัทธินี้

ท่านประธาน     :      ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด ฉันจะฟ้องร้องพวกคุณให้หมด

สุริยัน         :      นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากได้ยินเลย

   สุริยันเดินออกจากห้องและให้บอดี้การ์ดเข้ามาสอบสวนแทน บอดี้การ์ดเข้ามาสามคนและเริ่มสอบสวนท่านประธานอย่างหนักหน่วง ท่านประธานไม่เคยโดนกดดันมาก่อนเหมือนพี่มาสและโอเปอร์เรเตอร์ทำให้ยากที่จะรู้สึกว่าอยากให้ข้อมูล สุริยันให้บอดี้การ์ดถามคำถามที่เคยถามคนอื่นไปแล้ว ยี่สิบนาทีผ่านไป สุริยันง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ของท่านประธานจนลืมเวลาไปเลย สุริยันจึงไปที่ห้องสอบสวนเพื่อที่จะเข้าไปรับช่วงต่อ แต่ตอนนี้ภาพที่เห็นคือเลือดที่สาดกระจายเลอะเทอะเต็มโต๊ะและเสื้อผ้าท่านประธานไปหมด สภาพท่านประธานตอนนี้คือนั่งคอตกมือตกสีหน้าไร้ซึ่งความหวังและวิญญาณ ตาดูลอยแต่ถามอะไรก็ยอมตอบหมดด้วยน้ำเสียงที่เหน็ดเหนื่อย พูดคำกลืนน้ำลายคำตลอดเวลา ส่วนหูข้างซ้ายดูเหมือนจะถูกตัดออกไปแล้ว คงเป็นฝีมือของบอดี้การ์ดสินะ สุริยันนึกไม่ออกเลยว่ายี่สิบนาทีที่ผ่านมาเมื่อครู่ท่านประธานเจอกับอะไรบ้าง

 

     จากการสอบสวนได้ข้อมูลเกี่ยวกับลัทธิเพิ่มเติมว่า ลัทธิก่อตั้งมาได้เกือบ 3 ปีแล้ว หาสาวกอยู่ปีกว่าและเริ่มทำเกมส์เพื่อหาคนที่เหมาะสมอีกหนึ่งปี จุดเริ่มต้นของลัทธิคือประเทศอเมริกา แต่ท่านประธานไม่รู้ว่าใครคือเจ้าลัทธิ เธอเป็นสาวกเพราะมีคนรู้จักชวนเธอเข้าไป ตอนที่เรียนอยู่ที่อเมริกา เธอได้อ่านคัมภีร์และคำสอนก็เกิดสนใจ จึงทำหนังสือร้องขอเข้าลัทธิ จนได้เป็นตัวแทนลัทธิประจำประเทศไทย เธอติดต่อกับเจ้าลัทธิด้วยแอพเฉพาะที่ทางลัทธิทำขึ้น เธอรู้แค่ข้อมูลที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น เพราะเธอเป็นคนจัดการทั้งหมด ส่วนเรื่องที่ประเทศอื่นหรือผู้ที่มีอำนาจเหนือเธอขึ้นไปเธอไม่รู้ สาเหตุที่เธอถูกตัดหูไปข้างนึงเพราะดันยืนยันว่าไม่รู้อยู่หลายรอบ บอดี้การ์ดจึงตัดอวัยวะเพื่อวัดใจว่าไม่ทราบจริงๆใช่หรือไม่ ตอนนี้บอดี้การ์ดเอาผ้าพันแผลมัดหัวท่านประธานแล้วลากเก้าอี้ออกไปข้างนอก รวมกับทุกคน

     โทรศัพท์ท่านประธานมีโปรแกรมเฉพาะเพื่อติดต่อกับลัทธิ คล้ายๆแอพ Mine ที่คนปกติใช้คุยแชทกันโต้ตอบไปมา แต่เป็นแอพของลัทธินี้สามารถติดต่อได้เพียงจากฝั่งเจ้าลัทธิเพียงฝั่งเดียวมากกว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้เจ้าลัทธิสามารถติดต่อได้รวดเร็วและไม่มีข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องของคนอื่นมาเด้งแทรก หากประธานแต่ละสาขาอยากจะติดต่อไปก็ต้องจดหมายไปหาซึ่งเป็นไอคอนที่อยู่ภายในแอพนั่นแหละ อยู่ในหมวดเมนูของแอพซึ่งส่งไปแล้วเจ้าลัทธิจะอ่านหรือไม่ จะตอบกลับหรือไม่ก็อยู่ในดุลยพินิจของเจ้าลัทธิทั้งสิ้น สาเหตุที่ต้องทำให้ติดต่อได้ล่าช้าเช่นนี้ เพราะอยากให้สาวกคิดก่อนที่จะติดต่อกับเจ้าลัทธิ ดังนั้นเรื่องที่ติดต่อไปจึงมีเพียงเรื่องที่สำคัญเท่านั้น ภายในแอพมีข้อมูลเกี่ยวกับคำสอน ความเชื่อ คำบิดเบือนต่างๆมากมาย และรายละเอียดของพิธีในครั้งถัดไป ดาวห้าแฉกเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของซาตาน การรวบรวมคนให้ได้ห้าคนจึงเป็นภารกิจแรกของลัทธิ ในกล่องจดหมายที่ส่งออกมีข้อความที่ประธานส่งไปว่า "ประเทศไทยเจอเด็กที่เหมาะสมหนึ่งคนแล้ว ซึ่งตอนนี้เธอสามารถจับตัวมาได้แล้ว" ทำให้เจ้าลัทธิส่งคำชื่นชมและยกย่องมาหาเธอเต็มไปหมด คำชื่นชมนี้ทุกคนสามารถเห็นได้ที่หน้าหลักของแอพ คำยกย่องนั้นสละสลวยเสียจนผู้นำลัทธิในประเทศอื่นๆได้อ่านก็ต้องอิจฉาเธอ มันช่างเป็นแอพที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย มันมีแต่คำชมเชย คำสอน และคำล้างสมองน่าสะอิดสะเอียนเต็มไปหมด แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าเด็กทุกคนยังปลอดภัยดี

     05.05 นาฬิกา มินามิจังมาหาสุริยันที่โกดัง

สุริยัน         :      อ้าว! เด็กละ

มินามิจัง     :      พักอยู่ที่โกดังอีกแห่ง ทำสำนักงานเก่าให้เป็นห้องพัก ไม่ต้องกังวล น้องเค้าเข้าใจว่าเรากำลังจะทำอะไร เค้ายินดีจะร่วมมือด้วย

สุริยัน         :      อ๋ออ ดีแล้วล่ะนะ สบายดีก็ดีแล้ว

มินามิจัง     :      แล้วเป็นยังไงบ้างเรื่องข้อมูล

สุริยัน         :      ได้มาเยอะพอสมควรเลยล่ะ แต่กังวลเกี่ยวกับแผนต่อไปนิดหน่อย

มินามิจัง     :      หืม! ทำไมหรอ

สุริยัน         :      สถานการณ์ตอนนี้เนี่ย เรามีสองทางเลือก คือ หนึ่ง ส่งข้อมูลและหลักฐานต่างให้เจ้าหน้าที่แต่ละประเทศช่วยกันสืบหาและจับกุมสาวกของลัทธิทั้งหมด ผลดีคือลัทธินี้จะหายไปจากสารระบบของโลกอย่างถาวร แต่ข้อเสียคือ การกระทำของเราจะไปต้อนให้ลัทธินี้จนมุม ซึ่งอาจจะทำให้เด็กๆที่ถูกลักพาตัวไปมีอันตรายได้ หรือสองเปิดโปงและทำให้ทุกคนในลัทธิหวาดกลัวเรา ซึ่งต้องกลัวแน่ๆเพราะลัทธิใช้เวลาวางแผนอยู่ปีนึงแต่ถูกสืบสาวข้อมูลทั้งหมดได้ภายใน 3 วันเท่านั้น พอฝ่ายนั้นกดดันมากๆก็จะปล่อยเด็กๆทุกคน ข้อดีคือเราจะได้ตัวเด็กที่ถูกลักพาตัวไปแบบปลอดภัยทุกคน แต่ข้อเสียคือคนในลัทธิอาจจะหายเข้ากลีบเมฆไปเลยก็ได้ มินามิจังเธอคิดว่าไง จะเอาวิธีแรกหรือวิธีหลัง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา