this is my hero นายนั่นแหละคือฮีโร่
-
เขียนโดย smlieofsummer
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.47 น.
4 chapter
0 วิจารณ์
5,531 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2561 18.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Chapter 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความNo you don't know what it's like When nothing feels alright You don't know what it's like to be like me
welcome to my life - simple plan
เขาเดินตรงเข้าไปยืนข้างๆของพ่อฉันโดยที่ไม่หันมามองที่ฉันเลยแม้แต่นิดเดียว หมอนี่เนี่ยนะที่จะต้องมาดูแลฉันคอยห้ามไม่ให้ฉันสร้างปัญหา พ่อกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ฉันอายุ18 ไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยงเหมือนเด็กอายุ3ขวบสะหน่อย ที่มากไปกว่านั้นคือพ่อให้คนที่ละลาบละล้วงฉันเมื่อเช้ามาคอยดูแล และคือคนดียวกันกับที่ฉันเพิ่งจะตบหน้าไปเมื่อเช้านี้ นี่แสดงว่าพ่อให้หมอนี่สะกดรอยตามฉันตลอดเลยงั้นหรอ ฉันจ้องมองไปที่หน้าเขาก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“พ่อให้เขาสะกดรอยตามหนูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ฉันไม่ได้ให้เค้าสะกดรอยตามแก ฉันให้เขาคอยดูแลแก” ผิดกับน้ำเสียงของพ่อที่ฟังดูปกติ ผ่อนคลายลงมาจากตอนแรกที่เกือบจะเถียงกัน
“นี่มันจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ หนูไม่ใช่เด็กอายุสามขวบที่ต้องคอยให้พี่เลี้ยงคอยตามติดไปทุกที่”
“โอ้ ฉันว่าอย่างแกเนี่ยจำเป็นต้องมีเลยล่ะ เอ้าทำความรู้จักกันไว้สะสิ นี่ไมเคิล ไมเคิลนี่อลิสลูกสาวฉันเอง” ไมเคิลเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีสุภาพผิดจากเหตุการณ์ในโรงแรมเมื่อเช้านี้อย่างสิ้นเชิง
เขาหยุดตรงหน้าฉัน เราสองคนจ้องหน้ากันและกันเหมือนกับพยายามจะเล่นเกมใครกระพริบตาก่อนคนนั้นจะแพ้ แต่ก็คงเป็นฉันที่แพ้เพราะฉันหลบตาเขาและถอนหายใจออกแรงๆด้วยความรำคาญ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณอลิส”
“อย่าทำเป็นเสแสร้งไปหน่อยเลย เราเพิ่งเจอกันเมื่อเช้านี้”
“ถือสะว่านี่เป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแล้วกันนะครับ หึหึ” ไมเคิลหัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างมีเลศนัย ฉันเกลียดรอยยิ้มนั่น เกลียดสายตาที่เขามองมาที่สุดเลยให้ตายเถอะ เหมือนกับว่าฉันจะไม่มีวันอ่านใจเขาได้เลย ขณะที่เขารู้หมดว่าฉันคิดอะไรอยู่
ไมเคิลยื่นมือมารอให้ฉันเช็คแฮนด์ตอบ
แต่ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นได้แต่จ้องหน้าเขาด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดขีด หมอนี่มันจะยั่วอารมณ์ฉันได้ตลอดเวลาเลยรึไง
แต่ไมเคิลก็ยังคงค้างมือรอจับมือฉันอยู่อย่างนั้นโดยที่พ่อก็จ้องมองมาที่เราสองคน ท้ายที่สุดฉันก็ต้องเป็นฝ่ายที่เอามือไปปัดมือเขาออกและเดินออกจากห้องทำงานของพ่อไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองเขาอีก
ฉันขึ้นมาบนห้องนอนเปิดประตูพร้อมกับเดินเข้ามา มองไปรอบๆห้อง เตียงนอนเตียงใหญ่ผ้าปูสีขาวดูสะอาดตา โต๊ะอ่านหนังสือ ตู้เสื้อผ้า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดไว้ที่เดิมอย่างเป็นระเบียบ ยกเว้นตัวของฉันเองที่ไม่เหมือนเดิม ฉันเดินตรงไปที่ประตูกระจกอีกฝั่งของห้องนอน ด้านนอกมองออกไปจะตรงกับสระว่ายน้ำพอดี เป็นจุดที่เงียบและสบายตาที่สุด ฉันเอนตัวลงบนโซฟายาวมองไปข้างนอก ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นมุมตรงไหนของบ้าน คือที่ ที่ฉันและเดสม่อนเคยนั่งคุยหยอกล้อด้วยกันเสมอ เราเคยว่ายน้ำด้วยกันใต้แสงจันทร์ จัดปาร์ตี้สระว่ายน้ำที่บ้าน ทุกคนเคยสนุกสนาน มันเคยมีเสียงหัวเราะของทุกคนที่นี่
แต่แล้วมันก็จบลง เพราะตัวเขา
เขาจบมัน..จบทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมี
ไม่ว่าจะกับฉันและทุกๆคน
นายมันเห็นแก่ตัวเดสม่อน..
เช้าวันจันทร์มาฉันตื่นแต่เช้าลงมากินกาแฟที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ไปเดินเล่นรอบๆสนามหญ้าข้างบ้าน สูดอากาศบริสุทธิ์ แสงแดดอ่อนค่อยๆสาดส่องมาที่บริเวณสนามหญ้าทีละนิด พอใช้เวลากับตัวเองจนพอแล้วฉันก็ต้องเตรียมตัวกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอีกครั้งที่โรงเรียน ฉันเกลียดโรงเรียนที่ๆมีแต่คนคอยจับตาดูฉันทุกฝีก้าวคอยนินทาฉันตอนเวลาที่เดินผ่าน ทุกวันฉันถามตัวเองเสมอว่า 'อลิสเธอผ่านมันไปได้ยังไงกันกับเรื่องบ้าบอพวกนี้' คำตอบคือ ฉันหันหลังให้กับทุกอย่างที่เข้ามา ไม่ว่าใครจะพูดยังไงกับพฤติกรรมที่ฉันทำ กับสิ่งที่ฉันเป็น ฉันไม่เคยปฎิเสธมัน
'เธอควรไปเตรียมตัวได้แล้วนะ' ขณะที่ฉันกำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ เสียงทุ้มก็มาขัดจังหวะ
'ฉันรู้ดีว่าต้องทำอะไร หรือนายจะมาอาบน้ำแต่งตัวให้ฉันล่ะ'
'ฮ่าๆ เธอต้องการแบบนั้นหรออลิส' ไมเคิลพูดทีเล่นทีจริง ฉันรู้ว่าเขาต้องทำจริงแน่ถ้าฉันตอบตกลง
'หึ ฝันไปเถอะ' พูดจบฉันก็รีบเดินขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน
ไมเคิลเป็นคนขับรถมาส่งฉันที่โรงเรียน ระหว่างทางก็มีบางครั้งที่สายตาของฉันไม่รักดีคอยแอบมองเขาเป็นระยะๆ ในชุดสูทและแว่นกันแดดสีดำนั่นทำให้ฉันรู้สึกตลกและใจเต้นในเวลาเดียวกัน นายหลุดออกมาจากหนังฮอลลีวูดหรือไงกันนะ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าสูทสีดำมันช่างเหมาะกับเขาเหลือเกิน ไมเคิลกับฉันไม่คุยกันเลยตลอดทางจนถึงโรงเรียน มีแค่ตอนก่อนที่ฉันจะลงจากรถเขาหันหน้ามาพูดกับฉันว่า
'หลังเลิกเรียนฉันจะมารับเธอที่นี่ เหมือนเดิมและช่วยตรงต่อเวลาด้วยถ้า ฉันไม่เห็นเธอที่นี่ละก็..'
'แล้วไง นายจะทำอะไรงั้นหรอ' ฉันพูดอย่างไม่แยแส เพราะถ้าในฐานะคนขับรถของฉันไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหนเขาก็ต้องตามไปรับฉันที่นั่น ไม่มีการต่อรองอะไรทั้งสิ้น ฉันไม่รอให้เขาพูดต่อรีบกระโดดลงจากรถปิดประตูใส่ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดจาไร้สาระทันที
ช่วงพักกลางวันฉันและเพื่อนๆมักจะมานั่งกันที่ม้าหิน smoking area ของทางโรงเรียนจัดเอาไว้ให้โดยเฉพาะ ฉัน
คริสโตเฟอร์ นีน่าและอแมนด้า อันที่จริงมันเคยมีเดสม่อนด้วย ระหว่างนี้ นีน่ากำลังนั่งเล่นแมคบุ้คเลื่อนหางานอีเว้นต์ปาร์ตี้เพื่อที่จะเข้าไปจอย ส่วนอแมนด้าก็กำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับกิ๊กใหม่ของเธอที่เพิ่งได้มาจากงานปาร์ตี้ครั้งล่าสุดที่ฉันเพิ่งไปด้วยมา ผิดกับคริสที่กำลังคาบบุหรี่ มือทั้งสองข้างแตะหน้าจอไอโฟนอย่างใจจดใจจ่อ
'นายทำอะไรน่ะ'
'ตกปลามั้งถามได้ ก็เห็นๆกันอยู่' ด้วยความที่ฉันหมันไส้เลยแกล้งเอามือไปขยี้ผมบลอนด์สีน้ำตาลที่เซ็ตมาอย่างดีให้เสียทรงสะเลย
'นี่แน่ะ!'
'โว้ว อลิสยัยบ้าเห็นมั้ยฉันแพ้เลยเนี่ย!!' คริสพูดอย่างเซงๆก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไปที่อื่น ฉันรู้ว่าหมอนี่กำลังงอนที่ถูกทำให้แพ้เกมส์ครั้งนี้จึงรีบเดินตามไปง้อทันทีอย่างไม่ลังเล
หมับ!
ฉันเอื้อมมือไปจับแขนคริสโตเฟอร์เอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินไปไกลกว่านี้
'คริส ฉันก็แค่หยอกเล่นเองน่า ทำไมนายทำตัวเหมือนเด็กอย่างนี้นะ'
คริสหยุดเดินหันหลังมามองพร้อมกับยิ้มและหลุดหัวเราะออกมาอย่างดัง
'ฮ่าๆ ฉันว่าล่ะว่าเธอต้องเชื่อมุกเดิมๆของฉันตลอด' ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแต่มองหน้าคริสสักพัก ผมบลอนด์สีน้ำตาลกับแววตาที่แสนขี้เล่นคู่นี้ทำให้ฉันใจอ่อนกับหมอนี่ตลอด โดยที่ไม่ทันรู้ตัวตอนนี้ฉันก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของคริสจากด้านหลังสะแล้ว
'รู้ปะจุดอ่อนของเธอก็คือตอนเธอเหม่อนี่ล่ะ ฮ่าๆ'
'อย่าตลกหน่อยเลยน่าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้'
'ไม่ จนกว่าเธอจะตกลงไปคอนโดฉันคืนนี้'
'ไอบ้าเอ้ย เออ ตกลง ปล่อยฉันสะที' ฉันผละตัวออกจากวงแขนของคริสโตเฟอร์
ฉันไม่ได้ไปรอไมเคิลตามนัดที่เขาบอกเอาไว้ หลังเลิกเรียนฉันและเพื่อนๆเราออกไปหาอะไรกินกันแถวสุขุมวิท15พวกเราสี่คนเดินเข้าไปที่ร้านกาแฟติดกับถนน เสียงพนักงานกล่าวคำทักทายเมื่อนีน่าผลักประตู พวกเราเป็นลูกค้าประจำของร้านกาแฟที่นี่ สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของร้าน คือ เบเกิล ไม่รู้สินะฉันแค่รู้สึกว่าในร้านกาแฟแถวนี้หรือร้านค้าทั่วไปมักไม่ค่อยทำมันออกมาขาย ที่นี่จึงกลายเป็นที่นั่งชิลหลังเลิกเรียนของพวกเราไปโดยปริยาย เราเลือกที่นั่งด้านนอกร้านเพราะถ้าจะให้เลือกข้างในคงไม่เหมาะหากจะสูบบุหรี่ ระหว่างที่ฉันนั่งจิบอเมริกาโน่ร้อนกับเบเกิล นีน่าก็เปิดประเด็น
'ฉันกำลังคิดว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาหลังจบไฮสคูลนะ พวกเธอว่าไง'
'ฉันจะไปอังกฤษ อเมริกาคงไม่เหมาะกับคนเรื่องมากแบบฉันหรอก' อแมนด้าพูดพลางใช่มีดตัดเบเกิ้ลเป็นชิ้นพอดีคำ
'แล้วพวกเธอสองคนล่ะ ว่าไงคริส อลิส?'
'ไม่รู้แฮะ ยังไม่ได้คิดไว้ คงอเมริกาเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่ที่บอสตัน อยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิดจนย้ายมาที่นี่ถ้าให้กลับไปอยู่อีกฉันคงเบื่อเหมือนกัน' คริสพูด
'เธอล่ะ อลิส ไม่คิดจะบอกพวกเราหน่อยหรอไง' นีน่ายังคงคาดคั้นให้ฉันตอบ
'พวกเธอก็รู้ว่าพ่อไม่อนุญาติให้ฉันไป'เมกามันเป็นข้อห้ามเด็ดขาด'
'ไม่เอาน่า ที่อื่นก็มีเธออยากจะอยู่ที่นี่กับพ่อหรือไง' อแมนด้าเสริม
'อืม หลังเรียนจบฉันคงอยู่ว่างๆสักพักแล้วค่อยคิดเรื่องเรียนต่อ ที่จริงฉันยังไม่ได้แพลนอะไรไว้เลยด้วยซ้ำ'
'ฟังนะอลิส ฉันรู้ว่าเธอคงเศร้ากับเรื่องเดสม่อนอยู่นี่มันก็จะสองปีเข้าไปแล้ว สิ่งที่เธอควรทำคือลืมหมอนั่นไปซะแล้วเริ่มต้นใหม่เสียที'
'เธอก็พูดง่ายเพราะมันไม่เธอที่โดนกระทำไงนีน่า'
'พวกเราสามคนพร้อมที่จะอยู่ข้างเธอเสมอ เธอไม่รู้เหรอว่าพวกเราชวนเธอไปปาร์ตี้เพราะอะไร ชวนเธอมานั่งกินกาแฟด้วยกัน ชอปปิ้ง ทั้งหมดที่เราทำก็เพื่อให้เธอกลับมาเป็นคนเดิม'
'นีน่าพูดถูกนะอลิส เธอควรจะทิ้งเรื่องเดสม่อนไปได้แล้วเริ่มต้นใหม่เถอะ เธอจะอยู่ด้วยความโศกเศร้าไปตลอดไม่ได้หรอกนะ'
'ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะ ก็ทั้งชีวิตฉันก็เจอแต่เรื่องเลวร้ายมาตลอดอยู่แล้ว' ฉันพูดจบ ทั้งนีน่าและอแมนด้าถอนหายใจไม่พูดอะไรต่อ ฉันยกกาแฟขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้เพื่อนทั้งสามอยู่กันตามลำพัง
ฉันเข้าใจว่าพวกเขาเป็นห่วงฉันแต่มันไม่ง่ายที่จะทำให้ฉันลืมเดสม่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยมีร่วมกัน เดสม่อนคือคนที่รู้ใจฉันมากที่สุด ทุกครั้งที่ฉันต้องเผชิญกับปัญหาน้อยใหญ่ เขาคือคนที่พร้อมจะรับฟังและอยู่กับฉันเสมอ ไม่ใช่ว่า เพื่อนคนอื่นไม่เข้าใจ แต่บางครั้งเราทุกคนต่างรู้ดีว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่เพื่อนควรรู้
welcome to my life - simple plan
เขาเดินตรงเข้าไปยืนข้างๆของพ่อฉันโดยที่ไม่หันมามองที่ฉันเลยแม้แต่นิดเดียว หมอนี่เนี่ยนะที่จะต้องมาดูแลฉันคอยห้ามไม่ให้ฉันสร้างปัญหา พ่อกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ฉันอายุ18 ไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยงเหมือนเด็กอายุ3ขวบสะหน่อย ที่มากไปกว่านั้นคือพ่อให้คนที่ละลาบละล้วงฉันเมื่อเช้ามาคอยดูแล และคือคนดียวกันกับที่ฉันเพิ่งจะตบหน้าไปเมื่อเช้านี้ นี่แสดงว่าพ่อให้หมอนี่สะกดรอยตามฉันตลอดเลยงั้นหรอ ฉันจ้องมองไปที่หน้าเขาก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“พ่อให้เขาสะกดรอยตามหนูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ฉันไม่ได้ให้เค้าสะกดรอยตามแก ฉันให้เขาคอยดูแลแก” ผิดกับน้ำเสียงของพ่อที่ฟังดูปกติ ผ่อนคลายลงมาจากตอนแรกที่เกือบจะเถียงกัน
“นี่มันจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ หนูไม่ใช่เด็กอายุสามขวบที่ต้องคอยให้พี่เลี้ยงคอยตามติดไปทุกที่”
“โอ้ ฉันว่าอย่างแกเนี่ยจำเป็นต้องมีเลยล่ะ เอ้าทำความรู้จักกันไว้สะสิ นี่ไมเคิล ไมเคิลนี่อลิสลูกสาวฉันเอง” ไมเคิลเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีสุภาพผิดจากเหตุการณ์ในโรงแรมเมื่อเช้านี้อย่างสิ้นเชิง
เขาหยุดตรงหน้าฉัน เราสองคนจ้องหน้ากันและกันเหมือนกับพยายามจะเล่นเกมใครกระพริบตาก่อนคนนั้นจะแพ้ แต่ก็คงเป็นฉันที่แพ้เพราะฉันหลบตาเขาและถอนหายใจออกแรงๆด้วยความรำคาญ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณอลิส”
“อย่าทำเป็นเสแสร้งไปหน่อยเลย เราเพิ่งเจอกันเมื่อเช้านี้”
“ถือสะว่านี่เป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแล้วกันนะครับ หึหึ” ไมเคิลหัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างมีเลศนัย ฉันเกลียดรอยยิ้มนั่น เกลียดสายตาที่เขามองมาที่สุดเลยให้ตายเถอะ เหมือนกับว่าฉันจะไม่มีวันอ่านใจเขาได้เลย ขณะที่เขารู้หมดว่าฉันคิดอะไรอยู่
ไมเคิลยื่นมือมารอให้ฉันเช็คแฮนด์ตอบ
แต่ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นได้แต่จ้องหน้าเขาด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดขีด หมอนี่มันจะยั่วอารมณ์ฉันได้ตลอดเวลาเลยรึไง
แต่ไมเคิลก็ยังคงค้างมือรอจับมือฉันอยู่อย่างนั้นโดยที่พ่อก็จ้องมองมาที่เราสองคน ท้ายที่สุดฉันก็ต้องเป็นฝ่ายที่เอามือไปปัดมือเขาออกและเดินออกจากห้องทำงานของพ่อไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองเขาอีก
ฉันขึ้นมาบนห้องนอนเปิดประตูพร้อมกับเดินเข้ามา มองไปรอบๆห้อง เตียงนอนเตียงใหญ่ผ้าปูสีขาวดูสะอาดตา โต๊ะอ่านหนังสือ ตู้เสื้อผ้า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดไว้ที่เดิมอย่างเป็นระเบียบ ยกเว้นตัวของฉันเองที่ไม่เหมือนเดิม ฉันเดินตรงไปที่ประตูกระจกอีกฝั่งของห้องนอน ด้านนอกมองออกไปจะตรงกับสระว่ายน้ำพอดี เป็นจุดที่เงียบและสบายตาที่สุด ฉันเอนตัวลงบนโซฟายาวมองไปข้างนอก ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นมุมตรงไหนของบ้าน คือที่ ที่ฉันและเดสม่อนเคยนั่งคุยหยอกล้อด้วยกันเสมอ เราเคยว่ายน้ำด้วยกันใต้แสงจันทร์ จัดปาร์ตี้สระว่ายน้ำที่บ้าน ทุกคนเคยสนุกสนาน มันเคยมีเสียงหัวเราะของทุกคนที่นี่
แต่แล้วมันก็จบลง เพราะตัวเขา
เขาจบมัน..จบทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมี
ไม่ว่าจะกับฉันและทุกๆคน
นายมันเห็นแก่ตัวเดสม่อน..
เช้าวันจันทร์มาฉันตื่นแต่เช้าลงมากินกาแฟที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ไปเดินเล่นรอบๆสนามหญ้าข้างบ้าน สูดอากาศบริสุทธิ์ แสงแดดอ่อนค่อยๆสาดส่องมาที่บริเวณสนามหญ้าทีละนิด พอใช้เวลากับตัวเองจนพอแล้วฉันก็ต้องเตรียมตัวกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอีกครั้งที่โรงเรียน ฉันเกลียดโรงเรียนที่ๆมีแต่คนคอยจับตาดูฉันทุกฝีก้าวคอยนินทาฉันตอนเวลาที่เดินผ่าน ทุกวันฉันถามตัวเองเสมอว่า 'อลิสเธอผ่านมันไปได้ยังไงกันกับเรื่องบ้าบอพวกนี้' คำตอบคือ ฉันหันหลังให้กับทุกอย่างที่เข้ามา ไม่ว่าใครจะพูดยังไงกับพฤติกรรมที่ฉันทำ กับสิ่งที่ฉันเป็น ฉันไม่เคยปฎิเสธมัน
'เธอควรไปเตรียมตัวได้แล้วนะ' ขณะที่ฉันกำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ เสียงทุ้มก็มาขัดจังหวะ
'ฉันรู้ดีว่าต้องทำอะไร หรือนายจะมาอาบน้ำแต่งตัวให้ฉันล่ะ'
'ฮ่าๆ เธอต้องการแบบนั้นหรออลิส' ไมเคิลพูดทีเล่นทีจริง ฉันรู้ว่าเขาต้องทำจริงแน่ถ้าฉันตอบตกลง
'หึ ฝันไปเถอะ' พูดจบฉันก็รีบเดินขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน
ไมเคิลเป็นคนขับรถมาส่งฉันที่โรงเรียน ระหว่างทางก็มีบางครั้งที่สายตาของฉันไม่รักดีคอยแอบมองเขาเป็นระยะๆ ในชุดสูทและแว่นกันแดดสีดำนั่นทำให้ฉันรู้สึกตลกและใจเต้นในเวลาเดียวกัน นายหลุดออกมาจากหนังฮอลลีวูดหรือไงกันนะ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าสูทสีดำมันช่างเหมาะกับเขาเหลือเกิน ไมเคิลกับฉันไม่คุยกันเลยตลอดทางจนถึงโรงเรียน มีแค่ตอนก่อนที่ฉันจะลงจากรถเขาหันหน้ามาพูดกับฉันว่า
'หลังเลิกเรียนฉันจะมารับเธอที่นี่ เหมือนเดิมและช่วยตรงต่อเวลาด้วยถ้า ฉันไม่เห็นเธอที่นี่ละก็..'
'แล้วไง นายจะทำอะไรงั้นหรอ' ฉันพูดอย่างไม่แยแส เพราะถ้าในฐานะคนขับรถของฉันไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหนเขาก็ต้องตามไปรับฉันที่นั่น ไม่มีการต่อรองอะไรทั้งสิ้น ฉันไม่รอให้เขาพูดต่อรีบกระโดดลงจากรถปิดประตูใส่ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดจาไร้สาระทันที
ช่วงพักกลางวันฉันและเพื่อนๆมักจะมานั่งกันที่ม้าหิน smoking area ของทางโรงเรียนจัดเอาไว้ให้โดยเฉพาะ ฉัน
คริสโตเฟอร์ นีน่าและอแมนด้า อันที่จริงมันเคยมีเดสม่อนด้วย ระหว่างนี้ นีน่ากำลังนั่งเล่นแมคบุ้คเลื่อนหางานอีเว้นต์ปาร์ตี้เพื่อที่จะเข้าไปจอย ส่วนอแมนด้าก็กำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับกิ๊กใหม่ของเธอที่เพิ่งได้มาจากงานปาร์ตี้ครั้งล่าสุดที่ฉันเพิ่งไปด้วยมา ผิดกับคริสที่กำลังคาบบุหรี่ มือทั้งสองข้างแตะหน้าจอไอโฟนอย่างใจจดใจจ่อ
'นายทำอะไรน่ะ'
'ตกปลามั้งถามได้ ก็เห็นๆกันอยู่' ด้วยความที่ฉันหมันไส้เลยแกล้งเอามือไปขยี้ผมบลอนด์สีน้ำตาลที่เซ็ตมาอย่างดีให้เสียทรงสะเลย
'นี่แน่ะ!'
'โว้ว อลิสยัยบ้าเห็นมั้ยฉันแพ้เลยเนี่ย!!' คริสพูดอย่างเซงๆก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไปที่อื่น ฉันรู้ว่าหมอนี่กำลังงอนที่ถูกทำให้แพ้เกมส์ครั้งนี้จึงรีบเดินตามไปง้อทันทีอย่างไม่ลังเล
หมับ!
ฉันเอื้อมมือไปจับแขนคริสโตเฟอร์เอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินไปไกลกว่านี้
'คริส ฉันก็แค่หยอกเล่นเองน่า ทำไมนายทำตัวเหมือนเด็กอย่างนี้นะ'
คริสหยุดเดินหันหลังมามองพร้อมกับยิ้มและหลุดหัวเราะออกมาอย่างดัง
'ฮ่าๆ ฉันว่าล่ะว่าเธอต้องเชื่อมุกเดิมๆของฉันตลอด' ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแต่มองหน้าคริสสักพัก ผมบลอนด์สีน้ำตาลกับแววตาที่แสนขี้เล่นคู่นี้ทำให้ฉันใจอ่อนกับหมอนี่ตลอด โดยที่ไม่ทันรู้ตัวตอนนี้ฉันก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของคริสจากด้านหลังสะแล้ว
'รู้ปะจุดอ่อนของเธอก็คือตอนเธอเหม่อนี่ล่ะ ฮ่าๆ'
'อย่าตลกหน่อยเลยน่าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้'
'ไม่ จนกว่าเธอจะตกลงไปคอนโดฉันคืนนี้'
'ไอบ้าเอ้ย เออ ตกลง ปล่อยฉันสะที' ฉันผละตัวออกจากวงแขนของคริสโตเฟอร์
ฉันไม่ได้ไปรอไมเคิลตามนัดที่เขาบอกเอาไว้ หลังเลิกเรียนฉันและเพื่อนๆเราออกไปหาอะไรกินกันแถวสุขุมวิท15พวกเราสี่คนเดินเข้าไปที่ร้านกาแฟติดกับถนน เสียงพนักงานกล่าวคำทักทายเมื่อนีน่าผลักประตู พวกเราเป็นลูกค้าประจำของร้านกาแฟที่นี่ สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของร้าน คือ เบเกิล ไม่รู้สินะฉันแค่รู้สึกว่าในร้านกาแฟแถวนี้หรือร้านค้าทั่วไปมักไม่ค่อยทำมันออกมาขาย ที่นี่จึงกลายเป็นที่นั่งชิลหลังเลิกเรียนของพวกเราไปโดยปริยาย เราเลือกที่นั่งด้านนอกร้านเพราะถ้าจะให้เลือกข้างในคงไม่เหมาะหากจะสูบบุหรี่ ระหว่างที่ฉันนั่งจิบอเมริกาโน่ร้อนกับเบเกิล นีน่าก็เปิดประเด็น
'ฉันกำลังคิดว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาหลังจบไฮสคูลนะ พวกเธอว่าไง'
'ฉันจะไปอังกฤษ อเมริกาคงไม่เหมาะกับคนเรื่องมากแบบฉันหรอก' อแมนด้าพูดพลางใช่มีดตัดเบเกิ้ลเป็นชิ้นพอดีคำ
'แล้วพวกเธอสองคนล่ะ ว่าไงคริส อลิส?'
'ไม่รู้แฮะ ยังไม่ได้คิดไว้ คงอเมริกาเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่ที่บอสตัน อยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิดจนย้ายมาที่นี่ถ้าให้กลับไปอยู่อีกฉันคงเบื่อเหมือนกัน' คริสพูด
'เธอล่ะ อลิส ไม่คิดจะบอกพวกเราหน่อยหรอไง' นีน่ายังคงคาดคั้นให้ฉันตอบ
'พวกเธอก็รู้ว่าพ่อไม่อนุญาติให้ฉันไป'เมกามันเป็นข้อห้ามเด็ดขาด'
'ไม่เอาน่า ที่อื่นก็มีเธออยากจะอยู่ที่นี่กับพ่อหรือไง' อแมนด้าเสริม
'อืม หลังเรียนจบฉันคงอยู่ว่างๆสักพักแล้วค่อยคิดเรื่องเรียนต่อ ที่จริงฉันยังไม่ได้แพลนอะไรไว้เลยด้วยซ้ำ'
'ฟังนะอลิส ฉันรู้ว่าเธอคงเศร้ากับเรื่องเดสม่อนอยู่นี่มันก็จะสองปีเข้าไปแล้ว สิ่งที่เธอควรทำคือลืมหมอนั่นไปซะแล้วเริ่มต้นใหม่เสียที'
'เธอก็พูดง่ายเพราะมันไม่เธอที่โดนกระทำไงนีน่า'
'พวกเราสามคนพร้อมที่จะอยู่ข้างเธอเสมอ เธอไม่รู้เหรอว่าพวกเราชวนเธอไปปาร์ตี้เพราะอะไร ชวนเธอมานั่งกินกาแฟด้วยกัน ชอปปิ้ง ทั้งหมดที่เราทำก็เพื่อให้เธอกลับมาเป็นคนเดิม'
'นีน่าพูดถูกนะอลิส เธอควรจะทิ้งเรื่องเดสม่อนไปได้แล้วเริ่มต้นใหม่เถอะ เธอจะอยู่ด้วยความโศกเศร้าไปตลอดไม่ได้หรอกนะ'
'ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะ ก็ทั้งชีวิตฉันก็เจอแต่เรื่องเลวร้ายมาตลอดอยู่แล้ว' ฉันพูดจบ ทั้งนีน่าและอแมนด้าถอนหายใจไม่พูดอะไรต่อ ฉันยกกาแฟขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้เพื่อนทั้งสามอยู่กันตามลำพัง
ฉันเข้าใจว่าพวกเขาเป็นห่วงฉันแต่มันไม่ง่ายที่จะทำให้ฉันลืมเดสม่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยมีร่วมกัน เดสม่อนคือคนที่รู้ใจฉันมากที่สุด ทุกครั้งที่ฉันต้องเผชิญกับปัญหาน้อยใหญ่ เขาคือคนที่พร้อมจะรับฟังและอยู่กับฉันเสมอ ไม่ใช่ว่า เพื่อนคนอื่นไม่เข้าใจ แต่บางครั้งเราทุกคนต่างรู้ดีว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่เพื่อนควรรู้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ