ความทรงจำของเวลา
-
เขียนโดย TsuKiTsuKi
วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
6,366 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561 22.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ์์?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่5 ?
เรร่ายังคงไม่ขยับไปไหน เธอยังคงยืนมองแม่ของเธอที่นั่งอยู่ น้ำเสียงใสสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวลใจ “แม่...พี่เขาจะเกลียดหนูไหมคะ?”สิ่งที่เรร่าหวาดกลัวคือการที่พี่ชายของเธอจะเกลียดเธอ และที่เลวร้ายที่สุด คือการที่พี่เธอจะเฉยชาใส่เธอ เพียงแค่คิดหยาดน้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็พรั่งพรูอีกครั้ง
คนที่เป็นเห็นน้ำตาของลูกก็เศร้าตาม แต่เรื่องของความรักมันบังคับกันไม่ได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าเรย์ลูกชายคนเธอจะทำใจได้ถึงอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยและโดยเนื้อแท้เรย์ไม่ใช่คนใจร้าย ยิ่งกับน้องสาวด้วยแล้ว
“เรย์นะ...ไม่เกลียดเราหรอก แรกๆพี่เขาอาจจะเสียใจ แต่เมื่อทำใจได้เดี๋ยวพี่เขาก็จะเหมือนเดิม ให้เวลาพี่เขา และจับมือเซย์เอาไว้ให้มั่น รักษาความรักของเรากับเซย์ให้ดี รักพี่เซย์ให้มากให้มากเพื่อพี่เรย์ด้วย อย่าปล่อยมือเซย์เพราะเรื่องนี้”คำพูดของคนเป็นแม่ทำให้เรร่าหลุดเสียงสะอื้นออกมา ไหล่เล็กสั่นเทาอย่างบังคัญไม่ได้
ซากุระ ลุกจากเก้าอี้ ผ้าเช็ดหน้าสีม่วงดำซับลงบนหน้าขาวซีดอย่างนุ่มนวล แววตาคนเป็นแม่อ่อนโยนยามเอ่ยปลอบใจ รอยยิ้มที่ติดตรึงบนใบหน้าคนเป็นแม่ทำให้เรร่าถึงกับนิ่งค้างแทบจะหยุดลมหายใจของเรร่า ทั้งที่ยังคงเศร้าแต่ความงดงามของแม่กับทำทุกอย่างให้หยุดชะงัก“ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ พี่เรย์ไม่ผิด เราก็ไม่ผิด เซย์ก็ไม่ผิด ไม่มีใครผิด มีแค่รักแลไม่รัก พี่เซย์กับเราก็รักกัน ในเมื่อใจตรงกัน รักกันก็คบกันก็ถูกแล้ว เป็นเราที่คบพี่เซย์ก็ดีแล้ว อย่าให้พี่เราอกหักเพราะมีคนอื่นเอาพี่เซย์ไปเลย อย่างน้อยที่สุด เซย์ก็ยังอยู่ในวงโคจรรอบตัวพี่เรา แม้จะเจ็บแต่พี่เรย์ก็ยังได้อยู่ใกล้กับเซย์” ซากุระเช็ดหน้าให้ลูกไปก็พูดไป
“เอาล่ะ แม่ว่าลูกไปหาพี่เซย์หรือไม่ก็ชวนพี่เซย์มาหาลูก แล้วพูดคุยกันจะดีกว่าไหม คนรักกันควรจะพูดคุยกันหากมีเรื่องที่ไม่สบายใจ”ซากุระเพียงอยากให้ลูกคุยเรื่องนี้กับเซย์ ซากุระมั่นใจว่าเซย์จะทำให้เรร่าสบายใจได้
เรย์ชูยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วจนแสงสีทองของพระอาทิตย์เริ่มจาง สีสันท้องฟ้ายามเย็นต่างๆเริ่มหาย รัตติกาลค่อยๆกลืนกินท้องฟ้าจนมืดมิดไร้ซึ่งของพระอาทิตย์ แต่ก็ยังมี แสงดาว และพระจันทร์ทำให้ท้องฟ้าไม่มืดมากนัก แต่ความเงียบเกินไปทำให้เรย์ชูได้ยินเสียงของคลื่นของท้องทะเลที่เขาไม่ชอบ และป่านี่ก็เงียบเกินไปไม่มีเสียงสัตว์ใดเลย แต่เรย์ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆเพราะที่ที่เขาอยู่คือที่ที่ใครๆก็ไม่อยากเข้ามาแต่ถ้าจะถามว่าทำไม...เขาก็ไม่รู้..ไม่รู้ชัดเจน เพราะเรื่องที่ได้ยินมาก็ไม่รู้จะจริงเท็จแค่ไหน และเขาก็ไม่สนในด้วย ถึงพ่อแม่จะบอกว่าอันตรายแต่เรย์ชูก็ไม่เห็นว่าเขตแดนระหว่างโลกเวทย์มนตร์ โลกภูตผี และโลกปีศาจของแม่เขามาบรรจบกันจะมีอะไร ที่นี่เงียบสงบและสร้างพลังในการใช้ชีวิตให้กับเรย์ชู
ที่ที่เรย์ชูอยู่ไม่ว่าจะคนในโลกเวทย์มนตร์ เหล่าอสูรกายในโลกภูตผี หรือจะโลกปีศาจต่างก็หวาดกลัวไม่กล้าที่จะเข้ามาที่นี่ เพราะถือเป็นการลู่เกรียติของเจ้าของเดิมที่นี่ที่ถึงแม้จะจากไปแล้ว ที่นี่คือส่วนที่เป็นส่วนบรรจบของโลกทั้งสามและยังเป็นส่วนที่อยู่ลึกที่สุด ทั้งเป็นสิ่งลึกลับเพราะไม่มีผู้ใดกล้าก้าวเข้ามาและยังมีตำนานกล่าวถึงที่นี่ว่าเป็นที่ของราชาแห่งความมืดคนแรกและคนเดียว ใครที่เข้ามาโดยพลการมันจะถูกความมืดมิดเล่นงานและจะถูกความมืดผู้ปกป้องเจ้าแห่งความมืดผู้ล่วงลับสาบ
ในประวัติศาสตร์ที่ค้นพบมีการบันทึกเรื่องของที่แห่งนี้ที่ถูกเรียกว่าบ้านของราชาแห่งความมืด ได้กล่าวไว้ว่ามีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะได้รับคำสาบหรือถูกพวกอสูรกายทำร้ายจากการย่างกายเข้าไปในที่ของราชาแห่งความมืดโดยที่ไม่รับอนุญาต คนเหล่านั้นได้ตายอย่างช้าๆช้าด้วยความทรมาน คนเพียงคนเดียวที่สามารถเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตและปลอดภัยออกไปมีเพียงคนเดียว คนนั้นคือจักรพรรดิแห่งแสงคนแรกและคนเดียว จักรพรรดิแห่งแสงแรกเริ่มก็คือราชาแสงสว่างแต่หลังจากที่จัดการสังหารราชาแห่งความมืดได้ทุกคนก็เริ่มเรียกเขาว่าจักรพรรดิแห่งแสง นี่คือสิ่งที่บันทึกได้บันทึกเอาไว้
ส่วนราชาความมืดนั้นในบันทึกได้กล่าวว่าเป็นชายไร้จิตใจ และเลือดเย็น และยังเข้าถึงได้ยากยิ่ง ราชาแห่งความมืดไม่เคยนับถือพ่อผู้ให้กำเนิดว่าเป็นพ่อ คนที่เขาให้ความสำคัญราวกับเป็นพ่อคือพี่ชายของแม่ที่คอยดูแลแม่กับเขาอย่างดี สำหรับราชาความมืดนั้นเขามองว่าพ่อเป็นคนที่ทำร้ายแม่ของเขาทั้งจิตใจและร่างกาย ยามแม่ของเขาเสียชีวิตคนเดียวที่ราชาความมืดเชื่อฟังก็มีแต่ลุงของเขา
นั้นคือเรื่องราวที่เรย์ชูและคนในโลกทั้งหลายต่างรับรู้ซึ้งไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เรย์ชูล้มตัวนอนลงบนพื้นหญ้า ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับความมืดเพียงไม่นานานักเรย์ชูก็เข้าสู่นิทรา ในความมืดมิดมีสายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองเรย์ชูอยู่นานแล้ว สายตาคู่นั้นมองด้วยเป็นสายตาที่เต็มปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ยามเมื่อร่างบางหลับไป คนที่แอบมองอยู่จึงเดินออกมานั่งมองคนที่หลับเข้าสู่นิทรา สายตาคู่นั้นมองสำรวจไปทั่วร่างโปร่งนิ้วยาวปัดผมที่ปรกหน้าทัดหูเรย์ชูให้ นิ้วยาวยังคาค้างอยู่ที่เส้นผมที่หัดเอาไว้ สายตายังคงจับจ้องใบหน้าคนหลับ
“ดูแลให้ดี อย่าให้อสูรตนไหน ทำร้ายเขาที่เป็นดวงใจของฉัน” เสียงของชายปริศนาเอ่ยขึ้นมาลอยทั้งที่นอกจากตัวเขาและเรย์ชูที่นอนก็ไม่เห็นใคร
“แต่เด็กคนนี้มีกลิ่นไอเวทย์อันตราย....กลิ่นไอเวทย์ที่เหมือนกับ...”เสียงที่ดังออกจากความมืดพูดแค่นั้นก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความพิโรธของผู้เป็นนาย และแม้ผู้เป็นนายจะไม่แผ่แรงกดดันออกมา แต่แค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้เจ้าของเสียงพูดสำลักน้ำลายตัวเองจากความหวาดกลัว คุกเข่าหมอบไปกับพื้นดิน
และราวกับผู้เป็นนายจะรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของอสูรที่อยู่ใต้อาณัตจึงได้เก็บแววตาและควบคุมเสียงตัวเองให้นิ่งเฉย “หากมีอะไรก็ให้ไปติดต่อเขาทั้งสอง พวกนายรู้กันดีว่าเขาอยู่ที่ใด อย่าลืม ดูแลหัวใจฉันให้ดี อย่าให้สิ่งใดมาทำร้ายแม้แต่เพียงปลายผมฉันก็ไม่ยินยอม”ถึงน้ำเสียงจะนิ่งเฉยราวกับมหาสุมทรที่เฉยเมยไร้แม้แต่คลื่นลม แต่ก็ทำให้ร่างที่คุกเข่าแฝงตัวเองในความมืดนั้นแทบอยากจะหนีไปจากต้องนั้น แทบจะอยากทิ้งศักดิ์ศรีของการเป็นภูติอสูรชั้นสูงเสีย แต่ก็หวาดกลัวต่อผู้เป็นนายที่ห้วนกลับมา หากแต่ก่อนยิ่งหน้ากลัวแล้ว คราวนี้ยิ่งน่ากลัวนักกว่าเก่ายามได้รับรู้เรื่องของจักรพรรดิแห่งแสงหลักจากนายท่านแห่งความมืดล่วงลับไปท่านก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทำเอาทุกอย่างในบริเวณโดยท่านในรัศมีหนึ่งกิโมเมตรพังราบเป็นหน้ากอง แต่ก็ยังดีว่าเขาทั้งสองพูดให้นายท่านอารมณ์ดีขึ้น ไม่งั้นอสูรภูติ อสูรทั้งหลาย โลกแห่งอสูรนี้คงได้สาบสูญไปจากแผนที่อย่างแน่นอน
“ดูแลที่นี่ให้ดี อ๋อ..บอกให้เขาสองคนมาสร้างศาลากับลำธารตรงนี้ด้วย”ยามที่ผู้เป็นนายพูดให้สร้างศาลาและลำธารที่นี่ ผู้เป็นนายก็หยิบหยกสีเขียวเข้มที่ถูกแบ่งครึ่งออกมาด้านล่างของหยกที่ถูกแบ่งมีพู่รูปพระจันทร์กับผีเสื้อทำจากเงินพ่อมดครึ่งละอัน ครึ่งที่ถูกมอบให้เรย์ชูมีสีเงินยามที่ต้องแสงจะมีประกายสีชมพู อีกครึ่งยามต้องแสงจะมีประกายสีม่วง
อสูรกายที่เห็นผู้เป็นนายเอาหยกอีกครึ่งให้กับร่างที่นอนอยู่ก็ตกตะลึง ถึงกับเผลอหลุดปาก”นายท่าน..นั้นมันของสำคัญของนายท่าน” เสียงของอสูรกายทำให้ผู้เป็นนายหันไปมองแล้วส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะเอาหยกพู่เงินใส่กระเป๋ากางเกงของคนทีนอน แล้วเก็บอีกครึ่งใส่กระเป๋าตัวเอง
“ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอยู่เลย”นายอสูรกายผู้ไปก็จับมือเรย์ชูที่นอนไม่รู้เรื่องมากุมไว้
“หรือจะเอาปิ่นให้ดี แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ยาวพอจะปักปิ่นได้แล้วนี่”ปลายนิ้วยาวเกี่ยวพันผมนุ่มไว้ ก่อนก้มลงไปจูบผมที่พันมืออยู่ ผู้เป็นนายของอสูรไม่ได้คำนึงคิดถึงหากว่าเรย์ชูตื่นมาเจอเขาในตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขากับเรย์ชูก็ไม่ได้รู้จักกัน ถึงรู้จักกันแต่มาจูบผมกันแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ ทั้งยังจะหยกพู่เงินที่เขาให้ไปอีก นายอสุรยังคงพูดกับเรย์ชูที่หลับราวกับเรย์ชูจะรับรู้ แต่เรย์ชูก็ไม่ได้รู้เรื่องยังคงหายใจอย่างสม่ำเสมอเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเรย์ชูยังหลับอยู่
“นายครับ...เช้าแล้วนะครับ” เสียงที่ดังจากความมืดพูดเตือนผู้เป็นนาย แต่เสียงนี้เป็นเสียงอสูรอีกตัวที่พูดขึ้นทามกลางความมืด
“อ่า..ที่นั้นเช้าแล้วสินะ มัวแต่คุยเพลินไปหน่อย แต่คิดว่าวันนี้ไม่สอบก็ไม่มีปัญหาอะไร ให้ใครสักคนไปเข้าเรียนแทนฉัน จดมาให้หมดว่าวันนี้สอนอะไร ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อ”ผู้เป็นนายตัดสินใจให้คนไปแทนเขา เพราะเขาอยากจะคุยกับคนที่หลับสนิทนี้
“ครับนาย”อสูรในเงามืดตอบรับแล้วหันไปมองคนที่นอนอยู่แล้วถอนหายใจให้กับผู้เป็นนาย ผู้เป็นนายไม่เคยขาดเรียนเพราะอยากเรียนให้จบเร็วๆ แต่เพราะเจอคนที่นอนถึงกับยอมที่จะโดดเรียนที่ไม่เคยทำ อสูรในเงามืดได้แต่คิด แต่ก็ต้องจำแลงกายเป็นนายท่านไปเรียน อสูรกายต่างมีระดับขั้น และพวกที่มีพลังสูงก็จะสามารถแปลงร่างเป็นคนได้โดยไม่ต้องใช้เวทย์หรือน้ำยาแบบพวกพ่อมดแม่มด อสูรกายไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ แต่มีผิวหนังทีทนต่อเวทย์มนตร์ทั้งยังสามารถแปลงร่างเพื่อหลอกล่อ มนุษย์ พ่อมด แม่มดมากินได้
แต่หลังจากที่นายท่านปรากฏตัว พวกชั้นสูงก็ไม่กินมนุษย์ กับ พ่อมดแม่มดมั่วซั่ว ผู้นำของเล่าอสูรกายจึงได้เจรจากับ โลกพ่อมด แม่มด โลกปีศาจให้ส่งพวกนักโทษประหารชีวิตมาเป็นอาหาร แลกกับการที่อสูรกายชั้นสูงจะไม่ลุกลานไปจับคนกินในโลกพวกนั้น แต่ก็ยังมีพวกปลายแถวและพวกที่ไม่เคยเจอนายท่านก่อการทำร้ายพวกพ่อมดแม่มดหรือมนุษย์ พวกนั้นก็จะอสูรลงโทษโดยการถูกจับมากินเสียเอง
หลังจากที่รับรู้ว่าอสูรกายจากไปแล้ว ผู้เป็นนายก็จ้องคนมองก่อนก้มลงไปใกล้ใบหู เสียงทุ่มนุ่มชวนฟังก็พูดเบาๆ “หยกนี่จะคุ้มครอง จากความมืดทั้งหลาย หากเวทย์มืดจะทำร้ายพู่เงินจะสะท้อนกลับ”หลังจากพูดจบก็ล้มตัวนอนตะแคงข้างหันหาคนที่นอนอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าที่ยังคงหลับพริ้ม แต่ชั่วพริบตาสายตานั้นก็เต็มไปด้วยความโกธรแต่แววตาก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเรย์ชูขยับเปลี่ยนอิริยาบถในการนอนจากนอนหงายเป็นนอนตะแคงใบหน้าทั้งสองต่างก็ห่างกันเพียงปลายจมูกแตะกัน รอยยิ้มบางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยแว่นหนา..
มือสมส่วนลูบใบแก้มนวล ปลายนิ้วปาดริมฝีปากนุ่มไปมาเบาๆ “จะไม่ยกให้ใครเด็ดขาด” น้ำเสียงนิ่งแต่มั่งคง หนักแน่นของผู้เป็นนายอสูร
ท้องฟ้าที่เริ่มสว่างกับมืดมิดลงอีกครั้ง ผสมกับลมที่เริ่มแรงขึ้นทำให้คนที่กำลังเฝ้ามองคนที่หลับลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องมองท้องฟ้า “ฝนจะตก...คงจะปล่อยให้นอนต่อไม่ได้แล้วสินะ...เสียดายจริงๆ”นายอสูรบ่นด้วยความเสียดายที่ธรรมชาติมาขัดการเฝ้าดูของเขา
ร่างหนาช้อนตัวอุ้มเรย์ชูด้วยท่าที่นิยมอุ้มผู้หญิงเข้าหอ เจ้านายอสูรจ้องมองใบหน้างามที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง แล้วถึงหายตัวมาที่บ้านของเรย์ชูแต่เป็นเพียงป่าข้างปราสาทแล้วเดินเข้ามาโดยอาศัยความมืดปิดบังตัวเองในการเข้ามาบ้านของเรย์ชู เจ้าอสูรวางเรย์ชูไว้บนเก้าอี้ในสวนดอกไม้ข้างปราสาทแล้วเร้นกายไปกับความมืดก่อนที่จะจากไปเจ้าแห่งอสูรได้ใช้อสูรรับใช้ทำเป็นจะโจมตีเพื่อล่อให้คนของที่นี่มาเจอเรย์ชู
“อืม”เรย์ชูงึมงำเสียงออกมา ตัวก็พลิกไปมาเมื่อตัวถูกพามานอนบนเตียงนอนโดยผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ได้รับการแจ้งจากภูติของตนว่าเจอเรย์ชูที่สวนข้างปราสาท ทั้งคู่จริงรีบลงมาก็เห็นเรย์ชูนอนหลับอยู่เก้าอี้ที่ซากุระดื่มชาวันนี้
“แปลก ทำไมเรย์ไม่ตื่น ทั้งที่เราพูดคุยกันแบบนี้แต่เรย์ก็ยังหลับเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย”สามีเอ่ยถามภรรยาที่กำลังห่มผ้าห่มให้ลูก
“ไม่ได้โดนเวทย์มนตร์ทำร้าย ไม่ได้โดยคำสาป.”หลังจากสังเกตด้วยสายตาและประเมินแล้ว นิ้วเรียวเล็กของซากุระจับไปที่ข้อมือของลูกชาย แล้วรีบปล่อย ร่างกายถอยออกด้วยความตกใจทำให้การทรงตัวไม่ดี..สีหน้าตกใจของภรรยาทำให้สามีรีบเข้ามาดู พร้อมประคองร่างบางของภรรยา
“เฮ้อ...น่าจะเวทย์ไม่พอค่ะ เป็นไปได้ว่าความเศร้าโศกของเรย์เรื่องเซย์จินกับเรร่าทำให้เรย์เสียใจมากร่างกายอาจจะเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้เวทย์ไม่พอเลยต้องพักเพื่อให้เวทย์ฟื้นคืนมา”ซากุระหันมาบอกสามีที่ประคองเธอไว้
“แล้วเมื่อกี้ที่เราตกใจถอยลนออกมา เป็นเพราะอะไร” สามีถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สีหน้ากับตึงเครียด ซึ่งสำหรับซากุระผู้เป็นภรรยาก็บอกได้ว่าสามีคงกลัวว่าจะมีอะไร เพราะปกติสามีของซากุระจะมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอด ซึ่งแตกต่างจากพี่ชายของสามีที่มักจะมีสีหน้านิ่งเฉย
“เรย์ดูดเวทย์ของฉันไป คุณก็รู้ว่าฉันพิเศษ ตอนท้องเรย์คุณก็รู้ว่าเรย์อ่อนแอต่อพลังสายมืด ขนาดแค่พี่อิจิเข้าใกล้ร่างกายเรย์ก็แสดงอาการต่อต้านออกมา” แต่เรย์ที่ยังเป็นเด็กทารกกับพยามเข้าใกล้พี่สาว ซากุระยังคงจำเวลาเหล่านั้นได้ดี ตอนที่ต้องวิ่งวุ่นเพราะลูกชายคนนี้ป่วยเพราะพลังที่มีพื้นฐานหรือมีไอมืดอยู่ในเวทย์
เวทย์มืดมีไม่คนมากนักที่จะมีพลังนี้ในประเทศแม่มดประเทศหนึ่งเต็มที่ก็ไม่เกิน100คน คนที่จะมีพลังนี้ได้จะมีมาแต่เกิด เพราะหากไปยุ่งกับเวทย์มืดโดยไม่ได้มีพลังด้านนี้ติดตัวมา หรือพยามจะใช้เวทย์มืด ก็จะโดนเวทย์มืดกัดกินและตายลง แต่หากรอดก็จะกลายเป็นคนไม่มีพลังเวทย์ และที่เลวร้ายก็อาจจะกลายเป็นอสูรกาย และผู้คนที่มีพลังด้านมืดติดตัวมาโดยมากมักจะเป็นตระกูลใหญ่ที่มีตระกูลประวัติยาวนาน หรือสืบเชื้อสายมาจากเจ้าที่เคยครองเขตแดนต่างๆของพ่อมดหรือแม่มดอย่างตระกูลพี่สาวที่รับเธอมาเลี้ยงตระกูลปู่ของพี่สาวมีพลังด้านมืดอยู่บ้างเพราะเป็นตระกูลเก่าแก่แต่ก็เพียงแค่เศษเสี้ยว แต่พลังด้านมืดจากคุณย่าที่เป็นธิดารัชทายาทของประเทศแม่มดประเทศหนึ่งกลับได้มาเต็มเปี่ยม แต่เพราะหนีมาแต่งงานกับคุณปู่เลยถูกถอดยศถอดตำแหน่ง
“หรือที่เวทย์ไม่พอเพราะเจ้าเรย์ไปอยู่ใกล้กับเวทย์มืดหรือเปล่า “คำพูดของคนเป็นพ่อ พูดออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่รู้สิ..คงต่อรอลูกตื่นขึ้นมา”ซากุระพูดกับสามีเสร็จก็หันไปมองลูกชายที่นอนหลับอย่างไม่รับรู้เรื่องใดๆ
“ผัวะ”เสียงประตูถูกเหวี่ยงเปิด ลูกสาวอีกคนของทั้งสองวิ่งเข้ามาในห้อง สามีภรรยาต่างมองหน้ากัน
“พี่เป็นไงบ้างค่ะ”น้ำเสียงร้อนรนกับใบหน้าหวานที่ขึ้นสีเพราะวิ่งมา
“หลับสนิท พ่อกับแม่จะไปนอนแล้ว..เราก็เถอะ..ไปนอนกับพ่อกับแม่ได้แล้วให้พี่ชายได้พักก่อน..พี่ชายเรามีอาการเวทย์ไม่พอต้องให้เขาได้พัก”คำพูดของแม่ทำให้คนเป็นน้องคอตกแล้วเดินออกไปด้วยความเศร้าด้วยคิดว่าสาเหตุเกิดจากตัวเธอและคนรัก
หยก
พู่ห้อยทำจากเงินของเรย์ชู กับ นายอสูร?
เรร่ายังคงไม่ขยับไปไหน เธอยังคงยืนมองแม่ของเธอที่นั่งอยู่ น้ำเสียงใสสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวลใจ “แม่...พี่เขาจะเกลียดหนูไหมคะ?”สิ่งที่เรร่าหวาดกลัวคือการที่พี่ชายของเธอจะเกลียดเธอ และที่เลวร้ายที่สุด คือการที่พี่เธอจะเฉยชาใส่เธอ เพียงแค่คิดหยาดน้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็พรั่งพรูอีกครั้ง
คนที่เป็นเห็นน้ำตาของลูกก็เศร้าตาม แต่เรื่องของความรักมันบังคับกันไม่ได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าเรย์ลูกชายคนเธอจะทำใจได้ถึงอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยและโดยเนื้อแท้เรย์ไม่ใช่คนใจร้าย ยิ่งกับน้องสาวด้วยแล้ว
“เรย์นะ...ไม่เกลียดเราหรอก แรกๆพี่เขาอาจจะเสียใจ แต่เมื่อทำใจได้เดี๋ยวพี่เขาก็จะเหมือนเดิม ให้เวลาพี่เขา และจับมือเซย์เอาไว้ให้มั่น รักษาความรักของเรากับเซย์ให้ดี รักพี่เซย์ให้มากให้มากเพื่อพี่เรย์ด้วย อย่าปล่อยมือเซย์เพราะเรื่องนี้”คำพูดของคนเป็นแม่ทำให้เรร่าหลุดเสียงสะอื้นออกมา ไหล่เล็กสั่นเทาอย่างบังคัญไม่ได้
ซากุระ ลุกจากเก้าอี้ ผ้าเช็ดหน้าสีม่วงดำซับลงบนหน้าขาวซีดอย่างนุ่มนวล แววตาคนเป็นแม่อ่อนโยนยามเอ่ยปลอบใจ รอยยิ้มที่ติดตรึงบนใบหน้าคนเป็นแม่ทำให้เรร่าถึงกับนิ่งค้างแทบจะหยุดลมหายใจของเรร่า ทั้งที่ยังคงเศร้าแต่ความงดงามของแม่กับทำทุกอย่างให้หยุดชะงัก“ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ พี่เรย์ไม่ผิด เราก็ไม่ผิด เซย์ก็ไม่ผิด ไม่มีใครผิด มีแค่รักแลไม่รัก พี่เซย์กับเราก็รักกัน ในเมื่อใจตรงกัน รักกันก็คบกันก็ถูกแล้ว เป็นเราที่คบพี่เซย์ก็ดีแล้ว อย่าให้พี่เราอกหักเพราะมีคนอื่นเอาพี่เซย์ไปเลย อย่างน้อยที่สุด เซย์ก็ยังอยู่ในวงโคจรรอบตัวพี่เรา แม้จะเจ็บแต่พี่เรย์ก็ยังได้อยู่ใกล้กับเซย์” ซากุระเช็ดหน้าให้ลูกไปก็พูดไป
“เอาล่ะ แม่ว่าลูกไปหาพี่เซย์หรือไม่ก็ชวนพี่เซย์มาหาลูก แล้วพูดคุยกันจะดีกว่าไหม คนรักกันควรจะพูดคุยกันหากมีเรื่องที่ไม่สบายใจ”ซากุระเพียงอยากให้ลูกคุยเรื่องนี้กับเซย์ ซากุระมั่นใจว่าเซย์จะทำให้เรร่าสบายใจได้
เรย์ชูยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วจนแสงสีทองของพระอาทิตย์เริ่มจาง สีสันท้องฟ้ายามเย็นต่างๆเริ่มหาย รัตติกาลค่อยๆกลืนกินท้องฟ้าจนมืดมิดไร้ซึ่งของพระอาทิตย์ แต่ก็ยังมี แสงดาว และพระจันทร์ทำให้ท้องฟ้าไม่มืดมากนัก แต่ความเงียบเกินไปทำให้เรย์ชูได้ยินเสียงของคลื่นของท้องทะเลที่เขาไม่ชอบ และป่านี่ก็เงียบเกินไปไม่มีเสียงสัตว์ใดเลย แต่เรย์ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆเพราะที่ที่เขาอยู่คือที่ที่ใครๆก็ไม่อยากเข้ามาแต่ถ้าจะถามว่าทำไม...เขาก็ไม่รู้..ไม่รู้ชัดเจน เพราะเรื่องที่ได้ยินมาก็ไม่รู้จะจริงเท็จแค่ไหน และเขาก็ไม่สนในด้วย ถึงพ่อแม่จะบอกว่าอันตรายแต่เรย์ชูก็ไม่เห็นว่าเขตแดนระหว่างโลกเวทย์มนตร์ โลกภูตผี และโลกปีศาจของแม่เขามาบรรจบกันจะมีอะไร ที่นี่เงียบสงบและสร้างพลังในการใช้ชีวิตให้กับเรย์ชู
ที่ที่เรย์ชูอยู่ไม่ว่าจะคนในโลกเวทย์มนตร์ เหล่าอสูรกายในโลกภูตผี หรือจะโลกปีศาจต่างก็หวาดกลัวไม่กล้าที่จะเข้ามาที่นี่ เพราะถือเป็นการลู่เกรียติของเจ้าของเดิมที่นี่ที่ถึงแม้จะจากไปแล้ว ที่นี่คือส่วนที่เป็นส่วนบรรจบของโลกทั้งสามและยังเป็นส่วนที่อยู่ลึกที่สุด ทั้งเป็นสิ่งลึกลับเพราะไม่มีผู้ใดกล้าก้าวเข้ามาและยังมีตำนานกล่าวถึงที่นี่ว่าเป็นที่ของราชาแห่งความมืดคนแรกและคนเดียว ใครที่เข้ามาโดยพลการมันจะถูกความมืดมิดเล่นงานและจะถูกความมืดผู้ปกป้องเจ้าแห่งความมืดผู้ล่วงลับสาบ
ในประวัติศาสตร์ที่ค้นพบมีการบันทึกเรื่องของที่แห่งนี้ที่ถูกเรียกว่าบ้านของราชาแห่งความมืด ได้กล่าวไว้ว่ามีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะได้รับคำสาบหรือถูกพวกอสูรกายทำร้ายจากการย่างกายเข้าไปในที่ของราชาแห่งความมืดโดยที่ไม่รับอนุญาต คนเหล่านั้นได้ตายอย่างช้าๆช้าด้วยความทรมาน คนเพียงคนเดียวที่สามารถเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตและปลอดภัยออกไปมีเพียงคนเดียว คนนั้นคือจักรพรรดิแห่งแสงคนแรกและคนเดียว จักรพรรดิแห่งแสงแรกเริ่มก็คือราชาแสงสว่างแต่หลังจากที่จัดการสังหารราชาแห่งความมืดได้ทุกคนก็เริ่มเรียกเขาว่าจักรพรรดิแห่งแสง นี่คือสิ่งที่บันทึกได้บันทึกเอาไว้
ส่วนราชาความมืดนั้นในบันทึกได้กล่าวว่าเป็นชายไร้จิตใจ และเลือดเย็น และยังเข้าถึงได้ยากยิ่ง ราชาแห่งความมืดไม่เคยนับถือพ่อผู้ให้กำเนิดว่าเป็นพ่อ คนที่เขาให้ความสำคัญราวกับเป็นพ่อคือพี่ชายของแม่ที่คอยดูแลแม่กับเขาอย่างดี สำหรับราชาความมืดนั้นเขามองว่าพ่อเป็นคนที่ทำร้ายแม่ของเขาทั้งจิตใจและร่างกาย ยามแม่ของเขาเสียชีวิตคนเดียวที่ราชาความมืดเชื่อฟังก็มีแต่ลุงของเขา
นั้นคือเรื่องราวที่เรย์ชูและคนในโลกทั้งหลายต่างรับรู้ซึ้งไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เรย์ชูล้มตัวนอนลงบนพื้นหญ้า ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับความมืดเพียงไม่นานานักเรย์ชูก็เข้าสู่นิทรา ในความมืดมิดมีสายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองเรย์ชูอยู่นานแล้ว สายตาคู่นั้นมองด้วยเป็นสายตาที่เต็มปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ยามเมื่อร่างบางหลับไป คนที่แอบมองอยู่จึงเดินออกมานั่งมองคนที่หลับเข้าสู่นิทรา สายตาคู่นั้นมองสำรวจไปทั่วร่างโปร่งนิ้วยาวปัดผมที่ปรกหน้าทัดหูเรย์ชูให้ นิ้วยาวยังคาค้างอยู่ที่เส้นผมที่หัดเอาไว้ สายตายังคงจับจ้องใบหน้าคนหลับ
“ดูแลให้ดี อย่าให้อสูรตนไหน ทำร้ายเขาที่เป็นดวงใจของฉัน” เสียงของชายปริศนาเอ่ยขึ้นมาลอยทั้งที่นอกจากตัวเขาและเรย์ชูที่นอนก็ไม่เห็นใคร
“แต่เด็กคนนี้มีกลิ่นไอเวทย์อันตราย....กลิ่นไอเวทย์ที่เหมือนกับ...”เสียงที่ดังออกจากความมืดพูดแค่นั้นก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความพิโรธของผู้เป็นนาย และแม้ผู้เป็นนายจะไม่แผ่แรงกดดันออกมา แต่แค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้เจ้าของเสียงพูดสำลักน้ำลายตัวเองจากความหวาดกลัว คุกเข่าหมอบไปกับพื้นดิน
และราวกับผู้เป็นนายจะรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของอสูรที่อยู่ใต้อาณัตจึงได้เก็บแววตาและควบคุมเสียงตัวเองให้นิ่งเฉย “หากมีอะไรก็ให้ไปติดต่อเขาทั้งสอง พวกนายรู้กันดีว่าเขาอยู่ที่ใด อย่าลืม ดูแลหัวใจฉันให้ดี อย่าให้สิ่งใดมาทำร้ายแม้แต่เพียงปลายผมฉันก็ไม่ยินยอม”ถึงน้ำเสียงจะนิ่งเฉยราวกับมหาสุมทรที่เฉยเมยไร้แม้แต่คลื่นลม แต่ก็ทำให้ร่างที่คุกเข่าแฝงตัวเองในความมืดนั้นแทบอยากจะหนีไปจากต้องนั้น แทบจะอยากทิ้งศักดิ์ศรีของการเป็นภูติอสูรชั้นสูงเสีย แต่ก็หวาดกลัวต่อผู้เป็นนายที่ห้วนกลับมา หากแต่ก่อนยิ่งหน้ากลัวแล้ว คราวนี้ยิ่งน่ากลัวนักกว่าเก่ายามได้รับรู้เรื่องของจักรพรรดิแห่งแสงหลักจากนายท่านแห่งความมืดล่วงลับไปท่านก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทำเอาทุกอย่างในบริเวณโดยท่านในรัศมีหนึ่งกิโมเมตรพังราบเป็นหน้ากอง แต่ก็ยังดีว่าเขาทั้งสองพูดให้นายท่านอารมณ์ดีขึ้น ไม่งั้นอสูรภูติ อสูรทั้งหลาย โลกแห่งอสูรนี้คงได้สาบสูญไปจากแผนที่อย่างแน่นอน
“ดูแลที่นี่ให้ดี อ๋อ..บอกให้เขาสองคนมาสร้างศาลากับลำธารตรงนี้ด้วย”ยามที่ผู้เป็นนายพูดให้สร้างศาลาและลำธารที่นี่ ผู้เป็นนายก็หยิบหยกสีเขียวเข้มที่ถูกแบ่งครึ่งออกมาด้านล่างของหยกที่ถูกแบ่งมีพู่รูปพระจันทร์กับผีเสื้อทำจากเงินพ่อมดครึ่งละอัน ครึ่งที่ถูกมอบให้เรย์ชูมีสีเงินยามที่ต้องแสงจะมีประกายสีชมพู อีกครึ่งยามต้องแสงจะมีประกายสีม่วง
อสูรกายที่เห็นผู้เป็นนายเอาหยกอีกครึ่งให้กับร่างที่นอนอยู่ก็ตกตะลึง ถึงกับเผลอหลุดปาก”นายท่าน..นั้นมันของสำคัญของนายท่าน” เสียงของอสูรกายทำให้ผู้เป็นนายหันไปมองแล้วส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะเอาหยกพู่เงินใส่กระเป๋ากางเกงของคนทีนอน แล้วเก็บอีกครึ่งใส่กระเป๋าตัวเอง
“ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอยู่เลย”นายอสูรกายผู้ไปก็จับมือเรย์ชูที่นอนไม่รู้เรื่องมากุมไว้
“หรือจะเอาปิ่นให้ดี แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ยาวพอจะปักปิ่นได้แล้วนี่”ปลายนิ้วยาวเกี่ยวพันผมนุ่มไว้ ก่อนก้มลงไปจูบผมที่พันมืออยู่ ผู้เป็นนายของอสูรไม่ได้คำนึงคิดถึงหากว่าเรย์ชูตื่นมาเจอเขาในตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขากับเรย์ชูก็ไม่ได้รู้จักกัน ถึงรู้จักกันแต่มาจูบผมกันแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ ทั้งยังจะหยกพู่เงินที่เขาให้ไปอีก นายอสุรยังคงพูดกับเรย์ชูที่หลับราวกับเรย์ชูจะรับรู้ แต่เรย์ชูก็ไม่ได้รู้เรื่องยังคงหายใจอย่างสม่ำเสมอเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเรย์ชูยังหลับอยู่
“นายครับ...เช้าแล้วนะครับ” เสียงที่ดังจากความมืดพูดเตือนผู้เป็นนาย แต่เสียงนี้เป็นเสียงอสูรอีกตัวที่พูดขึ้นทามกลางความมืด
“อ่า..ที่นั้นเช้าแล้วสินะ มัวแต่คุยเพลินไปหน่อย แต่คิดว่าวันนี้ไม่สอบก็ไม่มีปัญหาอะไร ให้ใครสักคนไปเข้าเรียนแทนฉัน จดมาให้หมดว่าวันนี้สอนอะไร ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อ”ผู้เป็นนายตัดสินใจให้คนไปแทนเขา เพราะเขาอยากจะคุยกับคนที่หลับสนิทนี้
“ครับนาย”อสูรในเงามืดตอบรับแล้วหันไปมองคนที่นอนอยู่แล้วถอนหายใจให้กับผู้เป็นนาย ผู้เป็นนายไม่เคยขาดเรียนเพราะอยากเรียนให้จบเร็วๆ แต่เพราะเจอคนที่นอนถึงกับยอมที่จะโดดเรียนที่ไม่เคยทำ อสูรในเงามืดได้แต่คิด แต่ก็ต้องจำแลงกายเป็นนายท่านไปเรียน อสูรกายต่างมีระดับขั้น และพวกที่มีพลังสูงก็จะสามารถแปลงร่างเป็นคนได้โดยไม่ต้องใช้เวทย์หรือน้ำยาแบบพวกพ่อมดแม่มด อสูรกายไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ แต่มีผิวหนังทีทนต่อเวทย์มนตร์ทั้งยังสามารถแปลงร่างเพื่อหลอกล่อ มนุษย์ พ่อมด แม่มดมากินได้
แต่หลังจากที่นายท่านปรากฏตัว พวกชั้นสูงก็ไม่กินมนุษย์ กับ พ่อมดแม่มดมั่วซั่ว ผู้นำของเล่าอสูรกายจึงได้เจรจากับ โลกพ่อมด แม่มด โลกปีศาจให้ส่งพวกนักโทษประหารชีวิตมาเป็นอาหาร แลกกับการที่อสูรกายชั้นสูงจะไม่ลุกลานไปจับคนกินในโลกพวกนั้น แต่ก็ยังมีพวกปลายแถวและพวกที่ไม่เคยเจอนายท่านก่อการทำร้ายพวกพ่อมดแม่มดหรือมนุษย์ พวกนั้นก็จะอสูรลงโทษโดยการถูกจับมากินเสียเอง
หลังจากที่รับรู้ว่าอสูรกายจากไปแล้ว ผู้เป็นนายก็จ้องคนมองก่อนก้มลงไปใกล้ใบหู เสียงทุ่มนุ่มชวนฟังก็พูดเบาๆ “หยกนี่จะคุ้มครอง จากความมืดทั้งหลาย หากเวทย์มืดจะทำร้ายพู่เงินจะสะท้อนกลับ”หลังจากพูดจบก็ล้มตัวนอนตะแคงข้างหันหาคนที่นอนอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าที่ยังคงหลับพริ้ม แต่ชั่วพริบตาสายตานั้นก็เต็มไปด้วยความโกธรแต่แววตาก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเรย์ชูขยับเปลี่ยนอิริยาบถในการนอนจากนอนหงายเป็นนอนตะแคงใบหน้าทั้งสองต่างก็ห่างกันเพียงปลายจมูกแตะกัน รอยยิ้มบางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยแว่นหนา..
มือสมส่วนลูบใบแก้มนวล ปลายนิ้วปาดริมฝีปากนุ่มไปมาเบาๆ “จะไม่ยกให้ใครเด็ดขาด” น้ำเสียงนิ่งแต่มั่งคง หนักแน่นของผู้เป็นนายอสูร
ท้องฟ้าที่เริ่มสว่างกับมืดมิดลงอีกครั้ง ผสมกับลมที่เริ่มแรงขึ้นทำให้คนที่กำลังเฝ้ามองคนที่หลับลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องมองท้องฟ้า “ฝนจะตก...คงจะปล่อยให้นอนต่อไม่ได้แล้วสินะ...เสียดายจริงๆ”นายอสูรบ่นด้วยความเสียดายที่ธรรมชาติมาขัดการเฝ้าดูของเขา
ร่างหนาช้อนตัวอุ้มเรย์ชูด้วยท่าที่นิยมอุ้มผู้หญิงเข้าหอ เจ้านายอสูรจ้องมองใบหน้างามที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง แล้วถึงหายตัวมาที่บ้านของเรย์ชูแต่เป็นเพียงป่าข้างปราสาทแล้วเดินเข้ามาโดยอาศัยความมืดปิดบังตัวเองในการเข้ามาบ้านของเรย์ชู เจ้าอสูรวางเรย์ชูไว้บนเก้าอี้ในสวนดอกไม้ข้างปราสาทแล้วเร้นกายไปกับความมืดก่อนที่จะจากไปเจ้าแห่งอสูรได้ใช้อสูรรับใช้ทำเป็นจะโจมตีเพื่อล่อให้คนของที่นี่มาเจอเรย์ชู
“อืม”เรย์ชูงึมงำเสียงออกมา ตัวก็พลิกไปมาเมื่อตัวถูกพามานอนบนเตียงนอนโดยผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ได้รับการแจ้งจากภูติของตนว่าเจอเรย์ชูที่สวนข้างปราสาท ทั้งคู่จริงรีบลงมาก็เห็นเรย์ชูนอนหลับอยู่เก้าอี้ที่ซากุระดื่มชาวันนี้
“แปลก ทำไมเรย์ไม่ตื่น ทั้งที่เราพูดคุยกันแบบนี้แต่เรย์ก็ยังหลับเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย”สามีเอ่ยถามภรรยาที่กำลังห่มผ้าห่มให้ลูก
“ไม่ได้โดนเวทย์มนตร์ทำร้าย ไม่ได้โดยคำสาป.”หลังจากสังเกตด้วยสายตาและประเมินแล้ว นิ้วเรียวเล็กของซากุระจับไปที่ข้อมือของลูกชาย แล้วรีบปล่อย ร่างกายถอยออกด้วยความตกใจทำให้การทรงตัวไม่ดี..สีหน้าตกใจของภรรยาทำให้สามีรีบเข้ามาดู พร้อมประคองร่างบางของภรรยา
“เฮ้อ...น่าจะเวทย์ไม่พอค่ะ เป็นไปได้ว่าความเศร้าโศกของเรย์เรื่องเซย์จินกับเรร่าทำให้เรย์เสียใจมากร่างกายอาจจะเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้เวทย์ไม่พอเลยต้องพักเพื่อให้เวทย์ฟื้นคืนมา”ซากุระหันมาบอกสามีที่ประคองเธอไว้
“แล้วเมื่อกี้ที่เราตกใจถอยลนออกมา เป็นเพราะอะไร” สามีถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สีหน้ากับตึงเครียด ซึ่งสำหรับซากุระผู้เป็นภรรยาก็บอกได้ว่าสามีคงกลัวว่าจะมีอะไร เพราะปกติสามีของซากุระจะมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอด ซึ่งแตกต่างจากพี่ชายของสามีที่มักจะมีสีหน้านิ่งเฉย
“เรย์ดูดเวทย์ของฉันไป คุณก็รู้ว่าฉันพิเศษ ตอนท้องเรย์คุณก็รู้ว่าเรย์อ่อนแอต่อพลังสายมืด ขนาดแค่พี่อิจิเข้าใกล้ร่างกายเรย์ก็แสดงอาการต่อต้านออกมา” แต่เรย์ที่ยังเป็นเด็กทารกกับพยามเข้าใกล้พี่สาว ซากุระยังคงจำเวลาเหล่านั้นได้ดี ตอนที่ต้องวิ่งวุ่นเพราะลูกชายคนนี้ป่วยเพราะพลังที่มีพื้นฐานหรือมีไอมืดอยู่ในเวทย์
เวทย์มืดมีไม่คนมากนักที่จะมีพลังนี้ในประเทศแม่มดประเทศหนึ่งเต็มที่ก็ไม่เกิน100คน คนที่จะมีพลังนี้ได้จะมีมาแต่เกิด เพราะหากไปยุ่งกับเวทย์มืดโดยไม่ได้มีพลังด้านนี้ติดตัวมา หรือพยามจะใช้เวทย์มืด ก็จะโดนเวทย์มืดกัดกินและตายลง แต่หากรอดก็จะกลายเป็นคนไม่มีพลังเวทย์ และที่เลวร้ายก็อาจจะกลายเป็นอสูรกาย และผู้คนที่มีพลังด้านมืดติดตัวมาโดยมากมักจะเป็นตระกูลใหญ่ที่มีตระกูลประวัติยาวนาน หรือสืบเชื้อสายมาจากเจ้าที่เคยครองเขตแดนต่างๆของพ่อมดหรือแม่มดอย่างตระกูลพี่สาวที่รับเธอมาเลี้ยงตระกูลปู่ของพี่สาวมีพลังด้านมืดอยู่บ้างเพราะเป็นตระกูลเก่าแก่แต่ก็เพียงแค่เศษเสี้ยว แต่พลังด้านมืดจากคุณย่าที่เป็นธิดารัชทายาทของประเทศแม่มดประเทศหนึ่งกลับได้มาเต็มเปี่ยม แต่เพราะหนีมาแต่งงานกับคุณปู่เลยถูกถอดยศถอดตำแหน่ง
“หรือที่เวทย์ไม่พอเพราะเจ้าเรย์ไปอยู่ใกล้กับเวทย์มืดหรือเปล่า “คำพูดของคนเป็นพ่อ พูดออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่รู้สิ..คงต่อรอลูกตื่นขึ้นมา”ซากุระพูดกับสามีเสร็จก็หันไปมองลูกชายที่นอนหลับอย่างไม่รับรู้เรื่องใดๆ
“ผัวะ”เสียงประตูถูกเหวี่ยงเปิด ลูกสาวอีกคนของทั้งสองวิ่งเข้ามาในห้อง สามีภรรยาต่างมองหน้ากัน
“พี่เป็นไงบ้างค่ะ”น้ำเสียงร้อนรนกับใบหน้าหวานที่ขึ้นสีเพราะวิ่งมา
“หลับสนิท พ่อกับแม่จะไปนอนแล้ว..เราก็เถอะ..ไปนอนกับพ่อกับแม่ได้แล้วให้พี่ชายได้พักก่อน..พี่ชายเรามีอาการเวทย์ไม่พอต้องให้เขาได้พัก”คำพูดของแม่ทำให้คนเป็นน้องคอตกแล้วเดินออกไปด้วยความเศร้าด้วยคิดว่าสาเหตุเกิดจากตัวเธอและคนรัก
หยก
พู่ห้อยทำจากเงินของเรย์ชู กับ นายอสูร?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ