ความทรงจำของเวลา

-

เขียนโดย TsuKiTsuKi

วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,390 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561 22.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 1 บทที่หนึ่ง เรเคตสึ ไฮเนะ(เรย์ชู)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่หนึ่ง  เรเคตสึ ไฮเนะ(เรย์ชู)

 

เรเคตสึ ไฮเนะ ชายผู้มีรูปร่างสูงโปร่งกับผมสีสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ผู้รับตำแหน่งผู้คุมกฎของโรงเรียนกำลังถูกน้องสาวคนสวยผู้ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงของซีบิลและอีกหลากหลายฉายาที่เด็กซีบิลผู้เป็นแฟนคลับและนักเรียนภายในโรงเรียนตั้งให้

 

 

ทั้งสองถูกสายตานักของนักเรียนโดยรอบจับจ้องในขณะที่เรเคตสึ ไฮเนะ ซึ่งถูกน้องสาว เรเคตสึ ซากุฮิกัง หรือที่คนในโรงเรียนเรียกว่าเจ้าหญิงน้อยกึ่งลากกึ่งจูงพี่ชายตัวเอง โดยมีจุดหมายอยู่ที่ส่วนในสุดของโรงอาหาร ที่แบ่งพื้นที่บางส่วนซอยเป็นห้องๆ ซึ่งพวกคุณหนูในโรงเรียนทั้งหลายมันจับจ้องไว้สำหรับทานข้าวเป็นกลุ่มๆ หรือจัดงานเลี้ยงกันในยามว่าง การจองที่นี้ถือว่ายากในระดับหนึ่ง ถึงห้องตรงนี้จะมีเยอะ แต่ก็ไม่เยอะเพียงพอจะรอบรับนักเรียนทั้งหมด จะจองล่วงหน้าก็ไม่ได้ จองได้วันต่อวันเท่านั้น จึงทำให้การแข่งขันการสูง

 

 

เรเคตสึ ซากุฮิกัง เป็นเพียงชื่อที่ใช้ในการเรียนซีบิลและในวงการ ในซีบิลมักจะให้นักเรียนสายการแสดงหรือนักร้องต้องมีชื่อที่ใช้ในวงการและต้องไม่ใช่ชื่อจริง ชื่อจริงๆของ เรเคตสึ ซากุฮิกัง คือ เรร่า

 

 

วันนี้เรร่าจำเป็นต้องมาลากพี่ชายจากห้องผู้คุมกฎผ่ายชาย  เรื่องของเรื่องคือพี่ชายคนนี้ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว การไม่ได้กลับบ้านของพี่ชายเป็นเรื่องปกติ เพราะพี่ชายกินรั้งตำแหน่งผู้คุมกฎของโรงเรียนต้องดูแลเรื่องคนทำผิดกฎ ทั้งงานเอกสาร ชำระความ และ ตรวจสอบ  พี่ชายต้องรับผิดชอบ และงานมันก็เยอะเลยค้างที่นี่บ่อยๆ  แต่เรื่องที่ทำให้ทันที่ที่เตรียมมาเรียนช่วงบ่ายก็เพราะแฟนคลับพี่ชายที่รู้จักกันมารายงานข้าวว่าพี่ชายตั้งแต่มาค้างที่นี่ก็ไม่ได้กินอะไรเลย พ่อมดแม่มดจะไม่ทานอะไรก็ได้..ก็ในเมื่อมันไม่หิว เพียงแต่ว่าจะส่งผลต่อการเจริญเติมโต พ่อมดแม่มดที่หยุดทานจะทำได้อย่างนั้นต้องอายุหลายร้อยปีขึ้นไปที่อยู่ตัวแล้วในด้านการเจริญเติบโตแต่หากไม่ทานเป็นเวลานานก็ส่งผลอยู่ดี ซึ่งถ้าเทียบกับพ่อมดแม่มดที่อายุหลายร้อยปีกับมนุษย์ปกติแล้วก็เทียบได้กับวัยกลางคน แต่เด็กน้อยที่เป็นพ่อมดแม่มดต้องทานการทานอาหารของมนุษย์ช่วยทำให้ร่างกายเราเติบโตได้ปกติ และยังทำให้ตอนแก่ตัวไม่เป็นเหมือนพ่อมดแม่มดยุดเก่า  ที่ชอบใส่ชุดคลุมสีดำ จมูกงองุ้ม หน้าตามีตะปุ่มตะป้ำ ชอบอยู่กับหม้อยาดังที่มนุษย์ชอบวาดกัน

 

 

ประจวบด้วยว่าแต่เดิมวันนี้เรร่าก็มีเรื่องตั้งใจที่จะพูดกับพี่ชายอยู่แล้ว ก็เลยสั่งพ่อครัวให้ทำอาหารมาส่งให้ที่นี่แต่แรก เรร่าจ้องห้องที่ใหญ่ทีสุดได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเพราะว่าโชคดีแต่เพราะหน้าที่ที่ได้รับจากโรงเรียนเมื่อมาจองตำแหน่งของเรร่าจึงได้ห้องที่ดีที่สุด ห้องที่ใหญ่ที่สุดไป

 

 

ห้องอาหารส่วนตัว

 

 

ทุกอย่างถูกตะเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่นั่ง โต๊ะ อาหารที่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์หลากหลายให้เลือกตักเอง จะเหลือก็เพียงคนที่จะมากิน จากสายตาที่มองอาหารที่จัดเอาไว้  เก้าอี้ และขนาดโต๊ะ คนทานไม่ได้มีเพียงแค่สองคน  เพียงแต่สองเรร่าและพี่ชายมาก่อนเวลา

 

 

เรร่าพาพี่ชายมานั่งที่ที่ใกล้ที่จัดบุฟเฟ่ต์มากที่สุด เพื่อความสะดวกในการตักอาหารมาทาน  เรร่ากำลังคิดอยู่ว่าจะเริ่มต้นคุยกับพี่ชายตัวเองยังไงดี

 

 

ขนาดที่ภายในห้องไร้เสียงพูดคุย แต่ภายนอกผู้คนที่เห็นพี่น้องเดินเข้าไปกับอยากจะพยามที่จะหาช่องแอบมอง ทันที่รุ้ว่าไม่มีมีช่องทาง เพราะห้องอาหารส่วนตัวทำจากวัสดุที่กันเสียง  กระจกก็เป็นกระจกดำป้องกันการแอบมองจากภายนอก แต่จะว่าคนที่จะพยามแอบดูก็ไม่ได้ก็ในเมื่อคนหนึ่งเป็นผู้ชายที่ทุกคนในโรงเรียนยกให้เป็นชายในฝันที่ถูกหมายปองจากทั้งผู้ชายผู้หญิงและเพศต่างสภาพ ผู้ที่ได้รับฉายาว่าเจ้าชายพระอาทิตย์เพราะรอยยิ้มที่สดใส เข้ากับคนง่ายไม่ถือตัวซึ่งต่างจากน้องสาวผู้เป็นเจ้าหญิงของโรงเรียน ที่จะเข้าถึงยากกว่า แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็เหมือนมีม่านคอยบดบังไม่ให้เข้าถึงโดยง่าย แต่พักนี้จะด้วยเหตุผลใดใดก็แล้วแต่ รอยยิ้มที่สว่างไสว ของเจ้าชายพระอาทิตย์นั้นก็เลื่อนหายไป หลายคนอาจจะไม่รู้สาเหตุ แต่น้องสาวเจ้าชายแสงอาทิตย์ก็รู้ดี  เธอมั่นใจว่าเธอรู้

 

 

เรเคตสึ ไฮเนะ หรือชื่อจริง เรย์ชู ผู้คุมกฎของซีบิล เจ้าชายแสงอาทิตย์ กำลังใช้หายตามองน้องสาวตัวเองด้วยท่าทางนิ่ง  จากท่าทางของน้องสาวเขาคงตั้งใจจะคุยอะไรกับเขา  แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าน้องคงจะพูดเรื่องนั้นแน่

 

 

เรเคตสึ ไฮเนะ หรือ เรย์ชู  แต่เดิมเป็นพวกไม่เอาอะไร ไม่เล่นกีฬา ไม่อ่านหนังสือ วันวันเอาแต่หนีออกจากบ้าน เรย์ชูเริ่มหนีออกจากบ้านตั้งแต่เริ่มที่จะบินหรือเดินได้  เรย์ชูกับเรร่าต่างจากพ่อมดแม่มดธรรมดาทังสองเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นพ่อมด แม่เป็นภูติ มีความสามารถในการเห็นเห็นอนาคตและความสามารถของมิโกะ ไม่เท่านั้นแม่ของทั้งคู่ยังมีเวทย์มนตร์เนืองด้วยเหล่าพี่สาวของแม่ที่ ที่เก็บแม่มาเลี้ยง ทำให้แม่เป็นแม่มด เมื่อเกิดมาเลยทำให้เรย์ชูและเรร่ามีพลังของภูติและเวทย์มนตร์ เกิดมาเรย์ชูมีปีกสีเทาแต่เป็นสีเทาที่แก่ไปทางสีขาว ส่วนเรร่าก็เป็นปีกสีดำสนิท พวกภูติที่มีปีกมักจะบินได้ก็เดิน ทำให้ทันทีที่เรย์ชูบินได้ เรย์ชูก็หนีออกจากบ้านที่รายล้อมด้วยป่า ในวัยเยาว์ที่เรย์ชูยังเดินไม่ได้ ได้แต่บินด้วยความที่เหนื่อยล้าจากการบินกว่าครึ่งวันกว่าจะหนึออกจากบ้านได้ เรย์ชูก็เกิดอาการปีกไม่ขยับ เรย์ชูไม่สามารถบินต่อได้เรย์ชูค่อยๆร่วงดิ่งสู่พื้น ตื่นกลัวของเด็กน้อยที่สิ้นหวังกำลังรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังจะกระแทกพื้น ก็รับตาปี๋แต่ก่อนที่จะถึงพื้นเรย์ชูก็รับรู้ได้ถึงแรงกอดที่รับเขาไว้ หัวใจเขาเต้นแรงแรงแทบจะหลุดออกมาจากอก อ้อมกอดนี้ที่โหยหามาตลอด อ้อมกอดที่ปลอดภัย ความรู้สึกที่โหยหานี้ สัมผัสนี้ที่ไม่อยากจะออกห่าง และจะไม่ยอมยกให้ใครทั้งสิ้น ความรู้สึกรุนแรงมากมากโจมตีเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด  ความรู้สึกที่สั่นพ้องสั่นไหวในจิตใจ ความรู้สึกในใจที่บอกตัวเองว่า ต่อแต่นี้จะทำให้ถูกต้อง จะไม่ให้เขายิ้มเศร้าๆแบบที่เคยเป็นมา จะไม่โกหกตัวเองอีกต่อไป จะยอมให้เขาทุกอย่างขอเพียงแค่มีเขาอยู่ข้างกาย ขอเพียงแค่..เขา..แค่เขา..เท่านั้น แม้จะเป็นเพียงแค่ไม่ถึงนาทีก่อนที่เรย์ชูจะสลบไปแต่ความรู้สึกที่ก่อเกิดในตัวเรย์ชูมันมากมากเหลือเกิน

 

 

เพียงแค่พบเขา แม้ไม่รับรู้ว่าเป็นใคร แม้ไม่ได้เห็นหน้ารับรู้ได้แค่อ้อมกอดของเขา แค่นั้นก็เข้าใจทุกอย่างที่ตัวเองทำมา ทำไมถึงอยู่ที่บ้านไม่ได้ ทำไมถึงได้หนีออกมาทุกครั้งที่ทำได้ เพราะเขากำลังตามหาอะไรบางอย่างที่รอคอยเขา และเขาเองก็รอคอยที่จะได้พบเจอกันจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันที่ช่วยและจะต้องเอาเขามาอยู่ข้างกายให้ได้

 

 

เมื่อได้สติ ฟื้นขึ้นมาเรย์ชูก็เห็นเด็กผู้ชายและผู้หญิงที่ดูท่าว่าจะอายุมากกว่าเขา ทั้งคู่ใส่ชุดเหมือนกันต่างแค่สี เด็กผู้หญิงเป็นคนน่ารัก จะเสียก็แค่ว่าเป็นเด็กหญิงที่ไม่มีรอยยิ้มบนหน้า ดวงตาก็จ้องราวกับจะอ่านจิตใจคนได้ แต่กับเด็กชายไม่สามารถบอกอะไรได้เลย ใบหน้ากว่าครึ่งถูกบดบังด้วยแว่นกรอบหนาสี่เหลี่ยมสีดำ แถมยังเอาฮูดขึ้นมาคลุดผมคลุมหน้าไปหมด แต่ที่บอกได้เกี่ยวกับเด็กผู้ชายคือเป็นพวกชอบเล่นกีฬาแน่นนอนดูได้จากรูปร่างและผิวที่ออกสีน้ำผึ้งซึ่งต่างจากเด็กหญิงที่อยู่ข้างๆ เรย์ชูมั่วแต่สังเกตุคนทั้งสองกว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในถ่ำก็ปาเข้าไปหลายนาที

 

 

“เอ่อ..คือ”...เรย์ชูแค่เอ่อ..คือ..ขึ้นมา เด็กหญิงก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น

 

 

“เราสองคนผ่านมาพอดี น้องชายชั้นเลยแบกนายมาที่นี่” เด็กหญิงตอบ ส่วนเด็กชายที่นั่งข้างๆก็ส่งผ้าชุบน้ำใจเรย์ชู

 

 

“ฉันชื่อซาโย ส่วนคนที่ส่งผ้าให้นายชื่อเซย์จิน เราสองคนเป็นฝาแฝดกัน” เด็กหญิงที่บอกตัวเองชื่อซาโยแนะนำตัว

 

 

เรย์ชูรับรู้ได้ทันที่ว่าคนที่ช่วยเขาคือเซย์จิน สายตาที่มองพี่น้องเริ่มแตกต่างออกไป เรย์ชูเริ่มที่แปรเปลี่ยนสายตาจากความสงสัยในตัวทั้งคู่เป็นสายตาที่มองเซย์จินอย่างมีความหมายบ้างอย่าง  ตั้งแต่ครั้งนั้นเด็กชายจำชื่อเด็กชายอีกคนเอาไว้ทั้งในหัวใจและสมอง

 

 

หลังจากนั้น หลังจากที่เรย์ชูถูกช่วยเอาไว้ ไมรู้ด้วยเหตุผมกลใด เด็กชายเรย์ชูก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า จากชอบหนีออกจากบ้านก็อยู่กับบ้านไม่หนี่ไปไหน จากไม่เอาอะไรสักอย่างก็เริ่มเรียนรู้การป้องกันตัวต่างๆ  ทั้งเรียนดาบ เรียนยิ่งปืน เรียนการใช้อาวุธต่างๆ ทั้งยังชอบใช้เวลาที่เหลือจากการเรียนป้องกันตัวต่างๆอยู่กับหนังสือ

 

 

“เดี๋ยวนี้ไม่หนีออกจากบ้านแล้วหรือไงหนูเรย์ชู”  หนึ่งในญาติห่างๆๆ...ห่างมากกของงแม่เรย์ชูเอ่ยถามกลางงานเลี้ยงภายในครอบครับ

 

 

“หาเจอแล้วจะหนีออกทำไมอีก”เรย์ชูพูดจบก็นั่งกินต่อ ไม่พูดอะไรอีก ทำเอาทุกคนที่อยู่ที่นั่งนั่งมองหน้ากันก่อนที่จะหันมองเรย์ชูที่ไม่สนใจอะไรแม้แต่มารยาทบนโต๊ะอาหารเจ้าตัวเอาหนังมือมาอ่านไปกินไปเหมือนจะบอกคนในโต๊ะอ้อมๆว่าฉันไม่สนใจและที่นี่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจจนฉันต้องเอาหนังสือมานั่งอ่านไปแก้เบื่อ

 

 

เรย์ชูฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอในทุกทุกด้านที่เขาได้เรียนรู้เพื่อจะให้ตัวเองไม่ลืมมัน และเพื่อจะไม่ให้ตัวเองพึ่งพาเวทย์มนตร์มากเกินไป หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้เวทย์ได้ เรย์ชูมีความเชื่ออย่างหนี่งฝั่งอยู่ในหัวอย่างที่หาทีมาที่ไปไม่ได้ ความเชื่อที่บอกว่าจะต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งเพื่อจะอยู่กับคนคนนั้นและจะต้องไม่เป็นตัวถ่วงเขา

 

 

พ่อแม่ เรย์ชูเฝ้ามองการเปลี่ยนปลงของลูกชายอยู่ห่างๆ ทั้งตกใจและแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่พ่อและแม่เรยชูไม่ได้พูดอะไรอออกมา เพราะเห็นว่าลูกเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี

 

 

เรย์ชูไม่คาดคิดว่าเขาจะได้พบเจอกับเซย์จินได้เร็วแบบนี้ เซย์จินไม่ได้แตกต่างจากเดินเลย ชอบใส่ฮูดคลุมหัว ใส่แว่นคุณปู่กรอบหนาๆสีดำบังใบหน้าไว้ และยิ่งไม่คาดคิดกว่านั้นว่าเซย์จินจะเป็นลูกของอาโชเพื่อนสนิทคุณแม่ และที่ตรงกับที่คาดไว้เซยืจินอายุมากว่าเขาหนึ่งปีกว่าๆ

 

 

เรย์ชูไม่ได้เข้าหาเซย์จินทันที่ เขาปฎิบัติกับเซย์เหมือนที่ปฎิบัติกับพี่น้องคนอื่นๆของตระกูลคุรัย เขายังไม่อยากให้รู้ว่าเขาคิดกับเซย์จินพิเศษกว่าคนอื่น เขากลัวเซย์จินรู้ว่าเขาสนใจเซย์จิน แล้วมันจะทำให้ความสัมพันธุ์เพิ่งสร้างของเขาพังลง อีกอย่างก็คือความรู้สึกของตัวเขาเองที่มัน..อืม..ไม่เหมือนตอนที่โดนช่วย

 

 

เรย์ชูยังแปลกใจในหลายๆอย่าง เขาคิดถึงเซย์จินแค่เซย์จินที่ช่วยเขาไว้ในป่า คิดแต่ตอนนั้นจริงๆ ไม่เพียงแค่คิดแต่เรย์ชูไม่เคยลืมมันเลย มีเพียงแค่ตอนนั้นเท่านั้นที่เขารู้สึกใจเต้นแรงกับเซจินแค่ตอนนั้นจริง หรือว่านั้นอาจจะเป็นแบบทฤษฏีสะพานแขวน

 

ในสภาพการณ์ทีอันตรายชายหญิงจะตกหลุมรักกันง่ายขึ้น มันก็เป็นไปได้ แต่ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมถึงตอนนี้เขายังไม่ลืมมัน ยิ่งโตยิ่งเด่นชัด เรย์ชูไม่สามารถที่จะตอบได้ว่า..เขาชอบเซย์จินที่เป็นเซย์จิน หรือว่าเขาตกหลุมรักเซจินเพราะเซจินคือคนช่วยเขาไว้ ทำให้เขาเผลอที่จะมองเซจินอยู่บ่อยๆและทุกครั้งที่เขามองเซจินภาพซ้อนในอดีตตอนยังเยาว์ความรู้สึกตอนอยู่ในอ้อมกอดนั้นก็ประทุขึ้นมาทุกครั้งและยังรู้สึกถึงอ้อมกอดนั้นเสมอมา และแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงฝันถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ เขายังคงคิดถึงเซจินในวันนั้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา