Revive and revenge (แฝงร่าง...ชำระแค้น)
เขียนโดย Mysteek
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.49 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561 18.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2 เจ้าชายนิทรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 2
เจ้าชายนิทรา
ที่โรงพยาบาลประจำเมืองไจโครเซท
เด็กหนุ่มผมสีดำถูกส่งตัวไปผ่านเครื่องตรวจรังสี ตรวจหาเชื้อโรค และอื่นๆ อีกมากมาย จนได้ผล
ครบว่า ไม่มีรังสี หรือเชื้อโรคติดต่อ จากนั้น ส่งไปที่ห้องแยก
มีเจ้าหน้าที่ในชุดที่ครอบทั้งตัวด้วยสีขาว ซึ่งเป็นชุดปลอดเชื้อ เข้าไปเจาะเลือด เก็บ
รอยนิ้วมือจากนั้น เข้าเครื่องเอกซเรย์ เครื่องสแกนสมอง เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน
แต่เขาก็ยังคงนอนหลับอยู่ตลอดเวลา
ทางด้านนอกห้อง ชายผมสีเขียวในชุดยูนิฟอร์มทหาร ยืนอยู่กับหัวหน้าหน่วยของเขา
ชายวัยกลางคนรูปร่างสมส่วน ผมสีเทา
“หัวหน้าครับ ตอนนี้ทีมแพทย์ได้ตรวจไปเบื้องต้นครบหมดแล้วครับ ไม่พบการติดเชื้อ
หรือสารรังสีเลยครับ แต่ว่า มีร่องรอยการถูกทำร้ายครับ”
“ไหน รายงานมาสิ k27”
ชายกลางคนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ แล้วปรายตามองลูกน้องที่ยืนรายงาน
“ครับ มีรอยกระสุนปืน ที่หน้าอก สี่นัดครับ ที่ด้านข้างศีรษะหนึ่งนัด และรอยการถูกบีบคอด้วยครับ ผมคิดว่า คดีนี้ น่าจะเป็นการฆาตกรรมนะครับ”
ชายกลางคน เอามือลูบคาง แล้วกล่าวต่อ
“อืม น่าสงสัยจริง คดีฆาตกรรมในพื้นที่ปิดกับการตกของอุกกาบาตเมื่อ 3 เดือนก่อน จะมีอะไรเกี่ยวข้องกันรึเปล่านะ”
“เอ่อ ผมไม่แน่ใจครับ”
“แล้วนายได้ตรวจสอบตัวตนของผู้บาดเจ็บหรือยังล่ะ”
ชายกลางคนเอ่ยถามอีกครั้ง k27 หยิบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอขนาดเล็ก
ขึ้นมา กดปุ่มอะไรบางอย่างสักพัก เขาก็เงยหน้าขึ้น
“ครับ ข้อมูลเพิ่งมาเมื่อกี้ครับ จากการตรวจสอบลายนิ้วมือ และผลเลือด พบว่า
เขา ชื่อ ไมวาล ชาลอตครับ เป็นทายาทที่มีสายตรงที่ได้รับมรดกส่วนใหญ่ของตระกูล
ไมวาลครับ”
“ผมหารูปของเขาได้แล้วครับ หน้าเหมือนคนเจ็บเลยครับ เป็นคนเดียวกันแน่นอน”
K27 ยื่นอุปกรณ์ที่มีหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยให้หัวหน้า ในนั้น
มีรูปของเด็กหนุ่มผมสีดำปรากฎอยู่
“ห้ะ ทายาทของเศรษฐีนี่นา หรือว่า จะเป็นการฆาตกรรมหวังมรดก”
“อืม ข้อสันนิษฐานนี้ น่าจะเป็นไปได้นะครับ ดูจากแผลที่มุ่งหวังเอาชีวิต มากกว่าจะลักพาตัวตามปกติ”
“อืม คุณติดต่อญาติของเขาได้หรือยัง”
“ยังเลยครับ พ่อแม่ของผู้เจ็บเสียชีวิตเมื่อ 2 เดือนก่อน ส่วนอาของเขาผมติดต่อไม่ได้เลยครับ ก็เลยติดต่อไปที่ภรรยาแทนน่ะครับ แต่เธอก็ป่วยอยู่โรงพยาบาล ตอนนี้จึง
ทำได้แค่ติดต่อทนายประจำตระกูลแทนน่ะครับ”
“อืมก็ยังดี”
“แล้วเขาจะฟื้นเมื่อไหร่”
“ผมว่า หัวหน้าคุยกับแพทย์เจ้าของไข้เถอะครับ อ่า คุณหมอมาพอดีเลย”
ชายหัวล้าน รูปร่างเตี้ยและท้วม สวมเสื้อกาวน์สีขาว เดินเข้ามา
“เอ่อ ผมหมอไมตันครับ เป็นแพทย์เจ้าของไข้ครับ”
“เอ่อ คุณหมอ คนป่วยจะฟื้นเมื่อไหร่ครับ คือ ทางเรามีเรื่องจะสอบถามเขาหน่อยน่ะครับ”
“เอ่อ.......”
นายแพทย์หัวล้านก้มหน้า แล้วถอนหายใจหลายครั้ง
“เอ่อ ...........”
“ทำไมหรือครับ อาการรุนแรงมากหรือครับ”
“เอ่อ ......อาการทางร่างกายตอนนี้ ทางเรากำลังดำเนินการรักษากันอยู่ อาการก็คงที่แล้วครับ แต่ว่า อาการทางสมอง.......”
“ทำไมหรือครับ คุณหมอ บอกทางเรามาเถอะครับ”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ นัยน์ตาสีเขียวแสดงถึงความห่วงใยต่อคนเจ็บไม่น้อย
ทำให้คุณหมอต้องเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
“คือว่า สมองของเขาได้รับความกระทบกระเทือนหนัก และยังเกิดภาวะขาดอากาศไป
เลี้ยงสมองด้วย ทำให้ สมองเกิดอาการชะงัก ทำงานไม่ปกติ อีกทั้งส่วนที่เก็บความทรง
จำ และส่วนที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ ก็เสียหายด้วย.............”
“ห้ะ หมายความว่าไง หมอช่วยพูดเป็นภาษาที่คนธรรมดารู้เรื่องได้มั้ย ”
ชายผู้เป็นหัวหน้าลุกขึ้นยืน พลางยื่นมือไปบีบหัวไหล่ทั้งสองข้างของหมอแก่
“เอ่อ .........”
หมอวัยกลางคนตกใจ พูดไม่ออก เมื่อเจอกับปฏิกิริยาของนายทหารตรงหน้า
ชายหนุ่มผมสีเขียวรีบเข้าไปห้ามปรามเมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นหัวหน้าผู้ใจร้อน
“หัวหน้าครับ ใจเย็นๆ ปล่อยคุณหมอเขาก่อนเถอะครับ”
ชายหนุ่มผมเขียวช่วยดึงมือของหัวหน้าออกจากไหล่ของหมอ แล้วพูดไกล่เกลี่ย
“เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ หัวหน้าผมเค้าตกใจมากไปน่ะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ พร้อมกับโค้งหัวเป็นการขอโทษหมอเจ้าของไข้
หมอสูงวัยมีสีหน้าเข้าอกเข้าใจ เขายืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยตอบออกไป
“อ่า ครับ คืออย่างงี้ครับ พูดแบบเข้าใจง่ายก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการโคม่า นอนหลับ
ไม่ตื่นครับ”
“อะไรนะ หมอ”
คราวนี้ ชายวัยกลางคนหัวหน้าหน่วยถึงกับตะโกนออกมาอย่างตกใจ
...
....
ชายวัยกลางคนนั่งก้มหน้าคอตก มาหลายชั่วโมงอยู่หน้าห้องคนป่วย จนในที่สุด ชายหนุ่มผู้อยู่ใต้
บังคับบัญชาต้องเอ่ยขึ้นอย่างปลอบใจว่า
“เอ่อ หัวหน้าครับ เราทำดีที่สุดแล้ว คงเป็นโชคร้ายของเด็กคนนั้นน่ะครับ หัวหน้า
ก็อย่าเสียใจไปเลยครับ เดี๋ยววันนี้ ทางตำรวจจะเข้ามาดูแลคดีแทนพวกเราแล้วครับ
หัวหน้าก็ปล่อยวางซะเถอะครับ”
“ฮึ่ย”
จู่ๆ ชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมา หยาดน้ำคลออยู่ที่เบ้าตา แล้วร้องโวยวายออกมา
“บ้าที่สุด นึกว่า ช่วยพวกเศรษฐี จะได้ค่าตอบแทนก้อนโต ดันเป็นเจ้าชายนิทราอีก
บ้าที่สุด”
ชายผู้เป็นหัวหน้าร้องโวยวาย แล้วก็วิ่งออกไปตรงทางหนีไฟ ทิ้งให้ชายหนุ่มผู้เป็นลูกน้องยืนงงอยู่คนเดียว
“เอ่อ..............”
+++++++++++++++++++++++++
ไม่มีเมนต์เรย เงียบจัง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ