The woods รักอลวล คนอลเวง
8.0
เขียนโดย Songlin
วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 06.33 น.
2 ตอน
2 วิจารณ์
4,024 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561 07.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) แม่เฒ่าปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “แม่หนูอยากจะรู้เรื่องอะไรล่ะ” หญิงชราภายใต้ผ้าคลุมลูกไม้ปักเอื่อยเสียงเรียบ “ความรักค่ะ” หญิงสาวตอบโดยไม่ต้องคิด แม่หมอชราสับไพ่ทำนายอย่างงกๆ เงิ่นๆ ซึ่งแต่ละครั้งทำเอาน้ำผึ่งใจสั่น เพราะลุ้นตามว่าไพ่จะหกจากมือหรือไม่ มือเหี่ยวแห้งค่อยๆ วางกองไพ่ลงบนโต๊ะที่ถูกคลุมด้วยผ้ากำมะหยี่สีม่วงเข้ม ก่อนจะบอกให้เธอตัดไพ่ด้วยมือซ้าย ก่อนหยิบไพ่กลับไปและกรีดไพ่ออกเป็นครึ่งวงกลมที่เบี้ยวบูดไปมา “หลับตา ทำใจให้นิ่ง แล้วจงเลือกไพ่ ๔ ใบ” ถึงแม้หญิงตรงหน้าจะบอกเช่นนั้น แต่การที่จะสงบใจภายในซุ้มกระโจมที่บรรยากาศชวนหลอนในช่วงพลบค่ำแบบนี้มันไม่ง่ายเลยซักนิด กลิ่นของกำยานที่ลอยมาเป็นระยะๆ แสงไปจากตะเกียงที่สั่นพรึบพรับตามความพอใจของกระแสลม ทั้งบรรดาเครื่องรางของขลังหน้าตาน่ากลัวที่ถูกตั้งเรียงรายไว้รอบๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศชวนขนหัวลุกขึ้นไปอีก แต่ในเมื่อเธอมาถึงที่นี่แล้ว เธอก็จะถอยไม่ได้ น้ำผึ้งหลับตาลงก่อนจะเอื้อมมือซ้ายไปวนอยู่เหนือกองไพ่ เธอวนมืออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งความรู้สึกบางอย่างสั่งให้เธอหยุด ความรู้สึกเย็นวาบราวกับว่ามีคนมาแตะที่มือของเธอ เธอค่อยๆ ลดมือลงและหยิบไพ่ใบที่สัมผัสกับมือออกมา เธอทำอย่างนี้อีกสามครั้งจนได้ไพ่ครบ แม้แสงไฟในซุ้มจะแค่สลัวๆ แต่ก็มากพอที่จะทำให้หญิงสาวเห็นถึงใบหน้าชวนขนลุกของแม่สูงอายุตรงหน้า ภายใต้ผ้าคลุมปกปิดดวงหน้าเหี่ยวย่น ผิวคล้ำตกกระ คางแหลมยื่นและจมูกงองุ้มราวกับแม่มด เบื้องหลังแว่นกลมหนาไร้กรอบเผยให้เห็นเบ้าตาลึกโบ๋และดวงตาสีขุ่นราวกับปลาตาย แม่หมอเฒ่าค่อยๆ หงายไพ่ทีละใบๆ ด้วยมือที่สั่นระริก เมื่อไพ่ทั้งหมดหงายขึ้น เจ้าของเรือนผมขาวโพลนจ้องไปที่ไพ่ทั้งสี่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบไพ่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วจะหลับตาลง สายลมเย็นพัดวูบเข้ามาให้ห้องทำให้ขนแขนของน้ำผึ้งตั้งเกรียว เปลวไฟที่ตะเกียงหรี่หลงจนเกือบดับ ทั้งห้องตกอยู่มืดความมืดชั่วขณะ กระดิ่งลมพร้อมใจกันสั่นส่งเสียงก้องไปทั้งซุ้ม น้ำผึ้งเกลียดบรรยากาศและความรู้สึกแบบนี้เป็นที่สุด ใจของเธออยากจะลุกออกไปซะเดี๋ยวนั้นแต่ขาของเธอกลับเปลี้ยไปเสียดื้อๆ ไม่ว่าเรื่องตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นแค่กลเธอก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งจนกระทั่งเสียงกระดิ่งอันสุดท้ายเงียบลง แม่หมอก็เริ่มพูดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงของเธอกลับไม่เหมือนเดิม มันเหมือนกับว่าคนสองคนกำลังพูดพร้อมๆ กัน ทั้งนี้อีกเสียงกลับฟังดูชราและแหบพร่ายิ่งกว่า “นังหนู เจ้าอยากรู้ชะตาความรักของเจ้าอย่างนั้นรึ” “คะ…ค่ะ” หญิงชราเงียบไปอีกครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “ยี่สิบสามปี” “คะ” “ยี่สิบสามปีที่เจ้ามิเคยประสบความสำเร็จกับความรัก” “แม่หมอรู้ได้ยังไงคะว่าหนูอายุเท่าไหร่” หญิงสูงวัยใต้ผ้าคลุมไม่ตอบ เพียงแต่ค่อยๆ ลืมตา แล้วยื่นนิ้วมืององุ้มเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกมือมาสัมผัสใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเบี่ยงใบหน้าของเธอไปซ้ายทีขวาทีอย่างเบามือ น้ำผึ้งตัวแข็งทื่อทำได้เพียงจ้องผ่านแว่นลึกไปที่ดวงตาของแม่หมอ น่าแปลกที่เธอไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่เงาของเธอเอง แม่หมอเฒ่าค่อยๆ ลดมือลงก่อนจะประสานกันลงที่กลางโต้ะแล้วเริ่มว่าต่อ “น่าสงสาร...ช่างเป็นคนอาภัพรักยิ่งนัก” “มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” “ความงามของเจ้าช่างเสียเปล่า จักรักใครชอบใครก็มีอันต้องแคล้วต้องคลาดต้องสูญเสีย...ให้ผู้อื่น จักชอบใครก็ไม่พ้นเป็นคนมีเจ้าของ จักรักใครก็ดันกลายเป็นพวกผิดเพศ แย่ แย่ แย่....” หญิงชราว่าเสียงนิ่งพร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอาใจ คำพูดของแม่หมอไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด “ละ…แล้วหนูควรจะทำยังไงดีคะ” “ทำอะไรไม่ได้...” “หมายความว่าหนูจะไม่มีโอกาสได้แต่งงานตลอดชีวิตเหรอคะ” น้ำผึ้งยกมือปิดปากตัวเองด้วยความสะเทือนใจ นี่มันอะไรกัน ชีวิตของเธอทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฝันจะมีลูกมีครอบครัว แต่ตลอดเวลากว่า ๒๓ ปี เธอมีแต่ความผิดหวัง จะรักใครชอบใครก็เป็นอันต้องกลับมาเสียใจและเสียเขาไปตั้งแต่ที่ความสัมพันธ์ยังไม่เริ่ม จนบางครั้งเธอเริ่มปลงและคิดว่าจะไปขอโกนหัวบวชชีอยู่กับคุณยายของเธอซะให้รู้แล้วรู้รอด ถึงแม้เธอจะไม่ได้นับถือศาสนาใดก็ตาม “เปล่า....” หญิงชราว่าต่อเสียงเรียบ “เจ้าน่ะ....” “หนูทำไมคะ” น้ำผึ้งโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง “เจ้าจักพบรักแท้....” “จริงเหรอคะ ใคร ที่ไหน เมื่อไหร่คะ” หัวใจของน้ำผึ้งสั่นระรัว “แต่เจ้าจักต้องเดินทาง” “ที่ไหนคะแม่หมอ” “ไกล…ไกล....ไกลเหลือเกิน....” ทันใดนั้นเองน้ำผึ้งรู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดเข้ามาในซุ้มอย่างรุนแรงพาฝุ่นควันและเศษใบไม้คลุ้งไปทั่วทั้งกระโจมก่อนที่เกลียวลมจะเริ่มหมุนวนรอบตัวเธอและที่เสียงของแม่หมอก็ค่อยๆ หายไป เธอพยายามลุกเพื่อจะไปที่ทางออกแต่ฝุ่นก่อตัวหนาเสียจนมองไม่เห็นอะไรรอบข้าง “แม่หมอ แม่หมอคะ!!!” น้ำผึ้งพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไร้เสียงตอบกลับ ราวกับว่าเสียงของเธอถูกกลืนหายไปกับสายลม ความรู้สึกปั่นป่วนในท้องทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้และไร้เรี่ยวแรง ศรีษะของเธอหนักอึ้งจนเธอทรุดลงไปที่พื้น เมื่อมองขึ้นไปกลับขึ้นไปด้านบน หลังคาของกระโจมที่ควรจะอยู่กลับหายไป เผยให้เห็นถึงท้องฟ้าและกลุ่มดาวส่องแสงระยิบระยับที่ปลายของกระแสลมที่หมุนวนจนสูงเสียดฟ้า เพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่สติของน้ำผึ้งกำลังจะหลุดไป เสียงของหญิงชราก็ดังขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นเสียงของเธอยามปกติ “จงไปเสียแม่หนู...จงไปเติมเต็มโชคชะตาของเจ้า”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ