Our Promise...
เขียนโดย มากิโตะ
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 17.41 น.
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562 20.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่ 1 : Meeting again in 10 years.
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
.
.
.
.
.
.
.
(บนรถ)
"เดี๋ยวจะถึงแล้ว รออีกหน่อยนะ"เสียงหวานทุ้มบอกเด็กน้อยที่นอนหนุนตักเขาพลางลูบผมสีทองซอยสั้นนั้นไปพลางๆ ดวงตากลมโตดูหม่นหมองมองเขาอย่างกังวล
"ไม่ต้องเป็นห่วง... ทุกอย่างจะเรียบร้อย"เธอปลอบเขาอีกครั้งก่อนที่เด็กน้อยจะหลับไป
.
.
.
โรงพยาบาลZeweasteQlodiacter
"สวัสดีค่ะ ผู้ป่วยใหม่ใช่ไหมคะ?"นางพยาบาลคนหนึ่งถามผู้หญิงร่างสูงโปร่งผิวสีคล้ำนัยต์ตาสีไพรินที่มีเด็กตัวเล็กๆเกาะขาเธอมาด้วย
"ใช่ค่ะ เด็กคนนี้ค่ะ"เธอตอบก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ในขณะที่เด็กน้อยยังคงไม่ยอมปล่อยการเกาะร่างโปร่ง
ตือดือดือดืดด ตือดือดือดืดด...
"ค่ะ รบกวนกรอกประวัติผู้ป่วยและให้น้องทำแบบสอบถามนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ"นางพยาบาลคนนันยื่นใบกรอกประวัติผู้ป่วยมาให้พร้อมแบบสอบถาม ก่อนที่เธอจะไปรับสายโทรศัพท์
"ไลท์ครับ เดี๋ยวทำแบบสอบถามนี้หน่อยนะครับ ถ้าตรงไหนอ่านไม่เข้าใจถามอาหมิงนะครับ"เธอบอกหลานเธออย่างอ่อนโยนก่อนที่จะให้ใบสอบถามไปและมากรอกประวัติของหลาน
หลง จูหมิง ไลแคลนสัญชาติZhinniánผู้มีผมสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาสีไพริณ ผิวสีคล้ำตัวสูงโปร่ง โครงสร้างร่างกายตัวใหญ่ตามฉบับคนZhinnián นักธุรกิจอัจฉริยะที่รับตำแหน่งบริหารบริษัทใหญ่และทุกสาขาทั่วโลกตั้งแต่อายุเพียง20ปี อยู่ในชุดลำลองเชิ้ตสีขาวแขนยาวสะอาดตาและกางเกงยีนส์ขายาวรองเท้าผ้าใบสุภาพแบบวัยรุ่นทั่วไป แต่ก็คงความสะอาดเรียบร้อยและสุภาพ
วันนี้เขาพาหลานของเขามาหาจิตแพทย์ที่เขาลือว่าเก่งที่สุดในZosmilidyเพื่อบำบัดรักษาจิตใจของหลานที่สูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุไฟไหม้คฤหาสถ์ และเป็นปัญหากับการพูดความคิดและจิตใจของหลานเขามากจนไม่พร้อมที่จะไปโรงเรียน เขาจึงต้องพามาหาหมอที่นี่นี่แหละ
ศศิธร เอกภพ อายุ 6 ปี สัญชาติThynmลูกของเพื่อนที่ตายไป ปัจจุบันหมิงจึงเป็นผู้ปกครองของไลท์ เขาไม่สามารถทนเห็นหลานของเขาทนเศร้าตลอดเวลาได้ เมื่อก่อนเด็กคนนี้เป็นเด็กร่าเริง ยิ้มเก่ง และยังเป็น...
"อาหมิง..."เสียงเล็กเรียกร่างโปร่งก่อนที่จะสะกิดเธอ
"ว่าไงครับ?"
"ผมทำ...เสร็จแล้ว...ครับ"เด็กน้อยพูดติดๆขัดๆเสียงอ่อนๆก่อนที่จะยื่นใบแบบสอบถามให้จูหมิง
"เก่งมากครับ หลานอา"เธอยิ้มก่อนที่จะกรอกประวัติคนตัวเล็กให้เสร็จตามและส่งให้นางพยาบาลคนเดิม
"คนThynmหรือคะ? กรุณารอสักครู่นะคะ"นางพยาบาลกรอกข้อมูลลงคอมพิวเตอร์เสร็จก็สะดุดที่สัญชาติของคนไข้ ก่อนที่จะหันไปที่คอมอีกเครื่องและทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะยื่นแท็บเล็ดมาให้จูหมิงดู
"ตอนนี้มีคุณหมอที่สื่อสารภาษาThynmได้อยู่2คนน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจะเล..."
"คนที่ชื่อ อาราไง นิกซ์" หมิงพูดตัดนางพยาบาลคนนั้นก่อนที่เธอจะชะงักไปเล็กน้อย
"อ่า... คะ นั้นรอสักครู่นะคะ คุณอาราไง พอดีเลยค่ะวันนี้คุณอาราไงออกตรวจ ได้คิวตอนบ่ายนะคะ คุณอาพาน้องไปทานอาหารก่อนก็ได้นะคะ ร้านอาหารจะอยู่ชั้น1ค่ะ"เธอจองคิวให้ไลท์ก่อนที่จะแนะนำให้ไปทานข้าวเที่ยงก่อนเพราะตอนนี่เองก็เที่ยงพอดี
ร้านอาหารLuminaRamius
"ทานอาหารก่อนนะครับไลท์"เมื่ออาหารมาถึงเขาก็สั่งข้าวผัดสำหรับเด็กให้ไลท์ก่อนที่จะสั่งแซนวิชและชาBrowiasaมากิน และให้ไลท์ทานอาหาร ซึ่งปกติช่วงหลังๆมานี่เขากินน้อยลงมากจนหน้าเป็นห่วง
"อือ..."เด็กน้อยก้มหน้ามองข้าวผัดก่อนที่จะใช่ช้อนตักและทานเคี้ยวอย่างเชื่องช้าและกลืนเข้าไปในที่สุดก่อนที่จะวางช้อนลงและไม่ทานต่อ
"อิ่มแล้วหรอครับ? ทานไปแค่คำเดียวเองนะ ไลท์"หมิงพูดก่อนที่จะใช้ช้อนตักข้าวผัดป้อนคนตัวเล็กอีกคำ แต่ไลท์เองก็ไม่ยอมหันหน้าหนี และค่อยๆเขยิบตัวออกห่าง สร้างความลำบากใจให้กับหมิงไม่น้อย
"ทานหน่อยเถอะครับไลท์ ตอนเช้าไลท์ก็ทานนิดเดียวเองนะครับ"เขาว่าอย่างเป็นห่วง ทุกวันนี้ไลท์ก็ผอมอยู่แล้ว ยิ่งไม่กินก็ยิ่งผอมแห้งแรงน้อยเข้าไปใหญ่ พอจับบังคับให้กินก็จะร้องไห้และไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน เฮ้อ หนักใจ
กึก
"ขออนุญาตินะครับ"เสียงหวานดังขึ้นข้างตัว เมื่อหันไปก็พบผู้ชายร่างบางสวมแม๊ตปิดปากส่วมหมวกจิตรกรสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำกางเกงสแล็คสีดำเช่นกัน ผมส่วนหลังซอยสั้นส่วนหน้าปล่อยยาวเป็นบ็อบเทประบ่าสีน้ำตาลอ่อนแบบวัยรุ่น นัยต์ตาสีน้ำตาลแดง ผิวขาวซีดที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
"ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ? ที่นั่งอื่นเต็มหมดแล้ว"เขาถามจูหมิง
"เชิญค่ะ"เธอพยักหน้าพูด ก่อนที่ชายคนนั้นจะไปนั่งข้างๆไลท์ตรงข้ามกับเธอ และสั่งชากุหลาบ ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบหนังสือแถวนั้นมานั่งอ่านไปได้สักพัก และเงยหน้าขึ้น
"คุณไม่สบายหรอครับ?"เขาถามจูหมิง
"เปล่าค่ะ ฉันพาหลานมาหาจิตแพทย์"จูหมิงตอบ ก่อนที่จะลงมือทานแซนวิชทูน่าของตน
"อ๋อ ครับ น้องคนนี้ชื่ออะไรหรือครับ?"เขาถามเธออีกและชี้ไปทางไลท์ แต่ที่แปลกคือ ไลท์ไม่มีท่าทีกลัวชายตรงหน้าเหมือนทุกครั้งที่กลัวคน อีกทั้งยังจ้องคนตรงหน้าเขาไม่กระพริบอีก ราวกับว่าจะตะครุบเสียให้ได้
"ไลท์"เธอตอบ
"เป็นชื่อที่ดีนะครับ ไลท์คุง"เขาพูดก่อนจะลูบหัวของเด็กน้อยตรงหน้าเบาๆ"ไม่ยอมทานอาหารแบบนี้คุณแม่จะลำบากใจนะครับ"เขาบอกคนตัวเล็กราวกับแอบมองตอนที่เจ้าตัวดื้อไม่ยอมกินข้าวมาได้สักพักแล้วแล้ว
"ฉันเป็นอาของเขาค่ะ"จูหมิงแก้ความผิด ก่อนที่จะทานแซนวิชของตนต่อไปโดยที่เส้นเลือดตรงขมับเริ่มกระตุกตุบๆ
"อ่า ขอโทษครับ ผมนึกว่าเป็นคุณแม่ซะอีกแฮะๆ"เขาว่าก่อนที่จะถือวิสาสะหยิบช้อนและตักข้าวผัดให้ไลท์ทานอีกครัง"ไส้กรอกของร้านนี่อร่อยนะ ลองทานพร้อมข้าวดู"เขาพยายามป้อนไลท์ซึ่งไลท์เองก็เหมือนกำลังงงๆกับคนมาใหม่ ที่ให้ความรู้สึกที่... จะกลัวก็ไม่ใช่จะชอบก็ไม่เชิง รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกและความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ของคนตรงหน้าที่ลูบหัวเขาไป
อ้าม!
จูหมิงไม่คิดว่าไลท์จะยอมกินจริงๆ ถึงกับนิ่งอึ้งตาโตมองคนตรงหน้าหัวเราะคิกคักกับไลท์สองคนและป้อนข้าวต่อจนหมด ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็มีการยอกล้อเล่นกันไปมาทำให้การทานอาหารครั้งนี้ดูมีสีสันและรสชาติขึ้นมายังไงยังงั้น
"ชากุหลาบได้แล้วครับ"พนักงานคนนั้นมาเซิร์ฟชากุหลาบและเดินออกไป ก่อนที่คนตรงหน้าจะดื่มชาบางและวางหนังสือก่อนหน้านี่ลง
"คุณเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกสินะครับ"เขาถาม
"ค่ะ"
"ผมมาหาหมอที่นี่บ่อยๆเพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ร้านนี้เป็นร้านโปรคของผมเลยล่ะครับ"เขาพูดยิ้มๆ"ผมขอทราบชื่อคุณหมอที่น้องเขาจะพบได้ไหมครับ?"
"อาราไง นิกซ์ค่ะ..."จูหมิงเริ่มระวังตัวมากขึ้น ซักถามเพื่ออะไร?ต้องการอะไรกัน?เป็นคู่แข่งที่พยายามจะกำจัดเธอหรือเปล่า? ยังไงที่นี่ก็เสี่ยงเกินไปไหนจะไลท์ที่ตอนนี่ดูจะติดเขาแจไปเสียแล้วอีก โลกที่เธออยู่มันไม่ได้สดใส มีคนมากมายที่ต้องการชีวิตของเธอและไลท์ การที่ถูกถามข้อมูลแบบนี้ เป็นไปได้สูงว่าเขาอาจจะไม่ได้มาดีนัก
"จริงๆด้วยสินะ..."เขาพึมพำ
จูหมิงยิ่งหวาดระแวงมากขึ้นเตรียมที่จะลุกและกระโจนเข้าหาทันทีที่เขาเกิดปฏิกิริยาเสี่ยง
"เขาเป็นหลานสาวของผมเองครับ เธองานยุ่งมากไม่ค่อยอยู่โรงพยาบาลซักเท่าไหร่เลย มักจะออกงานที่ต่างจังหวัดบ้างโรงพยาบาลอื่นที่ขอความช่วยเหลือบ้าง คนที่สามารถได้เจอตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นโอกาสที่หาได้มากจริงๆ เพราะคนไข้เธอก็เยอะมากและงานวิจัยต่างๆ ขนาดผมจะเอาของให้เธอยังหาตัวยากเลยครับ"ชายหนุ่มกล่าวยิ้มๆ
"หลานสาว?"จูหมิงขมวดคิ้ว"คุณโกหกอะไรหรือเปล่า?"
"เขาเป้นลูกสาวของพี่สาวผมอีกทีน่ะครับ ถึงแม้ว่าจะมีศักย์เป็นหลานแต่ความจริงแล้วอายุเราก็ห่างกันแค่8ปีเองครับ"เขารู้ว่าเธอสงสัยอะไร เป็นใครใครก็ต้องสงสัยไม่ว่าจะเป็นทั้งอายุและหน้าตา หากไม่ได้บอกเกี่ยวกับการนับเครื่อญาติแล้วละก็ จะไม่สามารถเข้าใจและคิดว่าเขาโกหก
"แล้วคุณมาบอกฉันทำไม?"จูหมิงคาดคัน
"ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกครับ เพียงแต่ว่าคุณดูเหมือนพี่ชายของเธอที่หายไปหลายปีแล้วน่ะครับ"เขาว่าก่อนจะเปิดหน้ากากอนามัยออกแล้วดื่มชากุหลาบจนหมดมองดูที่นาฬิกาข้อมือซ้ายของตน"โอ้... เลยเวลามาแล้วหรือนี่? ผมมีธุระต่อน่ะครับ ยังไงก็ขอให้ไลท์คุงหายไวไวละกันนะครับ หวังว่าจะได้เจอกันอีก คุณผู้หญิง"เขาโค้งคำนับและหันไปลาเด็กน้อย
"งั้นพี่ไปก่อนนะครับไลท์ บ๊ายบาย" เขาช่างดูรักเด็กเสียเหลือเกิน... "ขอบคุณสำหรับที่นั่งนะครับ"เขาบอกลาก่อนจะเดินจากไป
"ไลท์ครับ เราก็ไปกันบ้างเถอะ จะบ่ายโมงแล้ว"เธอจ่ายเงินก่อนจะพาไลท์กลับไปชั้นเดิมเพื่อรอหมอ
"คุณศศิธร เอกภพ เชิญที่ห้องตรวจพิเศษ1ค่ะ"เสียงพยาบาลเดินออกมาจากห้องๆหนึ่งก่อนจะขานชื่อ อาหลานทั้งสองจึงลุกขึ้นและเดินเข้าไป สวนทางกับนางพยาบาลที่เดินออกมาพอดีและปิดประตูให้เสร็จสรรพ
"สวัสดีค่ะ เชิญนั่งเลยค่ะ" น้ำเสียงที่ออกไปทางห้าวๆแต่ก็ยังคงความนุ่มนวลอยู่เอ่ยทักเป็นภาษาThynm ก่อนจะผ่ายมือเชิญพวกเรานั่งโดยที่ให้ไลท์นั่งเก้าอี้ติดกับหมอเอง
"สวัสดีจ้า หนูชื่ออะไรเอ่ย?แนะนำหมอซิคะ?"คุณหมอสาวที่ท่าทางการแสดงออกจะดูแก่กว่าวัยไปหน่อยกันไปถามไลท์ที่ตอนนี้นั่งตัวลีบๆจนจะตกเก้าอี้อยู่ร่อมร่อ เหมือนคุณหมอจะรู้จึงเอื้อมมือขาวซีดนั้นวางทาบไว้บนหัวเล็กแล้วขยี้เบาๆ"ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ไม่มีใครทำอะไรหนูกับอาหนูหรอก"
"ไลท์...ครับ..."เด็กน้อยหายสั่นและมองหน้าคุณหมอสาวก่อนที่จะดูชะงักไปนิดนึงแล้วจ้องหน้าเธอค้างไว้อย่างงั้น
"เป็นชื่อที่ดีจัง หมอชื่อนิกซ์นะคะ เรียกหมอว่าชิโมะก็ได้นะ"เธอว่าแล้วส่งยิ้มกว้างให้ไลท์และหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาดู
"คุณเป็นคุณอาของน้องไลท์สินะคะ น้องมีปัญหาอะไรหรือคะ?"เธอถามอย่างสุภาพ ก่อนที่จะหันมามองทางผู้ปกครองแทน"ให้น้องฟังได้รึเปล่าคะ?"
จูหมิงไม่ตอบ แต่สายหน้าเบาๆแทน
"ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ ...น้ำ มาดูแลคนไข้หน่อย ผู้ปกครองจะคุยก่อน อืม Thanks จ้า "เธอใช้โทรศัพท์ของโรงพยาบาลโทรหาคนๆหนึ่งก่อนที่จะวางสายแลหันมาคุยกับไลท์"เดี๋ยวรอแป๊บหนึ่งนะคะ รอพี่พยาบาลมาก่อนแล้วไปเล่นกับพี่เค้าก่อนเนอะ เดี๋ยวหมอขอคุยกับคุณอาหน่อย อ่ะ ตุ๊กตาจ้า"
เธอทำความคุ้นเคยกับไลท์สักแป๊บหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตู
ก๊อกๆ
"เชิญ"เธอตอบเป็นภาษาอังกฤษ
"ฉันเอง ชิโมะ"ดูจากเครื่องแบบแล้วคงจะเป็นบุรุษพยาบาลของที่นี่"สวัสดีครับตัวเล็ก ชื่อไลท์ใช่ไหมเอ่ย? พี่ชื่อน้ำตก เรียกพี่น้ำก็ได้นะครับ"เขาเดินเข้ามาทักทายไลท์ที่ดูจะตกใจกับการเข้ามาอย่าปุบปับมากและกำลังจะร้องไห้
"โอ๋ๆนะครับเด็กดีไม่ร้องนะๆ เดี๋ยวพี่น้ำพาไปเล่นข้างนอกเน้อะ ไม่ร้องนะครับๆ เด็กดี เก่งมากๆ"คำโอ๋ชุดใหญ่ถูกงัดออกมาก่อนที่ไลท์จะค่อยๆหายสะอื้นและนั่งเงียบๆให้เขาอุ้มไปอย่างง่ายดาย
"เอาล่ะ บอกมาได้เลยค่ะ"เมื่อความกังวลหายไปแล้วเขาจึงถามคนตรงหน้า
"คุณจะให้บุรุษพยาบาลคนนั้นทำอะไรหลานฉัน?"จูหมิงถามอย่างใจเย็นไม่พลีพลามไปเสียก่อน"ให้พาน้องออกไปเล่นน่ะค่ะ เพราะเรื่องที่คุณกำลังจะพูดดูจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับไลท์เลยสินะคะ"
เธอพูดถูก เขาไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำที่แสนโหดร้ายให้ไลท์ เป็นไปได้อยากจะลบความทรงจำนั้นออกไปเสีย แต่เวทย์มนต์ลบความทรงจำนั้นผิดกฏหมายและอันตราย จึงต้องปล่อยให้มันทำร้ายจิตใจของเด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งนี้เอง
จากนั้นจูหมิงก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้หมอสาวฟัง เธอฟังอย่างตั้งใจและมีเขียนโน๊ตบ้าง เมื่อฟังจบเธอทำสีหน้ากลุ้มใจอยู่เพียงแวบเดียวก่อนที่จะกลับมาเป็นครุ่นคิด "รู้เรื่องแล้วล่ะค่ะ จากที่คุณเล่าและจากที่น้องทำแบบสอบถาม เดี๋ยวขอหมอคุยกับน้องไลท์หน่อยละกัน เพื่อเช็คอาการอื่นอีกนะคะ เชิญคุณอารอข้างนอกก่อนนะคะ"
จูหมิงเดินนออกมาข้างนอกและจังหวะเดียวกันกับบุรุษพยาบาลและไลท์กลับเข้ามาพอดี ไลท์เข้าไปในห้องตรวจแล้วเหลือเพียงเขาที่นั่งอยู่ข้างนอกคนเดียว ไม่สิ กับคนไข้เด็กคนอื่นๆเล็กน้อยประปรายตาเพราะโซนนี่เป็นห้องตรวจพิเศษจึงค่อนข้างสงบกว่าโซนห้องตรวจปกติ บรรยากาศทำให้เขาได้ครุ่นคิด
เหมือนจริงๆ...
หมอสาวคนนั้นเหมือนใครบางคนที่เขาสนิท แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก อีกทั้งรอยยิ้มทักทายนั้นและการเนียนกับเด็กแบบนั้น...
"เป็นอะไรครับ? หน้าเครียดเชียว"เสียงทุ้มอ่อนดังขึ้นข้างตัว เมื่อมองไปก็พบคนที่ชื่อน้ำตกกำลังนั่งดื่มน้ำอยู่ข้างๆเค้า
"คุณ...?"
"น้ำตกครับ"
"คุณน้ำตกมีอะไรหรือคะ?"จูหมิงถามออกไปตรงๆ เธอเดาไม่ออกจริงๆกับรอยยิ้มของชายตรงหน้า
"จำกันไม่ได้จริงดิ? โหหห จือหมิงอ่าาา"จากชายหนุ่มดูเป็นผู้ใหญ่ หมดมาดทันที เมื่ออยู่ๆก็มาคลอเคลียที่แขนข้างซ้ายของเธอ
โป๊กกก
"ขอโทษนะคะ คนThynmแท้ๆกล้าทำอะไรอย่างนี้ได้ยังไง?"พยาบาลหนุ่มลูบหัวบริเวณที่ถูกโจมตีป่อยๆ "โอ๊ย เจ็บนะเนี่ย หมัดหนักเหมือนเดิมเลยจือหมิง"
"ไม่คิดเลยว่าจะเป็นนาย น้ำตก สายธาร รักษาการ"เพื่อนสมัยG.8 เรียนเก่ง กีฬาดี นิสัยดี แต่ขี้อ้อนขี้แยเหมือนเด็ก เป็นผีที่อ่อนต่อโลกมาก ซื่อบื้อ แต่ก็ยังเป็นคนที่เพื่อนๆเอ็นดูมันเพราะมันตัวเล็กน่ารัก กลัวว่ามันจะไม่โตไปมากกว่านั้นแล้ว แต่ตอนนี้คนตรงหน้ากลับโตเป็นผู้ใหญ่และสูงโปร่งรูปร่างดี
"เหอะ คนเราก็ต้องมีการพัฒนาการบ้าง แค่จะมากรึน้อยก็แล้วแต่คนเท่านั้นเอง เธอมากกว่า เปลี่ยนไปซะเยอะเลยนะ ไม่ยั๊กรู้ว่าจะเป็นคุณป้าซะแล้ว... แอ็ฟฟฟ"โดนศอกใส่อย่างสวยงาม"อาต่างหาก"
"เออๆๆๆ ว่าแต่ นั้นลูกใครน่ะ?"เมื่อพูดถึงตรงนี้จูหมิงก็ชะงักไปใบหน้าที่ออกจะคมกว่าหญิงสาวทั่วไปเศร้าลง จนน้ำรู้สึกผิดขึ้นมา"เกิดอะไรขึ้นจือหมิง???"
"ลูกของ...นาปกับ...พิม..."เธอตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ยังคงใบหน้าเรียบเฉยนั้นไว้แต่น้ำตกรู้ความรู้สึกของเธอดี"แล้วมันทำไม? นาปกับพิมล่ะ??พวกเขาไปไหน?ทำไมเป็นเธอที่พาไลท์มาส่ง?"น้ำตกจับไหล่ของจูหมิงไว้และเริ่มเขย่า
"...มีอุบัติเหตุ...ไฟไหม้คฤหาสถ์...ตอนที่ฉันไปถึง...ก็เหลือแค่ไลท์...คนเดียวแล้ว..."เสียงเธอเริ่มเบาลงจนกลายเป็นเสียงกระซิบ น้ำตกมองเธออย่างตกตะลึง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเพื่อนรักของเขาทั้งสองนั้นตายแล้ว ทั้งนาปและพิมต่างเป็นแม่มดที่เก่งกาจและนิสัยดี ไม่คิดว่าจะมีใครเคียดแค้นมากที่จะฆ่าพวกเขาได้หรือหากเกิดอุบัติเหตุ ไม่มีทางที่พวกเธอสองคนจะพลาด
"ยังงั้นหรอ?...ทำไมกัน..."เขาทรุดตัวลงนั่งอย่าอ่อนเพลีย ปกติถึงจะอยู่ต่างประเทศ แต่ข่าวต่างๆถ้าเทียบกับสายข่าวที่Thynmแล้ว ต่างประเทศนั้นมีข่าวเร็วและชัดเจนกว่าที่Thynmอีกด้วยซ้ำ เพราะบางเรื่องข่าวที่ไทยปิดแต่มันออกที่ข่าวของต่างประเทศก็มีเยอะไป
"สายข่าวถูกเก็บหมด คาดว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการสังหารโดยเจาะจง"เพราะเธอเองก็ไม่คิดว่าการตายของเพื่อนเขาจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ และเธอไม่คิดเหมือนกันว่าเพื่อนของเธอจะตายตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งๆที่ทั้งสองคนตอนเป็นนักเรียนก็มีความสาารถในการต่อสู้ได้สูงมาก
"ว่าแต่นายเถอะ มาอยู่ที่ลอนดอนได้ยังไง? อีกอย่างโรงพยาบาลนี่... กับหมอคนนั้นน่ะ"เธอมองเพื่อนตัวเองอย่างจับผิด เจ้าตัวก็ส่ายหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
"ก็แค่มาทำงานเป็นบุรุษพยาบาลช่วยหมอนี่ไง หมอนิกซ์ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอ?"เขาถามกลับอย่างงงๆ เพื่อนเขาเนียนจะตาย ไปอยู่กับใครแป๊บเดี๋ยวก็ได้เพื่อนเป็นวงกว้างเสียแล้ว"บอกแล้ว แต่..."
"เสร็จแล้วล่ะค่ะ"เสียงประตูเปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งผอมบอบบางของหมอสาวที่อุ้มไลท์ที่หลับไปแล้วอยู่ และเดินมาทางพวกเขา"เฮ้ ชิโมะไม่เห็นต้องอุ้มน้องมาเองเลย เรียกให้ฉันไปทำเองก็ได้นี่?"พวกเขาทั้งสองคนรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินมาหาหมอสาว
"ไม่เป็นไรน่า นี่ค่ะ น้องดูเพลียมาก คงไม่สบายใจแล้วนอนไม่หลับมานาน เดี๋ยวหมอจะให้วิตามินช่วยผ่อนคลายให้นอนง่ายขึ้นนะคะ แล้วก็ข้อมูลดูแลเด็กสำหรับผู้ปกครองใหม่ แล้วก็นัดครั้งต่อไปก็มาอาทิตย์หน้ามาดูความคืบหน้าและค่อยๆรักษาละกันเนอะ เพราะตอนนี้น้องดูโอเคขึ้นแล้ว โดยสรุปไลท์เป็นโรคซึมเศร้าระยะแรกๆแต่ปล่อยไว้ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น..."เธอยื่นไลท์ให้จูหมิงอุ้ม
"เพราะฉะนั้น?"น้ำตกและจูหมิงเอ่ยออกมาพร้อมกัน
"เพราะฉะนั้น... ทุกๆสุดสัปดาห์หมอจะให้น้ำตกไปดูแลบำบัดให้ที่บ้านนะคะ และการรักษาโดยจิตบำบัดมาสัปดาห์ละครั้งที่โรงพยาบาล น้ำตกจะเป็นคนค่อยตรวจอาการของน้องค่ะส่วนหมอจะรักษาตามอาการ คุณอาก็ต้องใส่ใจน้องมากๆนะคะ สวัสดีคะ"เธอพูดอย่างร่าเริงก่อนจะเดินกลับไปในห้องตรวจของเธอ
"ห้ะ เห้ยเดี๋ยวว ชิโมะ เธอตกลงเองได้ไง??"
"เดี๋ยวก่อน!!"
"..."คนเป็นหมอชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปหา
"เราเคยเจอ...กันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า?"
เธอยิ้มและตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบแต่ก็ได้ยินกันทุกคนแต่ไม่ไดหันหน้ากลับไปแต่อย่างใด"ไม่หรอกค่ะ ฉันเองก็เพิ่งเคยเจอคุณเป็นครั้งแรกเช่นกันค่ะ หมอขอตัวก่อนนะคะ"
"เฮ้ยเดี๋ยวๆๆๆๆ คุยกันก๊อนเด..."
แป๊ก
เสียงประตูปิดลง
"...ถ้านายไม่อยากไปก็เปลี่ยนคนก็ได้หนิ?"จูหมิงเลิกคิ้วสูง
"ไม่ได้หรอก นี่เป็นคนสั่งหมอ อีกอย่างยังไหว้วานฉันโดยตรงเนี้ยะ ครั้งนี้ครั้งแรกเลยนะเนี่ยะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกแม้แต่นิด เอาแต่เกรงใจแล้วทำทุกอย่างเอง ปกติหมอน่ะไม่เคยพูดเยอะแล้วก็ห่วงคนไข้มากขนาดนี้เลยนะเนี่ย ไลท์นี่คนแรกเลยโชคดีจังน้า"น้ำตกบ่นหงุบหงิบๆและหันไปจิ้มแก้มไลท์ที่กำลังหลับปุ๋ยจิ๊กๆ
"หมายความว่าไง? หมอไม่เคยเรียกนายช่วย?"
"ความจริงแล้วฉันเป็นคนทำบำบัดจิตให้คนไข้ด้วยแต่ว่าปกติเป็นคู่หูกับยัยนั้มาก็นานเป็นบุรุษพยาบาลประจำแท้ๆแต่ไม่เคยเรียกใช้หรือสั่งการอะไรปุบปับอย่างงี้เลย เพิ่งมาเป็นที่เคสเธอนั้นและคุณไลแคลนสาววว"ดูเหมือนว่าจูหมิงจะงงกับคำพูดของน้ำตกจนลืมทำโทษเมื่อโดนล้อ
"ฉันจะกลับหล่ะ"เธอทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปที่เคาท์เตอร์
ปัง
"เธอจะทำแบบนี่อีกนานไหม?ชิโมะ"น้ำตกว่าขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องตรวจและมองคนที่กำลังมองวิวข้างนอกของโรงพยาบาลอยู่ผ่านกระจกใหญ่ด้านหลังนั้น"ทำอะไรงั้นหรอ?"เธอถามแต่ไม่ได้หันหน้ากลับมา
"ก็ปิดบังตัวเองแบบนี่น่ะ แล้วก็ยิ้มเสแสร้งนั้นด้วย"น้ำตกพูด
"อืมม ไม่รู้สิ... แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?"
"ฉันจะไปรู้กับเธอไหมเล่ายัยแวมไพร์ใกล้ตาย!?"เขาขึ้นเสียงอย่างเหลืออด และเดินปึงปังๆออกไปจากห้องตรวจ
"จูหมิง...งั้นหรอ?..."
.
.
.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ