GHOST

8.5

เขียนโดย นางแกงพเนจร

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 23.13 น.

  14 บท
  7 วิจารณ์
  23.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 05.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

4

                “กริ๊ง!”

“สวัสดีครับ รูทส์คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ” เสียงของพนักงานในร้านอาหารชื่อดังย่านสะพานใหม่ ร้านคาเฟ่ที่ไม่ได้มีดีแค่เครื่องดื่มอร่อยๆถูกปากถูกใจขายเท่านั้น แต่ยังมีอาหารรสเลิศ พื้นที่กว้างขวาง และที่สำคัญเปิดตลอด 24 ชั่วโมงไม่เคยปิด สาวสวยหน้าคม ผมบลอนด์สว่าง เธอสวมเสื้อยืดคอวีกับกางเกงนูดี้สีดำ เสื้อคลุมและรองเท้าหุ้มส้นเดินเข้ามานั่งในร้าน

“เมนูครับ” พนักงานเสิร์ฟนำเมนูอาหารในร้านมายื่นให้กับเธอ

“ขอบคุณค่ะ” สาวหน้าคมรับเมนูจากเขา เธอกำลังมองบรรยากาศในร้านที่แสนจะน่านั่งแห่งนี้ ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายเน้นความโปร่งโล่งสบาย มีเสียงเพลงเปิดคลอไปเรื่อยๆ เพราะมันไม่เคยปิดจึงเป็นที่รวมตัวสำหรับเหล่ามนุษย์กลางคืนทั้งหลาย คนที่ไม่มีที่ไปหรือไม่ก็ไม่รู้จะไปไหน

“จะสั่งอะไรดีครับ?” พนักงานเสิร์ฟถามเธอ

“อ่อ ขอโทษค่ะ ร้านสวยดีนะคะ ที่นี่มีอะไรเด็ดบ้างเอย?” สาวหน้าคมถามกลับ

“เบอร์เกอร์ไก่รมควันดีไหมครับ?” พนักงานแนะนำ

“ก็ดีค่ะ” สาวสวยยิ้ม

“เครื่องหละครับ?” พนักงานถามต่อ

“เอามิลค์เชคแล้วกันค่ะ” เธอส่งเมนูคืนให้พนักงาน เธอหันหน้ามองออกไปนอกร้าน ครุ่นคิดถึงเรื่องบางเรื่อง เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วก็กดโทรศัพท์เข้าไปส่องเฟสบุกของใครบางคน เธอเลื่อนดูไทม์ไลน์ไปเรื่อยๆ

“นั่งด้วยได้ไหม?” เสียงหวานแหววของหญิงสาวดวงตาเปล่งประกายกำลังยืนส่งยิ้มให้กับเจ้าของโต๊ะ

“เอาสิ” เมื่อได้รับคำเชิญ เธอจึงเข้ามานั่งทันที เธอส่งยิ้มให้กับเจ้าของโต๊ะตลอด

“มาคนเดียวเหรอ?” เธอถามเจ้าของโต๊ะ

“ใช่ ฉันมาคนเดียว แล้วเธอหละมาคนเดียวเหรอ?” สาวหน้าคมถามกลับ

“ใช่ ฉันมาตามหาคนน่ะ” เธอตอบกลับ

“แล้วเจอไหม?” สาวหน้าคมถามต่อ

“เอิ่มไม่รู้สิ เดี๋ยวก็คงเจอมั่ง” เธอตอบกลับ เจ้าของโต๊ะจึงพยักหน้าคล้อยตามไป

“ฉันลาไมยนะ เธอหละ?” เธอแนะนำตัว

“เธอชื่อเพราะจัง ฉันเอวาจ่ะ” สาวหน้าคมแนะนำตัวกลับ

“เธอสวยจังเอวา” ดวงตาเปล่งประกายของลาไมยเจิดจ้ามากจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเขินแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ตามที สองสาวพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนเวลาผ่านมาเนิ่นนาน ทั้งสองคนดูเข้ากันได้ดี พวกเธอหัวเราะเสียงดัง

“5555 จริงเหรอเนี่ยเอวา เธอดูสวยแบบนี้ ฉันไม่คิดว่าเธอจะกล้านะ” ลาไมยพูดไปยิ้มไป เธอดูมีความสุขมากๆ

“อะไรกัน เขาถึงได้บอกยังไงหละว่าอย่ามองคนที่หน้าตาอย่างเดียว แต่ต้องมองที่ความบ้าต่างหาก 5555” เอวาดูสนุกสนานมากกับการได้เพื่อนใหม่

“ว่าแต่ฉันไม่เคยเห็นเธอแถวนี้เลยนะ เพิ่งย้ายมาเหรอ?” ลาไมยถาม

“ใช่แล้วหละ” เอวาตอบ เธอดูไม่สนุกกับคำถามนี้เท่าไหร่

“ย้ายมาทำไมอะ เธอมาจากที่ไหนเหรอ?” ลาไมยถามต่อ เธอดูอยากรู้อยากเห็นมาก

“ฉันมาจากน่าน ก็นะ คนเรามันก็มีช่วงเวลาที่ไม่ดีๆบ้าง และเมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง ถ้าแก้ไม่ได้ก็แค่ถอยออกมาก่อน มาคิดทบทวนอะไรไปเรื่อยๆ” เอวาดูกระอักกระอวนที่จะตอบคำถามนี้ เธอไม่มองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ ได้แต่นั่งกุมมือแน่นขึ้น

“อย่าคิดมากสิ ฉันก็ถามไปอย่างนั้นหละ สาวๆกรุงเทพขี้เม้าส์ทั้งนั้น เดี๋ยวเธอก็ชิน” ลาไมยอยากทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นจึงพูดอะไรติดตลก แล้วก็กุมมืออีกฝ่ายเบาๆ ซึ่งมันก็ได้ผลเอวารู้สึกดีขึ้นจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย

“อีกอย่างนะ คนทุกคนล้วนมีปัญหากันทั้งนั้น ใครบ้างไม่มี อย่างฉันนะ พ่อแม่ของฉันเสียไปตั้งแต่ฉันสิบสอง” ลาไมยเริ่มพูดเรื่องของตัวเองบ้าง

“อ่าว แล้วตอนนี้เธออยู่กับใครหละ?” เอวาถามต่อ

“พี่ชายฉันน่ะ เราเหลือกันแค่สองพี่น้อง ฉันกับพี่ชายเรารักกันมากนะ แต่บางครั้งความคิดเห็นของเราสองคนก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ฉันกับเขามีอุดมการณ์คล้ายกัน ความฝันเหมือนกัน ช่วยกันคว้ามา แต่บางทีเขาฉุนเฉียว ส่วนฉันก็อยากเป็นตัวของตัวเอง บางทีฉันก็อยากรู้เหมือนกันนะถ้าพ่อแม่ฉันยังอยู่ เราสองพี่น้องจะโตมาเป็นผู้ชายกับผู้หญิงแบบไหนกัน จะดีหรือแย่กว่าทุกวันนี้ไหม” ลาไมยเล่าต่อ สีหน้าเธอดูไร้ความสุข แววตาหดหู่อย่างเห็นได้ชัด

“ก็เป็นตัวเธอเองไง จะดีหรือร้าย มันก็คือเธอ” เอวาปลอบใจเธอบ้าง

“ขอบใจนะ” ลาไมยส่งยิ้มให้กับเธอ

“เดี๋ยวฉันมานะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เอวารู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา อาจจะเพราะว่าเธอดื่มมิลค์เชคไปแล้วสองแก้ว บวกกับแอร์ในร้านเลยทำให้ปวดฉี่ เธอลุกออกแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำ

“รับอะไรเพิ่มไหมครับ?” พนักงานเสิร์ฟเดินมาถามลาไมย

“ไม่ล่ะ ฉันพอแล้ว” เธอหันไปตอบเขา หญิงสาวดวงตาเปล่งประกายคนนี้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนราวกับเป็นคนละคนเมื่อเจ้าของโต๊ะลุกออกไป เธอดูเย็นชาและน่ากลัวแปลกๆ

                “ว๊ายยยยยย ฟูม!!!! เพล้ง!” เสียงคนในร้านเอิกเกริกโกลาหล ข้าวของกระจัดกระจาย เอวากำลังทำธุระอยู่ในห้องน้ำหญิงเธอถึงกับตกใจและรีบออกมาจากห้องน้ำ สิ่งที่เธอพบก็คือร้านสุดชิลล์และชิคตอนนี้ถูกไฟลามไปทั่วทั้งร้าน เผาวอดวายทุกสิ่ง เธอตกใจมากและเธอก็สังเกตเห็นหญิงสาวตาหวานเปล่งประกายเพื่อนรวมโต๊ะของเธอ กำลังยืนอยู่กลางร้านท่ามกลางกองไฟอันร้อนแรง

“ลาไมย เธอไม่ทำอะไรตรงนั้น! ออกมาเร็วเข้า!” เอวาตะโกนไปหาอีกฝ่าย สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงรอยยิ้มที่น่ากลัวเหมือนสาวโรคจิต เธอสังเกตเห็นร่างพลังงานก่อตัวขึ้นเคียงข้างลาไมย เขาโค้งแหลมยาวรูปพระจันทร์เสี้ยวและรอยยิ้มของมันน่ากลัวไม่แพ้ร่างทรงของมันเลย เอวาตะลึงกับสิ่งที่เห็นเธอเริ่มตั้งสติและหาทางหนีออกจากร้านไปให้ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เปลวไฟจะลุกลามล้อมหน้าล้อมหลังเหลือไว้เพียงตรงกลางร้าน ที่ที่ความน่ากลัวยืนอยู่ก็ตาม เธอตัดสินใจวิ่งไปทางขวามือหวังจะฝ่าดงไฟออกจากร้านไป แต่ไฟกลับปะทุขึ้นตรงหน้าเธอราวกับมันรู้ทันเธอและไล่ต้อนเธอกลับมาที่ตรงกลางร้านเหมือนเดิม

“เธอโชคดีนะ ส่วนใหญ่ถ้าได้เจอกับพี่ชายฉันเขาจะไม่พูดมากแบบนี้หรอก อ่าว จินของเธออยู่ไหนหละ ดึงมันออกมาสิ” ลาไมยฉีกยิ้มกว้างน่ากลัว แววตาเปล่งประกายและแสนสุดจะเย็นชา เอวากลัวสุดขีดเธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความตาย เธอไม่รู้จะสู้กับมันยังไง น้ำตาเธอเริ่มคลอเบ้า ปากของเธอสั่นกระพือ

“น่าผิดหวังจริงๆ ดีแล้วหละ น่าผิดหวังแบบนี้ฉันจะจัดการคนเดียว เธอดูเป็นคนใจดี ยอมให้ฉันเถอะนะ Skia!” ลาไมยเอ่ยชื่อและหันไปมองที่ร่างพลังงาน มันฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าร่างทรงของมัน มันเคลื่อนตัวมาข้างหน้าในชั่วพริบตาเปลวไฟจากร่างของมันพุ่งตรงมาที่เอวาอย่างรวดเร็ว สาวหน้าคมตกใจจึงเอาแขนซ้ายขึ้นป้องไว้ด้วยสัญชาตญาณแม้ว่าเปลวไฟยังมาไม่ถึงก็ตาม และแล้วสิ่งที่ลาไมยคาดหวังจะเห็นก็เกิดขึ้นเมื่อร่างของเอวาส่องแสงสว่างจ้าสีขาวก่อนที่จะ...

“ฟริ้ง!!” วงแหวนพลังงานสีเขียวปรากฏขึ้นรอบตัวลาไมย มันเข้าบีบรัดเธอทันที ทำให้ Skia หายไปในชั่วพริบตา ลาไมยเสียสมาธิและกำลังขาดสติ เธอพยายามดิ้นออกจากวงแหวนนี้ มันแข็งราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในใจกลางของหินผา หญิงสาวหน้าหวานสวมเชิ้ตสีขาวกับยีนส์ขายาวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเอวาพร้อมกับร่างพลังงานของเธอ ภูติป่าสีเขียวแสนสง่า

“ลาไมย อิราโบโลส ฉันชื่อว่า เลโกน่า วีลา จากหน่วยพิเศษ JUC สังกัด CSD ขอจับกุมเธอ” สาวหน้าหวานแนะนำตัว

“พวกร่างทรงของ CSD อีกแล้วเหรอ! พวกแกมีกี่คนบอกฉันมานะ!!” ลาไมยดูโกรธเกรี้ยวขึ้น ขณะที่กองเพลิงรอบๆร้านยังไม่มีวี่แววมอดดับลงเลย

“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเธอ แต่ฉันจะถามว่าพี่ชายของเธอ อเซวิสอยู่ที่ไหน?” เลโกน่าถามกลับ เอวายืนตะลึงกับสถานการณ์ตรงหน้าของเธอ ลาไมยพยายามดิ้นสุดกำลัง เธอดูโกรธมาก แววตาของเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับปีศาจร้ายในขุมนรก

“อเซวิสอยู่ที่ไหน?” เลโกน่าถามซ้ำอีกครั้ง Zelena บีบวงแหวนให้แน่นขึ้นเพื่อทรมานอีกฝ่าย และในที่สุดลาไมยก็แผดเสียงคำรามออกมา วงแหวนถูกทำลายสิ้นซาก เปลวไฟร้อนระอุขึ้นราวกับว่าที่นี่คือภูเขาไฟระเบิดไปเรียบร้อยแล้ว ความร้อนสูงขึ้นทวีคูณ ลาไมยสายตาเยือกเย็นจนน่าขนลุก ร่างพลังงานของเธอปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง

“ความโกรธ ความโกรธของเธอเป็นอาหารของมัน” เอวาพูดกับสาวหน้าหวานที่ยืนบังเธออยู่

“พวกแกสองคนต้องตาย ฉันฆ่าได้สองพลังของฉันจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ” ลาไมยตะโกนออกมา เธอค่อยๆย่างกรายเข้าหาสองสาวขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้เธอได้กำชัยชนะไว้แต่เพียงผู้เดียว

“จับตัวฉัน” เลโกน่าหันมาพูดกับเอวา ลาไมยใกล้เข้ามามากขึ้น มากขึ้น เธอไม่ต้องรีบร้อนอะไร เปลวไฟทั้งด้านซ้ายขวาบีบเข้ามาใกล้จนแทบจะเผาไหม้ผิวหนังของทั้งสองสาวได้เลย

“Zelena!!!” สิ้นเสียงของเลโกน่า ร่างพลังงานของเธอเปล่งแสงสีเขียวออกมา มันครอบคลุมร่างทั้งสองสาวจากนั้นเปล่งแสงสว่างจ้าในชั่วพริบตา ทั้งสองสาวอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!” ลาไมยที่กำลังกุมชัยชนะไว้ในมือ ความสำเร็จเมื่อวินาทีก่อนบัดนี้มันกลายเป็นความล้มเหลว เธอไม่อาจตามตัวทั้งสองคนกลับมาได้ เธอกรี๊ดลั่นด้วยความเจ็บแค้นท่ามกลางเปลวไฟนรกของเธอ

                “ฮัลโหลว่าไง น้องได้ตัวมันไหม?” อเซวิสรับสายโทรศัพท์จากน้องสาวของเขา

“พี่.... ฉัน ฉันขอโทษ มันหลุดมือไปแล้ว ฉันพลาดดด” ลาไมยร้องไห้ฟูมฟาย

อเซวิสถอนหายใจ เขาดูอารมณ์เสีย ลูบหัวตัวเองแรงๆ “เธอพลาดเหรอ เธอเผาร้านรูทส์คาเฟ่ เป็นข่าวดังขนาดนั้น แต่เธอกลับบอกฉันว่าเธอพลาดเหรอ!!” อเซวิสใส่อารมณ์

“มีคนมาช่วยมัน คนจากส่วนกลาง พวกผู้ใช้จิน พี่ต้องบอกให้พวกพันธมิตรส่งคนมาช่วยเรานะ” ลาไมยพูดต่อ เธอยังไม่หยุดร้อง

“ช่วยอะไร นี่มันเรื่องของเราไม่เกี่ยวกับพวกพันธมิตร อีกอย่างเธอก่อเรื่องขนาดนี้ใครจะช่วยเธอ คิดสิลาไมย ครั้งนี้ฉันไม่น่าปล่อยให้เธอเป็นคนทำเลยจริงๆ ฉันน่าจะเชื่อใจตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องพลาด!” อเซวิสตะโกนใส่ลาไมย เธอรู้สึกจุกและหยุดร้องไห้เริ่มตั้งสติ

“กลับมาลาไมย พี่จะไปล่าตัวมันเอง” อเซวิสออกคำสั่ง

“ไม่!!!” ลาไมยสวนกลับ

“ว่าอะไรนะ?” อเซวิสถาม

“พี่จุดไฟด้วยตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ ส่วนเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะล่าตัวมันเอง เก็บกวาดคฤหาสน์รอได้เลย!” ลาไมยตอกเขากลับ

“ลาไมย!”

“ตื้ด..ตื้ด..ตื้ด..ตื้ด..ตื้ด” เธอตัดสายไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา