FARIUS
7.3
เขียนโดย eyetarsz
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 19.05 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
3,912 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 19.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) กริมส์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกริมส์
หลังจากที่โดนเฮลเลนกระทืบจนอ่วม ฟาเรียสก็ค่อยๆ รุดกายขึ้นมาจากดินด้วยสภาพที่สุดแสนจะสมบูรณ์ อดพึมพำเบาแบบเบ๊าเบาไม่ได้
“ก็ข้าไม่รู้จักจริงๆนี่นา” คำพูดนั้นทำให้เฮลเลนตวัดหน้าหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว ก็จะก้าวเท้าอันแข็งแกร่งของเธอฉับๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าฟาเรียส เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“หากเจ้าไม่รู้จักมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในทวีปซีเอลโลแห่งนี้ เจ้าก็ไม่สมควรรับปากใครหรือทำอะไรแล้วเฟ้ย!!” อาาาาาา...ช่างเป็นคำพูดที่ผิดกับหน้าตาของนางจริงๆขอรับ
“ก็ข้าอยู่หมู่บ้านห่างไกลนี่นา แถมแค่ก้าวเท้าออกจากบ้านข้ายังทำไม่ได้เลย พวกคนในหมู่บ้านชอบว่าว่าข้าเป็นตัวอันตราย” อดตัดพ้อเล็กๆไม่ได้ เฮลเลนเห็นท่าทีเหงาหงอยดังนั้นจึงเงียบไป “เอ่อ..ท่านเฮลเลนขอรับ เรากำลังจะเดินทางไปที่ไหนหรือขอรับ” ฟาเรียสถามขึ้นหลังจากที่เขาเดินทางมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
“ก็ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าจะให้เจ้าพาข้าไปเรียนที่ซีลเลีย เจ้าต้องรักษาสัญญาสิ” เฮลเลนหันกลับมาพูด ก่อนจะเดินต่อไปเรื่อยๆ นานเข้าฟาเรียสก็เริ่มเหนื่อยเพราะเขาถูกเจ้ากิ้งก่าบ้านั่นขโมยแอปเปิ้ลไป ทำให้เขาไม่มีอันจะกินอยู่แบบนี้ คิดแล้วโมโหจริงๆ
โครกกกกก
เสียงท้องของาเรียสดังสนั่นหวั่นไหวราวฟ้าร้องก็ไม่ปาน เฮลเลนหันมามองเขา ก่อนจะหยิบของออกจากสร้อยที่ห้อยคอของเธออยู่ ฟาเรียสมองตามมือของเฮลเลนก่อนจะเห็นว่ามันคือมันคือผลไม้นานาชนิด แค่เห็นก็อยากกินแล้วอ่ะ เฮลเลนเสกผ้าปูสีดำก่อนจะวางผลไม้ลงไปบนผ้าปูนั้น เธอนั่งลงแล้วหยิบผมไม้มากินเหลือบตามองฟาเรียสเล็กน้อยก่อนจะกินต่ออย่างไม่สนใจอะไร
ฝ่ายฟาเรียสที่เห็นว่าเฮลเลนทำเช่นนั้นก็คิดว่าเธอคงจะแกล้งเขาแล้วกระมัง เขายืนมองเฮลเลนกินอยู่อย่างนั้น ก่อนเธอจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา
“จะยืนบื้ออีกนานมั้ย หิวไม่ใช่หรือไงห้ะ หรือกินผลไม้ไม่เป็น?” ฟาเรียสอยากจะส่ายหน้าแรงๆ กับข้อกล่าวหานั้น เข้านั่งลงอย่างรวดเร็ว แล้วเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะมีบางอย่างคว้ามันไป เขาจึงหันไปมองก่อนจะพบกับเจ้าอาร์มาดิลตัวเดิม เพิ่มเติมคือมันขโมยของอีกแล้ว!!!
“เจ้า!!! เมื่อซักครู่เจ้าแย่งแอปเปิ้ลข้าไปผลหนึ่งแล้ว คราวนี้ยังจะแย่งข้าไปอีกงั้นหรือ” เขาเอื้อมมือไปจับแอปเปิ้ลในอุ้งเท้าของอาร์มาดิลตัวนั้น แต่มีหรือที่มันจะยอมให้เขาไปได้ง่ายๆ พวกเขายื้อยุดฉุดแย่งแอปเปิ้ลเพียงลูกเดียว ในขณะที่บนผ้าที่เธอปูไว้มีเป็นสิบ!!! เธองงกับอุปนิสัยของฟาเรียสมากเลย หรือว่าเขาจะเป็นบ้า?
“นี่เจ้าน่ะ...ข้ายังมีให้อีกนะ ไม่เห็นต้องไปแย่งมันเลย” เฮลเลนเอ่ยบอก เพียงแต่ฟาเรียสไม่สนใจ พยายามเอาแอปเปิ้ลลูกนั้นกลับมาให้ได้ เฮลเลนที่ทนไม่ไหวจึงใช้บาทาอันแข็งแกร่งของเธอไปประดับไว้บนหน้าฟาเรียส(อีกแล้ว) แล้วใช้นิ้วดีดเจ้าอาร์มาดิลนั่นให้ไปอยู่บนหน้าของฟาเรียสอย่างพอดิบพอดี
“เจ้าหนึ่งตัวกับอีกหนึ่งคนเป็นบ้าอะไร แค่แอปเปิ้ลลูกเดียว แบ่งครึ่งกันก็ได้นี่ถ้าอยากกินขนาดนั้นน่ะ บ้า!!!” วันนี้ฟาเรียสได้ยินคำว่าบ้าจากปากเธอกี่ครั้งกันแล้วนะ ไม่อยากจะนับเลย แต่พอเฮลเลนเสนอทางเลือกนั้นมา เขาจึงแบ่งแอปเปิ้ลเป็นสองซีก ส่งให้เจ้าอาร์มาดิลครึ่งหนึ่ง ให้เขาอีกครึ่งหนึ่ง แล้วหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวก็กินและอยาร่วมกันอย่างสงบสุข แฮปปี้เอนดิ้ง
“เมื่อซักครู่ข้าคงทำรุนแรงกับท่านมากเกินไป ขออภัยด้วย” ฟาเรียสหันหน้าเข้าหาอาร์มาดิลตัวนั้นก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง เจ้าอาร์มาดิลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฟาเรียสก่อนที่ทั้งสองจะมองกันอย่างลึกซึ้งมีความหมาย จนเฮลเลนอดคิดไม่ได้ว่าฟาเรียสจะเป็นคนบ้าจริงๆ อย่างที่เธอกล่าวหาเขาหรือไม่
“ข้าขอตั้งชื่อให้ท่านเลยก็แล้วกัน” เฮลเลนที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มถึงกับพ่นออกมาดังพรวด เธอมองฟาเรียสอย่างอึ้งๆ นี่มันคิดจะเอาอาร์มาดิลที่เอาแต่ใจ เลี้ยงยากแถมชอบทำตัวจู้จี้น่ารำคาญเป็นที่สุด เอามันมาเลี้ยงเท่ากับว่าต้องตกเป็นทาสมันนะเห้ยย เอาจริงดิ “นี่ๆ ท่านเฮลเลน ข้าขอเลี้ยงอาร์มาดิลตัวนี้ได้หรือไม่ขอรับ”
ฟาเรียสหันปส่งสายตาอ้อนวอนเฮลเลน เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า เขายิ้มกว้างให้เธอก่อนจะหันไปดูเจ้าอาร์มาดิลว่ามันเป็นเพศอะไร หลังจากที่ลูบๆคลำๆดูซักพัก เขาจึคิดเองเออเองเลยละกันว่ามันเป็นตัวเมีย ก่อนจะทำหน้านึกชื่อแล้วตะโกนออกมาดังลั่น
“ข้านึกออกแล้ว ท่านชื่อ ‘ออเดรย์’ นะขอรับ!!” อาร์มาดิลที่ได้ยินชื่อเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของใหม่เล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหน้าไปกินแอปเปิ้ลต่อ แต่ฟาเรียสกลับคิดว่าสัตว์เลี้ยงที่ตนได้มาใหม่พยักหน้าพึงพอใจซะงั้น
“นี่ๆ ท่าเฮลเลน เราจะไปที่ซีลเลียตอนไหนหรือขอรับ” ฟาเรียสที่อุ้มออเดรย์ขึ้นมาเกาะไว้บนไหล่เขาทักถามขึ้น
“ตอนนี้...เดี๋ยวนี้เลยด้วย ข้าอยากไปเที่ยว” กล่าวจบหญิงสาวก็เร่งจำอ้าวไปอย่างรวดเร็ว จนฟาเรียสที่เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามไป
“รอข้าด้วยขอรับ!!!”
.
.
.
กรร!
ก่อนที่ฟาเรียสและเฮลเลนจะออกวิ่ง เขาก็มีความรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของสัตว์ขู่ แต่พอเขาหันไปรอบๆกายกลับไม่พบอะไร จึงไม่ได้ใส่ใจสิ่งนั้น แล้ววิ่งตามเฮลเลนต่อไป
พวกเขาสองคนวิ่งตามกันมาจนเวลาพลบค่ำ เฮลเลนเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น
“ข้าว่าเราพักกันก่อน แล้วค่อยไปกันต่อเถอะ” ฟาเรียสที่ได้ยินดังนั้นจึงเตรียมพร้อมที่จะล้มกายลงนอน แต่ขณะที่หัวเขากำลังจะถึงพื้นนั้น เฮลเลนกลับกระชากเขาขึ้นมาเสียก่อน ก่อนจะดึงเขาเข้ามาหลบด้านหลังเธอ
ฟาเรียสมีท่าทีงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคนกับอีกหนึ่งตัวคือ ‘วูฟาเวีย’ หรือ
‘หมาป่าอสูร’ ถึงแม้เขาจะไม่เคยออกจากหมู่บ้านแต่เขาก็อ่านหนังสือมามากจนพอจะรู้ว่ามันคือตัวอะไร
“ท่านเฮลเลนขอรับ ปกติวูฟาเรียจะอยู่แถบตรงที่ข้าเจอกับท่าไม่ใช่หรือ เหตุใดมันจึงมาอยู่แถวนี้เล่าขอรับ” เอ่ยถามอย่างงุนงง เฮลเลนไม่ตอบอะไร เพียงแต่หญิงแส้ที่เธอใช้ตอนฟาดใส่ฟาเรียสขึ้นมา ก่อนจะตั้งท่าพร้อมโจมตี
“อยู่เงียบๆไป อย่าขัดสมาธิข้า...เข้าใจไหม!!” คำพูดที่เหมือนจเป็นประโยคคำถาม แต่กลับเป็นประโยคคำสั่งที่เขาต้องตอบว่าเข้าใจเพียงเท่านั้น ฟาเรียสพยักหน้าเล็กน้อย วูฟาเรียที่เห็นช่องโหว่จึงกระโจนใส่หวังจับสองคนนี้เป็นอาหารในทันที แต่เฮลเลนเร็วกว่า เธอตวัดแส้ใส่หมาป่าอสูรตัวนั้น จนมันร้องครางหงิงๆ อย่างขอความเห็นใจ เพราะโดยปกติแล้วนั้น วูฟาเรียเป็นสัตว์อสูรที่รักสันโดษ ชอบอยู่คนเดียว โดดเดี่ยว ไม่ชอบสุงสิงกับคัวอื่น หากมีครอบครัว ก็จะเลี้ยงดูลูกจนพอจะดูแลตัวเองได้แล้วก็จะปล่อยลูกไป
เฮลเลนเห็นดังนั้นจึงจะฟาดแส้ลงไปอีกคราหวังที่จะตัดหัวเจ้าหมาป่าอสูรนี่ทิ้ง แต่ฟาเรียสกลับวิ่งมาขวางเอาไว้ พร้อมตะโกนอย่างสุดเสียง
“อย่าฆ่ามันเลยนะขอรับท่านเฮลเลน” ครั้นเจ้าวูฟาเรียเห็นฟาเรียสเข้ามาขัดเช่นนั้นแล้ว จึงคิดว่าเอาหมอนี่เป็นเหยื่อเนี่ยแหละ ดีสุด ‘เจ้าโง่เองนะเจ้ามนุษย์’ วูฟาเรียกระโจนเข้าหาฟาเรียสอย่างรวดเร็วก่อนจะงับร่างของฟาเรียสแล้ววิ่งหายเข้าไปในป่า
เฮลเลนที่เห็นฟาเรียสถูกจับตัวไปเช่นนั้นก็ยอมไม่ได้ ไล่ตามวูฟาเรียไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหมาบ้านั่นกล้าดีอย่างไร มาขโมยตัวการสำคัญที่จะพาเธอไปเที่ยวที่เมืองซีเอลโล อย่าหวังเลยว่าจะรอด ไอ้หมาบ้า(ฟาเรียส) นั่นก็อีกคน เป็นบ้าอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ก็เข้ามาขวาง ไม่โง่ทำไม่ได้นะบอกก่อน
ฝ่ายวูฟาเรียที่เห็นว่าเฮลเลนไล่ตามมา มันก็เร่งสปีดตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะต้องเบรกดังเอี๊ยดเมื่อข้างหน้าขอมันคือต้นไม้ขนาดใหญ่ หากไม่หลบคงมีมึนกันไปข้าง เป็นเหตุทำให้เฮลเลนไล่ตามอยู่ตามมาทัน ฟาเรียสเห็นเธอเตรียมฟาดแส้ลงมาจึงเอ่ยอีกว่า
“ท่านเฮลเลนขอรับ เลี้ยงเจ้านี่อีกตัวได้มั้ย ข้าเคยอ่านว่าหากทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรพวกนี้ พวกมันก็จะไม่ทำร้ายเราน่ะขอรับ” มันจะรับเลี้ยงสัตว์อีกแล้วหรอฟะ?! คิดว่าเธอเปิดบ้านรับอุปถัมภ์สัตว์หรือไง
“เจ้าคิดหรือว่ามันจะยอมทำพันธะสัญญากับเจ้าน่ะ ห้ะ?!” เธอแทบจะตะโกนใส่หน้าของฟาเรียส แต่ฟาเรียสกลับพูดในสิ่งที่ทำให้เจ้าหมาป่าอสูรต้องยอมจำนนแต่โดยดีนั่นก็คือ
“ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมรับข้าเป็นนาย ก็ให้ท่านฆ่าทิ้งได้เลยขอรับ” เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันแสนน่ารักแต่กลับทำให้หมาป่าอสูรสะดุ้งเฮือก ส่งกระแสจิตบอกเฮลเลนด้วยความรวดเร็ว
‘ข้ายอมรับทั้งท่านแล้วก็เขาเป็นนาย ได้โปรดอย่าหวดแส้ใส่ข้าอีกเลย แงงงง’ บางครั้งเฮลเลนก็คิดว่าเจ้าหมาป่านี่ปัญญาอ่อน
หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วว่าฟาเรียสและเฮลเลนจะเป็นนายของตน ทั้งสามจึงเริ่มทำพันธะสัญญากันโดยมีออเดรย์ร่วมเป็นสักขีพยาน ขั้นตอนในการทำพันธะสัญญานั้นไม่มีอะไรมาก แค่กรีดเลือดของกันและกันลงในพาชนะเพื่อไว้ผสม จากนั้นก็เทใส่ขวดเล็กๆ ตามจำนวนผู้ที่ทำพันธะสัญญา แล้วร่ายเวทย์ ซึ่งในส่วนนี้เฮลเลนเป็นผู้ทำแต่เพียงผู้เดียว เพราะอีกสองคนนั้นไม่น่าจะทำได้ ก่อนจะเก็บไว้กับตัวคนละขวดเป็นอันจบพิธี
“งั้นท่านก็ต้องมีชื่อสินะ...อืมมม ท่านเป็นหมาป่าอสูร แถมยังเป็นตัวผู้...งั้นชื่อ!!!” ก่อนที่ฟาเรียสจะเอ่ย เฮลเลนกลับเอ่ยขัดเสียก่อน
“กริมส์ เจ้าชื่อกริมส์ละกันนะ” ฟาเรียสที่ถูกเอ่ยขัดทำหน้าไม่พอใจ จะเอ่ยขัด แต่พอเห็นสายตาของเฮลเลนแล้วทำเอาเขาหุบปากลงแทบไม่ทัน เจ้ามาป่าอสูรที่ได้ยินชื่อใหม่นั้นก็กระโดดดีใจ โถมตัวเข้ามากอดเฮลเลนด้วยความรักจนนางล้มตึงลงไป
‘ขอบคุณขอรับเจ้านาย ฮี่ๆ’ กระแสจิตถูกส่งมาจากกริมส์อีกครั้ง ทำเอาเฮลเลนคิดในใจ ‘มันน่าจะชื่อหมาบ้ามากกว่ามั้ง’ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ก่อนจะนึกขึ้นได้
“นี่กริมส์ ข้ามีภารกิจแรกให้เจ้าทำ” เฮลเลนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวในความคิดของฟาเรียส ก่อนเธอจะเอ่ยต่อ “พาพวกข้าสองคนไปที่อาณาจักรซีเอลโลเดี๋ยวนี้!!” ออกคำสั่งอย่างน่ากลัว กริมส์ขานรับอย่างแข็งขัน ก่อนจะช้อนเจ้านายใหม่ทั้งสองขึ้นสู่หลังแล้ววิ่งไปยังอาณาจักรซีเอลโลอย่างรวดเร็ว
ไม่นานกริมส์ก็พอเจ้านายใหม่ทั้งสองของตนมาถึงหน้าซุ้มประตูที่เขียนว่า ‘อาณาจักรซีเอลโล’
หลังจากที่มาถึงหน้าซุ้มประตู เฮลเลนก็ดีใจกระโดดลงจากหลังหมาป่าอสูร ก่อนจะเดินเข้าซุ้มประตูด้วยสีหน้าเบิกบานใจ ฟาเรียสจึงอุ้มออเดรย์ขึ้นมาแล้วลงจากหลังของกริมส์ ปล่อยให้มันเดินตามหลังพวกเขาเข้าไปในซุ้มประตูบานใหญ่นั่น
พอพวกเขาก้าวผ่านซุ้มประตูไป ทำให้พวกเขานั้นอึ้งมาก เพราะสภาพด้านนอกที่พวกเขาจากมานั้นต่างจากสภาพด้านในนี้มาก ฟาเรียสตาโตอ้าปากค้าง พวกเขาทั้งสามค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ โดยมีออเดรย์นอนเกาะอยู่บนใหล่ของฟาเรียสอย่างสบายใจก่อน เฮเลนจะรู้สึกว่ารอบข้างนั้นเงียบลง จึงละสายตาจากสิ่งที่มองอยู่ แล้วหันมามองรอบข้างตัวเองแทน พอเฮลเลนหยุดมอง ฟาเรียสก็หยุดมองเช่นกัน ก่อนที่ผู้คนรอบข้างจะพากันคุกเข่าลงแล้วก้มหน้า ในคราแรกทั้งฟาเรียสและเฮลเลนต่างงุนงง คิดว่าชาวบ้านนั้นก้มหัวคุกเข่าให้พวกเขา แต่สายตาของฟาเรียสกลับมองเห็นกลุ่มคนที่กำลังเดินมาทางพวกเขา พร้อมกับเสียงของผู้คนที่กำลังก้มหัวอยู่
“ท่านราฟาเอลจงเจริญ!!” เอาตรงๆ จากใจของฟาเรียส ‘ใครวะขอรับ!!’
...
..
.
สติไม่มีจริงๆนั่นแหละเจ้าค่ะ 5555
หลังจากที่โดนเฮลเลนกระทืบจนอ่วม ฟาเรียสก็ค่อยๆ รุดกายขึ้นมาจากดินด้วยสภาพที่สุดแสนจะสมบูรณ์ อดพึมพำเบาแบบเบ๊าเบาไม่ได้
“ก็ข้าไม่รู้จักจริงๆนี่นา” คำพูดนั้นทำให้เฮลเลนตวัดหน้าหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว ก็จะก้าวเท้าอันแข็งแกร่งของเธอฉับๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าฟาเรียส เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“หากเจ้าไม่รู้จักมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในทวีปซีเอลโลแห่งนี้ เจ้าก็ไม่สมควรรับปากใครหรือทำอะไรแล้วเฟ้ย!!” อาาาาาา...ช่างเป็นคำพูดที่ผิดกับหน้าตาของนางจริงๆขอรับ
“ก็ข้าอยู่หมู่บ้านห่างไกลนี่นา แถมแค่ก้าวเท้าออกจากบ้านข้ายังทำไม่ได้เลย พวกคนในหมู่บ้านชอบว่าว่าข้าเป็นตัวอันตราย” อดตัดพ้อเล็กๆไม่ได้ เฮลเลนเห็นท่าทีเหงาหงอยดังนั้นจึงเงียบไป “เอ่อ..ท่านเฮลเลนขอรับ เรากำลังจะเดินทางไปที่ไหนหรือขอรับ” ฟาเรียสถามขึ้นหลังจากที่เขาเดินทางมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
“ก็ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าจะให้เจ้าพาข้าไปเรียนที่ซีลเลีย เจ้าต้องรักษาสัญญาสิ” เฮลเลนหันกลับมาพูด ก่อนจะเดินต่อไปเรื่อยๆ นานเข้าฟาเรียสก็เริ่มเหนื่อยเพราะเขาถูกเจ้ากิ้งก่าบ้านั่นขโมยแอปเปิ้ลไป ทำให้เขาไม่มีอันจะกินอยู่แบบนี้ คิดแล้วโมโหจริงๆ
โครกกกกก
เสียงท้องของาเรียสดังสนั่นหวั่นไหวราวฟ้าร้องก็ไม่ปาน เฮลเลนหันมามองเขา ก่อนจะหยิบของออกจากสร้อยที่ห้อยคอของเธออยู่ ฟาเรียสมองตามมือของเฮลเลนก่อนจะเห็นว่ามันคือมันคือผลไม้นานาชนิด แค่เห็นก็อยากกินแล้วอ่ะ เฮลเลนเสกผ้าปูสีดำก่อนจะวางผลไม้ลงไปบนผ้าปูนั้น เธอนั่งลงแล้วหยิบผมไม้มากินเหลือบตามองฟาเรียสเล็กน้อยก่อนจะกินต่ออย่างไม่สนใจอะไร
ฝ่ายฟาเรียสที่เห็นว่าเฮลเลนทำเช่นนั้นก็คิดว่าเธอคงจะแกล้งเขาแล้วกระมัง เขายืนมองเฮลเลนกินอยู่อย่างนั้น ก่อนเธอจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา
“จะยืนบื้ออีกนานมั้ย หิวไม่ใช่หรือไงห้ะ หรือกินผลไม้ไม่เป็น?” ฟาเรียสอยากจะส่ายหน้าแรงๆ กับข้อกล่าวหานั้น เข้านั่งลงอย่างรวดเร็ว แล้วเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะมีบางอย่างคว้ามันไป เขาจึงหันไปมองก่อนจะพบกับเจ้าอาร์มาดิลตัวเดิม เพิ่มเติมคือมันขโมยของอีกแล้ว!!!
“เจ้า!!! เมื่อซักครู่เจ้าแย่งแอปเปิ้ลข้าไปผลหนึ่งแล้ว คราวนี้ยังจะแย่งข้าไปอีกงั้นหรือ” เขาเอื้อมมือไปจับแอปเปิ้ลในอุ้งเท้าของอาร์มาดิลตัวนั้น แต่มีหรือที่มันจะยอมให้เขาไปได้ง่ายๆ พวกเขายื้อยุดฉุดแย่งแอปเปิ้ลเพียงลูกเดียว ในขณะที่บนผ้าที่เธอปูไว้มีเป็นสิบ!!! เธองงกับอุปนิสัยของฟาเรียสมากเลย หรือว่าเขาจะเป็นบ้า?
“นี่เจ้าน่ะ...ข้ายังมีให้อีกนะ ไม่เห็นต้องไปแย่งมันเลย” เฮลเลนเอ่ยบอก เพียงแต่ฟาเรียสไม่สนใจ พยายามเอาแอปเปิ้ลลูกนั้นกลับมาให้ได้ เฮลเลนที่ทนไม่ไหวจึงใช้บาทาอันแข็งแกร่งของเธอไปประดับไว้บนหน้าฟาเรียส(อีกแล้ว) แล้วใช้นิ้วดีดเจ้าอาร์มาดิลนั่นให้ไปอยู่บนหน้าของฟาเรียสอย่างพอดิบพอดี
“เจ้าหนึ่งตัวกับอีกหนึ่งคนเป็นบ้าอะไร แค่แอปเปิ้ลลูกเดียว แบ่งครึ่งกันก็ได้นี่ถ้าอยากกินขนาดนั้นน่ะ บ้า!!!” วันนี้ฟาเรียสได้ยินคำว่าบ้าจากปากเธอกี่ครั้งกันแล้วนะ ไม่อยากจะนับเลย แต่พอเฮลเลนเสนอทางเลือกนั้นมา เขาจึงแบ่งแอปเปิ้ลเป็นสองซีก ส่งให้เจ้าอาร์มาดิลครึ่งหนึ่ง ให้เขาอีกครึ่งหนึ่ง แล้วหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวก็กินและอยาร่วมกันอย่างสงบสุข แฮปปี้เอนดิ้ง
“เมื่อซักครู่ข้าคงทำรุนแรงกับท่านมากเกินไป ขออภัยด้วย” ฟาเรียสหันหน้าเข้าหาอาร์มาดิลตัวนั้นก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง เจ้าอาร์มาดิลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฟาเรียสก่อนที่ทั้งสองจะมองกันอย่างลึกซึ้งมีความหมาย จนเฮลเลนอดคิดไม่ได้ว่าฟาเรียสจะเป็นคนบ้าจริงๆ อย่างที่เธอกล่าวหาเขาหรือไม่
“ข้าขอตั้งชื่อให้ท่านเลยก็แล้วกัน” เฮลเลนที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มถึงกับพ่นออกมาดังพรวด เธอมองฟาเรียสอย่างอึ้งๆ นี่มันคิดจะเอาอาร์มาดิลที่เอาแต่ใจ เลี้ยงยากแถมชอบทำตัวจู้จี้น่ารำคาญเป็นที่สุด เอามันมาเลี้ยงเท่ากับว่าต้องตกเป็นทาสมันนะเห้ยย เอาจริงดิ “นี่ๆ ท่านเฮลเลน ข้าขอเลี้ยงอาร์มาดิลตัวนี้ได้หรือไม่ขอรับ”
ฟาเรียสหันปส่งสายตาอ้อนวอนเฮลเลน เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า เขายิ้มกว้างให้เธอก่อนจะหันไปดูเจ้าอาร์มาดิลว่ามันเป็นเพศอะไร หลังจากที่ลูบๆคลำๆดูซักพัก เขาจึคิดเองเออเองเลยละกันว่ามันเป็นตัวเมีย ก่อนจะทำหน้านึกชื่อแล้วตะโกนออกมาดังลั่น
“ข้านึกออกแล้ว ท่านชื่อ ‘ออเดรย์’ นะขอรับ!!” อาร์มาดิลที่ได้ยินชื่อเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของใหม่เล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหน้าไปกินแอปเปิ้ลต่อ แต่ฟาเรียสกลับคิดว่าสัตว์เลี้ยงที่ตนได้มาใหม่พยักหน้าพึงพอใจซะงั้น
“นี่ๆ ท่าเฮลเลน เราจะไปที่ซีลเลียตอนไหนหรือขอรับ” ฟาเรียสที่อุ้มออเดรย์ขึ้นมาเกาะไว้บนไหล่เขาทักถามขึ้น
“ตอนนี้...เดี๋ยวนี้เลยด้วย ข้าอยากไปเที่ยว” กล่าวจบหญิงสาวก็เร่งจำอ้าวไปอย่างรวดเร็ว จนฟาเรียสที่เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามไป
“รอข้าด้วยขอรับ!!!”
.
.
.
กรร!
ก่อนที่ฟาเรียสและเฮลเลนจะออกวิ่ง เขาก็มีความรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของสัตว์ขู่ แต่พอเขาหันไปรอบๆกายกลับไม่พบอะไร จึงไม่ได้ใส่ใจสิ่งนั้น แล้ววิ่งตามเฮลเลนต่อไป
พวกเขาสองคนวิ่งตามกันมาจนเวลาพลบค่ำ เฮลเลนเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น
“ข้าว่าเราพักกันก่อน แล้วค่อยไปกันต่อเถอะ” ฟาเรียสที่ได้ยินดังนั้นจึงเตรียมพร้อมที่จะล้มกายลงนอน แต่ขณะที่หัวเขากำลังจะถึงพื้นนั้น เฮลเลนกลับกระชากเขาขึ้นมาเสียก่อน ก่อนจะดึงเขาเข้ามาหลบด้านหลังเธอ
ฟาเรียสมีท่าทีงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคนกับอีกหนึ่งตัวคือ ‘วูฟาเวีย’ หรือ
‘หมาป่าอสูร’ ถึงแม้เขาจะไม่เคยออกจากหมู่บ้านแต่เขาก็อ่านหนังสือมามากจนพอจะรู้ว่ามันคือตัวอะไร
“ท่านเฮลเลนขอรับ ปกติวูฟาเรียจะอยู่แถบตรงที่ข้าเจอกับท่าไม่ใช่หรือ เหตุใดมันจึงมาอยู่แถวนี้เล่าขอรับ” เอ่ยถามอย่างงุนงง เฮลเลนไม่ตอบอะไร เพียงแต่หญิงแส้ที่เธอใช้ตอนฟาดใส่ฟาเรียสขึ้นมา ก่อนจะตั้งท่าพร้อมโจมตี
“อยู่เงียบๆไป อย่าขัดสมาธิข้า...เข้าใจไหม!!” คำพูดที่เหมือนจเป็นประโยคคำถาม แต่กลับเป็นประโยคคำสั่งที่เขาต้องตอบว่าเข้าใจเพียงเท่านั้น ฟาเรียสพยักหน้าเล็กน้อย วูฟาเรียที่เห็นช่องโหว่จึงกระโจนใส่หวังจับสองคนนี้เป็นอาหารในทันที แต่เฮลเลนเร็วกว่า เธอตวัดแส้ใส่หมาป่าอสูรตัวนั้น จนมันร้องครางหงิงๆ อย่างขอความเห็นใจ เพราะโดยปกติแล้วนั้น วูฟาเรียเป็นสัตว์อสูรที่รักสันโดษ ชอบอยู่คนเดียว โดดเดี่ยว ไม่ชอบสุงสิงกับคัวอื่น หากมีครอบครัว ก็จะเลี้ยงดูลูกจนพอจะดูแลตัวเองได้แล้วก็จะปล่อยลูกไป
เฮลเลนเห็นดังนั้นจึงจะฟาดแส้ลงไปอีกคราหวังที่จะตัดหัวเจ้าหมาป่าอสูรนี่ทิ้ง แต่ฟาเรียสกลับวิ่งมาขวางเอาไว้ พร้อมตะโกนอย่างสุดเสียง
“อย่าฆ่ามันเลยนะขอรับท่านเฮลเลน” ครั้นเจ้าวูฟาเรียเห็นฟาเรียสเข้ามาขัดเช่นนั้นแล้ว จึงคิดว่าเอาหมอนี่เป็นเหยื่อเนี่ยแหละ ดีสุด ‘เจ้าโง่เองนะเจ้ามนุษย์’ วูฟาเรียกระโจนเข้าหาฟาเรียสอย่างรวดเร็วก่อนจะงับร่างของฟาเรียสแล้ววิ่งหายเข้าไปในป่า
เฮลเลนที่เห็นฟาเรียสถูกจับตัวไปเช่นนั้นก็ยอมไม่ได้ ไล่ตามวูฟาเรียไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหมาบ้านั่นกล้าดีอย่างไร มาขโมยตัวการสำคัญที่จะพาเธอไปเที่ยวที่เมืองซีเอลโล อย่าหวังเลยว่าจะรอด ไอ้หมาบ้า(ฟาเรียส) นั่นก็อีกคน เป็นบ้าอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ก็เข้ามาขวาง ไม่โง่ทำไม่ได้นะบอกก่อน
ฝ่ายวูฟาเรียที่เห็นว่าเฮลเลนไล่ตามมา มันก็เร่งสปีดตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะต้องเบรกดังเอี๊ยดเมื่อข้างหน้าขอมันคือต้นไม้ขนาดใหญ่ หากไม่หลบคงมีมึนกันไปข้าง เป็นเหตุทำให้เฮลเลนไล่ตามอยู่ตามมาทัน ฟาเรียสเห็นเธอเตรียมฟาดแส้ลงมาจึงเอ่ยอีกว่า
“ท่านเฮลเลนขอรับ เลี้ยงเจ้านี่อีกตัวได้มั้ย ข้าเคยอ่านว่าหากทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรพวกนี้ พวกมันก็จะไม่ทำร้ายเราน่ะขอรับ” มันจะรับเลี้ยงสัตว์อีกแล้วหรอฟะ?! คิดว่าเธอเปิดบ้านรับอุปถัมภ์สัตว์หรือไง
“เจ้าคิดหรือว่ามันจะยอมทำพันธะสัญญากับเจ้าน่ะ ห้ะ?!” เธอแทบจะตะโกนใส่หน้าของฟาเรียส แต่ฟาเรียสกลับพูดในสิ่งที่ทำให้เจ้าหมาป่าอสูรต้องยอมจำนนแต่โดยดีนั่นก็คือ
“ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมรับข้าเป็นนาย ก็ให้ท่านฆ่าทิ้งได้เลยขอรับ” เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันแสนน่ารักแต่กลับทำให้หมาป่าอสูรสะดุ้งเฮือก ส่งกระแสจิตบอกเฮลเลนด้วยความรวดเร็ว
‘ข้ายอมรับทั้งท่านแล้วก็เขาเป็นนาย ได้โปรดอย่าหวดแส้ใส่ข้าอีกเลย แงงงง’ บางครั้งเฮลเลนก็คิดว่าเจ้าหมาป่านี่ปัญญาอ่อน
หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วว่าฟาเรียสและเฮลเลนจะเป็นนายของตน ทั้งสามจึงเริ่มทำพันธะสัญญากันโดยมีออเดรย์ร่วมเป็นสักขีพยาน ขั้นตอนในการทำพันธะสัญญานั้นไม่มีอะไรมาก แค่กรีดเลือดของกันและกันลงในพาชนะเพื่อไว้ผสม จากนั้นก็เทใส่ขวดเล็กๆ ตามจำนวนผู้ที่ทำพันธะสัญญา แล้วร่ายเวทย์ ซึ่งในส่วนนี้เฮลเลนเป็นผู้ทำแต่เพียงผู้เดียว เพราะอีกสองคนนั้นไม่น่าจะทำได้ ก่อนจะเก็บไว้กับตัวคนละขวดเป็นอันจบพิธี
“งั้นท่านก็ต้องมีชื่อสินะ...อืมมม ท่านเป็นหมาป่าอสูร แถมยังเป็นตัวผู้...งั้นชื่อ!!!” ก่อนที่ฟาเรียสจะเอ่ย เฮลเลนกลับเอ่ยขัดเสียก่อน
“กริมส์ เจ้าชื่อกริมส์ละกันนะ” ฟาเรียสที่ถูกเอ่ยขัดทำหน้าไม่พอใจ จะเอ่ยขัด แต่พอเห็นสายตาของเฮลเลนแล้วทำเอาเขาหุบปากลงแทบไม่ทัน เจ้ามาป่าอสูรที่ได้ยินชื่อใหม่นั้นก็กระโดดดีใจ โถมตัวเข้ามากอดเฮลเลนด้วยความรักจนนางล้มตึงลงไป
‘ขอบคุณขอรับเจ้านาย ฮี่ๆ’ กระแสจิตถูกส่งมาจากกริมส์อีกครั้ง ทำเอาเฮลเลนคิดในใจ ‘มันน่าจะชื่อหมาบ้ามากกว่ามั้ง’ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ก่อนจะนึกขึ้นได้
“นี่กริมส์ ข้ามีภารกิจแรกให้เจ้าทำ” เฮลเลนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวในความคิดของฟาเรียส ก่อนเธอจะเอ่ยต่อ “พาพวกข้าสองคนไปที่อาณาจักรซีเอลโลเดี๋ยวนี้!!” ออกคำสั่งอย่างน่ากลัว กริมส์ขานรับอย่างแข็งขัน ก่อนจะช้อนเจ้านายใหม่ทั้งสองขึ้นสู่หลังแล้ววิ่งไปยังอาณาจักรซีเอลโลอย่างรวดเร็ว
ไม่นานกริมส์ก็พอเจ้านายใหม่ทั้งสองของตนมาถึงหน้าซุ้มประตูที่เขียนว่า ‘อาณาจักรซีเอลโล’
หลังจากที่มาถึงหน้าซุ้มประตู เฮลเลนก็ดีใจกระโดดลงจากหลังหมาป่าอสูร ก่อนจะเดินเข้าซุ้มประตูด้วยสีหน้าเบิกบานใจ ฟาเรียสจึงอุ้มออเดรย์ขึ้นมาแล้วลงจากหลังของกริมส์ ปล่อยให้มันเดินตามหลังพวกเขาเข้าไปในซุ้มประตูบานใหญ่นั่น
พอพวกเขาก้าวผ่านซุ้มประตูไป ทำให้พวกเขานั้นอึ้งมาก เพราะสภาพด้านนอกที่พวกเขาจากมานั้นต่างจากสภาพด้านในนี้มาก ฟาเรียสตาโตอ้าปากค้าง พวกเขาทั้งสามค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ โดยมีออเดรย์นอนเกาะอยู่บนใหล่ของฟาเรียสอย่างสบายใจก่อน เฮเลนจะรู้สึกว่ารอบข้างนั้นเงียบลง จึงละสายตาจากสิ่งที่มองอยู่ แล้วหันมามองรอบข้างตัวเองแทน พอเฮลเลนหยุดมอง ฟาเรียสก็หยุดมองเช่นกัน ก่อนที่ผู้คนรอบข้างจะพากันคุกเข่าลงแล้วก้มหน้า ในคราแรกทั้งฟาเรียสและเฮลเลนต่างงุนงง คิดว่าชาวบ้านนั้นก้มหัวคุกเข่าให้พวกเขา แต่สายตาของฟาเรียสกลับมองเห็นกลุ่มคนที่กำลังเดินมาทางพวกเขา พร้อมกับเสียงของผู้คนที่กำลังก้มหัวอยู่
“ท่านราฟาเอลจงเจริญ!!” เอาตรงๆ จากใจของฟาเรียส ‘ใครวะขอรับ!!’
...
..
.
สติไม่มีจริงๆนั่นแหละเจ้าค่ะ 5555
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ