ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ
เขียนโดย Richa
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 10.03 น.
แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 10.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ความโกรธของอสรพิษ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความน้ำกำลังเปิดประตูห้องนอนจะเดินลงมาชั้นล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้า มันเป็นสิ่งที่เธอต้องปฏิบัติจนเคยชินตั้งแต่จำความได้ เธอต้องกินอาหารเช้าพร้อมกับครอบครัว พ่อ แม่ เธอ และธาร แม้ว่าน้ำและธารจะชอบทะเลาะกันบ่อยครั้งบนโต๊ะอาหาร แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเพราะผู้หญิงคนเดียว ผู้หญิงที่น้ำและธารเรียกว่าแม่
นับตั้งแต่หญิงสาวได้เสียผู้เป็นแม่ไป เธอต้องลงไปกินอาหารเช้าเพียงลำพังคนเดียวโดย ไม่มีพ่อ แม่ และธารอีกต่อไป แม้ธารจะยังมีชีวิตอยู่แต่เธอก็ดูไร้ตัวตนสำหรับเขา น้ามะปรางเองก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เพื่อดูแลเธอและธาร แต่น้ามะปรางไม่สามารถจัดการเรื่องราวความวุ่นวายต่าง ๆ ได้เลย ซ้ำยังทำให้มันยุ่งเหยิงมากไปกว่าเดิมตลอด
“สวัสดีค่ะ ที่ฉันมาพบคุณในวันนี้ เพราะคุณเป็นคนเชิญฉันมาพบ ... เฮ้อแบบนี้ไม่ดีเลย เอาใหม่” เสียงของน้ามะปรางเล็ดลอดออกมาจากในห้องนอน
“สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เชิญฉันมาพบในวันนี้ เฮ้อ แบบนี้ก็ยังดูไม่ดี"
“Hi, What's up man? โอ๊ย จะเริ่มต้นพูดยังไงดีเนี่ย ทำยังไงฉันถึงจะไม่เสียฟอร์ม” น้ามะปรางบ่นพึมพำกับตัวเองออกมาอย่างดัง ที่หน้ากระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง
น้ำกำลังจะเดินผ่านเลยไปแต่เธอตัดสินใจที่จะหยุดอยู่หน้าห้องน้ามะปรางเพื่อให้ความช่วยเหลือ น้ามะปรางที่เธอรู้จักเป็นหญิงสาวที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แม้บางครั้งจะดูซุ่มซ่ามหรือทำอะไรตลก ๆ ไปบ้าง แต่ก็เป็นความตลกที่ดูน่ารักสำหรับผู้ชายทุกคน นั่นเพราะใบหน้าสวย ๆ ของน้ามะปรางนั่นเองที่ทำให้ผู้ชายทั้งหลายต่างมองดูน้าสาวของเธออย่างชื่นชอบ
ก๊อก ก๊อก หญิงสาวเคาะประตูห้องนอนน้าสาว “น้ำเองค่ะ น้ามะปราง” เธอรีบรายงานตัวก่อนที่น้าสาวจะเอ่ยปากถามอะไร
“น้ำว่า ... น้าควรจะรวบผมหรือปล่อยผมดีจ๊ะ” น้ามะปรางเดินออกมาเปิดประตูพลางปล่อยผมยาวสลวยที่หยิกเป็นลอนสวยงามซึ่งก่อนหน้านี้มันคงถูกรวบไว้แบบยุ่ง ๆ
“น้าปล่อยผมดูโอเคมั้ย” น้ามะปรางถามย้ำมาอย่างคนขาดความมั่นใจ พลางสะบัดหัวไปมาเพื่อให้ผมที่ดูยุ่งเหยิงนั้นจัดทรงเองใหม่
น้ำจ้องมองใบหน้าขาวเนียนได้รูปของน้าสาว ใบหน้าแสนสวยนั้นรับกันดีกับการปล่อยผมให้ยาวสลวย เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าน้าสาวของเธอกำลังจะไปที่ไหนและพบใคร เธอจึงยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าการทำผมที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นควรจะเป็นทรงไหนดี
“น้ามะปรางจะไปไหนคะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างสงสัย
“น้ากำลังจะไปพบครูประจำชั้นของธารจ้ะ” น้ามะปรางตอบพร้อมกับยิ้มอย่างประหม่าจนหลานสาวจัดพิรุธได้
“ครูวายุนะเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามย้ำไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่า ปีการศึกษานี้ครูวายุ ครูสอนพละและประวัติศาสตร์ เป็นครูประจำชั้นของธาร
“ใช่จ้ะ” น้ามะปรางตอบพลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด อาการประหม่าของน้ามะปรางแสดงออกมาอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเก็บงำ น้ำจ้องมองดูท่าทางของน้าสาวอย่างสนใจ
“ชุดเซ็กซี่เกินไป น้ามะปรางไม่ได้อยู่ในคลิป Beauty Channel แต่น้ามะปรางกำลังจะไปติดต่อกับข้าราชการครูในสถานที่ราชการ” น้ำส่งยิ้มให้น้าสาวที่กำลังหน้าแดงด้วยความเขินอายในชุดแซกสั้น สีน้ำตาลเข้มและรัดรูปจนเห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน
“จากสถิติที่น้าได้ทำไว้ ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงเซ็กซี่ไม่ใช่เหรอหรือว่าครูวายุของน้ำไม่ใช่ผู้ชาย” น้ามะปรางเอ่ยถามอย่างประชดประชันปนตลกขบขันเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเอง
“ชุดของน้ามะปรางได้ผลกับผู้ชายทุกคน แต่ยกเว้นครูวายุค่ะ” หญิงสาวยืนยัน เธอรู้จักครูวายุคนนี้ดี นอกจากเขาจะเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนแล้ว เขายังเคยแวะเวียนมาที่บ้านของเธอบ่อยครั้ง เหมือนเขาจะสนิทสนมกับแม่ของเธอไม่ใช่น้อยเลย
“น้ามะปรางจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าน้ำจะขอเปิดตู้เสื้อผ้าของน้า แล้วช่วยเลือกชุดที่เหมาะสมให้” น้ำหันมาขออนุญาตน้าสาวขณะที่เธอกำลังยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของน้ามะปราง
“อ่า.. ได้จ้ะ” น้ามะปรางตอบรับคำขอด้วยความเต็มแม้จะยังดูลังเลอยู่บ้าง แต่เธอก็มั่นใจว่าหลานสาวคนนี้จะเลือกชุดที่ถูกใจให้กับเธอ
น้ำพยายามจะแหวกภูเขาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของน้ามะปรางซึ่งมีมากมายจนเบียดกันแน่น แต่เธอก็ไม่เจอชุดที่เรียบร้อยมากพอจะให้น้าสาวใส่ไปพบครูผู้ปกครองของน้องชายได้เลย มันมีแต่ชุดที่เซ็กซี่และล้ำสมัยเกินไปที่จะใส่เดินในสถานที่ราชการ
“เดี๋ยวน้ำไปหยิบชุดของแม่มาให้นะคะ ชุดของน้ามะปรางเซ็กซี่เกินไป น้ำกลัวว่าครูวายุจะดุเอา” หญิงสาวพูดพลางเดินออกจากห้องนอนของน้าสาวไปอย่างรวดเร็วและกลับมาพร้อมกับชุดสูทสีครีมและกระโปรงสั้นเหนือเข่าเพียงเล็กน้อย
“ชุดนี้ดูเรียบร้อยและน้ามะปรางน่าจะใส่ได้เกือบพอดี มันอาจจะดูคับไปสักหน่อย แต่น้ำว่ามันดูสุภาพกว่าชุดทั้งหมดที่น้ำค้นดูในตู้เสื้อผ้าของน้ามะปราง” น้ำโชว์ชุดที่ถืออยู่ในมือให้น้าสาวดูพร้อมกับเลิกคิ้วถาม
น้ามะปรางทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยนัก “มันดูเรียบร้อยเกินไป มันไม่ใช่ตัวน้าเลย” เสียงบ่นพึมพำแต่ก็ยอมหยิบชุดสูทนั้นมาสวมใส่ทันทีต่อหน้าหลานสาว หญิงสาวหมุนตัวหลบอย่างเขินอายพลางวิ่งไปปิดประตูที่กำลังเปิดแง้มอยู่ให้ปิดสนิท เธอเพิ่งจะเป็นสาวแรกรุ่นจึงยังไม่คุ้นเคยกับการแก้ผ้าต่อหน้าบุคคลอื่น ในขณะที่น้าสาวแม้จะยังเป็นสาวโสดแต่ด้วยอายุย่างเข้าสี่สิบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าและผ่านการนุ่งน้อยห่มน้อยในชุดบิกีนี่ตัวจิ๋วมาหลายครั้งจึงไม่มีความเขินอายแต่อย่างใด
“ธารผลการเรียนแย่มาก หรือพฤติกรรมแย่มากจนต้องเรียกผู้ปกครองไปพบเลยเหรอคะ” น้ำถามน้าสาวขณะที่กำลังยืนหันหลังให้ระหว่างรอน้าสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
“ทั้งสองอย่างเลยจ้ะ ธารไม่ยอมเข้าสอบเลยสักวิชาแล้วยังมีพฤติกรรมที่ควรถูกไล่ออกด้วย” น้ามะปรางตอบพลางใส่ชุดสูทของพี่สาว ชุดมันดูจะเล็กไปสักนิดสำหรับหญิงสาวที่มีน้ำมีนวลอย่างน้ามะปรางแต่ใส่ออกมาแล้วก็ดูสวยเด่นสะดุดตามากเลยที่เดียว
“ควรถูกไล่ออก!!! “ หญิงสาวเอ่ยถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“จ้ะ เมื่อก่อนแค่โดนเรียน แต่เทอมนี้ ครูผู้ปกครองส่งจดหมายแจ้งมาว่าเจอธารสูบบุหรี่แล้วก็ ...” น้ามะปรางหยุดพูดเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักถึงสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป
“แล้วก็อะไรคะ” น้ำหันมาเผชิญหน้ากับน้าสาวพร้อมกับคะยั้นคะยอขอคำตอบที่ชัดเจน
“เฮ้อ” น้ามะปรางถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับตอบคำถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงที่เบาจนเกือบจะเป็นกระซิบ “สูบกัญชาจ้ะ”
“อะไรนะคะ!!! สูบกัญชาเหรอ!! มันมากเกินไปแล้วนะ!!!” หญิงสาวตะโกนออกมาดังลั่น เธอรู้ดีว่าน้องชายของเธอนั้นเป็นจอมเกเร แต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางมากกว่าทะเลาะวิวาท ครั้งนี้ดูมันจะมากเกินกว่าทุกครั้งที่ธารได้ทำ
“ธารยังอยู่ในห้องใช่มั้ยคะ” หญิงสาวพุ่งตัวออกจากห้องนอนของน้ามะปรางไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอคำตอบและไม่ทันได้ยินคำห้ามปราบใด ๆ ของน้าสาวเลยด้วยซ้ำ
ทันทีที่น้ำเปิดประตูออกมาจากห้องนอนของน้าสาว เธอก็เจอน้องชายตัวแสบซึ่งกำลังยืนไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์อยู่หน้าห้องนอนของตัวเขาเองเหมือนกำลังจะรอน้าสาวเพื่อจะไปพบผู้ปกครองพร้อมกันอย่างไม่รู้สึกสำนึกผิดหรือสะทกสะท้านใด ๆ
เปรี๊ยะ!!! มือขวาของหญิงสาวกระทบใบหน้าด้านซ้ายของน้องชายอย่างแรงจนเขาต้องหันขวับไปตามแรงตบของพี่สาว บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยแดงช้ำเป็นรูปนิ้วมืออย่างชัดเจน
“ถ้าพ่อและแม่รู้!! จะต้องเสียใจมากแน่ ๆ ที่นายสูบกัญชา” หญิงสาวตวาดน้องชายในขณะที่น้องชายของเธอยังตั้งตัวไม่ติด
เพียงเสี้ยววินาทีที่ธารหันมา ใบหน้าที่แดงก่ำของเขาก็แสดงแววตาที่เกรี้ยวโกรธสุดฤทธิ์ เสียงกัดฟันดังกรอด ๆ มือทั้งสองข้างของเขาผลักไหล่ของน้ำอย่างแรง แรงผลักที่ธารส่งมายังพี่สาวมันช่างมากมายเกินกว่าที่หญิงสาวจะต้านรับไว้ได้ เธอผงะถอยหลังตรงไปที่บันไดและก่อนที่หญิงสาวจะตั้งตัวหรือไขว่คว้าอะไรได้สักอย่าง ร่างของเธอก็ร่วงหล่นกลิ้งลงมาจากบันไดขั้นบนสุดจนถึงพื้นด้านล่างอย่างไม่มีอะไรต้านทานเอาไว้ได้ สิ่งที่หญิงสาวไขว่คว้าได้เป็นเพียงอากาศและความว่างเปล่า ความเจ็บปวดมันเริ่มถาโถมเข้ามาที่บริเวณท้ายทอย จนมึนและชาไปทั่วร่างกาย
“น้ำ!!” เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของน้ามะปราง พร้อมวิ่งลงบันไดตามลงมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ถึงตัวหลานสาว เธอก็ใช้มือทั้งสองข้างประคองศีรษะของหลานสาวขึ้นมาช้า ๆ
“เลือด!!!” น้ามะปรางตะโกนออกไปอย่างตกใจ “ธาร เรียกรถพยาบาลเร็วเข้า” เธอตะโกนขึ้นไปยังธารที่ยืนนิ่งหน้าซีดอยู่
หญิงสาวจ้องมองขึ้นไปด้านบน เธอมองเห็นน้องชายจอมเกเรที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น ตอนนี้เขายืนแน่นิ่งเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน ในปีนี้เขาสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วอีกหลายเซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาได้รูป มีมุมกรามโผล่ออกมาให้เห็นชัดเจนจนดูเป็นรูปหน้าที่แข็งแรง คิ้วดกรุงรังเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป จมูกโด่งเป็นสัน ปากเชิดและเล็กเรียวนั้นดูซีดลงไปกว่าทุกครั้ง แววตาที่เคยเกรี้ยวเกรี้ยวตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เหลือเพียงแววตาของคนที่สำนึกผิดเท่านั้น
ธารหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนขาสั้นของเขาอย่างลนลาน มือของเขาสั่นเทาขณะกำลังกดโทรศัพท์เพื่อโทรเรียกรถพยาบาล นี่คือการทะเลาะกันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างน้ำและธาร มันไม่เคยเกิดเหตุวิวาทขั้นรุนแรงเช่นนี้มาก่อนเลย ทั้งเขาและเธอต่างก็ตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า
“น้ำไม่เป็นอะไรคะ แค่มึน ๆ ชา ๆ” หญิงสาวพยายามจะกระซิบบอกน้าสาว เสียงนั้นมันเบามากจนเธอเองก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง
เพียงไม่นานนักหญิงสาวก็ถูกเคลื่อนย้ายโดยหน่วยพยาบาลจากตำแหน่งที่เธอร่วงลงมาไปยังรถพยาบาลที่จอดรออยู่ด้านหน้า น้ามะปรางวิ่งตามมาติด ๆ ในขณะที่ธารยังคงยืนนิ่ง แววตาคู่นั้นของเขามันมีน้ำตาเอ่อล้น เขาหันหลังให้กับพี่สาว น้าสาวและทุกคนมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
รถพยาบาลเคลื่อนตัวออกไปอย่างรีบเร่ง ธารหันไปมองยังรถพยาบาลสีขาวคันนั้น แววตาสีน้ำตาลเข้มของเขาได้กลายเป็นเปลวไฟลุกสว่างโชติช่วงอยู่ในนัยน์ตา เขาออกวิ่งตามรถพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่รถพยาบาลโลดแล่นออกนอกรีสอร์ท วัตถุหรือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ยักษ์บางอย่างก็พุ่งเข้ามาหมายชนรถพยาบาลอย่างจัง แต่ธารเข้าไปขัดขวางเอาไว้ มันจึงชนกับเขาจนล้มกลิ้งไป
ธารล้มกลิ้งไปตามแรงพุ่งชนและก่อนที่เขาจะตั้งตัวลุกขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พุ่งเข้าใส่อย่างหมายทำร้ายด้วยความรวดเร็ว ธารเองก็เร็วไม่แพ้กันเขาเอี้ยวตัวหลบการโจมตี และเริ่มต้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะเคลื่อนที่ได้ สัตว์ประหลาดตัวนั้นเคลื่อนที่ตามมาด้วยความเร็วที่สูงกว่า
ธารล้มกลิ้งลงกับพื้นอีกครั้งหนึ่ง สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนงูจงอางเพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่าร้อยเท่า ดวงตาของมันเป็นสีเขียวส่องประกายเจิดจ้าจนเป็นเปลวเพลิง มันโน้มตัวขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะฉกลงมายังเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ธารกลิ้งหลบงูจงอางยักษ์ตัวนั้นมันเลยฉกลงไปบนพื้นดินอย่างรุนแรง พื้นดินที่ถูกมันฉกพลาดลงไปนั้นได้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ดินบริเวณโดยรอบกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง
แม้ธารจะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเกินความเร็วของมนุษย์ทั่วไป งูจงอางยักษ์ตัวนั้นมันก็รวดเร็วไม่แพ้กันและไม่ลดละความพยายามที่จะฉกกัดธารราวกับว่าเขาได้สร้างความแค้นเคืองให้กับมันอย่างมาก ธารดิ้นรนหนีมันเท่าไหร่มันก็ดั้นด้นตามไปหมายจะทำร้ายให้จงได้ ในที่สุดธารก็พลาดถูกงูจงอางยักษ์ตัวนั้นฉกเข้าให้ที่แขนข้างซ้ายของเขาอย่างจัง
“อ้ากกกก!!!” ธารร้องอุทานออกไปอย่างเจ็บปวดพลางสะบัดจนหลุดจากการถูกฝังเขี้ยว
บาดแผลนั้นเป็นรอยเขี้ยวงูสองเขี้ยวอย่างเห็นได้ชัด บริเวณรอบปากแผลมีสีดำคล้ำและเลือดสีดำซึมออกมาจากรอยแผล งูจงอางยักษ์ผงกหัวขึ้นอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวจะฉกลงมาอีกเป็นครั้งที่สอง ธารซึ่งนอนแน่นิ่งด้วยความเจ็บปวดและไร้ทางสู้หรือหนีรอด เขาต้องตายแล้วแน่ ๆ ในนาทีนี้
งูจงอางยักษ์ตัวนั้นพุ่งตัวลงมาอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุดและก่อนที่มันจะถึงตัวธารมันก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ด้วยงูยักษ์อีกตัว ลักษณะภายนอกของงูจงอางทั้งสองคล้ายคลึงกันมากทั้งขนาดลำตัว ศีรษะ แม้กระทั่งดวงตา พวกมันมีดวงตาสีเขียวเป็นประกายเจิดจ้าและตอนนี้ดวงตาทั้งสองคู่ก็เปล่งประกายเป็นเปลวเพลิง พวกมันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ธารถือโอกาสหลบหนีไปในขณะที่งูพิษทั้งสองกำลังต่อสู้และโจมตีกัน เขาไม่รู้ว่าอสรพิษอีกตัวที่โผล่เข้ามาช่วยเหลือนั้นคือใครกันแน่และเขาก็ไม่มีเวลามากพอจะหาคำตอบ บาดแผลของธารที่เคยดำคล้ำและมีเลือดสีดำไหลซึมออกมา บัดนี้บาดแผลนั่นถูกเยียวยาเหลือเพียงสีแดงช้ำ เหมือนบาดแผลนั้นมันสามารถเยียวยาตัวเองได้ และนี่ไม่ใช่แผลแรกในร่างกายของเขา เขามีบาดแผลที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้ทั่วร่างกาย
ธารตะเกียกตะกายหนีไปแต่เขาไม่ได้หนีไปเพื่อซ่อนตัวหรือเอาตัวรอด เขายังคงออกวิ่งไปด้วยแรงทั้งหมดที่เขามีเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาล ธารมาถึงโรงพยาบาลพร้อม ๆ กับรถพยาบาลคันที่เคยจอดรอพี่สาวของเขาอยู่หน้าบ้าน นี่มันคืออะไรกัน เขาเสียเวลาไปกับการต่อสู้และยังหนีรอดจนวิ่งตามมาได้ทัน เขาเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงได้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้
น้ำถูกนำตัวออกจากรถพยายาล เธอถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ห้องฉุกเฉินเป็นการด่วน จ๋อม! จ๋อม! จ๋อม! เสียงนี้มันยังดังก้องในโสตประสาทของหญิงอีกครั้ง วุ๊บ วุ๊บ วี๊ด วี๊ด วี๊ดดดด!!! เสียงประหลาดนี่อีกแล้ว ท้องฟ้าที่กำลังส่องสว่างเจิดจ้าของแดดตอนบ่ายโมงตรงได้เปลี่ยนเป็นความมืดมิดเหมือนมีวัตถุขนาดใหญ่ยักษ์ยืนบังแสงอาทิตย์เอาไว้ เสียงซู่ ๆ ของสายฝนก็ตกกระหน่ำลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว
“กรี๊ด! พ่อ! ระวัง” เสียงกรีดร้องของแม่ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของหญิงสาว
“เฮ้ย! นี่มัน ...” เสียงของพ่อพูดยังไม่ทันขาดคำ วัตถุบางอย่างที่มีลำตัวยาวเฟื้อยก็พุ่งเข้าชนอย่างจัง ความใหญ่โตของมันทำให้รถฟอร์จูนเนอร์สีขาวที่วิ่งมาอย่างรวดเร็วต้องลอยละลิ่วขึ้นจากพื้นถนน หมุนเคว้งอยู่บนท้องฟ้า หญิงสาวรู้สึกเหมือนเธอร่วงหล่นออกมาจากตัวรถ เธอถูกโอบอุ้มด้วยสิ่งประหลาดมหัศจรรย์บางอย่างก่อนที่กรงเล็บขนาดมหึมาจะคว้าร่างของเธอได้ ความมืดมิดก็ได้ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างและกลับคืนสู่แสงสว่างอีกครั้ง
“น้ำ น้ำ น้ำได้ยินน้ามั้ย” เสียงของน้ามะปรางดังอยู่ใกล้ ๆ เสียงฝีเท้าวิ่งตุ้บ ๆ ของผู้คนมากมาย แสงไฟสีขาวเรียงยาวไปตลอดทาง หญิงสาวกำลังนำตัวส่งยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
“ขอโทษนะครับ ญาติกรุณารอข้างนอก แพทย์ขอตรวจดูอาการคนไข้ก่อน คนไข้ยังมีสติใช่มั้ยครับ” เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดพลางกีดกั้นน้ามะปรางออกมา
“ใช่ค่ะน้ำยังมีสติอยู่แต่...” น้ามะปรางตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างตกใจ
“คนไข้ประสบอุบัติเหตุอะไรมาครับ” เจ้าหน้าที่ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ตกบันไดค่ะ น้ำหัวแตกมีเลือดไหลนองเต็มไปหมดเลย” น้ามะปรางตอบอย่างลนลาน
“โอเค ญาติรออยู่ข้างนอกก่อนนะ ทำบัตรคนไข้รอ เดี๋ยวขอแพทย์ตรวจดูอาการและทำแผลให้ก่อน” เจ้าหน้าที่แจ้งให้น้ามะปรางทราบ
น้ามะปรางเดินวนไปวนมาอยู่หน้าฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายใจ ชุดสูทสีครีมที่หลานสาวหยิบมาให้สวมใสนั้น ณ เวลานี้มันยับยู่ยี่และมีคราบเลือดสีแดงปะปนอย่างไม่น่าดู
“พี่น้ำคงไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยครับ” น้ำเสียงแตกหนุ่มของใครคนหนึ่งทำลายความเงียบขึ้น ทำเอาน้ามะปรางสะดุ้งขึ้นสุดตัวด้วยความตกใจ
“ธาร!!! นายมาได้ยังไง” น้ามะปรางอุทานออกมาอย่างตกใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ