ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ

-

เขียนโดย Richa

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 10.03 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 10.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) อุบัติเหตุ (2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
พ่อของน้ำคือชายหนุ่มรูปงามที่มาพร้อมกับความลึกลับ เขาเดินเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกับแม่ของเธอ ในอ้อมแขนของเขามีเด็กน้อยวัยกำลังแบบเบาะอยู่คนหนึ่งซึ่งเด็กน้อยวัยแรกเกิดคนนั้นก็คือเธอ เธอเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบเหมือนเช่นบิดา ในขณะที่มารดาคือหญิงสาวหน้าตาบ้าน ๆ เหมือนหญิงสาวธรรมดาทั่วไป
ความแปลกประหลาดมหัศจรรย์มากมายได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้เป็นมารดา มันมีแต่สิ่งที่ดีงามเข้ามาในชีวิต หญิงสาวเป็นเหมือนพรจากฟ้าที่มารดาของเธอได้รับ เธอคือสายสัมพันธ์ที่สามารถเชื่อมโยงบิดาและมารดาเข้าไว้ด้วยกัน ใครเลยจะเชื่อว่าหญิงสาวหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งจะได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ จะด้วยความพลาดพลั้งหรือเพราะตั้งใจ จะด้วยประการใดไม่เคยมีใครรู้ สิ่งที่ทุกคนได้รับรู้คือมารดาเธอได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูอุ้มชูเธอมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผู้เป็นแม่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสายและพูดคุยด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลใจ เพียงครู่เดียวเธอก็วางสายโทรศัพท์ลงพร้อมหันมาพูดกับสามีและลูกสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แย่แล้วค่ะ ธารประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล”
“เกิดอะไรขึ้นอีกเหรอคะแม่ ธารอีกแล้วเหรอ? มีเรื่องตลอดเลย” น้ำบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจขณะรีบวิ่งตามพ่อและแม่ไปขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวที่จอดรออยู่และพ่อของเธอก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อทุกคนขึ้นรถพร้อมแล้ว
“ทะเลาะวิวาทอีกตามเคย” น้ำยังคงบ่นพึมพำอยู่ที่เบาะที่นั่งด้านหลังคนขับอย่างไม่พอใจ
‘ธาร’ คือน้องชายจอมเกเรของน้ำ เขาและเธออายุห่างกันเพียงแค่ 3 ปี แต่ด้วยเพศและนิสัยที่แตกต่างกันทำให้ทั้งคู่มักจะไม่ลงรอยกัน ทะเลาะกันตั้งแต่เด็กจนโต สร้างสงครามบนโต๊ะอาหารบ่อยครั้ง เปลี่ยนบ้านจนกลายเป็นสมรภูมิรบเสมอ มีเพียงผู้เป็นแม่เท่านั้นที่จะยุติสงครามระหว่างสองพี่น้องคู่นี้ลงได้ แม่ของเธอคือสายสัมพันธ์ระหว่างเธอและน้องชายเสมอมา
“น้ำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูต้องรักและดูแลน้อง สัญญากับแม่น้ำนะลูก” ผู้เป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่เบาะที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับหันมาส่งแววตาอ้อนวอนให้บุตรสาว ผู้เป็นแม่ยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นเดิมทุกครั้งพลางเอื้อมมือมาจะสัมผัสเธอ แต่น้ำถอนหายใจเฮือกใหญ่และเมินหน้าหนีอย่างไม่ตั้งใจ
ในทุกครั้งที่เธอและธารทะเลาะวิวาทกัน ผู้เป็นแม่มักจะสรรหาเหตุผลร้อยแปดพันประการหยิบยกมาอ้างให้เธอยอมจำนน เธอจึงต้องเป็นฝ่ายยอมน้องชายทุกครั้งไป ยิ่งนานวันเข้าธารก็ยิ่งได้ใจ เขาเติบใหญ่มาจนเป็นวัยรุ่นที่ชอบก่อเรื่องวุ่นวายและสร้างความเดือดร้อนเสมอเช่นในวันนี้ เขาควรจะอยู่ที่บ้านพร้อมกับทุกคนในครอบครัวเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง แต่เขากลับทำตัวเป็นกบฏแอบหายตัวไปอย่างลึกลับพร้อมกับข่าวร้ายก่อนการเดินทางว่าเขาประสบอุบัติเหตุมันได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้น้ำผู้เป็นพี่สาวเป็นอย่างมาก
ณ โรงพยาบาลประจำอำเภอ ‘ธาร’ เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่สมวัยและมีผิวสีน้ำผึ้งเหมือนผู้เป็นพ่อต่างกันเพียงแค่เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่อายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ใบหน้านั้นก็อ่อนเยาว์กว่าตามวัยของเขา เขามีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับบิดาจนแทบจะเรียกได้ว่า “พิมพ์เดียวกัน” หรือบางคนชอบเย้าแหย่ว่าธารคือ “สำเนาถูกต้อง” ของผู้เป็นพ่อ
ธารนอนนิ่งอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงคนป่วยของโรงพยาบาล เฝือกสีขาวถูกพันไว้บริเวณขาข้างซ้ายตั้งแต่เหนือเข่าลงไปจรดปลายเท้า แขนข้างขวาของเขาก็ถูกดามไว้อีกเช่นเดียวกัน และแถมด้วยผ้าพันแผลรอบศีรษะอีกหนึ่งจุด เนื้อตัวของเขาถลอกปอกเปิกเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ จะด้วยป้องกันด้วยหรือหาเรื่องผู้อื่นก็ยากจะคาดเดา
“ลงทุนเยอะนะเรา” เสียงของน้ามะปรางน้องสาวคนเล็กของผู้เป็นแม่ทักท้วงขึ้นอย่างรู้ทัน
น้ามะปรางคือ Beauty Blogger เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเพราะผ่านการศัลยกรรมมามากมาย ทั้งเสริมจมูก กรีดตา เสริมคาง ผ่าตัดกราม ทำลักยิ้ม ดูดไขมัน เสริมหน้าอก เรียกได้ว่าน้ามะปรางทำมาแทบจะทั้งตัว จนสามารถให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษากับหญิงสาวผู้ต้องการมีความงามเป็นของตัวเองได้ และน้ามะปรางเลือกที่จะนำเสนอวิถีทางสู่การเป็น “คนสวย” ผ่าน Blogger ของเธอเอง
แม้ว่าน้ามะปรางจะเป็นสาวสวย รวยทรัพย์และมากความสามารถ แต่สิ่งหนึ่งที่น้ามะปรางขาดคือคู่ชีวิตด้วยความที่น้ามะปรางเพียบพร้อมในทุกสิ่ง เธอจึงมีความมั่นใจว่าเธอมีสิทธิ์เลือกมากพอ แบบที่ใคร ๆ เรียกว่า “สวยเลือกได้” แต่ผ่านมาหลายปีน้ามะปรางก็ยังคงเป็นสาวโสดวัย 38 ปีที่ สวย รวย เริด เชิด และหยิ่ง แต่ไม่มีสามี!!!
“แน่นอน ก็ผมไม่อยากไปด้วยนิ อยากนอนอยู่บ้านสบาย ๆ มากกว่า” ธารตอบน้าสาวคนสวยด้วยน้ำเสียงยียวนประสาท
ประตูห้องพักคนไข้ถูกผลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว หญิงสาววัยแรกรุ่นรูปร่างสูงโปร่งวิ่งตรงเข้ามาก่อนใครเพื่อนด้วยความรีบร้อน “นี่! ธาร นายทำตัวกบฏอีกแล้วนะ พ่อกับแม่อุตส่าห์วางแผนเอาไว้ว่าจะพาครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน นายมาทำเสียแผนของพ่ออีกแล้วนะ” น้ำตวาดน้องชายไปทันทีที่เธอเดินถึงเตียงคนไข้ที่น้องชายนอนรักษาตัวอยู่
เธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินนำผู้เป็นพ่อและแม่มาด้วยความรวดเร็ว ไม่ใช่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในตัวน้องชาย แต่ด้วยความโมโหฉุนเฉียว วันนี้เป็นวันเกิดเธอ มันคือวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชีวิตเธอ แต่น้องชายตัวแสบของเธอก็ยังคงเห็นมันเป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่งเหมือนเช่นทุกวัน
“แล้วไง? มันใช่เรื่องของพี่เหรอ?” ธารตอบกลับมาอย่างยียวนกวนประสาทพี่สาว
“ใช่ซิ วันนี้วันเกิดพี่นะ” น้ำยังคงพูดด้วยน้ำเสียงตวาด
“แล้วไง? ทุกคนอาจจะสนใจและให้ความสำคัญ แต่ผมไม่!!!” ธารตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส พลางเมินหน้าหนีไปอย่างไม่สบอารมณ์
“น้ำ ออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะคุยกับธารเอง” ผู้เป็นพ่อที่เดินตามเข้ามาจับไหล่ลูกสาวแล้วผลักเธอออกไปไปอย่างอ่อนโยน เธอจำเป็นต้องเดินออกไปตามคำสั่ง แม้เธอจะเป็นลูกสาวคนโปรดของเขาแต่เธอก็เรียนรู้ว่าพ่อของเธอเป็นคนที่เด็ดขาดมาก คำสั่งก็คือคำสั่งห้ามขัดขืนแม้แต่กับเธอก็ไม่อาจจะขัดคำสั่งได้สักครั้งเดียว
น้ำยืนรออยู่ด้านหน้าห้องพยาบาลอย่างไม่พอใจ เธอมองเห็นพ่อและแม่ของเธอคุยกับอยู่น้องชายตัวแสบด้วยท่าทางตึงเครียด พ่อของเธอมีท่าทีไม่สบอารมณ์ โดยมีแม่และน้ามะปรางยืนอยู่ใกล้ ๆ คอยห้ามปราม ธารมีอาการตื่นกลัวผู้เป็นพ่ออย่างเห็นได้ชัด เธอเคยเห็นพ่อของเธอโมโหหลายครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าพ่อของเธอโกรธมาก
“หมอยังไม่อนุญาตให้ธารออกจากโรงพยาบาลและน้ามะปรางเลยอาสาคอยดูแลธารให้ระหว่างที่พ่อและแม่ไม่อยู่” แม่ของน้ำอธิบายให้เธอฟังขณะที่ขับรถออกมาจากโรงพยาบาล
แม้ว่าน้ำและธารไม่ค่อยลงรอยกัน แต่เธอและเขาถูกบังคับให้ร่วม ทริปเดินทางไปด้วยกันในทุกครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกของการเดินทางโดยที่ไม่มีธาร มันสร้างความปลื้มปีติในใจของน้ำอยู่มิใช่น้อย
แต่คนที่ลำบากเห็นจะเป็นน้ามะปรางที่เคยใช้ชีวิตเลิศหรูที่กรุงเทพมหานครมานับสิบปี และในทุกปีน้ามะปรางจะกลับมาเยี่ยมบ้านเพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจ ชาร์ตพลังงานให้กับชีวิตก่อนจะลุยงานต่อ วันนี้ถ้าไม่เกิดเหตุฉุกเฉินน้ามะปรางคงเดินทางถึงสนามบินในตัวเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมจะโบยบินกลับสู่กรุงเทพมหานคร แต่เพราะเธอได้รับข่าวร้ายก่อนออกเดินทางไปสนามบิน เธอจึงต้องยกเลิกเที่ยวบินเพื่ออยู่ต่อและดูแลหลานชาวตัวแสบ
เวลาบ่ายโมงตรงรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวโลดแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว และเริ่มช้าลงเพื่อชมวิวเลียบริมน้ำโขง แดดยามบ่ายส่องตรงลงมายังใบหน้าจนทำให้สายตาของคนขับพร่ามัว น้ำซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง เธอเปิดกระจกลงมาจนมิดและพักคางไว้บนประตูรถ สายตาคู่สวยของเธอเหม่อลอยออกไปยังวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขง
 น้ำได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังก้องมาจากหัวใจไหลขึ้นไปสู่โสตประสาท มันคือเสียงเพรียกหาจากอะไรบางอย่างหรือใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ลึกลงไปใต้สายน้ำอันคดเคี้ยวนั่น
มันคือเสียงที่เธอรู้สึกถึงความคุ้นเคยแต่ทำไมเธอถึงจดจำมันไม่ได้ หรือเธอจะเคยได้ยินเสียงนี้ในความฝันแต่กลับลืมมันทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา หรือเธอได้ยินเสียงนี้ผ่านกาลเวลาแต่กลับลืมเลือนมันไป เธอจ้องมองออกไปอย่างไร้จุดหมายเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตที่เธอต้องการ
แสงแดดยามบ่ายส่องลงไปกระทบผิวน้ำระยิบระยับสวยงามจับใจ เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังมาจากที่นั่งด้านหน้า แม่ของเธอกำลังหยอกเย้ากับพ่อของเธออย่างมีความสุข โดยที่พ่อของเธอเพียงแต่นั่งนิ่งเงียบซึ่งเป็นบุคลิกปกติของเขา เขาทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มน้อย ๆ กลับมาให้แม่ของเธอเท่านั้น
น้ำแอบชำเลืองมองไปยังที่นั่งด้านหน้า เธอแอบดูและแอบฟังบทสนทนาของบิดาและมารดาอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งสายตาอ่อนโยนคู่หนึ่งจ้องมองเธอกลับมาผ่านกระจกมองหลังรถยนต์ เขาส่งยิ้มอย่างรักใคร่และเอ็นดูมาให้เธอ หญิงสาวผู้ถูกจับได้ว่าแอบมองส่งยิ้มตอบกลับไปอย่างเขินอายพลางเมินหน้าหนี
ขณะที่รถฟอร์จูนเนอร์สีขาวกำลังโลดแล่นไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เงาของอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ทาบลงไปบนพื้นถนน มันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรืออาจจะเป็นวัตถุขนาดใหญ่ยักษ์ที่ลอยละล่องอยู่บนท้องฟ้า มันบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้จนสิ่งที่อยู่ใต้มันต้องมืดมิดลงในทันตา
เสียงซู่ซ่าของสายฝนก็ดังกระหึ่มขึ้น น้ำเอื้อมมือไปเพื่อจะเลื่อนกระจกขึ้นแต่เธอช้าเกินไป “กรี๊ด!!! พ่อระวัง! มันจะชนรถเราแล้ว” เสียงกรีดร้อง เอะอะโวยวายของผู้เป็นแม่ดังขึ้น มันต้องเกิดวิกฤตอะไรขึ้นสักอย่าง ดินฟ้าอากาศมันถึงได้ผันแปรไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้
โครม!!! เสียงกระแทกดังขึ้นอย่างแรง วัตถุหรือสิ่งมีชีวิตบางอย่างกระโจนเข้าจู่โจม มันพุ่งชนเข้าจนเต็มแรงจนรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวลอยขึ้นจากพื้นถนนและทะยานขึ้นสู่กลางอากาศ รถหมุนเคว้งอยู่หลายตลบ ก่อนที่จะพุ่งตัวดิ่งลงสู่เหวด้านล่าง
หญิงสาวมองเห็นเพียงแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา แสงนั้นมันเจิดจ้าจนเกินกว่าที่สายตามนุษย์จะต้านทานได้ เสียงกรีดร้องที่เธอไม่อาจจะบอกได้ว่ามันคือเสียงของอะไร เสียงนั้นมันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ ภาพทุกอย่างมันเริ่มจากชัดเจนและก็เลือนรางลง ในทันทีที่หญิงสาวต้องหลับตาลงเพราะไม่อาจจะทนต่อการจ้องมองแสงสีขาวนั้นได้ด้วยตาเปล่าอีกต่อไป ทุกอย่างก็ได้ดับวูบลงไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะของเธอ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา