ปริศนาราณี
เขียนโดย Richa
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) จดหมายปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ'ไอริชลูกรัก
ถ้าแม่เสียแล้ว จงนำศพแม่ไปเผาไม่ต้องประกอบพิธีกรรมใด ๆ ก็ได้ แต่ลูกจงเก็บกระดูกของแม่ส่วนหนึ่งห่อไว้ในผ้าขาวและเก็บเถ้าถ่านส่วนหนึ่งห่อไว้ในผ้าขาวอีกผืน จงนำทั้งสองส่วนนี้กลับประเทศไทย
เศษเถ้าถ่านของแม่ลูกจงนั่งเรือออกไปให้ถึงใจกลางแม่น้ำโขงแล้วโปรยให้มันลอยไปตามสายน้ำ
กระดูกของแม่จงนำไปบรรจุไว้ยังเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุและฝากตั้งไว้ยังวัดริมน้ำที่อยู่ติดกับบ้านของเรา
รักลูกเสมอ
แม่'
ไก่โต้งยื่นจดหมายคืนให้อารียา หญิงสาวรับจดหมายไปพับเก็บไว้เป็นอย่างดีในสมุดบันทึกส่วนตัวของเธอ แม้อารียาจะเรียนจบมาทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีแต่การเขียนบันทึกลงสมุดด้วยลายมือยังคงเป็นอะไรที่คลาสสิคและเธอก็เลือกจดบันทึกระหว่างการเดินทางลงไปบนสมุด หนึ่งครั้งของการเดินทางต่อสมุดหนึ่งเล่ม
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ยุคเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบนี้ ยังมีคนจดบันทึกลงสมุดอยู่” ไก่โต้งกระเซ้าเย้าแหย่หญิงสาวอย่างอารมณ์ดี
“พ่อของไอร์ก็เคยบอก ... ไอร์เป็นพวกที่เดินจากจุดสูงสุดสู่สามัญ ไอร์จบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี อยู่กินกับมันหลายปีเลย เทคโนโลยีที่นำสมัย การพัฒนาโปรแกรมด้วยเทคนิคใหม่สำหรับโปรแกรมเมอร์ ระบบฐานข้อมูลที่เข้าถึงกันได้ทั่วโลก รวมทั้งเรื่องเบาสมองอย่างโซเซียลเน็ตเวิร์ก ต่าง ๆ ไอร์รู้จักตั้งแต่มันยังไม่แพร่หลายเหมือนเช่นทุกวันนี้ ไอร์ใช้มันอย่างคล่องแคล่วเพื่อเรียนรู้ เพื่ออาชีพ ไม่ใช่หลงใหลและไม่เคยใช้เพื่อความเพลิดเพลิน” อารียาชี้แจง
“นึกภาพไอร์ตอนเป็นเด็กเนิร์ดไม่ออกเลยจริง ๆ” ไก่โต้งพูดพลางนั่งจินตนาการถึงหญิงสาวตรงหน้าที่ต้องใส่แว่นตาหนาเตอะ จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาเหมือนนางเอกภาพยนตร์ประเภทหนัง sci-fi
“นั่นแหละ ไอร์เลย ใส่แว่นตาหนาเตอะ หัวยุ่ง ๆ ฟู ๆ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 10-15 ชั่วโมงต่อวัน” อารียาพยักหน้าเห็นด้วยในจินตนาการของไก่โต้ง
“ว้าว! เหมือนนางเอกหนังไซไฟของฮอลลีวู้ด ไอร์สวยและเซ็กซี่พอจะเป็นนางเอกได้เลยนะ”
“ไอร์ไม่อยากเป็นนางเอกหนังหรอก ไอร์อยากเป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีชีวิตไม่ธรรมดามากกว่า” อารียาปฏิเสธที่จะมีชีวิตในแบบที่ทุกคนใฝ่ฝัน เธอช่างเป็นหญิงสาวที่สวนกระแสสังคมอย่างจริงจัง
“ยังไง? ชีวิตที่ไม่ธรรมดา? เช่น เป็นซูเปอร์ฮีโร่? ซูเปอร์เกิร์ล? หรือ วันเดอร์วูแมน?” ไก่โต้งเอ่ยถาม เขารู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ความตามนั้น เพียงแต่เขาไม่รู้ว่า ชีวิตที่ไม่ธรรมดาในแบบที่หญิงสาวต้องการนั้นคืออะไร
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากสองหนุ่มสาววัยเดียวกัน ไก่โต้งเก็บจานชามที่กินอิ่มแล้วไปล้างเก็บ อารียาอาสาเข้าไปช่วยแต่เขาปฏิเสธ เขามีความสุขที่ได้ทำทุกอย่างให้กับเธอ เขานึกภาพตัวเองที่ทำอาหารให้เธอกินทุกเช้า กลางวัน เย็น ขับรถให้เธอนั่ง พาเธอเที่ยว นั่นคือสิ่งที่เขาทำได้ในทันที แต่การทำให้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งไม่ธรรมดาอย่างที่อารียาต้องการนั้น เขาจะทำมันได้เช่นไรกัน
อารียาต้องการเป็นคนที่พิเศษมากมายขนาดไหนนี่คือคำถามที่ชายหนุ่มต้องเก็บไปขบคิด ไอริชมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เธอสวยและเก่งมาก นี่คือสิ่งที่พิเศษสำหรับผู้หญิงทุกคน แล้วเธอยังต้องการอีกเล่า
“ไอริช อย่าไปเดินเล่นไกลนะ เดี๋ยวบ่ายแก่ ๆ ลุงจะพาออกเรือไปลอยอังคาร” ลุงบรรเจิดตะโกนบอกขณะที่ไก่โต้งและอารียากำลังแยกตัวออกไปเดินเล่นตามทางเดินเลียบริมน้ำโขง ทั้งสองคนไม่ได้สนอกสนใจกับรอยพญานาคที่ได้สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านทั้งหมู่บ้านอีกต่อไป
โดยเฉพาะไก่โต้งเหมือนโลกทั้งใบของเขาถูกปิดกั้นไว้แล้วจากทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้หญิงที่เขาเคยเฝ้าฝันถึงและรอคอยมานานแสนนานได้หวนคืนกลับมาหาเขาแล้วในวันนี้ เธอยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเขา ด้วยใบหน้าที่สวยสดงดงามที่สุดที่ธรรมชาติจะสรรค์สร้างให้มนุษย์ผู้หนึ่งงดงามได้
“ทำไมต้องลอยอังคาร ไม่ลอยไม่ได้เหรอ” อารียาเอ่ยถามชายหนุ่มอย่างสงสัย ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเล่นกันอย่างผ่อนคลายอารมณ์ไปตามทางเดินริมหาดแม่น้ำโขง อารียาไม่ได้เติบโตมากับความเชื่อเช่นนี้และเธอก็คิดว่าไก่โต้ง หนุ่มลูกทุ่งรูปหล่อผู้นี้น่าจะตอบคำถามเธอได้
“จะลอยหรือไม่ลอยก็ได้ อยู่ที่ความต้องการของญาติหรือของผู้ตายเอง” ไก่โต้งอธิบาย
“ความเชื่อนี้สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดู ชาวอินเดียเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำคงคา จึงได้พากันนำกระดูกและเถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาศพมาทิ้งลงสู่แม่น้ำ เพื่อให้แม่น้ำนำส่งดวงวิญญาณของผู้ตายขึ้นสู่สรวงสวรรค์”
“ส่วนความเชื่อของศาสนาพุทธ การลอยอังคารก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการปล่อยวาง เมื่อร่างกายมีเกิด ก็มีตาย พอตายไปแล้วก็เหลือเพียงเศษเถ้าถ่านทิ้งไว้ในดิน น้ำ และปลิวไปตามอากาศ มันหมายถึงการกลับคืนสู่บ้านอันเป็นนิรันดร์ของทุกสรรพสิ่ง”
“โอ้ว ฟังดูเศร้าจัง” อารียาเอ่ยขึ้นเมื่อไก่โต้งอธิบายให้เธอฟังถึงความเชื่อดั้งเดิมที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อน
“ใช่ มันฟังดูเศร้ามาก ความตายมันดูน่ากลัวสำหรับทุกคน” ไก่โต้งหยุดเดิน เขาหันไปมองแม่น้ำโขงที่ทอดยาวไปจนสุดลูกตาอย่างหวาดกลัว
“คุณกลัวความตายเหรอ?” อารียาที่เดินเลยไปแล้วสองสามก้าวหันกลับมา เธอเห็นชายหนุ่มผู้ดูร่าเริงแต่มีแววตาที่ดื้อรั้น จ้องมองไปออกไปสู่ปลายฟ้าเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
“กลัวซิ แต่ไม่ได้กลัวตัวเองจะตายหรอกนะ กลัว ... คนที่ผมรักจะต้องตาย แล้วต้องผมอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่” ชายหนุ่มจ้องมองมาที่ใบหน้าอันสวยงามของหญิงสาว
อารียาคือสาวลูกครึ่งผู้มีใบหน้าสวยงาม รูปหน้างามนั้นถูกผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างตะวันตกและตะวันออก ความงามบนใบหน้านั้นชัดเจนในทุกสายตาไม่ว่าจะเป็นสายตาของพวกฝรั่งมังค่าต่างก็มองว่าเธอคือคนสวยมากคนหนึ่งหรือแม้แต่ในสายตาของคนไทยเธอก็ยังดูสวยงามเลิศเลอเกินกว่าผู้หญิงไทยทั่วไปมากมาย
“คุณคงมีคนที่คุณรักแล้วซินะ” อารียาจ้องมองไปยังใบหน้าที่เคยคุ้นสมัยวัยเยาว์ เขาไม่ใช่เด็กน้อยขี้แยอีกต่อไปแล้ว แต่นี่คือใบหน้าของชายหนุ่มที่หล่อเหลาและดูจริงจังกับชีวิต มันช่างขัดกับบุคลิกที่ร่าเริงของเขาเสียจริง
“ถ้าความรักแบบมอบให้บุพการีนั่นเคยมีแล้ว” ชายหนุ่มตอบ “แต่ถ้ารักแบบชายหญิงน่ะ ยังไม่มี หัวใจยังว่างเปล่า รอใครบางคนมาจับจอง สนใจมั้ย? ช่วงนี้โปรโมชั่น ... เปิดจองฟรีไม่มีค่ามัดจำ” แววตาคู่นั้นของไก่โต้งมีแววหยอกเย้าและจริงจังแต่แววตาอีกคู่ของอารียามีเพียงความว่างเปล่า ไก่โต้งยื่นมืออันสั่นเทาของเขาออกไปเพื่อรอการสัมผัสจากหญิงสาวผู้ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า
อารียาจ้องมองเข้าไปในแววตาของเขา เธอเข้าใจในความหมายที่ไก่โต้งสื่อสารออกมา เธออ่านมันออกได้อย่างชัดเจน เธออาจจะเป็นหญิงสาวที่ชอบหมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดและคร่ำเคร่งอยู่แต่กับตำราเรียน จ้องเขม็งอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา แต่อารียาก็ยังรู้เรื่องรู้ราวความเป็นไปของมนุษย์โลก เธอเคยมีความรัก เคยมีบอยเฟรนด์ เคยอกหักเหมือนเด็กสาววัยรุ่นทั่วไป เธอรู้ดีว่าสายตาคือหน้าต่างบานแรกของหัวใจที่ผู้ชายส่วนใหญ่เปิดมันออกมาเพื่อใช้สื่อสารกับผู้หญิงที่เขาพึงพอใจ
“เดี๋ยวไอร์จะเก็บไปพิจารณา ตอนนี้หัวใจของไอร์ต้องการเวลาพักร้อน” หญิงสาวไม่ตอบรับและไม่ยอมปฏิเสธ เธอยังคงยืนนิ่งจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของไก่โต้งอย่างมีความรู้สึกที่พิเศษแต่มันยังไม่มากพอที่จะทำให้เธอเปิดใจคบหา มือที่ยื่นออกมาเพื่อรอการสัมผัสของไก่โต้งจึงถูกชักกลับไปอย่างเขินอาย
“ไม่เป็นไร พักหัวใจก่อนก็ได้ เมื่อไหร่ที่ไอร์ต้องการใครสักคน ขอให้รู้ไว้ว่าผมยังยืนอยู่ตรงนี้ รอไอร์เสมอ” น้ำเสียงของไก่โต้งช่างฟังดูอ่อนโยนและอบอุ่น แววตาคู่นั้นของเขาบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอมีความหมายกับเขามากมายเหลือเกิน มันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในนาทีหรือสองนาทีนี้ แต่มันเคยเกิดขึ้นมานานแสนนาน และเขาก็จดจำมันเอาไว้ชนิดที่ไม่ยอมปล่อยให้กาลเวลาลบเลือนมันไป
“ไอริช ลุงเตรียมเรือไว้ให้แล้ว เรือพร้อมแล้วนะ” ลุงบรรเจิดเดินเข้ามาทำลายบรรยากาศการสนทนาของชายหญิง เขาเดินตามมาเพื่อเรียกหญิงสาวไปลอยอังคารตามความประสงค์ของมารดาเธอ พร้อมพยักหน้าให้บุตรชายของเขาเดินตามมาพร้อมกัน
ณ ท่าน้ำท้ายวัด มีเรือแจวลำหนึ่งลอยลำอยู่ที่ท่าน้ำนั้น เรือแจวลำนี้ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สด พวงมาลัย ธูปและเทียน มีพานโตก พานก้นลึก และพานก้นตื้นอย่างละอันวางเรียงอยู่ มีดอกมะลิ กุหลาบ น้ำอบไทย รวมทั้งเชือกสีขาวที่ไก่โต้งอธิบายให้หญิงสาวฟังว่านี่คือสายสิญจน์เพื่อประกอบพิธี
ตาบังอาจนำเถ้าถ่านของบุตรสาวที่อารียาผู้เป็นหลานสาวห่อกลับมาให้วางลงบนพานโตกอย่างโศกเศร้า สองตาหลานเดินขึ้นไปนั่งบนเรือแจว โดยคุณตาของหญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งอย่างคล่องแคล่ว ส่วนอารียามีไก่โต้งคอยจับมือประคองไว้ขณะที่เธอก้าวลงไปนั่งบนเรือ
อารียาก้าวเดินไปนั่งอยู่หน้าสุด ส่วนคุณตาของเธอนั่งท้ายเรือเพื่อทำหน้าแจวเรือ สองตาหลานล่องเรือออกไปสู่กลางแม่น้ำโขง เรือจอดนิ่งสนิทอยู่กลางลำน้ำโขงนั่น อารียาหยิบดอกไม้ที่ลุงบรรเจิดเตรียมไว้ให้โปรยออกไป ลมผัดปลิวมาจนกลีบดอกไม้ฟุ้งกระจายไปตามสายน้ำ แล้วเธอก็โปรยเถ้าถ่านของมารดาให้ลอยไปสายน้ำ
“ไอร์ขอให้สายน้ำอันศักดิ์สิทธิ์นี้จะส่งดวงวิญญาณของแม่สู่สรวงสวรรค์” อารียาจ้องมองเศษเถ้าถ่านที่ปลิวไปตามสายลมแล้วร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำ เธอโปรยดอกไม้ที่เหลือตามลงไปอีก เหมือนเป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ให้กับมารดา
บนฝั่งโขงนั้นสองพ่อลูกยืนมองออกไปยังริมโขงอย่างห่วงใย ไก่โต้งเดินวนไปวนมาอย่างไม่ยอมหยุดนิ่ง เขาว่ายน้ำได้แต่เป็นน้ำในสระเท่านั้น เขาถูกสั่งห้ามลงน้ำโขงตั้งแต่เหตุการณ์ร้ายเมื่อวันนั้นเกิดขึ้น สิบสองปีที่แล้วมันเหมือนบาดแผลในใจของเขาตลอดมา เขาอยากลงเรือไปกับอารียาและแจวเรือให้เธอนั่ง แต่เขาไม่กล้าพอ มีความกลัวบางอย่างเกาะกินจิตใจเขา
ลุงบรรเจิดจ้องมองออกไปกลางแม่น้ำโขงด้วยแววตาที่แหลมคม เขามองลึกลงไปเห็นถึงก้นบึ้งของผืนน้ำอันลี้ลับแห่งนี้ มันมีอสุรกายร้ายที่แอบแฝงอยู่เบื้องล่าง มันรอวันที่จะหวนกลับมาคืนมาสู่โลกมนุษย์ เพียงแค่รอประตูกลแห่งกาลเวลาเปิดออกเท่านั้น
“ไอริชชชชช” เสียงกระซิบที่น่าขนลุกขนพองมันดังก้องขึ้นมากระทบโสตประสาทของหญิงสาวอีกครั้ง เสียงของมันคล้ายเสียงฟู่ ๆ ของงูพิษ และมันก็ดังก้องมาจากใต้ผืนน้ำเบื้องหน้า เสียงเพลงพิณบรรเลงขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนมันดังลึกมาจากใต้ผืนน้ำอันกว้างใหญ่
เสียงเพลงพิณและเครื่องดนตรีบรรเลงต่าง ๆ เริ่มขับกล่อมอย่างเร้าใจ คล้ายด้านล่างผืนน้ำลงไปกำลังจะมีงานสังสรรค์หรือรื่นเริงอะไรบางอย่าง หญิงสาวชะโงกมองลงไปสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง เงาที่เธอเห็นในน้ำ มันไม่ใช่ใบหน้าของเธอ แต่มันคือใบหน้าของอสุรกายใต้ผืนน้ำ
อารียาคล้ายกับคนที่กำลังหน้ามืดจนเป็นลม จะเพราะแดดที่ร้อนจ้าของประเทศไทยในยามบ่าย ๆ หรือเพราะอำนาจมนตร์สะกดอะไรบางอย่างกำลังสะกดจิตใจของเธอ หญิงสาวไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ร่างกายอันสูงระหงของเธอที่นั่งอยู่หัวเรือร่วงหล่นลงไปสู่ผิวน้ำดัง จ๋อม!
“ไอริช!!!” มันไม่ใช่เสียงตะโกนก้องจากผู้เป็นตาของหญิงสาว แต่มันคือเสียงตะโกนที่ดังก้องมาจากชายฝั่งโขง ไก่โต้งถอดเสื้อและรองเท้าเพื่อเตรียมกระโจนลงสู่ความกลัว แต่เขาช้าเกินไป ใครบางคนฟาดไม้ขนาดเหมาะมือลงไปที่บ่าด้านหลังของเขา ไก่โต้งสลบเหมือดลงทันทีอย่างไม่รู้ตัวว่าใครคือคนทำ ร่างของอารียาจมดิ่งลงสู่ใต้ผืนน้ำอย่างไม่มีใครจะเหนี่ยวรั้งได้ทัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ