ปริศนาราณี

5.8

เขียนโดย Richa

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.

  14 ตอน
  1 วิจารณ์
  14.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เพลงพิณ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ห้องน้ำอยู่ชั้นล่างของตัวบ้านเมื่อสิบสองปีก่อนมันเป็นห้องน้ำแบบส้วมซึม ไก่โต้งเพิ่งมาทุบและเปลี่ยนใหม่ให้เป็นแบบชักโครกและทำห้องอาบน้ำไว้ด้านในให้กับอารียาด้วย นอกจากเขาจะเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแล้ว เขายังมีความสามารถด้านช่างต่าง ๆ เหมือนผู้ชายอกสามศอกทั่วไป พอเขารู้ว่าหญิงสาวที่เขาแอบหลงรักมาตั้งแต่วัยเด็กจะเดินทางกลับมายังบ้านเกิดของมารดา เขาจึงกระวีกระวาดเตรียมการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เธอ

อารียาเดินลงมาจากตัวบ้านอย่างรวดเร็ว จิตใจของเธอโหยหาแต่สายน้ำที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เธอเดินผ่านห้องน้ำที่อยู่ใต้ถุนบ้านไปอย่างไม่สนใจไยดีแต่กลับตรงดิ่งไปยังริมน้ำโขงด้วยความตื่นเต้นดีใจ

 ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วก็จริงแต่อากาศก็ยังคงร้อนอบอ้าวเกินไปสำหรับอารียา และในฤดูหนาวของทุกปีท้องฟ้าก็มักจะมืดเร็วกว่าปกติ นี่ก็เพิ่งจะหกโมงครึ่งเท่านั้นเอง แต่ฟ้าก็กลับมืดสนิทมีเพียงแสงของดวงจันทร์เท่านั้นที่สว่างไสวส่องทางลงสู่สายน้ำ

อารียาถอดผ้าคลุมอาบน้ำออกเหลือเพียงบิกีนี่ตัวจิ๋วเดินย่องลงสู่แม่น้ำโขงอันลึกลับอย่างเงียบกริบโดยไม่เคยรับรู้ว่าที่แม่น้ำแห่งนี้มีอาถรรพ์เช่นใดบ้าง ความหวาดกลัวจึงไม่เกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อยของเธอ ความเย็นฉ่ำของสายน้ำสัมผัสคลอเคลียและจุมพิตเบา ๆ ไปตามเรือนร่างอันงดงามของหญิงสาว

ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางอันแสนยาวนานถึงยี่สิบกว่าชั่วโมงได้จางหายไป คลื่นน้ำคลึงเคล้าคลอเคลียตามเรือนกายอันเกือบจะเปลือยเปล่าของหญิงสาวจนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย อารียาเกือบจะลืมไปแล้วว่าภารกิจของเธอคือนำเถ้าถ่านและอัฐิของมารดากลับคืนมาสู่บ้านเกิด

อารียาทอดกายยาวไปกับสายน้ำ เธอปล่อยให้คลื่นน้ำซัดร่างของเธอไกลออกไป ไกลออกไปเรื่อย ๆ มันไกลเกินกว่าที่เธอจะรู้ตัวว่า ณ เวลานี้เธออยู่ใจกลางของแม่น้ำโขงอันเวิ้งว้างและกว้างใหญ่ ภาพของเด็กชายขี้แยคนหนึ่งกำลังจมดิ่งสู่วังน้ำวน ปรากฏขั้นในความรู้สึกของหญิงสาวอย่างเลือนราง

เสียงดนตรีบรรเลงดังก้องมาแต่ไกล มันคือเสียงของเครื่องดนตรีประเภทดีดชนิดเดียวกับพิณ เสียงพิณโบราณที่หญิงสาวเคยได้ยินได้ฟังมาสมัยวัยเยาว์มันดังก้องมาจากใจกลางแม่น้ำโขงท่วงทำนองของมันนั้นนุ่มลึกและแผ่วเบา เสียงเพลงนั้นช่างแสนเศร้าเหมือนหัวใจของหญิงสาวในยามนี้

อารียาปล่อยร่างของเธอให้จมลงไปในสายน้ำและเงี่ยหูฟังว่าเสียงพิณนั้นดังมาจากทิศทางไหน ท่วงทำนองเพลงนั้นไยถึงฟังแล้วเศร้าใจ ห่างออกไปเพียงระยะที่สายตามองเห็น เรือแจวลำหนึ่งก็ลอยลำอยู่กลางแม่น้ำโขง หญิงสาวมุดตัวลงไปใต้น้ำเพื่อจะไปโผล่ขึ้นไปที่เรือแจวลำนั้น

เสียงพิณยังคงแว่วดังมาอย่างชัดเจนแม้จะอยู่ใต้ผืนน้ำ ความไพเราะนั้นยังไม่จืดจางหายไป อารียาแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำจนเข้าใกล้เรือแจวลำนั้น เธอจึงโผล่ศีรษะขึ้นมาเพื่อหวังจะเจอเรือแจวลำที่เห็นแต่ไกล แต่แล้วทุกอย่างกลับว่างเปล่า ยกเว้นเสียงพิณที่ยังคงดังแว่วอยู่ เพียงแต่คราวนี้มันดังไกลออกไปอีก

เรือแจวลำนั้นยังลอยลำอยู่กลางน้ำโขงเบื้องหน้าของหญิงสาวคล้ายกำลังชวนเธอเล่นซ่อนหา อารียาไม่รอช้าจะแหวกว่ายตามเสียงพิณพิศวงนั่นไปอีก เสียงเพลงพิณนั้นช่างไพเราะเพราะพริ้งนักมันเรียกร้องหาผู้มีเสียงดนตรีในหัวใจให้เข้าไปฟังใกล้ ๆ ใกล้เข้าไปสำหรับอารียาแต่มันไกลออกไปจากสายตาผู้คน

“ไอริช!!!!” เสียงตะโกนลั่นดังมาจากฝั่ง

หญิงสาวผู้เรียกหาหันไปมองตามเสียงนั่น มันคือเสียงจากผู้เป็นตาที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายอย่างตกอกตกใจที่หลานสุดรักสุดดวงใจต้องลอยคออยู่กลางลำน้ำโขงยามค่ำคืนเยี่ยงนี้ ต่างจากอารียาที่ไม่มีอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด เธอหันไปมองผู้เป็นตาและหันกลับมาอีกครั้ง เรือแจวลำนั้นก็หายไปเสียแล้ว

เสียงพิณที่เคยดังแว่วมากระทบโสตประสาทอยู่ตราบนานเท่านานก็เงียบหายไปด้วย เหลือเพียงความสงัดและวังเวงของสายน้ำอันลี้ลับ มีเพียงแค่เงาของจันทราที่อยู่ใต้น้ำเท่านั้นที่ยังเหมือนเดิม อารียาจ้องมองไปโดยรอบทุกอย่างช่างเงียบงันและเธอก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองว่ายน้ำมาไกลถึงกลางลำแม่น้ำโขง

และที่น่าตกใจมากที่สุดเบื้องหน้าของเธออีกเพียงนิดเดียวคือวังน้ำวนที่ผู้คนจมหายและตายไปนับศพไม่ถ้วน และหนึ่งศพที่ต้องสังเวยกับวังน้ำวนนี้คือคุณยายของอารียา นี่คือที่มาของคำสั่งห้ามจากบิดาห้ามอารียาและมารดาเดินทางกลับมาเมืองไทยอีก สิบสองปีที่ผ่านมา อารียาจึงไม่ได้หวนกลับมายังดินแดนแห่งนี้อีกเลย

อารียาว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วแต่นั่นไม่ใช่เพราะความกลัวจากสิ่งลี้ลับที่เกิดขึ้นกับตัวเธอแต่เพราะอาการตื่นตระหนกตกใจของผู้คนที่ตะโกนเรียกชื่อเธออยู่บนฝั่ง คุณตาของอารียาแหวกว่ายลงไปสู่กลางน้ำโขงอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อจะมาถึงตัวหลานสาวให้เร็วที่สุด

บนฝั่งริมน้ำโขงไก่โต้งยืนกระวนกระวายอย่างร้อนรน เขาเป็นครูสอนพลศึกษา เขาเล่นกีฬาได้ทุกชนิด ยกเว้นว่ายน้ำที่เขาทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย สิบสองปีที่แล้วเขาและอารียาเกือบจะจมน้ำตายที่วังน้ำวนแห่งนี้ หากไม่ใช่เพราะปาฏิหาริย์หรือสิ่งลี้ลับบางอย่างยื่นมือเข้ามาช่วย พวกเขาทั้งสองคงต้องสังเวยด้วยดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์

วังน้ำวนต้องการชีวิตและดวงวิญญาณ เมื่อมีหนึ่งคนรอดก็ต้องมีหนึ่งคนตาย คุณยายของอารียาคือตัวตายตัวแทนของทั้งคู่ ศพของคุณยายยังคงเป็นปริศนาที่ค้างคาใจผู้คนมากมาย ศพหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนมีสัตว์มหัศจรรย์ใต้ผืนน้ำแห่งนั้นฉุดกระชากลากลงไปและไม่ยอมคืนร่างกลับมา

อารียาเดินขึ้นฝั่งมาพร้อมกับผู้เป็นตา ร่างสูงสง่าของเธอถูกปกปิดเพียงน้อยนิดด้วยชุดว่ายน้ำตัวจิ๋ว ไก่โต้งรีบถอดเสื้อยืดที่เขาสวมใส่อยู่ยัดเยียดให้หญิงสาว แต่อารียาปฏิเสธเธอมีผ้าคลุมอยู่แล้ว เธอเดินไปหยิบผ้าคลุมอาบน้ำที่วางกองอยู่กับผืนทรายมาคลุมเพื่อปกปิดเรือนร่างของตัวเองจากสายตาผู้คน

ชาวบ้านต่างพากันมามุงดูพร้อมเสียงซุบซิบ บ้างก็ดุด่าดังกึกก้องไปหมด ภาพเหตุการณ์ที่หญิงสาวจากเมืองผู้ดีลงไปแหวกว่ายอยู่กลางลำน้ำโขงยามค่ำคืนนั้นสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับเหล่าชาวบ้านมากมาย

“ไอร์ แค่ลงไปอาบน้ำ ทำไมถึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต” หญิงสาวผู้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนพยายามแก้ตัวขณะที่เธอกำลังถูกเพื่อนบ้านผู้อาศัยอยู่ใกล้เคียงว่ากล่าวตักเตือนชุดใหญ่ 

 “ทำไมหนูไอริช ไม่อาบในห้องน้ำล่ะคะ” คุณป้าท่าทางจู้จี้จุกจิกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยภาษาไทยสำเนียงท้องถิ่น ท่าทางจีบปากจีบคออย่างไม่พอใจนั้นสร้างความขุ่นเคืองใจให้อารียาไม่ใช่น้อย

“ก็เมืองไทยมันร้อน ไอร์ร้อน ไอร์แค่อยากจะอาบน้ำเย็น ๆ ไอร์ว่ายน้ำเก่ง ไอร์ไม่จมน้ำตายหรอกค่ะ” อารียาตอบโต้อย่างไม่ยอมลดละ 

“พอได้แล้ว หนูไอริชเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก เมืองนา ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อย่าไปตำหนิหลานเลย” ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กว่าชาวบ้านทั่วไปปรากฏกายขึ้น พร้อมกับเอ่ยห้ามปรามด้วยภาษาท้องถิ่น

“ก็เพราะไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ นี่ล่ะ ถึงต้องตักเตือนกันหน่อย หน็อยแน่ เตือนแล้วยังดื้อเถียงอีก เดี๋ยวเหอะ เจอดีเข้ามาจะหาว่าอิป้าไม่เตือน” ป้าขี้บ่นคนเดิมจีบปากจีบคอพูดอย่างไม่พอใจ 

“เอาล่ะ จบกันได้แล้ว แยกย้ายกันไปได้” ชายคนเดิมกล่าว เขาดูเป็นผู้มีอิทธิพลกับคนในหมู่บ้านอยู่ไม่ใช่น้อย อาจจะด้วยบุคลิกที่ดูน่าเคารพนับถือและการพูดจาที่ฟังดูมีเหตุมีผลกว่าคนทั่วไป

อารียาถูกแนะนำให้รู้จักกับลุงบรรเจิดหรือครูบรรเจิดซึ่งเป็นพ่อของไก่โต้ง ในความเป็นจริงแล้วเธอก็รู้จักลุงบรรเจิดคนนี้มานานมากแล้ว เพียงแต่กาลเวลาที่ห่างหายทำให้ความทรงจำของเธอลบเลือนไป วันนี้เธอได้กลับมาเจอความทรงจำเก่า ๆ อีกครั้งหนึ่ง

มื้อค่ำของคืนนี้จึงเริ่มต้นและจบลงโดยไม่มีอารียา เธอเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวไกล เธอต้องบินตรงจากลอนดอนสู่กรุงเทพฯ และจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเลย สิ้นสุดปลายทางที่เชียงคาน

ห้องนอนของหญิงสาวทั้งเล็กและแคบเพียงแค่พอดิ้นตัวได้ เธอไม่มีเตียงนอนมีเพียงแค่ที่นอนยัดไส้งิ้วที่วางลงบนพื้นบ้านกับเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ ที่ไก่โต้งซ่อมแซมและทาสีจนดูเหมือนใหม่แกะกล่อง กระเป๋าใบใหญ่ของเธอยังตั้งวางอยู่ที่เดิม หญิงสาวเพียงแค่รื้อมันออกมาหยิบเสื้อผ้าสวมใส่และปล่อยทิ้งมันไว้ตรงนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน

ประตูห้องนอนของอารียาถูกล็อกลงกลอนไว้อย่างเรียบร้อย แต่หน้าต่างยังคงเปิดอ้าเพราะอากาศที่แสนจะร้อนอบอ้าวของประเทศไทยพัดลมตัวจิ๋วที่คุณตาของอารียาเตรียมไว้ให้ไม่สามารถทำความเย็นให้เธอได้จนพอใจ หญิงสาวยังคงร้อนอบอ้าวไปทั้งตัวแม้จะอยู่ในชุดใส่นอนที่บางเบาที่สุดด้วยเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้นแล้วก็ตาม

อารียาอยากจะลงไปแช่น้ำที่แม่น้ำโขงนั่นอีกครั้ง แม่น้ำโขงที่เยือกเย็นและลึกลับ แม้ความลี้ลับของแม่น้ำโขงบริเวณนี้จะทำให้ใครต่อใครต้องหวาดกลัวแต่เธอไม่เคยกลัวอาถรรพ์หรือความลี้ลับนี้เลย เพราะเคยไม่เคยพบหรือสัมผัสถึงมันหรือเธอจะลืมเลือนมันไปแล้วในอดีต

หญิงสาวผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน อากาศที่ร้อนอบอ้าวเริ่มไม่มีอิทธิพลกับร่างกายอันอ่อนล้าของเธออีกต่อไป หน้าต่างห้องนอนที่ยังเปิดอ้าไว้รับลมนั้น ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญดอดเข้ามาเยือน

เสียงดนตรีบรรเลงชัดเจนขึ้นในโสตประสาทของหญิงสาว ท่วงทำนองเพลงนั้นไม่ได้โศกเศร้า แต่มันฟังดูแล้วซาบซึ้งใจเหมือนเจ้าของพิณกำลังบรรเลงเพลงรักขับกล่อมเธอ ร่างกายที่นอนหงายเหยียดยาวของอารียาถูกทาบทับไปด้วยร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่เรือนกายอันเย็นยะเยือก

“ไอริชชชชช” เสียงกระซิบที่น่าขนลุกขนพอง มันคือเสียงลากยาวคล้ายเสียงที่พ่นออกมาจากลิ้นสองแฉกของอสรพิษร้าย ร่างกายของหญิงสาวถูกกดทับด้วยร่างกายอันมหึมาของสิ่งเหนือธรรมชาติ ความร้อนอบอ้าวของประเทศได้หายวับไปจากความรู้สึกของเธอ ความเย็นยะเยือกเข้ามาทดแทน ความหนาวเย็นมันทะลุทะลวงเข้าไปถึงกระดูกไขสันหลัง

หญิงสาวลืมตาขึ้นมา เธอมองเห็นเพียงแค่ใบหน้าของสัตว์มหัศจรรย์ที่มีศีรษะใหญ่โตและแปลกประหลาดที่สุด ร่างกายของเธอถูกกดทับจนขยับเขยื้อนไม่ได้อีกต่อไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา