ปริศนาราณี

5.8

เขียนโดย Richa

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.

  14 ตอน
  1 วิจารณ์
  14.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ปฐมบท 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

[ปฐมบท 2]

เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ "เอมันต์" องค์พญานาคาธิบดีของอาณาจักรนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงนั้นช่างอ่อนแอนัก ลุ่มหลงในอิสตรี และราตรีแห่งเมืองมนุษย์ ในค่ำคืนที่แสนสวยงาม เอมันต์จะแปลงกายเป็นมนุษย์หนุ่มรูปงามออกท่องไปตามราตรีกาลกับเหล่าพระสหาย

ความลุ่มหลงมัวเมาของเอมันต์ก่อกำเนิด “มนุษย์ครึ่งนาค” ขึ้นมามากมาย มนุษย์ครึ่งนาคเหล่านี้จะเกิดจากบิดาผู้เป็นพญานาคราชกับมารดาที่เป็นมนุษย์ นางมนุษย์จะคลอดบุตรหรือธิดาเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไปและคลอดได้เพียงครั้งละหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น 

"มนุษย์ครึ่งนาค" จะถูกเลี้ยงดูเช่นมนุษย์ทั่วไปแต่เมื่อเติบใหญ่อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์พวกเขาและพวกเธอจะต้องเดินทางกลับสู่นครนาคราชเพราะนี่คือกฎแห่งเมืองบาดาล

"ดีนะ มนุษย์คลอดลูกได้ทีละคน สองคน ไม่ได้ออกลูกมาเป็นไข่ทีเป็นร้อยเป็นพันฟองเหมือนเช่นเรา มิเช่นนั้น มนุษย์ครึ่งนาคคงได้เกิดมาเต็มบ้านเต็มเมืองแน่" วนิสานาคิณีกล่าวอย่างไม่พึงพอใจกับเหล่านางนาคีผู้รับใช้คนสนิท

พฤติกรรมอันมิควรของเอมันต์พญานาคาธิบดีเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขง สร้างความไม่พึงพอใจให้กับวนิสานาคิณีเป็นอย่างมาก ความขุ่นเคืองใจทำให้นางส่งสาส์นไปยังองค์พญานาคาธิบดีผู้ปกครองเมืองนาคราชแห่งทะเลฝั่งอันดามันให้ทราบถึงความอ่อนแอที่บังเกิดกับพระสวามีและบุตรชายทั้งหลายของพระนางด้วยประสงค์จะให้พระสวามีเลิกลุ่มหลงมัวเมาในอิสตรีและกลับมาเตรียมการรบ

 

องค์พญานาคาธิบดีผู้ปกครองเมืองนาคราชแห่งทะเลฝั่งอันดามันเมื่อได้รับทราบข่าวก็ส่ง "สมันตรา" พระราชโอรสที่ทรงโปรดปรานที่สุดยาตราทัพมายังเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงด้วยหมายจะยึดครองเมืองเอาไว้เสียเอง

เอมันต์กลับมาจากท่องเที่ยวเมืองมนุษย์เห็นกองทัพใหญ่เข้าล้อมเมืองนาคราชโดยรอบเหล่าพญานาคราชผู้นำทัพแต่ละกองพันนั้นก็อาจหาญแกล้วกล้าเต็มไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบารมีอังแรงกล้าจนเกินกว่าเขาจะสามารถต่อกรได้เอมันต์จึงยอมจำนนต่อความอ่อนแอของตนเอง เขายินยอมยกเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงให้กับสมันตราพญานาคราชโดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแต่อย่างใด

"เอมันต์ ท่านจะยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างนี้เลยรึ?" วนิสานาคิณีเอ่ยขึ้นกับพระสวามี 

"ที่ต้องเสียเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงไปเพราะใครกันเล่า? มิใช่เพราะความริษยาในใจเจ้าหรอกรึ?" เอมันต์พญานาคาธิบดีตำหนิพระชายา

"ท่านไม่คิดว่า ทั้งหมดนี่มันจะเป็นเพราะความลุ่มหลงมัวเมาในอิสตรีและราตรีกาลแห่งเมืองมนุษย์ของท่านหรอกรึ? ถ้าท่านเข้มแข็ง สามารถต้านทานทัพของสมันตราได้ เราก็ต้องมิต้องเสียเมืองไป"   วนิสานาคิณีกล่าว 

"เรามันอ่อนแอ เรามันพ่ายแพ้ แต่ถึงอย่างไรเราก็ปกครองนครนาคราชของเราด้วยความสงบสุข ประชากรนาคของเราก็มีความสุข ถ้าเจ้าต้องการผู้ครองนครที่เข้มแข็ง เมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงก็ควรจะเป็นของสมันตรา นั่นก็ถูกต้องที่สุดแล้ว" เอมันต์พญานาคาธิบดีกล่าวกับพระชายาและข้ารองบาทคนสนิท

นี่อาจจะความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของวนิสานาคิณี นางมีวัตถุประสงค์ในการส่งสาส์นไปยังเมืองนาคราชแห่งทะเลฝั่งอันดามันเพียงเพื่อให้เจ้าผู้ครองเมืองนาคราชแห่งทะเลฝั่งอันดามันยกทัพมาข่มขู่ มิใช่ยึดครองเช่นนี้ แต่ในเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างผิดความคาดหมาย นางจึงต้องใช้แผนการต่อไปเพื่อรักษาฐานอำนาจของนางไว้

เอมันต์ได้หลบหนีออกจากเมืองนาคราชที่ตนเองเคยปกครองเพียงลำพังเพื่อเดินทางสู่เมืองมนุษย์ ด้วยความสำนึกผิดในความอ่อนแอและพ่ายแพ้ของตนเอง เขาจึงได้แปลงกายเป็นมนุษย์เฒ่าผู้แก่ชราและทำนุบำรุงศาสนาอยู่ยังเมืองชะนะคามตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

สมันตรายกทัพเข้าเมืองได้อย่างไม่มีผู้ใดต้านทาน ประตูเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงเปิดออกเพื่อรอทัพอันน่าเกรงขามของเขาเดินทางเข้ามา สมันตราเดินทางเข้าสู่ตรงกลางท้องพระโรงอย่างสง่าผ่าเผยเฉกเช่นผู้มีชัยชนะในกำมือ

"อีกสามวันจะเป็นวันเข้าพรรษา เราจะถือศีลภาวนาเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่ตัวเราเอง หลังวันออกพรรษาไปแล้วนับไปอีกสิบวัน เราจะเดินทางกลับมาเพื่อปกครองเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงนี้ต่อไปแทนเอมันต์" สมันตรากล่าวเมื่อก้าวขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ทอง สัญลักษณ์อันสูงค่าของผู้ครองนครนาคราช

"ท่านสมันตรา ท่านจะมาปกครองเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงโดยมิมีนางพญานาคิณีหรือท่าน? เรามีธิดาหนึ่งพันห้าร้อยเก้าสิบเก้าตนให้ท่านเลือกเสพสุขกับนาง ท่านจะเอาไปทั้งหมดหรือจะเลือกเพียงหนึ่งนางที่งดงามที่สุดก็ย่อมได้" วนิสานาคิณีผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ต่ำรองลงมายื่นข้อเสนอ

 

นี่คือหนทางเดียวที่นางจะรักษาฐานอำนาจของนางเอาไว้ได้ การสูญเสียเมืองนาคราชในความปกครองคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่นางได้กระทำลงไป นางเพียงแค่ต้องการให้พระสวามีเลิกลุ่มหลงมัวเมากับเหล่านางมนุษย์และกลับมามีพลังอำนาจอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง มิคาดคิดว่ามันจะคือความผิดพลาดใหญ่หลวงจนต้องเสียเมืองนาคราชไปให้กับผู้ครองเมืองคนใหม่ นางจึงต้องใช้แผนการใหม่เพื่อรักษาฐานอำนาจ ขึ้นชื่อว่าชายไม่ว่าจะเกิดในมิติหรือภพภูมิใดในสามโลกก็ย่อมลุ่มหลงอิสตรีผู้งดงามด้วยกันทั้งนั้น 

"ท่านจะได้เสพสุขกับเหล่านางนาคีผู้เป็นธิดาแห่งเราโดยไม่ซ้ำหน้ากันในแต่ละวันนานถึงสี่ปีกว่า เราขอรับรองว่าเราจะเสี้ยมสอนธิดาของเราทุกตนเป็นอย่างดี เพื่อปรนนิบัติพัดวีท่านมิให้ขาดตกบกพร่อง"

วนิสานาคิณีกล่าวอย่างยินดีโดยมิสอบถามความเต็มใจของเหล่านางนาคีที่เกิดจากนาง นางยังคงนั่งบนบัลลังก์ของนางอย่างโดดเด่นเป็นสง่าและไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออำนาจของสมันตรา แม้พระสวามีจะยอมปราชัยไปแล้วก็ตามที  

 

วนิสานาคิณี คือนางพญานาคิณีผู้งดงาม นางมีเรือนกายสีเขียวมรกต นัยน์ตาคู่สวยของนางเมื่อแปลงกายเป็นมนุษย์จะกลายเป็นสีเขียวประกายสดใส ผิวพรรณของนางช่างขาวเนียนผุดผ่อง รูปร่างสะโอดสะองงดงามดั่งนางในวรรณคดี ชายใดได้พานพบหากไม่ลุ่มหลงหรือชายตามองคงมิใช่ชาย แต่ชายอย่าง "สมันตรา" เขากลับมิชายตามองแม้แต่หางตา

 "เราไม่ต้องการธิดาของท่านหรอกวนิสานาคิณี เราจะแสวงหานางพญานาคิณีแห่งเราด้วยตนเอง และนางผู้นั้นจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น" สมันตรากล่าว

สมันตราพญานาคราช หนุ่มผู้มีเรือนกายสีดำนิล เมื่อเขาแปลงกายเป็นมนุษย์เขาคือชายหนุ่มรูปงาม ผู้มีร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงกำยำ มีมัดกล้ามเนื้อชัดเจน ผิวกายสีน้ำผึ้ง นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลดำ ใบหน้าหล่อเหลา คมเข้ม เกลี้ยงเกลา และเยาว์วัยไร้กาลเวลา

สมันตราคือบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ เขาเป็นนักรบผู้กล้า เขาผ่านการฝึกฝนมาอย่างทรหด ผ่านสมรภูมิรบมาอย่างอาจหาญ ทุกศึกที่เขาย่างกรายผ่านจะกลายเป็นธุลีอยู่แทบเท้าของสมันตรา บุรุษผู้ไม่เคยยอมแพ้และก้มหัวให้แก่ใคร แม้แต่บิดาของเขาเองยังต้องเกรงพระทัย ไฉนจะมายัดเยียดสตรีอันไม่พึงประสงค์มาให้เคียงข้างกาย มีรึบุรุษเยี่ยงสมันตราจะยอมจำนน

"มิได้หรอกท่าน มันคือกฎมณเฑียรบาล ท่านจะปกครองเมืองของเราโดยมิได้สมรสกับธิดาแห่งเราไม่ได้เด็ดขาด!" วนิสานาคิณีกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดดุดัน

"กฎมณเฑียรบาล? นั่นใช้กับการหาผู้เข้มแข็งมาปกครองนครแทนพญานาคาธิบดีองค์ก่อนมิใช่รึ? เรามิใช่อาสาสมัครเพื่อมาครองนคร แต่เรามาเพื่อยึดอำนาจ ฉะนั้นเราจะร่างกฎมณเฑียรบาลขึ้นใหม่" สมันตราไม่ยอมจำนนต่อนางพญานาคิณีจอมวางแผน

"ถ้าท่านมิยอมรับกฎมณเฑียรบาลแห่งลุ่มแม่น้ำโขง เราจะส่งสาส์นไปยังเหล่าพญานาคาธิบดีทุกน่านแม่น้ำทั้งหมด ไม่ว่าจะแม่น้ำแยงซีเกียง ฮวงโห คงคา ทะเลหรือมหาสมุทรทุกหนแห่ง เหล่าพญานาคาธิบดีเหล่านั้นต้องมิเห็นชอบแน่เป็นแน่" 

"แม้ท่านจะเก่งกาจสามารถเพียงใด ท่านจะสู้รบกับกองทัพเหล่าพญานาคาธิบดีทุกน่านแม่น้ำและมหาสมุทรทั้งหมดได้รึ?" 

"ไหนจะพญานาคาธิบดีแห่งสวรรค์ชั้นฟ้า นรกภูมิอีก เราจะส่งสาส์นไปยังทุกพระองค์ ถ้าท่านละเมิดกฎมณเฑียรบาลแห่งเมืองนาคราชของเรา" วนิสานาคิณีกล่าวอย่างหนักแน่น ร่างมนุษย์จำแลงที่สูงสง่านั้นลุกขึ้นยืนโดดเด่นอยู่กลางท้องพระโรงของเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขง

"ถ้าท่านยึดมั่นในรักเดียว เราจะยกปทุมมา ธิดาองค์ที่สองแห่งเราให้เป็นชายาท่าน”

“นางงดงามเหนือหญิงใดในสามโลก ทั้งโลกบาดาล โลกมนุษย์หรือโลกสวรรค์ ก็ไม่เคยหญิงงามใดเทียบรัศมีความงามของนางได้ เรารับรองว่านางจะมอบทั้งกายและหัวใจให้ท่านแต่เพียงผู้เดียว" วนิสานางพญานาคิณีกล่าวพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มายังว่าที่พญานาคาธิบดีองค์ใหม่ที่นั่งโดดเด่นอยู่บนบัลลังก์ทอง

สมันตราพญานาคราชแม้จะผ่านสมรภูมิรบมานักต่อนัก แต่มิเคยผ่านสมรภูมิรักมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แววตาที่เยือกเย็นคู่นั้นของเขายังไร้ซึ่งเงาของหญิงงามใด ๆ 

"ปทุมมา อีกสามเดือนเจ้าต้องเข้าสู่ประตูวิวาห์" วนิสานาคิณีเรียกธิดาองค์ที่สองเข้าพบพร้อมกับแจ้งข่าวให้กับธิดาทราบ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา