ปริศนาราณี

5.8

เขียนโดย Richa

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.

  14 ตอน
  1 วิจารณ์
  14.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ปฐมบท 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ใต้ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลคือแหล่งที่อยู่อาศัยของอมนุษย์ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ที่เรียกว่า “พญานาค” เมืองนาคราชถูกแบ่งเขตการปกครองออกเป็นหลายส่วนแยกตามภูมิภาค เช่น เขตการปกครองแห่งลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำแยงชีเกียง แม่น้ำฮวงโห แม่น้ำคงคา แม่น้ำแต่ละสายก็แยกเขตการปกครองออกไปตามพื้นของตนเอง หรือแม้แต่ทะเลและมหาสมุทร เหล่าพญานาคก็พากันอาศัยอยู่  

เหตุเกิด ณ เมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขง ย้อนไปเมื่อพันปีกว่าก่อน

[ปฐมบท 1]

วนิสานาคิณี...นางพญาผู้เลอโฉม ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ตั้งแต่วัยเยาว์กับพญานาคาธิบดีนามว่า “อิสรินทร์พญานาคราช” ด้วยความงามของเรือนกายกับสติปัญญาอันชาญฉลาดทำให้พญานาคาธิบดีผู้ครองนครนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงต้องลุ่มหลงมัวเมากับนางแต่เพียงผู้เดียว

 แต่ด้วยวัยที่ชราทำให้อิสรินทร์พญานาคราชเสพสุขกับเรือนร่างของนางน้อยลง ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติธรรม เสริมสร้างบารมีให้แก่ตนมากขึ้น จึงแวะเวียนมาเสพสุขกับนางบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ความปรารถนาในใจของนางผู้เยาว์วัยมิได้น้อยลงเช่นวัยของท่านพญานาคาธิบดี นางคือบุตรีของปรมาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เหล่าพญานาคราชทั้งหลาย นางมักจะไปศึกษาเรียนรู้ร่วมกับเหล่าพญานาคราชและนางก็ได้พบกับ ”เอมันต์” ศิษย์โปรดของบิดา

วนิสาและเอมันต์ลักลอบเสพสุขกันอยู่นานหลายปี มีบุตรและธิดาร่วมกันถึงสองพันกว่าตนโดยที่ท่านพญานาคาธิบดีไม่รู้เรื่องราวอันมิสมควรเช่นนี้เพราะฝักใฝ่แต่การปฏิบัติธรรม สร้างคุณงามความดีและทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา

“เราอายุมากขนาดนี้ สมสู่กับนางก็ไม่บ่อย เราไม่คิดว่าเราจะให้บุตรและธิดาแก่นางได้” อิสรินทร์พญานาคราชกล่าวกับบิดาของวนิสาอย่างเสียพระทัย“เราจะสละราชสมบัติให้กับภูริบุตรคนรองของเรา” 

“แต่ตามกฎมณเฑียรบาลท่านต้องสละให้โอรสองค์แรกมิใช่รึ?" บิดาของวนิสาทักท้วงขึ้น

"เอมันต์แม้จะบุตรคนโตของเรา แต่ลุ่มหลงมัวเมากับกิเลสตัณหา และอิสตรี ภายภาคหน้าจะต้องเสียเมืองให้กับพญานาคราชผู้เข้มแข็งกว่าเป็นแน่" อิสรินทร์พญานาคราชกล่าวอย่างรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า

"แต่มันผิดกฎนะขอรับ ประชากรนาคอาจจะพึงไม่พอใจ เมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขงอาจจะไม่สงบสุขได้ อะไรมันจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าก็ช่างมันเทอญ เมื่อกาลเวลาอันใกล้นี้กำลังจะเกิดกลียุคเพียงเพราะท่านไม่ปฏิบัติตามกฎมณเฑียรบาลของเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขง" บิดาของวนิสากล่าวเตือน

อิสรินทร์พญานาคราชรับฟังด้วยเหตุผลแต่มิได้ปฏิบัติตาม ยังคงสละราชสมบัติให้กับภูริพระโอรสองค์รอง วนิสาและบิดาเกิดความไม่พึงพอใจ จึงได้รวบรวมไพร่พลจนก่อเกิดกลียุคเป็นสงครามกลางเมืองที่ต้องจารึกลงไปยังแผ่นหินประวัติศาสตร์ของเมืองนาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำโขง

เลือดสีแดงสดนองท่วมเมืองบาดาลใต้ลุ่มแม่น้ำโขง เมืองใต้น้ำอันสงบสุขก็ลุกเป็นไฟ เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและโหยหวนดังก้องไปทั่วพิภพบาดาล 

"สังหารให้หมด! อย่าให้เหลือรอดแม้แต่ตนเดียว ทหารนาคราชตนไหนยอมปล่อยศัตรูให้เล็ดลอดออกไปได้ เราจะสั่งสังหารพวกมัน 7 ชั่วโคตร" วนิสานาคิณีออกคำสั่งให้สังหารภูริและนาคิณีของพระองค์รวมทั้งทายาททั้งหมด

เรื่องราวอันโหดเหี้ยมนี้ได้เป็นที่กล่าวขานกันทั่วทุกน่านน้ำ ทะเล และมหาสมุทร แต่เนื่องด้วยเป็นเรื่องราวภายในของเขตการปกครองที่แยกตัวออกเป็นอิสระซึ่งกันและกันและมันคือสงครามกลางเมืองของนครนาคราชแห่งลุ่มแม่โขง เหล่าพญานาคาธิบดีแห่งลุ่มแม่น้ำอื่นหรือเมืองอื่นจึงมิอาจจะเข้ามาช่วยเหลือหรือยุ่งเกี่ยวได้

ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย พญานาคสีดำนิลได้แหวกวงล้อมออกมาพร้อมกับนาคีผู้มีเรือนกายสีฟ้าน้ำทะเล ด้วยความช่วยเหลือของเหล่านาคผู้ยังคงภักดีกับบิดาของเขา ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขงเบื้องหน้าของดินแดนมนุษย์จึงมีผู้คนพบเห็นเด็กหนุ่มและเด็กสาวอายุราว 17 -18 ปีกำลังเดินขึ้นมาจากแม่น้ำอย่างสะบักสะบอม

“ทายาทและข้าราชบริพารในองค์ภูริพญานาคราชจำนวนหนึ่งหลุดรอดหลบหนีไปได้ขอรับ แฝงกาย ซ่อนเร้นตามเมืองต่าง ๆ บ้างได้รับการช่วยเหลือจากพญานาคาธิบดีแห่งเมืองปกครองอื่น” ทหารของวนิสานาคิณีตนหนึ่งกล่าวรายงาน

“ถ้าหลบหนีลงทะเล เราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว ที่นั่นมีผู้ครองนครที่เข้มแข็งนัก" วนิสานาคิณีเอ่ยอย่างไม่พอใจ

"ยังหลบหนีไปยังที่แห่งใดอีก?" วนิสานาคิณีเอ่ยถามทหารนาคราชด้วยน้ำเสียงดุดัน ดั่งเช่นนางคือผู้บัญชาการรบ

"เมืองชะนะคามดินแดนของพวกมนุษย์" ทหารแห่งนาคิณีตอบ

"จับได้เมื่อไหร่ สังหารทันที!!!" วนิสานาคิณีออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

นับจากนาทีสังหารโหดนั้นเป็นต้นมาเอมันต์พญานาคราชก็ขึ้นครองนครต่อจากพระอนุชาและวนิสานาคิณีก็ยังคงคอยส่งทหารนาคราชส่วนพระองค์ออกสืบเสาะตามหาและสังหารทายาทของภูริจนเกือบจะหมดสิ้น

หลงเหลืออยู่เพียงตนเดียวเท่านั้นที่ซ่อนกายอยู่ยังเมืองมนุษย์ เขาผู้นั้นคือราเชนทร์ โอรสองค์เล็กสุดของภูริและนาคิณีของพระองค์

ด้วยนิสัยที่ยังลุ่มหลงมัวเมากับกิเลสตัณหาและอิสตรีของเอมันต์พญานาคราชแม้เขาจะปกครองเมืองนาคราชให้อยู่อย่างสงบสุขได้ก็จริงแต่นั่นเพราะวนิสานาคิณีเป็นผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

นางวางแผนการต่าง ๆ อย่างแนบเนียนและโหดร้ายเฉกเช่นอสรพิษร้ายทั่วไป นางพึงพอใจในตัวเอมันต์เพียงเพราะเขาปรนเปรอนางให้อิ่มเอมกับความสุขทางกามารมณ์

แต่เอมันต์ก็ยังคงเป็นเอมันต์พญานาคราช เขาปรนเปรอนางให้สุขสมอารมณ์หมาย แต่เขาก็ไม่เคยอิ่มยังคงเสาะแสวงหานางมนุษย์ นางอัปสร นางกินรีมาบำเรอสุขตนอยู่เสมอ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา