27 pairs of chromosomes ภาค บทกวีของผู้หลงทาง
เขียนโดย จอมนางค์
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.23 น.
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2561 21.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) แผนที่ (30%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแผนที่
Lost time ไม่ได้เป็นชื่อเมือง แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกแผ่นดินเวิ้งว้างที่อยู่อีกฟากของผืนแผ่นดิน อาณาเขตต้องห้ามที่ไม่เคยมีผู้เหยียบย่างเข้าไป ที่ที่ราวกับจะเป็นสุสานของผู้พลัดหลง
ดินแดน... ที่กาลเวลาหยุดนิ่ง ดินแดน... ที่กลางวันและกลางคืนรวมกัน
สนามคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีกำลังมหาศาลและมีลักษณะค่าความแปรปรวนสูงทำให้เกิดปรากฎการณ์ต่างๆ มากมาย พายุสนามแม่เหล็ก คลื่นความร้อนรุนแรง และความกดอากาศที่ไม่คงที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต แม้แต่แมลงเล็กๆ ทุกอย่างอยู่ในความว่างเปล่า... สงบนิ่ง... เครื่องบอกเวลาทุกชนิด เมื่อเข้าสู่อาณาเขตนั้นแล้วก็จะถูกรบกวนจากสนามแม่เหล็กที่แปรปรวนจนไม่ทำงานราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง กระทั่งดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ตกในลอสไทม์ ที่นั่นมีเพียงแสงประกายที่เปล่งระยิบระยับจนราวกับจะทำให้บรรยากาศโดยรอบพร่ามัว
ที่นั่นคือลอสไทม์... ดินแดนเงียบสงัดที่ไม่มีกระทั่ง ‘เวลา’
“สมกับเป็นคนรู้จักของก็อดจริงๆ ดันไปตั้งร้านอยู่ในที่แบบนั้นซะได้” เครออสกระแทกกล่องลงรวมกับสัมภาระเดินทางอย่างหงุดหงิด เป็นกริยาที่หากไวล์มาเห็นเข้าคงจะชักสีหน้า มองด้วยสายตาตำหนิตำเตียน แต่เพราะว่าไวล์ออกไปทำธุระให้กับก็อดตั้งแต่เช้า คนที่อยู่ด้วยกันจึงมีเพียงเจโฬมที่พูดอย่างเสียไม่ได้ว่า
“เฮ้ยๆ นั่นอนาคตของมนุษยชาติเชียวนะ ช่วยแกล้งทำเหมือนว่ามันสำคัญหน่อยสิ”
“แกก็พูดไปหาวไปไม่ใช่รึไงกัน ไอ้นักบวชเก๊เอ๊ย” เจ้าของทรงผมกระเซิงสวนกับด้วยเสียงกระชาก
“นายก็แค่หงุดหงิดเพราะที่ลอสไทม์ไม่มีพอร์ตแลนดิ้ง” เจโฬมพูดแทงใจดำด้วยใบหน้าตายด้าน
ระบบขนส่งมวลชนทางไกลที่รวดเร็วที่สุดในขณะนี้คือการเคลื่อนย้ายมวลสารโดยเครื่องแยกอณู เทคโนโลยีวาร์ปที่คนในโลกเก่าเคยทำได้เพียงฝันถึง บัดนี้เกิดขึ้นจริงในแอตแลนติส สถานีสำหรับบรรจุเครื่องขนย้ายมวลสาร เรียกสั้นๆ ว่าพอร์ตแลนดิ้งถูกติดตั้งไว้ตามเมืองใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน แน่นอน... ไม่รวมถึงลอสไทม์ที่ไม่มีแม้แต่แมลงอาศัยอยู่
“ก็เออน่ะเซ่ นายคิดว่าการเดินทางโดยไม่ใช้พอร์ตน่ะมันยุ่งยากขนาดไหนกัน” นิ้วมือเรียวยาวจิ้มลงไปบนปุ่มเครื่องระบุพิกัดแบบพกพา
แผนที่โฮโลแกรมแสดงอาณาเขตส่วนที่เป็นพื้นดินทั้งหมด แผ่นที่ใหญ่ที่สุดคือแอตแลนติส วงกลมสีแดงบนแผนภาพแทนการแสดงที่ตั้งของพอร์ตแลนดิ้งในแต่ละเมือง เฉพาะเมืองหลวงแอตลาสเท่านั้นที่มีวงกลมสีแดงถึงสองแห่ง ตั้งอยู่คนละฟากเมือง จากตรงนี้ หากยึดแอตลาสเป็นศูนย์กลางแล้ว ขึ้นไปทางทิศเหนือ อาณาเขตบริเวณนั้นทั้งหมดเป็นเมืองท่า ทางตะวันออกเป็นฤดูหนาว บางแห่งที่มีหิมะปกคลุมตลอดปีโฮโลแกรมจะแสดงภาพแบบทึบหมายความว่าเป็นส่วนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของแอตแลนติส ในทิศทางที่เป็นฝั่งตรงข้ามกัน ด้านตะวันตกของแอตแลนติส แผนที่แสดงภาพทึบบนอาณาเขตของดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง ‘อีเดน’ สถานที่ที่กลุ่มคนนอกสังคมจะรวมตัวกัน และขณะนี้กลายเป็นองค์กรของผู้ต่อต้านโลกและพร้อมจะก่อสงคราม ท้ายสุด ลอสไทม์ ดินแดนทางใต้ที่การสำรวจไม่อาจย่างกรายเข้าไปถึง วงกลมสีแดงที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่เมืองคราวด์(crowd) ถึงกระนั้น ระหว่างเมืองแห่งการเสี่ยงโชค คราวด์ และดินแดนนอกการควบคุม ลอสไทม์ ก็ยังมีทะเลทรายที่กินอาณาบริเวณกว้าง ขวางกั้นอยู่
“อา...” คนที่ยังมองไม่เห็นความลำบากก็ยังไม่เห็นอยู่ดี ทำเอาคนเกลียดความร้อนเต้นผาง
“แกหมายความว่ายังไงหา แค่ ‘อา...’ เนี่ย รู้ไหมว่ากว่าจะผ่านทะเลทรายไปได้ต้องใช้เวลากี่วัน แถมยังร้อนจนไข่แทบสุก ที่แบบนั้นน่ะแค่นึกถึงก็คอแห้งแล้ว”
“หมอนั่นช้าจังเลยนะ...” นักบวชพูดไปอีกเรื่อง
“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะเฟ้ย” เครออสคำราม
“เมื่อคืนก็พูดเรื่องแปลกๆ” เจโฬม
“อ๊ะ! หมายถึงมิคาเอลน่ะเหรอ นั่นน่ะสิ พอมาคิดดูแล้วทำไมถึงได้รู้เรื่องเจ้าของกล่องได้กันนะ” เครออส
“เอาเถอะ... ว่าแต่ว่าเมืองคราวด์เนี่ย ฉายาคือนั่นสินะ” เจโฬม
“นี่แก เอาซักเรื่องจะได้ไหม” เครออส
“ที่ว่าเป็นเมืองแห่งการเสี่ยงโชคนั่นน่ะ”
“อ๊ะ งั้นก็มี ‘นั่น’ สินะ... คาสิโน!”
“จะเอาเงินสำหรับเดินทางไปใช้เล่นสนุกอะไรกันผมก็ไม่ว่าหรอกครับ เพราะยังไงชีวิตพวกคุณก็เคยชินกับการเป็นแรงงานทาสอยู่แล้ว แต่ถ้าเข้าบ่อนเพลินจนไม่ยอมทำการทำงานละก็ ผมจะทบหนี้เข้าไปอีกเท่าตัว...” เสียงที่ขัดจังหวะสนทนาทำให้ต้องหยุดชะงัก บทสนทนาแบบ ‘ไปคนละเรื่อง’ จึงสิ้นสุดลง
ไวล์ยืนส่งยิ้มการค้าน่าสะพรึงกลัวมาให้พร้อมกับย้ำ
“เข้าใจนะครับ ‘อีกเท่าตัว’ น่ะ”
“อะ...” เครออสหน้าซีด “ใครว่าจะใช้เงินสำหรับเดินทางกันเล่า ฉันก็ต้องใช้เงินเดือนของตัวเองสิ”
“เหรอครับ” รอยยิ้มการค้ายังคงเชือดเฉือน “คิดว่าคุณเอาเงินไปเสียกับโมเดลหมดแล้วเมื่อตอนต้นเดือนเสียอีก แหม... ความจริงไม่ใช่สินะครับ”
“อึก!” เครออสรู้สึกเหมือนถูกมีดเสียบที่กลางอก
กะแล้วว่าต้องรู้ คนคนนี้น่ากลัวจริงๆ
“ส่วนคุณเจโฬม เห็นว่ามีปาร์ตี้จัดหนักมาตั้งแต่ต้นเดือน แต่เงินก็ยังเหลือ ยอดเยี่ยมไปเลยครับ” ไวล์ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความหูตาไวประชดอย่างเยียบเย็น
“ชิ!” นักบวชได้แต่ส่งเสียงอย่างหงุดหงิด จากนั้นเครออส คู่กัดที่เปลี่ยนมาเป็นเพื่อร่วมรบชั่วคราวจึงได้เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์
“อะ... เอ่อ... ว่าแต่มิคาเอลนี่ช้าจังเลยนะ”
“นั่นสินะครับ” ไวล์ถอนหายใจนิดๆ พลางขยับแว่นตา พูดต่อว่า “ผมคิดว่าภารกิจนี้คงจะมีพวกคุณแค่สองคน เพราะมิคาเอลน่ะ ไม่อยู่แล้ว...”
“หะ... หา” เครออสนิ่งค้าง หาเสียงตัวเองไม่เจอไปครู่หนึ่ง “หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่อยู่ ปกติคนที่ทิ้งงานน่ะต้องเป็นเจ้านักบวชนี่ไม่ใช่หรือไง” คนพูด พูดพลางชี้หน้าอย่างไม่เกรงใจ แต่ ‘นักบวช’ ที่ถูกซัดทอดก็ยังยืนลอยหน้าลอยตาฟังอย่างไม่สะทกสะท้านเช่นเคย
“ผมก็... ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไร แต่พอลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาก็อดเธอก็บอกแต่ว่า ‘มิคาเอลก็มีเรื่องที่ต้องทำเหมือนกัน’ น่ะนะ” ไวล์จงใจจะไม่อธิบายว่า ตอนที่พูดประโยคนี้ ก็อดยังนั่งโงนเงนอยู่บนเตียง เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ก็อดออกคำสั่งหรือแค่ละเมอพูดออกมา
แต่ก็นะ... ช่างเถอะ การทำงานกับเจ้าพวกไม่ปกติอันหนักหนาสาหัสทำให้กระเพาะอาหารของเขาปวดหนึบมานานแสนนานแต่เพราะงานที่หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซึ่งขณะนี้มีมากถึงเก้าในสิบส่วนของทรัพยากรโลก ถึงจะอยากลาออกวันละร้อยหน แต่เพื่อเรื่องปากท้องก็ได้แต่ต้องทนต่อไป วิธีการคือ เลิกใส่ใจกับเรื่องจุกจิกทุกประเภท
ยังไงเจ้าพวกนี้ก็ถึกทนยิ่งกว่ายานขนส่งขยะในโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลอยู่แล้ว จะปล่อยให้ทำงานอันตรายนิดๆ หน่อยๆ ยังไงก็คงรอดกลับมาได้เหมือนเดิม
ที่ทนยิ่งกว่าเจ้าพวกนี้น่ะมีแต่แมลงสาบเท่านั้นแหละ!
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ตอนเมาอาจจะเอากล่องไปแลกเหล้าเสียก็ได้
ถ้าเป็นเจ้าสองคนนี่ละก็... ไม่สิ เพราะเป็นเจ้าสองคนนี่แหละถึงได้น่าเป็นห่วง คนที่พอจะเอาการเอางานอย่างมิคาเอลก็ไม่อยู่เสียแล้ว
นี่เราเอาอนาคตของมนุษย์ชาติมากฝากไว้กับเจ้าพวกนี้ จะไม่แย่เอาหรอกเหรอ?...
อา... โรคกระเพาะเหมือนจะกำเริบ
มิคาเอล วอร์ตัน ดัฟฟ์ เหลียวมองไปรอบๆ ท่ามกลางความรุ่งเรืองถึงขีดสุดของมหานครแอตลาสยังมีสถานที่ที่ซุกซ่อนความโสมมเอาไว้ แหล่งเสื่อมโทรมอันเป็นที่อาศัยของคนเร่ร่อน ไร้บ้าน
เมืองหลวงของแอตแลนติสแห่งนี้แบ่งการปกครองเป็นมหานครชั้นในและชั้นนอก มหานครชั้นในอันเป็นศูนย์รวมของความศิวิไลซ์มีชื่อเรียกว่า เซ็นทรัล จุดสูงสุดของความรุ่งเรืองแห่งมหานครส่วนชั้นนอกจะถูกแบ่งออกเป็นเขตการปกครองทั้งหมดยี่สิบสี่เขต ในกระบวนนั้น มีเขตการปกครองพิเศษที่ได้รับหมายเลขยี่สิบห้า เขตพิเศษที่จัดไว้เป็นที่ทิ้งเศษซากของอุสาหกรรมและส่วนเกินของความรุ่งเรืองที่ไม่ถูกใช้งาน
ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อเงยมองเศษซากที่กองสูงราวกับภูเขาเศษขยะ นกตาบอดที่อาศัยกินของเน่าเสียเป็นอาหาร สุนัขเร่ร่อนและแมลงคอยป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ ห่างจากบริเวณภูเขาขยะขนาดมหึมาออกไปเพียงเล็กน้อย กลุ่มบ้านเรือนที่สร้างจากเศษเหล็กและซากไม้อย่างหยาบๆ ตั้งเรียงราย
แหล่งเสื่อมโทรมที่ควรจะเป็นเพียงที่ทิ้งขยะ กลับกลายเป็นที่อยู่อาศัยของคนกลุ่มหนึ่ง
กลุ่มคนที่ถูกสังคมมองข้าม
ความเท่าเทียมไม่มีทางเกิดขึ้นจริงตราบใดที่มนุษย์ยังเป็นมนุษย์
‘คนคนนั้น’ ก็อาศัยอยู่ที่นี่...
“นี่... พี่ชายหล่อๆ ที่ยืนตรงนั้นน่ะ” เสียงเรียกปลุกให้ตื่นจากห้วงความคิด ด้านหลังของเขา ชายสามคนยืนรวมกลุ่มกัน มองมาด้วยท่าทีเป็นอริ “มาจากเซ็นทรัลใช่ไหมล่ะ น่าจะมีอะไรดีๆ มาเป็นค่าผ่านทางซักหน่อยน้า... ” ชายหน้าหนูที่ยืนด้านหน้าในตำแหน่งผู้นำกลุ่มเป็นผู้เปิดการสนทนาก่อน จากนั้น ชายอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังจึงก้าวเข้ามาสมทบ ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ทำท่าทางวางก้าม ข่มขวัญ
“ขอดูกระเป๋าหน่อยซิ บางทีคุณแม่อาจใส่ค่าขนมเกินมาก็ได้ ถ้ามีเหลือๆ ก็ขอแบ่งมาใช้บ้างนิดๆ หน่อยๆ ถือเป็นการผูกมิตร ฟังดูเข้าท่าใช่ไหม?”
เสียงหัวเราะเคี้ยกๆ ที่ดังประสานกันฟังดูน่าขันมากกว่าจะน่าเกรมขาม ถึงจะรำคาญใจ แต่มิคาเอลก็ปลดดาบใหญ่บนแผ่นหลังลง สะบัดใบมีดหนาหนักให้ลองกินลมสองสามครั้งก่อนกระแทรกปลายดาบลงบนพื้น ตัวดาบตั้งตระหง่าน... มั่นคง บอกเจตจำนง
“ถ้าแย่งดาบของฉันไปได้ จะให้ตามที่ขอก็แล้วกัน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ