ณ ที่ที่รักพร่างกลางใจ
-
เขียนโดย จอมนางค์
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.50 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
7,160 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2561 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 3 (50%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ3
จ่าสิบตำรวจสงวน หรือที่ชาวตลาดศิลาเรียก ‘จ่าหงวน’ ทำหน้าเฉยสนิทเมื่อเห็นผู้กองเต ‘หิ้ว’ ถุงดำๆ เข้ามาในสน. ครั้นพอเข้ามาใกล้จึงได้รู้ว่าถุงดำนั้น แท้จริงแล้วคือเด็กหนุ่มที่มอมจนไม่เหลือเค้าเดิม มองจากไกลๆ คิดว่าเป็นถุงขยะใบโต
“จ่า” ผู้กองวางเด็กในมือซึ่งกระพริบตาปริบๆ มองจ่าอย่างอ้อนวอนเต็มที่ ถ้าดวงตาพูดได้คงจะมีเสียงร่ำร้องว่า ‘ปล่อยผมไปเถอะ!’ กับผู้กองที่นั่งแปะลงบนโต๊ะข้างๆ กันก่อนจะตั้งท่าหอบ “ไอ้หมอนี่น่าจะเป็นตัวหัวโจก เห็นผมเท่านั้นมันวิ่งไม่เหลียวหลัง แถมยังปากแข็งเสียด้วย ถามอะไรก็ไม่ตอบ”
“ผู้กองจะให้มันตอบอะไรครับ?” จ่าหงวนให้สงสัยเป็นที่ยิ่ง
“อ้าว...” ผู้กองอ้าปากผะงาบๆ หาก... ไม่มีเสียงจะตอบ “ก็...”
“ก็ไอ้นี่มันเป็นใบ้!” ผู้กองอ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนจะหงายหลังผลึ่งลงตรงนั้น หาก... ความจริงที่พุ่งเข้ากระแทกหน้าผู้กองหนุ่มคงยังไม่สาใจ จ่าหงวนจึงต่อความด้วยใบหน้า ‘ซื้อซื่อ’ “แล้วมันไม่ได้เดินยาด้วย ชาวบ้านเขาเห็นมันโดนพวกส่งยาไถเงินอยู่ตีนสะพาน กำลังจะเข้าไปช่วยกันห้ามก็พอดีตำรวจมาเสียก่อน เขายังงงกันอยู่ตอนนี้ว่ามันจะวิ่งหนีไปทำไม”
“เอ๊า!” ผู้กองร้องลั่น เกาหัวยิกๆ จนผมที่หยิกอยู่แล้วยิ่งฟูเข้าไปอีก ตอนนี้จากพระเอกหนังแขกจะกลายร่างเป็นยักษ์ “แล้วลื้อจะวิ่งหนีอั๊วทำไมวะ!”
ขณะไอ้ใบ้ถอนฉุนเหมือนกัน
ก็แล้วจะวิ่งตามทำไม!
พอออกจากสถานีตำรวจบ้านศิลา ด้านข้างจะมีป้ายรถเมล์ที่ปกติเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง แต่ตอนนี้ ไอ้ใบ้ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการ ‘กระย่องกระแย่ง’ ไปให้ถึงจุดหมายทั้งๆ เดิมที่ขาล้าจากตอนวิ่งหนี ตอนนี้ยิ่งระบม กว่าจะก้าวได้แต่ละทีทำเอาขาพับแล้วพับอีก ไอ้ใบ้เดินส่าย โซซัดโซเซเหมือนคนเมายากันยุง!
ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะอีตาผู้กองนั่นทีเดียวแหละ
ชาตินี้อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย เพี้ยง!
เด็กหนุ่มยกมือท่วมหัวสาปส่ง ก้าวไปทางไหนก็มีแต่คนหลีกออกเป็นช่องเพราะกลิ่นน้ำคลองปลาตายรวมกับสภาพดำเป็นถ่านแต่หัวจรดเท้าออกจะ ‘เหลือรับ’ ที่ว่าเหลือรับคือ แม้แต่ตัวเองก็ยังรับสารรูปตัวเองไม่ค่อยจะได้เหมือนกัน
ตรงป้ายรถเมล์มีหลังคาคลุม ปกติคนรอรถจะเบียดกัน แย่งเอาพื้นที่ใต้หลังคาคลุมเพื่อไม่ต้องตากแดดทนร้อน ตอนนี้กลับกัน คนเดียวที่อยู่ใต้หลังคาคลุมคือไอ้ใบ้ คนที่เหลือต่างยอมทนร้อนกันทั้งนั้น สายตาที่จับจ้องมาล้วนมองด้วยความไม่ไว้วางใจ มือเล็กจึงยกขึ้นจับผมเป็นกระเซิง ชี้โด่ชี้เด่ของตัวเอง สางๆ ลูบๆ ให้พอ ‘ดูดี’ ก่อนจะฉีกยิ้มเห็นแต่ฟันขาวส่งไปรอบๆ ดูเป็นมิตรจะแย่ หาก... นอกจากจะไม่มีใครยิ้มตอบ วงที่ล้อมรอบยังกว้างขึ้นอีกเท่าตัว
ขณะยืนหันรีหันขวาง จู่ๆ รถกระบะคาดสีเลือดหมูก็ปราดเข้ามาจอดตรงหน้า เสียงบีบแตรกับเสียงเรียกดังราวกับฟ้าผ่า
“เฮ้ยใบ้ ขึ้นรถ!” คนขับเปิดกระจกส่งเสียงออกมาก่อนตัว แต่... ก็ทำไมไอ้ใบ้จะจำไม่ได้ว่า ‘ใคร’
ทำไมเจ้าที่แถวนี้ไม่เฮี้ยนเลย!
ผู้กองเตมินทร์!
ตอนนี้ จากที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อยู่แล้ว ไอ้ใบ้ยิ่งดูเหมือนผู้ร้ายฆ่าหั่นศพที่ถูกตำรวจตามมาเจอเข้าไปใหญ่ ขืนว่านั่งรถตำรวจออกไปตอนนี้คงเหมือนโดดแห่ประจาน แต่จะหนีไปดื้อๆ ก็ยิ่งแล้ว คราวนี้จะเหมือนคนร้ายฆ่าหั่นศพหนีคดี ซวยทั้งขึ้นทั้งร่อง!
“...” ไอ้ใบ้ใช้วิธีเดิมคือส่ายหน้าไว้ก่อน
“เฮ้ย ไม่ต้องเกรงใจ ลื้อโดดขึ้นมาเลย แต่ขึ้นกระบะหลังนะ ตัวลื้อเปื้อน อั๊วจับลื้อมาผิดตัว เดี๋ยวรับผิดชอบไปส่งเอง” คนพูดยื่นหัวออกมากระซิบกระซาบ ยักคิ้วให้ด้วยสองหยึก เท่จนอยากจะจิ้มตาให้แตก
“...” ไอ้ใบ้ส่ายหน้าดิกอีกครั้ง แต่ผู้กองหาฟังไม่
“เอ๊า ขึ้นมาสิวะ จอดนานๆ มันเสียเวลา เปลืองน้ำมันรถหลวงด้วยนะเฮ้ย”
แล้วไอ้ใบ้จะทำอย่างไรได้นอกจากต้องโดดขึ้นรถไปตามบัญชา ระหว่างทางตั้งแต่ออกรถจนกลับถึงสลัม ไม่มีสักช่วงเวลาเดียวที่จะไม่มีคนมอง ไอ้ใบ้โดดลงรถ เดินก้มหน้าก้มตาข้ามสะพานตุบปัดตุบเป๋ อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดซอกไหน ขณะผู้กองกระหยิ่มยิ้มย่อง
‘ได้ทำความดีแล้วมันสบายใจจริงๆ นี่แหละแบบฉบับของตำรวจที่เป็นที่พึ่งของประชาชน’
ไอ้ใบ้มองหน้ากระหยิ่มของผู้กองแล้วเกิดคำถามในใจ
ทำไมตำรวจเขาไม่ถามประชาชนก่อนนะว่าอยากให้ช่วยหรือเปล่า!
บ้านเช่าในสลัมเกินครึ่งสร้างจากไม้ สังกะสี และแผ่นไม้อัดซึ่งอาศัยอยู่ได้ไม่กี่นานก็พัง เมื่อไม่มีการซ่อมบำรุงเสียบ้างจึงเป็นรอยโหว่ แหว่ง บ้านเช่าของไอ้ใบ้ถึงไม่ใหม่เอี่ยมอ่อง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีรอยโหว่ ห้องน้ำในตัวถึงจะเล็ก แคบ แต่มิดชิด ตกแต่งให้ดีเสียหน่อยก็พออยู่ได้ ถึงจะไม่สะดวกสบายนัก อ่างที่เลือกมาใช้แทนอ่างอาบน้ำแบบที่คุ้นเคยเป็นอ่างพลาสติกเนื้อหา ใบใหญ่ พอที่คนตัวเล็กๆ จะลงแช่ได้และน้ำที่ใช้แช่ตัวก็เป็นน้ำจากก๊อก เหม็นสนิมนิดหน่อยแต่ก็พอให้อาศัย ถ้าจะอาบน้ำอุ่นต้องต้มจากเตาแก๊สและเอามาผสม แต่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนจะต้องอาบน้ำอุ่นไปทำไม?
มือเล็กวักน้ำขึ้นลูบหน้า พอได้ล้างคราบคลองน้ำดำออกเสียบ้าง ผิวที่กระดำกระด่างก็ค่อยกระจ่างขึ้นทีละส่วน จากเจ้าใบ้ของชาวบ้านศิลา กลับเป็นดวงหน้าพริ้มเพรา อ่อนหวาน หากปรากฏริ้วรอยเหนื่อยล้าเห็นชัด
ฟ้าพร่างดาวถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยอ่อน
ชะตากรรมหนอ ทำไมต้องใจร้ายพาเขามาพบหล่อนด้วย?
ผู้หมวดเตมินทร์คนนั้น อ้อ... ไม่ใช่ ตอนนี้เป็นผู้กองไปแล้ว แถมยังมีฉายา ‘พระเอก’ พ่วงเข้าเสียด้วย หญิงสาวนึกถึงใบหน้ากวนโทโสเมื่อแรกที่พบกันแล้วก็ย่นจมูก ตานั่นจะเป็นพระเอกละหรือ? เป็นยักษ์เสียละมาก ยักษ์กวนโมโห!
หล่อนบ่นไปอย่างนั้นเอง ทราบว่าเขายังสบายดีก็ค่อยคลายใจ ที่น่าคิดก็คือ เพราะอะไรตำรวจกองปราบอย่างเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ชะรอยจะไปทำหน้ายียวน ต่อปากต่อคำกวนโมโหใครเข้าอย่างที่ทำกับหล่อนถึงได้ถูกเด้งมาไกลถึงนี่ ไม่อีกทีก็คงย้ายมาเอาขั้น หล่อนไม่ทราบทำเนียมตำรวจนัก ก็เลยอยากคิดในทางสบายใจไว้ก่อน หญิงสาวไม่อยากนึกภาพว่า เขาอาจถูกย้ายมาไกลเพราะเกิดไปเหยียบเส้น ‘ใคร’ ที่บงการอยู่เบื้องหลังคดีของหล่อน ตำรวจตงฉินที่เอาตัวเข้ารับกระสุนแทนผู้หญิงซึ่งคุยกันเพียงไม่กี่คำ และยิ่งไม่ได้คุยกันด้วยดีสักกี่ประโยค เขาอาจไม่ยอมให้เรื่องเงียบง่ายๆ และพยายามจะขุดคุ้ย ผลก็คือ เขาต้องถูกเด้งมาอยู่ถึงชุมชนแออัดชาญเมือง
เตมินทร์อาจเป็นคนที่ต้องพลอยรับเคราะห์ไปกับหล่อนด้วย
เถอะ... หล่อนปรามตัวเอง อย่าเดาไปเลย ตอนนี้คิดถึงสถานการณ์เฉพาะหน้าจะดีกว่า
ถ้าเขาเกิดจำหล่อนได้ขึ้นมาคงเป็นเรื่องแน่ เรื่องใหญ่เสียด้วย!
เมื่อยังเล่าเรียนและอาศัยอยู่ในอเมริกา ฟ้าพร่างดาวมีกลุ่มเพื่อนซึ่งบังเอิญมีงานอดิเรกเป็นบล็อกเกอร์ หรือสมัยนี้ก็เรียกยูทิวบ์เบอร์ เจ้าตัวเป็นคนมีชื่อเสียงเหมือนกันเรื่องการเป็นเมคอัพอาร์ทติสที่มีผู้คนติดตามก็เลยอาศัยหาลำไพ่พิเศษอยู่ในคณะโชว์เล็กๆ และกำลังเป็นที่นิยม ไม่เชิงเป็นคาบาเร่ต์อย่างไทย ตามศัพท์เรียกว่า แดร๊ก (drag) ซึ่งนิยมแต่งกายเลียนแบบเพศตรงข้าม มีทั้งแดร๊กควีนคือผู้ชายแต่งเลียนแบบผู้หญิงและแดร๊กคิงคือผู้หญิงแต่งเลียนแบบผู้ชาย ฟ้าพร่างดาวเคยไปช่วยเป็นลูกมือให้บ้างเหมือนกัน ตอนหลังก็พอจะจำเทคนิคเอามาแต่งเล่นสนุกสนานกับเพื่อนได้
หล่อนไม่คิดว่า ที่เคยฝึกเอาไว้แต่งเล่นสนุกๆ จะได้นำมาใช้งานจริง
เมื่อหล่อนหลบหนีออกมาใหม่ๆ นั้น ฟ้าพร่างดาวอาศัยเช่าโรงแรมเล็กๆ พอคุ้มนอนได้และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ เพื่อรอข้อมูลที่จ้างให้นักสืบตามหากับ คอยหลบหลีกว่าจะมีใครตามมาเจอ
หล่อนจะไม่กลับไปอีกหรอกถ้ายังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ใครหวังดีและหวังร้ายกับหล่อน ฟ้าพร่างดาวจะอยู่ยังไงในบ้านที่อาจมีใครสักคนหวังเอาชีวิตอยู่เสมอ หญิงสาวไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
ฟ้าพร่างดาวจ้างทนายของหล่อนเองโดยอาศัยผู่ใหญ่ที่ไว่ใจได้ช่วยแนะนำให้ ท่านเป็นสหายเก่าของบิดา เคยคบหารักใคร่กันดีเมื่อยังหนุ่มๆ ให้เขาคอยหาที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัยให้และคอยสืบหาตัวคนที่ทำร้ายครอบครัวหล่อนอีกทางหนึ่ง แต่เพราะข้อมูลยังน้อย ฟ้าพร่างดาวเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดกับมันมากที่สุดในคืนนั้น หล่อนจำเสียงที่มีกังวานโหดเหี้ยมนั้นได้ และหล่อนเองเป็นคนฝากรอยแผลไว้ให้กับพวกมัน การสืบจึงหยุดลงตรงที่
‘รู้เพียงคร่าวๆ ว่ารวมตัวกันอยู่ที่นี่ครับผม เป็นพวกคุมบ่อนกับอาบอบนวด มีอิทธิพลมากทีเดียว’
ที่เหลือไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการเข้าถึงตัวจะยากเพียงใด ยิ่งฟ้าพร่างดาวบอกไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร หล่อนเท่านั้นจะบอกได้จากเสียงที่พูดและต้องค้นหาลึกไปกว่านั้นคือรอยแผลเป็นยังใหม่ที่หลังมือ เจ้าอ้วนผอมทั้งสองที่ฆ่าครอบครัวของหล่อนจะวนเวียนอยู่ที่หมู่บ้านสลัมชานเมืองนี้ไม่ผิดแน่
ฟ้าพร่างดาวจะต้องหาตัวให้พบ ถึงตอนนั้น การจะลากตัวคนผิดมาลงโทษ ไม่ยาก!
มันจะยุ่งยากก็อีตรง ‘พระเอกหนังแขก’ นั่นแหละ!
จ่าสิบตำรวจสงวน หรือที่ชาวตลาดศิลาเรียก ‘จ่าหงวน’ ทำหน้าเฉยสนิทเมื่อเห็นผู้กองเต ‘หิ้ว’ ถุงดำๆ เข้ามาในสน. ครั้นพอเข้ามาใกล้จึงได้รู้ว่าถุงดำนั้น แท้จริงแล้วคือเด็กหนุ่มที่มอมจนไม่เหลือเค้าเดิม มองจากไกลๆ คิดว่าเป็นถุงขยะใบโต
“จ่า” ผู้กองวางเด็กในมือซึ่งกระพริบตาปริบๆ มองจ่าอย่างอ้อนวอนเต็มที่ ถ้าดวงตาพูดได้คงจะมีเสียงร่ำร้องว่า ‘ปล่อยผมไปเถอะ!’ กับผู้กองที่นั่งแปะลงบนโต๊ะข้างๆ กันก่อนจะตั้งท่าหอบ “ไอ้หมอนี่น่าจะเป็นตัวหัวโจก เห็นผมเท่านั้นมันวิ่งไม่เหลียวหลัง แถมยังปากแข็งเสียด้วย ถามอะไรก็ไม่ตอบ”
“ผู้กองจะให้มันตอบอะไรครับ?” จ่าหงวนให้สงสัยเป็นที่ยิ่ง
“อ้าว...” ผู้กองอ้าปากผะงาบๆ หาก... ไม่มีเสียงจะตอบ “ก็...”
“ก็ไอ้นี่มันเป็นใบ้!” ผู้กองอ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนจะหงายหลังผลึ่งลงตรงนั้น หาก... ความจริงที่พุ่งเข้ากระแทกหน้าผู้กองหนุ่มคงยังไม่สาใจ จ่าหงวนจึงต่อความด้วยใบหน้า ‘ซื้อซื่อ’ “แล้วมันไม่ได้เดินยาด้วย ชาวบ้านเขาเห็นมันโดนพวกส่งยาไถเงินอยู่ตีนสะพาน กำลังจะเข้าไปช่วยกันห้ามก็พอดีตำรวจมาเสียก่อน เขายังงงกันอยู่ตอนนี้ว่ามันจะวิ่งหนีไปทำไม”
“เอ๊า!” ผู้กองร้องลั่น เกาหัวยิกๆ จนผมที่หยิกอยู่แล้วยิ่งฟูเข้าไปอีก ตอนนี้จากพระเอกหนังแขกจะกลายร่างเป็นยักษ์ “แล้วลื้อจะวิ่งหนีอั๊วทำไมวะ!”
ขณะไอ้ใบ้ถอนฉุนเหมือนกัน
ก็แล้วจะวิ่งตามทำไม!
พอออกจากสถานีตำรวจบ้านศิลา ด้านข้างจะมีป้ายรถเมล์ที่ปกติเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง แต่ตอนนี้ ไอ้ใบ้ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการ ‘กระย่องกระแย่ง’ ไปให้ถึงจุดหมายทั้งๆ เดิมที่ขาล้าจากตอนวิ่งหนี ตอนนี้ยิ่งระบม กว่าจะก้าวได้แต่ละทีทำเอาขาพับแล้วพับอีก ไอ้ใบ้เดินส่าย โซซัดโซเซเหมือนคนเมายากันยุง!
ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะอีตาผู้กองนั่นทีเดียวแหละ
ชาตินี้อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย เพี้ยง!
เด็กหนุ่มยกมือท่วมหัวสาปส่ง ก้าวไปทางไหนก็มีแต่คนหลีกออกเป็นช่องเพราะกลิ่นน้ำคลองปลาตายรวมกับสภาพดำเป็นถ่านแต่หัวจรดเท้าออกจะ ‘เหลือรับ’ ที่ว่าเหลือรับคือ แม้แต่ตัวเองก็ยังรับสารรูปตัวเองไม่ค่อยจะได้เหมือนกัน
ตรงป้ายรถเมล์มีหลังคาคลุม ปกติคนรอรถจะเบียดกัน แย่งเอาพื้นที่ใต้หลังคาคลุมเพื่อไม่ต้องตากแดดทนร้อน ตอนนี้กลับกัน คนเดียวที่อยู่ใต้หลังคาคลุมคือไอ้ใบ้ คนที่เหลือต่างยอมทนร้อนกันทั้งนั้น สายตาที่จับจ้องมาล้วนมองด้วยความไม่ไว้วางใจ มือเล็กจึงยกขึ้นจับผมเป็นกระเซิง ชี้โด่ชี้เด่ของตัวเอง สางๆ ลูบๆ ให้พอ ‘ดูดี’ ก่อนจะฉีกยิ้มเห็นแต่ฟันขาวส่งไปรอบๆ ดูเป็นมิตรจะแย่ หาก... นอกจากจะไม่มีใครยิ้มตอบ วงที่ล้อมรอบยังกว้างขึ้นอีกเท่าตัว
ขณะยืนหันรีหันขวาง จู่ๆ รถกระบะคาดสีเลือดหมูก็ปราดเข้ามาจอดตรงหน้า เสียงบีบแตรกับเสียงเรียกดังราวกับฟ้าผ่า
“เฮ้ยใบ้ ขึ้นรถ!” คนขับเปิดกระจกส่งเสียงออกมาก่อนตัว แต่... ก็ทำไมไอ้ใบ้จะจำไม่ได้ว่า ‘ใคร’
ทำไมเจ้าที่แถวนี้ไม่เฮี้ยนเลย!
ผู้กองเตมินทร์!
ตอนนี้ จากที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อยู่แล้ว ไอ้ใบ้ยิ่งดูเหมือนผู้ร้ายฆ่าหั่นศพที่ถูกตำรวจตามมาเจอเข้าไปใหญ่ ขืนว่านั่งรถตำรวจออกไปตอนนี้คงเหมือนโดดแห่ประจาน แต่จะหนีไปดื้อๆ ก็ยิ่งแล้ว คราวนี้จะเหมือนคนร้ายฆ่าหั่นศพหนีคดี ซวยทั้งขึ้นทั้งร่อง!
“...” ไอ้ใบ้ใช้วิธีเดิมคือส่ายหน้าไว้ก่อน
“เฮ้ย ไม่ต้องเกรงใจ ลื้อโดดขึ้นมาเลย แต่ขึ้นกระบะหลังนะ ตัวลื้อเปื้อน อั๊วจับลื้อมาผิดตัว เดี๋ยวรับผิดชอบไปส่งเอง” คนพูดยื่นหัวออกมากระซิบกระซาบ ยักคิ้วให้ด้วยสองหยึก เท่จนอยากจะจิ้มตาให้แตก
“...” ไอ้ใบ้ส่ายหน้าดิกอีกครั้ง แต่ผู้กองหาฟังไม่
“เอ๊า ขึ้นมาสิวะ จอดนานๆ มันเสียเวลา เปลืองน้ำมันรถหลวงด้วยนะเฮ้ย”
แล้วไอ้ใบ้จะทำอย่างไรได้นอกจากต้องโดดขึ้นรถไปตามบัญชา ระหว่างทางตั้งแต่ออกรถจนกลับถึงสลัม ไม่มีสักช่วงเวลาเดียวที่จะไม่มีคนมอง ไอ้ใบ้โดดลงรถ เดินก้มหน้าก้มตาข้ามสะพานตุบปัดตุบเป๋ อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดซอกไหน ขณะผู้กองกระหยิ่มยิ้มย่อง
‘ได้ทำความดีแล้วมันสบายใจจริงๆ นี่แหละแบบฉบับของตำรวจที่เป็นที่พึ่งของประชาชน’
ไอ้ใบ้มองหน้ากระหยิ่มของผู้กองแล้วเกิดคำถามในใจ
ทำไมตำรวจเขาไม่ถามประชาชนก่อนนะว่าอยากให้ช่วยหรือเปล่า!
บ้านเช่าในสลัมเกินครึ่งสร้างจากไม้ สังกะสี และแผ่นไม้อัดซึ่งอาศัยอยู่ได้ไม่กี่นานก็พัง เมื่อไม่มีการซ่อมบำรุงเสียบ้างจึงเป็นรอยโหว่ แหว่ง บ้านเช่าของไอ้ใบ้ถึงไม่ใหม่เอี่ยมอ่อง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีรอยโหว่ ห้องน้ำในตัวถึงจะเล็ก แคบ แต่มิดชิด ตกแต่งให้ดีเสียหน่อยก็พออยู่ได้ ถึงจะไม่สะดวกสบายนัก อ่างที่เลือกมาใช้แทนอ่างอาบน้ำแบบที่คุ้นเคยเป็นอ่างพลาสติกเนื้อหา ใบใหญ่ พอที่คนตัวเล็กๆ จะลงแช่ได้และน้ำที่ใช้แช่ตัวก็เป็นน้ำจากก๊อก เหม็นสนิมนิดหน่อยแต่ก็พอให้อาศัย ถ้าจะอาบน้ำอุ่นต้องต้มจากเตาแก๊สและเอามาผสม แต่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนจะต้องอาบน้ำอุ่นไปทำไม?
มือเล็กวักน้ำขึ้นลูบหน้า พอได้ล้างคราบคลองน้ำดำออกเสียบ้าง ผิวที่กระดำกระด่างก็ค่อยกระจ่างขึ้นทีละส่วน จากเจ้าใบ้ของชาวบ้านศิลา กลับเป็นดวงหน้าพริ้มเพรา อ่อนหวาน หากปรากฏริ้วรอยเหนื่อยล้าเห็นชัด
ฟ้าพร่างดาวถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยอ่อน
ชะตากรรมหนอ ทำไมต้องใจร้ายพาเขามาพบหล่อนด้วย?
ผู้หมวดเตมินทร์คนนั้น อ้อ... ไม่ใช่ ตอนนี้เป็นผู้กองไปแล้ว แถมยังมีฉายา ‘พระเอก’ พ่วงเข้าเสียด้วย หญิงสาวนึกถึงใบหน้ากวนโทโสเมื่อแรกที่พบกันแล้วก็ย่นจมูก ตานั่นจะเป็นพระเอกละหรือ? เป็นยักษ์เสียละมาก ยักษ์กวนโมโห!
หล่อนบ่นไปอย่างนั้นเอง ทราบว่าเขายังสบายดีก็ค่อยคลายใจ ที่น่าคิดก็คือ เพราะอะไรตำรวจกองปราบอย่างเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ชะรอยจะไปทำหน้ายียวน ต่อปากต่อคำกวนโมโหใครเข้าอย่างที่ทำกับหล่อนถึงได้ถูกเด้งมาไกลถึงนี่ ไม่อีกทีก็คงย้ายมาเอาขั้น หล่อนไม่ทราบทำเนียมตำรวจนัก ก็เลยอยากคิดในทางสบายใจไว้ก่อน หญิงสาวไม่อยากนึกภาพว่า เขาอาจถูกย้ายมาไกลเพราะเกิดไปเหยียบเส้น ‘ใคร’ ที่บงการอยู่เบื้องหลังคดีของหล่อน ตำรวจตงฉินที่เอาตัวเข้ารับกระสุนแทนผู้หญิงซึ่งคุยกันเพียงไม่กี่คำ และยิ่งไม่ได้คุยกันด้วยดีสักกี่ประโยค เขาอาจไม่ยอมให้เรื่องเงียบง่ายๆ และพยายามจะขุดคุ้ย ผลก็คือ เขาต้องถูกเด้งมาอยู่ถึงชุมชนแออัดชาญเมือง
เตมินทร์อาจเป็นคนที่ต้องพลอยรับเคราะห์ไปกับหล่อนด้วย
เถอะ... หล่อนปรามตัวเอง อย่าเดาไปเลย ตอนนี้คิดถึงสถานการณ์เฉพาะหน้าจะดีกว่า
ถ้าเขาเกิดจำหล่อนได้ขึ้นมาคงเป็นเรื่องแน่ เรื่องใหญ่เสียด้วย!
เมื่อยังเล่าเรียนและอาศัยอยู่ในอเมริกา ฟ้าพร่างดาวมีกลุ่มเพื่อนซึ่งบังเอิญมีงานอดิเรกเป็นบล็อกเกอร์ หรือสมัยนี้ก็เรียกยูทิวบ์เบอร์ เจ้าตัวเป็นคนมีชื่อเสียงเหมือนกันเรื่องการเป็นเมคอัพอาร์ทติสที่มีผู้คนติดตามก็เลยอาศัยหาลำไพ่พิเศษอยู่ในคณะโชว์เล็กๆ และกำลังเป็นที่นิยม ไม่เชิงเป็นคาบาเร่ต์อย่างไทย ตามศัพท์เรียกว่า แดร๊ก (drag) ซึ่งนิยมแต่งกายเลียนแบบเพศตรงข้าม มีทั้งแดร๊กควีนคือผู้ชายแต่งเลียนแบบผู้หญิงและแดร๊กคิงคือผู้หญิงแต่งเลียนแบบผู้ชาย ฟ้าพร่างดาวเคยไปช่วยเป็นลูกมือให้บ้างเหมือนกัน ตอนหลังก็พอจะจำเทคนิคเอามาแต่งเล่นสนุกสนานกับเพื่อนได้
หล่อนไม่คิดว่า ที่เคยฝึกเอาไว้แต่งเล่นสนุกๆ จะได้นำมาใช้งานจริง
เมื่อหล่อนหลบหนีออกมาใหม่ๆ นั้น ฟ้าพร่างดาวอาศัยเช่าโรงแรมเล็กๆ พอคุ้มนอนได้และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ เพื่อรอข้อมูลที่จ้างให้นักสืบตามหากับ คอยหลบหลีกว่าจะมีใครตามมาเจอ
หล่อนจะไม่กลับไปอีกหรอกถ้ายังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ใครหวังดีและหวังร้ายกับหล่อน ฟ้าพร่างดาวจะอยู่ยังไงในบ้านที่อาจมีใครสักคนหวังเอาชีวิตอยู่เสมอ หญิงสาวไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
ฟ้าพร่างดาวจ้างทนายของหล่อนเองโดยอาศัยผู่ใหญ่ที่ไว่ใจได้ช่วยแนะนำให้ ท่านเป็นสหายเก่าของบิดา เคยคบหารักใคร่กันดีเมื่อยังหนุ่มๆ ให้เขาคอยหาที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัยให้และคอยสืบหาตัวคนที่ทำร้ายครอบครัวหล่อนอีกทางหนึ่ง แต่เพราะข้อมูลยังน้อย ฟ้าพร่างดาวเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดกับมันมากที่สุดในคืนนั้น หล่อนจำเสียงที่มีกังวานโหดเหี้ยมนั้นได้ และหล่อนเองเป็นคนฝากรอยแผลไว้ให้กับพวกมัน การสืบจึงหยุดลงตรงที่
‘รู้เพียงคร่าวๆ ว่ารวมตัวกันอยู่ที่นี่ครับผม เป็นพวกคุมบ่อนกับอาบอบนวด มีอิทธิพลมากทีเดียว’
ที่เหลือไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการเข้าถึงตัวจะยากเพียงใด ยิ่งฟ้าพร่างดาวบอกไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร หล่อนเท่านั้นจะบอกได้จากเสียงที่พูดและต้องค้นหาลึกไปกว่านั้นคือรอยแผลเป็นยังใหม่ที่หลังมือ เจ้าอ้วนผอมทั้งสองที่ฆ่าครอบครัวของหล่อนจะวนเวียนอยู่ที่หมู่บ้านสลัมชานเมืองนี้ไม่ผิดแน่
ฟ้าพร่างดาวจะต้องหาตัวให้พบ ถึงตอนนั้น การจะลากตัวคนผิดมาลงโทษ ไม่ยาก!
มันจะยุ่งยากก็อีตรง ‘พระเอกหนังแขก’ นั่นแหละ!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ